เว็บบอร์ด สนทนาธรรม สอบถามห้องแชดสนทนาธรรมสมุดเยี่ยม ฝากข้อความ ติชมรวมเว็บพระพุทธศาสนารวมรูปภาพ พุทธศิลป์ พระพุทธเจ้า พระพุทธรูป พระเจดีย์ พระสงฆ์
  ตั้งเป็นหน้าแรก   เก็บเข้า Favorites   สั่งพิมพ์   แจ้งปัญหา
   
 
 
 
สารบัญหลัก
  หน้าหลัก
  หนังสือธรรมะ
  บทสวดมนต์
  เสียงธรรม mp3
  เสียงสวดมนต์ mp3
  ห้องสวดมนต์ออนไลน์
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  วัดป่า-พระป่า
  วันสำคัญทางศาสนา
  ดาวน์โหลด e-book
  คำสอนจากครูบาอาจารย์
  บทความ..ธรรมจักร
  รูปภาพ
  กระดานสนทนา
  ห้องสนทนา
  สมุดเยี่ยม
  รวมเว็บ
  ติดต่อทีมงาน
ขึ้นบน
 
เว็บบอร์ด
  สนทนาธรรม
  ข่าวกิจกรรม
  สติปัฏฐาน
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  นิทานธรรมะ
  หนังสือธรรมะ
  บทความธรรมะ
  กวีธรรม
  นานาสาระ
  วิทยุธรรมะ
  สถานที่ปฏิบัติธรรม
  เสียงธรรมออนไลน์
  เสียงสวดมนต์ออนไลน์
  พระพุทธเจ้า
  ประวัติอสีติมหาสาวก
  ประวัติเอตทัคคะ
  ประวัติครูบาอาจารย์
 
 
^-^ มาฝึกสมาธิกันดีกว่า ^-^
 
@ อยากรู้  ประวัติศาสตร์ วงล้อมธรรมจักร ลัญลักษณ์ของพุทธศาสนา  คลิกอ่าน @
 
รวมเว็บพระพุทธศาสนา แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการค้นคว้าหาข้อมูล
 
คำสอนของครูบาอาจารย์ เช่นหลวงปู่ดูลย์,หลวงปู่เทสก์,หลวงพ่อชา,หลวงพ่อพุธ,หลวงพ่อจรัญ,พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เป็นต้น
 
อัลบั้มภาพพระพุทธศาสนา
 
เรือนธรรม - บ้านพักผ่อนทางจิตใจด้วยธรรมะ
 
ขอเชิญเข้ามาร่วมสนทนาธรรมด้วยกันครับ
 
ดูซิ ! ว่ามีใครอยู่ในห้องบ้าง
 
ฝากข้อความติชมของท่านได้ที่นี่ครับ
 
 
 
 
   ธรรมจักร   หนังสือธรรมะ กรรมลิขิต ปรับขนาดตัวอักษร เพิ่มขนาด ลดขนาด ขนาดปกติ
 
นรกสวรรค์ ๓ ประเภท

                    พุทธศาสนาสอนว่า นรกสวรรค์นั้นมีอยู่จริง และได้แบ่งแยกนรกสวรรค์ไว้เป็น ๓ ประเภท คือ
                 ๑. สวรรค์ในอกนรกในใจ ได้แก่อารมณ์ทางทวารทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถ้าได้เสพอารมณ์ที่เป็นที่ตั้งแห่งความสุข เป็นที่พออกพอใจแล้วก็เรียกว่าสวรรค์ ตรงกันข้าม ถ้าอารมณ์ที่เสพไม่เป็นที่พอใจ ก็ถือว่าเป็น นรก เป็นนรกสวรรค์ที่เห็นกันได้ในปัจจุบันนี้ ชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า

                 ๒. นรกสวรรค์ในโลกนี้ที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ ได้แก่ความเป็นอยู่ภายนอกของมนุษย์ในโลกนี้ ที่มีความมั่งมีศรีสุข มีความเป็นอยู่อุดมสมบูรณ์ มีเครื่องใช้สอยประณีตเหนือมนุษย์สามัญ มีความเป็นอยู่สะดวกสบายราวกับอยู่ในสวรรค์ ตรงกันข้าม ถ้าเกิดมายากจน ขาดแคลนเสื้อผ้าอาหาร บ้านก็ไม่มีต้องเที่ยวเร่ร่อนไป มีชีวิตอยู่อย่างลำบากยากแค้น หรือมีโรคเรื้อรังรักษาไม่หาย เป็นคนพิการ ตาบอด หูหนวก บ้าใบ้ ง่อยเปลี้ยเสียขา อยู่อย่างทรมานไปวันๆ อย่างนี้ก็เรียกว่านรก

                นายแพทย์ไมคลอส นีซลิ เป็นเชลยชาวยิวซึ่งโชคดีมีชีวิตรอดจากค่ายกักกันของพวกนาซี เขาได้บรรยายถึงค่ายกักกันเชลย ซึ่งมีสภาพอันทารุณโหดร้ายราวกับนรกบนดิน ความบางตอนว่า

                 พวกเยอรมันบังคับให้พวกเชลยขึ้นรถไฟหลายขบวน แต่ละขบวนมีตู้รถประมาณ ๔๐-๕๐ ตู้ และแต่ละตู้ต้องเบียดเสียดกันแน่นประมาณ ๘๐-๙๐ คน แทบไม่มีที่นอนหรือเหยียดแขนขา ซ้ำร้ายภายในตู้ ก็มืดทึบและอากาศก็อุดอู้ แถมไม่มีส้วมให้ใช้ คิดดูเอาเถอะว่านี่มันนรกหรืออะไรกันแน่ พวกเชลยต้องทรมานอยู่ในตู้รถไฟ ซึ่งมีคนป่วยและคนตายนอนกองทับกันรอบตัวถึงห้าวันกว่าจะเดินทางมาถึงค่ายกักกัน

                 ภายในค่ายหลายแห่ง ในแต่ละวันจะมีนักโทษประมาณ ๘๐๐-๑,๐๐๐ คน ถูกอัดเพิ่มเข้าไปในกรงขังจนแทบไม่มีที่อาศัยหลับนอน บางแห่งนักโทษยัดทะนานจนไม่สามารถเหยียดแขนขาออกไปรอบข้างได้สะดวก ในเวลากลางคืน พวกเขาจะพากันนอนหลับทั้งนอนตามยาวหรือไขว้กันโดยเอาหัวหนุนเท้า คอ หน้าอก สลับกันไป

                 พวกนักโทษไม่มีเวลานอนหลับสบายโดยตลอด เวลาตี ๓ มีสัญญาณแตรปลุกให้ตื่น ใครนอนขี้เซาหรือกำลังสะลึมสะลือจะถูกปลุกด้วยกระบอง หรือทั้งเตะทั้งถีบ บางครั้งถูกราดด้วยน้ำทั้งถังจน เปียกโชก ทุกคนต้องรีบวิ่งออกไปเข้าแถวนอกคุกเพื่อขานชื่อ กว่าจะเสร็จก็เวลา ๗.๐๐ น. ในขณะขานชื่อ หากแถวใดไม่ตรง นักโทษในแถวนั้นต้องเพิ่มเวลายืนนานกว่าแถวอื่นอีกหนึ่งชั่วโมง พร้อมกับชูมือเหนือศีรษะตลอดเวลา ทำให้ขาสั่นด้วยความเมื่อยล้าและหนาวเหน็บ ในกรณีที่มีคนตายในคุก ซึ่งมีวันละ ๕-๖ คนเป็นประจำ บางวันมีคนตายถึง ๑๐ คน ศพคนตายทั้งหมดจะต้องนำมาเข้าแถวขานชื่อด้วย โดยให้นักโทษสองคนช่วยพยุงศพคนตายหนึ่งศพยืนเข้าแถว ทั้งๆ ที่บางศพดูน่าเกลียดน่ากลัวหรือน่าสมเพชมากทีเดียว สภาพของศพอยู่ในลักษณะเปลือยกาย แข็งทื่อ คอพับ ส่งกลิ่นเน่าเหม็น ศพจะถูกพยุงยืนอยู่ในแถวจนกว่าการขานชื่อนักโทษทั้งหมดจะเสร็จสิ้น ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ลำเลียงศพไปยังเตาเผา โดยปล่อยทิ้งไว้ในคุกเป็นเวลานานหลายวัน ศพที่ปล่อยทิ้งไว้จะถูกนำมาเข้าแถวขานชื่อทุกครั้งจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาขนศพไปเผา

                 พวกนักโทษหญิงส่วนใหญ่คิดจะหนีให้พ้นจากความทุกข์ทรมาน แต่กลัวถูกตามล่าจึงจำต้องทนอาศัยอยู่ในคุกต่อไป พวกเธอต้องแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเก่า เน่าเหม็นยิ่งกว่าผ้าขี้ริ้ว ต้องทนสู้กับความหนาวเหน็บ และความหิวกระหายที่เกาะกุมจิตใจอยู่ตลอดเวลา ในวันฝนตก หลังคาคุกรั่ว น้ำฝนไหลลงมา ทำให้นักโทษเปียกปอนไปตามๆ กัน และต้องทนใส่ชุดเปียกชื้นไปตลอดวันตลอดคืน อาหารที่ได้รับแจกสกปรกพอๆ กับน้ำล้างจาน รสชาติเฝื่อน มีกลิ่นเน่าเหม็น แต่ทุกคนต้องกล้ำกลืนเพื่อความอยู่รอด เนื่องจากอาหารไม่มีคุณภาพ สารไข่ขาวที่มีอยู่ในร่างกายขาดแคลน เป็นเหตุให้ขาของพวกเธอหนักขึ้นๆ การขาดแคลนไขมันทำให้ร่างกายบวมฉุ ระดูที่เคยมีก็ขาดหายไป ทำให้มีอารมณ์หงุดหงิด อาการโรคจิตโรคประสาทเกิดขึ้น และมีอาการปวดหัวข้างเดียว มีเลือดไหลออกทางจมูก  ผลจากการขาด ไวตามินบีทำให้เซื่องซึม ขี้หลงขี้ลืม ไม่สามารถจดจำอะไรได้ง่าย พวกเธอลืมแม้กระทั่งเลขบ้านที่เคยอาศัย เหลือเพียงดวงตาเท่านั้นที่บอกให้รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่

                 ชีวิตมนุษย์คือความพยายามต่อสู้กับสิ่งที่เรียกว่า สัญชาตญาณแห่งความตาย เพราะความจริงมีอยู่ว่า คนเรากลัวตาย แต่สำหรับเชลยในค่ายกักกันแห่งนี้ นักโทษส่วนใหญ่พอใจกับการที่จะถูกประหารชีวิต นี่คือเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ทำไม ? เพราะเหตุใด ?

                 มีอยู่หลายครั้งที่ทำให้ชาวยิวหลายหมื่นคน ต้องนั่งรอคอยเพชฌฆาตประหารชีวิตตนเป็นเวลาหลายวัน เนื่องจากคิวเรียงแถวเดินเข้าไปยังโรงงานฆ่ามนุษย์ไม่ว่าง ทั้งๆ ที่เปลวไฟและควันกลิ่นไหม้ผมและเศษเนื้อมนุษย์พวยพุ่งออกจากปล่องของเตาเผาทั้งวันทั้งคืน

                 ริชาร์ด ชีเวอร์ แห่งนครนิวยอร์ก กล่าวไว้ว่า

                สภาพความโหดร้ายและน่าสะพรึงกลัวในค่ายกักกันเชลยของเยอรมัน ทำให้นักโทษส่วนใหญ่ที่รอดชีวิตไปได้ต้องเสียสุขภาพจิตอย่างหนัก บางคนพยายามสร้างชีวิตใหม่หลังจากได้รับอิสรภาพแล้วหลายปี แต่ก็ไม่อาจลืมเหตุการณ์อันเลวร้ายในค่ายกักกันเชลยได้ มันบั่นทอนสุขภาพทางจิตและทางกาย จนทำให้พวกเขาต้องประสบกับโรคภัยไข้เจ็บ นับตั้งแต่โรคประสาท โรคจิต และโรคร้ายต่างๆ ถึงกับเสียชีวิตไปในที่สุดหลายรายด้วยกัน

                 หญิงสาวคนหนึ่งได้รับอิสรภาพเมื่อเธอมีอายุ ๑๖ ปีพอดี   แต่นับว่าน่าเศร้ามาก     ในที่สุดเธอฆ่าตัวตายที่กรุงปารีส เมื่อปี ค.ศ. ๑๙๕๔ นับเป็นเวลาเกือบสิบปีหลังจากเธอได้รับอิสรภาพรอดพ้นจากค่ายนรก  เธอกลับไปสู่อ้อมอกแห่งวัฒนธรรมอันดีงาม ได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่เธอรัก ฐานะการเงินของครอบครัวเธอดีมาก เธอให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ก่อนที่เธอจะพบจุดจบของชีวิต นับเป็นเวลานานถึงหกเดือนที่เธอต้องต่อสู้กับภัยที่เกิดจากจิตใต้สำนึก ซึ่งบันทึกเอาภาพอันเลวร้าย ที่เกิดจากความทรงจำในอดีตในค่ายกักกันเชลยของเยอรมัน
                                              (ยมทูตแห่งค่ายนรกนาซี บรรยง บุญฤทธิ์ แปล-เรียบเรียง)

                วันที่ ๖ ส.ค. ๒๔๘๘ เวลา ๘.๑๕ น. เครื่องบิน B-29 ได้บรรทุกลูกระเบิดปรมาณูมาทิ้งที่เมืองฮิโรชิมา (เกิดระเบิดในท้องฟ้าที่ระดับความสูง ๕๘๐ เมตร) ผลปรากฏว่า

                 ผู้คนที่อยู่ในบริเวณใจกลางระเบิดนั้นตายในทันที ตัวดำเป็นผงถ่านไปหมดเพราะความร้อนบริเวณใจกลางระเบิดสูงถึงสิบล้านดีกรี  (คงเป็นอุณหภูมิที่จุดศูนย์กลางซึ่งร้อนที่สุด อุณหภูมิที่พื้นดินราวสามถึงสี่พันดีกรี) คิดดูว่ามันร้อนสักเพียงไหน (น้ำเดือดที่ร้อยดีกรีเท่านั้น) บ้านเมืองราบเตียนเป็นเศษอิฐไปทั้งเมือง ผู้ที่ไม่ตายทันที เสื้อผ้าที่ห่อหุ้มร่างกายอยู่จะลุกเป็นไฟในพริบตา แขน ขา และใบหน้าก็ลุกไหม้ไปหมด ต่างพากันวิ่งไปตามถนนราวกับหุ่นที่ไร้วิญญาณ โดยไม่รู้ว่าจะวิ่งไปไหน ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวอยู่ในสภาพลุกโพลงโชติช่วงด้วยแสงไฟ

                 ครั้นแล้ว ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นเหมือนกับคนบ้าว่า ไปลงแม่น้ำกันเถิด ทุกคนเห็นดีด้วย ปรากฏว่าในวันโลกาวินาศนั้น มีคนตัวแดงๆ เพราะไฟลวกลงไปแช่ในแม่น้ำสลอนไปหมดเหมือนฝูงสัตว์ แล้วก็ค่อยๆ ตายกันไปทีละ ๑๐-๒๐ คน เพราะทนพิษความร้อนไม่ไหว จนพวกที่ยังไม่ตายรู้สึกว่าตัวมาลอยคออยู่ท่ามกลางซากศพแท้ๆ

                 เมื่อแช่ไปได้สัก ๕-๖ ชั่วโมง น้ำเกิดแห้ง เลยต้องแช่จมอยู่ในโคลน เนื่องจากน้ำที่แช่เป็นน้ำเค็ม เมื่อมาถูกแผลไฟลวกเข้า ก็รู้สึกปวดแสบเหมือนเอามีดมาแทง แต่ก็เป็นมีดที่อบอุ่น ทุกคนยินดีให้มันแทง เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าไปยืนตัวแดง ๆ ด้วยแผลไฟลวกอยู่กลางถนน

