วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 15:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 11:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔
มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์



เรื่องสัญญาเวทยิตนิโรธ
[๕๑๐] วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็การเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นอย่างไร?
ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ภิกษุผู้เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ มิได้มีความคิดอย่างนี้ว่า เราจัก
เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ว่าเรากำลังเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ ว่าเราเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธแล้ว
ก็แต่ความคิดอันนำเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้น อันท่านให้เกิดแล้วตั้งแต่แรก.
วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ธรรม คือ กายสังขาร วจี
สังขาร จิตตสังขาร อย่างไหน ย่อมดับไปก่อน?
ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ วจีสังขารดับก่อน ต่อจากนั้น
กายสังขารก็ดับ จิตตสังขารดับทีหลัง.
วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็การออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ เป็นอย่างไร?
ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ภิกษุผู้ออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ มิได้มีความคิดอย่าง-
*นี้ว่า เราจักออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ ว่าเรากำลังออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติว่าเรา
ออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว ก็แต่ความคิดอันนำเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้น อัน
ท่านให้เกิดแล้วแต่แรก.
วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็เมื่อภิกษุออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ ธรรมคือกายสัง-
*ขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร อย่างไหน เกิดขึ้นก่อน.
ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ เมื่อภิกษุออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ จิตตสังขารเกิด
ขึ้นก่อน ต่อจากนั้นกายสังขารก็เกิดขึ้น วจีสังขารเกิดขึ้นทีหลัง.
วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็ผัสสะเท่าไร ย่อมถูกต้องภิกษุผู้ออกแล้วจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ?
ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ผัสสะ ๓ ประการ คือ ผัสสะชื่อสุญญตะ (รู้สึกว่าว่าง)
ผัสสะชื่ออนิมิตตะ (รู้สึกว่าไม่มีนิมิต) และผัสสะชื่ออัปปณิหิตะ (รู้สึกว่าไม่มีที่ตั้ง) ย่อม
ถูกต้องภิกษุผู้ออกแล้วจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ.
วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็ภิกษุผู้ออกแล้วจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ. มีจิตน้อมไปใน
ธรรมอะไร โอนไปในธรรมอะไร เอนไปในธรรมอะไร?
ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ภิกษุผู้ออกแล้วจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ มีจิตน้อมไปใน
วิเวก โอนไปในวิเวก เอนไปในวิเวก.

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 07:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


นอกจากเวทยิตนิโรธแล้ว

ทุกฌานสามารถวิปัสสนาได้ และยิ่งเสริมสร้างปัญญามากยิ่งขึ้น

เจโตวิมุติ ข่ม กิเลส หมายถึงฌานยิ่งสูงยิ่งข่มกืเลสได้มาก

วิปัสสนา เป็นการสร้างปัญญา จิตที่กิเลสเบาบางยิ่งส้างปัญญาได้มาก

ฉนั้น การวิปัสสนนั้นไม่จำเป็นต้องออกจากฌานหรืออัปปนาสมาธิอย่างที่บางสำนักสอน

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 15:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
นอกจากเวทยิตนิโรธแล้ว

ทุกฌานสามารถวิปัสสนาได้ และยิ่งเสริมสร้างปัญญามากยิ่งขึ้น

เจโตวิมุติ ข่ม กิเลส หมายถึงฌานยิ่งสูงยิ่งข่มกืเลสได้มาก

วิปัสสนา เป็นการสร้างปัญญา จิตที่กิเลสเบาบางยิ่งส้างปัญญาได้มาก

ฉนั้น การวิปัสสนนั้นไม่จำเป็นต้องออกจากฌานหรืออัปปนาสมาธิอย่างที่บางสำนักสอน


อืมห์ ต้องถามว่าวิปัสสนาในองค์สมาธิที่ว่าไม่ได้นั้น สำนักที่ว่าไม่ได้นั้น
วิปัสสนาของเขาเป็นอย่างไร
เพราะที่ไบกอนเจอมาเมื่อล่าสุด คือ สายธุดงค์
คาดว่า ตัวคนสอนน่ะ เข้าใจ แต่ตัวผู้ปฏิบัตินั้น ไบกอนยัง ... ฉงน
เพราะ การวิปัสสนาในขณะอยู่ในสมาธิเลยนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย
ซึ่งมันมีแนวที่จะเป็นวิปัสสนึกไปได้

ส่วนการวิปัสสนาในองค์สมาธินั้น ต้องเป็นผู้ที่ชำนาญ
และไม่ใช่การยกองค์ธรรมจากตำราขึ้นมาพิจารณา
การพิจารณาในลักษณะยกองค์ธรรมจากตำรามาพิจารณาได้นั้น จะเกิดได้ใน ฌานสี่
ที่อาจจะมีการหยิบธรรมมาเป็นนิมิตหมาย และเป็นธรรมตามสัญญา ก็มี
ก็เลยเป็นประเด็นที่วางไว้

แต่ผู้ที่วิปัสสนาด้วยองค์สมาธิจริง ๆ นั้น คือการพิจารณาขันธ์ห้า
ซึ่งพวกนี้ล่ะ ที่สกัดสิ่งที่พิจารณาได้นั้นออกมาเป็น พระไตรในส่วน อภิธรรม ..
ซึ่งถ้าวิปัสสนาในสมาธิ สิ่งที่ได้จะต้องตรวจสอบโดยอภิธรรม
เพราะ ถ้าถูกทางแล้ว จะชัดเจนในเรื่องของขันธ์ และวิถีแห่งจิต เจตสิก

ถ้าบอกว่าวิปัสสนาในสมาธิ แล้วตอบเป็นอรรถธรรมที่ออกมาในทาง สุตัน
อันนั้น แนวโนม้ที่จะ วิปัสสสัญญา วิปัสสนึก มีได้

ถ้าวิปัสสนาในสมาธิ การตอบคำถามธรรม จะตอบออกมาเด่นในทาง ขันธ์ห้า
ซึ่งภาษาในส่วน อภิธรรม เป็นภาษาที่อ่านยากฟังอยาก
ถ้าคนที่เคยทำสมาธิ
ไม่ส่งจิตออกนอกจริง ๆ รู้อยู่แต่ขันธ์ห้า จะเห็นแต่อาการขันธ์ห้าเท่านั้นล่ะที่เกิดดับ
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเหมือนไม่ใช่วิปัสสนา เพราะมันเหมือนนั่งแข็งนั่งทื่อ
แต่ประเด็นที่สำคัญอยู่ตรงที่ รู้ นี่ล่ะ
สมาธิจะไปทำให้ ขันธ์ตามปกติทำงานช้าลง ช้าลง ช้าลง
โดยที่สติยังคงตามรู้ในทุกกริยาอาการของขันธ์ห้า จึงซอยออกมาเป็น อภิธรรม
อาการต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดยิบ...

การปฏิบัติธรรมมีข้อถกเถียงกันมาก เพราะเดินมาต่างเส้นทางกัน
ไบกอน ก็ไม่ค่อยมีความรู้หรอก
เพียงแต่ ช่วงหลายวันมานี้ ดันไปเจอกลุ่มที่ทำสมาธิแล้วรู้สึกแปลกใจ
จึงไปเปิดหนังสืออภิธรรม ฉบับย่อ
ก็เลย อ้าวววว นั่นคือสิ่งที่ไบกอน อยู่รู้อยู่ในตอนที่ทำสมาธินี่หว่า

สรุปก็คือ ไม่รู้นะคะ เพราะนี่คือ เดาไปมั่ว ๆ
ตามความคิด ความเห็นของไบกอน
ก็รอผู้รู้ มาให้ความกระจ่างเหมือนกัน

:b1:

อีกแระ เพราะเห็นเป็นท่าน mes นะ จึงเสนอหน้ามาสนทนา
เพราะรู้ว่า ท่าน mes ไม่ถือสาหาความ ไบกอนนนนน....

:b12:

แต่คนอื่น ไม่แน่....แง๊ แง๊ :b2: :b2:


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 17 ก.ค. 2010, 16:02, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 16:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไบกอน เขียน:
สรุปก็คือ ไม่รู้นะคะ เพราะนี่คือ เดาไปมั่ว ๆ
ตามความคิด ความเห็นของไบกอน
ก็รอผู้รู้ มาให้ความกระจ่างเหมือนกัน


^ ^ มังกรน้อย อะนะ ให้อ่านซะยาว สรุป ซะงี้ หุหุ 555

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 18:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อีกแระ เพราะเห็นเป็นท่าน mes นะ จึงเสนอหน้ามาสนทนา
เพราะรู้ว่า ท่าน mes ไม่ถือสาหาความ ไบกอนนนนน....



แต่คนอื่น ไม่แน่....แง๊ แง๊


ขอบคุณ คุณเอรากอนที่มาร่วมสนทนาครับ

ผมเองก็ไม่มีความรู้เรื่องปริยัติครับ

เอาเป็นว่าเราต่างมาหลับตาควำช้างกัน

ที่ว่าวิปัสสนาในสมาธิหรือฌานนั้นหมายถึง

เมื่อจิตอยู่ในสมาธิคือมีองค์ฌาน วิตก วิจาร ปิติ อุเบกขา อธิโมก ฯลฯ

เราสามารถโยนิโสมนสิการเรื่องใดที่กำลังอยู่ในวิตก วิจาร อยุ่ ขณะนั้น

ไม่ต้องถอนสมาธิหรือยกจิตเข้าสู่วิปัสสนาหรอกครับ

เพียงแต่ในขณะอยู่ในฌานและวิปัสสนานั้นเราจะมุ่งพิจารณาอยู่แต่เรื่องเดียวบางครั้งอาจไม่รับรู้ถึงสิ่งรอบตัว เช่นใครเรียกอาจไม่ได้ยิน เรียกว่าเอกัคคตาจิต

