เว็บบอร์ด สนทนาธรรม สอบถามห้องแชดสนทนาธรรมสมุดเยี่ยม ฝากข้อความ ติชมรวมเว็บพระพุทธศาสนารวมรูปภาพ พุทธศิลป์ พระพุทธเจ้า พระพุทธรูป พระเจดีย์ พระสงฆ์
  ตั้งเป็นหน้าแรก   เก็บเข้า Favorites   สั่งพิมพ์   แจ้งปัญหา
   
 
 
 
สารบัญหลัก
  หน้าหลัก
  หนังสือธรรมะ
  บทสวดมนต์
  เสียงธรรม mp3
  เสียงสวดมนต์ mp3
  ห้องสวดมนต์ออนไลน์
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  วัดป่า-พระป่า
  วันสำคัญทางศาสนา
  ดาวน์โหลด e-book
  คำสอนจากครูบาอาจารย์
  บทความ..ธรรมจักร
  รูปภาพ
  กระดานสนทนา
  ห้องสนทนา
  สมุดเยี่ยม
  รวมเว็บ
  ติดต่อทีมงาน
ขึ้นบน
 
เว็บบอร์ด
  สนทนาธรรม
  ข่าวกิจกรรม
  สติปัฏฐาน
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  นิทานธรรมะ
  หนังสือธรรมะ
  บทความธรรมะ
  กวีธรรม
  นานาสาระ
  วิทยุธรรมะ
  สถานที่ปฏิบัติธรรม
  เสียงธรรมออนไลน์
  เสียงสวดมนต์ออนไลน์
  พระพุทธเจ้า
  ประวัติอสีติมหาสาวก
  ประวัติเอตทัคคะ
  ประวัติครูบาอาจารย์
 
 
^-^ มาฝึกสมาธิกันดีกว่า ^-^
 
@ อยากรู้  ประวัติศาสตร์ วงล้อมธรรมจักร ลัญลักษณ์ของพุทธศาสนา  คลิกอ่าน @
 
รวมเว็บพระพุทธศาสนา แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการค้นคว้าหาข้อมูล
 
คำสอนของครูบาอาจารย์ เช่นหลวงปู่ดูลย์,หลวงปู่เทสก์,หลวงพ่อชา,หลวงพ่อพุธ,หลวงพ่อจรัญ,พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เป็นต้น
 
อัลบั้มภาพพระพุทธศาสนา
 
เรือนธรรม - บ้านพักผ่อนทางจิตใจด้วยธรรมะ
 
ขอเชิญเข้ามาร่วมสนทนาธรรมด้วยกันครับ
 
ดูซิ ! ว่ามีใครอยู่ในห้องบ้าง
 
ฝากข้อความติชมของท่านได้ที่นี่ครับ
 
 
 
 
   ธรรมจักร   หนังสือธรรมะ กรรมลิขิต ปรับขนาดตัวอักษร เพิ่มขนาด ลดขนาด ขนาดปกติ
 
บุญมาวาสนาช่วย

            วันหนึ่งในสมัยสงครามเอเชียบูรพา วันนั้นดูเหมือนเป็นวันวิสาขบูชา และเป็นวันแรกที่เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรโจมตีพระนครในเวลากลางวัน ข้าพเจ้า (ท. เลียงพิบูลย์) ได้มาแถวถนนพาหุรัด เสียงสัญญาณภัยทางอากาศได้ดังขึ้น ขณะนั้นภาพยนต์รอบเช้าเลิกพอดี ผู้คนต่างวิ่งหนีกันชุลมุน เสียงร้องไห้ระเบ็งเซ็งแซ่ ในเมื่อระเบิดตกลงใกล้ๆ

             ข้าพเจ้าได้เร่งฝีเท้าเดินผ่านโรงภาพยนต์ ตั้งใจว่าจะเข้าไปหลบภัยในวัดแห่งหนึ่ง บังเอิญข้างหน้ามีเด็กหญิงเล็กๆ อายุประมาณ ๓ ขวบเดินหลงทางร้องไห้อยู่คนเดียวไม่มีใครเอาใจใส่ ข้าพเจ้ารู้สึกสงสาร แม้ตัวเองจะกลัวเพียงไร ก็ไม่สามารถจะปล่อยให้เด็กตกอยู่ในอันตรายได้ เมื่อคิดว่าจะต้องช่วย ข้าพเจ้ารีบวิ่งไปหาเพื่อจะได้อุ้มหลบไปทางอื่น รู้สึกว่าเสียงระเบิดเป็นระยะๆ ได้ใกล้เข้ามาทุกที พอข้าพเจ้าจวนจะถึงเด็กก็พอดีเด็กล้มคว่ำ

             ข้าพเจ้าย่อตัวก้มลงไปอุ้ม เสียงระเบิดและสะเก็ดตกลงใกล้ตัวทำให้หมวกกะโล่ที่สวมอยู่บนศีรษะถูกปาดยอดไปเหมือนถูก     คมมีดโกน ลมปะทะวาบเย็นศีรษะ ข้าพเจ้าเกือบคะมำล้มทับเด็กลงไป มันเป็นนาทีแห่งชีวิตของการอยู่กับตาย ถ้าไม่ก้มลงอุ้มเด็กน้อยที่ล้มลง ข้าพเจ้าคงกลายเป็นผีไม่มีญาติ เพราะบางคนถูกระเบิดแล้วเสื้อผ้าหายไปหมด เนื้อตัวแหลกเหลวจนจำไม่ได้ จิตใจที่เป็นกุศลได้ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดตาย

             ข้าพเจ้าอุ้มเด็ก กำลังข้ามถนน เห็นมีคนถูกสะเก็ดระเบิดนอนคอพับเลือดไหลโซมกาย เศษอิฐ เศษปูน เศษไม้เกลื่อนถนน และมีศพคนตายหลายศพอยู่ในที่ต่างๆ กัน ข้าพเจ้ากับเด็กน้อยโชคดีมาก
เสียงระเบิดค่อย ๆ ห่างหายไป ข้าพเจ้าอุ้มเด็กวิ่งข้ามถนน เข้าประตูวัดสุทัศน์ เห็นในวัดมีคนมา หลบภัยมาก ทั้งชายหญิง เด็กผู้ใหญ่ มองเห็นหญิงผู้หนึ่งอายุประมาณ ๓๐ ปี กำลังเดินร้องไห้ มีหญิง ๓-๔ คนและเด็กเดินตามออกมา กำลังเถียงกันเรื่องเด็กหาย

             หญิงนั้นเห็นข้าพเจ้าอุ้มเด็ก ก็รีบวิ่งมารับเด็ก เด็กก็โผเข้าหา ร้องเรียก แม่ หญิงนั้นรับเด็กจากมือข้าพเจ้าไปกอดรัดเหมือนกับว่าจะไม่ยอมให้จากไปอีก พวกที่ตามมาก็พากันห้อมล้อมดีอกดีใจ

             ข้าพเจ้าถือโอกาสที่พวกญาติของเด็กกำลังตื่นเต้นดีอกดีใจ รีบเดินผ่านฝูงชนเข้าไปบริเวณโบสถ์ แล้วเดินออกอีกประตูหนึ่งเพื่อหาทางกลับ ข้าพเจ้าเป็นสุขใจ สิ่งที่ข้าพเจ้าทำไปนั้นได้เห็นผลทันตา ข้าพเจ้าช่วยเด็กน้อยคนเดียว ทำให้อีกหลายคนมีความสุข
                                                                 (กฎแห่งกรรม โดย ท. เลียงพิบูลย์ เล่ม ๑)

             ท. เลียงพิบูลย์ ได้เล่าถึงประสบการณ์ของเพื่อนซึ่งเป็นนายอำเภอ ความว่า

             ครั้งหนึ่ง นายอำเภอได้ไปราชการที่ตัวจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อเสร็จงานแล้วก็เวลาจวนเที่ยง  ตั้งใจจะ รีบกลับ พอดีเพื่อนสนิท ๓ คนเชิญให้ไปรับประทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง สั่งอาหารแล้วทั้งสี่ก็นั่งสนทนากัน เมื่ออาหารเสร็จก็ตักข้าวใส่จานเตรียมรับประทาน

             ขณะนั้นเสียงหวูดจากเรือเมล์ก็ดังขึ้นเป็นระยะๆ เป็นสัญญาณว่าเรือกำลังจะออก นายอำเภอรีบลุกขึ้นจากโต๊ะและออกปากลา พวกเพื่อนก็บอกว่าจะให้เด็กไปบอกนายท้ายเรือให้รอนายอำเภอกินข้าวก่อน แต่นายอำเภอปฏิเสธ เพราะไม่ต้องการให้คนจำนวนมากรอตนคนเดียว

             แม้เพื่อนจะขอให้รับประทานเพียงสองสามคำ นายอำเภอก็ไม่ยินยอม รีบเรียกเรือจ้างให้ไปส่งที่เรือเมล์ เมื่อไปถึงไม่นานเรือก็ออกตรงเวลา นายอำเภอก็กลับถึงที่อยู่โดยเรียบร้อย

             รุ่งขึ้น นายอำเภอก็ได้รับข่าวว่า หลังจากที่ตนจากมาแล้ว เพื่อนทั้งสามก็รับประทานอาหารที่จัดไว้ เมื่อถึงบ้านก็ปวดท้องและท้องเดินอย่างรุนแรงทั้งสามคน หมอตรวจพบว่าเป็นอหิวาตกโรคอย่างแรง หมอได้พยายามช่วยอย่างสุดความสามารถ แต่พอกลางดึกคืนนั้น ทั้งสามคนก็หมดลมในระยะเวลาใกล้ๆ กัน
                                                                 (กฎแห่งกรรม โดย ท. เลียงพิบูลย์ เล่ม ๑)


             เมื่อกลางปี พ.ศ. ๒๔๖๔ เรือเดินสมุทรชื่อ เรือผ่านสมุทร ซึ่งมีขนาด ๓,๐๐๐ ตัน บรรทุกสินค้าและผู้โดยสารชาวจีนประมาณ ๓๐๐ คน ออกเดินทางจากอ่าวไทยไปฮ่องกง เรือลำนี้มีมิสเตอร์แม็คลีน ชาวอังกฤษเป็นกัปตัน มิสเตอร์เฮ็นนี่เป็นต้นกล ต้นเรือเป็นทหารเรือไทยชื่อเรือโทประยูร

             เมื่อเรือผ่านสมุทรย่างเข้าเขตทะเลจีน ก็เริ่มมืดมนไปทุกทิศทุกทาง กัปตันต้นกลและต้นเรือได้ประชุมกันเพื่อหาทางรับมือกับสถานการณ์อันร้ายแรง ในขณะที่คลื่นลมในทะเลเริ่มแรงขึ้นเป็นลำดับ เรือผ่านสมุทรโยนตัวโต้คลื่นไม่ไหวแล้ว ต้องใช้วิธีมุดคลื่นที่มีขนาดเท่าภูเขาเลากา อากาศมืดลงเป็นลำดับจนเกือบจะเป็นกลางคืน

             เสียงอื้ออึงของพายุหมุนและคลื่นที่สาดซัดเข้ามาท่วมลำเรือ ทำให้ผู้โดยสารชาวจีนเริ่มหลั่งไหลออกมาที่กราบเรือเพราะเกรงเรือจะจม เรือโทประยูรกลัวพวกจีนที่เกะกะอยู่ตามกราบเรือจะถูกคลื่นซัดหรือพายุพัดตกทะเล จึงออกคำสั่งให้ทุกคนเข้าไปอยู่ในระวางท้องเรือ และให้กลาสีเอากุญแจใส่ไว้อย่างแข็งแรง  พวกจีนเข้าใจว่า เรือไทยลำนี้จะขังพวกตนทั้งหมดให้จมน้ำตาย ต่างพากันตบประตูและร้องตะโกนเสียงดังลั่น เด็กเล็กก็ร้องไห้กันกระจองอแง แต่เรือโทประยูรสั่งเด็ดขาดไม่ให้ไขกุญแจปล่อยตัวออกมา เมื่อกัปตันและต้นกลถามถึงเหตุผล   เขาก็ตอบว่า ถ้าเรืออับปางลง ทุกคนก็ต้องฝังร่างกลางทะเลจีนนี้แน่นอน ถึงจะปล่อยจีนพวกนี้ออกมา ก็ไม่มีหวังรอดชีวิตสักคน ถ้าโชคดีเรือรอดพ้นจากการอับปาง คนทั้งลำรวมทั้งพวกจีนที่ถูกขังก็จะรอดชีวิตทั้งหมดไม่มีตกหล่น

