เว็บบอร์ด สนทนาธรรม สอบถามห้องแชดสนทนาธรรมสมุดเยี่ยม ฝากข้อความ ติชมรวมเว็บพระพุทธศาสนารวมรูปภาพ พุทธศิลป์ พระพุทธเจ้า พระพุทธรูป พระเจดีย์ พระสงฆ์
  ตั้งเป็นหน้าแรก   เก็บเข้า Favorites   สั่งพิมพ์   แจ้งปัญหา
   
 
 
 
สารบัญหลัก
  หน้าหลัก
  หนังสือธรรมะ
  บทสวดมนต์
  เสียงธรรม mp3
  เสียงสวดมนต์ mp3
  ห้องสวดมนต์ออนไลน์
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  วัดป่า-พระป่า
  วันสำคัญทางศาสนา
  ดาวน์โหลด e-book
  คำสอนจากครูบาอาจารย์
  บทความ..ธรรมจักร
  รูปภาพ
  กระดานสนทนา
  ห้องสนทนา
  สมุดเยี่ยม
  รวมเว็บ
  ติดต่อทีมงาน
ขึ้นบน
 
เว็บบอร์ด
  สนทนาธรรม
  ข่าวกิจกรรม
  สติปัฏฐาน
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  นิทานธรรมะ
  หนังสือธรรมะ
  บทความธรรมะ
  กวีธรรม
  นานาสาระ
  วิทยุธรรมะ
  สถานที่ปฏิบัติธรรม
  เสียงธรรมออนไลน์
  เสียงสวดมนต์ออนไลน์
  พระพุทธเจ้า
  ประวัติอสีติมหาสาวก
  ประวัติเอตทัคคะ
  ประวัติครูบาอาจารย์
 
 
^-^ มาฝึกสมาธิกันดีกว่า ^-^
 
@ อยากรู้  ประวัติศาสตร์ วงล้อมธรรมจักร ลัญลักษณ์ของพุทธศาสนา  คลิกอ่าน @
 
รวมเว็บพระพุทธศาสนา แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการค้นคว้าหาข้อมูล
 
คำสอนของครูบาอาจารย์ เช่นหลวงปู่ดูลย์,หลวงปู่เทสก์,หลวงพ่อชา,หลวงพ่อพุธ,หลวงพ่อจรัญ,พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เป็นต้น
 
อัลบั้มภาพพระพุทธศาสนา
 
เรือนธรรม - บ้านพักผ่อนทางจิตใจด้วยธรรมะ
 
ขอเชิญเข้ามาร่วมสนทนาธรรมด้วยกันครับ
 
ดูซิ ! ว่ามีใครอยู่ในห้องบ้าง
 
ฝากข้อความติชมของท่านได้ที่นี่ครับ
 
 
 
 

   ธรรมจักร   หนังสือธรรมะ เลี้ยงลูกถูกธรรม

ปรับขนาดตัวอักษร เพิ่มขนาด ลดขนาด ขนาดปกติ  
 

อย่าเลี้ยงลูกให้เป็นไข่ในหิน

             ไข่ในหิน เป็นลักษณะของความเปราะบาง กระทบกระทั่งอะไรนิดหน่อยก็ไม่ได้ มันคอยแต่จะแตกหรือร้าวอยู่เรื่อย จึงต้องคอยทะนุถนอมเอาอกเอาใจไปสารพัด ลูกคนใดที่ถูกพ่อแม่เลี้ยงอย่าง “ไข่ในหิน” ส่วนมากแล้วลูกจะเสียมากกว่าดี การเลี้ยงลูกอย่างไข่ในหินจะมีส่วนเสียอยู่ 2 จุดใหญ่ คือ การเห็นแก่ตัว และการเลี้ยงไม่รู้จักโต

            - การเห็นแก่ตัว เพราะลูกย่อมรู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่หรือคนเลี้ยงรักและตามใจ ลูกจึงหลงลืมตัวคิดว่าตนเองวิเศษกว่าคนอื่นไปหมด เลยพอกพูนความเห็นแก่ตัวขึ้นเรื่อยๆ ลูกจะแผลงฤทธิ์ จะทำผิด ทำชั่วอย่างไร ? พ่อแม่ก็มักจะไม่เคยตีเลยแม้แต่สักแปะเดียว หรือบางทีอยากจะตีบ้าง แต่ปู่ ย่า ตา ยาย หรือญาติผู้ใหญ่มักจะคอยเข้ามาขัดขวาง โดยอ้างว่า ลูกหลานยังเล็กอยู่ สงสารมัน อย่าไปตีมันเลย ถ้าจะตีลูกก็ให้มาตีกูเสียดีกว่า เป็นต้น

            บางคนเอาหนักถึงกับคาดโทษพ่อแม่ของเด็กว่า มึงอย่ามาตีหลานกูเชียวนะ ถ้าตีเมื่อไหร่เป็นเห็นดีกัน พ่อแม่ก็เลยไม่กล้าแตะ แม้แต่การดุหรือทำโทษอย่างอื่นก็ไม่ได้ พอจะทำบ้าง ลูกก็วิ่งไปซบอกหรือตักญาติผู้ใหญ่ แล้วก็จะได้รับการปลอบว่า อย่ากลัวเลย หลาน มาหาปู่ ย่า ตา ยาย แล้วใครจะทำอะไรหลานไม่ได้ ใครขืนมาตีหลานของกูสิ แม่ (พ่อ) จะแพ่นกระบาลให้ดู

            ลูกต้องการหรืออยากได้อะไร ? พ่อแม่ ญาติ หรือคนเลี้ยงเป็นต้องประเคนให้หมดทุกอย่าง แม้แต่ของเล่นของเด็กอื่น บางทีก็ต้องแย่งเอามาให้ก่อน ถ้าไม่ได้อย่างใจก็จะร้องไห้ไม่รู้จักหยุด พ่อแม่หรือพี่เลี้ยงรำคาญก็จะหามาให้ทุกครั้งไป

            - การเลี้ยงไม่รู้จักโต เหตุเพราะมีคนคอยทำให้ไปเสียหมดทุกสิ่ง แม้กระทั่งเดินก็ไม่ค่อยไหวเพราะอุ้มกันมาจนโตขาเกือบจะลากเดิน ลูกบางคนโตจนอยู่ชั้นประถมแล้ว ยังใส่ถุงเท้าและรองเท้าไม่เป็นเลย คือ ใส่ถุงเท้าไม่ตรงรูปแบบ และผูกเชือกรองเท้าก็ไม่เป็น แม้ว่าลูกบางคนอยากจะทำอะไรเองบ้าง แต่พ่อแม่หรือคนเลี้ยงก็ไม่ยอมให้ทำ หาว่าทำไม่เรียบร้อยบ้าง ทำช้าบ้าง ทำไม่สะอาดบ้าง ผลสุดท้ายลูกก็เลยกลายเป็นลูกที่เลี้ยงไม่รู้จักโต กลายเป็นลูกแหง่ต้องอาศัยแรงคนอื่นอยู่เรื่อยไป ใครได้มาเกิดเป็นลูกของพ่อแม่หรือในครอบครัวชนิดนี้ แทนที่จะเป็นบุญก็กลับกลายเป็นบาปไป เพราะอนาคตจะต้องลำบากแน่ๆ นอกจากร่างกายจะอ่อนแอแล้ว ประสบการณ์ ความรู้ หรือความชำนาญก็จะไม่มีด้วย

            ที่น่าสงสารมาก ก็คือ นอกจากร่างกายจะอ่อนแอ ไม่ทนแดดทนฝนแล้ว จิตใจก็จะพลอยเปราะบางไปด้วย กระทบกระทั่งอะไรนิดหน่อยก็จะทนไม่ได้ กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เช่น

            (ก.) คนเลี้ยงเอาของที่ต้องการมาให้ช้าไป หรือไม่ตรงกับความต้องการ ก็จะเอะอะโวยวายให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตไป

            (ข.) พอมีใครขัดใจอะไรนิดหน่อย ก็กลายเป็นเรื่องถึงเป็นถึงตายกันเลย เมื่อหลายปีมาแล้ว มีลูกสาวเศรษฐีในกทม. คนหนึ่ง กำลังรุ่นสาวยังอยู่ในวัยเรียนได้ขออนุญาตแม่ไปดูหนังกับเพื่อนสาวด้วยกัน แต่แม่ไม่ให้ไป ลูกเลยผูกคอตายในคืนนั้นเอง แม่เสียใจแทบเป็นบ้า เพราะมีลูกสาวคนเดียว จึงรักและตามใจลูกมาตลอด ไม่เคยขัดใจมาก่อนเลย ตรงข้ามกับลูกบางคน ที่พ่อแม่ทั้งด่าทั้งตียังกับวัวควาย บางครั้งก็ถึงเลือดตกยางออกหรือพิการ แต่ลูกก็ไม่คิดฆ่าตัวตายเพราะไม่ได้เป็นลูกไข่ในหินนั่นเอง

            การขัดใจลูกในสิ่งที่ควรขัด และการตามใจลูกในสิ่งที่ควรตามใจ เป็นสิ่งที่พ่อแม่ที่ดีควรนำมาใช้ในการเลี้ยงลูก มิฉะนั้นแล้วพ่อแม่อาจต้องน้ำตาตกในภายหลังก็ได้ พ่อแม่บางคนก็เป็นโรคแพ้เสียงร้องของลูก พอได้ยินเสียงลูกแอะเป็นไม่ได้ ต้องอุ้มกันตลอดซื้อของเล่นให้เป็นลังๆ แม้ราคาจะแพงหูฉี่ก็ไม่เสียดายเงินหมดเท่าไหร่เท่ากัน ขอให้สะใจลูกเป็นพอ ! ปู่ย่าบางคนเอาหนักถึงกับบินไปซื้อรถไฟจำลองมาให้หลานเล่นถึงต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะแพงหูดับแล้ว ยังเปลืองสถานที่ในบ้านอีกด้วย มีผู้เล่าว่า หลานเล่นเพียงหนเดียวก็เลิก และผู้ที่จะเล่นเป็นประจำ ก็คือ ผู้ที่ซื้อมาเองนั่นแหละ !

            ที่น่าคิดก็คือ แทนที่หลานจะชอบเล่นของราคาแพงเป็นแสนๆ แต่กลับไปแย่งรถลากของเด็กเพื่อนบ้านที่ทำด้วยเศษไม้เก่าๆ และไม่สวยงามแต่ประการใดเลย นี่ก็เป็นข้อคิดอีกประการหนึ่งว่า อันของเด็กเล่นนั้นไม่จำเป็นจะต้องสวยหรูหรือราคาแพงดอก เพียงของที่หาได้ในบ้าน ก็สามารถจะดึงความสนใจให้แก่ลูกได้ เช่น ก้านกล้วยก็ใช้เป็นม้าขี่ได้สนุกสนานอยากเล่นก็ทำเอาเองได้ เลิกเล่นก็ทิ้งไปไม่ต้องเสียเงินเลย กล่องไม้ขีดหรือกล่องนมสดที่หมดแล้ว ก็เอาเชือกมาผูกให้ลูกลากเล่นแทนรถได้อย่างดี เพราะปกติเด็กจะเล่นอะไรไม่นานก็เบื่อ ของที่เหลือทิ้งในบ้านจึงสามารถที่จะนำมาดัดแปลงเป็นของเด็กเล่นได้
มากมาย

            จากประสบการณ์พบว่า การเลี้ยงเด็กส่วนมากไม่ยาก ที่มันไปยากเพราะพ่อแม่หรือคนเลี้ยงทำให้มันยากไปเอง เช่น จะต้องกินอย่างนี้จะต้องเล่นของอย่างโน้น ไม่อย่างนี้ไม่ได้ เด็กก็เลยติดค่านิยมผิดๆ แม้แต่การจะกินอาหารแต่ละมื้อ บางครอบครัวก็ดูเป็นเรื่องใหญ่โตมาก ต้องอาหารอย่างนั้น อย่างนี้ต้องเติมนั่นใส่นี้ให้วุ่นวายไปหมด เลยทำให้เด็กไปติดในค่านิยมของรส ของรูปแบบต่างๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีคุณค่าอาหารอะไรมากนัก

            ยกตัวอย่าง เช่น น้ำแข็ง น้ำเย็น นอกจากจะต้องสิ้นเปลืองไปโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ยังทำความวุ่นวายให้แก่บางครอบครัวมาก และทำให้เด็กได้รับค่านิยมผิดๆ กินข้าวแล้วจะต้องกินน้ำแข็ง หรือน้ำเย็นตามด้วย น้ำอัดลมต่างๆ ก็เป็นของที่มีราคาแพง และมีคุณค่าน้อย แถมยังมีสารบางอย่างที่เสพติดและเป็นอันตรายด้วย พ่อแม่ควรชี้แจงให้ลูกได้รู้ความจริงของสินค้าต่างๆ ที่โฆษณาล่อตัณหาของเด็ก

            (ค.) ลูกบางคนเดินซุ่มซ่าม ไม่ระวังตัว ไปชนเอาเก้าอี้หรือเสา พ่อแม่หรือพี่เลี้ยงบางคนก็ไปตีเก้าอี้หรือเสา ลูกจึงหยุดร้องไห้ เพราะมีผู้แก้แค้นแทนให้แล้ว อย่างนี้ก็เป็นการไม่พัฒนาจิตใจหรือสติปัญญาของเด็ก ทำให้เด็กหลงลืมตัว คิดว่าตนทำอะไรจะต้องถูกเสมอไป ทางที่ถูกพ่อแม่หรือพี่เลี้ยงควรชี้แจงให้ลูกได้รู้ความจริงว่า เป็นความผิดของเด็กเอง ที่เดินไม่ระวัง เก้าอี้หรือต้นเสามันอยู่ของมันเองเฉยๆ เราเดินไม่ระวังเอง จึงไปชนมัน ต่อไปจะต้องระวัง อย่าเดินซุ่มซ่ามอย่างนี้ ขืนเดินอย่างนี้ก็จะต้องเจ็บตัวอีก

            (ง.) การหลอกเด็กให้กลัวผี กลัวจิ้งจก กลัวตุ๊กแก กลัวกิ้งกือ กลัวความมืด กลัวอะไรต่างๆ ไม่ควรทำเป็นอันขาด เพราะจะสร้างจิตสำนึกให้เด็กกลัวอะไรไม่มีเหตุผลแล้วไปแก้ในภายหลังยาก หรือแก้ไม่ได้เลย

            ตัวอย่างผู้เขียนนี้แหละ ในสมัยเป็นเด็กเป็นโรคกลัวผีขึ้นสมองเลย เพราะผู้ใหญ่ชอบเล่าเรื่องผีๆ ให้ฟัง ทั้งๆ ที่กลัวก็อยากฟัง การเล่าส่วนมากก็ เป็นเวลากลางคืน เพราะเลิกงานแล้ว ไฟฟ้าก็ไม่มีและบ้านนอกสมัยเก่ามักปูพื้นบ้านด้วยกระดานแผ่นใหญ่ๆ มีร่องห่าง พอเล่าไปก็บอกให้คนฟังระวังว่า ผีมันจะเอานิ้วมีแต่กระดูกแหย่ขึ้นมา ก็เลยต้องหากระดานที่ไม่มีร่องนั่ง เวลานอนก็ต้องนอนคลุมโปง แม้ว่าจะร้อนจนเหงื่อท่วมตัวก็ต้องทนเอา เพราะกลัวผีมันจะมองเห็นหน้า

            แม้จนบัดนี้จะรู้ว่า ไอ้ผีตาโบ๋มีแต่กระดูกนั้นไม่อาจจะมาหลอกคนได้ หรือผีคนตายก็ไม่อาจจะลุกขึ้นมาทำอะไรคนเป็นได้ แต่มันก็ยังไม่หายกลัวเพราะมันได้ประทับภาพความกลัวไว้ในสมองส่วนลึกเสียแล้วจึงลบออกยาก เมื่อบวชแล้วเคยแก้การกลัวผีถึงกับเคยไปนอนในป่าช้าข้างโลงศพ นอนตั้งนานหลายคืนก็นอนได้ ทั้งๆ ที่กลัวอย่างนั้นแหละ แม้ในที่มืดก็กลัวผี เคยแกล้งอยู่มันมืดๆ มันก็ไม่หายกลัวแม้ว่าจะอยู่ได้ก็ตาม

            แม้ที่ถ้ำสตินี้จะอยู่มาถึง 11 ปีแล้ว ก็ยังไม่หายกลัวผีแต่ก็อยู่ได้ นี่ก็เป็นผลเสียของผู้ใหญ่สมัยก่อนที่ชอบเอาเรื่องผีๆ มาหลอกเด็ก เพื่อจะให้เด็กไม่หนีเที่ยว หรือเพื่อหวังความเพลิดเพลินก็ตาม แต่ผลร้ายมันก็ทำให้เด็กอยู่บ้านหรือไปไหนคนเดียวในที่มืดไม่ได้

            ดังนั้น การเลี้ยงลูกที่ถูกต้องจะต้องอย่าให้ลูกเปราะบางจนเกินไปเหมือนไข่ในหิน อย่าเลี้ยงลูกให้เห็นแก่ตัว ต้องเลี้ยงลูกให้โตไปตามวัย อย่าให้กินยากอยู่ยาก อย่าให้ลูกกลัวในสิ่งที่ไร้สาระ ควรสอนให้ลูกมีเหตุผล มีการรับผิดชอบตัวเอง และยอมรับความจริง


คนดีย่อมเป็นผู้กตัญญู และกตเวที
กตญฺญุโน หิ สปฺปุริสา กตเวทิโน

พระวินัย 4/92

 

     
 

สารบัญ
บทนำ อย่าเป็นพ่อแม่ที่กระต่ายตื่นตูม
  เลี้ยงลูกถูกธรรม จงเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูก
วางแผนชีวิตก่อนมีลูก จงให้มรดกวิชาแก่ลูก
ลูก... ใครคิดว่าไม่สำคัญ ? ทำอย่างไรลูกที่ดีจึงจะมาเกิด ?
ลูก 3 ประเภท จงรีบปลูกฝังคุณธรรมให้ลูกก่อน
อย่าสอนลูกให้ขี้เกียจ ปุตตปริทรรศน์
สิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อลูกมาก ความกตัญญูและกตเวที คือพื้นฐานที่ดีของลูกทุกคน
อย่าเลี้ยงลูกให้เป็นไข่ในหิน ดาวน์โหลด หนังสือเล่มนี้
   
 
 
 
 
 
 
 
  หน้าหลัก l หนังสือธรรมะ l เสียงสวดมนต์ mp3 l เสียงธรรม mp3 l บทสวดมนต์ l สมาธิ l รูปภาพ
ดาวน์โหลด e-book l ห้องสวดมนต์ออนไลน์  l กระดานสนทนา l ห้องสนทนา chat  l สมุดเยี่ยม lรวมเว็บ
 
จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
ขึ้นบน