11 มกราคม 2547
กราบเรียนท่านอาจารย์ด้วยความเคารพ
วันนี้เป็นวันจัดงานปีใหม่
ซึ่งแสดงให้เราตระหนักชัดว่าเวลาได้ผ่านไปอีก 365 วันแล้ว วันเวลาปีหนึ่งดูแล้วเหมือนแพแพหนึ่ง
พอปีใหม่ก็ก้าวไปสู่แพใหม่ที่แข็งแรงพร้อมที่จะให้เราอาศัยล่องแก่งแห่งชีวิตไปอีกวาระหนึ่ง
ยังไม่รู้ว่าจะพบกับอะไรบ้าง ได้แต่หวังว่าคงจะมีสิ่งดี ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิต
หรืออย่างน้อยก็อย่าให้มันเลวร้ายจนเกินไปนักก็ยังดี
เมื่อข้ามแพมาใหม่
ๆ อย่างนี้ หนูมักจะหันไปสำรวจดูแพเก่าว่าก่อนจะโลกมือลา คว้าอะไรติดมือมาได้บ้าง
และก็รู้สึกว่าได้มาสิ่งหนึ่ง ซึ่งอยากจะดำรงต่อไป สิ่งนั้นคือความนิ่ง
ความนิ่งนี้ไม่ใช่การอยู่เฉย
ๆ แต่เป็นความนิ่งของใจที่สบายอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่นิ่ง
ก่อนหน้านี้สิ่งแวดล้อมในใจไม่นิ่ง
มันฟุ้งกระจายเหมือนฝุ่นที่คลุ้งอยู่เวลารถวิ่งผ่านไป
สิ่งแวดล้อมนั้น
คือความอยาก อยากจะไปรู้เรื่องโน้น อยากจะไปหาสิ่งนี้ เป็นความดิ้นรนในการแสดงหา
ธรรม รู้สึกว่ายังจะมีอะไรให้พบอีกมากมาย แต่วันนี้ได้พบแล้วว่าหามากไปจึงไม่เจอดังมีคำสอนทีว่า
นิพพานนี้ เพราะอยากได้จึงไม่พบ
ความจริงหนูได้เห็นอาจารย์นิ่งอยู่ตลอดเวลา
อาจารย์ไม่ไปไหน ไม่ยุ่งกับการปฏิบัติของใคร ไม่วิจารณ์การกระทำของใคร
แต่อาจารย์รู้ว่าอาจารย์รู้อะไร ไม่มีสิ่งแวดล้อมใดฟุ้งขึ้นมาใกล้
ๆ อาจารย์ได้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธรรมใด ๆ อาจารย์พูดคำเดียวว่าธรรมดา
ท่านอาจารย์ทำให้ดู
เป็นอยู่ให้เห็นมานาน หนูขออภัยสายตาสั้น เพิ่งตระหนักเห็นคราวนี้
แต่จะรักษาไว้ต่อไป
เมื่อเดือนธันวาคม
หนูได้ไปลำพูน มีอุทยานศิลปะและหอศิลป์อยู่ที่ป่าซาง เป็นสวนร่มรื่น
มีอาคารแสดงศิลปะทางธรรมะของอาจารย์อินสนธ์ วงศ์สาม ภรรยาของท่านเป็นชาวอังกฤษพูดไทยได้
เรียกกันว่าป้าแหม่ม เป็นนักปั้น มีงานศิลปะแสดงด้วยแต่งานอีกอย่างคือพาเด็กนักเรียนจากโรงเรียนใกล้ๆ
ตำบลนั้นมาที่สวน และทำกิจกรรมสนุก ๆ กัน สอนให้เด็กรู้จักธรรมะเล็ก
ๆ น้อย ๆ เป็นการเริ่มต้น นับเป็นกิจกรรมที่ดีมาก
ไปเห็นคราวนี้
หนูรู้สึกประทับใจที่ได้เห็นคนคนหนึ่งลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองคิด
ป้าแหม่มพูดว่า น่าเสียดายที่คนไทยไม่รู้ว่าตัวเองมีศาสนาพุทธเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุด
สังเกตว่าฝรั่งทุกคนที่มานับถือและศึกษาศาสนาพุทธจะพูดอย่างนี้
พูดมานานแล้ว และคาดว่าน่าจะต้องพูดต่อไปอีกนาน
แต่หนูไม่สนใจหรอกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกขอให้มีพระอาทิตย์ขึ้นก็แล้วกัน
ถ้าคนไทยจะต้องเรียนธรรมะจากฝรั่ง
ก็คงเป็นเรื่องน่าสนใจของคนไทย เพราะเราให้เครดิตกับตำราฝรั่งมานานแล้ว
คงไม่เป็นไร ยังไงก็ดีกว่าไม่ได้เรียน
การที่ป้าแหม่มลุกขึ้นมาทำสวนสอนธรรมะ
เป็นความกล้าหาญที่จะสละตัวเองมาก เพราะเป็นงานที่ยากมาก และเป็นไปได้เชื่องช้ามาก
ในการที่จะชวนนักเรียนจากโรงเรียนหนึ่งไปยังอีกโรงเรียนหนึ่ง และอีกโรงเรียนหนึ่ง
ต่อไปเรื่อย ๆ ทีละเล็กทีละน้อย ที่น้ำค้างหยดนี้จะหยดลงในผืนหญ้าแห้งกว้างใหญ่ยามเที่ยงวันที่ร้อนระอุ
นี่คือสิ่งที่หนูเห็น
ตระหนัก และประทับใจ
ป้าแหม่มบอกว่า
การที่เราจะพัฒนาสังคม เราไม่ต้องออกไปพัฒนาที่ไหน เราต้องพัฒนาที่จิตใจตัวเราเองให้ดี
แล้วถ้าทุกๆ คนพัฒนาตัวเองคนเดียวนี้ให้ดีแล้ว สังคมจะประกอบไปด้วยคนดีเอง
นี่เป็นข้อคิดที่สอดคล้อง
กับความนิ่งของท่านอาจารย์ที่หนูได้กล่าวไว้ตอนต้น
เมื่อตอนที่หนูเข้ามาศึกษาธรรมใหม่ๆ
หนูเห็นคนชอบไปตระเวนปฏิบัติธรรมหลายแห่ง มีคนหนึ่งเล่าว่า เขาแทบไม่ได้อยู่บ้านเลย
ไปอยู่วัดโน้น 7 วัน แล้วไปต่อโปรแกรมวัดนั้น 14 วัน เดี๋ยวจะมีรายการวัดนั้นอีก
นี่ได้รับรายการมาแล้ว กำลังจะไปสมัครหนูสงสัยว่าหนูต้องทำอย่างนั้นด้วยหรือเปล่า
ตอนนั้นหนูก็งงๆ
อยู่เหมือนกัน และงงยิ่งขึ้นเมื่อมีคนคอยเอาหนังสือมาให้หนู เป็นอาจารย์หรือพระหลายองค์มาก
จนอ่านไม่ไหว
และมีคนสอนทำสมาธิหลายรูปแบบวิธีการ
จนยิ่งทำยิ่งไม่เป็น
เหล่านี้คือความฟุ้งของสิ่งแวดล้อมที่รอบตัว
วันนี้หนูมองแพเก่าที่เพิ่งจากไป
และได้ปล่อยให้ความฟุ้งเหล่านั้นติดไปกับแพนั้นด้วย เก็บแต่ความนิ่งอันเป็นธรรมดาของท่านอาจารย์
กับการดูใจตัวเองของป้าแหม่มเอามาวางไว้บนแพใหม่เลิกดิ้นรนที่จะไปไหน
เลิกอ่านหนังสือส่วนหนึ่งไป หนูคิดว่าหนูอยู่กับแนวธรรมะของท่านอาจารย์ก็น่าจะคุ้มตัวรอดได้แล้ว
คิดได้แล้ว
หนูรู้สึกเหมือนอยู่ในที่โล่งไร้ฝุ่น รู้สึกเหมือนอยู่ริมลำธารในทุ่งหญ้าสวยที่เรียบสงบ
สัมผัสได้ถึงความสุขของความนิ่งและความเงียบ เป็นความรู้สึกที่ดีจริง
ๆ ค่ะ
หนูจึงอยากกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ในวาระนี้
ที่ได้ให้ธรรมะที่ดีแก่หนู ด้วยการทำให้ดู เป็นอยู่ให้เห็น ที่หนูกราบเรียนอาจารย์มานี้
เพื่อให้อาจารย์ได้ทราบว่า อาจารย์ไม่ได้เหนื่อยเปล่าในการสอนลูกศิษย์
แม้จะเป็นลูกศิษย์ที่หัวช้ามากอย่างหนูก็ตาม
หนูขอคุณพระธรรมได้ดูแลรักษาท่านอาจารย์ให้สดชื่นและแข็งแรง
ให้มีความสุขสบายในจิตใจตลอดเวลานะคะ เพราะพวกเราลูกศิษย์ทุก ๆ คนในห้องนี้
รักและเคารพท่านอาจารย์มาก ๆ ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขวัญ .