สมัยหนึ่ง พระโมคคัลลานะได้ไปยังเทวโลก
ยืนที่ประตูวิมานของเทพธิดาองค์หนึ่งแล้วถามว่า
เทพธิดา สมบัติของท่านมากมาย ท่านได้ทำกรรมอะไร
เทพธิดาตอบว่า
ท่านผู้เจริญ ดิฉันไม่ได้ทำบุญให้ทานเลย แต่ในกาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ
ดิฉันได้เป็นทาสีของคนอื่น นายของดิฉันนั้นดุร้ายหยาบคายเหลือเกิน
ย่อมเอาไม้บ้าง ท่อนฟืนบ้าง ที่ตัวพลันฉวยได้ ตีที่ศีรษะ
ดิฉันนั้นเมื่อความโกรธเกิดขึ้น ก็นึกติตัวเองเท่านั้นว่า
นายของเจ้านี่เป็นใหญ่ จะทำเจ้าให้เสียโฉมก็ได้ จะตัดจมูกของเจ้าก็ได้
เจ้าอย่าโกรธเลย ดังนี้แล้ว ก็ไม่ทำความโกรธ ด้วยเหตุนั้น
ดิฉันจึงได้สมบัตินี้
พระเถระเมื่อกลับมาแล้ว เข้าไปเฝ้าพระศาสดาแล้วทูลถามว่า
พระเจ้าข้า บุคคลอาจไหมหนอแลเพื่อจะได้ทิพยสมบัติ ด้วยเหตุเพียงดับความโกรธ
พระศาสดาตรัสตอบว่า โมคคัลลานะ เพราะเหตุไร เธอจึงถามเรา
เทพธิดาบอกเธอแล้วมิใช่หรือ แล้วตรัสต่อว่า โมคคัลลานะ
บุคคลกล่าวเพียงความสัตย์ก็ดี ละเพียงความโกรธก็ดี ถวายทานเพียงเล็กน้อยก็ดี
ย่อมไปเทวโลกได้แท้
(อรรถกถาธรรมบท
ภาค ๖ หน้า ๑๗๕)
เรื่องนี้นำมาแสดงไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์และเป็นกำลังใจแก่คนยากคนจนว่า
ชีวิตนี้ยังมีหวัง แม้จะยากจน (เงินทองหรือเวลา) ไม่มีโอกาสที่จะทำบุญให้ทานเลยตลอดชีวิต
เพียงอย่าทำตัวเป็นคนขี้โมโหโทโส ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ก็อาจไปสวรรค์ได้
แม้ว่า ยากจน ขัดสน
เงินตรา
เพียงอย่า
โกรธา เบื้องหน้า ไปดี
(ธมฺมวฑฺโฒ
ภิกฺขุ)