วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 06:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2011, 10:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 22:44
โพสต์: 26

อายุ: 12

 ข้อมูลส่วนตัว


พอผม เพ่งกสิณ แสงสว่าง เสร็จแล้ว มานั่ง ภาวนา ว่า อาโลกสิณัง แล้วอยู่ๆๆ
ผมเห็นอะไรไม่รู้เหมือนดวงไฟแหลมๆๆ เป็นสีแดง แล้วก็มีสีม่วง เหมือนดวงตาคนอะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2011, 10:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 22:44
โพสต์: 26

อายุ: 12

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วมันยาวๆๆด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2011, 12:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เราเพ่งแสงเปนสีไร ก้ควรน่าจะเหนเปนสีอย่างนั้น ยิ่งกสินแสงสว่างโดยธรรมชาติต้องมีลักษณะเป็นสีขาวนวล
มองแล้วสบายตา แสงนี้จะทำให้เล็กหรือให้กว้างโดยไ่ม่มีประมาณก้ได้

ผมเดาว่าแสงที่เหนเปนสีอื่นๆ ที่เหนนั้นอาจมาจากสีของอารมณ์ของผู้ปฏิบัติเอง
เช่นอยู่ในอารมณ์กลัว หรืออยู่ในอารรมณ์วิตกกังวล หรือมีฟุ้งซ่าน แสงที่เกิดจะ
แปรตามอารมณ์เหล่านี้ เพราะจิตที่ยังมีนิวรณ์5 รบกวนอยู่ มีความพอใจ ความโกรธ
ความสงสัย และความฟุ้งซ่าน ครอบงำจิตที่กำลังจะเป็นสมถะ ทำให้มีแสงสีต่างๆ
ให้เหนแปลกๆ ให้คำภาวนากำกับจิตขณะเพ่งดว้ยนะคับ กสิณไฟก้ควรบริกรรม เตโช ๆ ๆ
กสิณน้ำ ก้กล่าว อาโป ๆๆๆ หรือภาวนาว่า น้ำ ๆ ๆ ก้ได้ กสิณแสงสว่าง ให้ภาวนาอาโลๆ ๆ
หรืออาโลกสิณัง อย่างที่คุนภาวนา สำคัญจิตต้องวางอยุ่ในอุเบกขาเป็นหลัก อารมณ์ที่ปราศจาก
ความยินดียินร้าย ไม่มีความอยากต่างๆในอารมณ์ที่ภาวนาอยู่จะให้ฐานจิตเข้าที่ตั้งแห่งความสงบได้เร็วขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2011, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สละทางโลก เขียน:
พอผม เพ่งกสิณ แสงสว่าง เสร็จแล้ว มานั่ง ภาวนา ว่า อาโลกสิณัง แล้วอยู่ๆๆ
ผมเห็นอะไรไม่รู้เหมือนดวงไฟแหลมๆๆ เป็นสีแดง แล้วก็มีสีม่วง เหมือนดวงตาคนอะครับ


สวัสดีค่ะ คุณสละทางโลก

จะเล่าประสบการณ์การฝึกสิณสีขาว ของเราให้ฟัง
ตอนฝึกใหม่ๆ ในขณะที่จ้ององค์กสิณแล้วบริกรรม องค์กสิณจะปรากฏเป็นสีต่าง ๆ
บางทีสีม่วง สีเขียวเข้ม สีฟ้า สีเขียวอ่อน สีเหลืองอ่อน และในที่สุดจะเป็นสีขาว
สีที่เป็นสีขาวจะเป็นเหมือนคลื่นพลังงานที่มีพลังมากกว่าสีอื่นๆ
ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าสีต่าง ๆที่ปรากฏเป็นสภาพของจิตเรานั่นเองดังนั้น
เมื่อเราพิสูจน์ด้วยตนเองก็ทราบได้ว่าสีขาวเป็นสีที่จิตขณะนั้นมีความบริสุทธิ์จึงเป็น
จิตที่มีพลัง...ดังนั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกสำหรับคนบางคนมีฤทธิ์ทางใจที่เรียกว่าพลังจิต...
....ขอแค่นี้และกัน

