ธัมโม กุโลกะปะตะนา ตะทะธาริธารี ธรรมจะคุ้มครองไม่ให้บุคคลผู้รักษาธรรมตกไปในที่ชั่ว พระธรรมนี้ที่เราทำดีแล้วปฏิบัติแล้ว
จะคุ้มครองเราไม่ให้เราตกไปในที่ชั่วช้าเลวทราม จะให้เราอยู่ในสิ่งที่ดีอยู่
ในความดี แม้นพระโพธิสัตว์เจ้า พระสุวรรณสามครั้งเมื่อสร้างเมตตาบารมี ได้อุปัฏฐากเลี้ยงดูบิดามารดาทั้งสองผู้บวชเป็นฤาษีอยู่ในป่า มีตาอันบอดสนิทด้วยงูพิษพ่นใส่ เพราะการที่ตาบอดจึงเป็นเหตุให้ลูกได้แสดงความกตัญญูตอบแทนบุญคุณของท่านสุดความสามารถ
พ่อแม่บางคนพอไม่สบาย ลูกก็ไม่ค่อยสบายใจ พ่อแม่ทำไมมาล้มป่วยตอนนี้ลูกกำลังมีงานหนักใจเหลือเกิน ลูกหาเงินทองมาจุนเจือครอบครัวไม่พอ ไม่น่าจะมาเป็นตอนนี้เลย ไปนั่งพึมพำคนเดียวหรือไปนั่งนึกนอนนึก แต่บางคนพอรู้ว่าพ่อแม่ป่วยไม่สบายยากลำบาก ก็โอ้ !! ดี
แล้วเปิดโอกาสให้เราแสดงความกตัญญูกตเวที เราไม่อยากให้พ่อแม่ป่วย
หรอก แต่ว่าสังขารชีวิตนี้ต้องเจ็บป่วย เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้สร้าง
ความดีแก่ตนด้วยการอุปัฏฐากอุปถัมภ์ดูแลท่าน นี้คือความแตกต่างระหว่างดวงจิตผู้ใฝ่สูงและดวงจิตผู้ใฝ่ต่ำ ซึ่งเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น
แต่ละอย่างนั้น ดวงจิตจะพลิกไปคนละเส้นทาง บุคคลหนึ่งคิดอ้างเหตุผลอย่างอื่นไม่อยากดูแล เพราะว่าตัวเองกำลังแย่กำลังลำบากหรือกลัวเหน็ดเหนื่อย อีกคนหนึ่งกลับดีใจว่าเราจะได้อุปัฏฐากอุปถัมภ์ท่าน หากแบกความทุกข์ของพ่อแม่ได้จะแบ่งความทุกข์นั้น
มาไว้แต่เพียงคนเดียว พ่อแม่ลำบากเพราะเรามากแล้วเราลำบาก
เพราะท่านบ้างจะเป็นไร
ลูกบางคนการงานมากมายรัดตัวไม่มีเวลาจะไปทำดีกับพ่อแม่ เลยไปฝากคนแก่ๆ ไว้ที่บ้านคนชรา น่าอนาถนักให้ท่านอยู่กับคนอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลาน แต่แม่นั้นแม้นทำการทำงานหนักขนาดไหน ก็ต้องกลับมาเพื่อเห็นหน้าลูก ดูแลลูก เอาใจลูก วางได้ทุกอย่างแต่ไม่วางขว้างทิ้งเรื่องลูก เมื่อยามเราเติบใหญ่มาไฉนเราไปวางพ่อวางแม่ทิ้งเสียเล่า เพื่อเอาการเอางานเอาเงินเอาทอง เราหนอเราทำถูกหรือเปล่าหนอ ? ทิ้งให้ท่านอยู่บ้านคนชรา โอ้หนออะไรเล่าพาให้เป็นอย่างนี้ ? ทิ้งบุญทิ้งบารมีทิ้งมงคลอันใหญ่ แต่เรากลับไปกราบไหว้
อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางอื่น เคารพบูชาเครื่องรางของขลังที่เราว่า
ดี แต่ไม่ได้เอา "ของขลังที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด" คือ "คุณพ่อคุณแม่" นี่เอง ใครอุปัฏฐากดูแลแล้วไม่เคยผิดหวัง ย่อมประสพสิ่งที่ดีที่งามในชีวิตเสมอ
เคยมีข่าวบ้างไหมว่าคนใดถึงความทุกข์เดือดร้อนเพราะการดูแลแม่ เคยได้ยินข่าวบ้างไหมว่าคนนั้นคนนี้วางการวางงานมาดูแลแม่แล้วถึง
กาลพินาศ คนทั้งหลายติเตียนนินทาว่าร้าย ทับถมโหมกระหน่ำว่าเป็นคนชั่ว เราทั้งหลายมีครอบครัวต้องจุนเจือครอบครัว ดูแลภรรยาดูแลลูก แต่
เราต้องรู้ว่าภรรยาและลูกเป็นคนมาทีหลัง ช่วยเหลือกันทีหลัง มีคุณต่อกันน้อย แต่พ่อแม่นั้นมาก่อนช่วยเหลือเราก่อน เป็นต้นทุนบุญกุศลของเรา เราเป็นมนุษย์สุดประเสริฐ เราจะเอาผู้มีบุญคุณน้อยมาไว้เป็นหลัก หรือเราจะเอาเป็นผู้มีบุญคุณหนักมาเป็นหลักของชีวิต
ดังนั้น ขอให้ทำหน้าที่ของสามีภรรยาที่ต้องจุนเจือครอบครัวต่อไป แต่จิตใจนั้นต้องคอยรำพึงนึกถึงพ่อแม่ให้ดี ว่าท่านสุขหรือว่าท่านทุกข์ ตอนนี้ท่านกำลังทานข้าวกับอะไร นั่งทานข้าวกับใคร หรือนั่งทานข้าวคนเดียว เหมือนเรายามเป็นเด็ก พ่อแม่รำพึงถึงเราอยู่เนืองๆ ว่าเราสุขเราทุกข์อย่างไร
อกแม่เอนแอบเอียงนอนเคียงกาย
ให้ลูกหายหนาวยามในค่ำคืน
ตักของแม่แผ่รองลูกดังฟูกนุ่ม
คอยโอบอุ้มกล่อมนิทราไม่ฝ่าฝืน
ประจงจูบลูบไล้ทุกวันคืน
เป็นที่ชื่นเชยชิดสนิทใจ
ยามจะนอนแม่ก็วอนวจีหวาน
กล่าวประสานกล่อมเสียงสำเนียงใส
ทั้งยามกินคอยป้อนวอนอาลัย
ยามลูกถ่ายแม่ก็ไม่รังเกียจเลย
ลูกเปรอะเปื้อนเหม็นสางแม่ล้างเช็ด
ทุกสิ่งเสร็จเกื้อกูลแม่คุณเอ๊ย
ไม่เบื่อหน่ายหมายนิยมเฝ้าชมเชย
ใครจะเลยล่วงท่านนั้นไม่ปาน
คุณธรรมเกิดแล้วอวิชชาสูญหายความเลวร้ายสิ้นสุด คุณความดีปรากฏก็เป็นคนกตัญญู อานุภาพแห่งธรรม ธรรมรัตนะ พระธรรมเป็นแก้วประเสริฐเกิดในจิตใครแล้ว คนนั้นก็จะเป็นคนมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่า