เว็บบอร์ด สนทนาธรรม สอบถามห้องแชดสนทนาธรรมสมุดเยี่ยม ฝากข้อความ ติชมรวมเว็บพระพุทธศาสนารวมรูปภาพ พุทธศิลป์ พระพุทธเจ้า พระพุทธรูป พระเจดีย์ พระสงฆ์
  ตั้งเป็นหน้าแรก   เก็บเข้า Favorites   สั่งพิมพ์   แจ้งปัญหา
   
 
 
 
สารบัญหลัก
  หน้าหลัก
  หนังสือธรรมะ
  บทสวดมนต์
  เสียงธรรม mp3
  เสียงสวดมนต์ mp3
  ห้องสวดมนต์ออนไลน์
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  วัดป่า-พระป่า
  วันสำคัญทางศาสนา
  ดาวน์โหลด e-book
  คำสอนจากครูบาอาจารย์
  บทความ..ธรรมจักร
  รูปภาพ
  กระดานสนทนา
  ห้องสนทนา
  สมุดเยี่ยม
  รวมเว็บ
  ติดต่อทีมงาน
ขึ้นบน
 
เว็บบอร์ด
  สนทนาธรรม
  ข่าวกิจกรรม
  สติปัฏฐาน
  สมาธิ
  กฎแห่งกรรม
  นิทานธรรมะ
  หนังสือธรรมะ
  บทความธรรมะ
  กวีธรรม
  นานาสาระ
  วิทยุธรรมะ
  สถานที่ปฏิบัติธรรม
  เสียงธรรมออนไลน์
  เสียงสวดมนต์ออนไลน์
  พระพุทธเจ้า
  ประวัติอสีติมหาสาวก
  ประวัติเอตทัคคะ
  ประวัติครูบาอาจารย์
 
 
^-^ มาฝึกสมาธิกันดีกว่า ^-^
 
@ อยากรู้  ประวัติศาสตร์ วงล้อมธรรมจักร ลัญลักษณ์ของพุทธศาสนา  คลิกอ่าน @
 
รวมเว็บพระพุทธศาสนา แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการค้นคว้าหาข้อมูล
 
คำสอนของครูบาอาจารย์ เช่นหลวงปู่ดูลย์,หลวงปู่เทสก์,หลวงพ่อชา,หลวงพ่อพุธ,หลวงพ่อจรัญ,พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เป็นต้น
 
อัลบั้มภาพพระพุทธศาสนา
 
เรือนธรรม - บ้านพักผ่อนทางจิตใจด้วยธรรมะ
 
ขอเชิญเข้ามาร่วมสนทนาธรรมด้วยกันครับ
 
ดูซิ ! ว่ามีใครอยู่ในห้องบ้าง
 
ฝากข้อความติชมของท่านได้ที่นี่ครับ
 
 
 
 
   ธรรมจักร   สมาธิ สมาธิ (ท่านธรรมรักษา) ปรับขนาดตัวอักษร เพิ่มขนาด ลดขนาด ขนาดปกติ  
 
ส่งท้ายสมาธิ

           สมาธิ จัดว่าเป็น “ยอดบุญ” ที่ชาวพุทธไม่ควรมองข้าม เพราะสมาธิต่ำกว่าปัญญาเพียงขั้นเดียว ถ้านับเรียงว่าศีล สมาธิ และปัญญา แต่ถ้านับแบบชาวบ้าน คือทาน ศีล และภาวนา สมาธิก็รวมอยู่ในข้อภาวนา คือไปรวมอยู่กับปัญญาเสียเลย

           แม้ว่าสมาธิจะต่ำกว่าปัญญาก็ตาม แต่สมาธิก็จัดว่าเป็น “พื้นฐานของปัญญา” นั่นคือ ไม่มีสมาธิ ปัญญาก็เกิดไม่ได้ และในทำนองเดียวกัน สมาธิที่ขาดปัญญาก็ไม่สามารถจะดับทุกข์ได้ ดังนั้น ทั้งสมาธิและปัญญาจึงต่างก็ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน จึงจะสำเร็จประโยชน์ที่สมบูรณ์ และถึงที่สุด (ดับทุกข์ได้)

           ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้ที่มีโอกาสฝึกสมาธิแล้วก็ไม่ควรจะ “ย่ำเท้า” อยู่กับที่ ควรจะก้าวหน้าต่อไปคือการเจริญวิปัสสนาตามวาสนาและบารมีของตน เพราะการฝึกแต่สมาธิล้วน ๆ นั้น ทำให้จิตใจสงบ และประสบความสุขก็จริงอยู่ แต่ยังเป็นความสุขแบบ “หินทับหญ้า” กล่าวคือ

           ตราบใดที่ใจของเรายังมีสมาธิอยู่ ตราบนั้นความทุกข์ก็เล่นงานไม่ได้ แต่ถ้าจิตของเราขาดสมาธิเมื่อไรความทุกข์ก็เล่นงานได้ทันทีเมื่อนั้น

           สมาธิ ท่านจึงเปรียบเหมือนหินทับหญ้า ตราบใดที่หินยังทับหญ้าอยู่ หญ้าก็งอกขึ้นไม่ได้ แต่เมื่อยกหินออกเมื่อใด หญ้าก็จะขึ้นเต็มเมื่อนั้น

           เพราะโดยปกติคนเรา ไม่อาจจะมีสมาธิมั่นคงอยู่ได้ตลอดเวลา เพียงสมาธิสามัญที่เกิดเอง ไม่สามารถที่จะต้านทานความทุกข์ได้ จะต้องอาศัยสมาธิก้าวขั้นไปสู่การเจริญวิปัสสนา จึงจะสามารถพิชิตความทุกข์ได้สิ้นเชิง

           ดังนั้น ความสุขที่เกิดจากสมาธินั้น จึงยังไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง มันเป็นเพียงความสุขแบบหินทับหญ้าเท่านั้น ผู้หวังความสุขอันเกษมหรือถาวร จึงไม่ควรประมาท

           ดังที่กล่าวแล้วว่า สมาธิเป็นยอดบุญหนึ่งในสาม (คือ ศีล สมาธิ ปัญญา) ก่อนที่จะเลิกการทำสมาธิทุกครั้ง ควรแผ่เมตตา และอุทิศส่วนบุญ ที่เกิดจากการทำสมาธินี้ ไปให้พ่อ แม่ ครู อาจารย์ ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรม นายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยทั่วไป

           ในการอุทิศส่วนบุญนี้ จะทำพร้อมกับการไหว้พระสวดมนต์ก็ได้ ทำเช้าหนเย็นหนก็พอ ส่วนว่าเมื่อทำสมาธิในที่ทำงาน หรือในชีวิตประจำวัน ในรถ ในเรือก็ไม่จำเป็นต้องอุทิศ เอาไว้อุทิศรวมๆ พร้อมกันก่อนนอนก็ได้.

 

   

สารบัญ
  บทนำ   สมาธิจากเสียงเพลง
  ประโยชน์ของสมาธิ   สมาธิประยุกต์
  สมาธิในชีวิตประจำวัน   ลืมตาทำสมาธิ
  สมาธิคืออะไร?   สมาธิรุ่งอรุณของปัญญา
  สมาธิทำยากจริงหรือ?   เคล็ดลับการทำสมาธิ
  แบบกำหนดลมหายใจ   ส่งท้ายสมาธิ
  แบบใช้วัตถุกำกับ   คำแผ่เมตตา
  แบบนับเป็นคาบ   คำกรวดน้ำ
   
 
 
 
 
 
 
 
  หน้าหลัก l หนังสือธรรมะ l เสียงสวดมนต์ mp3 l เสียงธรรม mp3 l บทสวดมนต์ l สมาธิ l รูปภาพ
ดาวน์โหลด e-book l ห้องสวดมนต์ออนไลน์  l กระดานสนทนา l ห้องสนทนา chat  l สมุดเยี่ยม lรวมเว็บ
 
จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
ขึ้นบน