                 ไม่เพียงแต่ร่างกายมนุษย์ที่ลุกแดงช่วงโชติเหมือนถ่านในเตาไฟ แม้กระทั่งเมืองทั้งเมืองก็แดงโร่ไปหมด ท้องฟ้าก็แดงเสียจนมองแทบไม่เห็นท้องฟ้า เลยไม่รู้กันว่าจวนสว่างแล้ว พอรุ่งเช้าทุกคนก็วิ่งฝ่ากลุ่ม ควันดำๆ ที่ฟุ้งตลบอยู่เพื่อไปโรงพยาบาล แต่ทางที่จะไปนั้นระเกะระกะไปด้วยเศษเหล็กและซากบ้านเรือนที่พังทลาย มีเสียงคนนอนร้องครวญครางไปตลอดทุกระยะน่าสยดสยอง นั่นไม่ใช่เปรตหรืออสุรกายที่ไหน คนเหมือนกัน

                 ผู้คนที่เสียชีวิตอย่างน้อยมีสามแสนคน ที่เหลือก็พิการ นอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลหรือตามบ้านโดยไม่มีใครเหลียวแล ผู้รอดชีวิตโดยบาดเจ็บเล็กน้อยมีไม่มาก นายคิกกาวาเป็นหนึ่งในบุคคลที่รอดชีวิตและต้องทนอยู่อย่างทรมาน เขาเล่าถึงความหลังว่า

                 ขณะที่กำลังจะผลักประตูเข้าบ้าน ทันทีที่รู้สึกว่ามีแสงประหลาด เขาก็ยกมือขึ้นปิดศีรษะ มือและหลังจึงโดนแสงนั้นเต็มที่ ต่อจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัว มารู้สึกตัวอีกครั้ง ก็พบว่ากำลังนอนอยู่ในบ้านซึ่งเต็มไปด้วยเศษไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อย

                 เมื่อออกมานอกบ้านก็เห็นเพื่อนบ้านคนอื่นๆ วิ่งออกจากบ้าน ทุกคนเหลือแต่ร่างเปลือยและตกใจเหมือนจะเป็นบ้า ตอนนั้นเขาไม่รู้สึกเจ็บ ต่อมาอีก ๒ วันจึงเจ็บมาก เป็นไข้สูง ๔๐ กว่าองศา กินอะไรไม่ได้เลยอยู่ ๑ เดือน ผมร่วงหมด เลือดออกจากจมูกและปากเสมอ เป็นเลือดดำ ไม่ใช่เลือดแดงอย่างที่เห็นกัน และมีหนอนตัวเล็กๆ ออกมา จากผิวหนัง เขานอนเจ็บอยู่ในบ้านเล็กๆ ที่ต่างจังหวัด ๖ เดือน ตลอดเวลานั้นกินได้แต่น้ำอย่างเดียว

                 พ่อแม่ของเขาตายหลังจากถูกระเบิด ๒ วัน เพราะทนพิษบาดแผลไม่ได้ คนที่เจ็บเพราะระเบิดปรมาณูโดยมากตายหมด เหลือไม่ตายราวสี่พันคน พวกที่ตายถือว่าโชคดี คนโชคร้ายเท่านั้นที่รอดเหลือมา  เพราะต้องผจญกับความทรมานอีกมากมาย ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีใครอุปการะ ตายเสียก็ไม่ตาย อยู่ไปก็มืดมนไร้อนาคต

                 เวลานี้ (๕ ปีหลังจากถูกระเบิด) ตัวนายคิกกาวามีแผลเป็นเต็มหลัง หมอได้พยายามลอกเอาหนังที่เสียออก ๑๖ ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ลอกแล้วมันขึ้นมาใหม่ไม่เป็นหนังธรรมดาเลย แต่เป็นหนังเสียทุกครั้งไป นอกจากนี้นิ้วมือเขาก็หงิกงอน่าทุเรศ
                                                  (โฉมหน้าอันแท้จริงของญี่ปุ่น โดย วิลาศ มณีวัต)

