วันเวลาปัจจุบัน 25 พ.ค. 2025, 00:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


- สถานที่ปฏิบัติธรรม
แนะนำรายชื่อสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั่วประเทศ
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=9

- รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=30



กลับไปยังกระทู้  [ 80 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 13 มี.ค. 2011, 12:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
เปรตตัวมันก็ไม่เล็กนะ ถ้าเป็นเปรตอสูรกาย ตัวเราสูงเท่าหัวเข่าของมันเท่านั้นแหละ แถวๆ บ้าน มีคนไปรับขัน ได้เปรตติดมา ๒ ตัว ตัวหนึ่งเป็นอสูรกาย วันแรกที่จะพาไปกู่ ป้าแกถอยรถออกจากบ้าน ใช้เวลา ๑ ชั่งโมง ถอยเข้าๆ ออกๆ อยู่อย่างนั้น ซึ่งปกติป้าเขาก็ขับรถเอง พอพาไปถึงกู่ เหมือนคนไม่มีแรง เดินขึ้นไม่ได้ ต้องพยุง เข้าไปในศาลาก็หลับ ปวดหัว มึน น้ำลายยืด พอกลับถึงบ้าน ก็เป็นปกติเหมือนคนธรรมดา ...

เขามาขอส่วนบุญก็แบ่งให้เขาไปบ้างก็ได้ครับ
ให้ไปเลยครับที่ทำมากี่ภพกี่ชาติก็ให้ไปให้หมดเลยครับ
ให้บ่อยๆ คุณอาจจะได้เพื่อนใหม่ที่มีแต่ความหวังดีก็ได้นะครับ อ่ะอ่ะ :b12:

เปรตก็ไม่เที่ยงครับ เข้าตามหลักไตรลักษณ์ที่ท่านอธิบายไว้เลย :b16:

:b12: :b12: :b46:


โพสต์ เมื่อ: 13 มี.ค. 2011, 12:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับท่าน Supareak Mulpong
ต้องขอยืมคำกล่าวของท่าน FLAME มากล่าวอีกครั้งครับ
ท่านแสดงธรรมได้ดีมากในหลายเรื่องครับ

ขออนุโมทนาครับ :b8: :b8: :b8:

อีกความคิดเห็นหนึ่งนะครับ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ยังมองไม่เห็นทาง

จุดมุ่งหมายของทุกคนที่จะเดินไปเป็นจุดเดียวกันคือ นิพพาน
วิธีการเดินทางของแต่ละบุคคลอาจทำได้หลายวิธี และหลายเส้นทาง ตรงบ้าง อ้อมบ้าง หลงทางบ้าง
อาจจะพบเจออะไรแตกต่างกันออกไปมากมายตามเหตุปัจจัย(บาป-บุญ)ของแต่ละคนที่ได้กระทำมา

วิธีการปฏิบัติของท่าน Supareak Mulpong เป็นทางตรงตามที่กล่าวจริงครับ
เป็นการปฏิบัติกรรมฐานโดยใช้ปัญญานำ กล่าวคือ เมื่อมีอะไรมากระทบทางทวารทั้ง 6 จะรู้ว่าไม่เที่ยง หากรู้แล้วยังเกิดมีความคิดปรุงแต่งอยู่ ก็ให้พิจารณาต่อไปว่าไม่เที่ยงอย่างไร พิจารณาไปจนกระทั่งจิตยอมรับได้ว่าไม่เที่ยงจริงๆ

เป็นการฝึกปัญญา สติ สมาธิ พร้อมกันไปในกระบวนการเดียว จะเรียกว่าเป็นมหาสติก็ได้นะครับ

ส่วนการปฏิบัติกรรมฐานที่ใช้สมาธินำ กล่าวคือ เมื่อมีอะไรมากระทบทางทวารทั้ง 6 จะรู้ที่คำบริกรรม อาจจะเป็นพุทโธ หรือคำอื่นๆ จนสงบระงับ แล้วค่อยมาพิจารณาว่าสิ่งที่ต่างๆที่กระทบนั้นไม่เที่ยงตามกฎไตรลักษณ์
(ตัวอย่างตามวิธีที่ท่านอธิบายมา) อาจเป็นการปฏิบัติที่อ้อมหน่อย แต่สุดท้ายแล้วจะได้ผลเหมือนกัน การปฏิบัติสมาธิของแต่ละคนอาจจะพบเจออะไรแตกต่างกันไป หรือไม่พบเลยก็ได้ แล้วแต่เหตุปัจจัยบาปบุญของแต่ละคนที่กระทำสะสมมา การทำสมาธิที่ถูกต้องแล้วทำวิปัสสนาเมื่อถึงที่สุดแล้ว ก็จะเกิดญาณทัศนะ เกิดธรรมเอกผุดขึ้น เกิดปัญญาญาณ เช่นเดียวกัน และระยะเวลาก็ไม่ต่างกันครับ อาจจะเป็น 7 วัน 7 เดือน 7 ปี ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยของแต่ละคนที่สะสมมา ใครถนัดแบบไหน วิธีการใด ตนเองรู้ย่อมรู้ดีครับ

จุดบรรจบกันของทั้งสองวิธี อาจจะมาพบกันตรงนี้ที่ท่านกล่าวไว้ครับ
ญานทัศนะของอริยบุคคล ก็เป็นอภิญญาอย่างหนึ่ง เกิดหลังจากได้ธรรมเอกผุดขึ้น คือ ได้ฌานจิต อาจารย์สินธพได้ถึง ฌาน ๘ เกิดจากการวิปัสสนาจนเกิดอุเบกขา หรือฌาน ๔ ได้มาเองไม่ได้ตั้งใจให้เกิด ผมก็วิปัสสนาถึงอุเบกขาบ่อยๆ อยู่ช่วงหนึ่ง จากนี้ก็สามารถทำอรูปฌานต่อได้เลย ทำง่ายด้วย แต่ยังไม่มีใครไปทำ นอกจากอาจารย์ท่านเดียว ตอนนี้ก็เลยมีคนเดียวที่ได้ญานทัศนะ

ขอบคุณครับ
ถูกผิดอย่างไรขออภัยทุกท่านครับ

:b41: :b46:


โพสต์ เมื่อ: 13 มี.ค. 2011, 15:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
เปรตตัวมันก็ไม่เล็กนะ ถ้าเป็นเปรตอสูรกาย ตัวเราสูงเท่าหัวเข่าของมันเท่านั้นแหละ แถวๆ บ้าน มีคนไปรับขัน ได้เปรตติดมา ๒ ตัว ตัวหนึ่งเป็นอสูรกาย วันแรกที่จะพาไปกู่ ป้าแกถอยรถออกจากบ้าน ใช้เวลา ๑ ชั่งโมง ถอยเข้าๆ ออกๆ อยู่อย่างนั้น ซึ่งปกติป้าเขาก็ขับรถเอง พอพาไปถึงกู่ เหมือนคนไม่มีแรง เดินขึ้นไม่ได้ ต้องพยุง เข้าไปในศาลาก็หลับ ปวดหัว มึน น้ำลายยืด พอกลับถึงบ้าน ก็เป็นปกติเหมือนคนธรรมดา ...


ดีนะ ที่มีแค่ขัน :b14: :b14: :b9:
ถ้ามีรับกาละมัง รับโอ่ง ด้วย :b6: :b6: จะอีท่าไหน

อื้อ เราก็เห็นมาพอสมควรแล้วง่ะ
เมื่อเดือนก่อนก็เพิ่งรับขึ้นรถไป-กลับด้วยกันสองต่อสองมาหนึ่งคน ประเภทเข้าใกล้สถานที่บางแห่งไม่ได้
เข้าไปแล้วมีอาการ ปวดหัว มึน น้ำลายยืด อาเจียนแหวะ ๆ น่ะ

เมื่อหลายเดือนก่อนก็มีได้ไปนอนร่วมห้องกันสองต่อสองด้วยหนึ่งคน
แบบลอยออกมาหลอนเราทั้งคืนเลย ก็ไม่มีอะไร เขาแค่แสดงตัวให้เรารู้ :b6: :b6:
ว่าเขาอยู่กันยังไง แล้วคนที่เขาอยู่ด้วยทำไมถึงไม่รู้ตัว
คือส่วนใหญ่ก็เป็นความชอบของเขา
เพราะพวกเขามีของเล่นหนุก ๆ เยอะ กรณีเป็นกรรมของเขาก็มีอย่างกุมารทอง
จองเวรก็มี

จริง ๆ ก็ไม่อยากจะรู้ แต่ช่วยไม่ได้ เมื่อปัจจัยในการรู้สมบูรณ์
อายตนะเขาก็ทำไปตามหน้าที่ของเขา


โพสต์ เมื่อ: 13 มี.ค. 2011, 16:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าสอนทางตรงเท่านั้นครับ ท่านไม่เคยสอนทางอ้อม อย่าลืมนะครับ ธรรมชาติเป็นไปตามเหตุปัจจัย เหตุผิดผลก็ผิด วิปัสสนาได้ทุกอย่าง ได้ปัญญา ได้สมาธิ ได้อภิญญาวิชา ๘

จริงๆ ทางอ้อมไม่มี มีแต่หลงทาง สมาธิของอริยะ มันเกิดจากจิตที่บริสุทธิ์ มันไม่ได้เหมือนกับสมาธิของพวกฤาษีที่ข่มจิตจนสงบได้ชั่วคราว

การทำสมาธิพร้อมกับวิปัสสนาที่ปรากฏในพระไตรปิฏก ท่านสอนให้พวกติดสมาธิจนลงร่อง หรือพวกที่มีฤทธิ์ทั้งหลาย ไม่ได้สอนคนธรรมดา พวกนี้ทิ้งสมาธิไม่ได้ แต่ท่านเหล่านี้ก็ได้ฟังธรรมจนมีดวงตาเห็นธรรม ผลจากการติดสมาธิ จะมาวิปัสสนาง่ายๆ อย่างคนปกติก็ไม่ได้ อย่างพระมหาโมคัลลานะ พระพุทธเจ้าต้องช่วยยกออกจากสมาธิถึง ๙ ครั้ง ครั้งแรกติดที่ฌาน ๑ พระพุทธองค์ก็ไปปรากฏต่อหน้าในสมาธิ ปลุกให้หลุดจากฌานมาวิปัสสนา จนไปถึง ฌาน ๙ ไม่เช่นนั้นพระมหาโมคัลลานะไม่มีทางถึงอรหันต์ได้ง่ายๆ

นิพพาน คือ ทางที่ไม่เคยไป ทิศที่ไม่เคยเห็น มีเหตุปัจจัยเดียว คือ กำจัดอวิชชา ด้วยปัญญา จะทำอย่างไรก็ได้ ให้ปัญญาเกิดมาประกบกับจิตเมื่อจิตเกิดขึ้นมาเพื่อรับรู้อารมณ์ทั้ง ๖ ทาง เหมือนพระสารีบุตรกล่าวไว้ว่า ยังปัญญาให้เกิดขึ้นประกบจิตทุกครั้งเมื่อชวนะจิตเกิดขึ้นมาเพื่อเสวยอารมณ์ อุปมาปัญญาเหมือนรอยฝีเท้าที่เดินตามจิต

หนูเอกอน ขันที่ว่าพอไปดูจริงๆ ขนาดพอๆ กับกาละมัง มาจากวัดๆ หนึ่งที่ผมเคยไปศึกษาหาความรู้ เพราะเห็นว่าเจ้าอาวาสมีตาทิพย์ รู้เห็นอะไรไปหมด ว่ามีอะไรอยู่ตรงใหน บ้านใครต่อบ้านใคร ท่านรู้หมด ไม่หลับตาด้วย แต่พอตอนปลายๆ ปี ท่านบอกว่าจะมีพิธีรับขัน ... มันพิธีเลี้ยงผีนี่หว่า ... ดีว่าได้พบอาจารย์สินธพก่อน เลยโดดออกมาทัน ไม่งั้นผมคงเป็นเจ้าทรงไปแล้ว ตอนนั้นนั่งสมาธิกำลังได้ที่

พวกที่เขาไม่เห็นเปรต ก็คือ คนที่ไม่มีสมาธิ ไม่ติดสมถะ ถ้าเห็นมาตั้งแต่เด็ก ก็แสดงว่า มีของเก่าติดตัวมา จ้องอะไรเป็นนิ่ง เห็นโน่นเห็นนี่แบบคนอื่นไม่เห็น แม่บ้านผมก็เป็น เป็นตั้งแต่ ๗ ขวบ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสต์ เมื่อ: 13 มี.ค. 2011, 19:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
พวกที่เขาไม่เห็นเปรต ก็คือ คนที่ไม่มีสมาธิ ไม่ติดสมถะ ถ้าเห็นมาตั้งแต่เด็ก ก็แสดงว่า มีของเก่าติดตัวมา จ้องอะไรเป็นนิ่ง เห็นโน่นเห็นนี่แบบคนอื่นไม่เห็น แม่บ้านผมก็เป็น เป็นตั้งแต่ ๗ ขวบ



แม่บ้านผมก็เป็น เป็นตั้งแต่ ๗ ขวบ

หรอครับ ตอนอายุเท่าไหร่แล้วครับ เป็นไงบ้าง ยังเห็นผีเห็นเปรตอยู่อีกไหม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 13 มี.ค. 2011, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


้hmmm ... คุณกรัชกาย เรื่องทุกข์กับการดับทุกข์ไม่สนใจ พอเรื่องอุตริมนุษธรรมตาโตเชียว

อย่าไปสนใจมันเลยครับ เอาเรื่องทุกข์กับการดับทุกข์ดีว่า อยากศึกษาธรรม ต้องมีดวงตาเห็นธรรมก่อน

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสต์ เมื่อ: 13 มี.ค. 2011, 20:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
้hmmm ... คุณกรัชกาย เรื่องทุกข์กับการดับทุกข์ไม่สนใจ พอเรื่องอุตริมนุษธรรมตาโตเชียว

อย่าไปสนใจมันเลยครับ เอาเรื่องทุกข์กับการดับทุกข์ดีว่า อยากศึกษาธรรม ต้องมีดวงตาเห็นธรรมก่อน



อย่าไปสนใจมันเลยครับ

มันน่าสนใจดีออก เห็นบอกว่า เป็นมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ยังกะนางวิสาขา ตกลงจะไม่ตอบใช่ไหมครับ

เรื่องทุกข์กับการดับทุกข์ไม่สนใจ

ใครบอกไม่สนใจ ก็สนใจอยู่ แต่หาอาจารย์ไม่ได้ เพิ่งพบเนี่ยล่ะ

เอาเรื่องทุกข์กับการดับทุกข์ดีว่า อยากศึกษาธรรม ต้องมีดวงตาเห็นธรรมก่อน

ขอวิธีดับทุกข์หน่อยครับ

ทำไงครับดวงตาจึงจะเห็นธรรม แล้วธรรมที่ว่านี่ได้แก่อะไรครับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 13 มี.ค. 2011, 20:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้อ แล้วที่ชวนให้มีศีลเนี่ย ศีลอะไรครับ แล้วทำยังไงจึงจะเป็นผู้มีศีล ขอคำชี้แนะครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 14 มี.ค. 2011, 00:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นธรรม ก็คือ เห็นธรรมชาติตามความเป็นจริงที่แท้จริงในหลักการณ์ก่อน คือ รู้เข้าใจกฏธรรมชาติ ๒ กฏตามความเป็นจริง หรือ รู้ว่า ไม่เที่ยงคืออะไร ... รู้อริยสัจจ์สี่ คือ รู้ว่า ทุกข์คือเหตุปัจจัยของการเกิด ดับทุกข์ได้ ก็ดับความตายได้ รู้ว่าทุกข์คืออะไร เกิดที่ใหน เกิดอย่างไร ดับอย่างไร แล้วจะเอาอะไรไปดับ

ศีลมีสมมุตฐานมาจากจิตที่เป็นกุศล ถ้าจิตเป็นกุศล ก็จะคิดดีทำดีเองโดยอัตโนมัติ เหตุปัจจัยที่ทำให้คิดไม่ดี ทำไม่ดี คือ ความพอใจ ไม่พอใจ และความหลง หรือ โลภะ โทสะ โมหะ ถ้าเอาชนะความพอใจไม่พอใจและความหลงได้ศีลก็จะเกิดมีขึ้นเองในบุคคลนั้น

การเอาชนะความพอใจ ไม่พอใจ และความหลง ก็คือ การใช้ปัญญาที่รู้เท่าทัน หรือใช้ความรู้ที่เอามาดับความพอใจไม่พอใจได้ ก็คือ การวิปัสสนาภาวนา

ความพอใจ ไม่พอใจ และความหลง เกิดขึ้นเมื่อเรารับรู้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วปรุงแต่ง เพราะฉะนั้น ก็เอาปัญญามาตั้งรับ พิจารณาผัสสะอารมณ์ว่า มันไม่เที่ยง ฯ (สัมมาทิฐิ) เท่านั้นแหละ ความพอใจ ไม่พอใจ ก็ไม่สามารถเกิดร่วมกับจิตปัจจุบันได้ จิตก็จำความจริงว่า รูปไม่เที่ยง เสียงไม่เที่ยง รสไม่เที่ยง ฯ ไปแทนความเห็น คือ รูปสวย เสียงเพราะ อาหารอร่อย ฯ นานๆ ไป ความจริงในใจมีมากๆ เข้า เราก็เห็นอะไรว่ามันไม่เที่ยงฯ เป็นปกติ (เกิดสติปัฏฐาน) เมื่อไม่เที่ยงหรือปัญญามาตั้งรับอารมณ์แทนความพอใจไม่พอใจเป็นปกติ ศีลมีกี่ข้อ เราก็ไม่ผิด เพราะมันไม่มีเหตุที่จะใำห้ทำผิดเกิดกับจิตปัจจุบันของเรา ... วิปัสสนามันก็ง่ายๆ แค่นี้แหละ

ศีลที่ว่า ก็คือ ศีลในมรรค ๘ คือ ปฏิบัติจนมีสัมมาทิฐิมั่นคง มีความเห็นมั่นคงว่า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ความคิด มันไม่เที่ยง พอเรามีความเห็นเช่่นนี้ เรารู้เห็นอะไรเราก็คิดว่า มันไม่เที่ยง เอามาเป็นสาระไม่ได้ ฯ หรือ สัมมาสังปัปปะเกิด พอความคิดเห็นถูก เราก็พูดถูก ทำถูก ดำเนินชีวิตถูก

ไม่มีความหลง ไม่มีความพอใจ ก็คือ ไม่ลักทรัพย์ ไม่พูดปด ไม่กินเหล้า ไม่ผิดลูกผิดเมียคนอื่น ไม่มีความไม่พอใจ ก็ไม่โกรธ ไม่ฆ่า ... มันก็เป็นไปตามธรรมแบบนี้แหละ

เห็นเมียขาวบ้านๆสวยๆ เดินมา พิจารณาว่า รูปไม่เที่ยง มันก็ตาย กูก็ตาย คิดเห็นแบบนี้ ไอ้ความคิดอย่างว่าไม่เกิดเลย ถ้ามันจะเกิด คือ วิปัสสนาไม่ทัน ลองดูได้ ... ถ้ามันเป็นนิสัยเราขึ้นมาเมื่อใหร่ ตอนนั้นแหละ ท่านได้อริยะบุคคลแล้ว

แปลง่ายๆ ว่า ท่านชวนมาให้มีศีล คือ ชวนมาเป็นอริยบุคคลนั่นแหละ เอาไว้ชักชวนพวกที่ถือศีลเอาเป็นเอาตาย

... เมียผมนิ่งๆ เขาก็ยังเห็นอยู่ ของแบบนี้เอาออกไปไม่ได้หรอกครับ นอกจากจะไม่สนใจใยดีกับมัน ... แต่ตอนอยากเห็นไม่เห็นนะครับ เพราะจิตจะฟุ้งซ่าน ไม่เป็นสมาธิ ตอนเด็กๆ เขาชอบนั่งสมาธิ จนอ่านใจคนออก เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า แต่ก็มารู้ทีหลังว่าเป็นของพวกเทวปุตมารมาหลอก ตอนนี้ไล่ไปหมดแล้ว ก็เหลือสมาธินิดๆ หน่อยๆ

แล้วมีใครมาขายยาแถวนี้ด้วยเหรอ...

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสต์ เมื่อ: 14 มี.ค. 2011, 08:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:

รูปภาพ


ชีวิตเหมือนเรือน้อยล่องลอยอยู่
ต้องต่อสู้แรงลมประสมคลื่น
ต้องทนทานหวานสู้อมขมสู้กลืน
ต้องจำฝืนสู้ภัยไปทุกวัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 14 มี.ค. 2011, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกรัชกาย ตกลงมีดวงตาเห็นธรรม หรืองงเหมือนน้ำวน ... เชื่อไม่เชื่อก็ลองเอาไปทำดูก่อน พิจารณาคือเห็นว่ามันไม่เที่ยงจริงๆ ไม่ได้ให้ท่องนะครับ พอรู้เข้าใจว่า อะไรคือไม่เที่ยงแล้ว ก็ท่องให้เกิดความเคยชินไปสักระยะ ท่องในใจก็ได้ จากนั้น ก็วิปัสสนาประกอบกับการใช้ชีวิตประจำวัน เดินสายกลางแบบนี้ ชาตินี้รับรองสามัญผล (ถ้าไม่ได้ทำอนันตริยกรรมมาก่อน)

Foot note ของท่านขัดหูขัดตาผมมานานแล้ว อินทรีย์สังวร คือ การวิปัสสนาพิจารณาว่า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ความคิด ว่า มันไม่เที่ยง ประกอบกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบัน ไม่ได้ควบคุมจิต แต่เอาความจริงป้อนให้จิตรู้ เมื่อวิปัสสนา ก็ไม่เกิด โลภะ โทสะ โมหะ จึงไม่ถูกกิเลสลาก เมื่อเกิดปัญญินทรีย์ ความจริงก็มาตั้งรับอารมณ์เป็นอัตโนมัติ เจ็บรู้ว่าเจ็บ ร้อนรู้ว่าร้อน ฯ เพราะผัสสะอารมณ์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเราบังคับมันไม่ได้ เราหยุดตาไม่ให้เห็นรูปไม่ได้ เราหยุดได้แค่เวทนาที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น

ในขั้นโสดาบันยังไม่เกิดปัญญาประกบวิญญานตลอด มีอยู่ห้าสิบห้าสิบ เหมือนคำพูดที่บอกว่า ปุถุชนจิตเป็นบาปตลอดเวลา ไม่มีบุญเลย ต่อเมื่อได้ฟังธรรม ก็เกิดปัญญาได้ตอนฟังธรรม ทำบุญตักบาตร กับตอนวิปัสสนา พอได้อริยะจิตเป็นบุญบาปสลับกันครึ่งๆ ต่อเมื่อบรรลุอรหันต์ จิตจะไม่เป็นบาปเลย

การสำรวมอินทรย์
http://84000.org/tipitaka/pitaka2/sutta10.php
ทั้งเล่ม พูดเรื่องเดียว คือ การสำรวมอินทรียย์

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสต์ เมื่อ: 14 มี.ค. 2011, 19:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อริยะ นี่มันอะไรครับอริยะอยากได้อยากเป็นกันจัง คุณ supa จะเอาอริยะไปทำอะไรครับไหนบอกหน่อยดิ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 14 มี.ค. 2011, 19:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
Foot note ของท่านขัดหูขัดตาผมมานานแล้ว อินทรีย์สังวร


"อารมณ์วิจิตรทั้งหลายในโลกหาใช่กามไม่ ราคะที่เกิดจากความคิดของคนต่างหากเป็นกาม อารมณ์วิจิตรทั้งหลายในโลก ย่อมดำรงอยู่อย่างนั้นเอง ดังนั้น ธีรชนทั้งหลายจึงขจัดแต่เพียงตัวความอยากที่เป็นตัณหาฉันทะในอารมณ์วิจิตรเหล่านั้น คือ มิใช่กำจัดอารมณ์วิจิตร"

(องฺ.ฉกฺก.22/334/460)

ถามหน่อย คุณโกรธภรรยาแล้ว คุณจะกำจัดความโกรธในใจตนเอง หรือจะกำจัดภรรยาให้หายสาปสูญไป ไหนบอกหน่อยดิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 14 มี.ค. 2011, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 07:51
โพสต์: 132

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เวทนาทางกายเลี่ยงไม่ได้ถ้ายังมีชีวิตอยู่ แต่ทุกข์ทางใจนั้นดับได้ครับ
พึงพิจารณา

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... 572&Z=5634
"พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค"
[๓๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้ว ย่อมเสวยสุขเวทนา
บ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ก็ย่อม
เสวยสุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ใน
ชน ๒ จำพวกนั้น อะไรเป็นความพิเศษ เป็นความแปลก เป็นเครื่องทำให้ต่างกัน
ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ธรรมทั้งหลายของพวกข้าพระองค์มีพระผู้มีพระภาคเป็นรากฐาน
ฯลฯ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ อันทุกขเวทนา
ถูกต้องแล้ว ย่อมเศร้าโศก ร่ำไร รำพัน ทุบอก คร่ำครวญ ย่อมถึงความ
งมงาย เขาย่อมเสวยเวทนา ๒ อย่าง คือเวทนาทางกายและเวทนาทางใจ

...
[๓๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายอริยสาวกผู้ได้สดับ อันทุกขเวทนาถูก
ต้องแล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไร ไม่รำพัน ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความ
งมงาย เธอย่อมเสวยเวทนาทางกายอย่างเดียว ไม่ได้เสวยเวทนาทางใจ


:b24: <ตอนแรกกะว่าจะไม่โพสแล้วนะ>


โพสต์ เมื่อ: 14 มี.ค. 2011, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


อืม
ลูกศรถูกกาย แต่ลูกศรไม่ถูกใจ
เมื่อสุขเกิดก็ไม่ยินดี เมื่อทุกข์เกิดก็ไม่ยินร้าย
อนุโมทนานะครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 80 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron