สมาธิ
ตามตัวอักษรแปลว่า ความตั้งมั่น หมายถึงความตั้งมั่นแห่งจิต
มีความมั่งคง ทนทาน เสาเรือนที่ปักลงมั่นย่อมรับนำหนักได้ดี
ไม่โยกคลอนฉันใด ดวงจิตที่มั่นคงด้วยกำลังสมาธิก็ฉันนั้น
ย่อมไม่วอกแวกหวั่นไหว แม้มีอารมณ์ภายนอกมากระทบก็สามารถรักษาปกติภาพของดวงจิตไว้ได้
ดวงจิตอย่างนี้มีคุณค่ามาก
ความจริง
มนุษย์เรามีสติปัญญา มีความสามารถสูงกว่าที่เจ้าตัวคิดมาก
ถ้าเขาสามารถอบรมสติและทำจิตให้เป็นสมาธิได้ เขาจะสามารถเห็นความมหัศจรรย์แห่งดวงจิตของตนเองได้อย่างดีทีเดียว
กระแสดวงจิตก็เหมือนกระแสน้ำ
ถ้าพุ่งไปทางเดียวก็มีกำลังแรง เมื่อแยกไปหลายทาง กำลังก็อ่อนลง
อีกอุปมาหนึ่งเหมือนดวงไฟที่ไม่ได้รวมแสง แสงผ่านพร่ำไป
แต่พอรวมแสงเข้าได้ แสงสว่างก็เพิ่มขึ้นมาก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือแสงจากไฟฉาย
นักวิทยาศาสตร์สามารถรวมแสงได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์
ฉันใด นักฝึกจิตก็ฉันนั้น ย่อมสามารถรวมกระแสจิตหรือกระแสความสำนึกของตนให้มีพลังพุ่งไปทางเดียวได้
ด้วยวิธีการฝึกจิตที่เรียกว่า สมาธิ
สิ่งใดก็ตามที่อยู่ภาวะเข้มข้น
ย่อมมีคุณสมบัติกล้าขึ้นกว่าเมื่ออยู่ในภาวะธรรมดา ฉันใด
เมื่อบุคคลสามารถรวมกระแสจิตให้เป็นหนึ่งเดียว (เอกัคคตา)
กระแสจิตหรือกระแสความคิดย่อมมีกำลังแรง สามารถทำสิ่งที่คนธรรมดาทำไม่ได้
ฉันนั้น
สมาธิมีผลดีต่อการงานทุกชนิด
การทำงานด้วยใจสงบย่อมดีกว่าทำด้วยใจฟุ้นซ่าน การทำงานหรือการศึกษาเล่าเรียน
ถ้าทำด้วยใจเป็นสมาธิก็เหนื่อยน้อยและได้ผลงานมาก มีความเพลิดเพลินและความสุขในการงานนั้นเป็นอย่างดี
ถือว่าเป็นพรอันประเสริฐของชีวิต
สมาธิเป็นที่อยู่อันสงบสุขของดวงใจ
ไม่มีที่ใดจะให้ความสงบสุขแก่ดวงจิตอันไม่มีโทษเท่ากับสมาธิ
แม้พระอริยเจ้าอยู่ปราศจากกิเลสแล้วก็ยังอาศัยเรือนแก้ว
กล่าวคือสมาธินี้แหละเป็นที่พักผ่อน สมาธิยังเป็นบาทฐานอันสำคัญยิ่งของปัญญา
คือการรู้เห็นตามเป็นจริงซึ่งเป็นคุณธรรมหลักในพระพุทธศาสนา
สมดังพระพุทธภาษิตที่ว่า
ท่านทั้งหลายจงอบรมจิตให้เป็นสมาธิเถิด
เพราะผู้มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมรู้เห็นตามเป็นจริง
วศิน อินทสระ