จากประสบการณ์ของคุณสละโลกที่เล่ามาน่าจะเป็นเรื่องของสภาพจิตในขณะนั้นๆ
ไม่ต้องคิดอะไรมากค่ะ ฝึกต่อไปเรื่อย ๆ พยายามอย่ากลัวและอย่าปรุงแต่ง...
ขอเจริญในธรรม

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2011, 15:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b2: :b2: :b2: :b2: :b2: :b2:
:b2: :b2: :b2: :b2: :b2: :b2:

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทามมมมม๊ายยยยย ง๊าาาา
ทำไม ลานสนทนาธรรมเพิ่งจะบรรเจิตในยุคนี้.... :b2: :b2: :b2:

s007 s007 ตอนที่เอกอนเริ่มปฏิบัติ ตอนนั้นการสื่อสารยังไม่เป็นอย่างนี้....
และเอกอนก็ยังฐานะค่อนไปในทางอนาถา.. s007 s007
ไม่มีตังค์จะเข้าชั่วโมงเน็ต ไม่มีตังค์จะติดเน็ต ไม่มีตังค์จะซื้อคอมพิวเตอร์
s007 s007 s007
ปฏิบัติอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่มีคนให้ปรึกษา
พระอาจารย์ไหนเก่ง ก็ไม่รู้ ถึงรู้ ก็ไม่มีตังค์นั่งรถไปหา s007 s007

อิอิ
แต่ดูทุกวันนี้สิ่ .... โหยยยย :b6: :b6:

คุณปลีกเชื่อมั๊ย ว่าเอกอนปฏิบัติมา
เอกอนผ่านปิติ ยังไม่รู้เลยว่านั่นคือ ปิติ
รู้แต่ว่า มันเกิดอาการบางอย่าง แล้วมันก็ไป
เอกอนไม่รู้เลยด้วยว่า ตัวเองเข้าสมาธิได้ลึก
และก็ถอนสมาธิอย่างกระทันหัน ลุกเดินไปเลย
เดินไปได้แค่ ไม่เกินสิบเก้าก็ออกอาการ :b14:
เมื่อไฟธาตุดับ เหมือนหัวเทียนบอด เกือบมั่วไม่รอด แล้วมันก็ผ่านไป

ก็คำถามที่คุณเคยถามเอกอน ว่า งั๊นเอกอนเคยได้ญาน อะไรนั่นน่ะ
เพราะความที่เอกอนดุ่ย ๆ มาแบบมั่ว ๆ ไม่รู้อะไรเลย
ญาน เญิน อะไร เอกอนไม่รู้
เหมือนกับคนหลงป่า เห็นผลไม้ชนิดหนึ่งก็เก็บมากิน และรู้อยู่แค่นั้น
แต่ไม่รู้เลยว่านั่นเขาเรียก ส้มโอ
จนกระทั่งเดินออกมาจากป่า เจอผู้คน
ที่กล่าวถึงส้มโอ แต่มันก็ไม่ทำให้เอกอนเข้าใจคำเหล่านั้นได้เลย
ผลไม้ ที่เอกอนเคยได้กินในคราวนั้น
กับส้มโอ ที่เอกอนได้รับฟังในคราหลัง ๆ
กลายเป็นสิ่งสองสิ่งที่ อยู่ต่างหากจากกัน
ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน และไม่มีอันจะเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกันได้เลย
ราวกับว่า สิ่งที่ล่วงเลยมาแล้ว ซึ่งเราไม่ได้สนใจคำเรียกชื่อมันไปซะแล้ว
แต่ก็ต้องเรียนรู้ เพื่อใช้มันในการสื่อสาร น่ะ :b23: :b23:

อย่างเจตสิกเอกอนอ่านคำอธิบายความหมายตามตำราไม่เข้าใจนะ
จนกระทั่งเจอป๊ะป๋าจารย์ ชี้นำไป
แล้วเอกอนก็ทำความรู้สึกไปตามเส้นทาง จึงพอจะร้องอ๋อ นั้นเรียก เจตสิก

และหลาย ๆ อย่าง
สภาวะบางอย่างมันเป็นสภาวะที่รู้สึกพิเศษ แต่เพราะเอกอนไม่รู้
ด้วยความที่ไม่รู้ เราก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ และละเลย :b1:

และคำตอบที่เอกอนเคยตอบ
"เอกอนรู้แต่ว่า เอกอนต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง" นั่นคือ
คือ สูญเสียมันไปอย่างที่ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าได้มันมา
มันคล้ายกับว่า เอกอนได้รับจดหมายจากเพื่อนที่ไม่ชอบหน้าเขานัก
และเพื่อนส่งเงินมาในซองด้วย หนึ่งพัน
ด้วยความที่ไม่ชอบหน้า (เพราะเจอทีไรชอบมารบกวนยืมเงิน)
เอกอนก็หยิบมาดูแบบลวก ๆ ไม่อยากจะสนใจ กลัวโดนยืมเงินอีก
และไม่สังเกตเห็นเงินในนั้น
เมื่ออ่านจบก็ขยำทิ้ง
จนเมื่อหลายปีผ่านไป ก็เจอเพื่อน และเพื่อนก็พูดถึง จม.
และเงินที่ส่งไปด้วย (ใช้หนี้)
ดังนั้น มันไม่มีการดีใจ หรือ เสียใจ ต่อการได้มา หรือเสียไป
...
เอกอนเห็นจุดบอด ที่มันล่วงเลยไป
เมื่อมาเห็นภาพ....ผู้ปฏิบัติที่เข้ามาคอยให้คำแนะนำซึ่งกันและกัน
อย่างคุณอินทรีย์ คุณปลีก (และอีกหลาย ๆ คนที่เอกอนนั่งมองแล้วก็ชื่นชม)
เอกอนนึก "ดีจัง...ผู้ปฏิบัติคอยเข้ามาช่วยเหลือแบ่งปันกันเช่นนี้" :b16: :b27:
อุ่นใจ อุ่นใจ


:b17: :b17: :b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2011, 13:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


s006 s006 s006

มีอีก บางครั้งเหมือนเอกอนจะเข้าไปรู้ ปัจจัยอันเป็นอดีตที่เนื่องมา
(แบบว่าสภาวะก่อนที่จะมาเกิดน่ะ s002 )
และก็มีที่เข้าไปรู้เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต s004
และ...
ยอมรับว่า การใช้ชีวิตของเอกอนเป็นไปด้วยความพะอืดพะอม :b7:
เพราะ อย่างการรู้อนาคต เนี๊ย
คือ ถ้าหากว่าเรารู้ว่า เดินไปข้างหน้าสิบเก้าแล้วเราจะต้องตกท่อ
และเพราะว่าเราต้องตกลงไปในท่อ สายตาเราจะเหลือบไปเห็น
สร้อยคอทองคำที่ก้นท่อ
(โหย....จะคุ้มค่าเจ็บมั๊ยเนี๊ยะ :b32: )

ถ้าสิ่งนั้นคือ วิบากที่ต้องเป็นไป
คนเราทั้ง ๆ ที่รู้ดี รู้ชั่ว ฉลาดรู้ไปหมด
แต่เหตุผลทุกอย่างตามตำรา พับเก็บไปในทันที
เมื่อเจอกับ กฎแห่งกรรม วิบากกรรม

อย่างเช่นว่า ถ้าคุณทำไร่มะละกอ ไร่มะละกอจะเป็นโรค คุณแทบจะหมดตัว
และคุณจะบรรลุธรรม
ถามว่า ถ้าเราอยากบรรลุธรรม แต่เราก็ไม่อยากเจ้ง สิ้นเนื้อประดาตัว
ดังนั้นเราจะ ศึกษาปฏิบัติให้มาก และหลีกเลี่ยงการทำไร่มะละกอโดยเด็ดขาด
เราจะได้บรรลุธรรม โดยที่ไม่ต้องเผชิญกับความเจ้ง จะได้มั๊ย


s006 s006 s006

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2011, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
...




ปิดทีวี แล้วลองเดาว่า พิธีกรใส่เสื้อผ้าแบบไหน เปิดทีวี... แม่นไม๊ :b6: :b6: :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2011, 09:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
s006 s006 s006

ถ้าสิ่งนั้นคือ วิบากที่ต้องเป็นไป
คนเราทั้ง ๆ ที่รู้ดี รู้ชั่ว ฉลาดรู้ไปหมด
แต่เหตุผลทุกอย่างตามตำรา พับเก็บไปในทันที
เมื่อเจอกับ กฎแห่งกรรม วิบากกรรม

อย่างเช่นว่า ถ้าคุณทำไร่มะละกอ ไร่มะละกอจะเป็นโรค คุณแทบจะหมดตัว
และคุณจะบรรลุธรรม
ถามว่า ถ้าเราอยากบรรลุธรรม แต่เราก็ไม่อยากเจ้ง สิ้นเนื้อประดาตัว
ดังนั้นเราจะ ศึกษาปฏิบัติให้มาก และหลีกเลี่ยงการทำไร่มะละกอโดยเด็ดขาด
เราจะได้บรรลุธรรม โดยที่ไม่ต้องเผชิญกับความเจ้ง จะได้มั๊ย


s006 s006 s006

:b16: :b16: :b16:

สวัสดีค่ะ คุณเอกอน

การที่คนบางคนสามารถหยั่งรู้อดีต หรือ อนาคตของตัวเองได้นั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ในตัวของมันเอง ...สิ่งสำคัญคือเราจะเอาประโยชน์จากสิ่งนี้ได้อย่างไร
อดีตเปลี่ยนแปลงไม่ได้แต่เอามาเป็นข้อคิดและสามารถแก้ไขเหตุในปัจจุบันเพื่อให้อนาคต
ถูกตรงได้ ดังนั้นอนาคตสามารถกำหนดได้ในปัจจุบันด้วยตัวคุณเอง
การรู้อนาคต..เป็นเพียงแค่แนวโน้มที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้น แต่อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป
เพราะผู้ที่กระทำกรรม เป็นคุณไม่ใช่ใคร กรรม หรือการกระทำในแต่ละขณะ จะมีผลต่ออนาคตเสมอ
เช่น คุณรู้ว่าอีก 3 เดือน คุณจะต้องตกงาน ถามว่าคุณจะทำอย่างไร?
1.ปล่อยให้เป็นไปตามกรรม คิดเสียว่าวิบากกรรมไม่ดีให้ผลต้องได้รับทุกข์และความเดือดร้อน
2.ทำเหตุในปัจจุบันให้ถูกตรง แน่นอนข้อนี้เป็นข้อที่ดีที่สุดสำหรับเรา ต้องหาเหตุแก้ไขมันเสีย
และทำงานให้รอบคอบมากขึ้น เริ่มมองหาอาชีพสำรอง เรียกว่า "หลักความไม่ประมาท" นั่นเอง
แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่คุณกระทำไป ก็ไม่ได้หมายความว่า อีก 3 เดือนข้างหน้าคุณจะไม่ตกงาน
ไม่มีใครมารับประกันให้คุณได้ คุณอาจจะต้องตกงานจริง ๆ ก็ได้ แต่ถึงตอนนั้นคุณก็รู้แล้วว่าคุณจะดำเนินชีวิตต่อจากนี้ไปอย่างไร เพราะทั้งหมดผ่านการวางแผนมาแล้ว...การมีโอกาสได้แก้ไข
ปรับเปลี่ยนย่อมต้องดีกว่าการที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย...ท่านผู้รู้ทั้งหลายถึงกล่าวว่า "กรรม"
เป็นตัวกำหนดอนาคตของคุณเอง...
แน่นอนการรู้ เหตุการณ์บางอย่างล่วงหน้า ย่อมต้องดีกว่าการที่เราไม่รู้อะไรเลย สำคัญว่าคุณหา
ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่ารู้แล้ว มาสร้างทุกข์ให้กับตัวเอง กลัวและวิตกกังวลจนไม่เป็น
ต้องทำอะไรกัน อย่างนี้เรียกว่า คิดแบบไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง....
อันนี้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตของเรา...ตามหลักคำสอนขององค์พระศาสดานั่นเอง

คิดเสียว่าเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตกันนะคะ...
ขอเจริญในธรรมค่ะ :b8:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2011, 09:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
eragon_joe เขียน:
...




ปิดทีวี แล้วลองเดาว่า พิธีกรใส่เสื้อผ้าแบบไหน เปิดทีวี... แม่นไม๊ :b6: :b6: :b6:


s005 s005 หงิ หงิ ท่านมูอย่ายุให้เล่นอย่างนี้บ่อยนักนะ....หงิ หงิ
แบบว่า เมื่อเช้าลองดู หงิ..หงิ :b4: :b4: :b4: แม่นคร๊าบบบบ
....
เอกอนทายพิธีกรหญิง ใส่ชุดสีขาวววววว หง๋าววว หง๋าวววว :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2011, 12:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


"ปลีกวิเวก"
....
การรู้อนาคต..เป็นเพียงแค่แนวโน้มที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้น แต่อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป
เพราะผู้ที่กระทำกรรม เป็นคุณไม่ใช่ใคร

:b8: :b8: :b8: :b8:

เมล็ดพืช เมื่อตกลงไปสู่ดิน ประกอบปัจจัยบำรุง สิ่งที่ปรากฎคือ ต้นพืชตามชนิดนั้น ๆ

เมล็ดพืช นั่น เป็นเอกอน หรือ
เมล็ดพืช นั่น มาจากเอกอน หรือ


เป็น ปริศนาธรรม ที่เอกอนเคยเห็นเป็นนิมิต และยังไม่เคยกล้าที่จะตอบว่า
"ไม่ใช่" เพราะถ้าใช่ เราต้องกำหนดมันได้
แต่ปรากฎว่า สิ่งนั้นกลับเป็นตัวกำหนดความเป็นไปของเรา

เรื่องนี้ เอกอนไม่ค่อยพูด เพราะรู้ว่าเมื่อพูดปุ๊บมันจะขัดแย้งกับ
ความเห็นทางธรรมของหลาย ๆ ท่าน ที่มักมีคำกล่าวว่า "เราลิขิตชีวิตตัวเองได้"
แล้วมันก็จะไปทำให้เกิดความสับสนกับผู้ปฏิบัติที่หันหน้าเข้ามาปฏิบัติธรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น

มันเป็นความรู้จาง ๆ บาง ๆ อยากจะฟันธง
แต่เรายังไปไม่ถึงจุดที่ชัดเจนในการเห็นว่าไม่ใช่เรา
หรืออาจจะเพราะเรายังไปไม่ถึงจุดที่จะทำลาย...จุดที่จะเกิดการสืบต่อความเป็นไป :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2011, 13:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่างเช่นว่า (อันนี้ยกตัวอย่างนะคะ)

เช่นว่า สมมติว่าเราเกิดเข้าไปเห็นเรื่องราวของบุคคลผู้หนึ่งในประวัติศาสตร์
สมมติว่า เอกอนไปเห็นเรื่องราวของ เจียงไคเช็ค :b8: :b9:

- ถามว่า เราเป็นผู้เห็น หรือ เราเป็นผู้ถูกเห็นนั่น หรือเป็นทั้งสองอย่าง
- ถามว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็น ผู้เห็น หรือ เราเป็นผู้ถูกเห็น หรือเป็นทั้งสองอย่าง กันแน่
- ถามว่า แล้วเจียงไคเช็คที่ปรากฎต่อเรานั้น ก่อนหน้าตราบเท่าที่ขณะจะปรากฎ
จนกระทั่งปรากฎอยู่นั้น สิ่งนั้นทรงตัวอยู่ในสภาพใด มาก่อน และดำเนินเข้าสู่การปรากฎอย่างไร
อยู่ภายในเรา หรือ อยู่ภายนอกเรา

:b14: :b14: :b9: :b9: :b9: :b12: :b12:

- ไป ๆ มา ๆ เจียงไคเช็คที่เราเห็นนั้น อาจจะเป็นเจียงไคเช็คในบทละครที่มีคนอ่าน
และเราเข้าไปเห็น.....สิ่งนั้น..... ก็มีความเป็นไปได้ ใช่ป่าว s006

เพราะ เอกอนเคยเห็นคนระลึกชาติได้ว่าตนนั้นเคยเป็น บุคคลสำคัญในอดีต
และ เอกอนก็เคยเห็นว่า มีคนระลึกชาติว่าเป็น บุคคลนั้นในอดีตได้กันตั้งหลายคน หง่ะ s002

คือ... s006 s006 s002 s002
แสดงว่า ในบรรดาคนที่ระลึกชาติได้ ต้องมีการเข้าใจผิดพลาดไปในการปรากฎนั้น ๆ s002
อิอิ ดังนั้น ถ้าหากว่าเราเห็นอาการเช่นนั้นปรากฎ
มันก็ต้องเป็นอะไรสักอย่างล่ะ ที่เป็นได้ทั้งมั่ว และ จริง :b9: :b9: ใช่ป่าวววว s005
และ ไม่ว่าเราจะเห็นไปในแง่ที่มั่ว หรือ จริง มันก็ทำให้เรา ถ้าไม่ ฝักใฝ่ ก็ผลักไส

นอกจาก เอาอริยสัจสี่เข้ามาจับ มาพิจารณาประกบกับอาการ s006 s006 เหร๋อ

ท่านปลีก อย่าตกใจ อย่าเพิ่งอ่อนอกอ่อนใจกับความขี้สงสัยอย่างประหลาด
และอย่างรุนแรงของเอกอน นะจ๊ะ

เพราะ เอกอนเป็นอย่างนี้ล่ะ เป็นคนที่ชอบคิดมากเป็นบร้าาาาาเลยยยย :b16: :b9:
ไม่ยอมที่จะรับในสิ่งที่ปรากฎทะแม่ง ๆ ทำนองนี้ ง่าย ๆ จั๊กเท่าไร


:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2011, 19:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


อนาคตย่อมเปลี่ยนได้ แต่โดยทั่วไป มันเปลี่ยนได้ยาก...

ถ้าผู้เห็นเชี่ยวชาญในกฎแห่งกรรมจริง มีญาณที่ถูกต้องจริง การเห็นนั้นย่อมเป็นไปตามกระแสกรรม
เคยเปรียบเทียบว่า เหมือนเราพายเรือในแม่น้ำ ถ้าแม่น้ำนั้นไหลลงสู่ทะเล เรือนั้นก็ย่อมไหลลงทะเลด้วยในที่สุด
บางคนเข้าใจว่า ถ้าเอาแรงคนมามากๆ ช่วยกันพายเรือทวนน้ำ เรือก็จะไม่ไหลลงทะเล บางคนใช้ฤทธิ์ใช้เดชในทางมิจฉาทิฎฐิ พยายามผูกเรือหลายลำเข้าด้วยกัน หวังต้านกระแสน้ำ บ้างก็พยายามเอาเรืออื่นมาขวาง ที่ฤทธิ์มากก็พยายามเปลี่ยนกระแสน้ำ ทั้งหลายทั้งมวลย่อมสร้างกรรมที่หนักหน่วงขึ้นทุกที เพราะความพยายามทั้งหลายล้วนเกี่ยวพันกับเรือลำอื่นที่ล่องลอยไปด้วยกัน

อนาคตเปลี่ยนได้จริง แต่จะมีสักกี่คนที่จะยอมออกจากเรือ หรืออย่างน้อย พาเรือเข้าใกล้ฝั่งที่กระแสน้ำไหลช้าลง เพราะอยู่กลางน้ำมีปลาตัวใหญ่ ยิ่งเป็นเรือใหญ่ก็ยิ่งดูโอ่อ่า เป็นกองเรือน่าเกรงขาม...

เปรียบเทียบพอให้เห็นภาพ อย่าจริงจังถึงขั้นว่า ทะเลดีกว่าป่า หรือป่าดีกว่าทะเล

ส่วนเอกอน... ท่าทางจะนิสัยไม่ดี ไปแอบดูอะไรๆ มิดีมิร้ายด้วยแน่ๆ :b32: :b32: :b32:


อ้อ เรื่องการระลึกชาติ ส่วนใหญ่ไม่จริงหรอก... คนที่ระลึกชาติได้ เราเข้าใจว่าต้องมีเจโตก่อน แต่เท่าที่รู้ ส่วนใหญ่ก็เป็นทิพยโสตหรือจักษุเท่านั้น ซึ่งบางทีก็ทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเป็นเจโต เช่น

ได้ยินคนกำลังบ่นในใจ ก็รู้ว่าคนนั้นกำลังไม่พอใจ พาลคิดไปว่าตนเองรู้วาระจิต เป็นเจโต แต่จริงๆ แล้วเป็นเพียงทิพยโสต สิ่งที่คิดว่ารู้นั้น จริงๆ มันเป็นสิ่งที่ เขาคิด เขาได้ยิน
คือ... เมื่อเขาได้ยินคนบ่น เขาก็ คิด ว่าคนนั้นไม่พอใจ เข้าใจปะ

เพิ่มเติมอีก: หรืออย่างการเห็นภาพในความคิด ปกติคนทั่วไปจะคิดเป็นภาพ เมื่อเขาเห็นภาพนั้นปรากฎขึ้นบ่อยๆ เขาก็จะ คิด ว่า คนๆ นั้นพึงพอใจกับสิ่งที่คิด เขา คิด ว่า เขารู้วาระจิต มีเจโต แต่อันที่จริง มันเป็นเพียงทิพยจักษุเท่านั้น

ปัญหาคือ คนทั่วไปก็มักจะคิดบ่อยๆ ในสิ่งที่พึงพอใจ มักจะบ่นเมื่อไม่พอใจ นั่นทำให้คนที่มีทิพยโสตและจักษุ ยิ่งเชื่อว่าตนเองรู้วาระจิต ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2011, 22:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


murano
บางคนเข้าใจว่า ถ้าเอาแรงคนมามากๆ ช่วยกันพายเรือทวนน้ำ เรือก็จะไม่ไหลลงทะเล บางคนใช้ฤทธิ์ใช้เดชในทางมิจฉาทิฎฐิ พยายามผูกเรือหลายลำเข้าด้วยกัน หวังต้านกระแสน้ำ บ้างก็พยายามเอาเรืออื่นมาขวาง ที่ฤทธิ์มากก็พยายามเปลี่ยนกระแสน้ำ ทั้งหลายทั้งมวลย่อมสร้างกรรมที่หนักหน่วงขึ้นทุกที เพราะความพยายามทั้งหลายล้วนเกี่ยวพันกับเรือลำอื่นที่ล่องลอยไปด้วยกัน

:b8: :b8: :b8:

murano
ส่วนเอกอน... ท่าทางจะนิสัยไม่ดี ไปแอบดูอะไรๆ มิดีมิร้ายด้วยแน่ๆ :b32: :b32: :b32:

เปล่านะ

:b22: :b22: :b22:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2011, 13:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


อ๋อหรอ?แม่ปริพาชิกาลัทธิเจริญนิวรณ์
ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงใช้ฤทธิ์ห้ามน้ำ และชาดก เรื่องราวในอดีตชาติต่างๆคงเป็นมิจฉาทิฐิด้วยสินะ

สงสัยคงไม่สบายหนัก :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2011, 13:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


สละทางโลก เขียน:
พอผม เพ่งกสิณ แสงสว่าง เสร็จแล้ว มานั่ง ภาวนา ว่า อาโลกสิณัง แล้วอยู่ๆๆ
ผมเห็นอะไรไม่รู้เหมือนดวงไฟแหลมๆๆ เป็นสีแดง แล้วก็มีสีม่วง เหมือนดวงตาคนอะครับ

น้อมเข้าในตัว อย่าไปส่งจิตออกนอก วางอุเบกขาไว้อย่าตื่นเต้นเฉยๆ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร