กลับหน้าแรก   ปรับขนาดตัวอักษร เพิ่มขนาด ลดขนาด ขนาดปกติ 

 
          เจิมใจสมัครเข้าฝึกอบรมกรรมฐานที่สถานปฏิบัติธรรมของเอกชนแห่งหนึ่ง กิจกรรมที่ปฏิบัติก็คือตื่นนอนตอนเช้าตั้งแต่ตี 4 เข้าห้องอบรมกรรมฐาน มีการออกกำลังกาย 20 นาที หลังจากนั้นเป็นการนั่งสมาธิสลับกับการเดินจงกรม พักทานอาหารเช้าแล้วมานั่งสมาธิสลับเดินจงกรม พักทานอาหารเที่ยง แล้วก็มานั่งสมาธิสลับกับเดินจงกรมอีกจนเย็น รับน้ำปานะแล้ว ก็ไปอาบน้ำพักผ่อนตามอัธยาศัย หัวค่ำเป็นการสนทนาธรรมและถามตอบปัญหาในการปฏิบัติไปจนสองทุ่ม ก็นั่งสมาธิอีกชั่วโมงหนึ่ง ก่อนจะไปเข้านอน

          ในการรับประทานอาหาร จะเป็นโต๊ะตั้งอาหารแบบบุฟเฟ่ต์โดยมีเพื่อน ๆ เจ้าของสถานที่กับญาติมิตร ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันนำอาหารมาจนครบทั้ง 7 วัน

          วันหนึ่ง เจิมใจออกมาตักอาหารเป็นคนสุดท้าย ขณะที่เพื่อน ๆ เข้าไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารหมดแล้ว เธอรีบตักเพื่อจะกลับเข้านั่งประจำที่

          ที่หัวโต๊ะด้านนอก สุภาพสตรีคนหนึ่ง แต่งตัวดี กำลังคุยกับเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างถังไอศกรีม เจิมใจได้ยินเสียงแผ่วเบาที่เต็มไปด้วยความกังวลของสุภาพสตรีท่านนั้น

          "เราจะตักไปเสิร์ฟให้ทุกคนเลยดีมั้ย จะได้ไม่ต้องลุกมาตักเอง"

          เด็กสาวถามเบา ๆ เช่นกัน "จะตักตอนนี้เลยไหมคะ"

          "นั่นสิ จะตักตอนนี้ดี หรือจะให้ทานข้าวก่อน แล้วค่อยตักไปดีล่ะ ตักตอนนี้เลยก็แล้วกันนะ ทานข้าวอิ่มไม่พร้อมกัน"

          เด็กสาวช่วยด้วยการทยอยส่งถ้วยให้ สุภาพสตรีท่านนั้นตักไอศกรีมลงในถ้วยซึ่งมีเยลลี่รองอยู่ที่ก้นถ้วยนั้นเรียบร้อยแล้ว ไอศกรีมสีขาวลูกกลม ๆ วางเด่นอยู่บนเยลลี่สีแดง ดูสวยงามน่ากิน

          เจิมใจกลับมานั่งที่โต๊ะอาหาร ทุกคนสำรวมกายวาจาอยู่เงียบ ๆ รอคอยการกล่าวนำอนุโมทนาของอาจารย์

          เจิมใจรู้สึกถึงความกังวลของสุภาพสตรีท่านนั้น ความเมตตาที่อยากให้สิ่งที่ดีแก่ผู้อื่น อยากจะจัดเตรียมให้เหมาะสมในทุก ๆ ประการ ความกระตือรือร้นในใจอันจะดูแลกิจของตนให้เป็นไปโดยเรียบร้อยสมบูรณ์ เจิมใจเริ่มรู้สึก "ตระหนัก" ขึ้นมาถึงความเป็น "ผู้ให้"

          เจิมใจเคยตักบาตรพระหน้าบ้านตอนเช้า เคยไปเลี้ยงพระถวายเพลที่วัด เคยดูแลให้การเตรียมการเป็นไปโดยลุล่วงสมบูรณ์ดีที่สุดเช่นเดียวกัน ในขณะนั้น ๆ ก็รู้สึกว่าจะต้องทำอย่างไรหนอถึงจะคล่องตัวพร้อมที่สุดไม่ติดขัด และได้ถวายอาหารไปโดยราบรื่นที่สุด แต่ไม่ได้ตระหนักซึ้งถึงความเป็นผู้ให้ได้เท่าที่เจิมใจกำลังเป็น "ผู้รับ" และมองกลับไปยัง "ผู้ให้" ในขณะนี้เลย

          เจิมใจหิวข้าวจะตายอยู่แล้ว นี่ถ้าไม่มีผู้เมตตานำอาหารมาให้อย่างนี้ เจิมใจคงจะได้ตาย

          เมตตาธรรมค้ำจุนโลก เป็นดังนี้เอง ได้ยินได้ฟังมาตั้งนานเพิ่งจะตระหนัก ความเป็นผู้ให้นั้นไม่เพียงอาหารนี้เท่านั้น แม้การให้เสื้อผ้าแก่คนยากจน การให้ทุนเด็กชนบทในการเรียนหนังสือการร่วมกันช่วยเหลือในยามเกิดภัยธรรมชาติ ล้วนหลั่งไหลมาจากเมตตาธรรม แม้พ่อแม่ที่อบรมเลี้ยงดูบุตรด้วยความรักใคร่แม้แต่เพื่อนผู้หวังดีต่อกัน หรือผู้ที่ปลอบใจ ให้คำแนะนำต่อกันเมื่อมีผู้ทุกข์ใจ ก็รินหลั่งมาจากความเมตตาในใจของ "ผู้ให้" ทั้งสิ้นถ้าไม่มีผู้ให้ โลกนี้จะเป็นอย่างไร

