วันเวลาปัจจุบัน 08 มิ.ย. 2025, 23:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 33 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2011, 13:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 13:20
โพสต์: 18


 ข้อมูลส่วนตัว


พี่ world2/2554
ขอบคุณมากๆค่ะ :b16:
แล้วหนูจะถามเพิ่มเติมนะค๊ะ ถ้าหนูมีข้อสงสัย

ขอบคุณที่มาตอบค่ะ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2011, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 13:20
โพสต์: 18


 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
ได้เลยขอรับ คุณหลาน ถามปู่มาได้เลยขอรับ จะตอบให้ตามความรู้ที่มี ไม่ปิดบัง ถ้าไม่กระทบต่อการหากินของผู้อื่นนะขอรับ


ค่า คุณปู่ :b16:

คุณปู่ค๊ะ ถ้าหนูอยากให้คุณปู่แนะนำเรื่องการอ่านหนังสือเรียนหรือการเรียนหนังสือ
อย่างมีสมาธิให้หนู จะได้มั๊ยค๊ะ หนูใกล้จะเปิดเทอมแล้วล่ะค่ะ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2011, 15:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


samati เขียน:
student เขียน:
อาการแบบนี้คืออาการของจิตที่เกิดขึ้นเพราะความเคยชินครับ เช่น การร้องเพลงในใจเมื่อใช้ชีวิตประจำวัน พอจู่ๆ มานั่งสมาธิ อาการร้องเพลงในใจนั้นก็ดำเนินต่อไปตามความเคยชิน แม้มุ่งหวังความสงบก็ไม่สามารถระงับอาการนี้ได้ในช่วงวันสองวัน ตัวผมเองเรียกจิตหลอน เหมือนตัวผมเองเริ่มนั่งช่วงเดือนแรกๆ เหมือนทุกลมหายใจต้องพูดในใจทุกครั้ง ห้ามไม่ให้หยุดพูดในใจไม่ได้เพราะจิตอ่อนในเรื่องสติ แล้วเหมือนมีคนมานั่งข้างๆ เป็นเพื่อน หรือจ้องหน้าเราใกล้ๆ เหล่านี้ตัวผมเองเรียกจิตหลอน หรือสติอ่อนกำลัง ไม่สามารถทำความสงบขึ้นมาได้
สติจะมีกำลังมากขึ้นเมื่อนั่งสมาธิติดต่อกันเป็นกิจประจำวันหรือวันเว้นวันแล้วแต่ความพร้อมหรือ วิริยะ แปลว่าความเพียร แล้วอาการร้องเพลงจะหายไปครับ อนุโมทนาครับ


หนูมีอาการเหมือนพี่ student เลยค่ะ
ทั้งร้องเพลง คิดเรื่อยเปื่อย และกลัวสิ่งต่างๆค่ะ

แล้วตอนนี้พี่ student ไม่มีอาการนี้แล้วใช่มั๊ยค่ะ
เพราะพี่ฝึกบ่อยๆสิ่งเหล่านี้เลยหายไปใช่มั๊ยค่ะ
พี่ฝึกประมาณกี่เดือนค๊ะถึงหายไป

ขอบคุณที่มาตอบนะค๊ะ :b8:


เหลือแต่คิดไปบ้างเวลานั่งสมาธิครับ แต่ไม่มีอาการพูดในใจแล้ว ไม่มีเหมือนคนมาจ้องดูหรือนั่งข้างๆแล้ว ก็ใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 3 เดือนครับ กว่าจะเข้าที่ เข้าที่ในที่นี้คือ เริ่มรู้จักว่านั่งแล้วมีความสงบจริงแต่ไม่ได้หมายความว่ารู้ธรรมในเชิงปัญญาแต่อย่างใด เรื่องรู้จิตนี่ไม่รู้เรื่องเลยครับ ตอนนี้ผ่านมา 3ปีแล้วที่นั่งทุกวันไม่เคยหยุดแม้แต่วันเดียว จึงรู้ว่าแนวทางปฏิบัติของตัวเองเป็นในทางแบบนี้นะ สนใจในการพิจารณาแบบนี้นะ รู้ว่าตนเองรู้ความหมายของวิปัสสนาภาวนาแล้ว แต่ถามว่าได้ญาณทางสมถะภาวนาไหม ไม่ได้ครับ อ่านใจคนไม่ได้ หูไม่ทิพย์ ไม่เห็นภาพนรก สวรรค์อะไรแบบนี้ และไม่มีความคิดอยากเห็นอยากได้ครับ คิดแต่ทำอย่างไรเราจึงจะมีความมุ่งมั่นกำหนดวิปัสสนาภาวนาให้ได้มากที่สุดในแต่ละวัน ทั้งจากการนั่งสมาธิและชีวิตปกติ และรู้ว่าไม่นั่งสมาธิก็กำหนดวิปัสสนาภาวนาได้เช่นกัน จึงอยากฝากว่า มีความเพียรให้เสมอต้นเสมอปลายครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2011, 17:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 13:20
โพสต์: 18


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
จึงรู้ว่าแนวทางปฏิบัติของตัวเองเป็นในทางแบบนี้นะ สนใจในการพิจารณาแบบนี้นะ รู้ว่าตนเองรู้ความหมายของวิปัสสนาภาวนาแล้ว คิดแต่ทำอย่างไรเราจึงจะมีความมุ่งมั่นกำหนดวิปัสสนาภาวนาให้ได้มากที่สุดในแต่ละวัน ทั้งจากการนั่งสมาธิและชีวิตปกติ และรู้ว่าไม่นั่งสมาธิก็กำหนดวิปัสสนาภาวนาได้เช่นกัน จึงอยากฝากว่า มีความเพียรให้เสมอต้นเสมอปลายครับผม


แล้วตามความหมายของพี่ student พี่คิดว่าพี่สนใจในการพิจารณาแบบไหนค๊ะ และความหมายของวิปัสสนาสำหรับพี่คืออะไร และทำยังไงถึงจะสามารถวิปัสสนาภาวนาให้ได้มากที่สุด ทั้งจากนั่งสมาธิและชีวิตธรรมดา หนูอยากทราบค่ะว่าเป็นอย่างไร จะได้ลองไปฝึกกับตัวเอง

หนูรู้สึกว่าหนูดีขึ้นค่ะแต่ว่ายังไม่ได้มากมายอะไร
แต่ก็จะลองศึกษาและปฏิบัติต่อไปเรื่อยค่ะ

ขอบคุณพี่ student มากนะค๊ะที่มาตอบคำถาม :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2011, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


samati เขียน:
sriariya เขียน:
ได้เลยขอรับ คุณหลาน ถามปู่มาได้เลยขอรับ จะตอบให้ตามความรู้ที่มี ไม่ปิดบัง ถ้าไม่กระทบต่อการหากินของผู้อื่นนะขอรับ


ค่า คุณปู่ :b16:

คุณปู่ค๊ะ ถ้าหนูอยากให้คุณปู่แนะนำเรื่องการอ่านหนังสือเรียนหรือการเรียนหนังสือ
อย่างมีสมาธิให้หนู จะได้มั๊ยค๊ะ หนูใกล้จะเปิดเทอมแล้วล่ะค่ะ :b12:


คุณหลาน samati การอ่านหนังสือ ถ้าหากจะจัดเข้าในหลักพุทธศาสนาแล้ว เป็นการปฏิบัติ กสิณ รูปแบบหนึ่ง จัดอยู่ใน วรรณะกสิณ เอาไว้แค่นี้ก่อน เพราะถ้าอธิบายมากจะไม่เข้าใจ
การอ่านหนังสือ คือการเอาใจจดจ่อ หรือการเอาใจเข้าไปผูกอยู่กับ หนังสือนั้นๆ แต่การอ่านหนังสือใดใดก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับ ความพอใจ หรือ ความใคร่ที่จะทำ ซึ่งเป็น ธรรมที่มีอยู่ในตัวของคุณหลานอยู่แล้ว ถ้าหากคุณหลาน มีความพอใจ,ใคร่ที่จะทำ ในสิ่งนั้น คือการอ่านหนังสือใดใด คุณหลานก็จะเกิดความตั้งใจอย่างแน่วแน่ และขณะอ่านบทเรียน ก็จะเกิดสมาธิตามมา และย่อมเกิดความเข้าใจในบทเรียนนั้นๆ ส่วนการจะจำได้กี่มากน้อย ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ
แต่ปู่ จะแนะนำการอ่านหนังสือให้ได้ผลดี อันดับแรก ต้องอ่าน สารบัญก่อน
อ่านสารบัญทุกหัวข้อว่า บทที่หนึ่งเรื่องอะไร และบทต่อไปเรื่องอะไร จนจบ
เมื่ออ่านสารบัญจบแล้ว ก็พลิกกลับมาอ่านสารบัญบทที่หนึ่ง ว่าเป็นเรื่องอะไร แล้วก็เปิดอ่านบทเรียนบทที่หนึ่ง ทำความเข้าใจอย่างช้าๆ ใหม่ๆอาจจะไม่รู้จักวิธีการจำแนกความสำคัญของบทเรียน พออ่านไปก็จะรู้จักจำแนกข้อความสำคัญในบทเรียนนั้นๆ
เมื่ออ่านจบบทที่หนึ่งแล้ว ก็ให้หยุดอ่านไว้ก่อน หรือจะอ่านบทต่อไปอีกก็ได้ หรือจะอ่านหมดทั้งเล่มก็ได้ ขึ้นอยู่กับตัวคุณหลานเอง ว่าจะมีความอดทน มีใจฝักใฝ่ มีใจจดจ่อในหนังสือนั้นๆกี่มากน้อย และขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคุณหลานว่าจะรับไหวหรือไม่ หากอ่านจบแล้ว ก็ให้พักผ่อน
พอวันต่อมาหรือจะหลายๆวันก็ตามแต่ ก็ให้กลับมาอ่านสารบัญของหนังสือนั้นๆ และพออ่านหัวข้อสารบัญว่าเป็นเรื่องอะไร จะต้องสามารถ ระลึก ได้ว่า เรื่องนั้นบทเรียนกล่าวถึงอะไร หมายความว่า พออ่านแค่สารบัญปุ๋ป ก็สามารถรู้ได้ว่ามีรายละเอียดที่สำคัญเกี่ยวกับอะไร อย่างนี้เป็นต้น
ยกตัวอย่างเช่น
สารบัญ บทที่๑ เรื่อง การประพฤติของตนเองและผู้อื่น (สมมุติ)นะ คุณหลานเคยได้อ่านในบทเรียนแล้ว พอกลับมาอ่าน สารบัญดังกล่าว จะต้องรู้คือ ระลึกได้เลยว่า "เรือง การประพฤติของตนเองและผู้อื่น" ในบทเรียนอธิบายไว้อย่างไร ที่เป็นข้อความสำคัญหรือหลักสำคัญ ฉะนี้
พยายามอ่านคำแนะนำของปู่อย่างช้า และพิจารณาให้ดี ไม่ยากดอกขอรับ ใหม่ๆ อาจจะอีดอัด ลำบากใจ แต่พอทำไปทำไป ก็จะเกิดความสุข ความสนุก เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2011, 00:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


samati เขียน:
คือหนูรู้เลยค่ะว่าไปไม่ได้แน่ๆ หนูอยากไปนะค๊ะ
หนูต้องการคนที่จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆที่หนูสงสัยมากๆ
เพราะมีอะไรหลายอย่างที่หนูไม่เข้าใจเลย เหมือนยังจับจุดเริ่มต้นไม่ได้
แต่ไปไม่ได้แน่นอนเลยค่ะ
ตอนนี้ก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้วด้วย อีกอย่างทางบ้านก็คงไม่ให้หนูไปแน่ๆ
หนูควรจะทำอย่างไรดีค๊ะ


หนูมีจุดมุ่งหมายในการทำสมาธิเพื่ออะไร?
คำแนะนำมีมากมาย หลายหลาก หลายวิธีการ
เลือกดูว่า แบบไหนที่ถุกจริตกับเรา?
ถ้าไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหน?
ก็ให้ใช้หลักกาลามสูตรนี้ ประกอบการพิจารณานะค่ะ


กาลามสูตร คือ พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกอีกอย่างว่า เกสปุตติยสูตร หรือเกสปุตตสูตร ก็มี[1]) กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการ ได้แก่
อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน

คัดลอกมาจากวิกิพิเดีย


เจริญในธรรมค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2011, 03:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


samati เขียน:
student เขียน:
จึงรู้ว่าแนวทางปฏิบัติของตัวเองเป็นในทางแบบนี้นะ สนใจในการพิจารณาแบบนี้นะ รู้ว่าตนเองรู้ความหมายของวิปัสสนาภาวนาแล้ว คิดแต่ทำอย่างไรเราจึงจะมีความมุ่งมั่นกำหนดวิปัสสนาภาวนาให้ได้มากที่สุดในแต่ละวัน ทั้งจากการนั่งสมาธิและชีวิตปกติ และรู้ว่าไม่นั่งสมาธิก็กำหนดวิปัสสนาภาวนาได้เช่นกัน จึงอยากฝากว่า มีความเพียรให้เสมอต้นเสมอปลายครับผม


แล้วตามความหมายของพี่ student พี่คิดว่าพี่สนใจในการพิจารณาแบบไหนค๊ะ และความหมายของวิปัสสนาสำหรับพี่คืออะไร และทำยังไงถึงจะสามารถวิปัสสนาภาวนาให้ได้มากที่สุด ทั้งจากนั่งสมาธิและชีวิตธรรมดา หนูอยากทราบค่ะว่าเป็นอย่างไร จะได้ลองไปฝึกกับตัวเอง

หนูรู้สึกว่าหนูดีขึ้นค่ะแต่ว่ายังไม่ได้มากมายอะไร
แต่ก็จะลองศึกษาและปฏิบัติต่อไปเรื่อยค่ะ

ขอบคุณพี่ student มากนะค๊ะที่มาตอบคำถาม :b16:


โดยการปฏิบัติตนให้อยู่ในแนวทางของ มรรคมีองค์ 8 ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า พิจารณาธรรมะต่างๆว่าธรรมใดๆล้วนเกิดแต่เหตุและดับลงด้วยอาศัยเหตุนั้น หรือ อริยสัจ4 ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แล้วน้อมเอาธรรมทั้งหลายมาพิจารณาเพื่อเห็น พระไตรลักษณ์ คือ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา

เมื่อนั่งสมาธิอยู่ มีความเพียรเพื่อเจริญอานาปานสติ

เมื่ออยู่ในสภาวะปกติ มีสติรักษากายและประคองจิตให้อยู่ในสภาวะปกติไม่ให้ไหลไปตามกระแสแห่งโลก มีการพิจารณาอายตนะทั้ง12ตามความเป็นจริง เช่น ภาพ พิจารณาว่าเกิดขึ้นเพราะแสง เห็นเพราะอาศัยสัญญา (ความจำได้หมายรู้) สนใจเพราะมีวิญญาณ(คือการตั้งใจมองภาพนั้น)เช่น เดินตามถนนไม่สนใจใบไม้ใบหญ้า หรือก้อนหิน เหล่านี้วิญญาณไม่เกิด เมื่อเกิดวิญญาณที่ภาพเมื่อใดก็คือครบองค์เป็น ผัสสะ(ตา + ภาพ+ วิญญาณ)เกิดผัสสะคือการเห็น แต่การเห็นเป็นแค่แสง ไม่มีแข็งหรืออ่อนเพราะที่คิดว่าแข็งหรืออ่อนเพราะจิตปรุงแต่งเอาเอง เพราะการจะรับรู้ว่าแข็งหรืออ่อนต้องเป็นสภาวะที่รูป(ตัวเรา)ส่วนใดส่วนหนึ่งไปกระทบเท่านั้น เรียกผัสสะที่เกิดจากกายวิญญาณ เพราะหน้าที่หลักของ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ เรียกว่าธาตุทำงานต่างกัน เช่น ตามีไว้เห็นแต่จะเอาไปใช้ดมกลิ่นไม่ได้ เช่น หากหลับตาลงแล้วได้กลิ่นขนมเค็ก แสดงว่าผัสสะที่เกิดจากฆาณวิญญาณเกิด เพราะบางครั้งสัญญาของกลิ่นต่างๆอยู่รอบตัวแต่เราไม่สนใจ(วิญญาณไม่เกิด)ผัสสะที่เกิดจากฆาณวิญญาณก็ไม่เกิด เป็นต้น เป็นแนวทางการปฏิบัติของผมอย่างที่กล่าวมา อนุโมทนาครับที่สนใจเรื่องวิปัสสนาภาวนา

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2011, 08:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


samati เขียน:
พี่กรัชกราย
ถ้าหนูได้ยินเสียงก็ให้ภาวนาว่าเสียงหนอๆอย่างนี้ใช่ไหมค่ะ ให้ดูตัวเองไปเรื่อยๆใช่รึเปล่า
แล้วเวลาที่ตกใจหนูจะลืมตาและออกจากสมาธิทันทีเลย เหมือนตกใจมากๆ
พี่กรัชกรายพอจะมีวิธีแก้ไหมค๊ะ

อยากถามว่าเวลาที่นอน สามารถนอนสมาธิได้ไหมค๊ะ
เพราะที่ทำอยู่ทุกวันไม่รู้ว่าทำถูกรึเปล่า

เมื่อวานนี้ เป็นครั้งแรกที่หนูสวดมนต์ใหญ่ค่ะ คือสวดมนต์หลายบทหลายคาถาเลยค่ะ
และเยอะกว่าปกติมาก
พอสวดไปเรื่อยๆก็จะเกิดอาการขาข้างซ้ายชาและเย็นไปทั้งขาเลยค่ะ
แต่ข้างขวาไม่เป็นและไม่เย็นด้วย พอเลิกสวดก็หยุดเป็น
ทั้งๆที่หนูไม่ใช่คนที่เป็นเหน็บชาง่ายๆเลย
และตอนนอนก็ภาวนาเหมือนตอนนั่งสมาธิ เพราะสวดมนต์เสร็จหนูก็นอนเลย
ซึ่งก็ภาวนาไปเรื่อยๆ และก็จิตไม่นิ่งอยู่เช่นเคย แต่สักพักนึง
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงเหมือนจิตนิ่งไปเลย แล้วก็เหมือนร่างกายเป็นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ
เหมือนมันนิ่ง แต่รู้สึกตัวอยู่นะค๊ะ แต่อธิบายไม่ถูกเลยค่ะเพราะมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
แล้วก็เห็นภาพอะไรก็ไม่รู้ค่ะ สีขาวๆคล้ายๆวงกลมหมุนๆเข้าจุดศูนย์กลาง แล้วก็มีภาพอะไรก็ไม่รู้ค่ะเป็นสีขาวๆเคลื่อนไหวไปด้วยเช่นกัน อธิบายไม่ถูกเหมือนกันค่ะ ว่าเป็นภาพอะไร ภาพเคลื่อนไหวเร็วมากๆ
แต่ก็ภาวนาว่าเห็นหนอๆ แป็บเดียวก็เหมือนจิตหลุดออกมาเลยค่ะ ลืมตาตื่นขึ้นมาเลย

ก่อนที่จะนั่งสมาธิเราควรเดินจงกลมก่อนใช่ไหมค๊ะ
แต่หนูมาถึงก็สวดมนต์ และนั่งสมาธิเลย
ทีนี้หนูก็อยากที่จะเดินจงกลมค่ะ แต่เวลาเดิน
หนูจะเดินเร็วมากๆ และไม่นิ่งเลย
หนูควรจะทำอย่างไรดีค๊ะ

ตอนนี้หนูใกล้จะเปิดเทอมแล้วค่ะ พี่กรัชกรายค๊ะ
หนูเป็นคนที่จิตไม่นิ่งเลยจริงๆ เช่น เวลาอ่านหนังสือหนูก็ไม่คิดถึงเรื่องหนังสือเลย
มัวแต่ไปคิดถึงเรื่องอื่น ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาที่หนูไม่รู้จะแก้ยังไงจริงๆค่ะ
ซึ่งตอนนี้ได้ฝึกสมาธิ ปัญหานี้ก็ดีขึ้นบ้างค่ะ แต่ก็ยังไม่หมดไป

ขอบคุณพี่กรัชกรายมากเลยนะค๊ะ
ที่มาคอยตอบ แต่ก่อนหนูก็ไม่รู้ว่าจะถามใคร
จะปรึกษาใครดี แต่ตอนนี้มีพี่กรัชกรายมาตอบปัญหาให้
ขอบคุณจริงๆนะค๊ะ


ใจจริงกรัชกายไม่ต้องการแนะนำใคร ส่วนตัวไม่นิยมส่งเสริมให้ใครทำกรรมฐาน (หรือจะเรียกว่านั่งสมาธินอนสมาธิ ฝึกจิต ตามดูจิตหรืออีกหลายๆชื่อที่เห็นดาดดื่น) เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายพบปัญหามากมายตามเวปบอร์ดที่แนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้

ของน้อง samati นี่ก็ทำถ้าจะยาว ดูจากการทำหรือการปฏิบัติแล้ว และจากสิ่งที่เกิดขึ้นหรือประสพพบเห็นในขณะนั้นๆ ล้วนแต่ต้องได้รับการแนะนำที่ถูกต้องทั้งสิ้น

บอกต่อสาธารณชนก่อนน่ะครับ กรัชกายไม่ใช่ผู้วิเศษหรือผู้รู้มากมาย แต่เคยประสพปัญหาเหล่านี้มาด้วยตนเอง จึงพอจะแนะนำผู้ฝึกฝนจิตหรือผู้ปฏิบัติเช่นนี้ได้


คำถามของ samati นี้จึงนำไปตอบให้ที่นี เพราะเป็นส่วนตัว

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... 10.new#new

ตามไปดูคำตอบได้นะครับ มีหลายประเด็นที่จะตอบ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2011, 12:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 13:20
โพสต์: 18


 ข้อมูลส่วนตัว


พี่กรัชกราย
พบคำตอบที่ถามไว้แล้วนะค๊ะ
และได้ลองอ่านหน้าต่อไปๆของปัญหาที่คนอื่นๆพบ
ซึ่งก็มีคล้ายของหนูบ้าง
หนูจะลองศึกษาต่อไปเรื่อยๆค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำตอบค่ะ :b16:

ถ้าครั้งหน้าหนูมีปัญหาจะถามพี่กรัชกราย
หนูควรจะตั้งคำถามที่ไหนค๊ะ
ที่กระทู้นี้เลยได้รึเปล่า
เพราะอาจไม่ค่อยได้เปิดคอมพิวเตอร์ค่ะ
เนื่องจากใกล้จะเปิดเรียนแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2011, 12:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 13:20
โพสต์: 18


 ข้อมูลส่วนตัว


พี่ student
การพิจารณาธรรมของพี่ ต้องมีตัวอย่างรึเปล่าค๊ะ
เช่น ตัวอย่างในชีวิตประจำวัน
หรือพิจารณาตามความหมายของธรรมนั้น

ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2011, 12:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 13:20
โพสต์: 18


 ข้อมูลส่วนตัว


พี่ทักทาย
จุดมุ่งหมายในการทำสมาธิของหนู
คือ หนูต้องการให้จิตของหนูนิ่งค่ะ
ไม่ไหลไปเรื่อยๆ
เมื่อทำสิ่งๆใด จะไม่วอกแวกค่ะ

และอีกสิ่งที่ทำให้หนูอยากฝึกและสนใจในการปฏิบัติธรรม
เป็นเพราะว่าหนูอยากจะถึงนิพพานค่ะ
หนูรู้ตัวดีว่าฝันสูงเกินไป
ความหวังของหนูเหมือนไกลริบหรี่เลยค่ะ
เพราะแค่ปฏิบัติสมาธิหนูก็ยังจิตไม่แน่นิ่งเลย

ในตอนนี้จึงได้เริ่มจากการปฏิบัติง่ายๆก่อน
ขอบคุณสำหรับคำตอบและหลักกาลามสูตรค่ะพี่ทักทาย :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2011, 12:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 13:20
โพสต์: 18


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณปู่ sriariya

เวลาอ่านหนังสือที่ผ่านๆมาของหนู
หนูมักจะย่อใส่กระดาษและนำมาอ่านเป็นลายมือของหนูค่ะ
แต่ว่าวิธีนี้ค่อนข้างช้าและเสียเวลามาก
คุณปู่คิดว่าจำเป็นรึเปล่าค๊ะที่หนูจะต้องมานั่งย่อ

วิธีของคุณปู่เป็นวิธีที่ดีมากๆเลยค่ะ
หนูได้ลองเปิดดูสารบัญแล้ว
แต่ก่อนหนูไม่เคยได้เปิดดูเลยล่ะค่ะ :b12:
พอได้เปิดแล้วก็ทำให้ได้เข้าใจและ
ได้รู้หัวข้อหลักทั้งหมดค่ะ
ซึ่งง่ายต่อการอ่านหนังสือ

คุณปู่
ขอบคุณนะค๊ะสำหรับคำแนะนำดีๆ :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2011, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


samati เขียน:
คุณปู่ sriariya

เวลาอ่านหนังสือที่ผ่านๆมาของหนู
หนูมักจะย่อใส่กระดาษและนำมาอ่านเป็นลายมือของหนูค่ะ
แต่ว่าวิธีนี้ค่อนข้างช้าและเสียเวลามาก
คุณปู่คิดว่าจำเป็นรึเปล่าค๊ะที่หนูจะต้องมานั่งย่อ

วิธีของคุณปู่เป็นวิธีที่ดีมากๆเลยค่ะ
หนูได้ลองเปิดดูสารบัญแล้ว
แต่ก่อนหนูไม่เคยได้เปิดดูเลยล่ะค่ะ :b12:
พอได้เปิดแล้วก็ทำให้ได้เข้าใจและ
ได้รู้หัวข้อหลักทั้งหมดค่ะ
ซึ่งง่ายต่อการอ่านหนังสือ

คุณปู่
ขอบคุณนะค๊ะสำหรับคำแนะนำดีๆ :b16:


วิธีที่คุณหลานทำอยู่ ก็ดีนะ เพียงแต่คุณหลานอาจบันทึกใจความสำคัญได้ไม่ครบถ้วน แต่ก็สามารถใช้ได้กับบางวิชาเช่น คณิตศาสตร์ หรือสูตรเคมี อย่างนี้เป็นต้น
ถ้าหากคุณหลาน รู้จัก การบูรณาการ หรือ การนำเอาหลักการต่างๆมาผสมกัน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเรียน ก็ย่อมทำให้คุณหลาน มีวิธีการหลากหลายมากขึ้น
สำหรับคำแนะนำของปู่นั้น สามารถใช้ได้จนถึงระดับมหาวิทยาลัย แต่ก็ย่อมมีเป็นบางวิชา ที่ต้องอาศัยการจำอย่างเดียว แต่วิชาการส่วนใหญ่ต้องทำความเข้าใจและมีความเข้าใจถึงแม้จะต้องจำ ก็ต้องเข้าใจขอรับ
ขยันเข้าไว้ ไม่ผิดหวังขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 11:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


samati เขียน:
สิ่งที่ทำให้หนูอยากฝึกและสนใจในการปฏิบัติธรรม
เป็นเพราะว่าหนูอยากจะถึงนิพพานค่ะ
หนูรู้ตัวดีว่าฝันสูงเกินไป
ความหวังของหนูเหมือนไกลริบหรี่เลยค่ะ
เพราะแค่ปฏิบัติสมาธิหนูก็ยังจิตไม่แน่นิ่งเลย


ไม่มีอะไรสูง หรือต่ำ
ใครๆก็ถึงพระนิพพานได้ ถ้าไปให้ถูกทาง ปฏิบัติให้ถูกต้อง
วิปัสสนา กรรมฐาน คือรู้สภาวะที่เกิดตามจริงให้ได้มากที่สุด
ไม่ใช่การบังคับจิตใจให้นิ่ง...เพราะยิ่งบีบบังคับ ก็ยิ่งดิ้นรน
ยิ่งกด ข่ม ก็ยิ่งขัดขืน.... :b5:

ขอให้พบทางสว่าง เจริญทั้งทางโลกและทางธรรมนะค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 12:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 13:20
โพสต์: 18


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณปู่ sriariya

ขอบคุณนะค๊ะคุณปู่ :b12:
ขอบคุณจริงๆค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 33 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร