สิ่งแวดล้อม
หมายถึง สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวลูกเรามากที่สุด ซึ่งในที่นี้ก็น่าจะมีสัก
3 จุด คือ บ้าน โรงเรียน และเพื่อน
-
บ้าน จัดว่าเป็นสำนักศึกษาเริ่มแรกที่ลูกทุกคนจะได้สัมผัสก่อน
พ่อและแม่ท่านจึงจัดว่าเป็นบุพพาจารย์ คือ อาจารย์หรือครูคนแรกของลูก
พ่อแม่จึงจัดว่าเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อลูกมากที่สุดเป็นอันดับ
1
นอกจากพ่อแม่แล้ว
ก็ยังมีพี่เลี้ยงซึ่งอาจเป็นญาติหรือคนรับใช้ก็ได้ ที่รองลงไปจากพ่อแม่ที่ลูกมักจะได้รับการถ่ายทอดจริตหรือนิสัยมากที่สุด
ถ้าลูกได้ใกล้ชิดใครมากลูกก็จะถ่ายทอดเอานิสัยต่างๆ
มาได้มาก เราจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าลูกบางคนนิสัยจึงไม่เหมือนพ่อแม่
แต่ไพล่ไปเหมือนผู้ช่วยแม่บ้านไปเสียก็มี !
-
โรงเรียน จัดว่าเป็นสำนักศึกษาที่สองรองลงไปจากบ้าน
การได้ครูและเพื่อนนักเรียนดีก็ย่อมจะมีส่วนให้ลูกของเราได้ซับแต่สิ่งที่ดีๆ
พ่อแม่ที่ดีจึงมักจะเลือกโรงเรียน หรือเลือกครูให้แก่ลูกด้วย
-
เพื่อน จัดว่าเป็นสิ่งที่จะพัฒนาชีวิตของลูกให้เปลี่ยนวิถีทางไปในทางลบหรือบวกได้มากที่สุด
ซึ่งอาจเป็นเพื่อนที่โรงเรียนหรือเพื่อนข้างบ้านก็ได้
โดยธรรมชาติเด็กทั่วไปที่ไม่ผิดปกติ มักจะต้องมีเพื่อนไม่มากก็น้อย
พ่อแม่จึงควรให้ความสนใจต่อเพื่อนของลูกด้วย และเพื่อนส่วนมากก็มักจะเป็นเพื่อนเลว
เพื่อนที่ดีก็จะมีเป็นส่วนน้อย
การคบเพื่อนของลูกเรา
จะเป็นมารตวัดความประพฤตินิสัยหรือจริตของลูกได้อย่างหนึ่งว่า
ถ้าลูกเราชอบคบแต่คนดีก็แสดงว่า เขามีเชื้อของบัณฑิตอยู่
แต่ถ้าเขาชอบคบแต่คนชั่ว พ่อแม่ก็ควรจะต้องให้ความสนใจ
หรือช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้แก่ลูกด้วย อย่าปล่อยให้มันสายจนเกินแก้
ในพระพุทธศาสนามีนิทานเรื่องหนึ่ง
ที่ชาวพุทธทั่วไปมักจะรู้กันแพร่หลายมาก นั่นคือ เรื่องของลูกนกแขกเต้าสองพี่น้อง
ขอเล่าแต่เพียงย่อๆ ดังนี้
ลูกนกแขกเต้าสองพี่น้องอยู่ในรังบนยอดไม้สูง
วันหนึ่งลมพัดแรงมากหรือพายุนั่นแหละ มาพัดเอารังนกพัง
ลูกนกตัวหนึ่งลมพัดไปตกอยู่ในสำนักของโจร อีกตัวหนึ่งลมพายุพัดไปตกอยู่ในสำนักของฤาษี
ลูกนกตัวที่ตกไปอยู่กับโจร
มันได้ฟังแต่โจรพูดถึงเรื่องปล้น ฆ่า ลักขโมย ก็เลยมีนิสัยหยาบช้าลามกไปด้วย
ส่วนลูกนกตัวที่พายุพัดไปตกอยู่กับฤาษีผู้มีศีลธรรมความดีได้ยินแต่เรื่องของความเมตตา
กรุณา เอื้อเฟื้อ เสียสละ จิตใจของลูกนกก็โอนอ่อนไปตาม
เรื่องของนกแขกเต้าเป็นเรื่องนิทาน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน
เป็นเรื่องที่มีสัจจะเป็นฐาน เพราะเรื่องของความดีและความชั่วเป็นสิ่งที่อบรมหรือปลูกฝังกันได้
โดยเฉพาะในเด็กเล็กๆ
เรื่องในประเทศจีนก็มีที่เกี่ยวกับเรื่องแม่ห่วงลูก
คือ มีครอบครัวหนึ่งพ่อตายเหลือแต่แม่กับลูกชาย ฝ่ายลูกชายก็เอาแต่คบเพื่อนชั่ว
วันหนึ่งๆ ก็จะมีแต่การเที่ยวกินเหล้า เล่นการพนัน แม่จะตักเตือนอย่างไรก็ไม่ไหว
เพราะจะต้องหาเลี้ยงปากท้องตัวเองและลูกด้วยและไม่ค่อยจะมีเวลาอบรม
แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายบ้านไปอยู่อีกแห่งหนึ่งซึ่งใกล้กับโรงเรียน
เลยเอาลูกเข้าโรงเรียนได้ ต่อมาลูกก็เลยกลายเป็นคนมีวิชาความรู้
และได้เป็นนักปราชญ์ในเวลาต่อมา
นี่ก็แสดงถึงอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมทั้งสองเรื่อง
ซึ่งมาตรงกันทุกยุคทุกสมัย เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม
เราจะอยู่โดยโดดเดี่ยวไม่ได้ เมื่อไม่อาจจะอยู่คนเดียวได้
ก็จำเป็นจะต้องคบเพื่อน การเลือกคบคนดีจึงเป็นมงคลข้อที่
2 ในจำนวนมงคล 38 ข้อ
ดังนั้น
ในการเลี้ยงลูกควรจะสนใจสิ่งแวดล้อมของลูกด้วย ถ้าสิ่งแวดล้อมไม่ดี
ลูกย่อมจะดีไปได้ยาก นอกจากกุศลวิบากของลูกจะแข็งโป๊กจริงๆ
จึงรอดปากเหยี่ยวปากกาไปได้ แต่ถ้าไม่แน่ใจจริงก็อย่าเสี่ยงดีกว่า
เพราะถ้าปล่อยให้มันแย่แล้ว มันจะแก้ไม่ทันจะเสียใจไปตลอดชีวิต
ถ้ามันแก้ไม่ได้จริงๆ มันก็จะต้องย้ายบ้านอย่างในเรื่องนี้นั่นแหละ
เป็นการดีที่สุด เหตุก็เพราะว่าเราไม่อาจที่จะอยู่ดูแลลูกไม่ให้คลาดจากสายตาของเราไปได้นั่นเอง
การที่พ่อแม่จะเลี้ยงลูกให้ไม่ตายนั้นแสนง่าย
แต่ที่จะเลี้ยงให้ลูกมีทั้งความรู้ดีมีสุขภาพกายและจิตดีและมีคุณธรรมควบคู่กันไปด้วยนั้นแสนยาก