          "นี่เขาเอาข้าวมาให้เรากินนะ"

          เจิมใจรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาจนน้ำตาซึม เธอมองไปยังเพื่อนผู้นั่งอยู่รอบโต๊ะ ทุกคนกำลังรอคอย เจิมใจคิดขำ ๆ ว่าเวลาพระสงฆ์นั่งล้อมวงคอยเจ้าภาพประเคนอาหาร จะรู้สึกเหมือนเจิมใจขณะนี้หรือเปล่านะ

          สุภาพสตรีท่านนั้นเสิร์ฟไอศกรีมเสร็จแล้ว อาจารย์กล่าวนำอนุโมทนาแก่เจ้าภาพผู้เลี้ยงอาหารในมื้อนั้น

          เจิมใจตั้งจิตให้เป็นกุศลแน่วแน่ ในขณะกล่าวคำอนุโมทนาเพื่อยังบุญกุศลให้เกิดแก่เจ้าภาพมาก ๆ รู้สึกขอบคุณผู้ให้และรู้สึกสำนึกตนในฐานะผู้รับเป็นอย่างมาก เธอเริ่มลงมือทานข้าว และพยายามมีสติตระหนักรู้คำข้าว การเคี้ยวข้าว การกลืนอย่างน้อยการมีสติตลอดเวลารับประทานอาหาร ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอันเป็นการตอบแทนคุณผู้ให้ได้อย่างหนึ่ง

          นี่ขนาดเธอเป็นผู้รับเพียง 7 วัน ยังสำนึกในบุญคุณคำข้าวของเจ้าภาพได้เพียงนี้ พระสงฆ์ผู้บิณฑบาตรทุกวัน จักตระหนักถึงบุญคุณของคำข้าวได้เพียงใด อย่างนี้เอง พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนว่า ภิกษุต้องเร่งเพียรปฏิบัติ และเมื่อบรรลุธรรมเมื่อใดจึงจะไม่เป็นหนี้แก่ผู้ถวายภัตตาหารนั้น แต่กลับเป็นเนื้อนาบุญของผู้ถวาย

          เจิมใจชอบไอศกรีมแต่ไม่ชอบเยลลี่ เพราะรู้สึกว่าเยลลี่มีรสอมเปรี้ยว เธอพยายามกินไอศกรีมพร้อมแซมเยลลี่เพื่อลดความเปรี้ยวของมันลง และแม้จะกินเยลลี่ไปได้เพียงครึ่งเดียว แต่เธอก็พยายามกินไอศกรีมให้หมด เพื่อให้สุภาพสตรีท่านนั้นได้บุญมาก ๆ

          เจิมใจรู้สึกขอบคุณสุภาพสตรีท่านนั้น ที่ทำให้เธอได้ตระหนัก ขึ้นมาในความเป็น "ผู้ให้" ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมือนจะ "เห็นอยู่" และ "รู้อยู่แล้ว" แต่บางทีก็มองข้ามไปเป็นเหมือนเรื่องธรรมดา ๆ ที่ไม่ค่อยมีความหมายอะไร เจิมใจคิดว่าถ้าเราตระหนักได้ในความสำคัญของการเป็นผู้ให้ ก็จะส่งเสริมให้เรามีศรัทธาใน "การให้" ได้มากขึ้น เป็นกำลังใจในการปฏิบัติธรรมได้เป็นอย่างดียิ่งทางหนึ่งเหมือนกัน

          เจิมใจรู้สึกเบิกบานใจ และมีความสุข.
 


แค็ตตาล็อก
1. ก่อนช้อป 19. ไม่ได้มุสา 37. สมรรถภาพจิต
2. ธรรมะอินเตอร์เน็ต 20. เปลี่ยนจุดมอง 38. ยำความคิด
3. พญามารรับน้อง 21. กฐินของฝนสุย 39. ผู้ให้
4. ถังเหลืองแลกหุ้น 22. สร้างพระ 40. คนมีธรรม
5. น้ำตาบารมี 23. ศึกมังฉงาย 41. ธรรมะประจำชีวิต
6. ปล่อยบุญ 24. ให้อภัยตัวเอง 42. แผ่นดินสอนธรรม
7. ทิ้งเวร 25. บุญบนโต็ะทำงาน 43. เทียนชีวิตของจอม
8. สะดือพริตตี้ 26. ข้าวแกงใส่ธรรม 44. ซักใจ
9. บุญไม่เกี่ยว เหนียวไว้ก่อน 27. นักขายประกัน 45. สมถะกับวิปัสสนา
10. ส่งหรีดส่งบุญ 28. สุดสาครสันโดษ 46. เมตตาตัวเอง
11. ต้นไม้ของใจแก้ว 29. ติ่มซำอิจฉา 47. กรรมลิขิต
12. พระสร้างวัด 30. กรรมมาเยี่ยม 48. เบียดเบียนตนเอง
13. พระพุทธรูปสอนธรรม 31. บุญงามยามเช้า 49. คารวะแด่พระอาจารย์วศิน อินทสระ
14. ธรรมะโฮล อิน วัน 32. การพยาบาลของวันวิสาข์ 50. วันสงกรานต์
15. เทียนไสว 33. กรรมโบราณ 51. งานวันปีใหม่
16. ปากกาของเมฆอ้วน 34. ล้างจานล้างใจ 52. บันทึกท้ายเล่ม
17. หัวใจติดแอร์ 35. น้ำในเรือ 53. โอวาทคำสอน
18. รักษาใจ 36. ชีวิตหุ่นเชิด อ่านแบบไฟล์ .pdf
 
หน้าแรกธรรมจักร l กลับเรือนธรรม