วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 21:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2011, 21:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2011, 17:33
โพสต์: 85

โฮมเพจ: บล๊อก
แนวปฏิบัติ: กายปสาทรูป และวิสยรูป ๗ คือ สี เสียง กลิ่น รส เย็นร้อน อ่อนแข็ง ตึงไหว สังเกตุการเกิดดับที่ละขณะ
งานอดิเรก: ฟังธรรมะ อ่านหนังสือธรรมะ ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรมัตถธรรม ๔ โดยสังเขป ของ อ.สุจินต์
อายุ: 0
ที่อยู่: ประเทศไทย

 ข้อมูลส่วนตัว


การเดินเพื่อฝึกสติ-รู้สึกตัว เรียกกันว่า "เดินจงกรม" ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้ในการฝึกสติ-รู้สึกตัวได้เป็นอย่างดีรูปแบบหนึ่ง

หากสามารถฝึกสติ-รู้สึกตัวด้วยการเดินได้ จะทำให้สามารถหลอมรวมการปฏิบัติภาวนาให้อยู่ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี เพราะในระหว่างวันทุกคนต้องมีการเดินอยู่บ่อย ๆ ถ้าทุกครั้งที่มีการเดินแล้วสามารถมีสติ-รู้สึกตัวอยู่กับการเดินได้ แต่ละก้าวที่เดินในชีวิตประจำวันก็คือการเดินจงกรม

แต่ละก้าวที่เดินในชีวิตประจำวัน ก็คือการเดินอย่างมีสติ-รู้สึกตัว จนสามารถรู้รูปนาม ซึ่งเป็นการเจริญวิปัสสนาได้ แม้จะกำลังดำเนินชีวิตประจำวันไปตามปกติ

เดินจงกรม เดินท่าไหนดี?...
ให้เดินด้วยท่าทางที่สบาย ๆ (ให้เข้าใจว่า เราจะเดินจงกรม ไม่ใช่ย่องจงกลม) ถ้าชอบเดินเอามือไปจับกันไว้ข้างหลัง ก็เอาไว้แบบนี้ ถ้าชอบเดินเอามือมากุมไว้ข้างหน้า ก็เอาไว้แบบนี้ หรือจะเดินกอดอก เดินล้วงกระเป๋า เดินเอามือไว้อย่างไรก็ได้ และในระหว่างเดิน หากจะเปลี่ยนท่าทางสลับไปมา หรือเดินแบบไร้ท่าทางที่ตายตัวก็ได้ตามชอบใจ

เดินจงกรม ต้องเดินช้าหรือเร็ว?...
อันนี้ต้องทดลองดูเอง ทดลองเดินช้าก่อนก็ได้ หรือจะทดลองเดินเร็วก่อนก็ได้ ถ้าเดินช้าแล้วรู้สึกอึดอัด เคร่งเครียดไป ก็เดินให้เร็วขึ้น ถ้าเดินเร็วแล้วรู้สึกใจจะลอย ๆ ก็ให้เดินช้าลง เดินช้า เร็ว ประมาณไหนแล้วรู้สึกได้ว่า เดินแล้วใจสบาย ๆ ไม่อึดอัด ไม่เคร่งเครียด ไม่ล่องลอยเกินไป ก็ให้เดินช้า เดินเร็ว ประมาณนั้นไว้

เดินจงกรม ต้องเดินไปกลับ หรือเดินวนไปเรื่อย ๆ ?...
อันนี้ก็แล้วแต่สถานที่จะเอื้ออำนวย หรือจะเดินแบบที่ชอบก็ได้ ถ้าเดินไปกลับได้ก็ควรเดินไปกลับ แต่ถ้าจำเป็นต้องเดินวนไปเรื่อย ๆ ขอแนะนำว่าให้มีตำแหน่งหยุดยืนเป็นระยะ ๆ เพราะตรงที่มีการหยุดยืนนี่เองจะเป็นจุดที่จิตกลับมามีสติได้ง่ายหลังจากที่เผลอหลงลืมไป

ส่วนการเดินไปกลับจะมีจุดที่ต้องหยุดยืนก่อนกลับตัวอยู่แล้ว และควรใช้ระยะทางเดินที่ไม่ยาวหรือสั้นเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่หัดเดินใหม่ ๆ หากเดินเป็นระยะทางที่ยาวเกินไป ก็จะเดินแบบไม่มีสติหรือเผลอหลงมานานเกินไป หากเดินเป็นระยะทางที่สั้นเกินไปก็จะเครียดง่าย

เดินจงกรมแล้วต้องดูอะไร ต้องรู้อะไร?...
เดินแล้วก็ให้สังเกตเห็น (รู้สึก) ว่ามีร่างกายกำลังเดิน ไม่ใช่เพ่งจ้องที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายจนเคร่งเครียด สังเกตเห็น (รู้สึก) ร่างกายที่เดินด้วยจิตใจที่สบาย ๆ นุ่มนวล แล้วไม่ฝืน ไม่บังคับจิต ถ้าจิตจะคิดก็ให้คิดได้ตามปกติ

ถ้าจิตจะะเผลอหลงลืมกาย แล้วไปมอง ไปฟังเสียง ไปสนใจสิ่งอื่น ก็ให้จิตเผลอหลงลืมกายไปได้ตามสมควร ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอหลงไปนาน เพราะในจังหวะกังวล ไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอหลงไปในนาน เพราะในจังหวะที่หยุดยืน จิตจะกลับมามีสติ-รู้สึกตัว หรือกลับมาสังเกตเห็น (รู้สึก) ร่างกายได้เองไม่ยาก เมื่อได้เวลา ได้โอกาสเหมาะที่จะฝึกเดินจงกรมแล้ว

ก่อนเริ่มเดินจงกรม...ให้สังเกตดูใจตัวเองก่อนว่า...
มีความอยากเดินจงกรมหรือเปล่า, มีความคาดหวังว่าเดินแล้วจิตต้องสงบหรือเปล่า, เดินแล้วจิตต้องมีกำลัง ต้องตั้งมั่น อะไรทำนองนี้หรือเปล่า

หลายคนจะมีความอยาก มีความคาดหวังอะไรทำนองนี้ไม่มากก็น้อย ใครจะรู้สึกอยากเดิน รู้สึกคาดหวังผลอะไรอยู่ก็อย่าเพิ่งเริ่มก้าวเท้าเดิน ทั้งที่ยังอยากยังคาดหวังอยู่ ให้หัดดูจิตที่มีความอยากก่อน ให้หัดดูจิตที่มีความคาดหวังก่อน พอรู้สึกว่าความอยาก ความคาดหวังเบาบางลงแล้ว หรือหายไปแล้ว จึงค่อยเริ่มเดินได้ อันนี้เป็นเทคนิคของการเริ่มเดินจงกรมที่สำคัญมาก ถ้าพลาดไปเริ่มเดินทั้งที่มีความอยาก มีความคาดหวังครอบงำจิต ก็จะพลาดไปติดเพ่งเอาง่าย ๆ

ก่อนเดินจงกรมก้าวแรก...
ให้ยืนรู้สึกตัวสบาย ๆ ก่อน อย่าพรวดพราดเริ่มก้าวเท้าเดิน ยืนรู้สึกตัวสบาย ๆ ก่อน แล้วจึงเริ่มก้าวเท้าเดิน

ขณะกำลังเดินจงกรม...
ก็แค่...สังเกตเห็น (รู้สึก) ร่างกายที่เดินอยู่ด้วยจิตที่สบาย ๆ เดี๋ยวจิตก็จะเผลอทหลงลืมกายไป เผลอไปคิดบ้าง เผลอไปมองบ้าง เผหลอไปฟังเสียงบ้าง ซึ่งในขณะกำลังเผลอหลงไป จะสังเกตไม่ได้ (ไม่รู้สึก) ว่ามีร่างกายกำลังเดินอยู่ หรือถ้าสังเกตได้ (รู้สึกได้) ก็ไม่ชัด เบลอ ๆ มัว ๆ และหลังจากที่เผลอหลงไปไม่นาน ก็จะรู้ว่าเมื่อกี้เผลอหลงไป พอรู้ว่าเมื่อกี้เผลอหลงไป ก็จะกลับมาสังเกตเห็น (รู้สึก) ว่ามีร่างกายกำลังเดินได้ใหม่

การเดินจงกรมจึงไม่มีอะไรมากไปกว่า ขณะเดินสังเกตเห็น (รู้สึก) ว่ามีร่างกายกำลังเดิน สลับกับรู้ว่าเผลอไหลงไป...เท่านี้เอง

สังเกตอย่างไรว่า เดินจงกรมถูกหรือไม่?...
๑. ถ้าเดินแล้วเครียด แน่น จุก อึดอัด แสดงว่าเพ่งมากไปแล้ว ให้หยุดพักก่อน พอหายเครียด หายแน่น หายเพ่งแล้วก็ค่อยกลับเริ่มต้นใหม่ อย่าฝืนเดินไปทั้งที่เพ่ง เพราะถ้าฝืนเดินแล้วไม่หายเพ่ง ก็จะกลายเป็นเพ่งจนเคยชิน แล้วจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการเดินจงกรม แย่หน่อยก็กลายเป็นเพ่งจนชิน กว่าจะเลิกเพ่งก็ต้องเสียเวลาไปอีกหลายปีทีเดียว

๒. ถ้าเดินแล้วเกิดรู้สึกว่าร่างกายมีแค่เท้า มีแค่ขา มีแค่ตัว หรือมีแค่ส่วนเดียว ไม่รู้สึกว่ามีส่วนอื่น ๆ อยู่ด้วย เช่น มีแต่ตัว ไม่รู้สึกว่ามีหัว ก็แสดงว่าจิตไหลไปแช่ที่จุดใดจุดหนึ่ง ก็ให้ทราบว่า การเดินแบบนี้อาจพลิกไปเป็นสมถะได้ แต่ไม่ใช่การฝึกเดินให้มีสติ-รู้สึกตัว

เดินจงกรม ต้องเดินนานแค่ไหน?...
เรื่องเวลา ใครจะตั้งใจเดินนานสักกี่นาทีก็ได้ตามสะดวก แต่อย่าตั้งเวลาไว้นานเกินไป เพราะถ้าเดินไม่ไหวก็จะบั่นทอนกำลังใจตัวเองเสียเปล่า ๆ แรก ๆ ที่ฝึกเดินจงกรมจะเริ่มฝึกสัก ๕ นาที ๑๐ นาที ก่อนก็ได้ ส่วนวันไหนเดินแล้วมีสติบ่อย จะเดินมากกว่าที่ตั้งเวลาไว้ก็ได้ หรือเมื่อเดินชำนาญแล้วจะเพิ่มเป็นกี่นาทีก็ตามแต่จะสะดวก

คัดลอกจาก คำบอกเล่าฆราวาสธรรม เรื่อง "ฝึกสติ-รู้สึกตัวธรรมไม่ยาก" สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา

ธรรมรักษา ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม อนุโมทนาค่ะ

.....................................................
กายอ่อนน้อม ใจระลึกถึงพระคุณ
เปิดตาให้รับแสงแห่งพระธรรม เปิดหูให้ได้ยินเสียงสำเนียงธรรม เปิดปากพูดจาสนทนาธรรม


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร