บุคคลในโลกนี้
บางคนเป็นคนจู้จี้ขี้บ่นขี้โมโห ชอบเอาแต่ใจตัวเอง อ่อนไหวง่าย
เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย โกรธง่ายแม้ในเรื่องเล็กน้อยไร้สาระ
โกรธไปหมดถึงลมฟ้าอากาศและสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว
ดังสำนวนที่ว่า ฝนตกก็แช่ง ฝนแล้งก็ด่า แต่หายเร็ว เหมือนรอยขีดในดิน
เมื่อถูกน้ำเซาะหรือลมพัด ก็เลือนหายได้ง่าย
บางคนเป็นคนช่างจดช่างจำ
ใครทำอะไรล่วงเกินไว้พอที่จะให้อภัยได้ก็ไม่ยอมให้อภัย
ซ้ำยังเก็บความขัดเคืองนั้นไว้ในใจไม่ยอมลืมง่าย ๆ เหมือนรอยขีดในหิน
จะขีดเล็กหรือใหญ่ แม้จะถูกน้ำเซาะหรือถูกลมพัด ก็ไม่เลือนหายง่าย
ๆ เคยมีบางคนโกรธกันแต่หนุ่มจนแก่ไม่ยอมพูดกันเลย
บางคนเป็นคนเจ้าโทสะอย่างมาก
ถ้าใครทำให้ไม่พอใจแม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องตอบโต้ทันที
ถ้ายังไม่ได้ช่องก็ผูกใจเจ็บไว้ว่าจะแก้แค้นในวันหน้า
เรื่องการให้อภัยไม่ต้องพูดถึง
หากท่านเป็นหนึ่งในบรรดาบุคคลที่กล่าวถึงนี้
ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ท่านจะต้องศึกษาหาวิธีการต่าง ๆ
เพื่อรับมือกับความโกรธของท่าน แม้ไม่อาจเอาชนะได้อย่างเด็ดขาด
เพียงแค่ให้บรรเทาเบาบางลงบ้างก็ยังดี ถ้าไม่หาทางระงับยับยั้ง
ความโกรธที่เก็บสะสมไว้นานก็จะระเบิดออกมา ดังเรื่องต่อไปนี้
นาย
ผ. อดีตตำรวจผู้เฒ่าวัย ๗๔ ปี มักจะมีเรื่องโต้เถียงกับนาย
ท. วัย ๘๒ ปี ประธานชมรมผู้สูงอายุของอำเภอเป็นประจำมานานนับ
๑๐ ปี และนาย ท.จะนำเรื่องที่ทะเลาะกันไปแจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทอยู่เสมอ
ทำให้นาย ผ.แค้นใจว่านาย ท.ไม่เป็นลูกผู้ชาย
เมื่อวันที่
๑ มิถุนายน ๒๕๔๑ ความแค้นที่สะสมมานานนับ ๑๐ ปีก็ถึงขีดสุด
นาย ผ.คิดว่าวันนี้ต้องชำระแค้นให้ได้ จึงเดินถือปืนไปที่บ้านนาย
ท. ร้องเรียกนาย ท.ซึ่งกำลังดูโทรทัศน์กับลูกเมีย เมื่อนาย
ท. ออกมา ก็รัวยิงแบบไม่ยั้ง นาย ท.ตายคาที่ ส่วนลูกสาวกับเมียนาย
ท.ถูกลูกหลงจนบาดเจ็บสาหัส
(น.ส.พ.สยามรัฐ
๓ มิ.ย. ๒๕๔๑)
สำหรับเราชาวพุทธก็มีวิธีการที่จะเอาชนะ
ระงับหรือบรรเทาความโกรธ ความอาฆาตพยาบาท โดยนำเอาคำสอนที่ว่าด้วยความโกรธ
หรือประสบการณ์ของพระพุทธเจ้าและพระสาวก ที่ได้ผจญกับความโกรธของบุคคลหลายจำพวก
มาใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ ในที่นี้จะขอเรียกวิธีการหรืออุบายเหล่านี้ว่า
พุทธวิธีชนะความโกรธ ซึ่งมีรูปแบบต่าง ๆ กันดังนี้