เว็บบอร์ด สนทนาธรรม สอบถามห้องแชดสนทนาธรรมสมุดเยี่ยม ฝากข้อความ ติชมรวมเว็บพระพุทธศาสนารวมรูปภาพ พุทธศิลป์ พระพุทธเจ้า พระพุทธรูป พระเจดีย์ พระสงฆ์
  ตั้งเป็นหน้าแรก   เก็บเข้า Favorites   สั่งพิมพ์   แจ้งปัญหา
   
 
 
 
สารบัญหลัก
  หน้าหลัก
  หนังสือธรรมะ
  บทสวดมนต์
  เสียงธรรม mp3
  เสียงสวดมนต์ mp3
  ห้องสวดมนต์ออนไลน์
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  วัดป่า-พระป่า
  วันสำคัญทางศาสนา
  ดาวน์โหลด e-book
  คำสอนจากครูบาอาจารย์
  บทความ..ธรรมจักร
  รูปภาพ
  กระดานสนทนา
  ห้องสนทนา
  สมุดเยี่ยม
  รวมเว็บ
  ติดต่อทีมงาน
ขึ้นบน
 
เว็บบอร์ด
  สนทนาธรรม
  ข่าวกิจกรรม
  สติปัฏฐาน
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  นิทานธรรมะ
  หนังสือธรรมะ
  บทความธรรมะ
  กวีธรรม
  นานาสาระ
  วิทยุธรรมะ
  สถานที่ปฏิบัติธรรม
  เสียงธรรมออนไลน์
  เสียงสวดมนต์ออนไลน์
  พระพุทธเจ้า
  ประวัติอสีติมหาสาวก
  ประวัติเอตทัคคะ
  ประวัติครูบาอาจารย์
 
 
^-^ มาฝึกสมาธิกันดีกว่า ^-^
 
@ อยากรู้  ประวัติศาสตร์ วงล้อมธรรมจักร ลัญลักษณ์ของพุทธศาสนา  คลิกอ่าน @
 
รวมเว็บพระพุทธศาสนา แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการค้นคว้าหาข้อมูล
 
คำสอนของครูบาอาจารย์ เช่นหลวงปู่ดูลย์,หลวงปู่เทสก์,หลวงพ่อชา,หลวงพ่อพุธ,หลวงพ่อจรัญ,พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เป็นต้น
 
อัลบั้มภาพพระพุทธศาสนา
 
เรือนธรรม - บ้านพักผ่อนทางจิตใจด้วยธรรมะ
 
ขอเชิญเข้ามาร่วมสนทนาธรรมด้วยกันครับ
 
ดูซิ ! ว่ามีใครอยู่ในห้องบ้าง
 
ฝากข้อความติชมของท่านได้ที่นี่ครับ
 
 
 
 
   ธรรมจักร   หนังสือธรรมะ สารพันปัญญา ปรับขนาดตัวอักษร เพิ่มขนาด ลดขนาด ขนาดปกติ
 
12. จันทร์พ้นเมฆ

            เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๖ มีโจรพวกหนึ่งสมคบกันเที่ยวปล้นในแขวงจังหวัดปทุมธานี จังหวัดอยุธยาและจังหวัดสุพรรณบุรีเนืองๆ ถึงเดือนกรกฎาคม โจรพวกนั้นไล่ปล้นฝูงกระบือในแขวงจังหวัดปทุมธานี แล้วไปปล้นบ้านชีปะขาว ในแขวงจังหวัดสุพรรณบุรีอีกแห่งหนึ่งติดๆ กัน เวลานั้นเจ้าพระยาศรีวิชัยชนินทร์ (ชม สุนทราชุน) ยังเป็นพระยา สุนทรบุรีฯ สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครชัยศรี เป็นผู้เข้มแข็งขึ้นชื่อในการปราบโจรผู้ร้าย สามารถจับโจรพวกนั้นที่เป็นชาวเมืองสุพรรณได้หลายคน พวกโจรรับสารภาพและให้การซัดทอดพวกเพื่อน จึงจับโจร ที่เป็นชาวเมืองอื่นเอารวมกันไปชำระที่เมืองนครปฐม

            ในเวลาที่กำลังชำระโจรพวกนั้น วันหนึ่ง ฉัน (สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ) ออกไปเมืองนครปฐมเพื่อพักผ่อนในเวลาราชการเบาบาง เห็นตำรวจภูธรคุมนักโทษคนหนึ่งขึ้นรถไฟที่สถานีบางกอกน้อยไปพร้อมกับฉัน แล้วไปลงที่สถานีพระปฐมเจดีย์ ฉันถามได้ความว่าเป็นพวกโจรซึ่งจับตัวไปจากเมืองปทุมธานี ถูกนำตัวไปชำระที่เมืองนครปฐม ค่ำวันนั้นเจ้าพระยาศรีวิชัยฯ มากินอาหารด้วยกันกับฉันตามเคย แต่พอ กินแล้วท่านขอลาว่าจะไปชำระผู้ร้าย ฉันถามว่าเหตุไฉนจึงต้องไปชำระ เอง ท่านบอกว่าโจรคนที่ได้ตัวมาใหม่ในวันนั้นเป็นตัวสำคัญนัก ที่เมือง ปทุมธานีเรียกกันว่า จันทร์เจ้า? เป็นหัวหน้าของผู้ร้ายพวกนั้นทั้งหมด ถ้าให้คนอื่นชำระเกรงจะไม่ได้ความจริง ถึงคืนต่อมาเมื่อกินอาหารด้วยกัน ฉันถามว่าชำระผู้ร้ายได้ความอย่างไร ท่านตอบแต่ว่า ยังถวายรายงานไม่ได้? จนถึงคืนที่ ๔ เวลาเจ้าพระยาศรีวิชัยฯ มากินอาหาร ดูยิ้มแย้มแจ่มใสดี ฉันถามถึงการชำระผู้ร้าย ท่านบอกว่าโจรจันทร์เจ้า รับสารภาพแล้ว

            ฉันยังไม่เคยรู้จักตัวหัวหน้าโจร หรือเรียกตามคำโบราณว่า มหาโจร นึกอยากรู้จักโจรจันทร์เจ้า จึงบอกเจ้าพระยาศรีวิชัยฯ ว่า เมื่อท่านชำระสะสางโจรจันทร์เจ้าเสร็จสิ้นสำนวนแล้วขอให้คุมตัวมาพบกับฉันสักหน่อย ท่านให้คุมตัวมาในวันรุ่งขึ้น พอฉันเห็นก็นึกประหลาดใจ ด้วยดูเป็นคนสุภาพ รูปพรรณสัณฐานไม่มีลักษณะอย่างใดที่ส่อว่าใจคอโหดเหี้ยมถึงเป็นตัวหัวหน้านายโจร เมื่อพูดด้วย ถ้อยคำที่ตอบก็เรียบร้อยเหมือนอย่างเคยเพ็ดทูลเจ้านายมาก่อน ฉันออกพิศวงจึงถามว่า เคยเฝ้าเจ้านายมาก่อนหรือ โจรจันทร์ตอบว่า ได้เคยเฝ้าหลายพระองค์ ที่ทรงเคยใช้สอยก็มี ฉันยิ่งสงสัยจึงถามว่า ก็แกเป็นโจร เจ้านายไม่ทรงรังเกียจหรือ? โจรจันทร์ตอบว่า เจ้านายท่านไม่ทรงทราบว่าเป็นโจร อย่าว่าแต่เจ้านายเลย แม้คนอื่นๆ ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นโจร รู้แต่พวกโจรด้วยกันเท่านั้น? เพราะพวกโจรต้องระวังตัวกลัวถูกจับจึงเรียกกันว่า นักเลง คนอื่นก็เลยเรียกว่านักเลง หมายความแต่ว่าเป็นคนกว้างขวาง นักเลงคนไหนมีพวกมาก ก็เรียกกันว่า นักเลงโต นักเลงที่ไม่เป็นโจรก็มี นักเลงเป็นคนกว้างขวางรับใช้สอยได้คล่องแคล่ว ผู้มีบรรดาศักดิ์จึงชอบ ใช้ ก็ได้คุ้นเคยกับผู้มีบรรดาศักดิ์ด้วยเหตุนั้น

            ฉันไถ่ถามความข้ออื่นต่อไป โจรจันทร์ก็เล่าให้ฟังโดยซื่อ แม้จนลักษณะที่ทำโจรกรรม คงเป็นเพราะได้รับสารภาพผิดต่อเจ้าพระยาศรีวิชัยฯ หมดแล้ว ไม่มีอะไรจะต้องปกปิดต่อไป คำอธิบายของโจรจันทร์น่าสนุก ยิ่งฟังก็ยิ่งตระหนักใจว่าโจรจันทร์ชำนิชำนาญสมกับที่เป็นนายโจร ฉันถามถึงกระบวนโจรกรรมอย่างใดๆ โจรจันทร์พรรณนาได้ทั้งหมดว่า ทำอย่างนั้นๆ ถ้าหากโจรกรรมเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง ความรู้ของโจรจันทร์ ก็ถึงภูมิชั้นศาสตราจารย์ เพราะฉะนั้นพอพูดกันได้วันหนึ่ง ฉันก็ติดใจนึกอยากจะรู้กระบวนของโจรต่อไปให้สิ้นเชิง

            แต่นั้นถึงเวลาเย็นฉันลงไปนั่งเล่นที่สนามหญ้า ก็ให้เบิกตัวโจรจันทร์มาถาม ต่อมาอีกหลายวันจึงคุ้นกัน ฉันเลยถามต่อไปว่า เพราะเหตุใดแกจึงรับสารภาพ โจรจันทร์ตอบว่าเดิมก็ตั้งใจจะไม่รับ ถ้าชำระที่เมืองปทุมธานีก็เห็นจะไม่ได้ความจากตัวแก แต่ใจมาอ่อนเสียที่ถูกเอามาชำระต่างเมือง ตั้งแต่ลงจากรถไฟแลหาพวกพ้อง แม้ใครที่เคยรู้จักหน้าสักคนหนึ่งก็ไม่มี เหลือตัวคนเดียวก็เปลี่ยวใจ เมื่ออยู่ในเรือนจำพบปะนักโทษ ถามถึงพรรคพวกที่ถูกจับมา เขาบอกว่ารับสารภาพหมดแล้ว ก็ยิ่งครั่นคร้าม แต่อย่างอื่นไม่ทำให้ท้อใจเหมือนวิธีชำระของเจ้าคุณเทศา ถามว่าท่านชำระอย่างไร โจรจันทร์เล่าว่า เวลาราวยามหนึ่ง ท่านเอาตัวไปที่ศาลอำเภอ ตัวท่านนั่งเก้าอี้อยู่ที่โต๊ะกับข้าราชการอีกสัก ๒-๓ คน ท่านเรียกตัวไปนั่งที่ข้างเก้าอี้ของท่าน แล้วถามถึงเรื่องที่ไปปล้น แกปฏิเสธว่าไม่ได้รู้เห็นด้วย ท่านเจ้าคุณเทศาก็หัวเราะแล้วว่า คิดดูให้ดีเสีย เถิด พวกพ้องเขาก็รับหมดแล้ว? ท่านว่าแต่เท่านั้น แล้วก็หันไปพูดกับพวกข้าราชการถึงการงานอย่างอื่นๆ และสูบบุหรี่กินน้ำร้อนไปพลาง ให้แกนั่งคอยอยู่นานจึงหันกลับไปถามอีกว่า จะว่าอย่างไร? แกปฏิเสธ ท่านก็หัวเราะว่า คิดดูเสียให้ดีๆ? แล้วหันไปพูดกับข้าราชการให้แกนั่งคอยอยู่อีก นานๆ หันมาถามอย่างนั้นอีก แกปฏิเสธท่านก็หัวเราะ แล้วบอกให้คิดให้ดีอีก เวียนถามอยู่แต่อย่างนั้นหลายพัก จนเวลาสัก ๕ ทุ่มจึงเลิกชำระ ถึงวันที่ ๒ พอยามหนึ่งท่านก็เอาตัวไปชำระอีก พอได้ยินท่านถามเหมือนอย่างวันก่อนก็รำคาญใจ ยิ่งถูกถามซ้ำซากก็ยิ่งรำคาญหนักขึ้น แต่ยังแข็งใจปฏิเสธอยู่ได้อีกคืนหนึ่ง พอถึงคืนที่ ๓ ระอาใจเสียแต่เมื่อเขาไปเอาตัวมาจากเรือนจำ พอท่านเจ้าคุณเทศาตั้งคำถามอย่างเก่าอีกก็เกิดเบื่อเหลือทน เห็นว่าถ้าปฏิเสธท่านก็คงถามเช่นนั้นไปไม่มี ที่สิ้นสุด นึกว่าไหนๆ ก็คงไม่พ้นโทษเพราะพวกเพื่อนรับสารภาพหมดแล้ว รับเสียให้รู้แล้วดีกว่าจะได้หลับนอนสิ้นรำคาญ แกจึงรับสารภาพในคืนที่ ๓ เพราะ สู้ปัญญาเจ้าคุณเทศาท่านไม่ได้?

            ในการชำระโจรผู้ร้าย เจ้าพระยาศรีวิชัยฯ มีวิธีผิดกับคนอื่นหลายอย่าง ท่านเคยบอกกับฉันอย่างหนึ่งว่า ถ้าชำระในถิ่นที่ตัวผู้ร้ายอยู่มักไม่ใคร่รับสารภาพ ด้วยมันอายพวกพ้องของมัน ถ้าเอาไปชำระให้ห่างถิ่นฐานได้ความจริงง่ายขึ้น

            ภายหลังโจรจันทร์ได้รับพระราชทานโทษเพราะความชอบที่ได้ชี้แจงกระบวนโจรกรรมต่างๆ อย่างถี่ถ้วนเป็นประโยชน์แก่การปราบปรามผู้ร้าย ประกอบกับให้สัญญาว่า ถ้าพ้นโทษจะทิ้งความชั่วไม่เป็นโจรผู้ร้ายต่อไปจนตลอดชีวิต เมื่อพ้นโทษนายจันทร์ไม่ประสงค์จะกลับไปอยู่เมืองปทุมธานี ขออยู่รับใช้สอยที่เมืองนครปฐมต่อไป เจ้าพระยาศรีวิชัยว่า พวกโจรปล้นยังถือสัจจะ ถ้ากลับใจแล้วพอไว้ใจได้ สมเด็จฯ จึง ได้รับไว้เป็นพนักงานเฝ้าเรือนบังกาโล เมื่อได้งานแล้วนายจันทร์ก็ย้ายครอบครัวมาอยู่เมืองนครปฐม แต่นั้นก็อยู่เย็นเป็นสุขสืบมาทั้งครัวเรือน
(นิทานโบราณคดี โดย สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ)

            สาระที่ควรกล่าวถึงมีดังนี้
            ๑. ในการรบ ถ้ารู้ตื้นลึกหนาบางของข้าศึกเป็นอย่างดี แม้รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง ในการปราบโจรผู้ร้ายก็เช่นกัน ถ้ารู้ซึ้งถึงจุดอ่อนของพวกโจรผู้ร้าย การปราบปรามโจรผู้ร้ายย่อมได้ผลดี เมื่อมีคดีเกิดขึ้นก็สามารถจับผู้ร้าย (ไม่ใช่แพะ) ได้รวดเร็ว ทั้งทำให้ผู้ร้ายยอมรับสารภาพ โดยดี

            ๒. เหตุที่ทำให้โจรจันทร์ยอมรับสารภาพมี ๓ ประการคือ
๒.๑ หมดอาย เพราะมาอยู่ต่างถิ่นที่ไม่มีคนรู้จักทั้งชื่อสกุลและหน้าตา ถึงสารภาพว่าเป็นโจรก็ไม่ทำให้เสื่อมเสียถึงวงศ์ตระกูล ซึ่งอยู่ต่างเมือง เพราะสมัยนั้นการสื่อสารยังไม่ก้าวหน้า
๒.๒ หมดกำลังใจ การอยู่ตัวคนเดียวในต่างถิ่น หาคนรู้จักหรือญาติมาเยี่ยมให้กำลังใจไม่ได้เลยสักคน ย่อมทำให้เงียบเหงาและหมดกำลังใจ ประกอบกับพวกก็รับสารภาพหมดแล้ว ก็ยิ่งหมดกำลังใจ
๒.๓ หมดความอดทน วิธีสอบสวนอันชาญฉลาดของเจ้าคุณเทศา ไม่ได้ทำร้ายร่างกายให้บอบช้ำ แต่ทำให้โจรจันทร์เกิดความรำคาญใจ เมื่อถูกซักถามบ่อยเข้าก็ยิ่งรำคาญใจหนักขึ้น ในที่สุดก็เบื่อเหลือทน หมดความอดทน ยอมรับสารภาพเพื่อให้พ้นไปจากการซักถาม อันน่าเบื่อหน่ายนั้นเสีย การเกิดความรำคาญใจจนทนไม่ได้นี้ ตรงกับสำนวนไทยว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก

            ๓. โจรจันทร์ได้รับพระราชทานโทษ เพราะได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการปราบปรามโจรผู้ร้ายแก่ทางการ และสำนึกผิดยอมให้สัญญาว่าจะกลับตัวเป็นพลเมืองดี เลิกเป็นโจรตลอดชีวิต เมื่อพ้นโทษแล้ว ก็มีงานทำและมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข วิถีชีวิตในตอนแรกของเขาเปรียบเหมือนพระจันทร์ที่อับแสง เพราะถูกเมฆหมอกคือความชั่วปกคลุม ภายหลังเมื่อละชั่วกลับตัวมาเป็นคนดี ชีวิตก็สว่างรุ่งเรืองขึ้นเหมือนจันทร์เพ็ญที่พ้นจากเมฆ

            ๔. ผู้ที่ได้หลงผิดหรือกำลังหลงผิด ควรเอาอย่างโจรจันทร์โดยหันหลังให้ความชั่ว กลับตัวมาสู่ความดี ถ้ามัวชักช้า การเริ่มต้นใหม่ก็อาจจะสายไป

                                    เวลา และวารี                 มิได้มี ที่รอใคร
                                    เรือเมล์ และรถไฟ             ก็ต้องไป ตามเวลา
                                    โอ้เอ้ และอืดอาด              มักจะพลาด ปรารถนา
                                    พลาดแล้ว จะโศกา             อนิจจา เราช้าเอง
                                                                                    (สำนวนเก่า)

 

 

     

สารบัญ
คำนำ 11. ฉลาดพูด
1. ปัญญา 12. จันทร์พ้นเมฆ
2. เกลือจิ้มเกลือ 13. สตรีก็มีปัญญา
3. ขว้างงูไม่พ้นคอ 14. น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ
4. หนามบ่งหนาม 15. ชีวกโกมารภัจจ์
5. บัณฑิตแห่งมิถิลานคร 16. กุศโลบาย
6. ปราชญ์เถื่อนเผชิญปราชญ์... 17. มิตรดีเป็นศรี
7. พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ 18. นกรู้
8. ฉลาดใช้ 19. ศิษย์มีครู
9. เงินต่อเงิน 20. เขียนเสือให้วัวกลัว
10. ปราบพยศ   ดาวน์โหลดหนังสือเล่มนี้
   
 
 
 
 
 
 
 
  หน้าหลัก l หนังสือธรรมะ l เสียงสวดมนต์ mp3 l เสียงธรรม mp3 l บทสวดมนต์ l สมาธิ l รูปภาพ
ดาวน์โหลด e-book l ห้องสวดมนต์ออนไลน์  l กระดานสนทนา l ห้องสนทนา chat  l สมุดเยี่ยม lรวมเว็บ
 
จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
ขึ้นบน