ทมิฬชื่อทีฆชยันตะเอาผ้าแดงบูชาอากาสเจดีย์ซึ่งสูงระฟ้า
ที่สุมนคิริมหาวิหาร ต่อมาตายไปบังเกิดในที่ใกล้อุสสุทนรก
ได้ฟังเสียงเปลวไฟ ก็หวนระลึกได้ถึงผ้าแดงที่ตนนำไปบูชาอากาสเจดีย์
เขาจึงจุติ ไปบังเกิดในสวรรค์
มีอีกคนหนึ่ง ถวายผ้าสาฎกเนื้อเกลี้ยงแก่ภิกษุหนุ่มผู้เป็นบุตร
เวลาที่ทอดผ้าไว้แทบเท้าของภิกษุผู้เป็นบุตร ก็ถือเอานิมิตในเสียงนั้นว่า
แผ่นผ้า ๆ ได้ ต่อมาบุรุษนั้นก็ตายไปบังเกิดในที่ใกล้อุสสุทนรก
หวนระลึกถึงผ้าสาฎกนั้นได้ เพราะได้ยินเสียงเปลวไฟ จึงจุติไปบังเกิดในสวรรค์
(อรรถกถาทูตสูตร
มโนรถปูรณี ภาค ๓)
ประเด็นที่ควรกล่าวถึงมีดังนี้
๑.
บุคคลทั้งสองพ้นจากนรก ด้วยอำนาจของบุญที่ทำในชาติก่อน
จัดเป็นอุปปัชชเวทนียกรรม
๒. แม้จะมียศตำแหน่งสูง มีอำนาจวาสนา มีบริวาร มีทรัพย์สมบัติมากมาย
ก็ไม่สามารถนำติดตัวไป ปรโลกได้ เมื่อตายแล้วต้องละทิ้งสิ่งเหล่านี้ไว้ในโลก
บุญที่ทำไว้เองเท่านั้นที่จะนำติดตัวไปปรโลกได้ บุญเท่านั้นที่เป็น
ที่ซ่อนเร้น เป็นที่พำนัก เป็นที่พึ่งอาศัยของผู้ที่จะไปสู่ปรโลก