วันเวลาปัจจุบัน 26 ส.ค. 2025, 17:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 27 ก.พ. 2013, 05:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว




14097fcf5.jpg
14097fcf5.jpg [ 76.05 KiB | เปิดดู 4180 ครั้ง ]
โอวาทปาติโมกข์

เป็นหลักคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา
เป็น "ปาติโมกข์" ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงตลอดปฐมโพธิกาล คือ 20 พรรษาแรก
เฉพาะครั้งแรกในวันเพ็ญเดือนมาฆะ (เดือน 3) หลังจากตรัสรู้แล้ว 9 เดือน
เป็นการแสดงปาติโมกข์ที่ประกอบด้วยองค์ 4 เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต
ซึ่งมีเพียงครั้งเดียวในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งๆ
(อรรถกถาแสดงไว้ว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาติโมกข์" นี้ ด้วยพระองค์เอง ท่ามกลางที่ประชุมสงฆ์ตลอด 20 พรรษาแรก หลังจากนั้นทรงบัญญัติให้พระสงฆ์แสดง "อาณาปาติโมกข์" แทน)
สพฺพปาปสฺส อกรณํ - การไม่ทำบาปทั้งปวง
กุสลสฺสูปสมฺปทา - การทำกุศลให้ถึงพร้อม
สจิตฺตปริโยทปนํ - การทำจิตของตนให้ผ่องแผ่ว
เอตํ พุทธานสาสนํ - นี้ คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

เอตํ พุทฺธานสาสนํ บาทสุดท้ายนี้แสดงให้เห็นว่าพระพุทธเจ้ามีมาแล้วหลายพระองค์ในอดีต เป็นเครื่องยืนยันความข้อนี้เป็นอย่างดี คำสอนของท่านเหล่านั้นมิได้แตกต่างกันเลยล้วนเป็นอันเดียวกัน
และเป็นการแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ที่เหมือนกัน

๑. สพฺพปาปสฺส อกรณํ = การไม่ทำชั่วทั้งปวง
อันได้แก่ ศีล คือเครื่องงดเว้นการกระทำความชั่ว
๒. กุสลสฺสูปสมฺปทา = การทำกุศลคือความดีให้พรั่งพร้อม
อันได้แก่ สมาธิ+ปัญญา หมายเอาสมาธิปัญญาดี
รวมความทั้ง ๒ ข้อนี้คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อันได้แก่ องค์มรรค ๘ นั่นเอง ซึ่งเป็เหตุ
๓. สจิตฺตปริโยทปนํ = การทำจิตให้ผ่องแผ้ว คือให้บริสุทธิ์
อันได้แก่ พระอรหันต์ ซึ่งเป็นผล ก็เป็นการเข้าสู่พระนิพพานนั่นเอง

โอวาทปาฏิโมกข์ที่ทรงแสดงนั้นจึงลึกซึ้งและกว้างขวางมาก
สำหรับผู้มีปัญญาดีเมื่อฟังแล้วจะเข้าใจทันที ส่วนนผู้ที่มีปัญญาน้อย
ก็ต้องฟังจาก อนุรุทธาจารย์ อรรกถาจารย์ ขยายความอีกจึงจะเข้าใจได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสต์ เมื่อ: 28 ก.พ. 2013, 02:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

รบกวนเรียนถาม

ปกติท่านทำจิตให้ผ่องแผ้วได้อย่างไรครับ

:b8:

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสต์ เมื่อ: 28 ก.พ. 2013, 08:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องหมั่นศึกษาและปฏิบัติให้รู้ถึงความจริงว่า
ธรรมชาติของ จิต เจตสิก รูป ล้วนเป็นสิ่งที่มาประชุมพร้อมกันเกิดขึ้นแล้วดับไป
เมื่อเข้าใจได้อย่างนี้ก็ย่อมไม่ยึดถือว่าเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวตนของเรา
เราย่อมพ้นหรือคลายจากเครื่องผูกของมารคือ ตัณหาอุปทาน
จิตจะผ่องแผ่วได้ต้องพ้นจากเครื่องผูกของมาร

ปัญหามีอยู่ว่าเราจะทำอย่างไร
วิสัชนาว่า พระพุทธองค์ทรงสอนเหล่าสาวกไว้ให้หมดแล้ว
ก่อนที่พระองค์จะรับเชิญจากเหล่ามารทูลเสด็จเข้าปรินิพพาน
สิ่งที่ท่านบัญญัติห้ามเราก็ละเว้นเสีย สิ่งที่ควรปฏิบิติเราก็ทำตามก็เท่านั้นเอง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 28 ก.พ. 2013, 11:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับ

:b8:

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสต์ เมื่อ: 28 ก.พ. 2013, 14:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับ


โพสต์ เมื่อ: 01 มี.ค. 2013, 06:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


กระทู้ที่ตั้งขึ้นจะเห็นเป็นส่วนมากว่า
เป็นคำสอนของหลวงพ่อ หลวงปู่ หลวงตา กันมากมาย

แท้จริงแล้วท่านก็ต้องเอามาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น
ถ้าไม่ตรงกับที่พระพุทธเจ้าสอนก็ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า

ผู้โพสท์หรือตั้งกระทู้นั้นก็เป็นการยัดเยียดโดยการขะโมยธรรม
ของพระพุทธเจ้ามาว่าเป็นธรรมของหลวงพ่อ หลวงปู่ หลวงตาที่ตนเองชื่นชอบ

แถมมีบางครั้งบางท่านนำเอาไปสงวนลิขสิทธ์เสียอีก
กลายเป็นว่าขัดขวางทางธรรมโดยที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น

มีน้อยนักที่จะกล่าวถึงหลวงพ่อสิทธัตถะ แห่งวัดเชตวันวรวิหาร

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 06 มี.ค. 2013, 06:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว




dhammahome-02.jpg
dhammahome-02.jpg [ 77.45 KiB | เปิดดู 4061 ครั้ง ]
แม้พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ทรงสอนอย่างนี้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสต์ เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 22:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: :b20:

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร