เช้าวันนี้
ปรุงศรีสวดมนต์เสร็จกราบพระแล้ว ยังคงนั่งอยู่ต่อ มองดูพระพุทธรูปองค์เล็กที่ตนกราบไหว้บูชามานาน
พลางระลึกว่า กำลังได้มีโอกาสสั่งทำพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เพื่อไปถวายวัดสร้างใหม่อย่างไม่คาดฝัน
มีความปลาบปลื้มล้นอยู่ในใจ หันหลังไปมองรูปใบเก่าของแม่ แม่นั่งอยู่หน้าพระองค์ใหญ่
ซึ่งสร้างถวายวัดเมื่อครั้งกระโน้น ปรุงศรียินดีที่ตนได้ทำอย่างแม่บ้าง
พินิจพิเคราะห์นานไปหน่อย
ความคิดของปรุงศรีเริ่มหันเหสายตามาคิดถึงแม่ ความเบิกบานค่อย ๆ
ลดลง อารมณ์เปลี่ยนไปตามสภาวะที่เกิดขึ้นใหม่ในใจ
เวลาคิดถึงแม่
เธออดจะคิดถึงช่วงสุดท้ายของแม่ไม่ได้ตอนที่แม่ไม่สบายมาก แม่เรียกเธอเข้าไปใกล้
ๆ กระซิบให้เธอช่วยตัดเสื้อใหม่ให้แม่ตัวหนึ่ง ปรุงศรีคิดในใจว่าแม่คงพูดไปยังงั้นเอง
ไม่สบายอยู่จะใส่เสื้อใหม่ไปไหน เธอจึงไม่ได้ตัดให้ แม้แม่จะบอกเป็นครั้งที่สอง
จนกระทั่งมีญาติคนหนึ่ง บอกว่า แม่เขารู้ตัวนะซี วันที่เขาตายเขาจะได้มีเสื้อใหม่ใส่ไปไหว้พระบนสวรรค์ปรุงศรีรีบตัดเสื้อให้แม่ทันทีจนดึกดื่น
แต่เมื่อเอาเสื้อใหม่ไปให้แม่ดู เพื่อให้แม่สบายใจ แม่ก็ไม่สามารถรับรู้ข่าวนี้ได้แล้ว
ปรุงศรีน้ำตาไหลเสียใจทุกครั้งที่คิดขึ้นมา
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่อารมณ์นั้นก็ยังคงเหมือนเดิม
แก้ว
เดินเข้ามาในห้องเพื่อจะสวดมนต์ เห็นแม่นั่งทำหน้าเศร้า ๆ อยู่จึงไถ่ถาม
"อ้อ เรื่องนี้อีกแล้ว แม่ต้องปล่อยเรื่องมันไปอยู่ในเวลาของมันสิจ๊ะ
พอดีเมื่อคืนหนูฟังเทปท่านชยสาโรภิกขุ ท่านพูดเรื่องการให้อภัยตัวเอง
เดี๋ยวหนูไปเะอามาเปิดให้แม่ฟังนะ" แก้วรีบรุดออกไปจัดการเอาเทปมาเปิดให้แม่ฟังในห้องพระ
เสียงพระเทศน์ว่า
"
การให้อภัยตัวเอง อาศัยปัญญา ที่ยอมรับว่าเรายังมีกิเลสและมีโอกาสหลงทำสิ่งที่ผิดได้
เรื่องที่เราเคยทำไว้ไม่ถูกต้องถ้าเราพิจารณาแล้วต้องเห็นว่า การที่ทุกวันนี้
เราคิดว่าในสมัยนั้นไม่ควรทำอย่างนั้น ว่าตัวเอง ก็ไม่ยุติธรรม อย่างอาตมาอายุ
43 คิดถึงตอนอายุ 16 ปีทำให้รู้สึกละอาย ถ้าอาตมาว่าตัวเองว่าตอนนั้นไม่น่าทำ
ก็ไม่ยุติธรรม เพราะเอาปัญญาของผู้มีปัญญาอายุ 43 ไปตัดสินเด็ก 16
เหมือนว่าเด็ก 16 ปี ควรมีปัญญาเท่าผู้มีอายุ 43 คือ เราเอาปัจจุบันไปตัดสินอดีต
ซึ่งยังไม่เคยศึกษาธรรมะ
พวกเราก็เหมือนกัน
ได้ปฏิบัติธรรม ความคิดก็เปลี่ยนไปแต่จะเอาอดีตที่ยังไม่เข้าวัด
ก็ไม่ยุติธรรม ควรยอมรับว่าสมัยนั้นมีความรู้แค่นั้น มีสติ มีความรอบคอบแค่นั้น
มันจึงมีการกระทำอย่างนั้น เราก็ให้อภัยตัวเองได้...
เราให้อภัยแล้ว
เหมือนให้โอกาสที่ให้ตัวเองปรับปรุงแก้ไขต่อไป ไม่ใช่เราเคยผิดพลาด
ทำไม่ดี จะต้องเป็นคนไม่ดีตลอดชีวิต เราไม่ควรให้กรรมเก่ากำหนดชีวิตของเรา.......
ถ้าพวกเรายังรู้สึกว่ามีเรื่องในอดีตเป็นอุปสรรค
ถ่วงไม่ให้ก้าวหน้าก็ควรจัดการ ปล่อยวาง ให้อภัยตัวเอง ตั้งต้นใหม่เพราะคนเราเปลี่ยนได้
คนเราสามารถกลับตัวได้.......
พวกเราให้ระวังความคิด
ความคิดสร้างขอบเขตกั้นรั้วไม่ให้เราก้าวหน้าในธรรม ความจริงเรามีโอกาสพอที่จะเห็นธรรม
แต่นอกจากความเชื่อมั่นในพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณแล้ว เราต้องปลูกฝังศรัทธาในตัวเองว่าเราทำได้
เราเข้าถึงธรรมได้ ถึงแม้ในอดีตเราเคยประมาท เคยทำพูดคิดไม่ดี ก็ไม่เป็นอุปสรรค
แต่เราควรได้บทเรียนจากประสบการณ์
ป้องกันไม่ให้ผิดอีก และให้อภัยตัวเอง แล้วแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดมาใส่ชีวิตของตน"
แก้วเข้ามากอดแม่
ปรุงศรียิ้ม กอดมือลูกสาวไว้
"ถ้าแม่คิดว่าทำผิดเรื่องยาย
แม่ต้องปล่อยไป ไม่อย่างนั้นแม่จะทำผิดเป็นเรื่องที่สอง คือไม่เชื่อฟังคำที่พระอาจารย์เทศน์นะจ๊ะ".