                ๓. นรกสวรรค์ที่เป็นปรโลก (โลกอื่น) มองไม่เห็นด้วยตา ได้แก่สวรรค์ที่เป็นโลกจริงๆ มีเทวดาอยู่เป็นตัวเป็นตน เสวยสุขอยู่จริงๆ และนรกที่เป็นโลกจริงๆ มีสัตว์นรกที่กำลังเสวยทุกข์อยู่จริงๆ นรกสวรรค์ประเภทนี้ สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันที่รับรองว่า โลกเรานี้เป็นสะเก็ดที่แตกออกมาจากดาวดวงมหึมา นอกจากโลกเราแล้ว ยังมีดาวดวงอื่นๆ อีก ที่คล้ายคลึงกับโลกเรา ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง จำนวนมากมายนับไม่ถ้วน

                 เชื่อกันว่า ดาวที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้ามีประมาณ ๑,๐๐๐ ล้านดวง แต่ที่มองเห็นด้วยตาเปล่ามีไม่เกิน ๖,๐๐๐ ดวง การนับดาวนับจากภาพที่ถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์ แล้วใช้เครื่องนับที่ทำงานด้วยแสงเลเซอร์และเครื่องคอมพิวเตอร์ ดวงดาวจำนวนมากมายเหล่านั้น อาจจะมีสิ่งมีชีวิตที่เป็นอยู่ด้วยความประณีตสุขุม ดีกว่าโลกของเราทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร อุณหภูมิ หรือดินฟ้าอากาศ นี้แหละเรียกว่าโลกสวรรค์ ในทางตรงกันข้าม ก็อาจมีดาวบางดวงซึ่งมีสิ่งมีชีวิต ที่เป็นอยู่ด้วยความลำบากยากแค้น ยิ่งกว่าคนลำบากที่สุดในโลกของเรา อาหารก็ไม่ดี อุณหภูมิก็ไม่ดี ดินฟ้าอากาศก็ไม่ดี นี้แหละนรกที่เป็นโลกอื่น

 

     
 

สารบัญ
ความนำ ๒๒. ตาต่อตา
๑. กรรมลิขิต ๒๓. คดไม่คุ้ม
๒. นิยาม ๕ ๒๔. ร้อนไม่จริง
๓. กรรมชั่วและกรรมดี ๒๕. สายเกินไป
๔. ผลของกรรม ๒๖. ดวงจะช่วยอะไรได้
๕. วิบัติและสมบัติ ๒๗. พลั้งปากเสียเงิน
๖. กรรม ๑๒ ๒๘. เสียสัตย์เสียชีพ
๗. มรณสมัย ๒๙. ปากมีสี
๘. นรกสวรรค์ ๓ ประเภท ๓๐. บทเรียนจากชีวิตเพื่อน
๙. ภูมิ ๓๑ ๓๑. คบคนชั่วปราชัย
๑๐. หลักฐานเรื่องนรกสวรรค์จากพระไตรปิฎก ๓๒. อานิสงส์เมตตา
๑๑. เหตุการณ์ปัจจุบันที่พิสูจน์ว่าตายแล้วเกิด ๓๓. พ้นเพราะบุญ
๑๒. ผู้เห็นผิด ๓๔. มาร้ายไปดี
๑๓. ที่ลับไม่มีในโลก ๓๕. ผู้โชคดี
๑๔. หนีไม่พ้น ๓๖. อานิสงส์ศีล
๑๕. หลาวนั้นคืนสนอง ๓๗. ทรชนคนบาป
๑๖. กรรมที่ตามราวีท่านนายพล ๓๘. ปลาเป็นเหต
๑๗. นกก็มีหัวใจ ๓๙. บุญมาวาสนาช่วย
๑๘. คู่เวร ๔๐. เข็ดจริงๆ
๑๙. ธุลีทวนลม ๔๑. บั้นปลายของวายร้าย
๒๐. มนุษย์เปรต ๔๒. นานาทัศนะจากผู้อ่าน
๒๑. ห่วงหนี้ ดาวน์โหลด หนังสือเล่มนี้
   
   
 
 
 
 
 
 
 
  หน้าหลัก l หนังสือธรรมะ l เสียงสวดมนต์ mp3 l เสียงธรรม mp3 l บทสวดมนต์ l สมาธิ l รูปภาพ
ดาวน์โหลด e-book l ห้องสวดมนต์ออนไลน์  l กระดานสนทนา l ห้องสนทนา chat  l สมุดเยี่ยม lรวมเว็บ
 
จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
ขึ้นบน