สังขารจะปรุ่งแต่งไปเรื่อยๆจึงต้องมีสติสมาธิช่วยประคองไม่ให้ เกิดอุธัจจะ กุกุจจะ

วิปัสสนึกต่างจากวิปัสสนาคือ

วิปัสสนึกเป็นการปรุ่งแต่งแบบจินตนาการหรือสังเคราะห์

วิปัสสนาคือการพิจารณาในใจอย่างแยบคายหรือวิเคราะห์ครับ


จนกระทั่งเกิดปัญญาที่ผุดขึ้นหรือญาณทัสสนะ


มีข้อสังเกตุว่า ในปัญญาที่ผุดขึ้นนั้นก็ยังต้องโยนิโสมนสิการเพราะเป็นไม่ใช่ความจริงก็ยังมีครับ ด้วยหลายเหตุผล


การสนทนาธรรมจึงควรเป็นไปตามหลักวิภัชชวาท ไม่ควรเป็นเอกังวาท(เขียนผิดก็ขออภัย)

เพราะในการปฎิบัติกับที่เป็นพยัญชนะนั้น แตกต่างโดยสิ้นเชิง บางอย่างเป็นปัจจตังอธิบายไม่ได้ครับ

ขอบอกว่า

การจะบรรลุธรรมอาศัยการอ่านตำราสักกี่เล่มก็ไม่บรรลุได้แท้แน่นอน

อาศัยการปฎิบัติก็ไม่แน่จะบรรลุ

แต่จิตถึงวาระบรรลุก็บรรลุเอาดื้อๆ อย่างนั้นเอง

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 21:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ไบกอน เขียน:
สรุปก็คือ ไม่รู้นะคะ เพราะนี่คือ เดาไปมั่ว ๆ
ตามความคิด ความเห็นของไบกอน
ก็รอผู้รู้ มาให้ความกระจ่างเหมือนกัน


^ ^ มังกรน้อย อะนะ ให้อ่านซะยาว สรุป ซะงี้ หุหุ 555


อิ อิ ก็คนมันหน้ามึน แถมยังขี้โกง หง่ะ :b12:

:b9: :b9:
หงึบ หงึบ


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 17 ก.ค. 2010, 21:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
ฉนั้น การวิปัสสนนั้นไม่จำเป็นต้องออกจากฌานหรืออัปปนาสมาธิอย่างที่บางสำนักสอน


หากทำได้ทั้งวิปัสสนหรือปัสสนึก ก็ตาม สภาวะนั้นคงบ่ใช่กำลังอยู่อัปปนากระมังครับ
อย่างนั้นผมก็อยากขอความรู้จากท่าน mes ซักหน่อยว่าในสภาวะอัปปนาที่กล่าวนั้น ยังมีเวทนาอยู่บ่คับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2010, 11:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อายะ เขียน:
mes เขียน:
ฉนั้น การวิปัสสนนั้นไม่จำเป็นต้องออกจากฌานหรืออัปปนาสมาธิอย่างที่บางสำนักสอน


หากทำได้ทั้งวิปัสสนหรือปัสสนึก ก็ตาม สภาวะนั้นคงบ่ใช่กำลังอยู่อัปปนากระมังครับ
อย่างนั้นผมก็อยากขอความรู้จากท่าน mes ซักหน่อยว่าในสภาวะอัปปนาที่กล่าวนั้น ยังมีเวทนาอยู่บ่คับ



เวทนาเป็นขันธ์ อยู่ในขันธ์5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญา

ในอัปปนายังมีเวทนาอยู่ครับ

แม้แต่ในฌาณขั้นสัญญาเวทยิตนโรธก็ยังเหลือเวทนาที่น้อยเต็มทีใกล้หมดคือนิโรธหรือนิพพาน

ถ้าดับเวทนาหรือดับขันธ์ได้ทั้งหมดก็คือนิพพานนั่นเอง

ผมขอเรียงอย่างนี้ครับหากผิดท่านผู้รู้แก้ให้ด้วยครับ

นิโรธนั้น

สังขารจะดับได้ก่อน แล้วเวทนาจึงดับเป็นขั้นต่อไป เมื่อถึงสัญญาดับหมายถึงจิตดับ คือดับขันธ์

หมายถึงนิโรธคือสำเร็จอรหันต์

ถ้ารูปดับก็คือนิพพาน

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2010, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2010, 18:50
โพสต์: 24