             ทันใดนั้น คลื่นขนาดใหญ่กว่าภูเขาก็สาดซัดเข้ามาดังสนั่นหวั่นไหว กัปตันและต้นกลถูกซัดกระเด็นไปฟุบอยู่หัวเรือ โชคดีเหนี่ยวประตูเคบินแห่งหนึ่งไว้ได้ ส่วนเรือโทประยูรกระเด็นออกไปนอกทะเลลึกหายวับไปกับตา

             เมื่อคลื่นยักษ์ผ่านไปแล้ว กัปตันพยายามมองฝ่าไปในทะเลที่กำลังเป็นบ้า เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของต้นเรือ เขาก็น้ำตาคลอ กระทำพิธีส่งวิญญาณทั้งที่ตัวเองเปียกโชกไปหมดด้วยน้ำทะเล พลางพึมพำว่า ต้นเรือได้ปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองผู้โดยสารถูกต้องแล้ว แต่ตัวเองกลับต้องเสียชีวิตลง เขาร้องออกมาเป็นคำสุดท้ายว่า มายก็อด! พระเจ้าไม่ช่วยชีวิตต้นเรือของข้าพเจ้าเสียเลย

             พอขาดคำ คลื่นมหึมาอีกลูกหนึ่งก็ซัดตึงเข้ามาจนกัปตันกระเด็นไปทางหนึ่ง เมื่อลุกขึ้นมาได้ กัปตันขยี้ตาโดยไม่เชื่อสายตาของเขาเอง ร่างที่คลื่นซัดเข้ามานั้น เป็นร่างของมนุษย์ที่ยังเป็นๆ แต่เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง หน้าตาเกือบไม่ใช่คน ปากซีด ตัวสั่น นอนคว่ำหน้าอยู่ที่ปลายเท้าของเขา ร่างนั้นคือเรือโทประยูร ต้นเรือที่เขาทำพิธีส่งวิญญาณ ไปเมื่อครู่นี้เอง

             เมื่อกัปตันเข้าไปพลิกตัว ต้นเรือก็ลืมตาขึ้นพลางถามว่า กัปตันและต้นกลปลอดภัยหรือ ? กัปตันกอดเขา และตอบด้วยเสียงกระเส่าว่า พระเจ้าส่งท่านกลับคืนมาเป็นต้นเรืออีกแล้วละ

             หลังจากตกอยู่ในศูนย์กลางของไต้ฝุ่นถึง ๒๐ กว่าชั่วโมง ฟ้าก็สว่าง แดดส่องจ้า เรือผ่านสมุทรก็รอดพ้นอันตรายมาได้ในสภาพที่เอียงกระเท่เร่ เสากระโดงหักสะบั้น เรือโบตทุกลำแตกละเอียดหมด ประตูหน้าต่างเคบินหักวินาศ

             เมื่อพยายามถูลู่ถูกังไปจนถึงฮ่องกง แทนที่จะสาปแช่งต้นเรือ พวกผู้โดยสารชาวจีนกลับพากันกราบไหว้อยู่แทบเท้าของต้นเรือในฐานะที่เอาพวกเขาไปขังไว้จน  รอดตาย กันถ้วนหน้าและเรี่ยไรเงินจ้างคณะงิ้วชื่อดังของฮ่องกงมาแสดงที่ปากเรือ ๓ วัน เพื่อแก้บน

             ต้นเรือผู้นั้นคือ จอมพลเรือหลวงยุทธศาสตร์โกศล อดีตผู้บัญชาการทหารเรือนั่นเอง
                                                                          (๕๐ บุคคลสำคัญ โดย ไทยน้อย)


