อย่างไรก็ดี
จะเป็นอย่างที่ว่ามานี้ได้ เราจะต้องปฏิบัติต่องานให้ถูกต้อง
เริ่มต้นตั้งแต่วางใจต่องานให้ถูก ถ้าวางใจต่องานผิดแต่ต้นละก็ไปเลย
พลาดหมด โดยเฉพาะถ้าวางทัศนะคติต่องานว่าเป็นเรื่องต้องทุกข์ต้องทน
แล้วคิดว่าเรามาทนทำงานให้เสร็จ แล้วเราจะได้ผลตอบแทนแล้วค่อยไปสนุกเสวยความสุขทีหลังอย่างนี้ไม่ถูก
เรียกว่าวางท่าทีผิดแล้ว ต่อจากนั้นอะไรต่ออะไรมันก็จะคลาดเคลื่อนผิดทางไปหมด
กำลังทำงานแต่ใจลอยไปคอยผลตอบแทนข้างหน้า ไม่อยู่กับงาน
ผลงานก็จะไม่ค่อยดี จิตใจก็ไม่ค่อยสบาย ความสุขก็น้อย
แล้วเวลาได้ผลตอบแทนไปหาความสนุกสนาน คนที่เป็นอย่างนี้ก็จะเลยเถิดไปง่ายๆ
หลงง่ายๆ ระเริงลืมตัว เพราะมุ่งจะไปหาความสนุกสนานบอกว่าทนทุกข์มานานแล้ว
ตอนนี้เอาให้เต็มที่อะไรทำนองนี้ ก็เลยเสียไปเลย
ในทางตรงข้ามถ้าเขามีความสุขอยู่ตั้งแต่ทำงานแล้ว
เวลาเลิกงานเขาไปหาความสุขเพิ่มเติม ก็เป็นส่วนแถมเข้ามาก็ไม่มีปัญหา
นี่เป็นวิธีที่ถูกต้อง ซึ่งต้องเริ่มตั้งแต่วางใจให้ถูกต้องต่องาน
เรียกว่า มีท่าที หรือมีทัศนะคติที่ถูกต้องต่อการทำงาน
ถามว่า
ท่าทีหรือทำใจอย่างไรจึงจะทำให้ทำงานได้ผลด้วยแล้วก็มีความสุขด้วย
? เหตุผลง่ายๆ ที่จะทำให้เราทำงานได้ผลดีและมีความสุขไปด้วย
ก็คือ เราต้องมีความพอใจในงานรักงานนั้น ถ้าใจเรารักเราพอใจในงานแล้ว
เราก็อยากจะทำงานนั้น ใครมาห้ามก็ไม่อยากจะหยุด ไม่ยอม
ใจเราจะทำ
รวมความว่า
ถ้าใจเราพอใจจะทำ ทำด้วยใจรัก มันก็ตั้งใจทำ เมื่อทำแล้วนอกจากได้ผลดีก็มีความสุขในขณะกระทำนั้น
ที่ท่านบอกว่าต้องวางท่าทีต่องานให้ถูกต้อง ก็คือ อย่าไปมองงานว่าเป็นเรื่องต้องทุกข์ต้องทน
คำถามต่อไปว่า
ทำอย่างไรเราจะมีใจรักงานเราจะพอใจทำงาน ? คำตอบ คือ จะต้องเห็นคุณค่าของงาน
ในเรื่องนี้แต่ละอย่างเป็นเหตุเป็นผลแก่กันและกัน จุดหมายตอนนี้
คือ เราต้องการให้คนพอใจงาน อยากทำงาน ทีนี้ ทำอย่างไรจะให้คนอยากทำงานก็ต้องเห็นคุณค่าของงาน
คุณค่าของงานนั้นมีหลายอย่าง พรรณาได้หลายแง่ ถ้าเรายิ่งมองเห็นคุณค่าของงานหลายแง่หลายด้านมากเท่าไร
ก็จะยิ่งเป็นเหตุผล ที่ทำให้เราเกิดความรักงานมากขึ้นเท่านั้น
คุณค่าของงานประการแรกง่ายที่สุด
ก็เริ่มด้วยมองในแง่ของผลตอบแทนก่อน ผลตอบแทนก็คือ ปัจจัยเครื่องเลี้ยงชีพ
หรือเงินทองที่จะซื้อหาของกินของใช้ เรารู้กันดีว่างานนี่แหละทำให้เรามีเครื่องเลี้ยงชีพ
ทำให้เราเป็นอยู่ได้ดี งานเป็นสิ่งที่ผูกพันติดอยู่กับชีวิตของเรา
มันมีคุณค่าต่อชีวิตของเรา ทำให้ชีวิตของเราดำรงอยู่ได้ด้วยดี
ในเมื่องานเป็นสิ่งที่มีคุณต่อเรา เราก็ควรจะรักจะชอบมัน
นอกจากมีคุณต่อชีวิตของเราแล้วก็โยงต่อไปถึงครอบครัวของเรา
ญาติพี่น้องของเราด้วย
เรามาอยู่ห่างบ้าน
บางทีเราทำงานเก็บเงินได้แล้ว เรายังส่งเงินไปช่วยบ้าน
ไปช่วยพ่อช่วยแม่ในท้องถิ่นอีก เห็นได้ชัดว่างานนี้มีคุณค่ามาก
เป็นประโยชน์ต่อชีวิต ในเมื่องานเป็นประโยชน์ต่อชีวิตเราก็ควรรักงานเหมือนอย่างคนเราด้วยกัน
ใครเป็นคนที่มีคุณค่าต่อชีวิตของเรา เราก็รักใคร่ มีความรู้สึกที่ดีต่อเขา
งานของเรานี้มีคุณค่าต่อชีวิตของเรานักหนา ทำให้เราเป็นอยู่ได้
มีความสุขสบาย เราจึงควรตั้งใจทำ เอาใจใส่มัน อันนี้ก็เป็นเหตุผลง่ายๆ
เป็นคุณค่าพื้นฐานอันดับที่หนึ่ง
แต่งานไม่ได้มีคุณค่าแค่นี้
ที่จริงคุณค่าของตัวงานเองที่แท้ที่จริงนั้น ไม่ใช่เป็นผลตอบแทนด้วยซ้ำ
คุณค่าของงานก็คือ ผลที่เป็นวัตถุประสงค์ หรือความมุ่งหมายของงานนั่นเอง
คือ งานแต่ละอย่างๆ ย่อมมีความมุ่งหมายที่จะแก้ไขปัญหาหรือสร้างสรรค์อะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง
เช่น การทำครัวก็เพื่อทำอาหารให้คนรับประทาน การขับรถก็เพื่อพาคนให้ให้ไปถึงที่หมายโดยสะดวกรวดเร็ว
การกวาดถนนก็เพื่อให้ถนนสะอาด ก็คือ มีอาหารดีๆ ที่จะให้คนกิน
การเดินทางถึงจุดหมายโดยสะดวกรวดเร็วปลอดภัย และความสะอาดของถนนนี้เป็นผลของงานซึ่งเป็นผลโดยตรงของงาน
เป็นคนละอย่างกับผลตอบแทนจะต้องแยกให้ถูกว่าเป็นผลของงานกับผลตอบแทน
หรือผลงานกับผลเงิน
เมื่อจะทำงานให้ถูกต้อง
ก็ต้องมุ่งทำให้ได้ผลของงาน หรือผลที่เป็นจุดหมายของงานก่อน
ว่าเราจะทำให้ผลนั้นเกิดขึ้นอย่างดีที่สุด แล้วเราจึงได้ผลตอบแทนเป็นผลพลอยได้ตามมาตามเงื่อนไข
ถ้าตั้งใจทำงานและงานสำเร็จผลอย่างดี คือ เกิดผลดีสมตามความมุ่งหมายของงาน
เราจึงจะมีความภูมิใจและอิ่มใจจริงในการได้รับผลตอบแทน
เนื่องจากงานมีคุณค่าในการแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์อย่างใดอย่างหนึ่งนี้
งานจึงมีคุณค่าสืบเนื่องต่อไปอีก คุณค่าของงานข้อต่อไปก็คือว่า
งานนี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้กิจการของโลกของสังคมของประเทศชาติเป็นไปได้
บางทีก็เป็นประโยชน์โดยตรงต่อชีวิตของผู้อื่น อย่างงานของโรงงานอาหารนี้
ไม่ว่าจะทำสับปะรด หรือทำผลไม้อื่นก็ตาม ก็เป็นอาหารของมนุษย์เป็นปัจจัยสี่อย่างหนึ่ง
ไม่ว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตของคนทั้งหลาย
เมื่อทำไปแล้วก็เป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์อื่น เมื่อเราทำงานผลิตสิ่งเหล่านี้เรารู้คุณค่าของสิ่งที่เราทำแล้ว
ก็อิ่มใจว่าเราทำในสิ่งที่ดีงามเป็นประโยชน์ นอกจากเป็นงานที่สุจริตแล้ว
ยังเป็นคุณประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตของเพื่อนมนุษย์
ให้เขาได้มีอาหารรับประทาน ให้เขาได้อาหารที่เขาพอใจ ช่วยให้เขามีความสุข
อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราควรระลึกด้วยอย่างหนึ่ง ซึ่งเมื่อระลึกขึ้นมาแล้วก็ทำให้เรามีความพอใจว่า
เราได้ทำในสิ่งที่ดีงามเป็นประโยชน์ นี่ก็เป็นคุณค่าอีกส่วนหนึ่ง
แต่อย่างโรงงานของบริษัทนี้
นอกจากทำอาหารที่ไปบำรุงเลี้ยงเพื่อนมนุษย์แล้ว ก็ยังมีส่วนส่งเสริมเกื้อกูลสังคมประเทศชาติส่วนรวมด้วย
อาตมาได้ทราบว่า ผลผลิตของที่นี่ส่วนใหญ่ส่งออกนอกประเทศ
คือ ส่งออกนอกประเทศตั้ง ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีผลดี
คือ ทำให้เงินตราเข้าประเทศ ประเทศไทยเรานี้ต้องการเงินตราเข้าประเทศมาก
เรามีปัญหาเกี่ยวกับดุลการค้า เราเสียดุลการค้ามาก เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าบริษัทนี้ส่งออกอาหารออกไปต่างประเทศมาก
ก็นับว่ามีส่วนสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหาของประเทศในการเสียดุลการค้า
แก้ความเสียเปรียบของประเทศในการเสียดุลการค้า แก้ความเสียเปรียบของประเทศ
นำรายได้เข้าประเทศ อันนี้เป็นการมองในวงกว้าง ที่ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ
ฉะนั้น
เมื่อเรามาที่นี่ มาเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของโรงงาน เป็นพนักงานหรือคนทำงานของบริษัท
ก็เท่ากับว่าเราได้ช่วยกันทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติด้วย
เมื่อนึกขึ้นมาอย่างนี้ก็ทำให้มีความสบายใจเวลาทำงานก็นึกว่า
เราทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง
คือ นอกจากทำอาหารอร่อยๆ ให้คนรับประทานแล้ว ก็ยังช่วยเหลือเศรษฐกิจของชาติอีกด้วย
นึกแล้วก็สบายใจ มีความภูมิใจ ปลื้มใจ เรียกว่าเกิดปีติ
อันนี้ก็ส่วนหนึ่ง
|