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นิโรธสมาบัติ (อ่านว่า นิโรดสะมาบัด, นิโรดทะ- ) แปลว่า การเข้านิโรธ, การเข้าถึงความดับ หมายถึงการเข้าถึงความดับสัญญา (ความจำ) และเวทนา (ความรับอารมณ์) ทั้งหมด ซึ่งสามารถดับได้ถึง 7 วัน เรียกว่าเข้านิโรธสมาบัติ เรียกย่อว่า เข้านิโรธ เรียกเต็มว่า เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ

นิโรธสมาบัติ ต้องเป็นพระอรหันต์และพระอนาคามีผู้ได้สมาบัติ 8 จึงจะสามารถเข้าได้ ถือกันมาว่าผู้ได้ถวายอาหารแด่พระสงฆ์ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติมื้อแรกจะได้รับอานิสงฆ์ในปัจจุบันทันตา ท้งนี้เพราะเป็นอาหารมื้อสำคัญหลังจากที่ท่านอดมาถึง 7 วัน ร่างกายจึงต้องการอาหารมากเป็นพิเศษ


อ้างอิง
* พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 00:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 1011

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:

แม้แต่ในฌาณขั้นสัญญาเวทยิตนโรธก็ยังเหลือเวทนาที่น้อยเต็มทีใกล้หมดคือนิโรธหรือนิพพาน

ถ้าดับเวทนาหรือดับขันธ์ได้ทั้งหมดก็คือนิพพานนั่นเอง

ผมขอเรียงอย่างนี้ครับหากผิดท่านผู้รู้แก้ให้ด้วยครับ

ยังไม่ "รู้" นะครับ แต่ค้นคว้าอ้างอิงได้ดังนี้

"นิโรธสมาบัติ : การเข้านิโรธ คือ ดับสัญญา ความจำได้หมายรู้ และเวทนา การเสวยอารมณ์ เรียกเต็มว่า เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ" (พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์, พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต))

ถ้าว่าตามท่านเจ้าคุณประยุทธ :b8: (ซึ่งท่านคงค้นคว้าจากพระไตรปิฎกมาแล้วเป็นอย่างดี :b16: ) ฌานในขั้นสัญญาเวทยิตนโรธจะต้องไม่มีเวทนาเหลืออีกแล้ว ส่วนสัญญานั้น พัฒนาการดับมาจากฌานขั้นก่อนหน้าคืออรูปฌานที่ ๔ (เนวสัญญานาสัญญายตนะ คือมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่) ซึ่งมีสัญญาอยู่นอยนิด จะขาดมิขาดแหล่ คือ ยังมีความจำได้หมายรู้อยู่ แต่ไม่รู้ว่า จำได้หมายรู้อะไร

เจริญในธรรมครับ :b8:

ปล. ในองค์ฌานตั้งแต่รูปฌานที่ ๑ จนถึงอรูปฌานที่ ๔ นั้น ยังมีเวทนา (เจตสิก) อยู่ครับ คือรูปฌานที่ ๑, ๒, และ ๓ (นับตามพระสูตร) มีโสมนัสเวทนาเจตสิก ส่วนรูปฌานที่ ๔ ถึงอรูปฌานที่ ๔ จะมี อุเบกขาเวทนาเจตสิก ครับ


แก้ไขล่าสุดโดย วิสุทธิปาละ เมื่อ 12 ส.ค. 2010, 17:28, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 19:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ในอัปปนายังมีเวทนาอยู่ครับ
เวทนาเป็นขันธ์ อยู่ในขันธ์5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญา


ขอโทษทีครับที่ถามบ่เคลีย เพื่อเป็นธรรมทานนะครับ
ขอถามใหม่ละกันแบบบ้านๆ นะครับว่า
ขอจากประสบการณ์ตรงของท่าน MES เวลาท่าน MES ทำฌาณนะครับท่านใช้อารมณ์กรรมฐานใด
และท่านรู้ได้อย่างไรว่าสภาวะใดได้อยู่ในฌานแล้ว มีอาการทางกายและทางจิตอย่างไร
และในสภาวะที่ท่านอยู่ในฌาณท่าน
ยังได้ยินเสียงอยู่หรือไม่ ยังมีความรู้สึกทางกายอยู่หรือไม่ คำภาวนายังมีอยู่หรือไม่ ถ้าไม่มีทำอย่างไร
มีเวทนาทางกายอยู่หรือไม่ เช่น ปวดขา หลัง คัน ....
จิตยังเผลอไปคิดหรือไม่ เช่น เรื่องอดีตหรืออนาคต, กังวล , กลัว, อึดอัด......


แก้ไขล่าสุดโดย อายะ เมื่อ 05 ส.ค. 2010, 19:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร