วันเวลาปัจจุบัน 23 พ.ค. 2025, 01:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


- สถานที่ปฏิบัติธรรม
แนะนำรายชื่อสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั่วประเทศ
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=9

- รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=30



กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2012, 17:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5337


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้มีศีล มีสมาธิ
มีชีวิตอยู่วันเดียว
ประเสริฐกว่าชีวิตตั้งร้อยปี
ของคนทุศีล ไร้สมาธิ


อริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เลี้ยงตน เลี้ยงมารดาบิดา บุตร ภริยา

บ่าว ไพร่ คนอาศัย เพื่อนฝูง ให้เป็นสุขเอิบอิ่มสำราญดีด้วยโภคทรัพย์ที่ได้

มาด้วยความหมั่นขยัน ที่สะสมขึ้นด้วยกำลังแขน ที่ต้องทำงานจนเหงื่อไหล

ที่ชอบธรรม ที่ได้มาโดยธรรม นี้กรรมที่สมควรข้อที่ ๑ ของอริยสาวกนั้น

เป็นการชอบแก่เหตุแล้ว เป็นการสมควรแล้ว เป็นการใช้ (โภคทรัพย์)

โดยทางที่ควรใช้แล้ว

อีกข้อหนึ่ง อริยสาวกย่อมบำบัดอันตรายทั้งหลาย ที่เกิดแต่ไฟก็ดี เกิด

แต่น้ำก็ดี เกิดแต่พระราชาก็ดี เกิดแต่โจรก็ดี เกิดแต่ทายาทผู้เกลียดชังกันก็ดี

ย่อมทำตนให้สวัสดี (จากอันตรายเหล่านั้น) ด้วยโภคทรัพย์ที่ได้มาด้วยความ

หมั่นขยัน ฯลฯ ที่ได้มาโดยธรรม นี้กรรมที่สมควรข้อที่ ๒ ของอริยสาวกนั้น

เป็นการชอบแก่เหตุแล้ว เป็นการสมควรแล้ว เป็นการใช้ (โภคทรัพย์)

โดยทางที่ควรใช้แล้ว

อีกข้อหนึ่ง อริยสาวกย่อมเป็นผู้ทำพลี ๕ คือญาติพลี (สงเคราะห์ญาติ)

อติถิพลี (ต้อนรับแขก) ปุพพเปตพลี (ทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย) ราชพลี

(ช่วยราชการ) เทวตาพลี (ทำบุญอุทิศให้เทวดา) ด้วยโภคทรัพย์ที่ได้มา

ด้วยความหมั่นขยัน ฯลฯ ที่ได้มาโดยธรรม นี้เป็นกรรมที่สมควรข้อที่ ๓

ของอริยสาวกนั้น เป็นการชอบแก่เหตุแล้ว เป็นการสมควรแล้ว เป็นการใช้

(โภคทรัพย์) โดยทางที่ควรใช้แล้ว

อีกข้อหนึ่ง อริยสาวกย่อมตั้ง (บริจาค) ทักษิณาทานอย่างสูง ที่จะ

อำนวยผลดีเลิศ มีสุขเป็นวิบาก เป็นทางสวรรค์ ในสมณพราหมณ์ทั้งหลาย

ผู้เว้นไกลจากความมัวเมาประมาท มั่นคงอยู่ในขันติโสรัจจะ ฝึกฝนตนอยู่

ผู้เดียว รำงับตนอยู่ผู้เดียว ดับกิเลสตนอยู่ผู้เดียว ด้วยโภคทรัพย์ที่ได้มาด้วย

ความหมั่นขยัน ฯลฯ ที่ได้มาโดยธรรม นี้เป็นกรรมที่สมควรข้อที่ ๔ ของ

อริยสาวกนั้น เป็นการชอบแก่เหตุแล้ว เป็นการสมควรแล้ว เป็นการใช้

(โภคทรัพย์) โดยทางที่ควรใช้แล้ว

ดูก่อนคฤหบดี อริยสาวกนั้นย่อมเป็นผู้ทำกรรมที่สมควร ๔ นี้ ด้วย

โภคทรัพย์ที่ได้มาด้วยความหมั่นขยัน ที่สะสมขึ้นด้วยกำลังแขน ที่ต้องทำงาน

จนเหงื่อไหล ที่ชอบธรรม ที่ได้มาโดยธรรม

ดูก่อนคฤหบดี โภคทรัพย์ทั้งหลายของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ถึงความ

หมดเปลืองไป เว้นเสียจากกรรมที่สมควร ๔ ประการนี้ โภคทรัพย์เหล่านี้

เรียกว่าหมดไปโดยไม่ชอบแก่เหตุ หมดไปโดยไม่สมควร


ว่าด้วยความไม่ประมาท

คำว่า ไม่พึงประมาท ความว่า พึงเป็นผู้ทำโดยเอื้อเฟื้อ ทำติดต่อ

ทำไม่หยุด มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ปลงฉันทะ ไม่ทอดธุระ

ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลายฝ่ายกุศล ความพอใจ ความพยายาม

ความอุตสาหะ ความเป็นผู้ขยัน ความมีเรี่ยวแรง ความไม่ถอยกลับ

ความระลึกได้ ความรู้สึกตัว ความเพียรเป็นเครื่องให้กิเลสร้อนทั่ว

ความเพียรอันพึงตั้งไว้ ความตั้งใจ ความประกอบเนือง ๆ ในกุศลธรรมนั้น

ว่าเมื่อไร เราพึงยังศีลขันธ์ที่ยังไม่บริบูรณ์ให้บริบูรณ์ หรือเราพึงอนุเคราะห์

ศีลขันธ์ที่บริบูรณ์ในที่นั้นด้วยปัญญา ดังนี้ ชื่อว่า

ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลายฝ่ายกุศล.

ความพอใจ ความพยายาม ...ความประกอบเนือง ๆ ในกุศลธรรม

นั้นว่า เมื่อไร เราพึงยังสมาธิขันธ์ที่ยังไม่บริบูรณ์ให้บริบูรณ์ หรือเราพึง

อนุเคราะห์สมาธิขันธ์ที่บริบูรณ์ในที่นั้นด้วยปัญญา ดังนี้ ชื่อว่า

ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลายฝ่ายกุศล.

ความพอใจ ความพยายาม...ความประกอบเนือง ๆ ในกุศลธรรม

นั้นว่า เมื่อไร เราพึงยังปัญญาขันธ์ที่ยังไม่บริบูรณ์ให้บริบูรณ์ หรือเรา

พึงอนุเคราะห์ปัญญาขันธ์ที่บริบูรณ์ในที่นั้นด้วยปัญญา ดังนี้ ชื่อว่า

ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลายฝ่ายกุศล.

ความพอใจ ความพยายาม... ความประกอบเนือง ๆ ในกุศลธรรม

นั้นว่า เมื่อไรเราพึงยังวิมุตติขันธ์ที่ยังไม่บริบูรณ์ให้บริบูรณ์ หรือเราพึง

อนุเคราะห์วิมุตติขันธ์ที่บริบูรณ์ในที่นั้นด้วยปัญญา ดังนี้ ชื่อว่า

ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลายฝ่ายกุศล.

ความพอใจ ความพยายาม ...ความประกอบเนือง ๆ ในกุศลธรรม

นั้นว่า เมื่อไร เราพึงยังวิมุตติญาณทัสสนขันธ์ที่ยังไม่บริบูรณ์ให้บริบูรณ์

หรือเราพึงอนุเคราะห์วิมุตติญาณทัสสนขันธ์ที่บริบูรณ์ในที่นั้นด้วยปัญญาดังนี้ ชื่อว่า

ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลายฝ่ายกุศล.

ความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความเป็นผู้ขยัน

ความมีเรี่ยวแรง ความไม่ถอยกลับ ความระลึกได้ ความรู้สึกตัว ความเพียร

เป็นเครื่องให้กิเลสร้อนทั่ว ความเพียรอันพึงตั้งใจ ความตั้งใจ

ความประกอบเนือง ๆ ในกุศลนั้นว่า เมื่อไร เราพึงกำหนดรู้ทุกข์ที่ยังไม่กำหนดรู้

เราพึงละกิเลสทั้งหลายที่ยังละไม่ได้ เราพึงยังมรรคที่ยังไม่เจริญให้เจริญ

หรือว่าเราพึงทำให้แจ้งซึ่งนิโรธที่ยังไม่ทำให้แจ้ง ดังนี้ ชื่อว่า

ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลายฝ่ายกุศล. เพราะเหตุนั้น

จึงชื่อว่า พึงเว้นจากความคะนอง ไม่พึงประมาท.




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2012, 22:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J phodi.bmp
B J phodi.bmp [ 195.49 KiB | เปิดดู 4856 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2012, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5337


 ข้อมูลส่วนตัว


+++ดูคนให้ดูนานๆ อย่าเพิ่งด่วนสรุป ตัดสินคนที่ความคิดเรา เพราะความคิดเราก็ไม่น่าเชื่อถือ เช่นกัน+++
+++มีหลายคน ตัดสินผู้อื่นผิดๆ แล้วเกิดปมในใจ ทำให้เกิดอาการผิดปกติทางจิต เวลากล่าวถึงบุคคลคนนั้นได้^_^"
+++ดังนั้น ทำใจให้เป็น กลางกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ดีนักแล ..เพราะทุกสิ่งมันผ่านมา แล้วมันย่อมผ่านไป ตามกฎไตรลักษณ์

คนเราดูยากมากๆนั่งอยู่ติดกันก็ไม่รู้ใจยั่งไม่ถึงไม่ว่าเขามีจิตใจเป็นอย่างไร ถ้าจะตัด
สินบุคลคนนั่นต้องตัดสินในการกระทํา ทำดีทําชั่ว ( นํ้าทะเลยังยั่งถึง โลกพระจันทร์นักอาวกาศขึ้นไปถึง แต่ยั่งจิตใจของคนมันลําบาก) เรามาตัดสินตัวของเราเองดีกว่าจะได้
สบายใจ.


อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ยาจายํ อิตรา ปชา
อตฺตทนฺตสฺส โปสสฺส
นิจฺจํ สญฺญตจาริโน
เนว เทโว น คนฺธพฺโพ
...น มาโร สห พฺรหฺมุนา
ชิตํ อปชิตํ กยิรา
ตถารูปสฺส ชนฺตุโน ฯ ๑๐๔-๕* ฯ

เอาชนะตนได้นั้นแล ประเสริฐ
ผู้ที่ฝึกตนได้ ระวังระไวตลอดเวลา
ถึงเทวดา คนธรรพ์ มาร และพระพรหม
ก็เอาชนะไม่ได้

Better indeed is it to conquer oneself,
Neither a god nor a Gandharva
Neither Mara nor Brahma
Could turn into defeat the victory of one
Who is self-mastered and self-controlled.

พุทธวจนะในธรรมบท หมวดพัน (THE THOUSANDS)
โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

เมตตาธรรม...ค้ำจุล...เกื้อหนุนโลก
ให้สิ้นโศก...สิ้นทุกข์...เป็นสุขสี
ริษยา...คือไฟ...ไหม้โลกีย์
เมตตาคือ...วารี...ที่ดับไฟ


...ถ้าทำอะไรดีๆแล้ว คนมองว่าสร้างภาพ
ก็ช่างเขา อย่างน้อยเราก็ได้ทำดี
ไม่เหมือนเขา ที่แค่คิดดี ยังทำไม่ได้เลย...

คำนินทา … พูดออกมา ก็หายไปในอากาศ
อย่าคิดมาก … กับคำพูด ที่ว่างเปล่า ไม่มีตัวตน


การตื่นอยู่ในโลก
ไม่ยาก ...
แค่เข้าไปตื่น..
ตรงต่อจิตหนึ่งแห่งตน..
ของท่านเอง...
...ต่อไปเท่านั้นเอง ...
เท่านี้แล ...
ตื่นต่อไปเท่านั้นเอง ...
ตื่นอย่างเป็นธรรมชาติ ...
ตรงต่อจิตหนึ่งเอง ..
เท่านี้เอง ...
เท่านี้พอ ...

อย่าไปเสียใจกับสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว
แต่จงภูมิใจว่าเราสามารถผ่านพ้นมาได้
และทำให้เราเข้มแข็งได้ในทุกวันนี้ ”


เมื่อเครียดมากๆ ด้วยเรื่องใดก็ตาม …
ถ้าเรามองตนเองเทียบกับคนที่สูงกว่า ….
เราจะรู้สึกแย่มากที่สู้เขาไม่ได้

… แต่ถ้ามองเทียบกับคนที่ต่ำกว่า
...เราจะรู้สึกลำพองอหังการ …

… ขณะเดียวกันถ้าเรามองตัวเองเทียบกับ คนทั่วไป
ก็จะพบว่ายังมีคนอีกมากมายที่เขาก็พบกับปัญหา ….
มีความทุกข์มากมายในชีวิตเหมือนกันกับเรา …

และนั่นจะทำให้เราค้นพบความจริงที่ว่า …
เรายังคงมี … ‘ เพื่อนทุกข์ ‘ อีกมากมายในโลกใบนี้ …


ปัญหา นิครนถนาฏบุตร ศาสนาแห่งศาสนาเซนเห็นว่าสุขทุกข์ หรืไม่สุขไม่ทุกข์ที่มนุษย์ได้รับอยู่ในปัจจุบัน ย่อมเป็นผลของกรรมเก่าที่ตนทำไว้ในอดีตทั้งสิ้น ฉะนั้นทุกคนจึงตกเป็นทาสของกรรมอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง วิธีแก้ต้องบำเพ็ญตบะ กำจัดกรรมเก่าและไม่ทำกรรมใหม่ เมื่อเป็นผู้ไม่มีกรรมอย่างสิ้นเชิงแล้ว จึงจะพ้นทุกข์ได้เด็ดขาดดังนี้ พระพุทธองค์ทรงมีทรรศนะอย่างไร ?

พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราเข้าไปหานิครนถ์ผู้มีวาทะ....... ทิฐิ อย่างนี้แล้วถามว่า ดูก่อนนิครนถ์ผู้มีอายุ จริงหรือที่มีข่าวว่า พวกท่านมีวาทะอย่างนี้...... ว่า ปุริสบุคคลนี้ย่อมเสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสุขก็ดีเป็นทุกข์ก็ดี มิใช่สุขมิใช่ทุกข์ก็ดี ข้อนั้นทั้งหมดเป็นเพราะเหตุแห่งกรรมที่ตนทำไว้ก่อน....... พวกนิครนถ์นั้น ถูกเราถามอย่างนี้แล้วย่อมยืนยัน เราจึงถาม..... อย่างนี้ว่า...... พวกท่านทราบละหรือว่า เราทั้งหลายได้มีแล้วในก่อนมิใช่ไม่ได้มีแล้ว ? นิครนถ์เหล่านั้นตอบว่า ไม่ทราบ เราถามว่า พวกท่านทราบละหรือว่า เราทั้งหลายได้ทำบาปกรรมไว้ในก่อน มิใช่ได้ทำไว้ พวกนิครนถ์ตอบว่า ไม่ทราบ เราถามว่า พวกท่านทราบละหรือว่า เราทั้งหลายได้ทำบาปกรรมอย่างนี้ พวกนิครนถ์ตอบว่า ไม่ทราบ เราถามว่าพวกท่านทราบละหรือว่า ทุกข์เท่านี้เราสลัดได้แล้ว หรือว่าทุกข์เท่านี้เรายังจะต้องสลัดเสีย หรือว่าเมื่อทุกข์เท่านี้ เราสลัดแล้ว จักเป็นอันว่าเราสลัดทุกข์ได้หมด ? พวกนิครนถ์ตอบว่า ไม่ทราบ เราถามว่า พวกท่านทราบการละอกุศลธรรม การบำเพ็ญกุศลธรรมในปัจจุบันละหรือ ? พวกนิครนถ์ตอบว่าไม่ทราบ
“เรากล่าวว่า ดูก่อนนิครนถ์ผู้มีอายุ...... เมื่อเป็นเช่นนี้ นิครนถ์ผู้มีอายุไม่บังควรจะพยากรณ์ว่า ปุริสบุคคลนี้ย่อมเสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง....... ข้อนั้นทั้งหมดเป็นเพราะเหตุแห่งกรรมที่ตนทำไว้ในก่อน
“ดูก่อนนิครนถ์ผู้มีอายุ...... สมัยใด พวกท่านมีความพยายามแรงกล้า มีความเพียรแรงกล้า สมัยนั้นพวกท่านย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้าเจ็บแสบอันเกิดแต่ความพยายามแรงกล้า แต่สมัยใด พวกท่านไม่มีความพยายามแรงกล้า....... สมัยนั้นพวกท่านย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า..... อันเกิดแต่ความพยายามแรงกล้า...... เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกนิครนถ์ผู้มีอายุไม่บังควรจะพยากรณ์ว่า...... ข้อนั้นทั้งหมดเป็นเพราะเหตุแห่งกรรมที่จนทำไว้ก่อน
“...... ถ้าสมัยใด พวกท่านมีความพยายามแรงกล้า..... สมัยนั้นเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า..... พึงหยุดได้เอง... เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกนิครนถ์ผู้มีอายุก็ควรจะพยากรณ์ได้ว่า....... ข้อนั้นทั้งหมดเป็นเพราะเหตุแห่งกรรมที่จนทำไว้ก่อน
“ดูก่อนนิครนถ์ผู้มีอายุ...... ก็เพราะเหตุที่สมัยใด พวกท่านมีความพยายามแรงกล้า.... สมัยนั้นพวกท่านจึงเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า พวกท่านนั้นเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า...... อันเกิดแต่ความเพียรเองทีเดียว....
“ดูก่อนนิครนถ์ผู้มีอายุ......พวกท่านจะพึงปรารถนาไม่ได้ดังนี้ว่า กรรมใดเป็นของให้ผลในปัจจุบัน ขอกรรมนั้นจงเป็นของให้ผลในชาติหน้า..... กรรมใดเป็นของให้ผลในชาติหน้า ขอกรรมนั้นจงเป็นของให้ผลในปัจจุบัน....... กรรมใดเป็นของให้ผลเป็นทุกข์ ขอกรรมนั้นจงเป็นของให้ผลเป็นสุข...... กรรมใดเป็นของให้ผลเป็นสุข ขอกรรมนั้นจงเป็นของให้ผลเป็นทุกข์..... กรรมใดเป็นของให้ผลเสร็จสิ้นแล้ว ขอกรรมนั้นจงเป็นของให้ผลเสร็จสิ้น..... ด้วยความพยายามหรือด้วยความเพียรเถิด เมื่อเป็นเช่นนั้น ความพยายามของพวกนิครนถ์ผู้มีอายุก็ไร้ผล ความเพียรก็ไร้ผล.....
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์ เพราะเหตุแห่งกรรมที่ตนทำไว้ในก่อน พวกนิครนถ์ก็เป็นผู้ได้ทำกรรมชั่วไว้ในก่อนแน่ ในบัดนี้ พวกเขาจึงได้เสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้าเจ็บแสบเห็นปานนี้ ถ้าหมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์เพราะเหตุที่อิศวร (เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่) เนรมิตให้พวกนิครนถ์ก็ต้องเป็นผู้ถูกอิศวรชั้นเลวเนรมิตมาแน่....... ถ้าหมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์ เพราะเหตุที่มีความบังเอิญ พวกนิครนถ์ก็ต้องเป็นผู้มีความบังเอิญชั่วแน่..... ถ้าหมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์เพราะอภิชาติ พวกนิครนถ์ก็ต้องเป็นผู้มีอภิชาติเลวแน่... ถ้าหมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์เพราะความพยายามในปัจจุบัน พวกนิครนถ์ต้องเป็นผู้มีความพยายามในปัจจุบันเลวแน่ ในบัดนี้พวกเขาจึงได้เสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบเห็นปานนี้......
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อย่างไรความพยายามจึงจะมีผล ความเพียรจึงจะมีผล ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่เอาทุกข์ทับถมจนที่ไม่มีทุกข์ทับถม ๑ ไม่สละความสุขที่เกิดโดยธรรม ๑ ไม่มีผู้หมกมุ่นในความสุขนั้น ๑ เธอย่อมทราบชัดอย่างนี้ว่า ถึงเรานี้จะยังมีเหตุแห่งทุกข์ เมื่อเริ่มตั้งความเพียร วิราคะย่อมมีได้ด้วยการตั้งความเพียร...... เมื่อวางเฉยบำเพ็ญอุเบกขาอยู่ วิราคะก็ย่อมมีได้...... เธอจึงเริ่มตั้งความเพียร..... และบำเพ็ญอุเบกขา..... แม้อย่างนี้ ทุกข์นั้นก็เป็นอันเธอสลัดได้แล้ว.......”
บุคคลซึ่งออกบวชแล้วประพฤติตนเป็นผู้ไม่มีเรือนเรียกว่า ได้ชักกายออกห่างจากกามราคะ แต่ถ้าใจยังหมกมุ่นพัวพันอยู่ในกามก็หาสำเร็จประโยชน์แห่งการบวชไม่ คือเขาไม่สามารถจะทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบได้ อุปมาเหมือนไม้สดชุ่มอยู่ด้วยยาง แม้จะวางอยู่บนบก บุคคลผู้ต้องการไฟก็ไม่อาจนำมาสีให้เกิดไฟได้ เพราะฉะนั้น ภิกษุ ภิกษุณีผู้ชักกายออกจากกามแล้วพยายามชักใจออกจากกามความเพลิดเพลินหลงใหลเสียด้วย

ใครตั้งใจทำความดี หันเข้าหาธรรมะ อย่าไปกังวลเรื่องปากโลก ให้เราดีขนาดไหน หากไม่ถูกกิเลสเขา เขาไม่ชอบ เขาไม่เข้าใจ เขาก็ตำหนิ เราทำอะไร เรารู้ด้วยตนเอง ดีหรือชั่ว ไม่ได้อยู่ที่เขาว่า อยู่ที่เราทำเองทั้งหมด เรารู้ของเราเอง บริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ เป็นของจำเพาะตน ใครจะทำให้ตนบริสุทธิ์ไม่ได้ ตนทำเองทั้งสิ้น

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม


อยู่ที่ใจ..เท่านั้นเอง

แม้ทำอะไรไม่ได้ดังใจ
จงภูมิใจในสิ่งที่ได้ทำ

...แม้ไม่ได้เป็นภูเขาอันสูงใหญ่
เป็นเนินดินก็ได้ให้เด็กเล่น

แม้ไม่ได้เป็นวันพระจันทร์เพ็ญ
เป็นหิ่งห้อยให้คนเห็นก็คล้ายกัน

แม้ไม่ได้เป็นไก่ KFC ที่ขึ้นห้าง
เป็นไก่ย่างข้างถนนก็สุขสันต์

เป็นอะไรก็ได้ไม่สำคัญ
เ ป็ น ค น ดี ทุ ก วั น เท่านั้นพอ

.พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณฺโณ.

เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2012, 22:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J phodi.bmp
B J phodi.bmp [ 195.49 KiB | เปิดดู 4826 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2012, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5337


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อน!ภิกษุทั้งหลาย พรหมจรรย์นี้เราประพฤติมิใช่เพื­่อหลอกลวงคน มิใช่เพื่อให้คนทั้งหายมานับถือ มิใช่เพื่ออานิสงค์ลาภสักการะแล­ะความสรรเสริญ ที่แท้พรหมจรรย์นี้ เราประพฤติเพื่อความสำรวม เพื่อความละ เพื่อคลายความกำหนัดและเพื่อควา­มดับทุกข์


วันเวลาที่หมดไปสิ้นไปโดยไม่ได้ทำอะไรที่เป็นคุณประโยชน์แก่ตัวเองบ้างในชีวิตที่เกิดมาในโลก และได้พบพระพุทธศาสนานี้ช่างเป็นชีวิตที่น่าเสียดายยิ่งนัก เวลาแม้เพียงหนึ่งนาทีที่ผ่านไปนั้น แม้ว่าจะทุ่มเงินจำนวนมหาศาลสักสิบล้าน ร้อยล้านบาท ก็ไม่สามารถซื้อกลับคืนมาได้ ฉะนั้น สิ่งที่น่าเสียดายในโลกนี้ จะมีอะไรน่าเสียดายเท่ากับปล่อยวันเวลาผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ แม้ว่าจะเพียงแค่นาทีเดียว

พวกเราทั้งหลายไม่มีความสัตย์ความจริงต่อดัวเอง จึงมิได้ประสบสุขอันแท้จริงเหมือนอย่างพระพุทธองค์ เราบอกกับตัวเองว่า อยากได้ความสุข แต่เราก็โดดเข้าไปสู่กองไฟร้อน เรารู้ว่าสิ่งนั้นๆ เป็นยาพิษ แต่เราก็ดื่มมันเข้าไป นี่แหละเป็นการทรยศต่อตัวเอง

โย นิพฺพนฏฺฺโฐ วนาธิมุตฺโต
วนมุตฺโต วนเมว ธาวติ
ตํ ปุคฺคลเมว ปสฺสสถ
มุตฺโต พนฺธนเมว ธาวติ ฯ ๓๔๔ ฯ

...บุคคลใดสละเพศผู้ครองเรือน
ถือเพศบรรพชิตปราศจากเรือน
พ้นจากป่ากิเลสแล้วยังวิ่งกลับไปหาป่านั้นอีก
พวกเธอจงดูบุคคลนั้นเถิด
เขาออกจากที่คุมขังแล้วยังวิ่งกลับเข้าที่คุมขังอีก

Released from jungle of the household life,
He turns to the bhikkhu jungle-life.
Though freed from the household wilds
He runs back to that very wilds again.
Come indeed and behold such a man.
Freed he turns to the bondage again.

พุทธวจนะในธรรมบท หมวดตัณหา (CRAVING)
โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก


ที่เรามาปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้ ก็เพื่อให้เห็นจิตเดิม เราคิดว่าจิตเป็นสุขจิตเป็นทุกข์ แต่ความจริงจิตไม่ได้สร้างสุขสร้างทุกข์ อารมณ์มาหลอกลวงต่างหาก มันจึงหลงอารมณ์ ฉะนั้น เราจึงต้องมาฝึกจิตใจให้ฉลาดขึ้น ให้รู้จักอารมณ์ ไม่ให้เป็นไปตามอารมณ์ จิตก็สงบ

กระแสธารแห่งจิตพุทธะ
โปรดหลั่งไหลการตื่น...
แด่จิตทุกดวง ณ บัดนี้ ...
จงรับองค์ธรรม...
แห่งความเป็นหนึ่งตถตาไป ...
...นิพพานะ ปัจโย โหนตุ ...
ธรรมอันไม่พร่อง
จงไหลไปสถิต ณ จิตทุกดวง ณ บัดนี้ ...
สาธุ สาธุ สาธุ ♥
นะ โม ศากยพุทโธ โหนตุ ...

ธรรมะ สุภาษิต =1.Honesty is the best policy.=ความซื่อสัตย์ สุจริตเป็น แนวทาง ที่ดีที่สุด. 2.ค่าของคน อยู่ที่ผล ของงาน (ไม่ไช่ที่คำพูด) =A man of word not a man of deed is like a garden full of weed. =เราทำงานอะไร คุณค่าของเรา ก็คือผลลัพธ์
ของงาน ที่เราทำ. 3.ยามทุกข์ยาก จึงรู้ว่าใคร คือเพื่อนแท้. =Misfoutune shows those who are really friends. =เพื่อนแท้ คือเพื่อนที่ไม่เคย ทิ้งเรา แม้ในยาม ที่เราลำบากหรือต้องการ ความช่วยเหลือ.


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2012, 23:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J phodi.bmp
B J phodi.bmp [ 195.49 KiB | เปิดดู 4806 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโืมทนาแล้วๆๆ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2013, 12:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:18
โพสต์: 105

สิ่งที่ชื่นชอบ: การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง
อายุ: 0
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




:b42: อานิสงส์ศีลสมบัติ :b42:

ศีล คือข้อปฏิบัติตนขั้นพื้นฐานในทางพระพุทธศา­สนา เพื่อควบคุมความประพฤติทางกายและวาจาให้ตั­้งอยู่ในความดีงามมีความปกติสุข เพื่อให้เป็นกติกาข้อห้ามที่ใช้แก้ปัญหาขั­้นพื้นฐาน 5 ปัญหาหลัก ซึ่งทำให้เกิดความสงบสุข และ ไม่มีการเบียดเบียนซึ่งกันและกันในสังคม

ประโยชน์ของศีลในขั้นพื้นฐานคือทำให้กาย วาจา ใจ สงบไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ทำให้สามารถที่จะทำให้จิตสงบได้ง่ายในการท­ำสมาธิ ในระดับของบรรพชิต ศีลจะมีจำนวนมาก เพื่อกำกับให้พระภิกษุสงฆ์สามเณรสามารถครอ­งตนในสมณภาวะได้อย่างสมบูรณ์ และเอื้อต่อการประพฤติพรหมจรรย์ในขั้นสูงต­่อไปได้

ความหมายของศีลนั้นแปลได้หลายความหมาย โดยศัพท์แปลว่า ความปกติกายวาจา กล่าวคือความปกติตามระเบียบวินัย, ปกติมารยาทที่สะอาดปราศจากโทษ, ข้อปฏิบัติในการเว้นจากความชั่ว, ข้อปฏิบัติในการฝึกหัดกายวาจาให้ดียิ่งขึ้­น, ความสุจริตทางกายวาจาและอาชีพ และยังมักใช้เป็นคำเรียกอย่างง่ายสำหรับคำ­ว่า "อธิศีลสิกขา" อันได้แก่ข้อปฏิบัติขั้นต้นเพื่อการฝึกตนใ­นทางพระพุทธศาสนาด้วย.

tongue tongue tongue

.....................................................
“การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง”

เราต่างเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา...เพราะพระพุทธศาสนาจริง ๆ
ดีได้เพียงนี้ ไม่ดีน้อยกว่านี้...เพราะพระพุทธศาสนา
ร้ายเพียงเท่านี้ ไม่ร้ายไปกว่านี้...เพราะพระพุทธศาสนา
เราจะไม่เป็นเช่นนี้
“ถ้ารู้ว่าตนเป็นที่รัก ก็ควรรักษาตนนั้นให้ดี”


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร