การพัฒนามนุษย์มีแหล่งใหญ่อยู่ในมโนกรรม
จุดสำคัญนี้ถ้าพลาดไป ก็คือช่องทางใหญ่สู่หายนะ
ได้พูดแล้วว่า
ทวาร คือ ช่องทางของการกระทำ การแสดงออกทางกายวาจาใจ เมื่อเกิดมีปัญญาและมีเจตจำนงที่ดีมากขึ้น
เราก็พัฒนาการกระทำของเราทั้ง ๓ ทางนั้นให้ดียิ่งขึ้น
คือ
-
มโนกรรม ความคิดของเราก็ดีขึ้น
-
วจีกรรม การพูดของเราก็ดีขึ้น
-
กายกรรม การกระทำทางกายของเราก็ดีขึ้น
กรรม
๓ ทางนี้ก็เป็นกระบวนการพัฒนามนุษย์ที่ครบวงจร
จำไว้อย่างหนึ่งว่าพระพุทธศาสนาถือว่า
มโนกรรมสำคัญที่สุด คนทั่วไปมักเห็นว่ากายกรรมสำคัญที่สุด
เพราะถึงขั้นลงมือลงไม้ เอาอาวุธไปฟันไปฆ่าเขาได้ แต่ขอให้พิจารณาดูหลักที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก ..... โลก (สังคมมนุษย์) เป็นไปตามกรรมนั้น
เงื่อนไขนี้มาจากมโนกรรมเป็นสำคัญ ทั้งโลกนี้ไม่ใช่ถูกขับเคลื่อนด้วยกายกรรมเป็นใหญ่
แต่มันมาจากมโนกรรม กระบวนการรู้สึกนึกคิดเชื่อถือในใจของคนนี่แหละเป็นปัจจัยสำคัญ
เจตจำนง แรงจูงใจมาจากไหน มาจากแนวความคิด ความเชื่อ ความยึดถือในค่านิยมหลัก
อุดมการณ์ เป็นต้น ตรงนี้แหละสำคัญที่สุด
เมื่อมีความเชื่อ
แนวความคิด การยึดถืออุดมการณ์ หรือแม้เพียงค่านิยม ซึ่งทางพระใช้ศัพท์เดียวง่ายๆ
ว่า..... ทิฏฐิ ถ้าทิฏฐิ เป็นอย่างไรแล้ว แรงจูงใจจะมาสนอง
แล้วต่อไปกระบวนการของกรรมก็ดำเนินไป โดยแสดงออกมาทางกายวาจา
ซึ่งเป็นไปตามที่เชื่อหรือยึดถือนั้น ตัวอย่างเช่น ถ้ามนุษย์เชื่อ
หรือยึดถือ หรือมีแนวความคิดว่า..... มนุษย์จะประสบความสำเร็จ
สุขสมบูรณ์ต่อเมื่อมีวัตถุพรั่งพร้อม หรือมีเศรษฐกิจมั่งคั่งที่สุด
ถ้ามีความเชื่อ หรือ แนวความคิดแบบนี้ กระแสวัฒนธรรมอารยธรรมจะไปตามทั้งหมด
สังคมจะเดินไปตามนี้
ด้วยอิทธิพลของความเชื่อนี้
มนุษย์จะมุ่งทำการทุกอย่างเพื่อสร้างความพรั่งพร้อมทางวัตถุ
กระแสวัตถุนิยมจะรุนแรงขึ้นจนกระทั่งกลายเป็นบริโภคนิยม
สังคมบริโภคนิยม
คือ สังคมซึ่งมีฐานความคิดที่เชื่อว่ามนุษย์จะมีความสุขสมบูรณ์เมื่อวัตถุมีเสพพรั่งพร้อม
กระแสวัฒนธรรมอารยธรรมปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นบริโภคนิยมเช่นนี้
เพราะมี ทิฏฐิ ที่เป็นฐานความคิด หรือ ความเชื่อ ซึ่งสืบมาจากตะวันตก
ที่ได้สร้างสรรค์ความเจริญทางวัตถุขึ้นมา โดยเฉพาะที่เด่นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แล้วเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมารับใช้สนองอุตสาหกรรม
ทำการผลิตให้เกิดความเจริญทางเศรษฐกิจ
ตัวการสำคัญในกระบวนการนี้คืออุตสาหกรรม
ซึ่งเดิมที่ฝรั่งมุ่งระดมกำลังทำการผลิตเพื่อแก้ปัญหาความขาดแคลน
( scarcity ) แต่พออยู่ในวิถีชีวิตของการผลิสร้างวัตถุไปนานๆ
และจิตใจครุ่นคิดมุ่งหมายที่จะมีความพรั่งพร้อมทางวัตถุไปๆ
มาๆ โดยไม่ต้องรู้ตัว ฝรั่งทั่วๆ ไปก็กลายเป็นวัตถุนิยม
หรือมีแนวคิดทิฏฐิวัตถุนิยมเป็นกระแสหลัก กลายเป็นแนวคิดทิฏฐิว่าคนจะมีความสุขมากที่สุด
เมื่อมีวัตถุเสพบริโภคมากมายพรั่งพร้อมที่สุด แล้วก็เปิดทางแก่ลัทธิบริโภคนิยม
ความเป็นไปทั้งหมดนี้มีจุดเริ่มที่โยงกับฐานความคิดใหญ่
คือ ความมุ่งหมายที่จะพิชิตธรรมชาติ Encyclopaedia Britannica
เขียนไว้ในหัวข้อ History of Science (ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์)
บอกว่า..... เมื่อถอยหลังไปพันปีก่อนโน้น ตะวันตกล้าหลังตะวันออกในด้านการปฏิบัติจัดการกับธรรมชาติ
คือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่ด้วยความมุ่งหมายที่จะเอาชนะธรรมชาติ
จึงทำให้ตะวันตกสามารถล้ำหน้าตะวันออกไปได้ในด้านวิทยาศาสร์และเทคโนโลยีนั้น
มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า
A Green History of the World เขียนโดย Clive Ponting
ได้พยายามขบคิดในเรื่องการแก้ปัญหาธรรมชาติแวดล้อมเสีย
หนังสือนั้นได้วิเคราะห์แนวคิดของตะวันตกให้เห็นว่า อารยธรรมที่ทำให้ธรรมชาติแวดล้อมเสียนี่เป็นมาอย่างไร
มีบทหนึ่งเขาได้สืบสาวความคิดของชาวตะวันตกตั้งแต่ Socrates,
Plato, Aristotle จนมาถึงนักจิตวิทยาอย่าง Frseud รัฐบุรุษอย่าง
Francis Bacon นักปรัชญาผู้นำที่เป็นบิดาแห่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ด้วยอย่าง
Rene Descartes ตลอดจนนักคิดฝ่ายสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ทั้งหมด
ล้วนมีวาทะที่พูดถึงความใฝ่ฝัน หรือความกระหายที่จะพิชิตธรรมชาติ
นักประวัติศาสตร์โซเวียตคนหนึ่งถึงกับเขียนไว้ว่า
ต่อไปเมื่อมนุษย์เจริญด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ธรรมชาติจะเป็นเหมือนขี้ผึ้งอันอ่อนเหลวในกำมือที่เราจะปั้นให้เป็นอย่างไรก็ได้
Descartes ก็พูดไว้แรงมาก Plato, Aristotle ก็พูดแนวนี้ทั้งนั้น
นี่คือจุดมุ่งหมายที่นำทางความคิดความเชื่อของตะวันตกมาตลอดเวลาสองพันกว่าปี
คือ..... ความเชื่อและมุ่งหมายใฝ่ฝันว่า เมื่อไรมนุษย์พิชิตธรรมชาติได้สำเร็จ
โลกมนุษย์จะพรั่งพร้อมสุขสมบูรณ์เป็นโลกที่เป็นสวรรค์บนดิน
จึงทำให้มนุษย์ชาวตะวันตกได้เพียรพยายามแสวงหาความรู้ในความเร้นลับของธรรมชาติ
แล้วพัฒนาวิทยาศาสตร์และพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมา มโนกรรมคือแนวคิด
ความเชื่อที่ว่านี้ อยู่เบื้องหลังอารยธรรมปัจจุบันทั้งหมด
นี่คือตัวอย่างความหมายที่พระพุทธเจ้าตรัสว่ามโนกรรมสำคัญที่สุด
|