             ประเด็นที่ควรกล่าวถึงมีดังนี้
            ๑. คำว่า บุญ แปลว่า สะอาด ผุดผ่อง เมื่อกล่าวตามหลักพระพุทธศาสนาอาจแบ่งความหมายได้เป็น     ๓ ประการคือ
                  ๑.๑ เมื่อกล่าวโดยสภาพของจิต ได้แก่ ความบริสุทธิ์สะอาดผ่องใสแห่งจิต
                  ๑.๒ เมื่อกล่าวโดยเหตุ ได้แก่ การทำคุณงามความดีทุกอย่าง
                  ๑.๓ เมื่อกล่าวโดยผล ได้แก่ ความสุขความเจริญ

                   ๒. ทุกชีวิตต่างตกอยู่ใต้อิทธิพลของธรรมชาติ ต่างเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกัน มีทุกข์ร่วมกัน คือ ต้องแก่ เจ็บ ตาย กันถ้วนหน้า ดังนั้น ท่านจึงกล่าวว่า นอกจากการช่วยเหลือและแบ่งปันซึ่งกันและกันแล้ว สัตว์ทั้งปวงหามีที่พึ่งอื่นไม่

             ๓. ผู้ที่มีใจสูงย่อมช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังแม้เพียงคำขอบใจ หวังเพียงให้ผู้ที่มีทุกข์ได้พ้นทุกข์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อทำเหตุแล้ว แม้จะไม่หวังผล ผลที่สมควรแก่เหตุที่ทำย่อมเกิดเอง เรื่องที่นำมาเสนอนี้ย่อมเป็นอุทาหรณ์ว่า การช่วยเหลือผู้อื่นเท่ากับช่วยเหลือตนเอง

 

     
 

สารบัญ
ความนำ ๒๒. ตาต่อตา
๑. กรรมลิขิต ๒๓. คดไม่คุ้ม
๒. นิยาม ๕ ๒๔. ร้อนไม่จริง
๓. กรรมชั่วและกรรมดี ๒๕. สายเกินไป
๔. ผลของกรรม ๒๖. ดวงจะช่วยอะไรได้
๕. วิบัติและสมบัติ ๒๗. พลั้งปากเสียเงิน
๖. กรรม ๑๒ ๒๘. เสียสัตย์เสียชีพ
๗. มรณสมัย ๒๙. ปากมีสี
๘. นรกสวรรค์ ๓ ประเภท ๓๐. บทเรียนจากชีวิตเพื่อน
๙. ภูมิ ๓๑ ๓๑. คบคนชั่วปราชัย
๑๐. หลักฐานเรื่องนรกสวรรค์จากพระไตรปิฎก ๓๒. อานิสงส์เมตตา
๑๑. เหตุการณ์ปัจจุบันที่พิสูจน์ว่าตายแล้วเกิด ๓๓. พ้นเพราะบุญ
๑๒. ผู้เห็นผิด ๓๔. มาร้ายไปดี
๑๓. ที่ลับไม่มีในโลก ๓๕. ผู้โชคดี
๑๔. หนีไม่พ้น ๓๖. อานิสงส์ศีล
๑๕. หลาวนั้นคืนสนอง ๓๗. ทรชนคนบาป
๑๖. กรรมที่ตามราวีท่านนายพล ๓๘. ปลาเป็นเหต
๑๗. นกก็มีหัวใจ ๓๙. บุญมาวาสนาช่วย
๑๘. คู่เวร ๔๐. เข็ดจริงๆ
๑๙. ธุลีทวนลม ๔๑. บั้นปลายของวายร้าย
๒๐. มนุษย์เปรต ๔๒. นานาทัศนะจากผู้อ่าน
๒๑. ห่วงหนี้ ดาวน์โหลด หนังสือเล่มนี้
   
   
 
 
 
 
 
 
 
  หน้าหลัก l หนังสือธรรมะ l เสียงสวดมนต์ mp3 l เสียงธรรม mp3 l บทสวดมนต์ l สมาธิ l รูปภาพ
ดาวน์โหลด e-book l ห้องสวดมนต์ออนไลน์  l กระดานสนทนา l ห้องสนทนา chat  l สมุดเยี่ยม lรวมเว็บ
 
จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
ขึ้นบน