มนสิริเป็นคนคิดมาก
หมอดูลายเซ็นบอกว่า การคิดของมนสิรินั้น เหมือนเอาฟางเส้นเดียวมากรีดเป็น
8 เส้น มนสิริจึงได้กลับมาคิดทบทวนตัวเอง แล้วจึงตระหนักอย่างตระหนกว่าจริง
น้ำพลอยขำเพื่อน
ที่ตัวเองไม่รู้จักตัวเองต้องให้หมอดูบอกแล้วว่า
"การคิดมาก
คิดละเอียด ไม่ใช่เรื่องเสียหาย มันอยู่ที่ว่าคิดเรื่องอะไร แล้วคิดยังไงมากกว่า"
มนสิริทอดถอนใจ
"เราชอบคิดแต่เรื่องอดีต คิดแล้วก็ยังมีอารมณ์ เหมือนตอนที่เรื่องเกิดนั้นเปี๊ยบเลย
บางทีก็คิดเรื่องอนาคต แล้วก็คิดมาก กลัว กลัวโน่นกลัวนี่ บางทีก็คิดเตรียมรับเมือเลยนะ
ว่าถ้าเกิดอย่างนั้นจะได้ไม่เป็นไร เราเตรียมลู่ทางไว้แล้ว"
น้ำพลอยต่อให้ว่า"
แล้วก็จะพบว่า ไอ้ที่เตรียมนั้นไม่ค่อยได้ผลหรอก เรื่องมันจะไปทางอื่น
เราจะไปเดาอนาคตได้ยังไง"
มนสิริเห็นด้วย
เพราะขนาดงานที่ทำอยู่ประจำวัน ยังมีปัญหาใหม่ๆ แปลกๆ มาให้แก้อยู่เรื่อย
ๆ เลย ไม่ค่อยตรงกับที่วางแผนไว้
น้ำพลอยกางหนังสือลงตรงหน้า
อ่านให้ฟังว่า
"พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ความคิดนำโลกไป ความคิดทำให้โลกดิ้นรน สิ่งทั้งปวงตกอยู่ใต้อำนาจของความคิด"
มนสิริสนใจมาก
น้ำพลอยอธิบายว่า
"ความคิดนี่เหมือนคนเชิดหุ่นที่อยู่ข้างบน
กำลังเชิดตัวเราที่เป็นหุ่นอยู่บนเวที มันเชิดอย่างไร เราก็ตามไปอย่างนั้นนะ
ดูง่าย ๆ เลย คน 2 คนเวลากลุ้มใจ คนหนึ่งไปกินเหล้า เมาขับรถชนเสาไฟฟ้า
อีกคนกลุ้มใจเข้าห้องพระสวดมนต์ยาว ๆ มันเกิดจากความคิดทั้งนั้น"
"เวลามีความคิดเกิดขึ้นมา
เราก็ไหลตามไป รู้สึกตามไป" มนสิริรำพึง "บางทีคิดทั้งคืน นอนไม่หลับเลย
ไม่รู้จะทำยังไง"
"นั่นเพราะเราไม่ได้ฝึกที่จะรู้ให้ทันความคิด
ในบทสวดมนต์ อริยมรรคมีองค์ 8 ท่านสอนให้มีสติ จนถอนความพอใจและไม่พอใจออกเสียได้
ส่วนเธอตกเป็นทาสของความคิดมากไป เธอจึงเป็นตัวหุ่นอยู่ข้างล่าง คอยเต้นตามที่ความคิดมันเชิด"
"แล้วควรจะทำยังไงล่ะ"
มนสิริเริ่มรู้สึกตัวว่าจะต้องแก้ไข น้ำพลอยทำมือเหมือนการเชิดหุ่น
"เราต้องไปเชิดความคิดอีกที
ท่านสอนว่าช่างจัดดอกไม้ที่ฉลาด จะเลือกแต่ดอกไม้สวย ๆ มาจัด เราก็จะต้องคอยรู้สึกตัวว่ากำลังคิดอะไร
ถ้าคิดเรื่องไม่ดีก็ทิ้งเสีย คิดแต่เรื่องดี ๆ ตั้งใจตั้งปณิธานไว้ว่า
ต่อไปนี้เราจะคิดแต่เรื่องดีๆ เพื่อทำแต่เรื่องดี ๆ ส่วนเรื่องในอดีตนะ
ทิ้งมันไปเลย ท่านไม่ให้อยู่กับอดีต โดยเฉพาะอดีตที่ทุกข์ใจยิ่งทิ้งไปใหญ่
มันเหมือนดอกไม้ที่เน่าแล้ว เราทำวันนี้ให้สดชื่น"
"แล้วจะฝึกยังไง"
มนสิริถามด้วยความรู้สึกอยากจะเปลี่ยนแปลง
"ใหม่
ๆ เราจะไม่รู้ เราจะคิดเรื่องอดีตไปยาว ตอนนี้เราคอยสังเกตว่า เอ๊ะ
เราคิดเรื่องนี้อยู่นี่ ซึ่งแน่นอน มันเป็นเรื่องที่เราเคยคิดมาแล้วเป็นร้อยหน
เรารู้เลยว่าเดี๋ยวเราจะคิดยังไงต่อจะรู้สึกยังไงด้วย เหมือนอ่านนิยายเล่มเดิม
คราวนี้พอเริ่มอ่านบทแรกไปหน่อย ให้เรารู้ตัวแล้ว ใหม่ ๆ อาจจะบอกตัวเองเลยว่า
ไม่เอา ไม่คิดเรื่องนี้ แล้วเลิกคิด หันไปหาอย่างอื่นทำ มันจะเลิกคิด
เพราะธรรมชาติของใจ มันคิดได้ทีละเรื่องเดียว เรานึกว่าคิดหลายเรื่องพร้อมกัน
แต่ถ้าสังเกตให้ละเอียด มันคิดสลับกันต่างหาก"
มนสิริพยายามนึกตาม
ยอมรับรู้โดยดี ไม่โต้แย้ง น้ำพลอยสาธยายต่อไป
"พอฝึกนานๆ
เข้า พอเรื่องเดิมนี่มันแว้บมาแค่หัวเรื่องเท่านั้น เรารู้แล้ว เปลี่ยนไปคิดอย่างอื่นเลย
หรือไม่ก็นึกพุทโธ พุทโธ ตั้งสติตั้งสมาธิไปเลย ดีกว่าไปคิดเรื่องที่จะมาทำร้ายจิตใจเราให้เศร้าหมอง
พอเรื่องมันมาปุ๊บ ให้รู้ทันมัน ควบคุมมัน ไม่ใช่เก็บกดหรือปิดกั้นไว้
แต่ทิ้งไป ทิ้งไปบ่อยๆ มันจะไม่กลับมามันเศร้าตาย"
มนสิริหัวเราะ
น้ำพลอยสรุปลงอย่างนุ่มนวล
"ในที่สุด
เราจะเป็นคนเลือกว่าจะคิดอะไร และไม่คิดอะไร ชีวิตจะเป็นไปตามที่เราเลือกคิด
อย่างที่พระพุทธเจ้าสอนว่า สิ่งทั้งปวงตกอยู่ใต้อำนาจของความคิด ถ้าเราเลือกคิดได้
เราก็เลือกชีวิตได้"่. |