กลับหน้าแรก   ปรับขนาดตัวอักษร เพิ่มขนาด ลดขนาด ขนาดปกติ 

 
          วันที่จอมเอาอัลบั้มเล่มเล็ก ๆ ใส่รูปตอนบวชพระมาให้ดูน้ำรินถึงกับน้ำตาซึมด้วยความตื้นตันใจ ดูรูปชายในผ้าเหลืองนั่งอยู่บนกุฎิเล็ก ๆ แล้วแทบไม่น่าเชื่อว่านั่นคือจอม เพื่อนรุ่นน้องผู้เคย “ใช้ชีวิต” มาอย่างโชกโชน

          หลังจากหายหน้าหายตาไม่ได้เจอะเจอกันนานหลายปี วันหนึ่งก็ได้พบกันโดยบังเอิญ น้ำรินฝากคำสุดท้ายก่อนลากันวันนั้นว่า “จอม เลิกเหล้าได้แล้วนะ ถือศีลสิ”

           ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็โผล่มาหา ใบหน้ายิ้มแย้ม

          “พี่ริน ผมเลิกเหล้าแล้ว ถือศีลแล้วนะ”

          น้ำรินคิดว่าเขาล้อเล่น แต่เขายืนยันว่าจริง เธอจึงอนุโมทนา และชวนให้ไปปฏิบัติธรรม และศึกษาธรรม

          จากวันนั้นถึงวันนี้ เพียงแค่ไม่กี่เดือน ไม่นานเลย เมื่อเทียบกับชีวิตที่เขาทิ้งไว้ในอบายมุขจนอายุเกือบ 40 วันนี้เธอมีรูปเขาอยู่ในมือ รูปของภิกษุจอมที่กุฏิหลังน้อยอันวิเวก

          เขาเปิดอัลบั้มหน้าต่อ ๆไปให้เธอดู ศาลาการเปรียญทีเพิ่งจะก่อสร้าง วัดที่เขาไปบวชอยู่ 15 วัน เป็นวัดร้างเดิม เพิ่งจะมีชาวบ้านมาช่วยกันถากถาง และนิมนต์พระมาอยู่ 2 รูป แล้วเริ่มสร้างศาลาเพื่อใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม จอมชวนน้ำรินให้ร่วมทำผ้าป่า เพื่อให้ศาลาการเปรียญนี้สำเร็จลง

          น้ำรินรู้สึกยินดี เธอเคยคิดเสมอว่ามักจะมีคนสร้างวัดใหม่ๆ อยู่เรื่อย ในขณะที่วัดเก่ามากมายถูกทิ้งร้างไปอย่างน่าเสียดายเพิ่งจะคราวนี้เองที่เป็นวัดเก่าถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่

          จอมเล่าให้ฟังว่า หลวงพี่ที่รักษาการอยู่มาจากสวนโมกข์มีความพอใจจะสอนธรรมะแบบปฏิบัติตามแนวสวนโมกข์ ไม่มีเรื่องใบ้หวยหรือรดน้ำมนต์ ตอนนี้เริ่มมีชาวบ้านได้ข่าวละมาปฏิบัตินั่งสมาธิที่วัดบ้างแล้ว

           เป็นข่าวที่น่ายินดี น้ำรินจัดเตรียมหนังสือธรรมะเพื่อฝากไปไว้ที่วัด ให้ชาวบ้านได้ใช้ศึกษาข้อธรรม ครู่หนึ่ง น้ำรินเอ่ยถาม “แต่คงไม่ได้สร้างใหญ่โตหรูหรามากนะ เดี๋ยวจะไปเรื่องวัตถุเสียหมด บางวัดสร้างทีหนึ่งหลายล้าน สร้างแล้วเดี๋ยวคนไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ อยากช่วยที่ตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ “

          จอมคิดว่าชาวบ้านคงตั้งใจจริง เพราะวัดที่ใหญ่ๆ ในอำเภอนั้นก็มี แต่ชาวบ้านยังมาที่นี่ น้ำรินเล่าว่า สมัยพุทธกาลมีพระองค์หนึ่งสร้างกุฏิสวยงามใหญ่โตมาก จนชาวเมืองร่ำลือกันไปถึงทั่ว ใคร ๆ ก็อยากมาดูกุฏิอันงามนั้น จนเสียงเล่าลือนั้นทราบไปถึงพระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสเรียกพระองค์นั้นมาถาม พระองค์นั้นยอมรับว่ามีกุฏิสวยงามจริง พระพุทธองค์จึงตรัสให้ไปรื้อทิ้ง

          “เพราะพระสงฆ์คือผู้สละแล้ว จะมีข้าวของมากมายหรือดีงามไปไม่สมควร ไม่ส่งเสริมการละกิเลส”

          จอมพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ มีข้าวมีของกองอยู่ในห้องให้เห็นว่าเป็นของตัวอยู่ทุกวัน แล้วจะละกิเลสได้ลงยังไง แต่ถ้าพระบวชแล้ว ไม่ทำเพื่อละกิเลส จะบวชเพื่ออะไรนะพี่ริน

          น้ำรินเล่มให้จอมฟังถึงเรื่องที่สมพลมาชวนให้สร้างพระครั้งหนึ่ง เมื่อหลายปีมาแล้ว เขาเอาใบเชิญชวนมาให้ดูด้วยว่ารูปพระที่จะหล่อมีรูปทรงอย่างไร พลางบอกว่า

          “องค์ละหมื่นเดียวพี่ริน สร้างแล้วเขียนชื่อเราไว้ที่ฐานพระเขาจะเอาไปตั้งเรียงต่อ ๆ กันไปจนเป็นรูปเจดีย์เลย เวลามีคนมากราบพระ ก็มีชื่อเราอยู่ด้วย ดีนา ผมทำไปแล้วองค์หนึ่ง”

           ครั้งแรกที่ฟัง น้ำรินก็ออกจะตื่นเต้นเห็นด้วย รู้สึกว่าหมื่นเดียว เธอยังพอขวนขวายได้ ยังไม่เคยสร้างพระเลยในชีวิตน่าจะเป็นโอกาสดี ถ้ามีเวลาพอรวบรวมเงินได้ ยังน่าจะทำให้พ่อ แม่สักคนละองค์ด้วย ท่าจะดี

          แต่พอไปเล่าให้วิรุณฟัง เขากลับพูดว่า

          “องค์ละหมื่น เขาทำล้านองค์ ก็หมื่นล้านนะ น่าจะเอาไปล้างหนี้เกษตรกรดีกว่า ชาวบ้านยังยากจนอีกเยอะ เอาเงินมากองไว้ไหว้ทำไมกัน”

          ส่วนพิกุลหอมก็เอ่ยว่า “เอาชื่อเราไปไว้ฐานพระ เกิดคนมีคุณธรรมสูงกว่าเรามากราบไหว้ เราจะบาปหรือเปล่าก็ไม่รู้ เราอาจมีคุณธรรมน้อยกว่าเขานา จะดีเร้อ”

          จากความเห็นของเพื่อนทั้งสอง น้ำรินจึงได้ตรองและเลิกคิดที่จะทำ ระลึกขึ้นมาได้ด้วยสติที่กลับมาว่า พระพุทธเจ้าสอนให้พุทธบริษัทปฏิบัติบูชา ไม่ใช่สร้างวัตถุอันเป็นอามิสบูชา

          จอมได้ฟังแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยกับน้ำริน เขาเสริมว่า

          “แต่การปฏิบัติ ก็ต้องปฏิบัติถูกด้วยนะ ได้ยินว่าบางคนเขานั่งเพ่งให้เห็นสวรรค์ เห็นไปทำไม เห็นแล้วเราไม่เห็นจะพ้นทุกข์เลย แล้วก็มีบางคนเขานั่งเพ่งให้เห็นดวงแก้วที่ท้อง เขาว่าถ้าเห็นดวงแก้วได้จะมีบารมี ทำให้เงินทองไหลมาเทมา มีลาภมาสู่ตัว บางคนทำบุญแบบไม่ประมาณตน กู้คนอื่นมาทำบุญก็มี เพราะหวังจะได้ลาภมามากกว่าที่กู้ อย่างนี้ไม่ใช่บุญหรอก ทำด้วยกิเลสความโลภ หวังค้ากำไรเกินควรด้วย บาป 2 ต่อ

          ผมว่าอย่างนี้ผิดแล้ว เพราะพระพุทธเจ้าสละสมบัติออกจากวังไปเป็นพระพุทธเจ้าที่ไม่มีอะไร นอกจากบาตรใบเดียว ทรงละลาภภายนอกและสอนให้ละโลภในใจ แล้วเรามาทำให้ลาภเกิดก็ขัดกับพระพุทธเจ้าสอนซี”

          น้ำรินเห็นด้วย “ใช่ เรามีลาภแค่ที่เราทำงานโดยสุจริตมาหล่อเลี้ยงชีวิตก็พอแล้ว ไม่ใช่หวังลาภลอยมาแบบอภินิหาร เราต้องเชื่อพระพุทธเจ้าที่ทรงสอนว่า สัตว์โลกมีกรรมเป็นของของตน ทำดีจักได้ดี ทำชั่วจักได้ชั่ว ถ้าเรามีกรรมเป็นความรวย เราก็รวยเอง เราคงทำงานประสบผลสำเร็จ ทำให้รวยได้”

          จอมผู้เคยผ่านความจนสุดขีดมาแล้วหัวเราะ

          “ผมว่ารวยไม่รวยไม่ใช่เป้าหมายของชีวิต ผมจนผมก็อยู่ได้ แต่ผมทุกข์ใจนี่ผมอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผมเอาสบายใจดีกว่า ปฏิบัติธรรมนี่ ผมมีความสุขมากเลย ยิ่งได้มารู้สัจธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน รู้ว่าอะไร ๆ มันก็ไม่เที่ยง มีเสื่อมมีสิ้นไปเป็นธรรมดา ทุกอย่างเป็นเช่นนั้นเอง ไม่ไม่อะไรเหนือธรรมชาติได้ แล้วผมรู้สึกว่ามันวาง

           ตอนนี้ผมไม่ค่อยซีเรียสกับอะไรมากแล้ว รู้สึกเข้าใจ และยิ่งมองยิ่งนับถือธรรมชาติ ไม่มีอะไรจะเก่งกว่าธรรมชาติอีกแล้ว ธรรมชาติจัดวางไว้แล้วทุกอย่าง

           ที่ท่านสอนว่าตัวเราไม่ใช่ของเรานั้น เป็นเรื่องจริงเลย เราบังคับตัวเราไม่ได้สักอย่าง อยากจะสบายบางทีมันก็ไม่สบาย แต่ธรรมชาติสิเป็นเจ้าของตัวเราอย่างแท้จริง นึกจะมาเอาฟันของเราไปเมื่อไหร่ก็เอาไปเลย นึกจะให้เราปวดหัวตัวร้อนเมื่อไหร่ก็มาสั่งเอาทำเอา นึกจะให้เราตายเมื่อไหร่ ก็เอาไปเลย ไม่บอกไม่กล่าว

           พี่รินเชื่อมั้ย เดี๋ยวนี้ผมนึกถึงภาพสังสารวัฏบ่อย ๆ เห็นสัตว์โลกเวียนว่ายตายเกิดกันเป็นพรวนแล้ว เข้าใจพระพุทธเจ้าเลยว่าทำไมท่านอยากให้พวกเราปฏิบัติธรรมให้พ้นสังสารวัฏนี้ไป

           พวกเราเองนี่แหละที่กลับไม่รู้ คิดว่าชีวิตเป็นสุขจะตายอยากเกิดอีก อยากรวยมาก ๆ พอตายไป บาทเดียวก็เอาไปไม่ได้ พยายามเอาเงินใส่ปาก สัปเหร่อก็ได้ไปแหละ คนตายเอาไปได้ที่ไหน”

           “โอ้โฮ จอมเทศน์ได้แล้วนิ” น้ำรินว่า จอมหัวเราะ

           “อ้าว พี่รินว่าจริงมั้ยล่ะ แล้วถ้าเรายังปฏิบัติไม่เก่งนะ แต่อย่างน้อยเราปฏิบัติถูกแนวทาง เป็นสัมมาทิฐิ เราก็ยังมีโอกาสเกิดมาเป็นคนแล้วปฏิบัติต่อได้อีกนะ

           แต่ถ้าปฏิบัติผิดทางเรียกว่าเป็นมิจฉาทิฐิ ทีนี้ตกนรกไปอีกนานมหานานเลย กว่าจะได้มาเกิดใหม่ แล้วเกิดเป็นอะไรก็ไม่รู้เพราะไม่มีสัมมาทิฐิ ต้องเกิดใหม่ไปเรื่อย ๆ ท่านเรียกว่า เป็นตอเฝ้าสังสารวัฏ คือเหมือนตอในแม่น้ำ ใครจะเกิดใครจะไม่เกิดไปแล้วไม่รู้ เขาก็จะคงจองแช่อยู่ชั่วสังสารวัฏ ชั่วนิรันดร

           ผมว่าผมรีบปฏิบัติให้ถูกตรงดีกว่า สะสมบุญจากการปฏิบัติวิปัสสนาไว้ให้มาก อย่างน้อยได้เข้าในกระแสพระนิพพานก็เหมือนลงเรือถูกลำล่องไปถูกทิศ วันหนึ่งต้องถึงฝั่ง ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง จริงมั้ยพี่ริน”

           น้ำรินชื่นชมความก้าวหน้าในการศึกษาธรรมของจอม เธอหวังว่าเขาจะกลับไปเป็นกำลังสำคัญในการส่งเสริมให้ชาวบ้านได้ปฏิบัติธรรมในเส้นทางที่ถูกต้อง

           เธอมอบหนังสือและเทปธรรมะที่เตรียมเสร็จแล้วให้เขาไปด้วยความศรัทธาอันเต็มเปี่ยม ระลึกถึงคำสอนของอาจารย์ว่า

           “คนที่เคยทำไม่ดีมามาก เมื่อกลับตัวมาทำดี เขาจะทำดีได้มากยิ่งกว่าใคร ๆ “

           แสงเทียนของจอมได้จุดขึ้นแล้ว และเขากำลังส่งผ่านแสงสว่างแห่งพระธรรมไปยังญาติธรรมคนต่อ ๆ ไป ให้ทุก ๆ คนได้ต่อไฟเพื่อยังเทียนชีวิตของตนให้สว่างไสวต่อไปคนแล้วคนเล่า

          น้ำรินชื่นใจ และกล่าวอนุโมทนาแก่จอมด้วยใจจริง.

 


แค็ตตาล็อก
1. ก่อนช้อป 19. ไม่ได้มุสา 37. สมรรถภาพจิต
2. ธรรมะอินเตอร์เน็ต 20. เปลี่ยนจุดมอง 38. ยำความคิด
3. พญามารรับน้อง 21. กฐินของฝนสุย 39. ผู้ให้
4. ถังเหลืองแลกหุ้น 22. สร้างพระ 40. คนมีธรรม
5. น้ำตาบารมี 23. ศึกมังฉงาย 41. ธรรมะประจำชีวิต
6. ปล่อยบุญ 24. ให้อภัยตัวเอง 42. แผ่นดินสอนธรรม
7. ทิ้งเวร 25. บุญบนโต็ะทำงาน 43. เทียนชีวิตของจอม
8. สะดือพริตตี้ 26. ข้าวแกงใส่ธรรม 44. ซักใจ
9. บุญไม่เกี่ยว เหนียวไว้ก่อน 27. นักขายประกัน 45. สมถะกับวิปัสสนา
10. ส่งหรีดส่งบุญ 28. สุดสาครสันโดษ 46. เมตตาตัวเอง
11. ต้นไม้ของใจแก้ว 29. ติ่มซำอิจฉา 47. กรรมลิขิต
12. พระสร้างวัด 30. กรรมมาเยี่ยม 48. เบียดเบียนตนเอง
13. พระพุทธรูปสอนธรรม 31. บุญงามยามเช้า 49. คารวะแด่พระอาจารย์วศิน อินทสระ
14. ธรรมะโฮล อิน วัน 32. การพยาบาลของวันวิสาข์ 50. วันสงกรานต์
15. เทียนไสว 33. กรรมโบราณ 51. งานวันปีใหม่
16. ปากกาของเมฆอ้วน 34. ล้างจานล้างใจ 52. บันทึกท้ายเล่ม
17. หัวใจติดแอร์ 35. น้ำในเรือ 53. โอวาทคำสอน
18. รักษาใจ 36. ชีวิตหุ่นเชิด อ่านแบบไฟล์ .pdf
 
หน้าแรกธรรมจักร l กลับเรือนธรรม