วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 00:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 39, 40, 41, 42, 43, 44, 45 ... 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2015, 18:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
:b32: :b32: :b32:

ดังนั้น ธัมจัก... หรือ ธรรมจัก...

อย่าไปถือเลยเน๊อะ....

:b13: :b13: :b13:

:b12: :b12:
อ๊ะๆ!! ไม่ได้ซิครับ

ประเด็นของคำมิได้อยู่ที่ ธัมจัก กับธรรมจัก

ประเด็นมันอยู่ที่ ธัมมจักกัปปวัตนะ กับ ธรรมจักรซึ่งมีคำแปลและความหมายที่ต่างกันมากครับ
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2015, 20:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ชาตินี้ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ตายไปพร้อมความโง่

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2015, 20:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:
:b4:
ขอบคุณคุณเอก้อนที่หาอะไรดีๆมาเสริมคุณค่าของกระทู้นี้
อ่านแล้วมันตีความไปได้หลายอย่างผมเลยไม่แน่ใจว่าจะชี้ชัดไปทางไหน กรุณาสรุปเป็นภาษาชาวบ้านแบบเว้าซื่อๆให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ

ขอบคุณมากครับ
smiley


ก็ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแต่บางครั้งเวลาที่นั่งอ่านการสนทนา
เวลาที่เอกอนจะอธิบายคำว่า อุปนิสัยของจิต หรือ อัตโนมัติของจิต
มันเป็นเรื่องที่อธิบายลำบากน่ะ

เพราะ ... มันจะอธิบายยังไงล่ะ อย่างการที่จิตยกองค์ธรรมขึ้นวิปัสสนาโดยอัตโนมัติ
บางคนก็ไม่ได้สามารถทำให้เกิดได้แบบอัตโนมัติ เอาเครนมายกก็ยังจะไม่ยอมขึ้นให้แต่โดยดี
ต้องใช้ความคิดมาลากจูงจิตให้วิปัสสนา

อย่างบางคนสามารถเปลี่ยนอารมณ์ได้โดยอัตโนมัติ ก็เพราะจิตถูกทำให้เป็นอย่างนั้นโดยอัตโนมัติ
บางคนเปลี่ยนจากอารมณ์อกุศล เป็น กุศล ได้
เปลี่ยนจากอารมณ์ ทุกข์ เป็น สุข เป็น อุเบกขา ได้
จนบางครั้ง ความเชี่ยวชาญในการเปลี่ยนอารมณ์ก็ทำให้เข้าใจว่าตนปฏิบัติสำเร็จถึงขั้น...ไหนไหน
แต่...ปรากฎว่า...ก็ไม่สามารถรู้เท่าทันอาการแห่งจิตที่ปรากฎเหล่านั้นได้
...

ซึ่ง...วิปัสสนา ก็คือ วิปัสสนา
เมื่อไรก็ตาม ที่นักปฏิบัติสามารถ ทำให้เกิดอุปนิสัยวิปัสสนาให้กับจิตได้
จิต...เขาจะ...เดินองค์วิปัสสนาทุกอย่างได้เอง(ตามกำลัง)
แม้แต่ ... ตัวจิตเอง มันก็ไม่เว้นที่จะชำแหละ(วิปัสสนา)ตัวเอง

.... :b1: ....
เอกอน เอามาลงเยอะๆชอบ.ๆ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2015, 21:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
มานะทิฏฐิ..นี้แก้ยาก..เน๊าะ..

เอาเถอะ...อยากคิดไม่มีเหตุผล...ก็คิดไป...เป็นสมบัติติดตัวเองหรอก...
สมบัติเหม็น..สมบัติเน่า..ก็ไม่เกี่ยวกับกับคนอื่น...

ถามหน่อย..แล้วทำไม..ธรรมจักรกัปปวัตนะ..จึงแปลเป็น..ขอบเขตของธรรม....ไม่ได้

แล้ว...Dhammajak....แปลว่าอะไร...มีความหมายเดียวกันกับอะไร..ระหว่าง ธัมมจัก..กับ..ธรรมจักร?

ตอบให้ได้นะ...


asoka เขียน:
:b12: :b12:
ถ้ามานะทิฏฐิมันแก้ได้ง่ายๆ กบก็พ้นชาติกบมาเป็นมนุษย์เสียตั้งนานแล้ว แต่นี้ยังยินดีและหยิ่งทะนงในความเป็นกบอยู่ไม่รู้หาย

555555
กบก็ชื่นชมในสมบัติของกบ มนุษย์ก็ชื่นชมในสมบัติของมนุษย์ หนอนในมูตรคูตรก็ย่อมชื่นชมในมูตรคูตรตามระดับของใครของมัน เป็นเรื่อธรรมดา (ตถตา)
:b39:
จักร แปลว่า กงล้อ

จักกัปปวัตนะ แปลว่า ขอบเหล็กที่หุ้มรอบกงล้อ

เป็นคนละอันกัน

onion


จักร แปลว่า กงล้อ จักกัปปวัตนะ แปลว่า ขอบเหล็กที่หุ้มรอบกงล้อ


กบนอกกะลา เขียน:
นี้แปลเอาเอง...หรือมีหลักการแปลอย่างไรรึ..

ที..จัก...ยังเขียนว่าจักกัปปวัตนะ...แล้วทำไมไม่เขียนว่า..จักรกัปปวัตนะ...ด้วยละ?

asoka เขียน:
:b39:
จักกัปปวัตนะ บาลีในพม่าเขาแปลว่าขอบล้อ หรือขอบเหล็กหุ้มล้อ ที่มาออกเป็น ขอบเขตแห่งธรรมที่แปลความหมายให้ฟังนั่นแหละ

ส่วนจักร แปลว่ากงล้อนี่ก็รู้ๆกันอยู่ทั่วไปและใช้กันอยู่ในภาษาไทย อยู่แล้วไงครับ

ที่ว่าธรรมจักรกัปปวัตนสูตรแปลว่าขอบเขตแห่งธรรมไม่ได้ก็ความหมายของคำว่าจักรมันแปลว่ากงล้อนั้นบังคับอยู่ยังไงครับ

ถ้าคิดตามความหมายทางธรรมแล้ว กงล้อแห่งธรรม กับขอบเขตแห่งธรรม คุณกบว่าอันไหนมันจะเข้าท่าสมเหตุสมผลกว่ากันล่ะครับ
:b38:


จัก...อ้างพม่าบาลี

ส่วน..จักร...ใช้ภาษาไทยอ้าง..

แล้วอโสกะจะเอาคำแปลมาเปรียบเทียบกันได้งัย..

:b32: อโสกะ...ไม่เห็นความผิดปกติของตัวเองจริง ๆ รึ?
Onion_L

พอ..พอ...

อยากบ้า..ก็บ้าไปคนเดียว....ให้ลูกหลานมีเรื่องหัวเร้อก็ดีเหมือนกัน..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2015, 21:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
อ๊ะๆ!! ไม่ได้ซิครับ

ประเด็นของคำมิได้อยู่ที่ ธัมจัก กับธรรมจัก

ประเด็นมันอยู่ที่ ธัมมจักกัปปวัตนะ กับ ธรรมจักรซึ่งมีคำแปลและความหมายที่ต่างกันมากครับ


ธัมมจักกัปปวัตนะ..ที่เขียนในแบบภาษามคธ..หรือ..ธรรมจักรกัปปวัตนะ..ที่เขียนแบบไทยสันสกฤต...ควรจะแปลว่า..ขอบเขตของธรรมแบบที่พม่าแปล..หรือควรจะแปลว่า..กงล้อแห่งธรรมแบบที่ไทยแปล..

การแปลแบบไหนที่ให้ความหมายได้ดีที่สุด...??

ควรถามอย่างนี้มากกว่า

ไม่ใช่ไปบอกว่า..ควรแปลว่าขอบเขตของธรรมเพราะมันเขียนว่าธัมมจักกัปปวัตนะ..ถ้าเขียนว่าธรรมจักรกัปปวัตนะก็จะแปลว่ากงล้อแห่งธรรม..

s002 s002

บอกแล้ว..ทีนี้อยากจะบ้าต่อ...ก็ไม่ห้ามละนะ..

:b9: :b9: :b9:

สำหรับกระผมนะ..จะแปลไปอย่างไหน..กระผมก็ไม่มีปัญหา..ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2015, 04:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
มานะทิฏฐิ..นี้แก้ยาก..เน๊าะ..

เอาเถอะ...อยากคิดไม่มีเหตุผล...ก็คิดไป...เป็นสมบัติติดตัวเองหรอก...
สมบัติเหม็น..สมบัติเน่า..ก็ไม่เกี่ยวกับกับคนอื่น...

ถามหน่อย..แล้วทำไม..ธรรมจักรกัปปวัตนะ..จึงแปลเป็น..ขอบเขตของธรรม....ไม่ได้

แล้ว...Dhammajak....แปลว่าอะไร...มีความหมายเดียวกันกับอะไร..ระหว่าง ธัมมจัก..กับ..ธรรมจักร?

ตอบให้ได้นะ...


asoka เขียน:
:b12: :b12:
ถ้ามานะทิฏฐิมันแก้ได้ง่ายๆ กบก็พ้นชาติกบมาเป็นมนุษย์เสียตั้งนานแล้ว แต่นี้ยังยินดีและหยิ่งทะนงในความเป็นกบอยู่ไม่รู้หาย

555555
กบก็ชื่นชมในสมบัติของกบ มนุษย์ก็ชื่นชมในสมบัติของมนุษย์ หนอนในมูตรคูตรก็ย่อมชื่นชมในมูตรคูตรตามระดับของใครของมัน เป็นเรื่อธรรมดา (ตถตา)
:b39:
จักร แปลว่า กงล้อ

จักกัปปวัตนะ แปลว่า ขอบเหล็กที่หุ้มรอบกงล้อ

เป็นคนละอันกัน

onion


จักร แปลว่า กงล้อ จักกัปปวัตนะ แปลว่า ขอบเหล็กที่หุ้มรอบกงล้อ


กบนอกกะลา เขียน:
นี้แปลเอาเอง...หรือมีหลักการแปลอย่างไรรึ..

ที..จัก...ยังเขียนว่าจักกัปปวัตนะ...แล้วทำไมไม่เขียนว่า..จักรกัปปวัตนะ...ด้วยละ?

asoka เขียน:
:b39:
จักกัปปวัตนะ บาลีในพม่าเขาแปลว่าขอบล้อ หรือขอบเหล็กหุ้มล้อ ที่มาออกเป็น ขอบเขตแห่งธรรมที่แปลความหมายให้ฟังนั่นแหละ

ส่วนจักร แปลว่ากงล้อนี่ก็รู้ๆกันอยู่ทั่วไปและใช้กันอยู่ในภาษาไทย อยู่แล้วไงครับ

ที่ว่าธรรมจักรกัปปวัตนสูตรแปลว่าขอบเขตแห่งธรรมไม่ได้ก็ความหมายของคำว่าจักรมันแปลว่ากงล้อนั้นบังคับอยู่ยังไงครับ

ถ้าคิดตามความหมายทางธรรมแล้ว กงล้อแห่งธรรม กับขอบเขตแห่งธรรม คุณกบว่าอันไหนมันจะเข้าท่าสมเหตุสมผลกว่ากันล่ะครับ
:b38:


จัก...อ้างพม่าบาลี

ส่วน..จักร...ใช้ภาษาไทยอ้าง..

แล้วอโสกะจะเอาคำแปลมาเปรียบเทียบกันได้งัย..

:b32: อโสกะ...ไม่เห็นความผิดปกติของตัวเองจริง ๆ รึ?
Onion_L

พอ..พอ...

อยากบ้า..ก็บ้าไปคนเดียว....ให้ลูกหลานมีเรื่องหัวเร้อก็ดีเหมือนกัน..

:b34:
ที่จำเป็นต้องอ้างคำแปลจากพม่าก็เพราะการแปลของไทยมันเพี้ยนไปจากต้นฉบับเดิมไปแล้วทำให้ความหมายอันทรงคุณค่าของธัมมจักกัปปวัตนสูตรเปลี่ยนไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง

ความหมายของธรรม กบเข้าใจไหม?

ความหมายของธรรมถ้าผิดเพี้ยนไปสักนิดหนึ่งมันก็อาจทำให้เนิ่นช้าหรือเฉออกนอกทางได้ เรื่องอย่างนี้ให้ตามไปดูเดียวจะแยกกระทู้ออกไปแบบที่กบทำโดยไปตั้งหัวข้อขยายเรื่องการแปลความหมายที่เบี่ยงเบนผิดเพี้ยนไปจากธรรมของธรรมคุณ 6 ประการ

กบออกปากว่าคนอื่นบ้าได้ง่ายๆอย่างนี้เพราะเห็นว่าเขาไม่ยอมเห็นตามกบ อันนี้ต้องระวังตัวให้ดี มันอาจจะย้อนมาเป็นกรรมสนองตนเองเป็นสิบเท่าร้อยเท่า การพูดว่าเขาอย่างนี้ได้ ลึกๆมันมาจากปฏิฆะความขัดเคืองที่ทำให้ผู้อื่นเป็นไปตามใจของตนเองไม่ได้ ถ้ายังฝืนทำบ่อยๆก็จะฝังลึกเข้าไปเป็นความเคยชิน นิสัย อุปนิสัย และสันดานในที่สุด

วิเคราะห์มาให้ฟังลึกๆขนาดนี้กบพอจะมองเห็นความผิดปกติของตนเองบ้างไหมล่ะ (1 นิ้วชี้ไปข้างนอกแต่ 4 นิ้วที่เหลือมันชี้เข้าตัวนะ)
s004


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2015, 05:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ปฏิฆะ..เหรอ... :b32: :b32:

ปฏิฆะนะผมมี..

แต่เรื่องนี้ยังไม่ถึงขั้นทำให้ผมปฏิฆะ..หรอก

ทำให้ผมปลง...มากกว่า...

โอ้หน่อ....ความหลงนี้ร้ายกาจจริงหนอ...ยามที่หลง...เรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่..เรื่องง่ายก็กลายเป็นเรื่องยาก..

ฟังเรื่องญาติมาหยก ๆ...

ป้า อายุ74 เดินออกจากบ้านไป 500 เมตรไปบอกงานบุญที่จะทำบ้านตัวเองกับเพื่อนบ้าน...ขากลับเดินขึ้นถนนใหญ่กลับบ้าน..แกงง.!!! s006 ..เอ้บ้านเราไปทางซ้ายหรือทางขวา..ละว้า...แกมองไปทางขาว....แกว่า..เอ่อไปทางขวานี้แหละ...จำได้แล้ว...แต่แกก็เอ้ะใจลองถามคนอื่นด้วยก็คงดี...ไอ้หนู..บ้านป้าไปทางไหน..ไอ้หนูบอกว่าไปทางซ้าย...ป้าแกก็เถียงว่า...จะไปทางซ้ายได้งั้ย...ทางขวาซิ...ไหนหนูลองไปส่งป้าซิ...ออกมาแค่ 100 เมตร..ป้าแก่ก็ร้องอ้อ..ใช่แล้วทางซ้ายนี้แหละไปบ้านป้า..

เรื่องของป้า..นี้...หลงลืมเพราะรูป(สมอง)ไม่เที่ยง....สัญญาไม่เที่ยง..แต่ก็พอนำมาเป็นตัวอย่างอุทาหรณ์ความร้ายกาจของความหลง...ได้อยู่

:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2015, 05:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

:b34:
ที่จำเป็นต้องอ้างคำแปลจากพม่าก็เพราะการแปลของไทยมันเพี้ยนไปจากต้นฉบับเดิมไปแล้วทำให้ความหมายอันทรงคุณค่าของธัมมจักกัปปวัตนสูตรเปลี่ยนไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง

ความหมายของธรรม กบเข้าใจไหม?

s004

ไม่รู้นะ...

รู้แต่ว่า...ไม่ว่าใครจะแปลความหมายยังงัย..จะหมายถึงว่ากงล้อ..หรือจะหมายถึงขอบเขต...ก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของผมที่มีต่อพระสูตรนี้...แค่นี้แหละ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2015, 05:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ปฏิฆะ..เหรอ... :b32: :b32:

ปฏิฆะนะผมมี..

แต่เรื่องนี้ยังไม่ถึงขั้นทำให้ผมปฏิฆะ..หรอก

ทำให้ผมปลง...มากกว่า...

โอ้หน่อ....ความหลงนี้ร้ายกาจจริงหนอ...ยามที่หลง...เรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่..เรื่องง่ายก็กลายเป็นเรื่องยาก..

ฟังเรื่องญาติมาหยก ๆ...

ป้า อายุ74 เดินออกจากบ้านไป 500 เมตรไปบอกงานบุญที่จะทำบ้านตัวเองกับเพื่อนบ้าน...ขากลับเดินขึ้นถนนใหญ่กลับบ้าน..แกงง.!!! s006 ..เอ้บ้านเราไปทางซ้ายหรือทางขวา..ละว้า...แกมองไปทางขาว....แกว่า..เอ่อไปทางขวานี้แหละ...จำได้แล้ว...แต่แกก็เอ้ะใจลองถามคนอื่นด้วยก็คงดี...ไอ้หนู..บ้านป้าไปทางไหน..ไอ้หนูบอกว่าไปทางซ้าย...ป้าแกก็เถียงว่า...จะไปทางซ้ายได้งั้ย...ทางขวาซิ...ไหนหนูลองไปส่งป้าซิ...ออกมาแค่ 100 เมตร..ป้าแก่ก็ร้องอ้อ..ใช่แล้วทางซ้ายนี้แหละไปบ้านป้า..

เรื่องของป้า..นี้...หลงลืมเพราะรูป(สมอง)ไม่เที่ยง....สัญญาไม่เที่ยง..แต่ก็พอนำมาเป็นตัวอย่างอุทาหรณ์ความร้ายกาจของความหลง...ได้อยู่

:b9: :b9:

:b12: 5555555555
ผมยิ่งปลงมากยิ่งกว่ากบเมื่อยิ่งมาเห็นกบยกเรื่องคนแก่ขี้หลงขี้ลืมคนนี้ซึ่งคงเป็นเพราะวิบากกรรมกำลังพากบไปพบกับเรื่องอย่างนี้ ต้องไปคลุกคลีกับเรื่องอย่างนี้ แทนที่จะได้ไปคลุกคลีกับเรื่องที่เจริญหู เจริญตาและเจริญใจ

ยิ่งถกเถียงกบก็ยิ่งแสดงความไม่ยอมรับยิ่งขึ้นในความหมายของธัมมจักกัปปวัตนสูตรที่แปลว่าหรือมีความหมายว่า ขอบเขตแห่งธรรม

อะไรทำให้ถกเถียงอย่างไม่ยอมเปลี่ยนความเห็น

สัญญาเก่าที่ยึดแน่นฝังแน่น
หรือทิฏฐิมานะ
หรืออย่างอื่น

ขอคืนคำนี้ให้กบนะครับ

อ้างคำพูด:
โอ้หน่อ....ความหลงนี้ร้ายกาจจริงหนอ...ยามที่หลง...เรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่..เรื่องง่ายก็กลายเป็นเรื่องยาก..

:b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2015, 05:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:

:b34:
ที่จำเป็นต้องอ้างคำแปลจากพม่าก็เพราะการแปลของไทยมันเพี้ยนไปจากต้นฉบับเดิมไปแล้วทำให้ความหมายอันทรงคุณค่าของธัมมจักกัปปวัตนสูตรเปลี่ยนไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง

ความหมายของธรรม กบเข้าใจไหม?

s004

ไม่รู้นะ...

รู้แต่ว่า...ไม่ว่าใครจะแปลความหมายยังงัย..จะหมายถึงว่ากงล้อ..หรือจะหมายถึงขอบเขต...ก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของผมที่มีต่อพระสูตรนี้...แค่นี้แหละ..

:b13:
เข้าใจแบบจมลงไปในเนื้อความของบัญญัติเลยอาจไม่เห็นลำดับความสำคัญโดยปรมัตถ์ของธรรม เวลาจะนำไปใช้จริงๆย่อมสับสน

s004
:b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2015, 05:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ปฏิฆะ..เหรอ... :b32: :b32:

ปฏิฆะนะผมมี..

แต่เรื่องนี้ยังไม่ถึงขั้นทำให้ผมปฏิฆะ..หรอก

ทำให้ผมปลง...มากกว่า...

โอ้หน่อ....ความหลงนี้ร้ายกาจจริงหนอ...ยามที่หลง...เรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่..เรื่องง่ายก็กลายเป็นเรื่องยาก..

ฟังเรื่องญาติมาหยก ๆ...

ป้า อายุ74 เดินออกจากบ้านไป 500 เมตรไปบอกงานบุญที่จะทำบ้านตัวเองกับเพื่อนบ้าน...ขากลับเดินขึ้นถนนใหญ่กลับบ้าน..แกงง.!!! s006 ..เอ้บ้านเราไปทางซ้ายหรือทางขวา..ละว้า...แกมองไปทางขาว....แกว่า..เอ่อไปทางขวานี้แหละ...จำได้แล้ว...แต่แกก็เอ้ะใจลองถามคนอื่นด้วยก็คงดี...ไอ้หนู..บ้านป้าไปทางไหน..ไอ้หนูบอกว่าไปทางซ้าย...ป้าแกก็เถียงว่า...จะไปทางซ้ายได้งั้ย...ทางขวาซิ...ไหนหนูลองไปส่งป้าซิ...ออกมาแค่ 100 เมตร..ป้าแก่ก็ร้องอ้อ..ใช่แล้วทางซ้ายนี้แหละไปบ้านป้า..

เรื่องของป้า..นี้...หลงลืมเพราะรูป(สมอง)ไม่เที่ยง....สัญญาไม่เที่ยง..แต่ก็พอนำมาเป็นตัวอย่างอุทาหรณ์ความร้ายกาจของความหลง...ได้อยู่

:b9: :b9:


asoka เขียน:

:b12: 5555555555
ผมยิ่งปลงมากยิ่งกว่ากบเมื่อยิ่งมาเห็นกบยกเรื่องคนแก่ขี้หลงขี้ลืมคนนี้ซึ่งคงเป็นเพราะวิบากกรรมกำลังพากบไปพบกับเรื่องอย่างนี้ ต้องไปคลุกคลีกับเรื่องอย่างนี้ แทนที่จะได้ไปคลุกคลีกับเรื่องที่เจริญหู เจริญตาและเจริญใจ

การได้เจอเรื่องราวทำให้ได้คิดได้พิจารณาธรรมได้..นี้..เป็นสิ่งที่เจริญอย่างยิ่ง..ยิ่งกว่าอย่างอื่นแล้ว...

ยังจะไปหลงกับเวทนาอีกหรือ..อโสกะ

asoka เขียน:

ยิ่งถกเถียงกบก็ยิ่งแสดงความไม่ยอมรับยิ่งขึ้นในความหมายของธัมมจักกัปปวัตนสูตรที่แปลว่าหรือมีความหมายว่า ขอบเขตแห่งธรรม


อโสกะ..เป็นคนอ่านไม่รู้เรื่องจริง ๆ รึ.. :b9:
กบนอกกะลา เขียน:
ไม่รู้นะ...

รู้แต่ว่า...ไม่ว่าใครจะแปลความหมายยังงัย..จะหมายถึงว่ากงล้อ..หรือจะหมายถึงขอบเขต...ก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของผมที่มีต่อพระสูตรนี้...แค่นี้แหละ..

:b32: :b32:

แล้วก็ต้องมาประหลาดใจมาก...กับอโสกะ..

asoka เขียน:

:b13:
เข้าใจแบบจมลงไปในเนื้อความของบัญญัติเลยอาจไม่เห็นลำดับความสำคัญโดยปรมัตถ์ของธรรม เวลาจะนำไปใช้จริงๆย่อมสับสน

s004
:b20:


ไหนลองแสดงการนำไปใช้หน่อยซิ...

ถ้า..หมายถึง..กงล้อแห่งธรรม...นำไปใช้ยังงัย..
แล้วถ้าหมายถึงขอบเขตของธรรม...สามารถนำไปใช้ยังงัย...บ้าง

นำไปใช้แล้ว..ทั้งคู่มีผลต่างกันยังงัย
:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2015, 19:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


wink
เรื่องกงจักรแห่งธรรมนั้นผมไม่เห็นด้วยอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องการนำไปใช้

แต่ถ้าแปลความหมายของธัมมจักกัปปวัตนสูตรว่าขอบเขตแห่งธรรมนั้น นำไปใช้ได้เยอะมากมาย ดังเช่นถ้ามีผู้มาแสดงธรรมให้ฟังแล้วสงสัยว่าใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าหรือเปล่าก็จงเอาธรรมอันพระพุทธเจ้าแสดงไว้ในกรอบแห่งธรรมคือธรรมจักกัปปวัตนสูตรนี้ไปเทียบเคียงดู ถ้าตรงกันลงกันได้ก็แสดงว่าใช่ ถ้าไม่ลงกัน ขัดแย้งกันก็แสดงว่าไม่ใช่ ดังนี้เป็นต้น
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2015, 21:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


http://m.pantip.com/topic/30437581?

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2015, 21:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ... ท่านบิ๊ก ที่นำลิงค์ดี ๆ มาแปะ
เอกอนเลยได้เข้าไปดูจนถึงตอนนี้ ... :b20: :b19: :b19:



:b1:

:b20: :b20: :b20:

นักเขียนท่านนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ...

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2015, 22:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ทันทีที่ฟังตอน "อนัตตา" จบ เอกอนก็ :b14: :b5: :b10:

:b32: :b32: :b32:

นี่เป็นบทความหนึ่งของเอกอนที่เคยสนทนา

eragon_joe เขียน:
ว่าแต่ที่เอกอนตอบไป ไม่สงสัยบ้างเหร๋อ

เพราะจิตมันไวนะ เราไปนั่งเห็นมันได้ไง ...

:b1:

จริง ๆ รอคำถามอยู่นะนี่

เพราะ ภวังค์ เป็นช่วงที่จิตยังไม่ปรากฎอารมณ์ อาการอะไรให้รับรู้
แล้ว...รู้ได้อย่างไรว่านั่นคือ ภวังค์

และเราเข้าไปรู้อาการต่าง ๆ ของจิตที่น้อมไปรับอารมณ์เข้ามาได้อย่างไร


:b1:

เมื่อจิตทำงานกิจเดียว
และจิตนั้นประกอบด้วยโสภณเจตสิก
คือ จิตที่เอื้อต่อการบรรลุธรรม

ปัญหาในการเข้าไปเห็น คือ การวางอุปสรรค์ในการเห็นลงไปทั้งหมด

ผู้ปฏิบัติ ที่พิจารณา จิต
จะเห็นว่า จิตรู้ อารมณ์

และผู้รู้ก็ไปหมายอารมณ์ที่รู้(สิ่งที่ถูกรู้)นั้นเป็นเรา
และพอบอกว่า สิ่งที่ถูกรู้ไม่ใช่เรา
ก็จะหันไปมองว่า สิ่งที่เข้าไปรู้นั้นเป็นเรา เราคือ จิต
แต่ถ้าไม่มีผัสสะกระทบ จิตไม่เข้ารับอารมณ์ เราเอาอะไรมาหมายมั่นอะไร

ดังนั้นการปฏิบัติเข้าไปพิจารณาการเข้าไปรู้อารมณ์ของจิต
เราต้องอาศัยคุณลักษณะของ โสภณเจตสิก
เพราะมันจะเหมือน น้ำนิ่ง ที่ใส เมื่อมีแรงกระเพื่อมเพียงนิด
ทีละระลอก มันก็จะเห็นร่องรอยชัดเจน บนฐานของมัน (พื้นน้ำ)

ไม่ใช่ คุณลักษณะของ การคิดนะ
คุณลักษณะของการคิด มันจะเหมือนลูกคลื่นหลายระลอกตีรวนกันอยู่
เมื่อเห็น มันจะเห็นฐานคลื่นที่เกิดต่อยอดกัน
คือ ภวังค์ที่มีแรงสืบเนื่อง มีแรงตัดรอน
ซึ่งภวังค์ในลักษณะนี้ เอกอนก็มองไมออก เพราะมันเร็วมาก

เราจะทันได้แค่เอะใจว่า "เฮ้ย...จิตมันเปลี่ยนเรื่องแล้วเว้ยเฮ้ย"
....




:b32: :b32: :b32:

สงสัยท่าน(นักเขียน) กับเรา(เอกอน) ...คงจะมาจากดาวดวงเดียวกัน

:b32: :b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 39, 40, 41, 42, 43, 44, 45 ... 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron