วันเวลาปัจจุบัน 16 พ.ค. 2025, 03:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2014, 11:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ย. 2014, 09:02
โพสต์: 9

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
ชื่อเล่น: โอ๋
อายุ: 41
ที่อยู่: กาญจนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


สมัยเมื่ออายุ 18 ผมเคยฝึกสมาธิแบบอานาปานสติ ฝึกวันละ 30 นาที เป็นระยะเวลา 1 เดือนเท่านั้น ในช่วงเวลาที่ฝึกได้ประมาณ 20 วัน ขณะที่เราฝันจะมีสติรู้ว่ากำลังฝันอยู่ สามารถบังคับให้ตนเองตื่นจากการนอนฝันได้ทันที หรือขณะหลับ มีใครเดินเข้ามาใกล้ๆตัวเราจะรู้สึกตัวได้ทันที่ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดู หลังจากนั้นได้ห่างเหินการฝึกไป จนปัจจุบันผมอายุ 40 แล้ว อาชีพข้าราชการครู หันกลับมาฝึกวิปัสสนา ดูอารมณ์ของตนเอง จากคนที่มีโทสะมาก ถ้าโกรธใคร อารมณ์นั้นจะคงอยู่แบบข้ามวันข้ามคืนกันเลยที่เดียว พอหลังจากการฝึกวิปัสนา เวลามีอารมณ์โกรธ จะโกรธเพียงชั่วครู่เท่านั้นก็ดับไป มีการฝึกรู้ลมหายใจเข้าออกระห่างวัน มีเวลาว่างเพียงนิดหน่อยก็กำหนดลมหายใจเข้าออกให้มีสติอยู่กับลมหายใจ แม้บางขณะที่กำลังทำงานอยู่ด้วย ฝึกมา 2 เดือนแล้ว แต่การฝึกสมาธินั้น รู้สึกว่ายากกว่าเดิมมากๆ บ้างครั้งทำสามาธิได้เร็ว บางครั้งไม่ได้เลยแม้จะใช้เวลาในการนั้งสมาธิ 1-2 ชั่วโมง ก็ไม่สามารถเข้าสมาธิได้เลย พยายามห้อข้อบกพร่องอื่นๆ เพื่อแก้ไขครับ
รบกวนอาจารย์ทุกท่าน จะมีอุบาย หรือข้อแนะนำ อย่างไรได้บ้างเพื่อที่จะทำจิตให้เป็นสมาธิได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2014, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในอดีต คุณ Rachen เคยฝึกอานาปานสติ แต่ห่างเหินไปนาน
การฝึกสติ ไม่อาจทำได้ในขณะฝัน
แต่สามารถกำหนดสติ นอนและตื่นในเวลาที่กำหนดได้ครับ

ความรู้สึกตัวที่ตื่นเร็ว เป็นความรู้สึกตัวที่เกิดขึ้นจากประสาทสัมผัสทางกายที่ตื่นตัวไวครับ

ปัจจุบัน เพราะมีความรู้ความเห็นในโทษของโทสะ จึงข่มใจไม่โกรธ และปล่อยให้โทสะดับไปเอง
ดีครับ จะต้องภาวนาต่อไปเพื่อให้มีความไวขึ้นจนละความรู้สึกกระทบกระทั่งใจไม่โกรธได้เลย.

การฝึกสมาธิ การเจริญปัญญา จึงเนื่องกันครับ
หากมีความรู้ แต่ไม่มีกำลังจิต ความรู้นั้นก็ใช้ประโยชน์ไม่ดีไม่ได้เท่าที่ควรครับ

การทำสมาธิ มีจุดมุ่งหมาย เพื่อความสงบครับ จิตที่สงบจึงเป็นจิตที่มีกำลังเพื่อที่จะใช้ความรู้นั้นได้ทันท่วงทีในทุกขณะครับ

คุณ Rachen ขาดกำลังจิต ขาดสติพละ ขาดสมาธิพละ ครับ
ให้กำหนดสติรู้ลมเข้า-ออก ตลอดเวลาในขณะฝึกขณะที่ปลีกตัว เพื่อให้จิตเป็นอัปปนา จิตรวมเป็นหนึ่ง เป็นเอกัตคตา เป็นอุเบกขาให้ได้ก่อนครับ ไม่ต้องไปคิดว่าจะได้อะไร. แต่ให้รู้ว่า "สงบ"
เมื่อภาวนาเรื่อยไป จะวูบไปก็ช่าง จะรู้สึกสว่างก็ช่าง ลมจะหายก็ช่าง ตัวจะหายก็ช่าง จิตจะเป็นอุเบกขา.
มีอะไรแทรก มีอะไรคิดในระหว่างที่ทำสมาธิ ก็เพราะตัวกิเลสมันดึงออกจากอารมณ์ภาวนา ให้กำหนดสติ กลับที่อารมณ์ภาวนาให้มั่นคง. อย่าปล่อยให้จิตเต้นไปตามความอยากว่า "เราจะได้สมาธิ เราจะมีสมาธิ" ครับ.

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2014, 19:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ย. 2014, 09:02
โพสต์: 9

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
ชื่อเล่น: โอ๋
อายุ: 41
ที่อยู่: กาญจนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่จิตไม่เป็นสมาธิเพราะมีความอยากได้สมาธิ เป็นจริงตามที่คุณ เช่นนั้น แนะนำครับ

ผมคงจะหลงไปอีกนานถ้าไม่มีผู้รู้แนะนำ หาทางแก้ไขให้ตนเองไม่ได้ ต้องขอบคุณ คุณ เช่นนั้น มากๆเลยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2014, 08:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

smiley
จิตใจยิ่งสะอาดมากเท่าไหร่ สมาธิหรือความตั้งมั่นของจิตก็เกิดง่ายตั้งอยู่ได้นานเท่านั้น

วิธีชำระจิตใจให้สะอาดมี 2 วิธีใหญ่ๆคือ

1.บังความสกปรกไว้ บาลีเรียก สมถะภาวนา

2.รื้อขนสิ่งสกปรกออกไปจากใจ บาลีเรียกวิปัสสนาภาวนา

การฝึกเอาสติไปมัดจิตไว้กับกรรมฐาน คำบริกรรม ลมหายใจ เปรียบเหมือนการปิดฝาถังขยะไว้ไม่ให้เห็นหรือส่งกลิ่นออกมาจากถัง

แต่การเปิดถังขยะเข้าไปเผชิญหน้ากับขยะหรือสิ่งสกปรกในถังแล้วคุ้ยโกยเอาขยะในถังออกไปทิ้งให้จนหมดนั้นเปรียบเหมืนการทำวิปัสสนาภาวนา จะได้ความเบาสบาย สะอาด สงบ ร่มเย็นกว่าการปิดถังขยะทิ้งไว้เฉยๆมากนัก

กระบวนการชำระขยะออกจากใจง่ายๆก็เพียง

"สำรวมกายใจมานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ จนดับไปต่อหน้า โดยไร้ปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ"

1 อารมณ์ คือขยะ 1 ชิ้น ถ้ามีโอกาส เวลามานั่งสงบจิตนิ่งรู้นิ่งสังเกต แต่ละ 1 อารมณ์จนดับไปๆ ขยะใจก็จะลดน้อยจนหมดสิ้นในที่สุด

ภายหลังเราสามารถเช็คสอบระดับความสะอาดของจิตใจได้จากความรวดเร็ว คล่องตัว ง่ายในการเข้าสมาธิ ถ้าสะอาดมากๆแล้วนี่จะเข้าสมาธิได้ภายในไม่กี่อึดใจ สามารถรู้ลมหายใจ สัมผัสการเต้นของหัวใจ ชีพจร หรือแม้แต่ความสั่นสะเทือนภายในร่างกายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

ลองทำดูนะครับ
:b37:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2014, 10:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2783


 ข้อมูลส่วนตัว


อยากให้อ่านคำสอน “พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต” ตามนี้คะ

มีวิธีไหนบ้างที่จะให้จิตเป็นสมาธิ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=47602

ความต่างระหว่างใจที่มีสมาธิ กับ ใจที่ไม่มีสมาธิ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=47987

ถ้ายังไม่มีสมาธิที่แน่วแน่และชำนาญ ควรเจริญสติก่อน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=48118

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2014, 20:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ย. 2014, 09:02
โพสต์: 9

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
ชื่อเล่น: โอ๋
อายุ: 41
ที่อยู่: กาญจนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกๆท่านที่ให้คำแนะนำครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2014, 12:17 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2901


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2015, 20:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1237

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าไปห่วงเรื่องสมาธิ ถ้าห่วงเค้าจะเล่นตัว กำหนดรู้ตัว จะ ไปเลย อะไรเกิดขึ้นมาก็กำหนดตัวต้นเหตุให้ได้ก่อนต่อไปสมาธิจะเหลือเฟือ เหลือใช้ ไม่มีคำำถาม ตอบ ชอบ ชัง เฉย ให้เป็นที่รำคาญอีก กำหนด จะชอบหนอ จะชังหนอ จะเฉยหนอ จะหลับกำหนดจะหลับหนอๆ จะฝันกำหนดจะฝันหนอๆ จะตื่นก็จะตื่นหนอๆ กำหนดตัวจะให้หมอ แล้วเราจะได้วิชาครู ไว้ช่วยสอบอารมณ์ให้กับตัวเอง และผู้อื่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2015, 10:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1237

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดับชอบ ชัง เฉย ได้ก็ผ่องใส ดับชอบ ชัง เฉย ได้ ก็ไม่เดือดร้อน ดับชอบ ชัง เฉย ได้ก็รวย ดับชอบ ชัง เฉย ได้ก็พ้นทุกข์ จะคิดดับๆ จะชอบดับๆ จะเฉยดับๆ (ถ้าดับตัวเฉยไม่ได้โทษหนักกว่าเพื่อน) จะดับได้ก็สังเกตุตัวจะ เห็นต้น เห็นกลาง เห็นสุด ของชอบ ชัง เฉย..


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron