กลับหน้าแรก   ปรับขนาดตัวอักษร เพิ่มขนาด ลดขนาด ขนาดปกติ 

 

          เวลาแดดร่มลมตกของเย็นวันศุกร์ เอื้อนบรรเลงจะจัดไว้เป็นเวลาซักผ้า ที่จัดไว้อย่างนี้ ก็เพราะจะให้วันเสาร์เป็นวันปลอดธุระ นั่งซักไปก็คิดอะไรไปเรื่อยเพลิน ๆ แต่มีอยู่ศุกร์หนึ่งที่ไม่เพลิน

          ก็โดนว่ามาตั้งแต่บ่าย 1 ประโยค ประมาณ 5 คำ

          ซักผ้าไปก็หน้าหงิกไป ในหัวมีแต่คำเถียงคำอธิบายแก้ตัวกับเจ้า 5 คำเจ้ากรรมนั้น จนโทสะค่อย ๆ เล่นสกีจากหน้าผากฉิวมาตามดั้งจมูก ผลุบเข้าไปในถ้ำจมูก เรื่อยไปตกแอ๊กที่หัวใจ ใจหงิกไปตามใบหน้า

          เอ๊ะ ! เราเป็นอะไรไปเนี่ย เอื้อนบรรเลงสะดุด ลมหายใจเรียกสติมาถาม เพื่อลงบันทึกประจำวัน แค่ 5 คำเนี่ยนะ เอามาคิดไปตั้ง 500 คำได้แล้วมั้ง มันทำไมนักเหรอ อ๋อ ! ก็โดนว่าไง

          อ้อ! เจอแล้ว เพราะโดนว่านี่เอง

          งั้นเราควรจะทำยังไง ให้โดนว่าแล้วไม่เป็นอย่างนี้ เอื้อนบรรเลงถามตัวเอง นี่เราขาดทุนไปตั้ง 495 คำนะ ถ้าเป็นหุ้นก็เจ๊งไปแล้ว

          หลวงพ่อชาบอกว่า ล้างจานแต่หน้าหงิก ทำไม่ล้างแต่จานแต่ไม่ล้างใจ เออจริง เอื้อนบรรเลงยอมรับ เราก็ซักผ้าแต่ไม่ซักใจ

          งั้นคิดใหม่ คิดยังไงดีนะ

          เออน่า ไม่เป็นไรน่า เขาจะว่าก็ว่าไป ไม่เห็นน่าจะเสียหายอะไร พระพุทธเจ้าบอกว่า ให้อยู่เหนือโลกธรรม 8 มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์ เราต้องมีสติ เขาว่ามาถ้าเราเป็นอย่างนั้นจริง เราก็แก้ไขไป แต่ถ้าเราไม่เป็นอย่างนั้นจริงก็แค่เขาพูดผิด เราก็เฉย ๆ ไป ไม่เห็นต้องกระเพื่อมในใจให้เดือดร้อนไปเลยนี่นา

          มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ใครต่อใครก็ต้องว่ากัน ทุกคนจะคอยว่าคนอื่น คนนี้ว่าคนโน้น คนโน้นก็ว่าคนนี้เหมือนกัน แล้วก็ว่าคนนั้นด้วย เราเองก็เคยว่าคนอื่นเหมือนกัน เอื้อนบรรเลงขำในใจ ว่าคนนั้น ว่าคนนู้น คนนู้นพูดกับคนนี้ก็ก็แอบว่าเรา เราก็ว่าคนนี้กับคนโน้นเหมือนกัน ก็ว่ากันไปว่ากันมาทั้งนั้น ว่ากันเพลิน

          พระพุทธเจ้ายังโดนว่าเลย บางทีก็โดนใส่ร้าย อย่างนางจิญจมานวิกาบอกว่าท้องกับพระพุทธเจ้า ทำให้พระพุทธเจ้าต้องโดนว่าอยู่ตั้ง 9 เดือน จนความจริงเปิดเผยออกมา 270 วันเชียวนาที่ท่านไม่กล่าวอะไรออกมา ของเรานี่แค่ 3 ชั่วโมงเอง ก็จะตายแล้ว อย่างนี้จะเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าได้ยังไง

          ในเมื่อพระพุทธเจ้ายังโดนว่า แล้วเราเป็นใคร! ทำไมจะถูกว่ามั่งไม่ได้

          ความคิดนี้ทำให้เอื้อนบรรเลงยอมรับกับตัวเอง

          เออจริง เอาล่ะ ยอมแล้ว ยอมถูกว่าได้แล้ว ใครจะว่าอะไรก็ว่ามา ยอมถูกว่า หลวงพ่อพระพยอมบอกว่า "ยอม หยุด เย็น ยอมไม่เป็น ก็เย็นไม่ได้" ฉะนั้น ถ้าเราจะเย็น เราต้องยอม

           ปุจฉา : แต่การยอมจะยอมยังไงดี

           วิสัชนา : เวลาคนว่ามา ก็เหมือนสายน้ำในลำธารผ่านมากระทบหิน เราเป็นหินนอนอยู่ตรงนั้น ให้น้ำไหลผ่าน แต่ใจเราต้องแยกไปนั่งริมน้ำ มองกลับมาดูหินอีกทีหนึ่ง จึงจะมีสติได้ ถ้าใจเราอยู่ในหินก้อนนั้นด้วย มันก็คงอดรับแรงกระแทกไม่ได้ แต่ถ้าแยกมาดู ก็จะเห็นหินโดนน้ำไหลผ่าน มองภาพกว้างแล้วก็จะรู้ทันว่า น้ำไหลผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมดา หินยังนอนอยู่ตรงนั้น ไปไหนไม่ได้ แต่สบาย เราต้องทำตามอย่างของหิน

          ใจของเรา ถ้าเข้าร่วมจลาจลมันต้องมองไม่เห็นเป็นธรรมดาก็มันกำลังวุ่น แต่ถ้าถอยห่างออกมา ย่อมเห็นภาพจลาจลได้ชัดว่าอะไรเป็นอะไร และทำให้รู้ว่าควรจะคิดจะทำอย่างไรต่อไป อะไรใช่หรือไม่ใช่ อะไรจริงหรือไม่จริง รู้แล้วมันก็สงบได้ ธรรมชาติของคนเราต้องการตัว"รู้" นี้เท่านั้น

          เอื้อนบรรเลงได้สติ หลังจากสั่งสอนตัวเองเรียบร้อย คนเรานี่แปลก เรียนรู้มาก็จริง พอเวลาเจอกระทบกลับเบรกไม่ทัน คิดอะไรไม่ออก กระเทือนพึบพั่นไปตามแรงกระทบ อย่างนี้เขาเรียกกระบี่ไร้แรงทาน ไม่ใช่กระบี่ไร้เทียมทาน อย่างนี้ยังต้องฝึกอีกเยอะเชียว

          อีกอย่างหนึ่งนะ ธรรมะท่านสอนว่า "ความจริงเป็นสิ่งที่รู้ได้ยาก " ในเหตุการณ์อย่างเดียวกัน เวลาผู้ร่วมเหตุการณ์เล่าความจริง ยังเล่าคนละอย่างเลย เพราะมันจะต่างไปตามเหตุผลและเงื่อนไขของตัวเองแต่ละคน

          เอื้อนบรรเลงนึกเห็นภาพตัวเองคลานเข้าไปหมอบกราบแทบพระพุทธเจ้า บอกกับตัวเองว่า ต่อไปนี้ใครจะว่าเรายังไงก็ช่างเถอะ เพราะความจริงเป็นสิ่งที่รู้ได้ยากดังพระพุทธเจ้าสอนแล้ว เราก็จะอยู่กับพระพุทธเจ้า อันเรื่องที่เกิดขึ้นกับเรานั้น แท้จริงเป็นอย่างไร มีพระพุทธเจ้ากับเราเท่านั้นที่รู้ คนอื่นไม่รู้ ก็....ช่างหัวมันเถอะ

          คิดได้แล้วก็รู้สึกใจขาวขึ้น มันปิ๊ง มันหลุดไปเลย เหมือนรอยเปื้อนที่โดนผงซักฟอก สบายใจยิ้มได้ ครึ้มอกครึ้มใจหายหน้าหงิก ซักผ้าวันนี้ได้ซักใจไปด้วย โอ๊ย...สบายใจจัง

          ปกติเอื้อนบรรเลงมักจะคอยรู้สึกดีกับเย็นวันศุกร์อยู่แล้วไม่รู้เป็นอะไร มันคงรู้สึกหมดภาระไปสัปดาห์หนึ่งอะไรทำนองนั้นแต่วันศุกร์เป็นวันที่ดีขึ้นอีก เหมือนลงจากรถไฟแล้ว ยังได้หันกลับไปโยนเป้หนัก ๆ บนบ่าให้ติดท้ายขบวนไปด้วย เย็นนี้จึงเป็นเย็นวันศุกร์ที่เอื้อนบรรเลงรู้สึกปลอดโปร่งและตัวเบาที่สุด.

 


แค็ตตาล็อก
1. ก่อนช้อป 19. ไม่ได้มุสา 37. สมรรถภาพจิต
2. ธรรมะอินเตอร์เน็ต 20. เปลี่ยนจุดมอง 38. ยำความคิด
3. พญามารรับน้อง 21. กฐินของฝนสุย 39. ผู้ให้
4. ถังเหลืองแลกหุ้น 22. สร้างพระ 40. คนมีธรรม
5. น้ำตาบารมี 23. ศึกมังฉงาย 41. ธรรมะประจำชีวิต
6. ปล่อยบุญ 24. ให้อภัยตัวเอง 42. แผ่นดินสอนธรรม
7. ทิ้งเวร 25. บุญบนโต็ะทำงาน 43. เทียนชีวิตของจอม
8. สะดือพริตตี้ 26. ข้าวแกงใส่ธรรม 44. ซักใจ
9. บุญไม่เกี่ยว เหนียวไว้ก่อน 27. นักขายประกัน 45. สมถะกับวิปัสสนา
10. ส่งหรีดส่งบุญ 28. สุดสาครสันโดษ 46. เมตตาตัวเอง
11. ต้นไม้ของใจแก้ว 29. ติ่มซำอิจฉา 47. กรรมลิขิต
12. พระสร้างวัด 30. กรรมมาเยี่ยม 48. เบียดเบียนตนเอง
13. พระพุทธรูปสอนธรรม 31. บุญงามยามเช้า 49. คารวะแด่พระอาจารย์วศิน อินทสระ
14. ธรรมะโฮล อิน วัน 32. การพยาบาลของวันวิสาข์ 50. วันสงกรานต์
15. เทียนไสว 33. กรรมโบราณ 51. งานวันปีใหม่
16. ปากกาของเมฆอ้วน 34. ล้างจานล้างใจ 52. บันทึกท้ายเล่ม
17. หัวใจติดแอร์ 35. น้ำในเรือ 53. โอวาทคำสอน
18. รักษาใจ 36. ชีวิตหุ่นเชิด อ่านแบบไฟล์ .pdf
 
หน้าแรกธรรมจักร l กลับเรือนธรรม