เว็บบอร์ด สนทนาธรรม สอบถามห้องแชดสนทนาธรรมสมุดเยี่ยม ฝากข้อความ ติชมรวมเว็บพระพุทธศาสนารวมรูปภาพ พุทธศิลป์ พระพุทธเจ้า พระพุทธรูป พระเจดีย์ พระสงฆ์
  ตั้งเป็นหน้าแรก   เก็บเข้า Favorites   สั่งพิมพ์   แจ้งปัญหา
   
 
 
 
สารบัญหลัก
  หน้าหลัก
  หนังสือธรรมะ
  บทสวดมนต์
  เสียงธรรม mp3
  เสียงสวดมนต์ mp3
  ห้องสวดมนต์ออนไลน์
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  วัดป่า-พระป่า
  วันสำคัญทางศาสนา
  ดาวน์โหลด e-book
  คำสอนจากครูบาอาจารย์
  บทความ..ธรรมจักร
  รูปภาพ
  กระดานสนทนา
  ห้องสนทนา
  สมุดเยี่ยม
  รวมเว็บ
  ติดต่อทีมงาน
ขึ้นบน
 
เว็บบอร์ด
  สนทนาธรรม
  ข่าวกิจกรรม
  สติปัฏฐาน
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  นิทานธรรมะ
  หนังสือธรรมะ
  บทความธรรมะ
  กวีธรรม
  นานาสาระ
  วิทยุธรรมะ
  สถานที่ปฏิบัติธรรม
  เสียงธรรมออนไลน์
  เสียงสวดมนต์ออนไลน์
  พระพุทธเจ้า
  ประวัติอสีติมหาสาวก
  ประวัติเอตทัคคะ
  ประวัติครูบาอาจารย์
 
 
^-^ มาฝึกสมาธิกันดีกว่า ^-^
 
@ อยากรู้  ประวัติศาสตร์ วงล้อมธรรมจักร ลัญลักษณ์ของพุทธศาสนา  คลิกอ่าน @
 
รวมเว็บพระพุทธศาสนา แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการค้นคว้าหาข้อมูล
 
คำสอนของครูบาอาจารย์ เช่นหลวงปู่ดูลย์,หลวงปู่เทสก์,หลวงพ่อชา,หลวงพ่อพุธ,หลวงพ่อจรัญ,พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เป็นต้น
 
อัลบั้มภาพพระพุทธศาสนา
 
เรือนธรรม - บ้านพักผ่อนทางจิตใจด้วยธรรมะ
 
ขอเชิญเข้ามาร่วมสนทนาธรรมด้วยกันครับ
 
ดูซิ ! ว่ามีใครอยู่ในห้องบ้าง
 
ฝากข้อความติชมของท่านได้ที่นี่ครับ
 
 
 
 
   ธรรมจักร   หนังสือธรรมะ สู่ความสุข ปรับขนาดตัวอักษร เพิ่มขนาด ลดขนาด ขนาดปกติ  
   


๑๖.เลี้ยงลูกถูกต้อง

           ปัจจุบัน มีปัญหาระดับช้าง ที่พ่อแม่กำลังประสบอยู่ทั่วไป ชนิดกลืนไม่เข้าและคายไม่ออก ได้แต่นั่งกลอกหน้าทำตาปรอยๆ เพื่อรอรับผลกรรม ที่ตนได้ทำไว้ นั่นคือการเลี้ยงลูกด้วยกิเลส

           ลูกกิเลส คือ การที่พ่อแม่หรือผู้ปกครอง ให้การเลี้ยงดูเด็กด้วยการตามใจไปหมดทุกสิ่ง ไม่ว่าลูกจะต้องอะไร ? พ่อแม่หรือผู้ปกครอง ก็รีบสนองให้ทุกสิ่ง โดยหวังเพียงแต่ว่า จะให้ลูกหรือเด็กนั้นพอใจ หรือสบายใจเท่านั้น เช่น

           - ลูกอยากจะกินอะไร ? ก็จะให้กินไม่เป็นเวลา ไม่เลือกอาหารว่าควรหรือไม่ควรแก่เด็ก จนเด็กอ้วนเกินไปและฝันผุ เพราะกินจุบกินจิบ พร่ำเพรื่อ จนลูกเสียนิสัย

           - ลูกอยากได้ออะไร ? ก็ตามใจซื้อให้จนเกะกะไปหมด จนทำให้เด็กไม่เห็นความสำคัญของของเล่น

           - ลูกจะทำอะไร ? อยากจะไปเที่ยวที่ไหน ? เวลาใด ? ก็พอไปเที่ยวจนใจแตก จะกินข้าวแต่ละคำก็ต้องตามวิ่งป้อนกันจนอ่อนใจ

           ลูกบางคนพ่อแม่ก็ช่วยกันอุ้ม จนลูกเดินไม่เป็น เดินไม่แข็ง ขาอ่อนปวกเปียก พอแงเป็นอุ้มๆ จนเด็กโตแล้วก็ยังเดินไม่แข็ง ทำให้ลูกไม่มีความมั่นใจในตนเอง ไม่เป็นตัวของตัวเอง

           ซึ่งการกระทำเหล่านี้ ถ้ามองดูเพียงตื้นๆ ก็จะเห็นว่าพ่อแม่รักลูกมาก อยากเห็นลูกมีความสุข จึงพยายามเอาอกเอาใจไปหมดทุกสิ่ง ไม่ว่าจะผิดหรือถูก ควรหรือไม่ควร ? พ่อแม่ไม่อาจจะแยกได้ เพราะความรักทำให้ตาบอด หรือรักลูกด้วยกิเลสเสียแล้ว

           การรักลูกด้วยกิเลส หมายความว่า เอากิเลสตัณหาของพ่อแม่และของลูกเอง มาเป็นหลักในการเลี้ยง โดยมุ่งผลเพียงประการเดียวคือ ขอให้ลูกได้พอใจ ได้ตามใจตัว (กิเลส) ผลร้ายที่ตามมา ทั้งระยะสั้นและระยะยาวก็คือ

           - เด็กจะมองทิศทางลมของผู้ใหญ่ หรือพ่อแม่ไม่ออกว่าอะไรเป็นความถูกต้องดีงาม ที่ลูกควรจะมี หรือได้สนองตอบบ้าง ?

           - เด็กจะได้รับการพอกพูนความเห็นแก่ตัว การเอาแต่ใจตนเองโดยขาดเหตุผล ผลเสียคือลูกจะได้รับกแต่การสนองกิเลสตัณหาของตนเอง จนเข้าใจผิดว่า พ่อแม่มีหน้าที่สนองกิเลสของลูกเท่านั้น

           - เด็กจะขาดความมั่นใจในตนเอง พึ่งตนเองไม่ได้ทำอะไรไม่เป็น แม้ว่าโตพอที่จะทำได้แล้วก็ตาม

           - ในระยะยาว นอกจากจะเลี้ยงไม่โตแล้ว ลูกจะกลายเป็นเด็กเปราะบาง ใครแตะต้องไม่ได้ เหมือน "ไข่ในหิน" แม้มีเรื่องเพียงเล็กน้อย เด็กก็จะอาจจะกร้าวร้าวด่าว่าผู้ใหญ่ ทำร้ายพ่อแม่ หรือทำลายตนเอง

           - เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ก็จะกลายเป็นคน "ตีนไม่ติดดิน" เป็นผู้นำคนไม่ได้ เพราะทำอะไรไม่เป็น เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ มือห่างตีนห่าง ...

           - นี่เป็นผลที่พ่อแม่ในยุคปัจจุบัน กำลังเป็นกันอยู่ทั่วไปเพราะเข้าใจผิด แยกไม่ออกว่า รักลูกอย่างไร เป็นความรักแบบกิเลส ? รักอย่างไร เป็นความรักลูกแบบพระธรรม ?

           ลูกพระธรรม คือ การเลี้ยงลูกด้วยความถูกต้อง รักลูกด้วยเมตตาบวกกับปัญญา ไม่เอาความเห็นแก่ตัวของลูกและของพ่อแม่เข้าไปบวกด้วย เช่น

           - ให้การเลี้ยงดูลูก ให้เจริญเติบโตทั้งร่างกาย และจิตใจไปพร้อมๆ กัน นั่นคือ เลี้ยงให้อายุร่างกายและอายุสมองเท่าเทียมกัน นึกถึงคุณค่าของอาหาร มากกว่าที่จะนึกถึงความชอบหรือไม่ชอบของลูก อาหารใดที่ไม่มีคุณค่าหรือมีโทษ (เช่น ฟันผุ) ก็อย่าได้ตามใจให้ลูกกิน

           - ในทางสมองหรือสติปัญญา ต้องสอนให้ลูกรู้ว่า สิ่งใดควรทำ ? สิ่งใดไม่ควรทำ ? สิ่งใดถูกสิ่งใดผิด ? เมื่อลูกเข้าใจและทำได้แล้ว ภายหลังละเมิดก็ต้องลงโทษ เป็นต้น

           - หัดให้ลูกเป็นคนมีระเบียบ ให้กินเป็นเวลา นอกเป็นเวลา เล่นเป็นเวลา ยกเว้นแต่เวลาเจ็บป่วย อย่าอุ้มจนพร่ำเพรื่อ จนลูกเสียนิสัย ให้ลูกได้มีเวลาเล่น หรืออยู่อย่างอิสระบ้าง

           - ระวังพวกญาติ ๆ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ... จะตามใจให้ลูกเสีย เมื่อลูกทำผิดก็ไม่ให้ลงโทษ โดยอ้างว่า หรือว่าลูกว่ายังเล็กอยู่ ... ทำให้ลูกได้ใจ ไม่เคารพหรือเชื่อฟังพ่อแม่

           - หัดให้ลูกเป็นรับผิดชอบ เสียเมื่อยังเล็กอยู่ เช่นมอบเงินให้เขาใช้เป็นก้อน ให้เขาได้เก็บเองใช้เองเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน เมื่อใช้เหลือก็ให้เขาฝากออมสินไว้เป็นต้น

           - อย่าตามใจให้ลูกขี้เกียจ อย่าให้ลูกนอนตื่นสาย มันจะเคยตัว แล้วแก้ยากภายหลัง ชวนให้ลูกเข้าทำครัวด้วยกันจะได้ทำแทนได้ เมื่อจำเป็น ทั้งลูกหญิงและชาย

           - รีบปลูกฝังคุณธรรม เมื่อลูกยังเล็กๆ อยู่ อย่าปล่อยให้โต มันจะดัดยาก และจะเสียใจภายหลัง เช่น ความกตัญญกตเวที ความเคารพอ่อนน้อม เชื่อฟังผู้ใหญ่ ความมีเมตตา ความอดทน เสียสละ และมีสัจจะ เป็นต้น

           เหตุผล เพระาเด็กเปรียบเสมือนไม้อ่อน หรือผ้าขาวบริสุทธิ์ ย่อมง่ายแก่การที่จะดัดหรือย้อม ถ้าไม่ทำเมื่อใตนอกจากจะดัดยากแล้ว บางทีดัดยากไปก็พาลหักไปเลย

           ถ้าจะเปรียบเทียบเหมือนมีด เมื่อเกิดสนิมขึ้นเล็กน้อย ก็ลับออกได้ง่าย ถ้าปล่อยให้สนิมจับมากจนหนาเตอะ ก็ลับไม่ได้ แม้เอาใส่เตาเผาก็อาจไม่ได้ผล เพราะสนิมกินเหล็กหมดแล้ว

           แต่ว่าไปทำไมมี พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกไม่ถูกทาง ก็มักจะตามใจลูกในทางผิดๆ จนลูกขี้เกียจหรือเห็นแก่ตัวจัด หรือกวดขันเข้มงวดจนลูกกลัวราน มักเกิดจากพ่อหรือแม่มีปัญหาชีวิต

           เด็กก็เลยกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของพ่อและแม่ไป หรือมิฉะนั้นพ่อแม่ก็ถูกกดดันจากญาติ ผลเสียจึงมาตกแก่เด็ก ไม่ว่าในแง่บวกหรือแง่ลบก็ตาม การเลี้ยงลูกให้ถูกต้อง จึงเป็นเรื่องระดับช้างที่แก้ได้ยาก

           หลักการที่จะวินิจฉัยว่า เราเลี้ยงลูกด้วยกิเลส หรือเลี้ยงลูกด้วยพระธรรม มีย่อๆ ดังนี้

           เลี้ยงลูกด้วยกิเลส คือ ลูกทำชั่วก็เฉย ลูกขี้เกียจก็ช่าง ลูกดื้อก็ปล่อย ลูกเอาแต่ใจตัวก็ตามใจ ลูกไม่ทำงานก็ยอมตาม ลูกเถียงหรือด่าพ่อแม่ก็ไม่ว่า ลูกคบคนชั่วไม่รู้ไม่ชี้ ลูก ...

           เลี้ยงลูกด้วยพระธรรม คือ ลูกทำชั่วก็ห้ามปราม ลูกทำผิดก็ให้กลับตัวหรือลงโทษ ลูกขี้เกียจก็ต้องเฆี่ยน ลูกขยันก็ให้รางวัล ลูกทำดีก็ส่งเสริมหรือชมเชย ลูกเป็นพาลก็ต้องดัดสันดานให้เข็ด ลูก ...

           ดังนั้น พ่อแม่ที่หวังจะเป็นอนาคตอันสดใสของลูกอยากจะให้ลูกเป็นที่ชื่นใจ ปลี้มใจและสุขใจ เมื่อคิดถึงลูก ก็ควรที่จะต้องฝืนใจ ไม่ปล่อยให้กิเลสตัณหา มาเป็นพลังผลักดัน ให้เราแสดงความรักที่ผิดๆ ต่อลูก ด้วยการเอาพระธรรม คือความถูกต้อง (ไม่ใช่ถูกใจ) มาเป็นแนวทางในการเลี้ยงลูก

           ผู้เขียนให้รู้สึกสงสารพ่อแม่ที่ขยันส่วนมาก แต่กลับไปปล่อยให้ลูกที่โตจนจะเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วขี้เกียจ ไม่ยอมทำอะไร และทำอะไรก็ไม่เป็น ถ้าไม่เกิดเพราะรักลูกด้วยโมหะ แล้วจะเกิดจากอะไรกัน ? ลูกชนิดนี้ยิ่งโตก็จะยิ่งก่อปัญหา เพราะเขายังเป็นที่พึ่งแก่ตัวเองไม่ได้ แล้วเขาจะไปเป็นที่พึ่งแก่พ่อแม่ได้อย่างไร ?

           เอาเป็นว่า ในขั้นแรก ควรรีบปลูกฝังคุณธรรมหมายเลขหนึ่ง คือความกตัญญูและกตเวที ลงในจิตใจให้ได้ก่อนเป็นการ "ปู่พื้นฐาน" เพื่อรองรับความดีอื่นๆ ไว้ก่อน

           เพราะพระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ (๒๐/๗๐) ว่า

           การรู้คณและตอบแทนคุณ เป็นคุณธรรมพื้นฐานของคนดี

           ถ้าลูกเป็นคนดี หรือมีคุณธรรมของคนดีแล้ว ความดีอื่นๆ ก็จะหลั่งไหลมาเอง หรือปลูกฝังได้ง่าย เพราะพื้นมันดี

           ดังนั้น พ่อแม่ทั้งหลาย โปรดจำไว้เถอะว่า

การตามใจลูกไม่ถูกทางวันนี้
เท่ากับสร้างผีให้ติดตามลูกไปในวันหน้า
แต่การขัดใจลูกที่ทำไม่ถูกในวันนี้
จะเพิ่มสง่าราศีให้ลูกในวันหน้า

           พ่อแม่ที่รักลูกทั้งหลาย โปรดได้ย้อนมองดูตัวเอง ว่าเราเลี้ยงลูกด้วยกิเลส หรือเลี้ยงลูกด้วยพระธรรม ? ถ้าเราเลี้ยงลูกด้วยกิเลส ก็จะเตรียมผ้าเช็ดหน้า ไว้เช็ดน้ำตาตนเองได้แล้ว แต่ถ้าท่านเลี้ยงลูกด้วยพระธรรม (ความถูกต้อง) ก็จงเตรียมพานทองไว้รองรับดอกไม้จากลูกและประชาชนเถิด !

           ด้วยเหตุที่การเลี้ยงลูกผิด ผ่อมจะก่อปัญหาและความทุกข์นานาประการมาให้แก่พ่อแม่ และการเลี้ยงลูกถูกวิธีจะสร้างความสุขให้แก่พ่อแม่มากมายนี่เอง บันไดสู่ความสุขก้าวหนึ่ง คือการเลี้ยงลูกถูกวิธี จึงมีความจำเป็น ที่พ่อแม่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยกเว้นแต่ผู้ที่ไม่มีลูก บทความนี้ก็ไม่มีความจำเป็น.

ถ้าอยากให้ลูกดี  ก็ต้องกล้าตีกล้าดุ
ถ้าอยากให้ลูกชั่ว  ก็อย่ามัวดุมัวตี.

 

 

สารบัญ
บทนำ ๑๕.เชื่อกฎแห่งกรรม
๑.ความสุขคืออะไร ? ๑๖.เลี้ยงลูกถูกต้อง
๒.ทำอย่างไรจึงจะพบความสุข ๑๗.สันโดษ
๓.อย่าคบคนพาล ๑๘.ขจัดความหวาดกลัว
๔.จงคบบัณฑิต ๑๙.อย่าสีแกลบ
๕.เว้นอบายมุข ๒๐.อย่าแบบโลก
๖.งดเว้นเวรภัย ๒๑.อย่าอยู่ว่าง
๗.สูตรเศรษฐี ๒๒.สร้างปีติ
๘.สุขแบบชาวบ้าน ๒๓.มองแต่แง่ดี
๙.เจริญพรหมวิหาร ๒๔.ควรฝึกจิต
๑๐.ยอดมหาเสน่ห์ ๒๕.ฉีดวัคซีนธรรม
๑๑.สูตรสำเร็จ ๒๖.ถอนอุปทาน
๑๒.ฆราวาสธรรม ๒๗.เผด็จการโดยธรรม
๑๓.สุขภาพดี ๔ อ. ๒๘.ศิลปะสู่ความสุข
๑๔.ธรรมชาติบำบัด ดาวน์โหลด หนังสือเล่มนี้
   

 

 
 
 
 
 
 
 
  หน้าหลัก l หนังสือธรรมะ l เสียงสวดมนต์ mp3 l เสียงธรรม mp3 l บทสวดมนต์ l สมาธิ l รูปภาพ
ดาวน์โหลด e-book l ห้องสวดมนต์ออนไลน์  l กระดานสนทนา l ห้องสนทนา chat  l สมุดเยี่ยม lรวมเว็บ
 
จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
ขึ้นบน