วันเวลาปัจจุบัน 21 พ.ค. 2025, 16:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 126 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2010, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


6 ตค. 53

จุดหมาย says: เมื่อกี้นี้ตอนเปิดเครื่องขึ้นมาอ่ะนะ ตกใจหมดเลยนะพี่ มีคนเขาออนไลน์ MSN อยู่นะ
เขามีข้อความโพสต์เอาไว้ว่า "ไอ้ควาย" ผมออน MSN ขึ้นมาแล้ว มันเด้งมาพอดีเลยนะ

สุขที่แท้จริง says: เหมาะเจาะเลยย

จุดหมาย says: แหมมมมมม ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

สุขที่แท้จริง says: เพราะเราเป็นควายอยู่แล้วไง กับกิเลสน่ะ ตอนนี้มันยังเป็นนายเราอยู่

จุดหมาย says: วันนี้เจอแต่แปลก ๆ เลยอ่ะ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ แล้วคุณจะเจอะไรที่แปลกๆอยู่เรื่อยๆ

จุดหมาย says: ไม่เชื่อก้อต้องเชื่อเลยนะเนี่ย วันนี้โดนทดสอบอยู่หลายอย่างเลยนะเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: ดูพี่สิวันนี้ขากลับบ้าน นั่งในรถอยู่ จู่ๆจิตเขาพิจรณาเรื่องการปล่อยวาง
พี่รีบค้นหาปากกาใหญ่ ปากาไม่มี เลยได้แต่มองดู ฟังจิตมันบรรยายธรรมแล้วน้ำตาร่วงเพราะเกิดปีติ
กับจิต ว่าจิตนี้ช่างมหัศจรรย์จริงๆ

ทั้งๆที่ทีวีในรถน่ะเสียงดังมากๆ แต่ข้างในกลับสงบ ฟังสิ่งที่จิตเขาบรรยาย
พี่จำได้แค่หลักๆคือ ปล่อยวางแบบอนิจจังนั้นเห็นอนิจจังยังไง ไล่ไปจนถึงอนัตตา
แต่ตอนนี้จำได้แค่หยาบๆ แบบละเอียดจำไม่ได้ ก็เลยปล่อยไป

จุดหมาย says: ว้าว ดีใจจังนะครับ ที่ได้ยินบบนี้หน่ะ

สุขที่แท้จริง says: ดีใจอะไรหรือคะ

จุดหมาย says: ดีใจที่ได้ยินสิ่งดี ๆ จากพี่ไงล่ะครับ เรื่องที่จิตเขาไปพิจารณาเรื่องอนัตตาหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: ก็ยอมรับนะ แว่บแรกรู้สึกเสียดายที่จดไม่ได้ เพราะไม่ได้พกปากกามีแต่สมุด
ต่อไปนี้ต้องพกปากกาด้วย เพราะพักนี้จิตเขาพิจรณาอะไรบ่อยมากกว่าเมื่อก่อน
บทเขาจะเกิดนี่คาดเดาไม่ได้เลย แล้วมีแต่ความรู้ดีๆทั้งนั้น

จุดหมาย says:อืมมนะ ก้อเป็นธรรมดาอ่ะนะพี่ แต่ว่าดีอยู่อย่างนะสิ
ที่เป็นแบบนี้หน่ะ พี่ก้อจะได้รู้ว่าความอยาก ความเสียดายของพี่ยังคงมีอยู่มากน้อยแค่ไหนหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ ได้ดูจิตตัวเอง เออมันทันมากขึ้นนะ แบบรู้ไวมากขึ้น พอรู้มันก็สงบไวขึ้น

จุดหมาย says: พอเปิดปุ๊บ รู้ทันทันทีเลยสินะพี่

สุขที่แท้จริง says: ใช่ เดี๋ยวนี้ไว มันถึงเกิดปีติจนน้ำตาร่วง
ว่าเออธรรมะดีๆแบบนี้หาฟังได้ยากมากๆเขาไล่ไปทีละสภาวะเลย จนถึงอนัตตา ในเรื่องการปล่อยวาง

จุดหมาย says: อืมม เขาเกิดพิจารณาของเขาเองเลยเหรอพี่

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ พี่ไม่เป็นหรอกเรื่องพวกนี้ รู้แค่จากการอ่าน แต่พิจรณาเองน่ะ ไม่เป็นหรอก
แล้วจะไม่ให้น้ำตาร่วงเพราะเกิดปีติได้ยังไง มันรู้สึกซาบซึ้งนะ

จุดหมาย says: รู้ว่าจิตเห็นจิต เป็นแบบนี้นี่เองล่ะสินะพี่

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ สภาวะเขาละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่พี่มีการปรับเปลี่ยนตลอดก็เพราะสภาวะเขามาสอนนี่แหละ

จุดหมาย says: หมายถึงอะไรครับพี่

สุขที่แท้จริง says: คือ ในเรื่องการยึดติด การให้ค่า สภาวะเขาสอนทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าพี่คิดขึ้นมาเอง
จิตเขาสอนตลอดเวลา ก็รู้สึกเสียดายลึกๆนะ ไม่งั้นทุกคนคงได้ฟังธรรมะดีๆที่กล่าวโดยสภาวะ

จุดหมาย says: ผมก้อเคยได้ยินหลวงตามหาบัวท่านเคยเทศน์ให้ฟังเหมือนกันนะครับ
หลวงตาท่านเทศน์ว่า เวลาปัญญาเขาเกิดนะ เขาจะหมุน ๆอยู่ข้างในนะ
และเขาจะพิจารณาธรรมะขั้นสูงไปเรื่อย ๆ เลยนะ

สุขที่แท้จริง says: แบบนั้นแหละเบิ้ม อันนี้เรื่องจริง

จุดหมาย says: ครับ ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ เดี๋ยวเขาก้อมาทดสอบพี่อีกนั่นแหล่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: แรกเริ่มที่พี่รู้จักคือ เรื่องรูป นาม ขันธ์ 5 เรื่องการทำงานของขันธ์ 5 เรื่องอายตนะ
จริงๆแล้วเมื่อก่อนนี้เรื่องพวกนี้พี่ไม่รู้เรื่องเลย พิจรณาก็ไม่เป็น นำมาท่องแทบตายก็ไม่รู้เรื่อง

จุดหมาย says: มาทดสอบจนพี่รู้แจ้ง และเห็นแจ้ง อย่างท่องแท้หน่ะ

สุขที่แท้จริง says: อีกละ แหมๆๆๆๆ มันจะจากหยาบๆก่อนน่ะ แล้วละเอียดขึ้นเรื่อยๆ
อย่างขันธ์ 5 พอรู้แล้ว เหมือนเราผ่ามันออกเลย

การทำงานของขันธ์ 5 ล้วนอยู่ที่ตัวของสติ สติไม่ทัน การปรุงแต่งมันก็ครบ
สติทัน การปรุงแต่งมันก้มีแค่บางตัว ทันมากขึ้น มันก็ดับตั้งแต่กระทบ

จุดหมาย says: ธรรมะเรื่องนี้พี่เจอมานานหรือยังล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: เรื่องขันธ์ 5 เหรอ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says: นานแล้วนะ ปี 49 มั๊ง ต้องไปย้อนอ่าน

จุดหมาย says: ตอนที่จิตเกิดการพิจารณาเรื่องขันธ์ 5 หน่ะ
เขาเกิดขึ้นมาเองเหมือนกับวันนี้เลยสินะครับ

สุขที่แท้จริง says: เปล่าค่ะ อันนั้นเกิดตอนที่นั่งสมาธิ อันนี้เกิดโดยไม่ได้นั่งสมาธิ
แต่จิตเขาเป็นสมาธิขึ้นมาเอง ตอนที่นั่งอยู่ในรถ

จุดหมาย says: กำลังติดต่อกับเจ้าหน้าที่อยู่นะครับพี่ แล้วเวลาผมส่งกิเลสของผมออกไปให้พี่นี่
กิเลสเขาจะกลับมาตอบสนองผมคืนหรือป่าวล่ะครับพี่

ยังอยู่หรือป่าวครับพี่ ท่าทางคืนนี้จะไม่ได้ทำการแก้ไขอีกแล้วล่ะครับพี่
การทำงานของเขาแย่ๆ มาก ๆ เลยนะครับ การประสานงานยังไม่ค่อยดีเลยนะ

สุขที่แท้จริง says: ไม่เป็นไรค่ะ ฝ่ายบริการเขาน้อย

จุดหมาย says: เมื่อกี้นี้กิเลสเลยโผล่ออกมาให้เห็นแบบจะ ๆ เลยนะเนี่่ย

สุขที่แท้จริง says: ตกลงเจ้าหน้าที่ไม่ว่างใช่ป่ะ

จุดหมาย says: อืมม เจ้าหน้าที่ที่เขาสามารถทำงานด้านนี้ได้เขาไม่ทำงานกันนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่เป็นไรค่ะ

จุดหมาย says: ไม่เหมือนกับวันนั้นนะ วันนั้นเขาติดต่อผมมาช่วงกลางวันนะ
แต่เมื่อวานกับวันนี้เขาไม่ติดต่อมาเลย เมื่อกี้นี้ผมเลย complain เจ้าหน้าที่เขาไปอ่ะนะ
ว่าถ้าหากว่าวันพรุ่งนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่มา support อีก ผมไม่พอใจในการให้บริการของคุณมาก ๆ เลย

สุขที่แท้จริง says: จริงๆแล้วมันคือปัญหาของเขา เพราะไม่ได้มีพี่คนเดียวที่เป็นแบบนี้
ใครใช้ทรูต้องเป็นหมด

จุดหมาย says: อืมม คิดว่านะครับ เพราะว่าคนใช้บริการเยอะนะ
ผมคิดไปเองนะว่า ยิ่งคนใช้งานเยอะ มีปัญหาเยอะ คนทำงานตรงนี้เขาเจอคนโทรเข้าไปหาบ่อย ๆ

สุขที่แท้จริง says: เรื่องธรรมดาค่ะ เหมือนมีคนรักก็ต้องมีคนชัง การทำงานก็เหมือนกัน
ยิ่งใช้งานมาก สิ่งเหล่านี้จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน ถึงได้มีการแข่งขันกัน

จุดหมาย says:

อ๋อ ผมพอจะนึกอะไรออกแล้ว กับคำว่า "ไอ้ควาย" ที่ผมบอกไปเมื่อกี้หน่ะ
พี่ก้อเคยโดนด่ามาเหมือนกันนี่น่ะ

แต่ว่าของพี่นี่น่ากลัวกว่าของผมนะ เหตุการณ์นี้ผ่านมานานแล้วสินะพี่

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ อย่าถามนะ จำไม่ได้

จุดหมาย says: ไม่ถามหรอกครับ เพราะว่าพี่มีเรื่องเยอะอ่ะ จำไม่ค่อยได้หรอก

สุขที่แท้จริง says: ช่ายยย

จุดหมาย says: ขออธิฐานให้ธรรมะดี ๆ จงบังเกิดขึ้นทั้งพี่และผมนะครับ
พรุ่งนี้จะได้เอามาสนทนาธรรมกันได้นะ

สุขที่แท้จริง says: แหมม อธิษฐานอะไรคะ ไม่มีอะไรที่จะได้หรอกค่ะ
การอธิษฐานต้องรู้จักอธิษฐานนะคะ รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ในสภาวะของตัวเอง

จุดหมาย says: ครับ แบบไหนล่ะพี่ ช่วยแนะนำหน่อย

สุขที่แท้จริง says: อฐิษฐานทุกๆครั้งนะ ไม่ว่าจะหลังปฏิบัติหรือทำทานสร้างกุศลใดๆก็ตาม
อธิษฐานว่า ขอให้ข้าพเจ้าปฏิบัติ ได้เกิดปัญญาญาณ ได้บรรลุมรรคผล ล่วงพ้นบ่วงมาร
เห็นแจ้งในพระนิพพาน ในปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ

เมื่อก่อนพี่ไม่ได้อธิษฐานแบบนี้ พี่ขอในเรื่องที่ทำงานที่มีสัปปายะพร้อมในการปฏิบัติ
10กว่าปีแน่ะถึงจะได้แบบนี้

จุดหมาย says: อืมมครับ แต่ก้อคุ้มค่านะพี่

สุขที่แท้จริง says: ใช่ แล้วถึงมาอธิษฐานแบบที่ใช้ในปัจจุบัน

จุดหมาย says: ผลของการอธิษฐานส่งผลมาให้ตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่หน่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เรื่องรวย สวย ดี อยากมีปัญญาน่ะ มันต้องทำเอาเอง ไม่ต้องไปอธิษฐานหรอก
รวยก็กิเลส ดีก็กิเลส สวยก็กิเลส มีปัญญาแต่ขาดศรัทธาก็ตัวกูมันเยอะใครสอนไม่ได้

จุดหมาย says: คำอธิษฐานเมื่อกี้นั้น เป็นคำอธิษฐานที่ใช้บ่อย ๆ ในปัจจุบันนี้เลยเหรอครับ
เป็นคำอธิษฐานที่ดีมากครับ

สุขที่แท้จริง says: อธิษฐานแบบนี้แล้วทำให้เกิดกำลังใจในการปฏิบัติ
มันไม่มุ่งหวังทางโลก มันตรงแหนวไปทางธรรมอย่างเดียว

จุดหมาย says: ครับ เห็นด้วยนะครับ เป็นส่วนเสริม เพิ่มกำลังใจได้ดีเลยทีเดียวนะครับ

สุขที่แท้จริง says: บางทีเบื่อนะ แต่พอจิตมันพิจรณา มันก็เจอแบบนี้มาตลอด เบื่อๆสุขๆ หายๆ
มันไม่ทุกข์แบบเมื่อก่อน ได้แค่นี้บุญหัวแล้ว ใช้ชีวิตแบบอิสระ มีความสุข สุขจนเบื่อมีที่ไหน

จุดหมาย says: อ๋อครับ เจอวน ๆ เวียน ๆ ไป ๆ มา ๆ แต่เรื่องเดิม ๆ นะสินะ

สุขที่แท้จริง says: นอกเหนือจากสุขมันคืออะไรล่ะ มันแค่รู้ จะไปเอาอะไรกับมัน

จุดหมาย says: ความเป็นอิสระนี่เป็นอะไรที่ใคร ๆ ก้อปรารถนากันทั้งนั้นเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เดี๋ยวนี้เลย สุขก้รู้ เบื่อก้รู้ มันไม่เที่ยง

แดนสุข คือ จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ ไม่อยากได้อะไรอีกแล้วอ่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: เบื่อมากๆรู้กายไป รู้อยุ่ในกายมันก้ทำให้หายเบื่อได้
บางทีมันดับในสมาธิก็ดีนะ มันหายไป แต่ก็ไม่ไปยึดติดกับมันแค่รู้ ดับก็ดับ แว๊บๆหายๆผลัดกลับมารู้กาย

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ เคยเป็นบ้างเหมือนกันครับ
ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่เพียงเศษเสี้ยวเพียงน้อยนิดนะครับ

สุขที่แท้จริง says: อย่างวันนี้มันดับไปสองชม. ครั้งนี้นาน
หลังจากที่มีสมาธิมากขึ้น เห็นไหมของเคยทำ ของเคยมี จิตเขารู้ทาง

จุดหมาย says: เมื่อตอนกลางวันนะเหรอพี่

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เราไม่ไต้องไปเจาะจงทำแต่อย่างใดเลย

จุดหมาย says: ดับไปแบบว่าไม่มีความรู้สึกกาย เลยนะเหรอ
อ๋อครับ ถือว่านานอยู่เหมือนกันนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เมื่อก่อนตอนที่สมาธิเยอะๆน่ะ ดับทีหลายชม. ออกมานี่สดชื่นสุดๆ

จุดหมาย says: พี่เคยแบบว่าตอนที่กำลังอยู่ในสมาธิตอนที่ดับ ๆ อยุ่แล้ว มีคนมาหาบ้างมั้ย

สุขที่แท้จริง says: มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพี่นะ มีคนบอกว่าเคยมาหาพี่
เรียกแล้วพี่เฉย เขาเลยไปก่อน แล้วกลับมาใหม่ทีหลัง
มันไม่ได้ยินหรอก สมาธิมันแรง แล้วเขาจะคลายตัวของเขาเอง

จุดหมาย says: หมายถึงตอนนั้นเขาไม่ได้มาอยู่ในห้องหรอกหรือ

สุขที่แท้จริง says: พี่มีห้องทำงานส่วนตัว เขามาหา

จุดหมาย says: พี่มีสมาธิแบบว่า หลับตา หรือว่าลืมตาอยุ่ล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: อีกละ ดับนี่มันจะลืมตาได้ไง ถามพิกล

จุดหมาย says: อ๋อ ผมก้อคิดว่าแบบว่าลืมตาอยู่ แบบว่าจิตเขาวางเฉยอ่ะนะพี่

สุขที่แท้จริง says: ไม่มีหรอก นั่นหูตึงแล้ว มีแต่ได้ยินแล้วอาจจะไม่ตอบ
เพราะกำลังอิ่มเอมในสมาธิในตอนลืมตานี่แหละสมาธิเขาเกิดได้

จุดหมาย says: อ๋อครับ แบบนี้สินะที่ว่า เป็นอัปปนาสมาธิหน่ะ แบบว่าดับ ๆ แล้วไม่ได้ยินอะไรเลย

สุขที่แท้จริง says: แหมมม พ่อเจ้าปะคุ๊นนนน
อัปปนาน่ะ เคยอธิบายหลายครั้งแล้วนะ อย่าไปสนใจหาคำเรียกเลย

จุดหมาย says: ครับ พี่เคยได้ยินใครบอกแบบนี้หรือป่าวครับ
พอดีมีอยู่วันหนึ่งผมไปอ่านเจอในเวบ อ่ะนะ ที่ว่าคนที่เขาเข้าณานได้อ่ะนะ
เวลาที่พูดอะไรมาแล้ว วาจานั้นจะศักดิ์สิทธิ์ เพราะเปรียบเสมือนเทพ อะไรประมาณนี้แหล่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: อย่าไปสนใจเลย คนที่รู้น่ะ เขาไม่ว่าใครหรอก

จุดหมาย says:ครับ เข้าใจนะครับ

สุขที่แท้จริง says ทุกอย่างน่ะ มันแล้วแต่เหตุ เหตุที่ต้องเป็นแบบนั้น
ไม่ใช่พอใครๆมาว่า เมื่อเป็นแบบนั้นก็ไปคิดว่าได้ฌาน นั่นน่ะงมงาย
หรือพอไปว่าใครแล้วเขาเป็นไปตามนั้น และไปคิดว่าตนเองนั้นได้ฌาน นั่นก็งมงาย

จุดหมาย says: ครับเข้าใจที่พี่บอกนะครับ แบบนี้หน่ะ โดนกิเลสเข้าไปแล้ว ยังเฉยนะสินะ

สุขที่แท้จริง says: ทุกอย่างมันมีเหตุ

จุดหมาย says: ครับ คาดคิด คาดเดาเอาเอง

สุขที่แท้จริง says: หารู้ไม่ ว่าเขาน่ะ เท่ากับตัวเองสร้างเหตุใหม่ให้เกิดแล้ว นี่ความโง่หลุดออกไปแล้ว

จุดหมาย says: ครับ เรียกว่า เสียโง่ เข้าไปแล้วเต็มเปาเลยสินะ

สุขที่แท้จริง says: โง่กับการก่อเหตุที่เป็นการก่อภพก่อชาติขึ้นมาใหม่ ทุกอย่างมันมีเหตุ
ใครทำยังไง ไม่ว่าดีหรือชั่ว เขารับผล เพราะเขาทำตัวเขาเอง ไม่ใช่เพราะปากของคนอื่นๆ

ใครที่บอกว่าได้ฌาน แล้วทำแบบนั้นนะ อย่าไปเชื่อ
เขาเอากิเลสที่เขาอยากมี อยากได้ อยากเป็นมาอวด

แดนสุข คือ จุดหมาย says: วันนี้เริ่มพอเข้าใจเรื่องเหตุที่พี่บอกมาบ่อย ๆ นะ เกิดขึ้นกับตัวเองนี่แหล่ะ
วันนี้ตอนอยู่ที่ทำงานโดนหัวหน้า มากดดันอ่ะนะ
มานั่่งนึกย้อนดูแล้ว มันเหมือน ๆ กับเราไปกดดันเจ้าหน้าที่ ทรูเขาเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: มีเหมือนกันนะ ฌานที่เป็นมิจฉาสมาธิ

จุดหมาย says: ไม่เชื่อก้อต้องเชื่อล่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: เห็นไหม นี่เป็นฝึกคิดพิจรณา ตีหนึ่งกว่าแล้วนะ ไปละ ไม่รอละ

จุดหมาย says: ไปนอนกันดีกว่านะ

สุขที่แท้จริง says: เห็นใจเจ้าหน้าที่เขา

จุดหมาย says: เขาไปแล้วล่ะพี่ ผมลืมบอกนะ

สุขที่แท้จริง says: เห็นใจตัวเองด้วย พรุ่งนี้รับปากเขาไว้ จะทำกับข้าวให้เขากัน

จุดหมาย says: มัวแต่คุุยกันเพลิน ๆ นะ

สุขที่แท้จริง says: ทั้งปีเลยยย

จุดหมาย says: รับปากใครกันล่ะ

สุขที่แท้จริง says: ที่ทำงานค่ะ

จุดหมาย says: อ๋อ ครับ เขาคงชอบอาหารที่พี่ทำกันนะ

สุขที่แท้จริง says: ผัดผักของ พี่จะมีเครื่องเคียงน่ะ มีโปรตีนเกษตรทอดกรอบเม็ดกำลังกิน
และถั่วลิสงทอดเม็ดใหญ่ กินกับผัด บางร้านทำไม่อร่อยหรอก ผักช้ำหมด ไม่กรอบ

จุดหมาย says:
อืมมครับ เพราะว่าเขาทำปริมาณมาก ๆ นะสิ รสชาติมันเลยไม่อร่อย และดูไม่น่าทานด้วย

สุขที่แท้จริง says: ทำขายนะ อย่างว่าแหละ เอานะ แล้วแต่เหตุของคนกิน
พี่คงสร้างเหตุมาหลายๆด้าน จึงต้องบริการคนอื่นๆ

จุดหมาย says: อืมมมนะ อย่างว่าแหล่ะพี่ ต้องยอมรับผลทีเกิดนะ

สุขที่แท้จริง says:

นั่นแหละ แล้วจะมีความสุขกับการให้

จุดหมาย says: ไปนอนกันเถอะพี่ เดี๋ยวพี่จะทำอาหารไม่ได้คุณภาพนะ

สุขที่แท้จริง says: แหมมม คำนี้นะ อย่าไปพูดกับสาวที่ไหนล่ะ ไปนอนกันเถอะ

จุดหมาย says: แหมมมมมมมมม ผิดนิด ผิดหน่อยไม่ได้เลยนะ เรื่องแบบนี้หน่ะ

สุขที่แท้จริง says: ฝึกไว้ค่ะ วันหน้าไม่มีพี่ คุณจะคิดถึงสิ่งต่างๆที่พี่พูดไว้ทั้งหมด
ไม่มีใครมาแนะแนวทางทุกอย่างให้กับคุณแบบนี้หรอก

จุดหมาย says: อืมมมครับ ตอนนี้เก็บเร็คคอร์ดไปทีละนิดนะครับ
นั่นสินะ ไม่มีหรอกนะ หาได้ยากมาก ๆ เลยนะ ผมคงมีกุศลมาบ้างล่ะนะพี่ ถึงได้รับโอกาสเช่นนี้หน่ะ

สุขที่แท้จริง says:
นับว่าเป็นเหตุของคุณที่มาเจอพี่ตอนสภาวะเริ่มละเอียดมากขึ้น ดีไม่มาเจอก่อนๆนี้ ยังมีปริ๊ดดดด

จุดหมาย says จริงสิ ถือว่าผมยังโชคดีนะครับเนี่ย ต้องของคุณเหตุที่เคยก่อเอาไว้ก่อนหน้านี้นะครับ

สุขที่แท้จริง says: ทุกอย่างมีเหตุค่ะ เคยสร้างเหตุร่วมกันมา จึงมาเจอกัน

จุดหมาย says: ปิดไล่แล้วสินะเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: แหมมม มันเรื่องจริง ไม่ต้องไล่หรอกค่ะ สุดท้ายมันก็จบตรงนี้แหละเหตุ

จุดหมาย says: อืมมนะ เข้าใจในเหตุแล้ว ทุกอย่างก้อจบกัน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2010, 01:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


7 ตค. 53

สุขที่แท้จริง says: ช่างจะมาที่บ้านเองหรือคะ

จุดหมาย says: ตอนนี้ยังไม่ได้นัดนะครับ แต่เมื่อตอนเย็นนี้ได้คุยกับเจ้าหน้าที่บางคนแล้ว
เขาบอกว่าเจ้าหน้าที่่ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่เรากำลังเจอกันอยู่ขณะนี้นั้น
ทำงานเหมือนกับพนักงานออฟฟิศนะครับ

แต่่ผมรอให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเขาโทรมาหาก่อน ถึงจะบอกได้ว่าเขาต้องเข้าไปที่บ้านของพี่
หรือป่าว ต้องให้ได้คุยกันซักครั้้งนึงก่อนนะ ตอนนี้ยังไม่มีใครโทรกลับมาหาเลยครับ อุตสาห์ย้ำนัก
ย้ำหนา ว่าช่วยให้เจ้าหน้าทีโทรกลับมาหาหน่อยนะ นับวันยิ่งเห็นการให้บริการที่แย่ ๆ ของเขาแล้วล่ะนะ


สุขที่แท้จริง says: ไอทีเป็นแบบนี้จริง ต้องมี ต้องได้ ต้องเสร็จ

จุดหมาย says: อ่ะนะ แบบนี้เค้าเรียกว่า กิเลสอะไรอ่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: พี่เห็นที่ทำงานพี่ เจ้าหน้าที่ไอทีก็เป็นแบบนี้แหละ

คือ จุดหมาย says: ทั้งเขา และ เรา ไม่แตกต่างกันหรอกครับ

สุขที่แท้จริง says: มันเป็นงาน โดยอุปนิสัยของงาน คือ พี่เข้าใจค่ะ
ถึงบอกไงคะว่าเหตุของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

จุดหมาย says: อืมมครับ พอจะเริ่ม ๆ เข้าใจนะครับ

สุขที่แท้จริง says: มันก็เหมือนกับการปฏิบัตินี่แหละ ไม่แตกต่างเลย ที่แตกต่างคือเหตุ

แดนสุข คือ จุดหมาย says: แบบไหนล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: การไต่เต้าของเนื้องานไงคะ

จุดหมาย says: อ๋อ ต้องเริ่มทำก่อนนะครับ แล้วจะเห็นรายละเอียดปลีกย่อยเข้าไปเรื่อย ๆ นะ

สุขที่แท้จริง says: เราไม่ชอบสิ่งใด จงอย่าทำเช่นนั้นกับเขา จงให้เวลากับทุกๆคน
งานอาจจะเสร็จช้าไปบ้าง แต่อย่างน้อยคนที่ทำเขายังได้หายใจบ้าง

จุดหมาย says: อืมมมนะ ครับ เข้าใจนะครับ แต่ว่าก้ออย่าชักช้า มากเกินไปนะครับ

สุขที่แท้จริง says: คือมันยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ทางออกนั้นมี

จุดหมาย says: รับ ก้อแล้วแต่ case นะครับ เราจะไปบอกแบบนั้นไปซะทั้งหมด ไม่ได้หรอกครับ

สุขที่แท้จริง says: เข้าใจค่ะ พี่หมายถึงตัวพี่เอง ส่วนตัวคุณนั่นอีกเหตุ
คุณไปตามจี้เขา คุณเองก็จะโดนคนอื่นๆจี้ต่อ

จุดหมาย says: อ่ะนะ ใช่ ๆ เลยอ่ะนะพี่ ช่วงนี้โดนจี้ ๆ เรื่องงานบ่อย ๆ เลยนะ งานเข้าเยอะ

สุขที่แท้จริง says:จำไว้เลยค่ะ สภาวะเขามาสอนแบบจะะๆ เพียงแต่คุณจะมีสติที่จะมองเห็นได้ทันไหม

จุดหมาย says: วันนี้ก้อมีเรื่องของความไม่เที่ยงที่เห็นได้ชัดเจนมาก ๆ เลยนะครับ
เรื่องของงานนี่แหล่ะ

สุขที่แท้จริง says: มันมีตลอดเวลาค่ะ เพียงแต่สติคุณจะทันตอนไหน ทันตอนไหนย่อมเห็นณเวลานั้นๆ

จุดหมาย says: อืมม วันนี้เกิดความคิดขึ้นมาเรื่องหนึ่งนะครับ
เกิดไปฟิจารณาความแตกต่างระหว่าง ความอยาก กับ ความตั้งใจ
ทั้งสองอย่างนี้มีความเหมือนกัน หรือแตกต่างกันหรือไม่ครับ ตามความคิดของพี่หน่ะ

สุขที่แท้จริง says: อีกละ

จุดหมาย says: ว่าแล้วเชียว อิอิ

สุขที่แท้จริง says:
ทำไมไม่เรียนรู้ด้วยตัวเองล่ะคะ สภาวะเขาจะสอนคุณเอง ให้มันเป็นไปตามความเป็นจริงจะดีกว่านะคะ

จุดหมาย says: อืมม ผมมีคำตอบของผมแล้วล่ะนะ แต่ผมแค่อยากทราบความเห็นของคนอื่น ๆ

สุขที่แท้จริง says: คุณต้องดูตามสภาวะ ไล่ไปตามสิ่งที่เกิดขึ้น
บางครั้งความตั้งใจก็เจือด้วยความอยาก บางครั้งความตั้งใจก็ทำให้จิตตั้งมั่น โดยไม่ได้ไปอยาก

เหมือนงานที่คุณทำ เหมือนการปฏิบัติ คุณต้องดูลงไปที่จิตของตัวเองว่า
ขณะนั้นรู้สึกอย่างไรกับสภาวะที่กำลังทำอยู่และที่กำลังรู้อยู่ในขณะนั้นๆ

เหมือนกับการทำความเพียร คุณเพียรเพราะรู้ หรืออเพียรเพราะความอยากล่ะ
มันแยกได้นะคะ อันนี้แค่กิเลสแบบหยาบๆค่ะ แต่ถ้าถามพี่นะ คุณแค่รู้ไปดีกว่าจะไปให้ค่า
เพราะมันจะกลายเป็นความสงสัยและกลายเป็นความฟุ้งซ่านไปในที่สุด

จุดหมาย says: ถ้ามีกำลังสติที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว จะเห็นกิเลสที่ละเอียดได้เองนะสิครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ มันจะเห็นเอง เพราะตัวสัมปชัญญะมีกำลังมากขึ้น สมาธิตั้งมั่นได้มากขึ้น

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ ความฟุ้งซ่านเริ่่มต้นเกิดขึ้นมาก้อด้วยเหตุแบบนี้แหล่ะนะครับ

สุขที่แท้จริง says: จำได้ไหม รู้ตัว รุ้สึกตัว รู้ชัด รู้แจ้งคือเห็นตามความเป็นจริง

จุดหมาย says: ครับ มีอะไรมากระทบ แค่ให้รู้ และดู ๆ ไป
หากเกิดมีความสงสัย ก้อให้แค่รู้ว่าสงสัย หรือจะนำไปพิจารณาก้อได้ แล้วแต่เรานะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ มันไม่เที่ยง จะอะไรยังไงก็ได้ แล้วแต่เหตุของแต่ละคน มันไม่มีข้อจำกัด

จุดหมาย says: แต่สุดท้ายแล้ว ขอให้มารู้อยู่ที่กายเป็นหลักนะสิครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: ครับ เริ่มพอจะเห็นทางครับ
ที่พี่บอกว่า ดับในสมาธิหน่ะ เป็นอย่างไรอ่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: ไม่รอเจอด้วยตัวเองล่ะคะ สักวันคุณต้องเจอเมื่อกหำลังของสมาธิมีมากขึ้น
ฟังพี่เล่า เดี๋ยวคุณก้นำไปเทียบเคียงอีก วันนี้ก็ดับไปอีกสามชั่วโมงครึ่ง

พี่พอจะรู้สาเหตุของการไม่นอนกลางคืนละ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอน ปฏิบัติทั้งคืน มันไม่ยอมหลับ

จุดหมาย says: อืมมครับ ผมสงสัยอ่ะนะ คือว่าวันนี้หน่ะ

สุขที่แท้จริง says: มีอะไรหรือคะ

จุดหมาย says: ตอนอยู่ที่ทำงานอ่ะนะ เอาโทรศัพท์วางเอาไว้บนโต๊ะ ตรงใกล้ ๆ กับตัวเองนั่นแหล่ะ
ตอนนั้นจิตเขารุ้ลมหายใจได้ดีครับ มีคนโทรศัพท์มาหา แต่ผมไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์อ่ะดิ
มาดูอีกทีหน่ะ อ้าวใครโทรมาหาผมตอนไหน เมื่อไหร่ล่ะ

สุขที่แท้จริง says: อ๋อ เป็นได้ค่ะ สมาธิเกิดได้ตลอดเวลา
เหมือนที่ตั้งนาฬิกาปลุก พอครบเวลาแต่ไม่ได้ยินเสียง มันแค่ชะแว๊บค่ะ
คือไปเพลินกับความสงบที่เกิดขึ้น หรือไม่ก็ไปเพลินรู้กับการอยู่กับกาย

จุดหมาย says: นั่นอ่ะดี พอดีเมื่อคืนที่เราคุยกันอ่ะนะ
จำได้ว่าพี่บอกว่าดับในสมาธิ ก้อเลยลองเอามาถามดู

สุขที่แท้จริง says: มันคนละอย่างกัน ไม่ใช่แบบนั้น
สมาธิคุณน่ะยังแค่ขี้ปะติ๋วเอง จะไปดับแบบพี่ได้ยังไง

จุดหมาย says: นั่นนะสิครับ ผมเลยไม่เข้าใจว่าคืออะไร

สุขที่แท้จริง says: อธิบายไปแล้ว หวังว่าคงเข้าใจมากขึ้นนะคะ

จุดหมาย says ครับ พอจะเข้าใจอ่ะนะ คือว่า เพลินอยู่กับการรู้กาย
ทำให้ไม่สามารถรับรู้ ต่อสิ่งที่มากระทบจากภายนอก ในชั่วขณะหนึ่ง

สุขที่แท้จริง says:

ต่ะ ถ้ารู้กับกายได้ชัด ข้างนอกการรับรู้จะตัดออกหมด
ใช่ค่ะ แบบนั้นแหละ

จุดหมาย says: ครับ เริ่มเข้าใจนะครับ วันนี้รู้สึกว่าตัวเองรู้กายได้บ่อย ๆ นะครับ
จิตเลยไม่ค่อยสะทกสะท้านต่อสิ่งภายนอกมากนัก

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: มีอะไรมากระทบปั๊บ จิตเขานิ่ง ๆ เลย สงบอยู่ในกายของตน

สุขที่แท้จริง says: เกิดจากกำลังของสมาธิที่ว่านิ่งๆน่ะ คือจะว่าสมาธิอย่างเดียวก็ไมได้
ต้องหมายถึงทั้งสามตัวเขาทำงานร่วมกัน ยิ่งกำลังของสมาธิมีมากเท่าไหร่ ยิ่งรู้กายได้ชัดมากขึ้นเท่านั้น
ข้างนอกจะตัดหมด ส่วนสภาวะของการดับน่ะ จะอธิบายให้ฟังนะคะ

เรียกว่าขณะที่คุณรู้อยู่กับกายได้ชัด คุณจะรู้สึกถึงกำลังของสมาธิที่หนักหน่วงแนบแน่น
เคยเห็นเวลาเราสับคัทเอาท์ไฟไหม ตัวใหญ่น่ะ สับทีเดียวไฟดับหมดทันทีสภาวะนี้ก็เช่นกัน

ขณะที่คุณมีจิตจดจ่อรู่อยู่ในกายได้ดี มันจะดับไปทันทีแบบคุณไม่รู้ตัว
จะรู้สึกตัวอีกทีคือสมาธิอ่อนกำลังลง อันนี้ดูที่เวลาได้ค่ะ
ส่วนจะดับมากหรือน้อยนั้นได้นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่ที่กำลังของสมาธิ

แล้วที่ว่าดับนั้น คือ ดับทั้งนอกและใน ต่อใครๆมาเรียกคุณก็จะไม่ได้ยิน
จนกว่าสมาธิเขาจะคลายตัวของเขาเอง สภาวะดับมันมีหลายสภาวะนะคะ ไม่ใช่มีแบบนี้แบบเดียว

เหมือนกับคำว่า สมาบัติ ฌานสมาบัติ ผลสมาบัติ นิโรธสมาบัติ
นี่คือความแตกต่างในการดับของแต่ละสภาวะ

จุดหมาย says: ครับ แต่ว่าหลัก ๆ เป็นแบบนี้หรือป่าวครับพี่ คือแน่นิ่ง และ สงบ

สุขที่แท้จริง says: อันนี้สมาธิหัวตอหรือมิจฉาสมาธิค่ะ คือขาดการรู้สึกตัว

จุดหมาย says: อ๋อครับ ต้องมีความรู้สึกตัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยล่ะสินะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ

จุดหมาย says: สมาบัติ ฌานสมาบัติ ผลสมาบัติ นิโรธสมาบัติ ทั้งหมด ทั้งมวล
ที่พี่ยกมาให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของการดับนี้ ต้องมีความรู้สึกตัวมาเกี่ยวข้องทั้งหมดเลยใช่หรือป่าวครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ความรู้สึกตัวของแต่ละสภาวะไม่เหมือนกัน

จุดหมาย says: ยกตัวอย่างให้เห็นซักหน่อยสิครับพี่

สุขที่แท้จริง says: พอแล้ว ต้องให้คุณเจอกับตัวเองก่อน แล้วพี่จะอธิบายให้ฟังค่ะ
ถ้ายังไม่เจอกับตัวเอง จะกลายเป็นว่า ถ้ามีสภาวะใดเกิดขึ้น คุณจะไปน้อมเอาคิดเอาเอง

จุดหมาย says: ครับ ได้นะครับ แล้วจะเอามาคุยด้วยกัน หลังจากที่ผมได้เจอสภาวะนั้นมาแล้ว

สุขที่แท้จริง says: เอาไปแค่ตัวอย่างแค่นั้นก่อนพอค่ะ

จุดหมาย says: ครับ ได้ครับ อย่างน้อย ๆ ขอให้เอาเก็บไว้ในส่วนหนึ่ง ส่วนใด ของจิตของผม
เอาไว้ก่อนนะครับ เมื่อใดผลเกิด แล้วค่อยนำออกมาใช้งาน

สุขที่แท้จริง says: จริงๆแล้วมันก็แค่คำเรียกอ่ะนะ ถ้าไปยึดติด มันก็ทำให้รู้สึกเหิมเกริม ทำให้กลายเป็น
กิเลสไปทันที ทั้งๆที่มันไม่ใช่โดยสภาวะ แต่เพราะการให้ค่าตามบัญญัตินี่แหละ ที่ทำให้เป็นกิเลสไป

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งนะ
กำลังของสมาธินี่ช่างเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เลยนะ ที่จะนำพาเราก้าวข้ามไปยังที่ต่าง ๆ ได้หน่ะ

สุขที่แท้จริง says: จิตน่ะ เขามีอะไรให้เรียนรู้เยอะมากๆ เพียงแต่อย่าไปหลงให้ค่า ถ้าไปหลงให้ค่า
สภาวะจะเปลี่ยนไปตามที่เราให้ค่าทันที แทนที่สภาวะเขาจะดำเนินไปต่อเนื่อง

จุดหมาย says: เมื่อเราหลงเข้่าไปให้ค่าแล้ว ก้อคือการตอบโต้ที่ดี ๆ นี่เองล่ะสิ
 
พี่พอจะรู้สาเหตุของการไม่นอนกลางคืนละ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอน ปฏิบัติทั้งคืน มันไม่ยอมหลับ ...........
สาเหตุคืออะไรเหรอพี่

สุขที่แท้จริง says: สมาธิมันมาก สติมันดี มันก็เลยเป็นแบบนี้ ต้องถ่ายเทออก มันไม่สมดุลย์

จุดหมาย says: ถ่ายเทด้วยวิธีการปฏิบัตินี่เหรอพี่

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: คือ เดินจงกรมให้มาก ๆ หรือว่าทำอะไรเป็นพิเศษ

สุขที่แท้จริง says: เมื่อคืนมีหลับไปแค่แว๊บเดียว นอกนั้นปฏิบัติยาว
เปล่าค่ะก็เดินสลับนั่ง แต่รอบดึกตีสี่แล้ว นั่งยาวถึงหกโมงเช้า

จุดหมาย says: จริงสิ ไม่รู้สึกง่วงนอน และเหนื่อยเพลีย บ้างเลยเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ค่ะ

จุดหมาย says: อ๋อ ๆ ที่บอกว่าวันนี้ดับไปอีก 3 ชั่่วโมงกว่า ๆ นะเหรอ

สุขที่แท้จริง says: อันนี้มันสภาวะของตอนกลางวัน มันเป็นของมันเอง
พี่เคยเจอสภาวะนี้มาแล้วเมื่อก่อนนี้ ตอนที่มีสมาธิมากๆน่ะ
สภาวะมันต่อเนื่องกันนะเบิ้ม มันเอื้อซึ่งกันและกัน มันถ่ายเทจริง แต่มันไปสะสมในการดับ

จุดหมาย says: อ๋อ ๆ พอเคยเจอสภาวะนี้มาแล้ว คราวนี้ก้อเลยได้แค่รู้ แค่ดูเท่านั้นสิ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ คือเรารู้แล้ว เลยไม่ไปหาเหตุ
เมื่อก่อนน่ะยังไม่รู้ หาเหตุอยู่นั่นแหละว่าเพราะอะไร

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหน้านี้ พี่คงสงสัยล่ะสินะ
คงไปหาเหตุหล่ะสิว่าเป็นเพราะอะไรหว่า

สุขที่แท้จริง says: วันก่อนพี่บอกกับคุณว่าเพราะนอนหลังเที่ยงคืนจึงทำให้นอนไม่หลับ
พอมาเจอสภาวะดับสองวันติดๆเลยรู้แล้วว่านอนไม่หลับเพราะอะไร

จุดหมาย says: อืมม ถึงบางอ้อเลยสินะพี่

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ อ้อแล้วก็จบ

จุดหมาย says: ปกติถ้าเจอสภาวะแบบนี้แล้วจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ ติด ๆกันเลยมั้ยพี่

สุขที่แท้จริง says: แต่ตอนนี้ต้องระวังตัวในที่ทำงาน กลัวคนเข้ามาหาแล้วเราไม่ได้ยินอีก
มันมีใบเม้นไปนะ เดี๋ยวเขาหาคนใหม่ล่ะยุ่งเลยย

จุดหมาย says: สร้างเหตุเอาไว้แล้วนี่นะ

สุขที่แท้จริง says: แต่ยังไงก็ตาม เหตุมี ผลย่อมมี อยู่กับปัจจุบัน พยายามปรับตัวเอง
ไม่ให้ใครๆมาว่าได้น่ะดีที่สุด

จุดหมาย says: มีเม้นท์ไปหาฝ่ายบุคคลบ่อย ๆ เหรอพี่

สุขที่แท้จริง says: ครั้งเดียวค่ะ

จุดหมาย says: นานหรือยังล่ะ

สุขที่แท้จริง says: นานแล้ว เมื่อก่อนนี้ไง ตอนที่มีสมาธิเยอะๆ ช่วงนั้นมันดับในสมาธิบ่อย

จุดหมาย says: ดับที ดับนานเลยสินะ ถึงได้มีเม้นท์เกิดขึ้นหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: ประมาณนั้น ดับตั้งแต่เช้าถึงเย็น หลายชม.

จุดหมาย says: โอ้โห นานจังนะ

สุขที่แท้จริง says: เมื่อสมาธิมีกำลังมากไง มันถึงดับได้นาน

จุดหมาย says: สภาวะนี้เกิดขึ้นกับพี่มานานหรือยังครับ

สุขที่แท้จริง says: นานแล้ว ก่อนที่จะเจอสภาวะสมาธิหายหมดเกลี้ยง

จุดหมาย says: ประมาณกี่ปีล่ะพี่ พอจะจำได้หรือป่าว

สุขที่แท้จริง says: ไปหาอ่านในบล็อกเอาเองเถอะ น่าจะปีที่แล้วหรือปีก่อน ไม่แน่ใจนะ พี่ไม่ค่อยจำ

จุดหมาย says:
สภาวะที่มาแสดงให้พี่เห็นนี่ สุด ๆ ไปเลยนะ สอนให้เห็นเรื่องของความไม่เที่ยง อย่ายึดติดได้ดีมาก ๆ

สุขที่แท้จริง says: เขาสอนตลอดเวลา แม้แต่คุณเองก็ตาม แต่อยู่ที่ว่าสติจะทันเห็นมั๊ยเท่านั้นเอง
การที่มีสติ สัมปชัญญะ สมาธิดี เป้นเหตุให้จิตรู้อยู่ในกายได้มากเท่าไหร่
คุณจะเห็นตามความเป็นจริงมากขึ้น แล้วจะเห็นความไม่เที่ยงตลอดเวลา

จุดหมาย says: ครับ สภาวะแต่ละสภาวะเขามาเป็นครูสอน และครูทดสอบเราอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะสิ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เรามีหน้าที่คือเรียน อย่าให้ค่า

จุดหมาย says: ช่วงนี้ผมสังเกตุมาหลายทีละ ว่าเวลาไปนั่ง ๆ ที่ไหนๆ
จะรุ้สึกเรื่องของเวทนาเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ นะ บางทีก้อรุ้สึกร้อนผ่าว บริเวณที่เท้าเราไปสัมผัสกับพื้นอ่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: เข้าใจค่ะ

จุดหมาย says: วันไหนเวลาเขาเกิด ถ้าสติดี ก้อแค่ตามดูเวลาเขาเกิด เขาดับ
วันไหนสติแตก วันนั้นไม่รู้อะไรเลย สภาวะที่ผมเจอนี้เกิดขึ้นตลอดเวลาเลยใช่มั้ยพี่
เพียงแต่ว่าเราไม่ไปรู้สึกตัวเท่านั้นใช่ป่ะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ขาดตัวสัมปชัญญะ คือมีแต่สติ มันแค่รู้ แต่รู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ทัน

จุดหมาย says: อืมมครับ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มรู้สึกว่า ตัวสัมปชัญญะ เขาเกิดขึ้นบ่อย ๆ แล้วล่ะครับ
ถ้าหากเปรียบเทียบกันเมื่อก่อนโน้น ว่าแต่คืนนี้พี่จะได้นอนหรือป่าวเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: ไม่คาดเดา

จุดหมาย says: อืมมนะ ครับ เข้าใจครับ คาดเดาไม่ได้เลย อะไรจะเกิด เขาเกิดเองอ่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ เพราะมันไม่เที่ยง
จะดีหรือไม่ดี จะใช่หรือไม่ใช่ ทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุ แต่เราไปให้ค่ากันเอง

จุดหมาย says:
ครับ ใช่ครับ หากมัวแต่ไปยึดติดต่อการให้ค่าแล้ว ย่อมเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เลยนะ

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่เหตุ ทุกอย่างคือการเรียนรู้ค่ะ ไม่มีอะไรเสียหรือได้

จุดหมาย says: มีแต่แค่รู้ กับ ไม่รุ้ ล่ะสิ

สุขที่แท้จริง says: เมื่อก่อนพี่ก็เคยคิดแบบคุณนี่แหละว่ามันเสียประโยชน์ แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่

จุดหมาย says: อ้าว มันไม่ใช่แล้วมันเป็นอะไรล่ะ

สุขที่แท้จริง says: ทุกๆอย่างมันเอื้อซึ่งกันและกัน มันแล้วแต่เหตุของแต่ละคน

จุดหมาย says: อ๋อ สุดท้ายแล้วอยู่ที่ว่าคน ๆ นั้นจะรุ้เท่าทันหรือไม่ แค่นั้นเองล่ะสิ
ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ชีวิตนี้ยังคงมีความหมาย

แต่ตราบใดที่ลมหายใจหมดไป เมื่อนั้นแหล่ะชีวิตจะไร้ค่าในบัดดล
ผมเขียนแบบนี้เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยอ่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: มีค่านะคะ ร่างที่เหลืออยู่ย่อมสร้างประโยชน์ได้ ถ้าเรารู้จักเตรียมตัวก่อนที่จะตาย
คุณบริจาคร่างกายอวัยวะทุกส่วนหรือยังล่ะคะ

จุดหมาย says: ตอนนี้ยังเลยนะครับ พี่บริจาคไปแล้วเหรอ

สุขที่แท้จริง says: ถ้ายัง ก็ไปบริจาคซะนะคะ นั่นคือการสร้างกุศลครั้งสุดท้าย
หลังจากที่คุณสิ้นลมหายใจไปแล้ว พี่เรียบร้อยมาหลายปีแล้วค่ะ สิบกว่าปีจะได้มั๊ง

จุดหมาย says: หากเราเองตั้งใจที่จะบริจาค แต่ว่าทางครอบครัวเขาไม่เห็นด้วยล่ะ
ตอนที่พี่ไปบริจาคนั้น ทางบ้านเขารับทราบด้วยหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says:
ทำเองค่ะ ไม่เกี่ยวกับทางบ้าน ซึ่งมาตอนหลังก็ได้อธิบายให้แม่ฟัง แม่และน้องๆก็ไปบริจาคกัน
เอาเงินไปทิ้งกับการเสียค่าสวดศพทำไม เอาไปทำบุญดีกว่า

จุดหมาย says:
อ๋อครับ คือตอนนี้เรามีจุดประสงค์แบบนี้ แต่ว่าเมื่อถึงเวลาจริงแล้ว ตอนนั้นก้อคงแล้วแต่เหตุใช่มั้ยล่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: พี่บอกกับทางบ้านไว้แล้วว่า ถ้าไม่มีใครมารับศพก็ให้เผาในวันนั้นเลย
ไม่ต้องสวดหรือทำพิธีอะไรทั้งสิ้น ตายแล้วมันก็แค่ท่อนไม้
ถ้าสร้างประโยชน์ได้ก็สร้าง ถ้าสร้างไม่ได้ก็เผามันทิ้งไป

จุดหมาย says: ให้เอาไปเผาที่ไหนนะครับ

สุขที่แท้จริง says: วัดไง เสียเงินนิดหน่อยให้ทางวัด

จุดหมาย says: อ๋อ ๆ ครับ แสดงว่าตอนนี้พี่ไปจับจองวัดเรียบร้อยแล้วสินะ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ต้องจองค่ะ วัดไหนก็ได้ แหมมม ไม่ได้ตายตอนนี้ซะที่ไหนล่ะคะ
มีการจองล่วงหน้าด้วย

จุดหมาย says: อืมมม ผมคาดเดาว่ามีนะพี่ อย่างคนที่เขาวางแผนเอาไว้แล้วหน่ะ
ว่าหลังจากที่ตัวเองตายแล้วให้เอาไปที่วัดนี้นะ วัดนั้นนะ

สุขที่แท้จริง says: นั่นเขา ไม่ใช่พี่ ชอบเปรียบเทียบอีกละ

จุดหมาย says: ครับ เผลอไปอีกละ การเปรียบเทียบ กับการให้ค่านี่มันคืออันเดียวกันเลยสินะพี่

สุขที่แท้จริง says: ทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุนะคะ ตอนนี้เหมือนกับว่าผลกำลังส่งให้เกิดขึ้น
อย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกอย่างได้รับความสะดวกในเรื่องสภาวะการขัดเกลากิเลสที่ละเอียดมากขึ้น

จุดหมาย says: สำหรับพี่เองล่ะสินะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ อย่างกิเลสนักช๊อป ก้มีคนจ่ายเงินให้ไปช๊อปจนเราเอือม
ไม่อยากได้อะไรอีก จะซื้ออะไรก็ฉลาดเลือก รู้จักคิดพิจรณามากขึ้นเรื่อยๆ

จุดหมาย says:
ความสะดวกในที่นี้คือ การที่ไม่ติด ๆ ขัด ๆ อยู่กับสภาวะเดิม ๆ แบบซ้ำไป ซ้ำมานะเหรอ

สุขที่แท้จริง says:ค่ะ สภาวะเขาไหลลื่นไปได้ดี ตั้งแต่ที่พี่มารู้อยู่ในกายได้มากขึ้น
ทำให้พี่ไม่ไปหลงสร้างเหตุนอกตัวแบบก่อนๆ

จุดหมาย says: เดี๋ยวนี้เลยสบายเลยสินะ ไม่ต้องหอบหิ้วของอะไรพะรุงพะรังไปหมดหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: หอบค่ะ ของคนอื่นๆ ก็เงินเขานี่คะ แต่หอบน้อยลง

จุดหมาย says: อืมมม อ่ะนะ ก้ออย่างว่าแหล่ะนะ จิตบริการ เลยกลายมาเป็น จิตบริกรไปเลย

สุขที่แท้จริง says:
พอเราเบื่อซื้อ คนฝากก็หยุด พอเรานึกอยากจะซื้อ คนฝากก็นึกอยากจะฝาก หาแบบนี้ได้ที่ไหนคะ
พี่ถึงบอกทุกคนไง ทำไป อย่าไปให้ค่า ทุกอย่างใช้เวลา มันเป็นไปตามเหตุ

จุดหมาย says: โอ้ ๆ เหมือนอะไร ๆ ก้อโดนใจเราไปหมดทุก ๆ อย่างเลยล่่ะสิ

สุขที่แท้จริง says: เราสร้างเหตุนอกตัวให้น้อยลงมันก็ส่งผลมาที่สภาวะภายใน
รู้อยู่ในกายได้มากเท่าไหร่ ก็ส่งผลไปถึงสภาวะภายนอกมากขึ้น คือดับที่เหตุได้ไวมากขึ้น ตัวเราไง

จุดหมาย says: ทำให้เรามองเห็นสภาวะได้ชัดเจนมากขึ้นสิ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ
พี่ถึงเฉยๆเรื่องธรรมะการปล่อยวาง ที่ว่าจิตมาแสดงธรรม การปล่อยวางมีสามชนิดน่ะ
เพราะถ้ายังไม่ชัดเจน พี่จะจำไม่ได้หรอกรายละเอียด ถ้าชัดเจนโดยสภาวะเมื่อไหร่
มันจะจำรายละเอียดได้หมดเอง นี่คือเรื่องที่พี่จะได้เรียนรู้ต่อไป

จุดหมาย says: มีอะไรบ้างล่ะ

สุขที่แท้จริง says: อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาไง

จุดหมาย says: อืมม หัวใจหลักเลยนะเนี่ย
แก่นแท้่ของชีวิตเลย อืมม ที่บ่งบอกถึง กิริยาและอาการที่เกิดขึ้นล่ะสิพี่

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ส่วนสภาวะอาตาปี สัมปชาโน สติมา นั่นจบไปแล้ว
เข้าใจแล้ว มันคือสภาวะของฌานที่เป็นสัมมาสมาธิ

จุดหมาย says: ส่วนสภาวะอาตาปี สัมปชาโน สติมา นี่ จิตเขามาแสดงธรรมให้เห็นด้วยหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says:ใช่ค่ะ จิตนี่ถ้าเปรียบเหมือนที่บรรจุข้อมูลต้องบอกว่าเนื้อที่คงประมาณมิได้นะคะ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ unlimit หรือว่า no limit อ่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: สิ่งเหล่านี้ จู่ๆเขาจะผุดขึ้นมาเอง
ถ้าเรายังไม่รู้ชัดโดยสภาวะ เรียกว่ารายละเอียดทั้งหมด
เราจะจำรายละเอียดในสิ่งที่ผุดขึ้นมาไม่ได้ จะจำได้แค่หยาบๆหลักๆ

จุดหมาย says: แบบนี้ต้องมีอาวุธคู่กาย เตรียมพร้อมเอาไว้ตลอดเวลาเลยนะสิ

สุขที่แท้จริง says: ช่ายยยยย ตอนนี้มีทั้งปากกาและสมุดติดตัวตลอดเวลา

จุดหมาย says: ตอนนี้ในใจของพี่มีคาดหวังเอาไว้มั้ยว่าอีกกี่ปีจุะบรรลุธรรม

สุขที่แท้จริง says: ฝันไปเลย กิเลสคุณน่ะทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก
พี่เฉยๆกับสิ่งที่คุณถามมา พี่ไม่เคยสนใจ

จุดหมาย says: ดีครับ ๆ สมแล้วที่บอกว่า อย่าไปคาดหวังอะไร ใด ๆ ทั้งสิ้น
จริง ๆ แล้วคงมีแหล่ะนะ ความคิดนั้นหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: จะไปหวังอะไรทำไมล่ะ ในเมื่อจับจุดได้ถูกแล้ว มีหน้าที่คือทำต่อเนื่องเท่านั้นเอง

จุดหมาย says: แต่ว่าพี่รู้ทันมันเสียก่อน มันเลยดับไป

สุขที่แท้จริง says: นี่ๆๆๆๆ คุณนี่ชอบให้ค่าเสียจริงๆ

จริง ๆ แล้วคงมีแหล่ะนะ ความคิดนั้นหน่ะ แต่ว่าพี่รู้ทันมันเสียก่อน มันเลยดับไป ......
คุณไม่เคยจำเลยนะ

จุดหมาย says: อืมมมนะ มันติดจนชิน เลยกลายเป็นนิสัยของตัวเองไปเลย

สุขที่แท้จริง says: ฝึกไปค่ะ แล้วมันจะค่อยๆถ่ายถอนออกไปเรื่อยๆ

จุดหมาย says: เห็นมันไปที่ละนิด ๆ ละมันไปทีละหน่อย ๆ
แล้วเดี๋ยวมันก้อหายไปจนหมดเองล่ะนะ อย่าไปอยากมันเลย จริงป่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: พอคุณเข้าใจและเห็นตามความเป็นจริงได้ ความอยากจะหายไปหมดเอง
มันไม่เที่ยงจะไปอยากอะไร

อีกอย่างในเมื่อรู้ถึงผลที่จะต้องได้รับอย่างแน่นอน แล้วจะต้องไปอยากทำไม
มีหน้าที่คือทำตามสภาวะ ดูตามความเป็นจริง

จุดหมาย says: ครับ ต้องรู้เท่าทัน และเข้าใจต่อสภาวะที่เกิด ยกตัวอย่าง อย่างเมื่อกี้นี้เลยสินะพี่

สุขที่แท้จริง says:
เจริญสติไปค่ะ นี่แหละคืออาวุธที่จะต้องใช้ทั้งในชีวิตปัจจุบันและวินาทีก่อนที่จะหมดลมหายใจ

แดนสุข คือ จุดหมาย says: จริง ๆ แล้วคงมีแหล่ะนะ ความคิดนั้นหน่ะ แต่ว่าพี่รู้ทันมันเสียก่อน
มันเลยดับไป ...... คุณไม่เคยจำเลยนะ ........กิเลสยั่วยุ

สุขที่แท้จริง says: เข้าใจค่ะ ความเคยชินของคุณ กิเลสนี่มันท้าทายมากๆเลยเห็นป่ะ มันไว

จุดหมาย says: ไม่ขาดช่วง ขาดตอนเลยนะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่เลยค่ะทุกวินาที ทุกลมหายใจเข้าออก

จุดหมาย says: เป็นของที่หาง่ายที่สุดเลยจะบอกให้

สุขที่แท้จริง says: เมื่อยังตกเป็นขี้ข้าของกิเลส เราย่อมปล่อยชีวิตไปตามวิถีกรรม
เมื่อเราเริ่มเป็นนายของกิเลส เราเริ่มมีชีวิตที่เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นเรื่อยๆ
อยู่ตามความเป็นจริงได้ทันมากขึ้น

จุดหมาย says: สมัยก่อน ๆ พี่เข้าใจความหมายของคำว่า กรรม ว่าอย่างไร

สุขที่แท้จริง says: กรรมหรือ พี่เข้าใจว่ามันคือเหตุ แต่ยังไม่แจ่มชัดน่ะว่าเหตุนั้นคืออะไร
เรียกว่าไม่รู้อะไรเลยก็ได้นะ

จุดหมาย says: อันนี้หมายถึง ว่าเริ่มเข้าใจ กับคำว่า กรรม ตั้งแต่ตอนที่ได้ยินครั้งแรก ๆ เลยใช่ป่ะ

สุขที่แท้จริง says: เปล่า อย่าใช้คำว่าเข้าใจเลย ใช้คำว่าให้ค่าจะดีกว่า

จุดหมาย says: อืมม แล้วตอนแรกที่ได้ยินแล้ว ให้ค่าว่า กรรม คืออะไรล่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: กรรมก็คือกรรม ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร รู้แต่ว่านี่บาปนะ นี่บุญนะ
ทำกรรมชั่วไปนรก ทำดีไปสวรรค์ รู้แค่นี้

จุดหมาย says: นั่นสินะ ใคร ๆ ได้ยินแล้ว ไม่รุ้ว่าจะให้ค่าว่าอย่างไรดี

สุขที่แท้จริง says: มากงมากรรมอะไรนี่ไม่รู้เรื่องหรอก

จุดหมาย says: อืมม คล้าย ๆ กับว่าเราท่องจำมาอ่ะนะพี่

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ อ่านเจอในหนังสือ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

จุดหมาย says: ของหลวงพ่อจรัญ นะเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says: ของอาจารย์สุทัสสาเขียนน่ะค่ะ

จุดหมาย says: อ๋อ ๆ ที่ว่าแอบอิงกับชีวิตจริงของหลวงพ่อจรัญใช่ป่ะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ พอรู้ว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม คือตามการกระทำของตัวเอง
ก็มีคำถามนะ อ้าวแล้วทำไมต้องทำล่ะ แบบมันถามตัวเองน่ะ ไม่ได้ไปถามใคร

จุดหมาย says: ตัวเอ๊ะตัวนี้ เขาเกิดขึ้นมาแล้วเราสงสัย และอยากจะหาคำตอบเองล่ะสิท่า

สุขที่แท้จริง says: ไม่นะ มันแค่เอ๊ะ แล้วอ่านต่อ นั่นมันคุ๊นนนนน ไม่ใช่พี่

จุดหมาย says: อันนี้คือเมื่อ 10 กว่าปีก่อนโน้นล่ะสิ แหมมมมมมมมมมมมมมม
ยัดเยียดให้กันเห็น ๆ เลยนะเนี่ย ยัดเยียดกิเลสให้กันป่ะเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: ก็มันจริงนี่นา คนเราต้องยอมรับตามความเป็นจริงนะ
ยอมรับไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองเป็น แล้วจะเห็นตามความเป็นจริงไปได้ไงค๊าาาา

อ้อ .. คำอธิษฐานเมื่อวานน่ะ พี่เขียนไม่ครบ

says: อ๊ะ จริงดิ ตกอะไรไปล่ะ

สุขที่แท้จริง says: จริงๆแล้ว ไม่ว่าจะทำบุญหรือหลังทำกรรมฐาน
พี่จะต้องอธิษฐานว่า ขอผลบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำบุญหรือได้ปฏิบัติแล้วในวันนี้
ขอผลบุญกุศลหนุนนำให้ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติ ได้เกิดปัญญาญาณ ได้บรรลุมรรคผล ล่วงพ้อนบ่วงมาร
เห็นแจ้งในพระนิพพานในปัจจุบันธรรมนี้ด้วยเทอญ

เราต้องขออธิษฐานเอากุศลของเราที่ทำไปเข้าช่วยให้เป็นแรงส่งน่ะ

จุดหมาย says: อืมมม ยาวดีจังนะ แต่ว่าอ่านแล้ว ทำให้จิตเขาเกิดปีติขึ้นมาได้เลยนะ

สุขที่แท้จริง says: ใหม่ๆพี่ก็ได้แค่ทีละท่อนน่ะ ตามสภาวะ
แรกๆก็ขอให้ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติได้กเดปัญญาญาณฯลฯ ต่อมาจิตฉลาดมากขึ้น

การอธิษฐานต้องเอาที่ปัจจุบันธรรม อธิษฐานแบบเก่าแรงกุศลยังไม่พอ

จุดหมาย says: หมายถึงอะไรนะพี่

สุขที่แท้จริง says: เราต้องเอาแรงกุศลที่เราปฏิบัติหรือในการสร้างกุศลอื่นๆน่ะมาช่วย
เป็นแรงในการขับเคลื่อนของสภาวะ

จุดหมาย says: อ๋อครับ สิ่งเหล่านี้มาช่วยได้จริง ๆ เลยเหรอพี่

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ อันนี้เห็นได้จากผลที่ได้รับนะ กุศลเราสร้างมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติสะสมไว้
เหมือนมีธนาคารส่วนตัวน่ะ ต้องรู้จักเบิกมาใช้ในทางที่ถูกต้อง เรียกว่ารู้จักฉลาดใช้

จุดหมาย says: อ่อครับ จากตัวของพี่เองล่ะสินะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นไปได้กับทุก ๆ คนเลยสิ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ของคุณเองคุณก็มี ทุกๆคนมีทุกคน ไม่มีใครที่ไม่มี
เพียงแต่จะมีมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับเหตุ

จุดหมาย says: หรือว่าแล้วแต่วิบากกรรมของใครของมันที่ส่งผลมา ณ ช่วงนั้น ๆ

สุขที่แท้จริง says: ได้แน่นอน แต่อยู่ที่เหตุที่ทำไว้ในอดีตและที่กำลังสร้างขึ้นใหม่ให้เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ดูองคุมาลเป็นตัวอย่างสิ คาดเดาไม่ได้เลยเห็นไหม

จุดหมาย says: อืมมครับ เรื่องขององคุลีมารนี่เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆเลยนะ
อย่างเหตุที่เรากำลังสร้างขึ้นในปัจจุบัน มีมั้ยที่จะส่งผลในทันทีทันใด

สุขที่แท้จริง says: มันส่งตลอดแหละ สุดแต่ว่าคุณจะมองเห็นมั๊ย
แหมๆๆๆๆๆ เมื่อกี้เพิ่งคุยไปแหง่บๆ เรื่องงานของคุณ กับเรื่องที่คุณไปจี้เจ้าหน้าที่ของทรู

จุดหมาย says: ใครล่ะจะคาดคิดว่าจะเปลี่ยนไปได้แบบนั้น

สุขที่แท้จริง says: เห็นไหม นี่แหละการโชว์เรื่องกรรมแบบสดๆ แต่คุณจะรู้ทันไหม ดูทันไหม

จุดหมาย says: ครับ แบบนี้ไม่ใช่ว่าเราไปคิดเอาเองบ้างเหรอพี่
พอเจอแบบนี้ปุ๊บ แล้วเอามาปะติดปะต่อ เอาเองหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: หาวิธีการจนได้ ก็แล้วแต่เหตุของคุณนิ

จุดหมาย says:
อ่ะนะพี่ สุดท้ายแล้วก้อคือว่า คุณยอมรับต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ ณ ตอนนั้นได้หรือไม่อ่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ เหตุ

จุดหมาย says: ถ้าหากว่ายอมรับได้แล้ว ทุกอย่างก้อจบลงแค่นั้นเอง

สุขที่แท้จริง says: เปล่าค่ะ อยู่ที่เหตุของเหตุด้วย มันอาจจะยังไม่จบทันทีทันใด
แต่สุดท้ายมันก็จบ ถ้าเรายอมรับได้ตลอด ส่วนคนอื่นๆเขาก็รับผลของเขาตามเหตุของเขา

จุดหมาย says: เหตุของเขานะ ไม่ใช่เหตุของเรา

สุขที่แท้จริง says: เรามีหน้าที่ดูตัวเรา ส่วนเรื่องของคนอื่นๆไม่ต้องไปคาดเดาแทน
เพราะทำยังไง ย่อมได้รับแบบนั้น

จุดหมาย says: แต่ว่าเหตุของเขา อาจจะส่งผลหรือไม่ส่งผลให้กับเราก้อได้

สุขที่แท้จริง says: อีกละคุณนี่ มันจะส่งได้ยังไง ในเมื่อเราจบแล้ว

จุดหมาย says: อ้าวแล้วอย่าง กรรมร่วมล่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: ก็นี่ไง โฮ๊ยยยย เรื่องกรรมน่ะมันมีทั้งหยาบจนกระทั่งละเอียด

จุดหมาย says: ดูท่าเหมือนจะหมดแรงแล้วสินะเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: กิเลสคุณน่ะ ดูไปเถอะ

จุดหมาย says: ครับ ช่วงนี้ต้องตามให้ทันนะครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2010, 06:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2010, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


8 ตค. 53

จุดหมาย says: ตกลงใช้เวบได้มั้ยพี่

สุขที่แท้จริง says: ต้องเข้าแบบนินจาค่ะ แบบปกติเข้าไม่ได้

จุดหมาย says: อ๋อครับ แสดงว่าเขาแก้ไขปัญหาให้ได้ไม่ตรงจุดอ่ะนะ
คงต้องรอให้ผมได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่เขาดูแลงานด้านนี้โดยตรงก่อนนะ ปัญหานี้ถึงจะแก้ไขได้จบหน่ะ
เพราะว่าคุยกับหน้าที่ที่คอยรับเรื่อง และคอยประสานงานให้แล้ว ผมรู้สึกว่า การถ่ายทอด
สิ่งที่่เราต้องการสื่อให้เขารู้ถึงปัญหาที่เกิด แล้วเจ้าหน้าที่เขาถ่ายทอดออกไปยังเจ้าหน้าที่
ที่ดูแลด้านนี้โดยตรงแล้ว ไม่เคลียร์กับสิ่งที่เรากำลังเจออยู่

สุขที่แท้จริง says: โนคอมเม้นค่ะ คุณจะน้อยใจมั๊ยเนี่ย ที่พี่ไม่ทุกข์ร้อนอะไร

จุดหมาย says: ไม่หรอกนะพี่ เฉย ๆ นะ

สุขที่แท้จริง says: คือพี่มองแบบนี้นะคะ ทุกอย่างมันคือสภาวะ เมื่อมีเราเจอปัญหาแบบนี้
คนที่ใช้เครือข่ายนี้ก็ย่อมต้องเจอปัญหาแบบนี้เหมือนกันหมด

จุดหมาย says: ช่ายเลยนะครับพี่

สุขที่แท้จริง says: แล้วคนเหล่านั้นก็จะร้องเรียนเข้าไปเองค่ะ
สำหรับพี่ในตอนนี้คุณได้ช่วยแก้ไขปัญหาเบื้องต้นไปบ้างแล้ว พี่โอเคนะคะ

จุดหมาย says: วันนี้ผมถามพี่ ๆ ที่ทำงานเดียวกันแล้ว
เขาบอกว่าช่วงนี้ระบบเครื่อข่ายเขาไม่ค่อยจะดีเลยนะ
เขาว่าถ้ามีเจ้าอื่นที่สามารถให้บริการในพื้นที่ที่เขาพักอาศัยอยู่แล้ว เขาอยากจะเปลี่ยนไปใช้เลยนะ

สุขที่แท้จริง says: อ๋อ อันนี้ทางทรูเขาส่งข้อความมาทางแมสเซสน่ะ หลายวันก่อนที่จะเจอปัญหา

จุดหมาย says: ส่งมาว่าอย่างไรล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ทำนองว่าเขากำลังปรับปรุงเรื่องไฮโล เอ๊ยยย ไฮสปิ๊ดดดด
ว่าอาจจะทำให้มีปัญหาขัดข้องทางการใช้งาน ขออภัยมาล่วงหน้า

จุดหมาย says: แหมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เล่นกันแบบนี้ทำเอาผมหัวหมุนเลยนะเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: เขาจะอัพขึ้นไปเป็น 6 เม็ด แค่ 4 เม็ดยังวุ่นวาย แล้ว 6 เม็ดจะไปเหลืออะไร

จุดหมาย says: 6 เม็ดอะไรล่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: เม็ก แต่พี่เรียกเม็ดตามอาตี๋ที่โฆษณา 3 บี

จุดหมาย says: ผมว่าผมกำลังเกิดปีติอยู่นะเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: ทำไมหรือคะ

จุดหมาย says: ก้อตั้งแต่ตอนที่ไปออกกำลังกายแล้วล่ะพี่ จิตเขารู้อยู่กับกายได้ดีเลยนะ
ตอนที่ตีแบดอยู่ สติ สัมปชัญญะเขาเกิดอ่ะนะ เวลาเล่น ๆ อยู่แล้ว รู้สึกว่ามันกระฉับกระเฉง
แบบบอกไม่ถูกอ่ะนะ

พอตอนเดินทางกลับบ้าน นั่งอยู่ในรถแล้วมัน รู้สึกถึงลมหายใจได้ชัดอ่ะนะ
ตอนนี้ผมเข้าใจเอาเองอ่ะนะว่า ปีติที่กำลังเกิดอยู่หน่ะ เป็นผรณาปีติ
เพราะว่ามันคล้าย ๆ กับที่พี่เขียนบันทึกเอาไว้เลยอ่ะนะ มันเย็น ๆ เข้าไปข้างในกายอ่ะ

สุขที่แท้จริง says: พี่เขียนจริง แต่คุณให้ค่าเอาเองจากการคาดเดาของคุณเอง
นั่นเป็นสภาวะของคุณเอง

จุดหมาย says: ครับ ผมเข้าใจอ่ะนะพี่ ตอนนี้เลยคาดเดาเอาเองก่อน ต้องคอยดูต่อ ๆ ไป

สุขที่แท้จริง says: ให้ค่าได้ แต่อย่าหลงยึด ว่าตัวเองนั้นรู้ นั้นดีกว่าคนอื่นๆ ระวังกิเลสตัวนี้ด้วยค่ะ

จุดหมาย says: ครับ คือเราหลงยึดติดว่าตัวกูรู้ กูดี กูเก่ง ล่ะสินะ

สุขที่แท้จริง says: เพราะถ้ากิเลสตัวนี้เกิด ตัวกูรู้ กูดีน่ะ มันจะหลงสร้างเหตุในการไป
เพ่งโทษกับคนอื่นๆได้ง่าย ทำนองว่าใครจะมาเก่ง มารู้ดีกว่าข้าไปไม่ได้
เลยเป็นการสร้างเหตุใหม่ไปด้วยความหลง มันมีผลต่อสภาวะนะ

จุดหมาย says: คือตอนที่นั่งรถมาเมื่อกี้ จนถึงขณะนี้นะเขายังเกิดให้เห็นอยู่
คือตอนนี้มีความรู้สึกว่ามันสุข ๆ จนมันน่าเบื่อเลยอ่ะนะ
หายใจเข้าไปแล้วก้อเย็น ๆ เหมือนกับคนที่เข้าไปอยู่ในห้องเย็นแล้วหายใจอ่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: เอาเถอะ เรื่องของจิต เรื่องของสมาธิ ยังมีอะไรอีกมากที่ให้เราเรียน

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ เราต้องอาศัยสติ สัมปชัญญะ เป็นตัวช่วยผลักดันนะครับ
เมื่อสภาวะเขามาปรากฏให้เห็นแล้ว เขาจะได้รู้เท่าทัน และเห็นตามจริงได้

ผมยังมีความสงสัยอยู่เลยอ่ะนะพี่ อย่างที่เคยได้ยินพี่คุยให้ฟังเมื่อนานมาแล้วอ่ะ
เรื่องสมาธิของพี่ที่ไหลไปหาคนอื่น ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับพี่หน่ะ ช่วงนี้ผมได้คุยกับพี่บ่อย ๆ อ่ะนะ
ผมไม่แน่ใจว่าสมาธิของพี่มีถ่ายเทมาหาผมบ้างหรือป่าวนะสิ พี่พอจะช่วยตอบให้ได้หรือป่าวครับ

สุขที่แท้จริง says: อีกละ พี่เลิกคุยเรื่องนี้มานานแล้ว
มันมีแต่ก่อกิเลสความอยากให้กับคนอื่นๆ ที่ผ่านมาคืออดีต

จุดหมาย says: เลิกคุยเรื่องอะไรนะพี่ อ๋อ ๆ ครับ ใช่ครับ พูดถูกตามจริงเลยครับ

สุขที่แท้จริง says: แหมมม อยากได้ล่ะสิท่า

จุดหมาย says: ป่าวหรอกพี่ ผมว่าผมสร้างด้วยตัวผมเองดีกว่า

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละถูกต้องเลย

จุดหมาย says: ผมเพียงแค่สงสัยอ่ะนะ เก็บเอาไว้เป็นแค่เพียงความรู้อ่ะนะ
ไม่อยากได้อะไรมากมายหรอก เวลาเขาจะเกิด เขาเกิดเองแหล่ะพี่
อย่างที่ผมกำลังเจออยู่ในขณะนี้หน่ะ ไม่ได้มีความอยากอะไรเลย เฉย ๆ อ่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: อยากรู้ ไปหาอ่านเอาเองในบล็อกค่ะ

จุดหมาย says: อืมมมครับ แล้วผมจะลองหาโอกาสไปอ่านดูอ่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: วันนี้ดูสิ ไวมากๆ เชื่อป่ะ พี่คิดว่าวันนี้น่ะแค่วันพฤหัสเอง ไม่คิดว่าวันนี้คือวันศุกร์
ไวนะ อีกไม่กี่วันหยุดอีกแล้วว เพิ่งหยุดไปแหม่บๆ

จุดหมาย says: อืมมนะ ก้อพี่เล่นดับบ่อย ๆ นี่ครับอาทิตย์นี้หน่ะ
เวลามันเลยดูเหมือนล่วงผ่านไปไวเหมือนติดจรวดหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: น่าจะใช่นะ พักนี้ไม่ค่อยออกมาวุ่นวายนอกกาย
จิตมันรู้อยู่ในกายได้ดีทั้งวัน บางทีก็ดับ สั้นบ้าง ยาวบ้าง

จุดหมาย says: นั่นแหล่ะ ใช่เลย ได้คำตอบแล้วนี่นะพี่

สุขที่แท้จริง says: มันไม่ใช่ว่ารู้สึกมีความสุข ทำให้เห็นเป็นว่าเวลาผ่านไปไวมากๆแบบนั้นหรอกนะ
อันนี้มันเรื่องการรู้อยู่ในกาย แล้วก็เป็นเหตุให้พี่ลืมสภาวะเบื่อๆนั่นไปเลย มันหายไปหมด
เพราะจิตมันรู้อยู่ในกาย เลยไม่มีเวลาปรุงแต่ง

จุดหมาย says: ช่วงที่ผ่านมาไม่นานนี้เกิดอาการเบื่อ ๆ บ่อย ๆเลยเหรอพี่

สุขที่แท้จริง says: สุขๆเบื่อๆสลับกัน เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และหลายๆอาทิตย์ก่อนๆ เป็นแบบนั้นมาตลอด

จุดหมาย says: อืมม คราวนี้เลยได้สมาธิมาช่วยผ่อนคลายตรงนี้ไปได้เยอะเลยล่ะสิ
เหมือนกับทำให้ไม่มีความรุ้สึกอะไรเลย

สุขที่แท้จริง says: มันมีผลเกี่ยวข้องกันนะ

จุดหมาย says: แบบนี้เหมือนจะเป็นการเริ่มต้นให้พี่เริ่มเข้าใจเรื่องของการปล่อยวาง
อย่างที่จิตพี่ไปเห็นจิตของตัวเองมาหน่ะ ใช่หรือป่าวล่ะ

สุขที่แท้จริง says: อย่าไปให้ค่า อย่าไปคาดเดา

จุดหมาย says: ว่าแล้วเชียว โดนแน่ๆ คำ ๆนี้หน่ะ

สุขที่แท้จริง say ขนาดเป็นสภาวะของพี่เอง พี่ยังไม่ให้ค่าเลย แล้วคุณมาหลงให้ค่าแทนทำไมกันล่ะเนี่ย

จุดหมาย says: ผมแค่ถามดูเฉย ๆ ครับ

สุขที่แท้จริง says: กิเลสคุณน่ะ กระเด็นมาเลอะหน้าจอของพี่เต็มไปหมดแล้ว

จุดหมาย says: อยากให้พี่ลองช่วยแชร์ประสบการณ์ก้อเท่านั้นเอง
อืมมนะ เห็นท่าว่าจะต้องเรียกคืนกิเลสกลับคืนมาสู่กายของตนซะแล้วล่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: เรียนเอง รู้เองดีกว่าไปดูของคนอื่นๆ นั่นมันก็แค่กิเลสของคนอื่นๆเขา
ดูไปมีแต่เปรียบเทียบ มีแต่หลงให้ค่า เป็นเหตุให้สร้างเหตุใหม่เนืองๆ
ใครจะอะไรยังไง นั่นเหตุของเขา เขาทำมันขึ้นมาเอง เขาก็ต้องรับผลเอง เราเองก็เช่นกัน

จุดหมาย says: อืมมนะ ใช่เลยแหล่ะครับ ความคิดเขาเกิดอ่ะนะพี่
ผมก้อแค่ตามดูความคิดของผมที่เกิดอ่ะนะ มันไปห้ามความคิด ไม่ให้มันเกิด มันเป็นไปได้ยากอ่ะ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ได้ว่าอะไรนิ แค่อธิบายให้ฟัง ส่วนคุณจะทำหรือไม่ทำนั่นก็เรื่องของคุณ
พี่มีหน้าที่ตอกย้ำให้คุณจำๆๆๆๆๆ ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้หรือไม่ทำ ก็เหตุของคุณ

จุดหมาย says: ยังไม่ได้กล่าวขอบคุณเลยนะครับ งั้นถือโอกาสกล่าวขอบคุณซะหน่อยนะครับ
"ขอบคุณครับ"


สุขที่แท้จริง says: ขอบคุณเรื่องอะไรคะ เรื่องปากกาเหรอ เพิ่งส่งไปเอง

จุดหมาย says: อ้าว

สุขที่แท้จริง says: เอ๋ ไม่ใช่เหรอ คาดเดาผิดเลยยย

จุดหมาย says: ขอบคุณที่คอยตอกย้ำให้ผมบ่อย ๆ อ่ะนะ
อันนั้นอันที่หนึ่ง อันที่สอง......

สุขที่แท้จริง says: อ๋อ อันนี้พี่ทำกับทุกๆคนที่มาปฏิบัติกับพี่ ไม่ใช่พิเศษกับคนใดคนหนึ่งแต่อย่างใดค่ะ

จุดหมาย says พูดถือเรื่องปากกา ก้อขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ
เมื่อเช้าบอกว่าเป็นของขวัญที่พี่ได้มาเนื่องจากโอกาสอะไรนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ตอนนั้นสอบไล่ได้ที่หนึ่ง อาเลยให้มา ตอนนั้นอาไปทำงานที่ซาอุ
เลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับคุณ ตั้งแต่ชั้นประถม ยังเอี่ยมอยู่เลย เพราะเป็นสแตนเลสแท้

จุดหมาย says: เกี่ยวอะไรกับด้วยอ่ะพี่ มีบัญญัติตั้งเอาไว้แบบนั้นหรือ

สุขที่แท้จริง says: แหมมม ทำงานนะ ใช้ปากกาให้มันดูดีหน่อย
เหมือนกระเป๋าที่พี่ให้หมูไปน่ะ ให้ไปเพราะเหตุนี้แหละ คนชอบมองที่เฟอร์กัน

จุดหมาย says: อ๋อ ๆ ครับ เข้าใจในเหตุล่ะ มองที่เฟอร์คืออะไรนะพี่ ยังงง ๆ

สุขที่แท้จริง says: มองเครื่องประดับไง ไฮโลหรือไฮโซ รู้จักใช้ของแค่ไหน

จุดหมาย says: อ๋อๆๆๆ จริง ๆ แล้วผมก้อไม่ไปยึดติดอะไรกับเรื่องพวกนี้หรอกนะ

สุขที่แท้จริง says: คนบางคนน่ะ เขามองแค่เปลือก
เหมือนเวลาไปทานอาหารร่วมกับเขา เขาจะมองละ หยิบแก้วยังไง ตักข้าวยังไง

จุดหมาย says: อืมม ใช่เลย เห็นด้วยเลยนะพี่ อันนี้ก้อแล้วแต่เหตุของแต่ละคนอ่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ พื้นฐานแต่ละคน เหตุของแต่ละคน พี่เฉยๆนะ กับคนพวกนี้ แต่อน่ามาข่ม

จุดหมาย says: อืมมแบบนี้นี่เรียกได้เลยนะว่า ยึดติดเอามาก ๆ เลย
ของที่มันง่าย ๆ ทำให้เป็นเรื่องยาก ๆ ซะ บอกกันบ้างสิ

สุขที่แท้จริง says: อย่าเลย ประสพการณ์มันสอนกันไม่ได้ทั้งหมดหรอกค่ะ ไหวพริบส่วนตัว

จุดหมาย says: แหมมมม บอกมาให้กิเลสผมตื่นเลยนะเนี่ย
อ่ะนะ เหตุของใคร ก้อของคน ๆ นั้นแหล่ะ อย่าไปลอกเลียนแบบกันเลย

สุขที่แท้จริง says: แม่นนนน จำไว้ๆๆๆๆๆๆ

จุดหมาย says: เดี๋ยวหาพื้นที่ว่างในสมองและจิต สำหรับเอาไว้จำ ก่อนอ่ะนะพี่

สุขที่แท้จริง says: รู้กับกายให้มากๆ แล้วคุณจะสนุกกับการดูจิตของตัวเอง
มันมีแต่เรื่องอะเมซิ่ง ดีกว่าไปดูพวกอวด อวดร่ำ อวดรวย
ซึ่งจริงๆแล้วมันก็เหตุของเขานะ จึงทำให้เขาเป็นแบบนั้น

จุดหมาย says: เรียกได้ว่าไม่มีเวลาว่างสำหรับเรา ให้ไปทำอย่างอื่นเลยก้อว่าได้อ่ะนะพี่

สุขที่แท้จริง says: เราต้องหมั่นรู้ในกายบ่อยๆ จิตมันจะได้แว่บไปข้างนอกน้อยลง
เราว่าเขา เขาก็ว่าเรา จิตมันไว ความเคยชิน

จุดหมาย says: อืมมมนะครับ นั่นแหล่ะคือสิ่งที่เราควรจะต้องทำ และทำให้ได้บ่อย ๆ
ทำให้เกิดเป็นกิจลักษณะ จนทำให้เกิดเป็นนิสัย
สุดท้ายแล้วทำให้ติดเป็นสันดานที่ติดตัวเราไปตลอดที่ยังมีลมหายใจอยู่

สุขที่แท้จริง says ตีหนึ่งแล้ว ไวมากๆ จิตขี้โม้

จุดหมาย says: จิตแบบนี้หาซื้อแถว ๆ ตามท้องตลาด หรือตลาดนัดได้หรือป่าวครับพี่

สุขที่แท้จริง says: มีทั่วไปแหละค่ะ พี่ยังมีเล๊ยยยย
ไม่ต้องไปหาแถวไหนหรอก แถวนี้เพียบ

จุดหมาย says: แบบนี้แสดงว่าราคาไม่แพงมากนักสืนะ ถึงมีได้เกลื่อนกลาดไปหมดเลยอ่ะ
หรือบ้างให้ฟรี ๆ หรือบางครั้งจัดโปรโมชั้นให้กันฟรีๆ ไปเลย

สุขที่แท้จริง says: คุณนี่ พอละ โม้ไปเรื่อยย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


9ตค.53

จุดหมาย says: ปลาเค็มเจทำยังไงอ่ะ ใช้อะไรมาทำเหรอพี่

สุขที่แท้จริง says: ทำจากแป้งนี่แหละค่ะ แต่เขานำไปทำอย่างไรต่อนี่ พี่ไม่ได้ไปหา
ส่วนการนำมาทำอะไรได้บ้าง ได้ทั้งผัดและทอดเปล่าๆค่ะ ยำก็ได้ แล้วแต่ชอบ

จุดหมาย says: อ๋อครับ แล้วรสชาติ มันคล้าย ๆ กับปลาเค็มจริงหรือป่าวล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: บางที่ทำเหมือนนะ แต่บางที่ทำไม่เหมือน เก่งนะคนทำ ยอมรับเลยย

จุดหมาย says: อืมมนะ เหมือนได้แค่รูปนะ ได้ธรรมะมาง่าย ๆ อีกอย่างนึงล่ะเนี่ย
รูปที่เราเห็น ไม่ได้เเป็นเหมือนอย่างที่เราเคยให้ค่าเอาไว้นะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: วันนี้ได้ธรรมะ ตั้งแต่ตอนหัวค่ำเลยนะเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: คุณเริ่มเข้าใจคำว่าเปลือกหรือรูปมากขึ้น หรือสิ่งที่มากระทบหรือสิ่งที่เกิดขึ้น
เห็นไหมบัญญัติ เรียกได้สารพัด แต่ความหมายเดียวกัน

จุดหมาย says: คงจะจริงอย่างที่พี่พูดอ่ะนะ
ธรรมวิจัยยะ ตามความเห็นของพี่ มีองค์ประกอบอะไรบ้างครับ

สุขที่แท้จริง says: คืออะไรคะ ต้องถามว่าหมายถึงอะไร แหมๆๆๆวันนี้เล่นคำศัพท์

จุดหมาย says: อืมมม งั้นถามทั้งสองอย่างเลยล่ะกันครับว่า
ธรรมวิจัยยะ หมายถึงอะไร และมีองค์ประกอบอะไรบ้าง

สุขที่แท้จริง says: คุณน่าจะรู้คำตอบนะว่าพี่จะต้องตอบกับคุณว่าอย่างไร ถ้าถามมาแบบนี้
ไปถามอรหันต์กูเกิ้ลสิคะ

จุดหมาย says: อืมม ในนั้นหน่ะหาง่ายนะครับ แต่ว่าอยากถามจากผู้ที่ปฏิบัติอ่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: ถามบ่อยๆในสิ่งที่คิดว่าใช่ เมื่อคิดว่าใช่บ่อยๆก็จะได้เป็นโสดากูเกิ้ลไงคะ ดีออก
จะได้ระวังตัวมากขึ้น คนที่คิดว่าตัวเองเป็นโสดาหรือได้โสดานี่ดีนะ
เขาจะต้องพยายามทำตัวให้เหมือนคุณสมบัติที่กล่าวไว้แบบหยาบๆ

จุดหมาย says: ดีหรือไม่ดี อยู่ที่การให้ค่าสิครับ

สุขที่แท้จริง says: อันนี้ดีจริงๆ ถึงจะเป็นกิเลสก็ตาม เพราะคนๆนั้นจะต้องใช้ความพยายามมากๆเลย
ถ้าสติเขายังไม่ทันต่อการปรุงแต่งน่ะ อย่างน้อยศิล 5 แบบหยาบๆ เขาต้องพยายามรักษาแบบสุดๆ
นี่ดีออกเห็นมั๊ย

จุดหมาย says: แบบนี่เรียกว่ามีทั้งความอยาก และความตั้งใจเป็นทุนเดิมล่ะสิเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่จะคิดนะ พี่มองแต่เหตุ มันเหตุของเขา

จุดหมาย says: อืมม ใช่ครับ แล้วแต่จะคิด ความคิดของ ๆ ใคร คน ๆ นั้นก้อรับไป
ก่อเหตุแบบไหน ผลย่อมเป็นไปตามนั้น

สุขที่แท้จริง says: แต่ มีดี ย่อมมีเสีย เสียคืออะไรรู้ไหม

จุดหมาย says: อืมม ไม่รู้สิ

สุขที่แท้จริง says: เสียรู้ให้กับสภาวะที่รู้แบบหยาบๆ

จุดหมาย says: แต่ก้อถือว่าดีไม่ใช่เหรอ ไม่ผิดพลาดแล้วจะรู้เหรอ

สุขที่แท้จริง says: คือ ถ้าเขาคิดว่าเขาได้โสดา แล้วพยายามทำตัวให้เหมือน
แต่ถ้าเขาเอาสิ่งที่เขาคิดว่าเขาได้นี่ ไปยกตนข่มคนอื่นๆว่าตัวเองดีกว่าเขา นั่นแป่กเลย
คนที่ละสักกายะทิฏฐิได้ จะมีแต่ความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ว่าใครๆหรอกนะ

จุดหมาย says: อ๋อ ๆ แบบนี้เข้าข่าย ตัวกูรู้ กูดี กูเก่ง กูเลิศ เข้าเต็ม ๆ เลยสินะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ เห็นไหมสภาวะ มีตั้งแต่หยาบจนละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ
ในกูเกิ้ลน่ะแค่หยาบๆ ปากต่อปาก บอกเล่าต่อๆกันมา

จุดหมาย says:
คนที่รู้ และเข้าใจในแก่นแท้ของธรรมะ ยิ่งสูง ยิ่งลึกซึ้งนี่ จะมีแต่ความอ่อนน้อมถ่อมตนนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ มีแต่นโม คือนอบน้อม เหตุที่นอบน้อม เพราะเข้าใจในเหตุของคนอื่นๆ

จุดหมาย says: อืมมนะ เข้าใจนะครับ ว่าปากต่อปาก นี่มันก่อเหตุอะไรได้บ้างนะ

สุขที่แท้จริง says: มันแล้วแต่เหตุของแต่ละคนค่ะ

จุดหมาย says: อืมมม ใช่เลยครับ

สุขที่แท้จริง says: ถ้าคุณเข้าใจในเรื่องเหตุ คุณจะมีแต่จิตคิดเมตตาต่อคนอื่นๆ

จุดหมาย says:
ครับ คงเป็นแบบนั้นนะครับ เพราะว่ารู้ว่าสร้างเหตุแบบไหน แล้วผลลัพท์จะเป็นอย่างไรบ้าง

สุขที่แท้จริง says: ส่วนความโกรธอารมณ์ต่างๆยามกระทบยังมีไหม ยังมี แต่รู้ตัวได้ทันมากขึ้น
มีแต่ไม่พยาบาท ไม่อาฆาตใดๆ ไม่ตอบโต้ พอสติมา จะมีแต่เมตตา

จุดหมาย says: เมื่อรู้แล้ว ย่อมไม่มีจิตที่คิดจะสร้างเหตุให้ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ

สุขที่แท้จริง says: ดับที่เหตุเลยค่ะ คือตัวเอง จะกลับมาพิจรณาที่ตัวเอง
หาช่องโหว่วที่ยังมีให้คนอื่นๆว่าได้ แล้วจะปรับตัวเอง ไม่ทำให้คนอื่นๆว่า เพราะนั่นคือความคิดของเขา
เราไปว่าเขาไม่ได้ หน้าที่เราคือ ไม่ให้ใครมาสร้างเหตุกับเรา และเราไม่ไปสร้างเหตุกับใครๆ

จุดหมาย says: เมื่อทำตัวเองดีพร้อมแล้ว โอกาสที่จะสร้างเหตุใด ๆ นั้นย่อมลดลงไปเรื่อย ๆ นะ

สุขที่แท้จริง says: มันจะค่อยเป็นค่อยไปนะคะ ไม่ใช่จะทำได้ทันที แต่ .... มันก็ไม่แน่นนะ
มันก็แล้วแต่เหตุของแต่ละคนอีกแหละ

จุดหมาย says: ใช่ครับ อะไร ๆ ย่อมไม่อาจคาดเดาได้ ทุก ๆ อย่างมีทั้งเป็นไปได้ และเป็นไปไม่ได้

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says:
ที่คิดว่าเป็นไปได้ และ เป็นไปไม่ได้นั้น จริง ๆ แล้วเกิดจากการที่เราให้ค่ากันอยู่เนือง ๆ อ่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: ของทุกๆอย่างมีสองด้าน สุดแต่ว่าใครจะเลือกมองหรือเลือกที่จะทำในด้านไหน
ใครเลือกทำแบบไหนก็ล้วนแต่เหตุที่เขาทำกันมา เราจึงมีคำบัญญัติขึ้นมาว่า ดี ชั่ว บาป บุญ
จริงๆแล้วมันคือเหตุ

เมื่อดี เราก็ว่าบุญ เมื่อไม่ดี เราก็ว่าบาป ล้วนเป็นการให้ค่าตามความคิดของแต่ละคน
ใครให้ค่าอย่างไร ย่อมรับผลตามการให้ค่านั้นๆเอง

เหมือนเรื่องการกินเจ บางคนบอกว่าได้บุญ พี่ถามกลับว่าได้บุญตรงไหน
เขาถามพี่ว่าแล้วพี่กินทำไม

จุดหมาย says: อืมมนะ แล้วแต่การให้ค่าของแต่ละคนอ่ะนะพี่

สุขที่แท้จริง says:
พี่บอกว่า การกระทำใดๆก็ตาม ถ้าไม่เบียดเบียนตัวเองและผู้อ่น ย่อมเป็นสิ่งที่ดี
ที่พี่กิน กินเพราะอยู่ในกลุ่มของคนที่กิน

จุดหมาย says: อืมม อันนี้ใช่เลย ตามความคิดของผม คิดว่าถูกต้อง

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าไม่ได้อยู่ในกลุ่มของคนที่กิน พี่กินอะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ ไม่ได้มายึดติดว่าทำแบบนี้แล้วได้บุญ
บุญหรือบาปอยู่ที่การให้ค่าต่างหาก แต่สิ่งที่วัดผลจริงๆคือ จิตของคนๆนั้นต่างหาก

จุดหมาย says: อืมม สิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่เกื้อหนุนให้สร้างเหตุอ่ะนะ

สุขที่แท้จริง says: เพราะเราเคยสร้างเหตุมาไงคะ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมไหนๆก็ตาม
อย่างตอนเด็กๆ ที่บ้านกินเนื้อวัว พี่ก็กินเนื้อวัววมาตลอด เพราะที่นั่นมีแต่อิสลาม
พอไปอยู่ในกลุ่มของคนคริสต์ พี่ก็เข้าโบสถ์ตามเขา

จุดหมาย says: อืมมนะ อยู่ที่ว่าเราจะเห็นและเข้าใจในเหตุที่เราสร้างมาหรือป่าว เท่านั้นเองสินะ

สุขที่แท้จริง says: ไปอยู่ในกลุ่มของคนจีน ก็ไปรับธรรมะร่วมกับเขา
นี่เห็นไหมเหตุ สภาวะเขาให้เรียนรู้มาตลอด แต่ตอนนั้นพี่ยังไม่รู้

จุดหมาย says: อืมมนะ เข้าได้กับทุก ๆ กลุ่มเลยนะครับเนี่ย
ว่าแต่อยู่แถวไหนเนี่ย ทำไมถึงได้มีกลุ่มเยอะแบบนี้หน่ะ

สุขที่แท้จริง says: เคยสร้างเหตุมาน่ะ ผลมันเลยเป็นแบบนั้น
แห่งแรกคือบ้าน แห่งที่สองคือโรงเรียน แห่งที่สามคือที่ทำงาน แห่งที่สี่ สารพัดรูปแบบ
ไม่มีมาว่ากัน ไม่สุดโต่ง เอาแค่พอประมาณ

จุดหมาย says: หมายถึงอะไรเหรอพี่

สุขที่แท้จริง says: หมายถึงว่า ในเรื่องราวต่างๆ เราสุดโต่ง เราก็เข้ากับใครๆเขาไม่ได้
ถ้าคล้อยตาม กลายเป็นง่ายเกินไป ขาดการพิจรณา กลางๆนี่แหละ

จุดหมาย says: ต้องรู้ และเข้าใจต่อการดำเนินชีวิตล่ะสิ
แหมมมมมมมมมมม ช่างเหมาะเจาะกับคำสอนของพระพุทธองค์เลยนะเนี่ย
ให้ปฏิบัติในทางสายกลางหน่ะ ไม่หลง ไม่เชื่อ ไม่อวด ไม่งมงาย และ ไม่....จิปาถะ

สุขที่แท้จริง says: มันต้องมีฯลฯต่อท้ายด้วยนะ ไม่ใช่มีแต่ " ไม่ " แค่นี้ ชักไวนะเดี๋ยวนี้

จุดหมาย says: อะไรไวเหรอพี่ สนใจลองเสี่ยงโชคมั้ยครับ
http://lpth.glomobi.com/Confirm.aspx

สุขที่แท้จริง says: ถามผิดคนป่ะคะ

จุดหมาย says: อืมม ท่าทางจะจริงนะครับ

สุขที่แท้จริง says: โชคต่างๆล้วนเกิดจากเหตุเราทำไว้ทั้งนั้น ของฟรีไม่มีในโลกหรอกค่ะ

แดนสุข คือ จุดหมาย says:

สนใจลองลุ้น ๆ ดูมั้ยครับ
http://www.chilliclubs.com/wp/cyifq/?pi ... 5822_0_2_0

สุขที่แท้จริง says: คำถามไม่เห็นจะมีอะไร

จุดหมาย says: ครับ คำถามไม่มีอะไรมากหรอกครับ
แต่สิ่งสำคัญนั้นมันอยู่นอกเหนือคำถามนะครับ

สุขที่แท้จริง says: คืออะไรคะ ไม่เห็นจะมีอะไร

จุดหมาย says: จุดประสงค์ของเขานั้นคือ ต้องการให้เราส่งข้อความไปลุ้นโชค และเขาก้อจะมีรายได้

สุขที่แท้จริง says: ปัทติโถ สิ่งล่อกิเลสของคน

จุดหมาย says: ถูกต้องเลยครับ

สุขที่แท้จริง says: คุณอยากได้ของเขา คุณก็ต้องยอมที่จะเสียในบางส่วนถ้าเขาขอมา
ความอยากจึงทำให้กลโกงเกิดขึ้นมามากมาย

จุดหมาย says: ใช่เลยครับ ความอยากทั้งหลายล้วนเป็นตัวก่อเหตุได้ต่าง ๆ นาน

สุขที่แท้จริง says: ทำด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองน่ะดีที่สุด นี่ตัวนี่นะช่วยขจัดอภิชฌาได้ดี
การเพ่งเล็งอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่น เห็นไหม ศิลข้ออทินนา

จุดหมาย says: อ๋อครับ เห็นแล้วครับ

สุขที่แท้จริง says: ยังอยากได้อีกไหมล่ะคะ

จุดหมาย says: ผมไม่อยากได้หรอกครับ เฉย ๆ นะ ถ้าได้ก้อดี ไม่ได้ก้อไม่เป็นไร

สุขที่แท้จริง says: แหมๆๆๆๆๆๆ ไม่อยากได้เนี่ยนะ แต่นำมาให้พี่เล่นเหรอ เทอเสร็จแน่ๆๆๆๆ

จุดหมาย says: อะไรเหรอพี่

สุขที่แท้จริง says: จะต้องมีสิทธิ์เสียเงิน ในสิ่งที่เทออยากได้ แล้วไม่ได้ดั่งใจ

จุดหมาย says: ผมเห็นพี่ชอบเล่นเกมไงครับ เลยส่งเกมที่เขาเอามาเล่นกับสิ่งเหล่านี้
ส่วนอื่่นๆ นั้นไม่ได้เกี่ยวกันเลย พี่จะอยากได้ หรือไม่อยากได้นั้นก้อเรื่องของพี่อ่ะนะ
ผมไม่อาจคาดเดาได้เลย

สุขที่แท้จริง says: คำว่าเล่นเกมของพี่ คือไม่มีสิ่งของมาหลอกล่อ ไม่มีเป้าหมาย

จุดหมาย says: อ่ะนะครับ เข้าใจนะครับ

สุขที่แท้จริง says: อย่าๆๆๆ อย่ามาคาดเดา เอาตัวเองมาเปรียบเทียบนะคะ เหตุของใครก็ของคนนั้นนะ

จุดหมาย says: ครับ ต้องยอมรับกันให้ได้นะครับ ยอมรับได้ก้อชดใช้กันไปซะ แล้วมันจะได้จบลงไป
จะถามพี่ว่า บางครั้งที่เราง่วงนอน หาวบ่อย ๆ แต่เวลาไปนอนแล้ว กลับนอนไม่หลับ
แบบนี้พอจะมีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้างครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่คาดเดา ง่วงก้ให้รู้ว่าง่วง หาวก็ให้รู้ว่าหาว ทำไมชอบให้ค่าเสียจริงๆ ป๊าดดดดด

จุดหมาย says: ว่าแล้ว ต้องโดนอีกแน่ ๆ เลย

สุขที่แท้จริง says: ไม่เคยจำเลยนะคะ ทำไป มันไม่มีอะไรหรอก อยากรู้ เดี๋ยวก็รู้เองแหละ

จุดหมาย says: แหมมมมมมมมมมมม เพิ่งจะเจอมาเมื่อกี้นี้ไงครับ

สุขที่แท้จริง says: แต่คำตอบมันก็เปลี่ยนได้ตลอดเวลา ตามสภาวะ ทำมาแหมมมมมมม

จุดหมาย says: ครับ คงเป็นแบบนั้นน

สุขที่แท้จริง says: มันแน่อยู่แล้ว จะไปเอาอะไรกับความไม่เที่ยงล่ะ

จุดหมาย says: อ่ะนะ นี่แหล่ะนะคือคำตอบ
เมื่อกี้นี้เกิดการพิจารณาเรื่องของ สภาวะหยาบ ๆ กับ ละเอียดอ่ะนะครับ
จิตเขาพิจารณาว่า สภาวะหยาบ ๆ นะถ้าเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ ก้อคือ

หากเปรียบกับหนังสือแล้ว สภาวะหยาบ ๆ นั้นคือ หัวข้อหลัก ๆ สภาวะละเอียดนั้น
เปรียบกับ เนื้อหาที่ปลีกย่อยออกไปของแต่ละหัวข้อ
อันนี้เกิดขึ้นตามจิตของผมที่เขาเกิดไปพิจารณามาเมื่อกี้นี้อ่ะนะ มีตรงไหนที่พี่เห็นต่างออกไปมั้ย

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่รู้ของแต่ละคนค่ะ พี่โนคอมเม้น หยาบก้คือหยาบ ละเอียดก้คือละเอียด

จุดหมาย says: อืมมม ง่ายดีนะครับ ไม่ต้องไปแปลอะไรเลย

สุขที่แท้จริง says: ส่วนหยาบของใคร ละเอียดของใคร อาจจะเห็นต่างกันไป แล้วแต่จะให้ค่า

จุดหมาย says: เข้าใจความหมายได้เลยทันทีหน่ะ จริง ๆ แล้วหากเราไม่ไปให้ความสำคัญ
ต่อการให้ค่าแล้ว ทุกอย่างมันไม่มีอะไรเลยนะครับ บอกหรือว่าพูดอะไรมาปุ๊บ เข้าใจได้ในทันทีหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: จำไว้นะคะ พูดอะไรไว้มั่ง

จุดหมาย says: อ่ะนะครับ มีอะไรเห็นต่างมั้ยครับ
มีพิจารณาอีกเรื่องนะครับ เรื่องของการอยู่กับปัจจุบัน เมื่อไหร่ที่เราอยู่กับปัจจุบันได้แล้ว ย่อมรู้ ย่อมเห็น
และย่อมเข้าใจต่อเหตุที่ก่อขึ้นมาได้ชัดเจนเลยนะครับ

แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นอยู่นอกเหนือสิ่งที่เราจะรู้ ไม่อาจคาดเดาอะไรได้เลยจริง
อย่างเช่นเรื่องของการหมดอายุขัยของตน ว่าจะหมดลมหายใจวันไหน เมื่อไหร่

สุขที่แท้จริง says: เรื่องปกติค่ะ

จุดหมาย says: อืมมมอ่ะนะ ใช่ครับเป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องได้เจอกันทุก ๆคนอยู่แล้ว
เมื่อกี้นี้เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาเลยอ่ะครับ ว่าการที่เราจะหมดอายุขัยนั้น อะไรเป็นตัวกำหนด

สุขที่แท้จริง says: สงสัยแล้วได้อะไรคะ เหตุไง คำตอบง่ายๆมีอยู่แล้ว

จุดหมาย says: หากจะบอกว่าเกิดจากเหตุนะ อันนี้ก้อใช่นะแต่ว่าเราจะเห็นเหตุนั้นได้อย่างไรล่ะ

สุขที่แท้จริง says: เหอๆๆๆๆๆ ขอหัวเราะ

จุดหมาย says: หัวเราะด้วยคนนะครับ

สุขที่แท้จริง says: คิดไปได้ ว่างมากนักหรือไงคะ ทำไมไม่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
พี่น่ะกำลังเดินไปมา ซักผ้าไปด้วย คุณน่ะ รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์สิ

จุดหมาย says: ตอนนี้ ทำจิตให้ว่างนะครับ จริงสิ ทำหลายอย่างจังเลยนะ

สุขที่แท้จริง says: ทำจิตให้ว่างเหรออออออ หาปัญหาซอกแซ่กมาแบบนี้นี่นะ

แดนสุข คือ จุดหมาย says: ว่างมาก ๆ ก้อฟุ้งซ่านเยอะนะสิพี่

สุขที่แท้จริง says: คำว่า ว่าง มากๆของคุณนั้นคืออะไร

จุดหมาย says: อ๋อ หมายถึงว่างจากการทำงาน ว่างจากการทำกิจกรรมที่เป็นกิจกรรมหลัก ๆ

สุขที่แท้จริง says: คุณนี่เหมือนนกแก้วนะ

จุดหมาย says: อ้าว ไหงเป็นงั้นไปได้นะ

สุขที่แท้จริง says: ก็คำถามที่คุณถามมาน่ะ มันก็เหมือนๆกับคำถามเวลาผ่านกรงนก
วันนี้กินข้าวยัง หิวไหม ไปไหน ฯลฯ คือ ถามไปเรื่อย แสดงว่าไม่เคยเลี้ยงนก

จุดหมาย says: อืมม ไม่เคยอ่ะนะพี่

สุขที่แท้จริง says: ที่บ้านพี่น่ะไม่เคยเลี้ยง แต่ข้างบ้านเลี้ยง
นกแก้วกับนกเอี้ยงพอๆกัน ช่างพูด เขาจะจำคำคนพูด

จุดหมาย says: แล้วนกอย่างอื่นล่ะ

สุขที่แท้จริง says: น่านนน พอเลยยย สุดยอดเลยคุณนี่ พี่ไปซักผ้าต่อดีกว่า
อยากรู้อะไรก็ไปถามกูเกิ้ลแทนละกันนะ

จุดหมาย says: ครับ ตามสบายนะครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 00:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


10 ตค. 53

จุดหมาย says: อนิจจัง ทำให้เกิดทุกข์ จริงป่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไปเอามาจากไหนอีกละ

จุดหมาย says: การเกิด ตาย เกิด ตาย เป็นอนิจจัง

สุขที่แท้จริง says: ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ถ้าไปยึด มันก็ทำให้เป็นทั้งสุขและทุกข์ได้

จุดหมาย says: การเจ็บ ปวด ทุกขเวทนา เป็นอนัตตา เพราะไม่มีตัวตน

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่คุณจะให้ค่า

จุดหมาย says: ครับ คงจะอย่างนั้นนะครับ แล้วแต่เราจะให้ค่านะครับ
ผมได้ฟังธรรมมาวันนี้นะครับ หลวงพ่อธี วิจิตตธัมโม ท่านเทศน์เรื่องของ อนัตตา
ผมฟัง ๆ ตอนแรก ๆ งงเลยครับ เพราะว่าท่านพูดภาษาไทยได้ไม่ค่อยชัด
เพราะท่านเป็นพระไทยใหญ่ ตอนนี้อาศัยอยู่ที่เชียงใหม่

สุขที่แท้จริง says: อีกแล้วนะ

จุดหมาย says: เวลาท่านมาเทศน์ให้ฟัง ต้องมีพระท่านมาแปลให้ฟัง ผมว่าแล้วเชียว

สุขที่แท้จริง says: คุณไม่น่าทำแบบนี้เลยนะ มันส่งผลต่อสภาวะของตัวคุณเอง
ตัวพี่น่ะไม่สะเทือนหรอก เพราะพี่ไม่รู้ พี่ไม่ได้เจตนาใดๆ

จุดหมาย says: แบบไหนครับ ลองยกตัวอย่างหน่อยสิครับ

สุขที่แท้จริง says: แต่ตัวคุณน่ะรู้ แล้วยังทำ พี่ไม่คิดจะยุ่งกับคำสอนของพระไหนๆ
ท่านจะสอนอย่างไรเรื่องของท่าน นั่นเหตุของท่าน

จุดหมาย says: อ๋อครับ เข้าใจแล้วครับ

สุขที่แท้จริง says: แม้แต่คนธรรมดาพี่ยังไม่ไปยุ่ง นับประสาอะไรกับพระ

จุดหมาย says: ครับ ผมผิดไปแล้วครับ

สุขที่แท้จริง says: หวังว่าคงทำแบบนี้ครั้งสุดท้ายนะ

จุดหมาย says: ไม่ยอมจำซักทีเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: อย่าทำแบบนี้อีก มันไม่ดีต่อตัวของคุณเอง

จุดหมาย says: ครับ จะจำเอาไว้ครับ

สุขที่แท้จริง says: คุณควรจะเคารพในพระสงฆ์ ท่านสอนแล้วถูกใจ อยากจำก็จำไป
แต่อย่านำมาทำแบบนี้ เราควรดูจิตของเรา ดูกิเลสของตัวเอง อย่าเล่นจนเกินไป มันมีแต่เหตุ

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ

สุขที่แท้จริง says: เหตุ ไม่ว่าจะสร้างกับใครๆก็ตาม ล้วนส่งผลหมด
ถ้าไม่อยากให้สภาวะติดขัด จงดูตัวเอง อย่าส่งจิตออกนอกแบบนี้อีก พี่น่ะเจอมาหมดแล้ว ประมาท

จุดหมาย says: อยู่กับตัวเองให้ได้บ่อย ๆ ล่ะสินะ
เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมานี้รุ้สึกว่า จิตเขาสงบดีครับ

สุขที่แท้จริง says: นี่นะสงบ ทำแบบนี้นี่นะ คุณน่ะสอบตก ติดลบ

จุดหมาย says: อืมมม จริงสิครับ ติดลบเลยเหรอ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เล่นเอาพระมาเล่น

จุดหมาย says: ไม่เสมอตัวหรอกเหรอ

สุขที่แท้จริง says: ให้ติดลบเลย

จุดหมาย says: โอ้ จริงสิ คราวหน้าจะพยายาม ไม่ให้มีแบบนี้อีกนะครับ
ถ้ามีอีก คงจะเกิดจากความไม่รู้ หรือว่าเผลอไปนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ระวังนะคะ นี่พี่พูดจริงๆนะ
กับคนธรรมดาน่ะว่าระวังแล้ว กับพระยิ่งต้องระวังมากขึ้น
ท่านจะเป็นอะไร สอนยังไงเรื่องของท่าน

ถูกหรือผิดเราแค่เอาความถูกใจ ไม่ถูกใจของตัวเองให้ค่ากันเองทั้งนั้น
อีกอย่าง นั่นคือเหตุของท่าน

ท่านทำท่านรับผลเอง แล้วเราจะไปเอาเหตุเหล่านั้นเข้ามาหาตัวเองทำไม มันมีแต่เหตุ
แล้วมันก้จะส่งผลมาที่สภาวะการปฏิบัติของเรา ส่งผลมาที่ชีวิตของเรา

เมื่อก่อนพี่ก็เหมือนคุณ สติยังไม่ทัน
เดี๋ยวนี้ทันมากขึ้น กับคนธรรมดานี่ยังมีหลุดไปบ้าง กับพระนี่ระวังสุดๆ

จุดหมาย says: อืมม พี่มีประสบการณ์แบบไหนล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ไม่เล่า ขี้เกียจเล่า
ใครยังอยากจะสร้างเหตุก็ตามใจ ใครทำ ก็รับผลเอาเอง ให้จิตมืดบอดด้วยอวิชชาอยู่อย่างนั้นแหละ

จุดหมาย says: อืมม ตัวอวิชชานี่สุดยอดเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: กูรู้ กูดี กูเก่ง บดบังดวงตา

จุดหมาย says: กิเลสตัวนี้นี่น่ากลัวมาก ๆ เลยนะ

สุขที่แท้จริง says: มันมีตั้งแต่สภาวะหยาบๆจนกระทั่งละเอียด

จุดหมาย says: ครับ สภาวะหยาบ ๆ แค่ผ่าน ๆ นะครับ ส่วนสภาวะละเอียด ทำให้เกิดรู้ แล้วปล่อยวาง
อืมมม จริง ๆ แล้ว มันก้อขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ใช่แค่ผ่านๆ มันจะรู้ รู้และรู้มากขึ้นจนกระทั่งไม่คิดจะแตะอีกต่อไป
มันออโต้ กระทบปุ๊บ รู้ทันที ดับทันที

จุดหมาย says: นั่นคือ เห็นเหตุปุ๊บ หยุดทันทีเลย
ไม่ยอมเข้าไปข้องเกี่ยวใด ๆ อีก หากยังเข้าไปข้องเกี่ยว นั่นคือสติไม่ทัน

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ

จุดหมาย says: อืมมครับ จะรู้และเข้าใจสภาวะหยาบ สภาวะละเอียดได้นี่
ต้องเกิดจากการปฏิบัติเองเท่านั้นนะครับ ฟัง หรือว่าอ่าน ยังผลให้เกิดขึ้นได้ยากนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ต้องเรียนรู้ทุกๆสภาวะด้วยตัวเอง ผิดพลาดมาก่อนที่จะรู้

จุดหมาย says: ครับ ต้องอาศัยประสบการณ์ สติ สัมปชัญญะ และสมาธิเป็นตัวขับเคลื่อนล่ะสินะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 03:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 00:44
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


คุณเจ้าของกระทู้คะ คุณใช่คุณ"น้ำ"หรือคุณ"สุขที่แท้จริง" หรือเปล่าคะ
ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ช่วยเปิด "ข้อความใหม่" ด้วยนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 20:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


cctalin เขียน:
คุณเจ้าของกระทู้คะ คุณใช่คุณ"น้ำ"หรือคุณ"สุขที่แท้จริง" หรือเปล่าคะ
ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ช่วยเปิด "ข้อความใหม่" ด้วยนะคะ



สวัสดีค่ะ คุณ cctalin
ได้อ่านข้อความทั้งหมดแล้วค่ะ เข้าใจในความรู้สึกที่เป็นอยู่
ทุกอย่างล้วนมีเหตุ เราเคยสร้างเหตุร่วมไว้กับบุคคลอีกหลายๆคน รวมทั้งสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ครูบาอาจารย์ ตลอดจนคนอื่นๆ และสรรพสัตว์ก็ล้วนไม่มีความแตกต่างจากเราเลย เหมือนกันหมด

เรียก " พี่น้ำ " ได้นะคะ :b12:
พี่เคยได้อ่านบล็อกของน้องมานานแล้ว ยังพอจำข้อความได้แบบคร่าวๆ

จากข้อความที่เขียนมา



cctalin เขียน:
" หนูขอโทษที่เสียมารยาทเหตุเพราะหนูร้อนวิชา เพราะการภาวนาหนูถดถอยลงเรื่อยๆ
พร้อมกับศรัทธาที่เหลือเพียงน้อยนิด และหนูรู้สึกเสี่ยงต่อการลงอบายภูมิทุกลมหายใจค่ะ "



เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากความไม่รู้ จึงเป็นเหตุให้เกิดการให้ค่ากันแบบผิดๆ
จริงๆแล้ว พระอาจารย์ท่านก็ไม่ได้สอนผิดอะไร ท่านก็สอนในแบบที่ท่านปฏิบัติของท่านมา
อย่างน้อย น้องลองย้อนกลับไปทบทวนดูในสิ่งต่างๆที่ผ่านมา ระหว่างที่เคยปฏิบัติมากับท่าน
ท่านเคยสอนให้น้องทำผิดศิลบ้างไหม? เอาแค่ตรงนี้แหละ ยังไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องอื่นๆ

การที่เรามีความรู้สึกชื่นชม ศรัทธาในตัวบุคคลใดสักคนไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร
แต่ที่ให้เกิดความผิดปกติ ก็เนื่องจากการที่เราไปยึดติดในความศรัทธา ที่เราคิดว่าเรามีอยู่กับท่าน

เมื่อเกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับท่านไปในทางแง่ไม่ดี ความศรัทธาที่มีอยู่ย่อมสั่นคลอนเป็นเรื่องธรรมดา
เพราะว่าโดยทั่วๆไป ความศรัทธาที่เกิดขึ้น มักจะเกิดเพียงแค่จากเปลือกที่มองเห็น แต่ไม่ได้เกิดจากจิต
ที่ได้ผลจากการปฏิบัติ เพราะถ้าเกิดจากจิตที่ได้ผลจากการปฏิบัติ ความศรัทธาที่มีต่อครูบาอาจารย์
จะไม่มีวันเสื่อม มีแต่จะให้ความเคารพในตัวท่านเหมือนเดิมทุกๆอย่าง ไม่ว่าท่านนั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม

พี่เองก็เคยเจอสภาวะเดียวกับน้องมาก่อน ในเรื่องของครูบาอาจารย์
เคยเสื่อมความศรัทธาในตัวท่าน เหตุเนื่องจากความประพฤติของท่าน

แต่มาตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะเมื่อเข้าใจเรื่องเหตุแล้ว ย่อมเข้าใจเรื่องผลที่ต้องได้รับ
พี่ได้ไปกราบขอขมาและขออโหสิกรรมต่อการเพ่งโทษที่เคยมีต่อท่าน

เมื่อเราปฏิบัติจนเห็นผลในจุดๆหนึ่ง เราจะมีแต่คำขอบคุณและระลึกถึงแต่บุญคุณ
ตลอดจนความเมตตาที่ครูบาอาจารย์ ที่ท่านได้ให้กับเราในเรื่องของการปฏิบัติ

สิ่งที่น้องบอกมาว่า " การภาวนาหนูถดถอยลงเรื่อยๆ "
พี่น้ำขอถามนะคะว่า เอาอะไรมาเป็นตัววัดค่ะว่า การปฏิบัติถดถอยหรือการภาวนาถดถอย


น้องไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกนะคะ เป็นเรื่องปกติที่ทุกๆคนจะต้องเจอกัน
จะสนทนากับพี่น้ำที่เอ็มหรือที่กระทู้นี้ หรือจะตั้งกระทู้ขึ้นมาใหม่ก็ได้นะคะ
เมล์ของพี่ค่ะ noy_walai@hotmail.com


ขอย้ำอีกครั้งนะคะ


ไม่มีใครหรืออะไรที่ไหน ที่มาทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือเลวลงก็ตาม
ทุกๆเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของทุกๆคนนั้น ล้วนเกิดจากเหตุที่แต่ละคนกระทำ
หรือสร้างมันขึ้นมาเอง มีทั้งเจตนาและไม่เจตนา แม้จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม
ทุกอย่างล้วนส่งผลทั้งสิ้น

แต่เพราะยังมีความไม่รู้กันอยู่ จึงหลงเพ่งโทษนอกตัว
ไปกล่าวโทษนอกตัวว่า เพราะคนนั้น คนนี้ จึงทำให้ชีวิตของเราเป็นไปแบบนั้น แบบนี้

ฉะนั้น เมื่อหลงสร้างเหตุเหล่านี้ไป ก็ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้น แต่ที่ยังยอมรับไม่ได้
เกิดเนื่องจากว่า " ความไม่รู้ " ตัวเดียวนี่แหละค่ะ จึงเป็นเหตุให้ก่อภพก่อชาติใหม่ไม่รู้จบ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 11 ต.ค. 2010, 20:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2010, 18:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


11ตค.53


จุดหมาย says: ความไม่นอน มันมีได้ตลอดเวลาเลยสินะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ สภาวะเขาทำให้เราระวังตัวตลอด

จุดหมาย says: ครับ คอยระวังอยู่ทุก ๆ วินาทีเลยสินะครับ
วันนี้ผมเห็นผลกรรม ที่เราคุยกันวันนั้นแล้วล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: คือ ยอมรับนะ ทุกวินาทียังทำไม่ได้ แต่ก็พยายามระวังไว้ก่อนทุกๆครั้ง
ไม่อยากสร้างเหตุอีกค่ะ เราต้องระวังตัวเราเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นๆมาระวังเรา

จุดหมาย says: อืมม ใช่ ๆ เลยนะครับ เราต้องระวังตัวของเราก่อน
เมื่อเราระวังตัวของเราเองได้แล้ว การที่จะไประวังเหตุของคนอื่น ๆ ย่อมทำได้ง่ายขึ้น

สุขที่แท้จริง says: เขายังไม่รู้ เราต้องเห็นใจเขา
เหมือนๆที่เราผ่านๆมา ที่หลงสร้างเหตุไปด้วยความไม่รู้

จุดหมาย says: อืมมครับ ถ้าเรารุ้และเห็นเหตุของเราแล้ว เราย่อมเข้าใจ
และพยายามที่จะไม่ไปสร้างเหตุให้เกิดต่อไปอีกเรื่อย ๆ นะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ
แรกๆอาจจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากๆ แต่เมื่อสติทันมากขึ้น พยายามน้อยลง เพราะรู้ทันมากขึ้น
แล้วเวลาเกิดการกรทะบหรือเกิดเหตุ เราจะมองที่เราก่อนละว่าเราผิด มากกว่าจะไปกล่าวโทษคนอื่นๆ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ การที่เราจะรู้เท่าทันต่อสภาวะที่เกิดขึ้นได้นั้น เราต้องค่อย ๆ สั่งสม
ประสบการณ์ สติ สัมปชัญญะ ของเราให้มีกำลังเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยก่อนนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เมื่อเรามองว่าเราผิด จิตย่อมสงบลงไปได้ไว ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นได้
โดยไม่ไปตอบโต้ใดๆ คือ จิตมันฉลาดมากขึ้น

จุดหมาย says:
เมื่อเราหยุด เราไม่ตอบโต้ เหตุต่าง ๆ ย่อมน้อยลงไป ๆ จนสุดท้ายแล้วไม่เหลือะไรเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: มันก็จบ แต่ที่ยังไม่จบ คือสภาวะอื่นๆ

จุดหมาย says: ใช่ครับ พอจบได้แล้ว เราก้อสบายเลย

สุขที่แท้จริง says: จนกว่าทุกๆสภาวะจะจบลงด้วยตัวสภาวะเอง
เรามีหน้าที่คือ ทำต่อเนื่อง ดูตัวเอง

จุดหมาย says: สภาวะทุกสภาวะเขาต่อเนื่อง และเกื้อหนุนกันนะครับ
ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะรู้เท่าทันต่อ สภาวะนั้น ๆ หรือไม่ หากรู้เท่าทันได้ไว สภาวะนั้นย่อมจบลงได้ไว

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เหมือนการสอบอารมณ์ ไม่ต้องให้ใครมาสอบหรอก
ตัวกระทบที่เกิดขึ้นนี่แหละ ดูจิตให้ทัน นี่คือตัวสอบอารมณ์ชั้นยอด
เรื่องรูป นาม มีตำราให้ท่องเยอะแยะ โกหกกันได้ ของจิรง โกหกไม่ได้

จุดหมาย says: ครับ การสอบอารมณ์ตัวเอง เหมือนกับการให้คะแนนตัวเองไปในตัวนะครับ
เป็นทั้งนักเรียน และครูในคน ๆ เดียวกัน

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ
คำตัดสินของคนอื่นๆ นั่นคือความคิดของเขา แต่ไม่ใช่ตามความเป็นจริง

จุดหมาย says: ของจริง ยังไงก้อยังเป็นของจริงอยู่ตลอดไปนะครับ ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ แต่ถ้ายังโกหกตัวเอง อันนี้ก็แล้วแต่เหตุค่ะ
เราไปแก้เหตุให้กับใครๆไม่ได้ เขาต้องแก้ที่ตัวของเขากันเอง
เพียงแต่เขาจะรู้ได้ด้วยตัวเองเมื่อไหร่เท่านั้นเอง

จุดหมาย says ครับ ใช่ครับ ใครสร้างเหตุอะไร คน ๆ นั้นต้องแก้เหตุของตัวเองให้ได้
และที่สำคัญเลย ต้องยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นนั้นให้ได้ด้วย

สุขที่แท้จริง says: เอาพระไตรปิฎกมาเอ่ยอ้าง ก็โกหกได้ค่ะ สภาวะโกหกไม่ได้ แม่นตำราแค่ไหน
สภาวะได้แค่ไหน จะตีความได้แค่นั้น ไปไม่ถึงรายละเอียดของสภาวะที่ซ่อนอยู่ในตัวบัญญัติ

จุดหมาย says: ครับ บัญญัติ ยังไงก้อคือบัญญัตินะครับ บัญญัติที่มีบันทึก หรือตั้งกันเอาไว้นั้น
ย่อมมีคลาดเคลื่อน ขึ้นอยู่กับว่าใครคนไหนจะมองเห็นนะครับ
เพราะว่าของจริงของแต่ละคนนั้น ย่อมเจอแตกต่างกันออกไป

สุขที่แท้จริง says: จะเรียนรู้เรื่องราวของคนอื่นๆ จงเรียนรู้ในเรื่องความผิดพลาดของเขา
อย่าไปเรียนรู้เรื่องความสำเร็จ เพราะความสำเร็จของเขา นั่นคือเหตุของเขา
แต่ความผิดพลาดต่างหาก ที่เราควรเรียน เพื่อจะระวังไม่ก่อให้เกิดความผิดพลาดแบบเขา

จุดหมาย says: การมองเห็นเรื่องของความสำเร็จของคนอื่นนั้น เปรียบเสมือนกับเป็นการสร้างกิเลส
ให้เกิดในทางอ้อมได้เลยนะครับ หากว่าเราไปยึดติดกับความสำเร็จของคน ๆ นั้น

สุขที่แท้จริง says: เพราะความไม่รู้ไงคะ ดูไม่ออก คนที่ประสพความสำเร็จจริงๆ
เขาจะมีแต่ความเมตตา ไม่ยกตนข่มท่าน ไม่มีการเปรียบเทียบ มีแต่การให้อภัย
เพราะเขาเหล่านั้น ย่อมผ่านสิ่งต่างๆเหล่านั้นมาหมดแล้ว

จุดหมาย says: ครับ เพราะตัวอวิชชานี่แหล่ะนะ ที่ยังคงฝังลึกอยู่ในจิตของพวกเรา ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลาย

สุขที่แท้จริง says: เมื่อผ่านมาหมดแล้ว เมื่อเข้าใจเหตุของตนเอง ก็ย่อมเข้าใจในเหตุของผู้อื่น
เหมือนเรื่องการปฏิบัติ ถ้าเข้าใจแล้ว เราจะไม่ไปเปลี่ยนแนวทางของใครๆ
ไม่ไปว่าวิธีการไหนๆว่าถูกหรือผิด ไม่ยึดติดในรูปแบบหรือตัวบุคคล
เราจะให้เขาปฏิบัติในแบบที่เขาเคยทำ ที่เขาทำแล้วถนัด

ที่ปรับเปลี่ยนจริงๆคือเรื่องสติและสมาธิ เรื่องของอินทรีย์ ให้รู้เท่าทันกับสภาวะ
ให้ทำตามสภาวะ ไม่ใช่ไปขัดขืนหรือไปกดข่มสภาวะ

จุดหมาย says:
อืมม ใช่เลยครับ วิธีการของใครก้อของคน ๆ นั้น เราจะไปห้ามให้เขาอย่าทำแบบนั้นนะมันก้อไม่ได้

สุขที่แท้จริง says: เหตุของใคร ก็ของคนนั้น วิธีการเริ่มต้นจึงแตกต่างกันไปตามเหตุค่ะ

จุดหมาย says: เพราะว่าจริตของใคร ก้อของคน ๆ นั้นเอง

สุขที่แท้จริง says: เหตุค่ะ อย่าไปพูดว่าจริตเลย ฝึกพูดคำว่าเหตุไว้ค่ะ

จุดหมาย says: ครับ ผมจะพยายามใช้คำว่าเหตุ ให้ขึ้นใจนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
เหตุของแต่ละคน คือพื้นฐานเริ่มแรกของการปฏิบัติของแต่ละคน ไม่มีอะไรถูกหรือผิด วิธีไหนๆก็ไม่ผิด

จุดหมาย says:
คำว่าเหตุ ใครจะเข้าใจว่าอย่างไร อันนั้นก้อแล้วแต่เหตุของแต่ละคนที่สร้างกันเอาเองนะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เหมือนพี่สมัยก่อน จำได้ไหมที่คุณถามเรื่องกรรม
นั่นน่ะเห็นไหม ท่องจำต่อๆมา แต่ไม่เข้าใจโดยสภาวะว่ากรรมแท้จริงแล้วคืออะไร
ในเมื่อเข้าใจกันแล้ว แต่ทำไมยังทำผิดๆกันอีกล่ะ
พอมาเข้าใจ อ๋อ เหตุนี่เอง มันไม่ได้มีถูกหรือผิดเลย

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ การที่พวกเรามัวแต่มายึดติดกับคำว่า ถูก หรือว่า ผิด นี่
เป็นการสร้างเหตุไม่รุ้จักจบ จักสิ้นกันเลยนะ

สุขที่แท้จริง says: อุปทานไงคะ การให้ค่า ตามการกระทบที่เกิดขึ้น ความพอใจ ไม่พอใจ
มีหน้าที่คือทำตามสภาวะ ดูจิตตัวเอง ไม่ใช่ไปดูนอกตัว แล้วหลงให้ค่าตามสิ่งที่เกิดขึ้น คาดเดาเอาเอง

จุดหมาย says: ครับ เหตุก้อเกิดจากความไม่รู้อีกเหมือนเดิมนะครับ
ครับ เพราะการดูจิตของตัวเองนั้น ยังไม่เหมือนกันทุก ๆ ครั้ง ทุก ๆ เวลาเลยนะสิครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เปลี่ยนไปตามสิ่งที่มากระทบ

จุดหมาย says: แล้วทำไมเราคงแต่มัวหลงไปให้ค่า และการคาดคะเนกันอยู่เรื่อย ๆ ล่ะ

สุขที่แท้จริง says: สติทัน สงบไว สติไม่ทันปรุงยาว เหตุจึงเกิดขึ้นเนืองๆ

จุดหมาย says: อืมม อันนั้นก้อตัวใคร ตัวมันแล้วล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: จริงๆแล้ว รายละเอียดของสภาวะนี่เยอะนะคะ มันไต่ไปทีละขั้นๆๆๆๆๆๆๆ
ที่ว่าละเอียดแล้ว ยังมีละเอียดๆๆๆๆขึ้นไปเรื่อยๆ ตามกำลังของสติ สัมปชัญญะและสมาธิที่เกิดขึ้น

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ สภาวะนั้นมันมีมากมาย เยอะแยะไปหมด

สุขที่แท้จริง says: จริงๆแล้ว สภาวะของพี่ในตอนหลัง มีแต่เรื่องการพิจรณา มันเป็นของมันเอง
พี่แค่ดู ก็มีจดไว้บ้าง แค่ดูบ้าง แต่ยังไม่ได้นำมาลง เนื่องจาก บอกตามตรงเลยนะ ขี้เกียจพิมพ์

จุดหมาย says: ครับ ที่บอกว่าดูนั้น เหตุเพราะว่าเคยผ่าน ๆ มาทั้งหมดแล้วสินะพี่
นิสัยอันนี้มีในทุก ๆ คนครับ ขึ้นอยู่ที่ว่าจะมีมาก น้อยแค่ไหน ณ ช่วงระยะเวลาใด

สุขที่แท้จริง says: ใช่ บางอย่างผ่านมาแล้วก็จริง สภาวะใหม่ละเอียดกว่า แต่ดูได้ทันมากขึ้น
เมื่อยังไม่มีข้อมูลอะไรที่ชัดเจน เหมือนกำลังทวนสภาวะน่ะ เมื่อยังไม่ชัดเจนก็เลยมีความขี้เกียจ
ไม่งั้นคนอ่านจะงงได้ ว่าเอ ทำไมเขียนหนังสือวนๆ

จุดหมาย says: ใช่นะครับ คนอ่านคงจะมีงง ๆ และคิดอยู่ในใจว่า เอ๊ะ คนเขียนคนนี้เป็นอะไรหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says: เรื่องธรรมดาค่ะ เพราะเขายังไม่เข้าใจ

จุดหมาย says: ครับ ธรรมดาก้อคือธรรมดานะครับ

สุขที่แท้จริง says: เพราะสิ่งที่เขียนนั้นมันเปลี่ยนไปทีละน้อย มันไม่ใช่ตัดขาดออกไปทันทีทันใด

จุดหมาย says: คนที่มาอ่านเลยไม่เห็นถึงความแตกต่างมากนักเลยล่ะสิ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ จริงๆแล้วแตกต่างกันมากมาย

จุดหมาย says: แตกต่างกันแบบไหนล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ขั้นตอนของรายละเอียดในข้อปลีกย่อยของแต่ละสภาวะ
บางสภาวะต้องใช้การกำหนดเข้าช่วย บางสภาวะแค่ดู แค่รู้ ไม่ต้องใช้ตัวกำหนดเข้าช่วย

จุดหมาย says:อืมมม แบบนี้ต้องอาศัยสติที่ไวมาก ๆ เลยนะครับ กับการไปดูจิตที่ไวมาก ๆ อยู่แล้วหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: เช่น คนด่าเรา เราปล่อยให้เขาด่า ภายนอกดูเหมือนยอมทุกอย่าง
แต่ภายในด่าเขาไฟแล่บทุกคำ แบบนี้ไม่ใช่นะคะ มันก็คือการสร้างเหตุเหมือนกัน
บางคนถึงต้องใช้การกำหนดเข้าช่วยเพราะแบบนี้ ยังทำใจไม่ได้

จุดหมาย says: เป็นการสร้างเหตุแบบไหนล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: เหตุแบบเดิม แต่ทำให้สภาวะเปลี่ยนไป
เปลี่ยนคนใหม่มาด่าเราต่อ ในเรื่องใหม่

จุดหมาย says: แบบนี้ต้องใช้คำกำหนดว่ารู้หนอ ๆ ด้วยล่ะสิ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ จะรู้หนอ เสียงหนอ ล้วนใช้ได้หมด
อะไรก็ได้ ให้จิตเกาะเอาไว้ก่อน มันจะได้ไม่แล่บออกไปตามสิ่งที่มากระทบ

จุดหมาย says: อ๋อ ครับ การกำหนดแบบนี้ บางครั้งต้องอาศัยการเพ่งเข้าช่วยด้วยหรือป่าว่

สุขที่แท้จริง says: เพ่งหรือไม่เพ่ง แตกต่างกันแค่คำเรียก จะเรียกยังไงก็ได้ แล้วแต่จะเรียก
ทำยังไงก็ได้ ถ้าถนัด ให้จิตมันมีที่เกาะไม่แล่บออกไปเท่านั้นพอ

จุดหมาย says: สิ่งสำคัญคือ ทำให้จิตตั้งมั่นสินะครับ

สุขที่แท้จริง says: จิตตั้งมั่น มันอีกส่วน จิตตั้งมั่นใช้ในเรื่องการทำสมาธิหรือเรื่องการทำงาน
ถ้าเราทำได้ถึงขนาดมีจิตตั้งมั่นได้ทุกสภาวะ อันนี้มันอีกเรื่อง

จุดหมาย says: อืมมครับ นี่ก้อคือกลอุบายอย่างหนึ่งที่ช่วยในการปฏิบัติล่ะสินะ

สุขที่แท้จริง says: สติค่ะ สติเป็นอันดับแรก การกำหนด กำหนดเพื่อให้เกิดสติ

จุดหมาย says:
อ้าว แล้วการกำหนดแบบนี้เอาไว้เพี่อจุดประสงค์เดียว คือไม่ต้องการให้จิตออกไปเพ่นพ่านล่ะสิเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: มันมีรายละเอียดลึกลงไปกว่านั้น ขี้เกียจอธิบาย

จุดหมาย says: อืมมครับ ใช่ครับ ต้องให้สภาวะเขามาถึงก่อนนะครับ ถึงคุยกันได้ละเอียด
และเข้าใจได้ง่าย ต้องให้เจอสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองบ่อย ๆ ก่อนแล้วจะรู้เอง

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ กระทบปั๊บ ดูจิตตัวเองก่อนอันดับแรก
ยกเว้นสติไม่ทัน อันนี้ก็แล้วแต่เหตุ

จุดหมาย says: ครับ แล้วแต่เหตุ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2010, 23:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


14 ตค.53

จุดหมาย says: ตอนนี้ง่วงนอนหรือยังครับ

สุขที่แท้จริง says: เพิ่งลงมาจากทำกรรมฐานค่ะ มีอะไรหรือคะ

จุดหมาย says: อ๋อครับ แค่ถามดูนะครับ เห็นบอกว่าช่วงนี้ สภาวะมันไม่แน่ไม่นอน
เดี๋ยวง่วงบ้าง ไม่ง่วงบ้าง เวลาที่เป็นสมาธิ จะมีอาการง่วงเข้ามาแทรกได้บ้างมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ค่ะ จิตแจ่มใสดีค่ะ รู้ชัดในกายได้ดี
คือรู้ทุกๆความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในกายได้ชัดดี

จุดหมาย says: เวลาที่รู้สึกกายได้ชัด จะมีความรู้สึกว่ากายนี้เบาไปด้วยใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ค่ะ สมาธิของพี่มันแนบแน่นดี อาการกายเบาจะไม่มีเกิดขึ้น
อาการกายเบา จะเกิดขึ้น อันนี้เท่าที่เคยเจอมานะคะ ตอนสมัยที่ฝึกสมาธิใหม่ๆน่ะค่ะ
ตอนนั้นกำลังของสมาธิยังไม่แนบแน่นแบบนี้

จุดหมาย says:
หมายความว่า หากตอนไหนรู้สึกว่ากายนั้นเบา ๆ แสดงว่าสมาธิยังกระท่อน กระแท่นอยู่ล่ะสิครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ

จุดหมาย says: อ๋อครับ แสดงว่าตอนเมื่อหัวค่ำ ตอนที่กำลังเดินกลับบ้านนั้น สมาธิผมยังน้อยอยู่
ผมคิดว่าสมาธิดีเสียอีก เพราะรู้สึกว่ากายนั้นเบา และจิตสงบดี มีความรู้สึกตัวได้ดี

สุขที่แท้จริง says: นั่นสมาธิอ่อนๆค่ะ

จุดหมาย says:
ครับ เวลาที่สมาธิแนบแน่นดีนั้น เวลาเดินจะรุ้สึกว่ามีแรงดึงดูดเข้ากับพื้นได้หนักแน่นดีสินะพี่
ทุก ๆ ย่างก้าวที่สัมผัสพี้น มีความรู้สึกชัดเจนต่อการสัมผัสที่เกิดขึ้น

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ เรื่องปกติค่ะ

จุดหมาย says:
ครับ หากคนที่มีการฝึกฝนอยู่สม่ำเสมอ แค่เดินเพียงไม่กี่ก้าว สมาธิเกิดแนบแน่นได้ทันทีเลยสินะ

สุขที่แท้จริง says:
เอาเป็นว่า ถ้าทำได้ต่อเนื่อง สภาวะการเดินที่เราเดินปกติทุกๆวันนี่แหละ ความรู้สึกจะเปลี่ยนไป
ที่ว่าเคยเดินรู้แบบเดินทั่วๆไปจะเปลี่ยนมารู้ชัดทุกย่างก้าวที่เดิน มันจะเป็นแบบนั้น
ไม่ว่าจะใส่ร้องเท้าหรือไม่ใส่ก็ตาม

จุดหมาย says: อืมมครับ พอจะเข้าใจครับ เพราะบางวัน รู้สึกแบบนั้นอยู่เหมือนกัน

สุขที่แท้จริง says: ต่อไป มันจะรู้ได้ต่อเนื่องเองค่ะ โดยไม่ต้องไปกำหนดใดๆ

จุดหมาย says: ครับ คล้ายกับว่าการปฏิบัติกรรมฐานแบบเต็มรูปแบบอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นการ
เข้าคอร์สฝึกอบรม แล้วนำออกมาใช้งานจริงเลยนะครับ
และทำให้เกิดความเคยชิน จนทำให้รู้สึกเองโดยอัตโนมัติ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ รูปแบบหลักๆคือเดินกับนั่งนี่แหละที่ต้องทำประจำ ขาดไม่ได้ หยุดไม่ได้

จุดหมาย says:
ครับ หากหยุดหรือทำไม่ต่อเนื่องเมื่อไหร่ ส่งผลให้ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ กลับไป กลับมาเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ตราบใดที่จิตยังไม่สามารถรู้อยู่กับกายได้ต่อเนื่องหรือกำลังของสมาธิยังไม่ตั้งมั่นมากพอ
เรียกว่า ทั้งสติ สัมปชัญญะและสมาธิต้องมีกำลังมากในระดับหนึ่ง มันจะต่อเนื่องด้วยตัวของสภาวะเอง
ไม่มีมาหยุดทำหรอกค่ะ เรียกว่ารู้สึกตัวได้ตลอดเวลา มันจะมีเหตุให้ต้องทำตลอดน่ะ

จุดหมาย says: ครับ แล้วสิ่งเหล่านี้จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราไปโดยอัตโนมัติเลยนะ
โดยที่เรานั้นไม่ต้องไปบังคับ บัญชาแต่อย่างใดเลย ผลพลอยได้คือ
ทำให้กำลังของสติ สัมปชัญญะ เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติไปด้วย

เมื่อกี้นี้จิตเขาเกิดไปนึกย้อนดูสภาวะที่เกิดขึ้นสองวันทีผ่านมานะครับ จิตเขาพิจารณาแล้วบอกว่า
สองวันที่ผ่านมาหน่ะ สภาวะที่กระทบกับเรานั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องจิตล้วน ๆ เลย
แต่วันที่หน่ะจิตเขาไปยุ่งอยู่กับกาย เรื่องที่มากระทบกับจิตนี่ไม่ค่อยจะมีเลย

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่ค่ะ

จุดหมาย says: ครับ วันนี้เริ่มเห็นเหตุและผลแห่งกรรมได้ชัดเลยครับ
ก่อเหตุปู๊บ เห็นผลตามมาในไม่กี่ชั่วโมงต่อมาครับ

วันนี้โทรไปแซว ๆ เจ้าหน้าที่ทรู ออกแนวบ่น ๆ อ่ะครับ
พอตกเย็นมาโดนหัวหน้ามาบ่นเราเลยนะครับ มาในแนวเดียวกันเลยครับ
มาเจริญสตินี่ มันดีแบบนี้นี่เองนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เหตุทั้งนั้นแหละค่ะ นี่รู้มั๊ยประโยชน์จากกิเลสนักช็อป

จุดหมาย says: ดีแบบไหนครับ

สุขที่แท้จริง says:
เมื่อก่อนว่าทำให้รู้จักจับจ่ายมากขึ้น คิดพิจรณาก่อนจะซื้อ นี่ได้ของแถมมาอีกอย่าง

จุดหมาย says: อะไรล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: เพิ่งเกิดปัญญาวันนี้เองนะ บทปัญญาจะเกิดเขาเกิดเอง
ดูสิเดินที่ห้างมาน่าจะเดือนแล้วมั๊ง

จุดหมาย says: เขาเกิดขึ้นตอนช่วงไหนล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ตอนเดินกลับบ้าน หลังจากเดินที่ห้าง จำได้ไหมเรื่องช่างเสรมสวยที่เล่าให้ฟัง

จุดหมาย says: ครับ เมื่อคืนวานใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ พี่ไม่อยากฟังเรื่องที่เขาเล่า โกหกตลอด ถ้าเขายังคุยกับพี่ เหตุเขาสร้างไม่จบ
ก็สามวันมานี่ พี่น่ะไม่อยากแวะ ใจก็คิดนะ ขอให้คนที่ไม่ชอบพี่ คนที่กล่าวร้ายพี่เรื่องสามีเขาน่ะ
ขอให้อยู่ที่ร้านเขา จะได้ใชเป็นข้อ้างในการที่ไม่ต้องนั่งรับฟังเขาพูด มันได้ผลนะ

แต่ว่าวันนี้ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ขออะไร หลังจากเดินที่ห้าง สองชม.น่ะ ตอนเดินกลับ ระหว่างทาง
จิตมันก็คิดนะ เอ ... เรารู้เท้าชัดได้มากๆเลย เป็นแบบนี้มาตลอด มันก็เดินจงกรมดีๆนี่เอง

จุดหมาย says: อืมม ช่ายยยครับ

สุขที่แท้จริง says: ทำไมเราไม่ไปนั่งกำหนดต่อเลยล่ะ สมาธิต่อเนื่องดีนะ
ทีนี้ พอจะผ่านร้านเขา พี่ต้องแวะ เขาปรึกษาเรื่องพ่อเขาเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย พี่ให้คำแนะนำเสร็จ
ก็ไม่นั่งต่อ บอกกับเขาว่า ขอตัวไปทำกรรมฐานต่อ เขาก็เลยไม่ได้พูดอะไรต่อ
พอพี่กลับมาถึงบ้าน ขึ้นห้องพระเลย ก็พอขึ้นห้องพระ เดินประมาณ 2 รอบก็กำหนดนั่ง
เออดีแฮะ จิตมันเป็นสมาธิแนบแน่นดี ประมาณ 50 นาที พี่จะดูเวลาก่อนนั่ง จะได้รู้เวลา

จุดหมาย says: ครับ ทำเหมือนกันครับ

สุขที่แท้จริง says: แหมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

จุดหมาย says: เจริญรอยตามพี่เลี้ยงนะครับ

สุขที่แท้จริง says: นี่นะ พี่ก็คิดนะ เมื่อก่อน ทำไมเราถึงไม่ทำแบบนี้นะ
ปล่อยเวลาทิ้งไปตั้งนาน คำตอบมันสวนมาเลย เหตุมี ผลย่อมมี

จุดหมาย says: อืมมม เหตุนั้นคืออะไรล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่หาคำตอบนะ อีกหน่อยก็รู้เองแหละ
สภาวะเขาให้เรียนรู้ทุกๆเรื่อง ต้องทำ ถึงจะรู้ ถ้าไม่ทำ ไม่มีทางรู้

จุดหมาย says: อันนี้คือพี่บอกให้ผมไปหาเอาเอง หรือว่าพี่ไม่อยากหาคำตอบครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ได้มีทั้งไม่อยากและอยาก เฉยๆค่ะ เพราะชินกับสภาวะ

จุดหมาย says: ครับ ผ่านมาเยอะแล้วนี่ครับ

สุขที่แท้จริง says: หาไปก็เท่านั้น มีแต่ความสงสัยไปเปล่าๆ
ในเมื่อรู้แล้วว่าคำตอบคืออะไร จะต้องไปหาทำไม มีหน้าที่คือทำ

จุดหมาย says: อืมมครับ หากสติทัน น่าจะออกมาในแนวนี้นะครับ

สุขที่แท้จริง says: เดี๋ยวทุกๆคำตอบก็จะรู้เอง แล้วจะต้องไปค้นหาทำไม
นี่นะ มีอีก ผลพลอยได้ งานนี้ได้หลายต่อ

จุดหมาย says: อะไรบ้างล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ต่อไปนี้ พี่ไม่ต้องไปวัดมหาธาตุอีกแล้ว

จุดหมาย says: อืมม อยากรู้จังว่าเหตุเพราะอะไร

สุขที่แท้จริง says:
พี่ไปห้างบิ๊กซีแทน ในวันอาทิตย์น่ะ ใกล้บ้านด้วย ค่าเดินทางใดๆไม่ต้องเสีย

จุดหมาย says: อ๋อ ๆ ไปเดินจงกรมที่ห้างแทนนะครับ แอร์เย็นด้วย ฟรีด้วย

สุขที่แท้จริง says: ที่เดินจงกรมกว้างขวางมากๆ เห็นป่ะ เพิ่งฉลาด ต้องโง่มาก่อน

จุดหมาย says: อืมมครับ แต่ก่อนนั้นคงเป็นเพราะชอบช๊อปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจสินะครับ
ทำให้ไม่ได้มัวมาสนใจคิดแบบนี้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เลยมองไม่เห็นตรงนี้ กิเลสมันบดบังดวงตา ปัญญาเลยไม่เกิด แต่เมื่อสภาวะพร้อม เขาก็เกิดเอง
เพราะกิเลสมันเบาบางลงไป อะเมซิ่งมากๆเลยนะจิตเนี่ย

จุดหมาย says: แต่ก่อนคงคิดว่าการจะไปปฏิบัติกรรมฐานนั้นควรจะไปที่วัด ถึงจะดีสินะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ตามสภาวะ

จุดหมาย says: ครับ การไปเดินจงกรมในห้างนี่เป็นบททดสอบเรื่องของสมาธิได้ดีเลยทีเดียวนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เหตุของแต่ละคน สัปปายะเลยได้พบแตกต่างกันไป

คือ จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says: พี่รู้อยู่ในกายได้ดีนะ ไม่ว่อกแว่ก

จุดหมาย says: ตอนนั้นมีคนมาช๊อปปิ้งอยู่ในห้างเยอะมั้ยล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: เยอะมากๆค่ะ ช่วงเย็น แต่ความรู้สึกเราเหมือนเดินแบบไงดีล่ะ มันไม่วุ่นวายน่ะ

จุดหมาย says: ครับ นี่แหล่ะครับที่ผมบอกว่าเป็นบททดสอบเรื่องสมาธิที่ดีมาก ๆ เลยครับ
มีสิ่งกระทบ สิ่งยั่วยุต่าง ๆ มากมายเลย

สุขที่แท้จริง says: สุดยอดเลยนะสภาวะ มันยังมีอะไรๆให้เรียนรู้ตลอดเวลา
เรียนรู้ในกาย ข้อสอบนอกกาย สุดยอดป่ะ สนามสอบ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ เป็นสนามสอบที่หินอยู่พอตัวครับ

สุขที่แท้จริง says: อันนี้เรื่องจริงค่ะ แต่เมื่อรู้อยู่ในกายได้ชัดมากเท่าไหร่ ข้างนอกเป็นเรื่องปกติไปเลย
แรกๆหินมากๆ กระทบปั๊บ ปรุงทันตา

จุดหมาย says:
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมและประจวบเหมาะแล้ว ธรรมะเขาจัดสรรมาให้เราโดยอัตโนมัตินะครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ ไม่ต้องไปตะเกียกตะกาย อยากมี อยากได้ อยากเป็นอะไรๆหรอก
มันมีแต่ ยิ่งเข้าใจ ยิ่งธรรมดาๆๆๆๆๆ ธรรมดาของทุกๆสิ่งที่เป็นแบบนั้นๆเอง ตามเหตุปัจจัยของแต่ละคน
แต่เพราะเหตุจากความไม่รู้ อุปทาน หลงให้ค่าต่อสิ่งที่เกิดขึ้น มันเลยเป็นไม่ธรรมดาไป กลายเป็นกิเลสไป

จุดหมาย says: ครับ แค่รู้ แค่ดู แค่ทำตามหน้าที่ แล้วเจริญสติไป
จริง ๆ แล้วทุก ๆ สิ่งเป็นของธรรมดาเท่านั้นเองนะครับ

สุขที่แท้จริง says: พี่ถึงบอกไง สภาวะพี่ตอนนี้รวมมิตร โดนให้ทำข้อสอบทุกอย่าง

จุดหมาย says: แต่ที่เกิดสิ่งต่าง ๆ นั้นเพราะเราไปยึดมั่น และอุปทานให้ค่ากันเอง
ตามความคิด ความพอใจ ไม่พอใจของตัวเอง

สุขที่แท้จริง says: อย่าเอาแต่ท่องจำ ทำไปค่ะ

จุดหมาย says: แหมมมมมมมมมมมม

สุขที่แท้จริง says: เป็นนกแก้วน่ะดีนะไม่ใช่ไม่ดี อย่างน้อยยังท่องจำได้แม่น

จุดหมาย says: ครับ เมื่อทำเอง เกิดรู้และเข้าใจแล้ว ที่เคย ๆ เป็นนกแก้วอยู่แล้ว
จะยิ่งเป็นนกแก้วที่มีแต่คนชอบทั้งนั้นเลยนะครับ พูดได้เก่ง พูดได้ถูกใจต่อผู้ดู ผู้ชม

สุขที่แท้จริง says:
แหมมม

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2010, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


16 ตค. 53

จุดหมาย ตอนนี้เข้าบล็อกได้ปกติแล้วใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง ยังไม่ได้ลองเลยค่ะ เพิ่งลงมาจากห้องพระได้สักพัก กำลังดูหนัง

จุดหมาย ลองหน่อยสิครับ เพราะวันนี้เจ้าหน้าที่ทรูที่สมุทรปราการโทรมาหาผม
ผมเลยบอกเขาไปว่า คืนนี้จะลองใช้งานดูอีกครั้งนึง
หากว่ายังไม่ได้ให้เขาเข้าไปตามที่นัดเอาไว้

สุขที่แท้จริง ค่ะ เข้าได้ค่ะ ปกติ

จุดหมาย ดูหนังเรื่องอะไรครับ

สุขที่แท้จริง เก้าอี้ผีฉุดวิญญาณ THE DEVIL'S CHAIR

จุดหมาย โอ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมชอบดูหนังแนวนี้จังเลยนะ

สุขที่แท้จริง สะจัยยยยยยยยยยย

จุดหมาย จริงสิ สะใจแบบไหนกันหรือ

สุขที่แท้จริง แบบมันรู้สึกว่าทำให้เกิดการคาดเดาได้ยากน่ะค่ะ เดาไม่ได้เลย ผิดตลอด
ไม่เหมือนหนังแนวอื่นๆเดาได้ง่ายไป

จุดหมาย อ๋อครับ หนังแนวนี้ต้องทำแบบนี้แหล่ะ มันเช่นนั้นมันจะดูไม่น่าตื่นเต้น และไม่น่าติดตาม
หนังแนวอื่น ๆ ไม่ค่อยจะดูเลยรึ ดูหนังเวบอะไรนะพี่

สุขที่แท้จริง http://www.movieenjoy.com/เก้าอี้ผีฉุดวิญญาณ%20THE%20DEVIL'S%20CHAIR/movie+758+1+3647.html
ปกติไม่ค่อยจะดูนะคะ โดยเฉพาะหนังแนวรักๆใคร่ๆนี่ แทบจะไม่แตะเลย

จุดหมาย อืมม ก่อให้เกิดกิเลส และรำลึกถึงความหลังล่ะสินะ

สุขที่แท้จริง เปล่าค่ะ ไม่เกี่ยวหรอก ธรรมดาของมนุษย์ กิเลส
อะไรที่เป็นจุดไปกระตุ้นมันขึ้นมา เราไม่ควรไปแตะต้องมัน จะไปทำให้ตัวเองเหนื่อยใจไปทำไม

ยกเว้นว่า เราต้องการรู้ว่ากิเลสตรงนี้มีอยู่มากมั๊ย ก็ดูเพื่อทดสอบตัวเอง

จุดหมาย อ๋อ ๆ แต่จะมีใครบ้างหนอ ที่จะทำแบบนั้น
เห็นแต่ดู และหลง เพลินไปกับสิ่งเหล่านี้กันทั้งนั้น

สุขที่แท้จริง หมูไง ใครที่มาฝึกกับพี่ ถ้าทำแบบนี้ไม่ได้
นั่นคือยังไม่ยอมรับตามความเป็นจริงในสิ่งที่ตัวเองมีและเป็น

จุดหมาย จริงสิ หมูเขาทำอย่างไร

สุขที่แท้จริง เจริญสตินี่แหละค่ะ ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก
เพียงแต่เขาถูกสอนให้ยอมรับตามความเป็นจริงมาตั้งแต่แรก พี่สอนเขามาแบบนั้นตลอด

และทุกๆคนที่มาฝึกกับพี่ พี่สอนแบบเดียวกันหมด
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ใครจะทำหรือไม่ทำก็แล้วแต่เหตุของแต่ละคน
ยอมรับตามความเป็นจริงได้มากเท่าไหร่ ยิ่งเห็นตามความเป็นจริงมากขึ้นเท่านั้น
ตามความเป็นจริงคืออะไร คือกิเลสนี่แหละ กิเลสที่มีอยู่ในใจของเราเอง ไม่ใช่ของใครที่ไหนเลย

จุดหมาย เห็นกิเลสที่ฝังลึกอยู่ในจิต มาตลอดเวลาล่ะสินะ

สุขที่แท้จริง มีทุกคนน่ะแหละเบิ้ม แต่ใครจะยอมรับได้เท่านั้นเอง
โดยไม่ลงไปเล่นกับกิเลส หลอกตัวเอง

จุดหมาย แสดงว่าใครยิ่งหลอกตัวเอง ยิ่งลงไปเล่นกับกิเลสอยู่ตลอดเวลานะสิ

สุขที่แท้จริง ค่ะ เพราะความไม้รู้ไงคะ ถ้ารู้แล้วจะไม่หลงเล่น

จุดหมาย ที่ยังไม่รู้นั้นเพราะเหตุที่เขาเหล่านั้นทำลงไปล่ะสินะ

สุขที่แท้จริง เหมือนในเน็ต ในเอ็ม ใช้หลายชื่อ หลายยูสเซอร์ สร้างตัวตนขึ้นมาใหม่
หลายบุคคลิกแต่เกิดขึ้นในตัวคนๆเดียวกัน ทำแบบนี้ เรียกว่าหลงเล่นกับกิเลส
ยากที่จะเห็นตามความเป็นจริงได้

จุดหมาย อืมมมนะ แบบไหนล่ะพี่ ผมก้อเป็นนะ

สุขที่แท้จริง คุณย่อมรู้ตัวคุณเองดี

จุดหมาย อืมม ผมจะแบ่งตามประเภทของสิ่งที่เราสนใจอ่ะครับ

สุขที่แท้จริง แล้วทำไมต้องทำแบบนั้นล่ะ ตอบตัวเองได้ไหม ทำไมถึงไม่ใช้แค่ชื่อเดียว

จุดหมาย อืมม มันมีอยู่หลายเหตุผลที่เกิดขึ้นไปตามความคิดที่เกิดนะขณะนั้น ๆ ครับ

สุขที่แท้จริง นั่นแหละกิเลส คุณยังไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองนั้นเป็น
หากยอมรับได้ คุณจะใช้แค่ชื่อเดียว ไม่ใช้หลายชื่อ หลายบุคคลิก

จุดหมาย แสดงว่าเรายังไม่รู้ และเข้าใจว่าตัวเราเองจริง ๆ แล้วเป็นอย่างไรนะสิ

สุขที่แท้จริง จุดหมาย ค่ะ ตราบใดยังเป็นหลายตัวตนในตัวเอง
ยากที่จะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองจริงๆได้ค่ะ กิเลสมันจะหลอกเราตลอดเวลา

สิ่งที่คุณคิดว่าคุณรู้ สิ่งที่คุณคิดว่ามันถูก แต่คุณทำไมถึงไม่กล้าเป็นตัวเองล่ะ
เพราะอะไร การยอมรับ จริงมั๊ย

การเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยจากคนอื่นๆ
นั่นคือ คุณยังสนใจนอกตัว มากกว่าที่จะสนใจตัวเอง

หากคุณคิดว่าคุณรู้ จงพูดในสิ่งที่คุณรู้ เมื่อมีคนมาแย้ง เพราะเขาเห็นไม่เหมือนคุณ
คุณต้องกลับมาพิจรณาละว่าทำไมจึงไม่เห็นเหมือนคุณ

คุณต้องไปศึกษาเพิ่ม หรือไม่ก็ ไปสนทนากับคนอื่นๆ ดูความคิดเห็นของคนอื่นๆ
ไม่ใช่แสดงหลายตัวเพื่อยืนยันว่าความรู้หรือสิ่งที่คุณคิดนั้นมันถูกต้อง

รู้ของแต่ละคนแตกต่างกันไป ตามเหตุของแต่ละคน
ทำไมเราไปถกเถียงกับคนอื่นๆด้วยล่ะ ทำไมไม่นิ่งฟังรู้ของคนอื่นๆ

มันก็แค่รู้ของเขา รู้นอกตัว จะมาสู้รู้ในกายได้อย่างไร
รู้นอกตัวมีแต่การสร้างเหตุใหม่ไม่รู้จบ เพราะมีแต่อวดรู้
รู้ในตัวมีแต่ดับที่เหตุคือตัวเรานี่แหละ คุณเลือกได้นี่ จะดับที่เหตุหรือสร้างเหตุใหม่ไปเรื่อยๆ

จุดหมาย รู้อยู่ในกายได้ สำหรับพี่แล้ว คือรู้แบบไหน และอย่างไรล่ะ

สุขที่แท้จริง ถามจริงๆ ที่พี่พูดอธิบายมาให้ฟังตลอดเวลานี่ มันไม่ซึมซับไปเลยใช่ไหม
แล้วคุณคิดว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ ฝึกไปทำไม งั้นไม่ต้องทำ
ทำแล้วไม่รู้จักตัวเอง จะทำไปทำไม เล่นกับกิเลสต่อไปเถอะ

จุดหมาย อ่ะนะ นี่แค่ถามความคิดเห็นนะครับ มาเป็นชุดเลยนะ

สุขที่แท้จริง พี่พูดตามความเป็นจริง และไม่ได้มีคุณคนเดียวที่เป็นแบบนี้
ยังมีผู้คนอีกมากมายที่เป็นแบบคุณ มันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดใดๆ

จุดหมาย ครับ น่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ

สุขที่แท้จริง มีแต่เหตุและก็เหตุ มีแต่สร้างไปเรื่อยๆ
ตราบใดที่ยังทำแบบนี้ คือเล่นกับกิเลส

จุดหมาย ขยันสร้างเหตุ และ ขยันรับผลนะสิครับ

สุขที่แท้จริง ช่ายยย ตามสบาย

จุดหมาย อ่ะนะ กำลังคิดอะไรอยู่ในใจด้วยป่ะพี่

สุขที่แท้จริง เอ๋ มีอะไรหรือคะ

จุดหมาย อ้าว ก้อเมื่อคืนที่ผ่านมาหน่ะ บอกว่ามีคิดอะไรอยู่ในใจไม่ใช่เหรอ
พอคิดว่าเป็นแบบนั้นปุ๊บ แล้วส่งผลเป็นจริงตามมาไง

สุขที่แท้จริง จำไม่ได้ คิดอะไรหรือคะ อ๋อ

จุดหมาย จำได้แล้วสินะ

สุขที่แท้จริง มันก็แปลกนะ ยกความดีให้คุณละกานนน

จุดหมาย เมื่อคืนพี่บอกว่า ขอให้ได้ ๆ ใช่ป่ะ แล้วมันก้อแก้ไขได้จนเป็นปกติ
ว่าแต่ว่า.......ทำไมไม่ทำตอนก่อนหน้านั้น ต้้งนานล่ะครับ

สุขที่แท้จริง ไม่รู้สิคะ สภาวะมันทดสอบมังคะ การให้ค่า ดูจิตดูความคิดที่เกิดขึ้น
แล้วทำไมคุณถึงไม่ทำก่อนหน้านี้ล่ะคะ ในเมื่อทำเองได้นี่

จุดหมาย ให้ค่าเรื่องอะไรล่ะครับพี่

สุขที่แท้จริง ทำไมต้องไปวีนเจ้าหน้าที่

จุดหมาย สุขที่แท้จริง แต่ก่อนนั้น มันยังไม่มี reference แบบเมื่อคืนที่ผ่านมานะสิครับ
หากเมื่อคืน ไม่ได้ลองใช้งานผ่าน Google Chrome แล้วล่ะก้อ คงต้อรอไปอีกหลายวันนะ
ต้องยกผลประโยชน์ให้พี่ และขอบคุณ Google นะ

แต่ไปวีนเจ้าหน้าที่แล้วทำให้เห็นผลกรรมได้ชัดเจนดีนะครับ
สร้างเหตุปุ๊บ ไม่นานเกินรอ เห็นผลปั๊บเลย

เมื่อคืนที่ผ่านมาเจอนิมิตอีกแล้วสินะพี่

สุขที่แท้จริง มีอะไรหรือคะ

จุดหมาย อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแปลกใจว่าทำไมพี่ถึงเกิดบ่อย ๆนะ ผมไม่ยักกะมีเลยนะ

สุขที่แท้จริง แล้วแต่เหตุค่ะ อย่าไปเปรียบเทียบกันเลย

จุดหมาย อืมมมครับ แค่เพียงสงสัยนะ

สุขที่แท้จริง แหมๆๆๆๆๆ คุณกลับไปคิดพิจรณาใหม่นะคะ เรื่องที่พี่พูดไปเมื่อกี้
กลับไปทบทวนตัวเองว่ากำลังคิดอะไรอยู่

แล้วเจริญสติเนี่ยจะได้ผลก็ต่อเมื่อ คุณต้องหยุดเล่นกับกิเลสคือหยุดการใช้ยูสเซอร์หลายๆตัว
หรือหลายๆบุคคลิก ไม่งั้น คุณจะเห็นตามความเป้นจริงในสิ่งที่ตัวตนของคุณเองจริงไม่ได้

คุณต้องรู้ในตัวเองก่อน ก่อนที่จะไปรู้ภายนอก
พี่น่ะเคยเล่นมาก่อนนน เล่นเพราะไม่รู้

จุดหมาย ครับพี่ ว่าแต่่ user หลาย ๆ ตัว แต่บุคลิกเดียวกันนี่ได้ป่ะ

สุขที่แท้จริง ไม่ได้ค่ะ คุณจะใช้ชื่ออะไรก็ได้ แต่ใช้แค่ชื่อเดียวเท่านั้น
แล้วทุกๆบอร์ดก็ต้องชื่อนี้ชื่อเดียวตลอดไป นี่เรากำลังเล่นกับชีวิตของเรา สภาวะของเรา

จุดหมาย อ๋อ ๆ พอจะเข้าใจนะครับ เหมือนกับว่าเป็นนามปากกาของเรานะ
อย่างเช่นชื่อว่า walai นะครับ

สุขที่แท้จริง อันนี้ชื่อจริงของพี่ พี่ไม่ได้ใช้ชื่ออื่นๆ

จุดหมาย อ้าว พี่ชื่อ walaiporn ไม่ใช่เหรอ

สุขที่แท้จริง ค่ะ วลัยพร ชื่อนั้นเมื่อก่อนเคยใช้ นานมาแล้ว หลายปีแล้ว
ตอนนั้นยังไม่รู้จักเรื่องการเจริญสติ แต่วลัยใช้กับเอ็ม เพราะชื่อวลัยพรเกร่อมากๆในเอ็ม

ว่าจะถาม ถามไปแล้ว ยังไม่เห็นตอบมา เรื่องการใช้หลายยูสเซอร์
ตอบมาแล้ว ก็มีนะคะ สงสัยอยู่ ไม่มั่นใจในตัวเองหรือคะ

จุดหมาย อ๋อป่าวครับ ผมแยกเอาไว้ตามจุดประสงค์การใช้งานนะครับ
อย่างเช่่นว่า บางครั้งเอาชื่อไป register ตามเวบต่าง ๆ
แล้วต้องการให้ส่งข้อความ update ใหม่ ๆ มาให้เราตลอดเวลา

เวลาใช้ชื่อเดียวแล้วบางทีมันมีไปใช้กับหลาย ๆ เวบแล้ว
ทำให้ได้รับข้อความจำนวนมาก ๆ

เวลาที่เราต้องการที่จะหาข้อมูลที่เราสนใจมาก แล้ว ทำให้หายาก
เลยต้องทำการแยกเอาไว้ตามจุดประสงค์ของการใช้งาน

สุขที่แท้จริง อ่อ ... ของคุณในเรื่องการใช้งาน แค่ต้องการข้อความที่อยากรู้
ไม่ใช่ไปเล่นตามเว็บบอร์ด

จุดหมาย ใช่ครับ ส่วนมากแล้วผมจะไม่ค่อยได้เล่นเว็บบอร์ดหรอกนะครับ

สุขที่แท้จริง ถ้างั้น ไม่มีผลต่อสภาวะหรอกค่ะ คิดว่าเล่นหลายยูสเซอร์ตามบอร์ด

จุดหมาย ถ้าไปใช้บริการส่วนใหญ่แล้ว จะเข้าไปอ่านข้อความเสียมากกว่า
จะให้ไปแสดงความคิดเห็นหน่ะ ไม่ค่อยจะได้ทำหรอกครับ

สุขที่แท้จริง ดีแล้วค่ะ กิเลสตรงนั้นมันแรง
ถ้าเล่นหลายยูสเซอร์ เท่ากับเราเอากิเลสในตัวเรานี่แหละลงไปเล่น

จุดหมาย ทำผิดศีลข้อ 4 สินะครับ

สุขที่แท้จริง ค่ะ แต่บางคนอาจจะไม่รู้ตรงนี้ คิดว่าไม่ผิด จริงๆแล้วผิด

จุดหมาย แค่่คิดแต่เพียงว่าเป็นตัวหนังสือเท่านั้นเอง

สุขที่แท้จริง เราโกหกเขา เขาก็โกหกเรา เราหลอกเขา เขาก็หลอกเรา
เหตุถึงมีไม่รู้จบ สัญญาวิปลาส

จุดหมาย คืออะไรครับ

สุขที่แท้จริง ความจำไงคะ การท่องจำ อาจจะทำได้มั่ง ไม่ได้มั่ง
แต่เอาสัญญาทีท่องจำ มาเทียบเคียง ทำให้ไม่เห็นตามความเป็นจริง
เห็นตามความเป็นจริงก็กิเลสไงคะ ถ้าเห็นแล้ว ไม่เล่นหลายยูสเซอร์หรอกค่ะ

จุดหมาย การเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือ นี่ร้ายยิ่งกว่าการพูดออกมาอีกนะครับ
เพราะการพูดนั้นบางทียังคำนึงถึงถ้อยคำที่จะพูดออกมาบ้าง

สุขที่แท้จริง ใช่เลย

จุดหมาย แต่การเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือนี่ สื่อถึงความคิดที่เกิดขึ้นของจิตดวงนั้น ๆ เลยนะครับ

สุขที่แท้จริง ค่ะ จิตที่เกิดขึ้นแต่ละขณะ ตามผัสสะที่เกิดขึ้น แล้วกลายเป็นเหตุ เพราะอุปทาน
อุปทานมาจากไหน มาจากเหตุเหมือนกัน วิบากที่มีต่อสิ่งๆนั้น

จุดหมาย การให้ค่า ต่อสิ่งที่มากระทบสินะครับ

สุขที่แท้จริง ใช่ค่ะ

จุดหมาย สร้างเหตุอย่างใด ผลย่อมเกิดขึ้นตามเหตุที่สร้างขึ้นมานั้น

สุขที่แท้จริง ใช่ค่ะ ถ้าจะดับต้องดับที่ต้นเหตุคือตัวเราเอง ไม่ใช่แล่บออกไปข้างนอก
กล่าวโทษแต่ข้างนอก ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองทั้งนั้น
แต่เพราะตราบใดที่ยังไม่รู้ ย่อมยังกล่าวโทษนอกตัว

สติทันหรือไม่ทัน คุณดูง่ายๆน่ะ ตราบใดที่ยังมีการกล่าวโทษหรือเพ่งโทษผู้อื่น นั่นคือ สติยังไม่ทัน

จุดหมาย การกล่าวโทษนอกตัวนั้น ย่อมส่งผลให้สภาวะไม่ก้าวหน้าด้วยใช่มั้ย

สุขที่แท้จริง ใช่ค่ะ สภาวะทั้งนอกและใน เขาเกื้อหนุนกัน
รู้ใน ย่อมรู้นอก ทำนอกส่งผลต่อภายใน

จุดหมาย จิตใชไหมครับ

สุขที่แท้จริง สภาวะภายในค่ะ จะเรียกว่าจิตก็ได้ค่ะ

จุดหมาย อ๋อครับ ทั้งความคิด การกระทบ ฯลฯ

สุขที่แท้จริง ค่ะ ทุกเรื่อราวที่เกิดขึ้นภายในทั้งหมด

จุดหมาย ทุก ๆ อย่างย่อมเกิดขึ้นจากภายในก่อนแล้วค่อยส่งออกนอกนะครับ

สุขที่แท้จริง ทั้งสองอย่างเขาเอื้อกันค่ะ ทำข้างใน ข้อสอบอยู่ข้างนอก ทำข้างนอก ส่งผลกลับที่ภายใน

จุดหมาย แต่จุดเริ่มต้นนั้นเริ่มจากข้างในก่อนใช่มั้ยล่ะครับ

สุขที่แท้จริง ใช่ค่ะ เริ่มจากข้างในก่อน รู้ข้างในได้แล้ว ย่อมรู้ข้างนอก ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย

จุดหมาย และสามารถทำให้เกิดเหตุ หรือดับเหตุนั้น ย่อมอยู่กับแต่ละคนเองนะครับ

สุขที่แท้จริง สติค่ะ สติของแต่ละคน

จุดหมายสติของใครทัน หรือไม่ทันนั้นแล้วแต่เหตุนะ

สุขที่แท้จริง ค่ะ เหมือนที่เรามาเจริญสตินี่ ทำเพื่ออะไรล่ะ ทำเพื่อดับที่เหตุคือตัวเรา
ไม่ใช่ทำเพื่อไปเป็นอะไร

จุดหมาย ครับ ดังนั้น เราควรที่จะสร้างเหตุที่ ส่งผลดับเหตุได้กันดีกว่านะ

สุขที่แท้จริง จะถามอะไรอีกมั๊ยคะ

จุดหมาย อืมม คงไม่แล้วล่ะพี่

สุขที่แท้จริง ได้แต่ถามๆๆๆ แต่ไม่เคยจำเล๊ยยย
จุดหมาย สุขที่แท้จริง จำนะพี่จำ แต่ยังจำได้ไม่หมดเลย มันมีเยอะมาก ๆ

สุขที่แท้จริง แล้วแต่เหตุค่ะ

จุดหมาย ครับ ใช่เลยยยยยยยยยยยยย
แล้วเวลาไปเดินจงกรมที่บิ๊กซีนี้ไปเดินแถวโซนไหนหรือ

สุขที่แท้จริง ทั้งหมด ทุกชั้น เดินตรวจตราแบบละเอียด

จุดหมาย ไม่ให้มีหลุดรอดไปได้เลยสินะพี่ คงไปตรวจสอบสินค้าทุก ๆ วันแน่ ๆ เลย

สุขที่แท้จริง ทุกวันค่ะ ไม่พลาด สองชม.น่ะ กลับมาถึงก็นั่งสมาธิก่อนทำกิจอื่นๆ
วันนี้นั่งไปได้ชม.ครึ่ง สมาธิดี

จุดหมาย สมาธิดี ตั้งแต่ตอนเดินอยู่ในห้างแล้วล่ะสิ

สุขที่แท้จริง ค่ะ ยิ่งเดินมาก ยิ่งดี

จุดหมาย นั่นสินะ ผมยังแปลกใจอยู่เลยนะ ว่าทำไมเดินมาก ๆ แล้ว ถึงส่งผลให้สมาธิดีจัง

สุขที่แท้จริง รู้เท้าไงคะ ไม่ใช่เดินเลื่อนลอย
ถ้าเดินเลื่อนลอย แบบนั้นสมาธิอาจจะมีแต่มีไม่มาก

จุดหมาย จิตจดจ่อ อยู่กับเท้าที่กระทบพื่้น ทำให้มีสมาธิเกิดขึ้นนี่เอง

สุขที่แท้จริง ยิ่งเดินรู้เท้าชัดมากเท่าไหร่ นั่นและสมาธิเกิดตลอด
ถึงสายตาเราจะมองโน่นมองนี่ก็จริงอยู่ แต่มีสติรู้อยู่กับเท้าได้ตลอด
นี่แหละสัมปชัญญะเกิด สมาธิเกิด สภาวะมันเลยแยกกันทำงาน

จุดหมาย เวลาเกิดสมาธิมาก ๆ เวลาเดินนี่รู้กายได้ชัดเจนเลยนะ
ไม่ว่าจะกำลังทำกิจกรรมอะไรอยู่ สัมปชัญญะดีพร้อมไปด้วย

สุขที่แท้จริง ค่ะ ไหนว่าเมื่อยขาจะไปนอนแล้วไง

จุดหมาย กำลังจะไปแล้วล่ะครับ แต่พอดีได้คุยกันเรื่องของสมาธิ เลยคุยกันต่อ

สุขที่แท้จริง ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2010, 00:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


18 ตค. 53

ที่แท้จริง says: ค่ะ ใครทำยังไงรับผลไปตามนั้น
ชีวิตพี่ เห็นแต่สิ่งเหล่านี้มาตลอด แม้แต่ชีวิตคุณก็ตาม
เพียงแต่คุณยังไม่ชิน ในเรื่องของความไม่เที่ยง ในเรื่องของเหตุ

จุดหมาย says: ครับ เหตุเพราะความไม่รู้ไงครับ
ไม่เคยคิด หรืออยากที่จะมองหรือพิจารณาตัวเอง

สุขที่แท้จริง says: สติ สัมปชัญญะไง

จุดหมาย says: ครับ เหตุเพราะช่วงนั้นๆ ผลยังไม่ส่งให้เราได้มาทำความเข้าใจ
หรือหันมาสนใจเรื่องของ สติ สัมปชัญญะนะครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ เราเขาล้วนไม่แตกต่างกันหรอก ตราบใดที่ยังไม่รู้
ก็ยังหลงคึกคะนองสร้างเหตุอันเป็นเหตุให้เวียนว่ายในวัฏฏะกันต่อไป

จุดหมาย says: แต่ละคนจะเริ่มเห็น และรู้ว่า สติ สัมปชัญญะนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหนนั้น
ต้องมีเหตุให้แต่ละคนนั้นได้ประสบ พบเจอ ด้วยตนเองก่อนนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เหตุเก่า เหตุใหม่ ยิ่งเห็นเหตุชัดมากขึ้นเท่าไหร่ สภาวะยิ่งไปข้างหน้ามากขึ้น

จุดหมาย says: เหตุใหม่ ในที่นี้หมายถึง เหตุที่เกิดขึ้นในขณะปัจจุบันใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: เหตุใหม่ คือเหตุที่กำลังทำในปัจจุบันนี่แหละค่ะ

จุดหมาย says: ครับ เป็นเหตุใหม่ที่ส่งให้เกิดผลต่อไปในอนาคตนั่นสินะ
หากว่าแต่ละคนนั้นยังคงสร้างเหตุให้เกิดขึ้นกันไปเรื่อย ๆ
ตอนนี้แถวบ้านพี่ ฝนกำลังตกอยู่ด้วยหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says: ไม่ค่ะ

จุดหมาย says: ครับ ช่วงนี้ฝนตกทุก ๆ วันเลยนะ
ได้ดูข่าวแล้ว เห็นเขารายงานว่าอีกไม่กี่วันจะได้รับผลกระทบจากพายุอีกลูกนึงแหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: เฉยๆค่ะ อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด

จุดหมาย says: ครับ เป็นธรรมดาของโลกนะ

สุขที่แท้จริง says: มีหน้าที่ต้องทำอะไรก็ทำไป มองนอกตัวก็แค่นั้นแหละ
เอาตัวเองให้รอดก่อน รอดแล้วจึงค่อยคิดไปช่วยคนอื่นๆ

จุดหมาย says: ครับ ควรทำแบบนั้นนะ

สุขที่แท้จริง says: ตั้งแต่พี่ไปเดินจงกรมที่บิ๊กซี แล้วมานั่งต่อที่บ้านนี่ สภาวะพี่ไปได้ดีมากๆเลย

จุดหมาย says: จริงสิครับ แบบไหนล่ะครับ เมื่อคืนที่ผ่านมาได้นอนหรือป่าวละครับ

สุขที่แท้จริง says: นอน 3 ชม.

จุดหมาย says: อืมมครับ ผมคิดว่าพี่ไม่ได้นอนอีกนะ

สุขที่แท้จริง says: ไม่เที่ยงค่ะ
รู้สึกว่าตั้งแต่ทำสมาธิรอบค่ำเพิ่มอีกรอบ การหลับเป็นไปได้ไวมากขึ้น หลับง่าย

จุดหมาย says:
เหตุที่ทำให้พี่นอนหลับได้ดีขึ้น เพราะว่ามีสมาธิคงค้างอยู่หลังจากทำกรรมฐานเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ สมาธิดีจะหลับสบายๆ แรกๆจะยังไม่หลับหรอก
มันมีสมาธิอยู่ แล้วมันก็หลับไปเอง สภาวะเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเรื่อยๆ
พักนี้สภาวะจิตสัปหงกเกิดบ่อย บ่งบอกถึง กำลังของสมาธิมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

จุดหมาย says: อ๋อครับ นี่คือวิธีการวัดกำลังของสมาธิล่ะสิครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ สำหรับตัวพี่นะ

จุดหมาย says: อืมม ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ระยะเวลาในการเดินจงกรมมาเกี่ยวข้องด้วยหรือ

สุขที่แท้จริง says: จิตสัปหงกก็จะคล้ายๆสภาวะดับ เพียงแต่ถ้าดับมันจะใช้เวลานาน
แต่นี่แค่แว๊บเดียว แต่กำลังมากนะ ถึงจะแค่แว๊บเดียวก็ตาม ดูจากโอภาสน่ะ
มีส่วนนะคะ ตั้งแต่เดินจงกรมมากขึ้น รู้สึกว่าสมาธิแนบแน่นมากกว่าเดิม ตั้งมั่นได้นานมากขึ้น
บางวันอยู่ได้ถึง 2 ชม. รู้สึกตัวตลอด

จุดหมาย says: เวลามาตรฐานของพี่สำหรับการเดินจงกรมที่ BigC คือ 2 ชั่วโมง ใช่ป่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: เวลาที่ลงจากรถแล้ว เดินตลอดเลยสิครับ
ทั้งเดินจงกรม และเดินสำรวจราคาสินค้า ซึ่งเป็นงานประจำสำหรับพี่อีกงานนึงหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ

จุดหมาย says: พี่ทราบได้อย่างไรล่ะครับว่า สภาวะของพี่นั้นเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้นหน่ะ
เอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ในการให้คะแนนตัวเอง

สุขที่แท้จริง says: สภาวะบางตัวอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ แต่ทุกคนจะรู้ด้วยตัวเอง
ดูจากกำลังของสติ สัมปชัญญะและสมาธิเป็นหลัก
ต้องมีทั้ง 3 อย่างนี่ประกอบกัน ขาดตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้
มีสมาธิต้องมีความรู้สึกตัว ปัญญาจึงจะเกิดขึ้นได้

อาอะไรมาเป็นเกณฑ์ในการให้คะแนนตัวเอง ..............
มันไม่ใช่เรื่องการให้คะแนนอะไร แต่มันคือสภาวะ

จุดหมาย says:
อืมมครับ แล้วที่บอกว่าสภาวะของเรามีความก้าวหน้ามากขึ้นนั้น เอาอะไรมาวัดล่ะ
สภาวะหยาบ ๆ กับ สภาวะที่ละเอียดมากขึ้น ใช่มั้ย

สุขที่แท้จริง says: การทันต่อการกระทบไง แค่รู้มากขึ้น
เพ่งโทษนอกตัวน้อยลง รู้อยู่ในกายมากขึ้น

สภาวะจะมีแต่เหตุให้รู้อยู่ในกายมากขึ้น คือมีเวลาทางโลกน้อยลง ทำโดยไม่ต้องมีความอยากทำ
ทำเพราะเหตุมีให้ต้องทำ สภาวะจะเป็นไปแบบนั้นเอง โดยเราเองก็คาดไม่ถึง

จุดหมาย says: สิ่งที่สำคัญคือ สติต้องทัน และสัมปชัญญะต้องเกิดขึ้นด้วยสินะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่เกิดแล้วจะรู้ได้ไงล่ะ

จุดหมาย says: ทั้งหมด ทั้งมวลที่กล่าวมาข้างต้นนั้น คือบทสรุปของการเจริญสติสินะ
หากทำได้ตามนี้แล้ว เรายิ่งเห็น และเข้าใจต่อชีวิต ทำให้รู้จักการใช้ชิวิตได้อย่างคนที่ฉลาดต่อวัฎฏะสินะ
รู้ อยู่กับปัจจุบันได้ต่อเนื่อง

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ เก่งนี่นา ทำให้ได้ตามที่เข้าใจด้วยนะ

จุดหมาย says: ครับ ผมต้องพยายามทำให้ได้นะ ตอนนี้เก่งคิดไปก่อน
ส่วนเก่งต่อการดำเนินชีวิตนั้นต้องอาศัยสติ สัมปชัญญะของตัวเองที่กำลังสะสมไปเรือย ๆ นะ

สุขที่แท้จริง says: ทำไปค่ะ

จุดหมาย says: ครับ ตอนนี้แม่พี่ ท่านอายุเยอะหรือยังล่ะครับ
อย่างยายของผมนะ แนะนำให้ท่านไปร่วนฝึกปฏิบัติกับคนอื่น ๆ ท่านไม่ค่อยจะสนใจสักเท่าไหร่เลยนะ

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่เหตุค่ะ คุณน่ะทำให้ได้ก่อนเถอะ
แล้วหมั่นแผ่เมตตาไปให้ท่าน แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเองค่ะ

จุดหมาย says: ครับ เหตุที่เรากระทำแบบนี้ย่อมส่งผลต่อเรานะครับ

สุขที่แท้จริง says: ทั้งเราและคนรอบๆตัวเราค่ะ ส่งผลถึงหมด
เพียงเราตั้งใจแผ่ให้กับคนเหล่านั้น ขอให้เขาเหล่านั้นจงมีความสุข

จุดหมาย says: ครับ ทำแค่นี้เองนะ พี่คงทำให้กับคนรอบ ๆ ข้างทุก ๆ วันเลยสิ

สุขที่แท้จริง says: ให้ทั้งหมดแหละค่ะ

จุดหมาย says: ทำเท่าที่เราทำได้นะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ

จุดหมาย says: ทุก ๆ วันนี้พี่คงจะไม่คิดอะไรมากมายแล้วสินะ

สุขที่แท้จริง says: อยู่กับปัจจุบันค่ะ

จุดหมาย says: ไม่ส่งจิตออกไปสนใจต่อสิ่งภายนอกมากนัก ส่งจิตออกไปต่อสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น

สุขที่แท้จริง says: นี่ พี่ยังไม่ตายหรอกค่ะ แหมมมซักเอาซักเอา
ถ้าตายเมื่อไหร่ก็ไม่ออนเอ็มเมื่อนั้นแหละ

จุดหมาย says: อ่ะนะ มันไม่เที่ยงนี่ครับ

สุขที่แท้จริง says: คุณจะไปอยากรู้ทำไม สภาวะคุณยังไปไม่ถึง
คุณก็แค่ฟังแล้วคาดเดา ไม่เบื่อมังเลยหรือไงกับการตั้งคำถามน่ะค่ะ

จุดหมาย says: ไปล่ะครับ ท่าทางจะกำลังแปลงร่างกลายเป็นคุณครูไหวแล้วครับ

สุขที่แท้จริง says: ก็มันจริงนี่นะ พี่ล่ะขี้เกียจตอบเพราะขี้เกียจพิม คุณไม่เคยจำเลย
ได้แต่ถามแล้วถามอีก ถามแล้วก็ไม่เคยจำว่าถามอะไรไปมั่ง ทำยังกับว่าพี่กำลังจะตายงั้นแหละ
ต้องเอาความรู้ออกมาให้หมด

จุดหมาย says: เดี๋ยวผมจะเอาข้อความที่เราคุยกันไปรวบรวมก่อนนะ
แล้วจะมานับดูว่า ข้อความที่พี่บอกว่า ถามซ้ำ ถามซากหน่ะมันมีเยอะแค่ไหน

สุขที่แท้จริง says: เอาไว้ทำหนังสือในงานศพหรือคะ งานศพพี่ไม่มีหรอก
ตายแล้วเผาเลย ไม่มีใครรู้หรอก

จุดหมาย says: พี่จะรู้ได้ไง ว่าตายแล้วเผาเลยหน่ะ ตายไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้แล้วนี่ครับ

สุขที่แท้จริง says: มันแน่อยู่แล้ว สั่งญาติไว้เรียบร้อย ไม่ต้องมาทำพิธีกรรม ไม่ต้องตั้งสวด

จุดหมาย says: ญาติ ๆ เขารับปากแล้วเหรอ

สุขที่แท้จริง says: แม่นนนแล้ว เสียเงินเสียทองเปล่าๆ

จุดหมาย says: ไม่ได้สิครับ หากตายแล้วต้องไปยังสถานที่ที่ไปบริจาคอวัยวะก่อนไม่ใช่เหรอ

สุขที่แท้จริง says: ถ้าไม่มีใครแจ้ง ก็เผาไปเลย จะไปสนใจทำไม ตายไปแล้ว

จุดหมาย says: ตัวเราคงไม่สนใจหรอกครับ แต่ว่าคนอื่น ๆ นั้น
เขาจะทำตามที่เราฝากเอาไว้หรือป่าว

สุขที่แท้จริง says: ช่างเขาสิคะ ถ้าอยากเสียเงินก็เรื่องของเขา ไปใส่ใจทำไม

จุดหมาย says: ถามหน่อยสิพี่ ที่เขานิยมเก็บศพเอาไว้กันหลาย ๆ วันนั้น แท้ที่จริงแล้ว
เขาต้องการทำไปเพื่ออะไรกัน พี่พอจะช่วยตอบคำถามตรงนี้ได้ป่ะ ผมข้องใจมานานมากแล้ว

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่เหตุ เหตุของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
บางคนทำตามประเพณี บางคนยังทำใจไม่ได้

จุดหมาย says: อ๋อ แล้วแต่เหตุของคนที่ยังมีชีวิตอยู่สินะ ไม่ใช่เหตุของคนที่ตายไปแล้ว

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2010, 01:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


21 ตค.53

สุขที่แท้จริง says: วันนี้พี่กำลังเขียนเรื่อง ความรู้สึกตัว แต่มันเขียนได้ทีละท่อน

จุดหมาย says: ปัญญาเกิดขึ้นวันนี้เหรอครับ

สุขที่แท้จริง says: มันเกิดหลายครั้ง แต่ยังเขียนไม่ได้ มีวันนี้เกิดชัด จดได้ทัน
แต่ความคิดดันสะดุด เพราะไปอะเมซิ่งกับจิตมัน

จุดหมาย says: เกิดจากจิตที่เขาไปพิจารณาใช่ป่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ว่าทำไมถึงรุ้เรื่องราวพวกนี้ได้มากมาย
ทั้งๆที่ไม่เคยอ่านจากที่ไหนมาก่อน หรือว่าเคยฟังใครเขาพูดมาก่อน

จุดหมาย says: อืมม แบบนี้คือสติไม่ทัน ถูกป่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ แทนที่จะแค่รู้ ดันไปรู้สึกแปลกประหลาดใจ สภาวะมันเลยไม่ดำเนินต่อ

จุดหมาย says: แสดงว่ายังมีความอยากรู้อยู่สินะครับ เอ๊ะ หรือว่า มีความสงสัยเกีดขึ้นนะ

สุขที่แท้จริง says: นี่แยกศัพท์ภาษาไทยไม่ออกหรือคะ
คำว่าประหลาดใจ แยกไม่เป็นเหรอ คือจะมีอารมณ์ใดๆเกิดขึ้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด

จุดหมาย says: อืมม ตามความคิดของผมนะครับ ประหลาดใจ กับ สงสัย นี่ใกล้เคียงกันนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ถ้าสงสัย คุณต้องค้นหาเหตุว่าทำไม
แต่ประหลาดใจ มันแค่รู้สึกพิศวงงงงวย แต่ไม่ไปค้นหาเหตุหรือคำตอบ
สอนภาษาไทยวันละคำให้ซะเลย คุณนี่ท่าทางจะอ่อนวิชาภาษาไทย

จุดหมาย says: แบบถ้าเป็นคำศัพท์หน่ะ บางทีก้อยังเข้าใจความหมายได้ไม่ถูกต้องนะครับ
ยิ่งเป็นคำไทย แปลเป็นไทยอีกนะ

สุขที่แท้จริง says: ชื่อที่จะเขียนน่ะ ชื่อทางที่พ้นทุกข์
มันต่อจากเรื่องพ้นทุกข์แบบ้านๆที่เคยเขียนไปแล้ว
ตอนนั้นสภาวะมันยังไม่ละเอียด แต่ตอนนี้มันละเอียดมากขึ้น

จุดหมาย says: แสดงว่าอันนี้มันต่อยอดมาจากของที่บอกมานะสิ

สุขที่แท้จริง says: ทางพ้นทุกข์ที่แท้จริง เราต้องสามารถนำมาแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมได้
แล้วจะไม่ให้พี่รู้สึกอะเมซิ่งกับจิตเขาได้ยังไง สภาวะชัด ได้รู้ทีละสภาวะ รายละเอียดมีมากขึ้นเรื่อยๆ

จุดหมาย says: หมายถึง เรารู้และเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งนะสินะ เป็นเพียงผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

สุขที่แท้จริง says:
ถามนะ ถ้าพูดเรื่องนิพพานน่ะ คุณสามารถนำมาแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมแบบจับต้องได้ไหม

จุดหมาย says: อืมมม ยากมากกกกกกกกกกกก นะครับ หากไม่เจอด้วยตนเองนะ ยากกกกที่จะเข้าใจ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ แต่สภาวะตัวนี้คุณสามารถจับต้องได้
คุณสามารถรู้ด้วยตัวเองได้ และบอกต่อได้ โดยการทำให้เห็น

จุดหมาย says: สภาวะตัวนี้ หมายถึง นิพพาน นะเหรอ

สุขที่แท้จริง says: อย่าไปเอาบัญญัตินิพพานเลย คนเลยมองว่านิพพานเป็นเรื่องไกลตัว
ไกลตัวเพราะภาษานี่แหละ

จุดหมาย says: อืมม ถ้าแบบนั้น หากพี่ให้ค่าแล้ว พี่จะบอกว่าคืออะไรล่ะ

สุขที่แท้จริง says: นิพพานคืออะไรล่ะ

จุดหมาย says: อืมม นิพพาน คือ สภาวะที่ทำให้ไม่มีการเกิด

สุขที่แท้จริง says: ต้องดับที่เหตุใช่ไหม เหตุคือกิเลสทั้งปวงใช่ไหม

จุดหมาย says: อืมม ถ้าแบบนั้น หากจะบอกให้เข้าใจง่าย ๆ แล้ว
พี่จะให้ค่าของคำว่านิพพาน ในฉบับของพี่ว่าอย่างไรล่ะ

สุขที่แท้จริง says: หมดเหตุทั้งปวง เมื่อไม่มีเหตุ ย่อมไม่มีผล
ต้นตอของเหตุคือ กิเลส แล้วทำไงล่ะถึงจะดับกิเลสได้จนหมด

จุดหมาย says: อืมมม นั่นแหล่ะ คือเหตุที่เราต้องทำ

สุขที่แท้จริง says: ต้องรู้เท่าทันกิเลสก่อนถูกไหม

จุดหมาย says: ใช่

สุขที่แท้จริง says: แล้วจะรู้เท่าทันกิเลสได้ยังไงล่ะ เราต้องรุ้เท่าทันจิตถูกต้องไหม

จุดหมาย says: ถูกต้องครับ ต้องทำ

สุขที่แท้จริง says: วันนี้นะ จิตมันพิจรณายาว ถ้าไม่สะดุด ตรงที่พี่ไปรู้สึกอะเมซิ่งกับจิต
รู้สึกปั๊บ รุ้นั้นๆ หายวั๊บไปกับตา

จุดหมาย says: อืมมนะ
ทางพ้นทุกข์ที่แท้จริง เราต้องสามารถนำมาแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ ........
อันนี้คือสิ่งที่รู้ในวันนี้ด้วยหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says: ใช่ แต่มันต่อไปไม่ได้ พี่สติยังไม่ทัน มันจบแค่รายละเอียดที่ยังไม่จบ

จุดหมาย says: ยังให้คำตอบกับตัวเองยังไม่ได้นะตอนนี้สินะครับ

สุขที่แท้จริง says: ให้ได้แล้ว แต่การนำมาแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรม มันไปต่อไม่ได้
คำตอบคือ ความรู้สึกตัว มันจะไล่ไปทีละสภาวะเหมือนถามตอบน่ะ

จุดหมาย says: พิจารณาไปเป็นขั้น ๆ สินะครับ

สุขที่แท้จริง says: เช่น ถามว่า การที่เราได้ยินว่าคนกำลังด่าเรานั้น เราคิดว่า เรารู้สึกตัวไหม

จุดหมาย says: สำหรับผมนะ คิดว่า รู้สึกตัวได้บ้าง ไม่ได้บ้างแล้วแต่สภาวะนะตอนนั้น ๆ

สุขที่แท้จริง says: นั่นไง

จุดหมาย says: คืออะไร

สุขที่แท้จริง says: คำตอบที่ตอบคือ ร้อยทั้งร้อยส่วนมากจะตอบว่า รู้สึกตัวสิ
ถ้าไม่รู้สึกตัว จะรู้ว่าเขาด่าได้ยังไง ก็มีถามต่อนะ

จุดหมาย says: อันนี้คือ จิตของพี่ตอบจิตเอง ณ ขณะนั้นเหรอ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ แบบมันถามตอบกันเอง

แล้วการที่เราไปตอบโต้เขา เพราะเราคิดว่าอะไรก็แล้วแต่
เราคิดว่าตอนนั้นเรารู้สึกตัวไหม

จุดหมาย says: อืมม ถามว่าเรารู้สึกตัวไหม ตอนที่ไปตอบโต้นั้น

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ คุณคิดว่าไงล่ะ

จุดหมาย says: ผมคิดว่า หากสติไม่ทัน ไม่รู้สึกตัวได้ทันหรอก
ไม่รู้เท่าทันกับอารมณ์ของตัวเองที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น

สุขที่แท้จริง says: คุณจะมีเวลาคิดได้ขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าเกิดขึ้นจริงๆน่ะ
คำตอบเมื่อกี้นะคะ จะมีคำตอบมาว่า รู้สิ ไม่รู้สึกตัวจะตอบโต้ได้ยังไง

จุดหมาย says: อืมมครับ แล้วยังไงต่อ

สุขที่แท้จริง says:
ก็มีคำถามต่อว่า งั้นถามว่า คุณเข้าใจว่าความรุ้สึกตัว ในความคิดของคุณนั้นเป็นอย่างไร?

จุดหมาย says:
สำหรับผม เข้าใจกับคำว่า ความรู้สึกตัว คือ การที่เรารู้เท่าทันต่อสิ่งที่มากระทบตามความเป็นจริง

สุขที่แท้จริง says: มันจบแค่ตรงที่ถามไปน่ะแหละค่ะ มันไม่มีต่อ ตอนเริ่มเรื่องสิน่าสนใจนะคะ

จุดหมาย says: แบบนี้ต้องมีภาคสองอีกสินะครับ อืมม น่าสนใจแบบไหนล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: มีค่ะ เหมือนทุกๆสภาวะน่ะแหละ
แบบแรกๆจำได้ไหม พี่จะพูดเรื่องการปรับอินทรีย์ นั่นมันแค่แบบหยาบๆนะ
แรกๆก็เรื่องเดินกับนั่ง เรื่องรูปแบบต่างๆ การเรียนรู้เกี่ยวกับกาย เวทนา จิต ธรรม

จุดหมาย says: เมื่อจิตเขาพร้อม เขาย่อมมาปรากฎให้รู้ ให้เห็นนะครับ
ครับ นั่นคือ ต้นทางของการเริ่มปฏิบัตินะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ เราจะรู้แบบหยาบๆมาก่อน ยังแยกอะไรที่ชัดเจนแบบละเอียดออกมาไม่ได้
แต่ตอนนั้นพี่ยังไม่รุ้ว่า การปรับอินทรีย์น่ะมันแค่แบบหยาบๆ

จุดหมาย says: ครับ ต้องเข้าใจนะกรรมฐานตรงนี้กันก่อน

สุขที่แท้จริง says: มาวันนี้ถึงได้รู้ว่า มันมีละเอียดมากกว่านั้น

จุดหมาย says: คือรู้ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น ๆ นะครับ ยิ่งตอนนี้พี่เข้าใจว่าละเอียด

สุขที่แท้จริง says: เหมือนเรื่องความรู้สึกตัวหรือปัญญานี้จะทำให้เกิดขึ้นได้อย่างไร
คือ ความรู้สึกตัวหรือตัวสัมปชัญญะนี่จะทำให้เกิดขึ้นได้อย่างไร

จุดหมาย says: ในอนาคตพี่อาจจะบอกแบบนี้อีกก้อได้

สุขที่แท้จริง says: แล้วตัวปัญญานั้นเกิดได้อย่างไร เหมือนเรื่องฌาน
ฌานมีทั้งแบบหยาบๆและละเอียด

ยิ่งสติ สัมปชัญญะมากเท่าไหร่ สมาธิแนบแน่นมากเท่าไหร่
มันจะรู้รายละเอียดของสภาวะมากขึ้นเรื่อยๆ

จุดหมาย says: อันนี้ต้องอาศัยการปฏิบัติ และ ประสบการณ์เข้าช่วยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เพราะมันจะรู้ชัดในกายได้ชัดมากๆขณะที่เกิดแต่ละสภาวะของฌาน
สุข จะมีสุขแบบหยาบๆก่อน จนกระทั่งสุขแบบละเมียดละมัย

จุดหมาย says: แล้วตอนเกิดขึ้น ณ ขณะนั้น ๆ จิตเขาจะสามารถแยกแยะได้เองอัตโนมัติเลยมั้ยล่ะ

สุขที่แท้จริง says: แน่นอนค่ะ อย่างฌาน 2 จะเด่นชัดในเรื่องสภาวะของปีติ

จุดหมาย says: อืมม ไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งเดียวแล้ว รู้เลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ

แดนสุข คือ จุดหมาย says: ต้องอาศัยให้เกิดขึ้นหลาย ๆ ครั้งก่อน

สุขที่แท้จริง says: จิตเขาจะทบทวนสภาวะตลอด 2 3 4 4 3 2 ไม่มีตกไปหนึ่ง

จุดหมาย says: วกไป วนมา เรื่อย ๆ ก่อนจนจิตเราเขารู้ และเข้าใจ

สุขที่แท้จริง says: ถ้าหนึ่งยังเป็นบัญญัติเพราะอาศัยบัญญัติเป็นอารณ์

จุดหมาย says: อ๋อครับ เพราะว่าสมาธิแนบแน่นดีแล้วนะครับ

สุขที่แท้จริง says: จากบัญญัติมาสู่รูปนามเป็นอารมณ์ คือ ตั้งแต่ฌานสอง นี่ยังแบบหยาบนะ
แล้วมาสู่อรูปเป็นอารณ์ คือ สภาวะละเอียดมากขึ้นเท่าไหร่
คนๆนั้นจะมีลมหายใจละเอียดจนไม่สามารถสัมผัสได้
แม้กระทั่งชีวิตปกติ คนๆนั้นจะมีลมหายใจละเอียด

จุดหมาย says: ยิ่งอรูปณานนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยสินะพี่

สุขที่แท้จริง says: อ๋อ อรูปฌาน อย่าไปใส่ใจเลย ไม่แตกต่างจากรูปฌานหรอก

จุดหมาย says: อ๋อครับ

สุขที่แท้จริง says: แล้วจะไม่ให้พี่รู้สึกอะเมซิ่งตลอดเวลาได้ไง โหจิตนี่สุดยอด สภาวะนี่สุดยอด

จุดหมาย says: นั่นสินะพี่ สิ่งนี้ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ ซะที่ไหนกันล่ะ

สุขที่แท้จริง says: ยิ่งเรียน ยิ่งรู้สึกว่า มันมีอะไรอีกมากมายที่อยู่ในจิต
จะพบเจอสิ่งเหล่านี้ได้ ต้องมีความรู้สึกตัว

จุดหมาย says: ครับ ยิ่งได้พบ ได้เจออะไรใหม่ ๆ เริ่อย ๆ นี่เข้าตำรานี้เลยนะครับ ไม่แก่เกินเรียน

สุขที่แท้จริง says: มันไม่เหมือนเรียนทางโลกนะ เรียนทางนี้ เวลาจบ จบทั้งทางโลกและทางธรรม

จุดหมาย says: ต้องอาศัยความรู้สึกตัว พร้อม ๆ กับสติ และสมาธิด้วยสินะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ทั้งสามอย่าง ทำงานร่วมกัน แต่ตัวหลักคือความรู้สึกตัวนี่แหละ

จุดหมาย says: ครับ เรียนทางเดียว ได้ทั้งสองอย่างเลย

สุขที่แท้จริง says: เหมือนสภาวะอาตาปี สัมปชาโน สติมา

จุดหมาย says: อันนี้คือ สิ่งที่ได้คำตอบในวันนี้ใช่ป่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: เห็นไหม ตัวหนังสือมีสภาวะซ่อนอยู่ทุกๆสภาวะ ทั้งหยาบและละเอียด

จุดหมาย says: ที่บอกว่า ความรู้สึกตัวหน่ะ เป็นหลัก แต่ก่อนโน้นเห็นเน้นเรื่องของสติเป็นหลัก

สุขที่แท้จริง says: อ๋อ สติ คือ ต้นเหตุของตัวสัมปชัญญะ แต่ตัวสัมปชัญญะคือต้นเหตุของมรรค
เอาง่ายๆคือ ถ้าไม่รู้จักสติ สัมปชัญญะก็เกิดไม่ได้

จุดหมาย says: อ๋อ คือเกื้อหนุนกันไปเป็นขึ้น ๆ นะสิ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: ต่อยอดกันไปเรื่อย ๆ

สุขที่แท้จริง says: ไม่มีสมัปชัญญะ ก็ไม่มีสมาธิ อันนี้พูดในแง่ของคนที่ไม่มีสมาธิเลย
ถ้าคนที่มีของเก่าติดตัวมา นั่นอีกสภาวะหนึ่ง รายละเอียดมันเยอะนะคุณ เพราะต่างเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน

จุดหมาย says: อืมม แล้วคนที่เขามีติดตัวมาแล้วนั้น
เขาจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่า ตัวเขาเองนั้นมีสมาธิอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

สุขที่แท้จริง says: ส่วนมากจะไม่รู้หรอกค่ะ พี่เองยังไม่รู้เลย ว่านี่เรียกว่าสมาธิ
ตอนเด็กๆไง ที่ฝึกกสิณเองน่ะ

จุดหมาย says: ต้องคอยอาศัยผู้รู้ คอยแนะนำให้สินะครับ

สุขที่แท้จริง says: มารู้จักตอนอ่านเจอในหนังสือของหลวงพ่อพุธ
ตัวท่านเองที่เคยสนทนากัน ท่านก็ไม่พูดคำศัพท์พวกนี้

จุดหมาย says: อ๋อ ๆ ที่บอกว่าพออ่านปุ๊บ เลยอยากไปถามท่านเลยใช่ป่ะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ ถามแล้วก็งง เพราะคำตอบที่ได้มานั้น ไม่รู้เรื่อง

จุดหมาย says: หมายถึง ท่านถามพี่ หรือว่า พี่ถามท่านล่ะ

สุขที่แท้จริง says: อธิบายสภาวะให้ท่านฟัง พี่ถามท่านสิ
กว่าจะติดต่อได้ ยากมากๆ ช่วงนั้นท่านป่วยแล้ว อธิบายสภาวะให้ท่านฟัง

จุดหมาย says: อ๋อ ๆ ครับ ช่วงบั้นปลายของท่านล่ะสิครับ

สุขที่แท้จริง says: ท่านบอกว่า ต้องเริ่มจาก 1 2 3 4 ไม่ใช่เริ่มจาก 4 แบบนี้
ตอนนั้นก็ งง 4 นี่คืออะไร ท่านจะไม่พูดคำว่าฌานหรือสมาธินะ

จุดหมาย says: อืมม นั่นแหล่ะพี่ สำหรับคนที่ไม่ได้ศึกษาปริยัติมาก่อนหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: ท่านคงคิดว่าพี่รู้ แต่จริงๆแล้วพี่ไม่รู้อะไรเลย

จุดหมาย says: อืมม ครับ ท่านเรียกแค่ 1 2 3 4 เท่านั้นเองเหรอ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ

จุดหมาย says: แต่ธรรมะที่หลวงพ่อพุธท่านเทศน์ นั้นผมได้ฟังแล้ว ผมรู้สึกว่าท่านเทศน์
ได้ถึงแก่นของธรรมะดีนะครับ เหมือนกับว่าท่านรู้แจ้งในธรรม

สุขที่แท้จริง says: แรกๆที่อ่านของท่านนะ มีแต่เรื่องสมาธิ
แต่หนังสือรุ่นหลังของท่าน ท่านจะพูดแต่เรื่อง สติ สัมปชัญญะ ไม่พูดถึงสมาธิ

จุดหมาย says: อืมม ที่พี่บอกแบบนี้คือ ท่านเป็นผู้เขียนเอง
หรือว่าลูกศิษย์ท่านเอามาทำเผยแผ่ล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ท่านเทศน์น่ะค่ะ แล้วมีคนถอดเทปมาเป็นหนังสือ
สมัยก่อน เทปของท่านแพงมากๆ ม้วนละ 35 3 ม้วน 100 ซีดีก็มี แพงมากๆ

จุดหมาย says: แล้วสำหรับพี่แล้วตอนแรก ๆ หน่ะ เข้าใจกับสติ หรือ สมาธิ มากกว่ากันล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น ไม่รู้เรื่อง
แค่รู้สึกตื่นเต้นว่า อ้อๆๆๆ ไอ้สิ่งที่เจอมานั้นมันมีคำเรียก

จุดหมาย says: อืมมมครับ คงเป็นเพราะคนสนใจกันเยอะ และเทปเทศนาของท่านนั้นดีนะครับ

สุขที่แท้จริง says แล้วมันจะทำยังไหว่า 1 2 3 4 เนี่ย แล้ว 4 นี่ มันจะต้องทำยังไงให้เหลือ 1

จุดหมาย says: ตอนไหนเลยเกิดความสงสัย สนใจ และอยากทดลองเลยสินะ

สุขที่แท้จริง says: ก็ไม่นะ มันแค่สงสัย แล้วจบ ไม่หาคำตอบ

จุดหมาย says: เป็นแค่เพี่ยงความคิดที่เกิดขึ้นเท่านั้นเองเหรอ
ตอนนั้นพี่ได้ปฏิบัติมานานหรือยังล่ะ

สุขที่แท้จริง says: เพราะทางพุทโธ จะสอนแนวเดียวกันหมด สงสัยก็ให้รู้ว่าสงสัย
หาคำตอบไปก็เท่าน ทำไปเดี๋ยวรู้เอง เลยเลิกถามครูบาฯเพีราะเหตุนี้ ตอบเหมือนกันโม๊ดดด

จุดหมาย says: นั่นสินะ ถามไปแล้ว ได้คำตอบเหมือนกันหมด เหมือนกับว่า ถามไปแล้วไม่ได้อะไรเลย

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ เคยโกรธนะ กลุ่มดูจิต ไปเจอที่วัดมหาธาตุ คือเห็นเขาคุยกัน
ก็เลยถามเขาเรื่องสภาวะ ดันมาพูดเรื่องต้มยำ ซึ่งเราได้ยินมาประจำ ก็เลยโกรธสิ เลิกคุยกับเขา
มีการพูดอีกนะว่า นี่ไงเขาสอนแล้ว จะบ้าตาย

จุดหมาย says: อืมม ซึ่งจริง ๆ แล้วยังไม่เข้าใจในเรืองของสภาวะที่ถูกต้องใช่ป่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: เขารู้ของเขาแบบนั้น เขาก็เลยอธิบายได้แบบนั้น
ตอนนั้นพี่ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรไง ถึงโกรธเขา ถ้ารุ้แบบนี้ ไม่ไปโกรธหรอก

จุดหมาย says: เรื่องนี้คือ ที่พี่เคยคุยให้ฟังใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: เขียนในบล็อกมั๊ง ถ้าจำไม่ผิด หลายปีแล้ว จำไม่ได้ปีไหน

จุดหมาย says: อ๋อ ๆ ครับ ถ้าแบบนั้นคงจะเป็นคนละเรื่องกับที่เคยคุยให้ฟังนะครับ
ที่ว่ากระท่อนกระแท่นนี้ทำสามวันหยุดสองวันใช่ป่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: การเข้าใจสภาวะนี่ดีนะ สามารถอธิบายได้ชัด
ค่ะ แบบนั้นแหละ ตามเพื่อนมั่ง

จุดหมาย says: ครับ การเข้าใจต่อสภาวะธรรมได้นั้น คือจุดเริ่มต้นที่ดีของผู้ปฏิบัตินะครับ

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่เหตุค่ะ

จุดหมาย says: อืมม แบบไหนล่ะครับ ช่วยลองยกตัวอย่างได้มั้ย

สุขที่แท้จริง says: ที่คุณพูดแบบนี้ เพราะคุณรู้สึกแบบนั้น
เหมือนที่พี่พูดแบบนี้ เพราะพี่เห็นแบบนั้นจริงๆ มันอธิบายได้ จับต้องเป็นรูปธรรมได้
แต่บางคน อาจจะมีมุมมองอื่นๆพี่ถึงบอกไงแล้วแต่เหตุ

เหมือนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละคน ถ้าพี่ไม่พูดให้ฟังเรื่องสภาวะ เรื่องของเหตุที่กระทำ
ผลที่ต้องได้รับ ทุกคนจะเข้าใจกันมั๊ยคะ

จุดหมาย says: อ๋อครับ ถ้าผมจะบอกว่า จะให้เข้าใจและยอมรับได้นั้น ต้องอาศัยการรู้
และสัมผัสแบบเป็นรูปธรรมให้เห็นกันแบบชัด ๆ เลยนี่ พอจะได้มั้ย

สุขที่แท้จริง says: เอางี้แล้วกัน แม้แต่พระพุทธเจ้า ยังเลือกช่วยคนตามสภาวะเลยค่ะ

จุดหมาย says: อืมม หากพี่ไม่พูดให้ฟังก่อนนะ ผมว่าคงยากที่จะเห็นและเข้าใจกัน

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ เหตุของคุณ ถ้าไม่ใช่เหตุที่คุณทำมา คงยากที่จะมาฟังกัน

จุดหมาย says: เพราะว่าแต่ละคนนั้นยังมีความไม่รู้กันอยู่เนือง ๆ

สุขที่แท้จริง says: เหตุค่ะ

จุดหมาย says: เหตุที่เคยกระทำมานั่นเองนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ แล้วที่กำลังสร้างขึ้นใหม่อีกเรื่อยๆ
เราจึงมาเจริญสติกันเพราะเหตุนี้แหละ เพื่อดับที่เหตุ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2010, 01:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


22 ตค.53


จุดหมาย says: กำลังเขียนบล็อกอยู่ใช่ป่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: เปล่าค่ะ กะลังกินลูกชิ้น หลังจากกินสลัดทูน่าไปหนึ่งกะมัง

จุดหมาย says: แหม เดี๋ยวนี้กินของดึก ๆ ดื่น ๆ นะครับเนี่ย
สลัดทูน่าปลากระป๋องที่ซื้อมาตั้งหลายกระป๋องนั่นใช่ป่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: ช่ายย ก็บางมื้อ บางวันค่ะ ไม่ใช่ทุกวันที่กิน อยากกินก็กิน
ทำไมต้องไปปล่อยให้ตัวเองอดอยากด้วยล่ะคะ

จุดหมาย says: ไม่มีอะไรตายตัวนี่นะครับ วันนี้จิตของพี่เป็นอย่างไรบ้างล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: เอ๋ มีอะไรหรือคะ พี่ก็สบายดี มีความสุขดีทุกๆวัน
ดูจิตคุณเองเถอะค่ะ วันนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ ดูทันไหม
หรือคอยสอดส่องแต่ชาวบ้าน จนดูจิตตัวเองไม่ทัน

จุดหมาย says ดูจิตตัวเองได้ทันบ้าง ไม่ทันบ้างครับ
ตอนนี้จิตมันไม่วอกแวก ออกไปเพ่นพ่านที่ไหนมากนักครับ

สุขที่แท้จริง says: เหรอออออ ขนาดไม่เพ่นพร่านน่ะเนี่ย

จุดหมาย says: เคยได้ยินคำ ๆ นี้บ้างหรือป่าวครับ สงบ สยบ วุ่นวาย

สุขที่แท้จริง says: มีเกร่อ

จุดหมาย says: นั่นแหล่ะครับ ตอนนี้จิตของผม มันต้องการแบบนี้นะ

สุขที่แท้จริง says: ยิ่งอยากได้ ยิ่งห่างไกล แค่รู้ ยิ่งอยู่ใกล้
ถามตัวเองหรือเปล่าว่าทำไมถึงอยากได้ล่ะ

จุดหมาย says: คำว่า สงบ สยบ วุ่นวาย นี่ไปเจอที่คัทเอาท์โฆษณามาเมื่อวันก่อนนะครับ
แต่ก่อนที่่จะไปอ่านเจอคำ ๆ นี้นั้น ต้องนั้นจิตผมเขาไปพิจารณาเรื่องของความสงบอยู่นะ
จิตเขาบอกว่า เมื่อสงบได้ ความวุ่นวายย่อมไม่่มี พอได้คำตอบแบบนี้นะ

พอหันไปดูที่คั่ทเอาท์โฆษณา อ้าว ไหงเจอคำ ๆ นี้ขึ้นมาได้เลยนะ
ตรงกับที่เรากำลังคิดอยู่พอดีเลย ช่างเหมาะเจาะดีจริง ๆ
มันเลยทำให้รู้สึกประหลาดใจอย่างที่พี่เคยบอกนั่นแหล่ะ

สุขที่แท้จริง says: แหมมม คำพูดช่างขัดแย้งกันสิ้นดีเลยนะคะ

จุดหมาย says: แบบไหนกันล่ะเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: พิจรณา กับความอยากได้ มันคนละเรื่องกันเลยค่ะ
นั่นแหล่ะครับ ตอนนี้จิตของผม มันต้องการแบบนี้นะ .....

กับ

ต้องนั้นจิตผมเขาไปพิจารณาเรื่องของความสงบอยู่นะ
จิตเขาบอกว่า เมื่อสงบได้ ความวุ่นวายย่อมไม่่มี

จุดหมาย says: อ๋อครับที่ผมบอกตอนแรกนั้นมันคือ สภาวะนะตอนนี้นะ
แต่ที่ผมเล่าให้ฟังตอนหลัง ๆ นั้นคือสภาวะของวันก่อนหน้านั้น

สุขที่แท้จริง says: มันคนละเรื่อง คนละสภาวะกันเลย ถ้าหากเกิดการพิจรณาจริงๆ
มันไม่มีตัวกูของกูเข้าไปแทรกหรอกค่ะ ยังไม่เข้าใจอีก

เอาเถอะๆๆๆๆ เอาเป็นว่าอธิบายไป คุณก็ยังไม่เข้าใจ
ทำไป มันไม่มีอะไรหรอก

จุดหมาย says:
นั่นสินะพี่ ผมยังแปลกใจเลยนะเมื่อวันก่อนหน่ะ ว่าจู่ ๆ หน่ะ จิตเขาเกิดไปคิดเรื่องนี้ได้อย่างไร

สุขที่แท้จริง says: แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปคิดอะไร

จุดหมาย says: ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says: แต่ถ้าอยากจะคิดต่อก็ตามสบายค่ะ

จุดหมาย says: ถูกต้องเลยครับ

สุขที่แท้จริง says: เหตุของแต่ละคนสร้างมาแตกต่างกันไป
คุณอยากทำอะไรก็ทำไป ให้อยู่ในขอบข่ายไม่เบียดเบียนผู้อื่นและเบียดเบียนตัวเองก็โอเคค่ะ

จุดหมาย says: ครับ ใช่เลย อยากจะทำอะไร ทำได้เลย โดยที่ไม่ทำให้คนอื่น ๆ เขาเดือดร้อนอ่ะนะ

จุดหมาย says:
ครับ ใช่เลยครับ เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์นะครับ
ปกติแล้วช่วงออกพรรษานี่ ที่วัดตาลเอนมีคนไปทำบุญ และปฏิบัติกันเยอะหรือป่าวครับพี่
อืมมม ลืมถามไปเลยนะครับว่า ที่วัดตาลเอนไม่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมเหรอ
เมื่อวันก่อนผมไปทำงานที่อยุธยามา เห็นเจ้าหน้าที่ที่นั่นเขาบอกว่า บางพื้นที่หน่ะ โดนน้ำท่วมด้วยนะ
อย่างเช่นวัน วัดมเหยงค์หน่ะ ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ด้วย

สุขที่แท้จริง says: เดี๋ยวจะนั่งทางในดูให้ค่ะ ( จินตนาการ ) พี่จะบอกอะไรให้ฟังนะคะ
ถ้าคุณสามารถอยู่กับปัจจุบันได้ทัน คำพูดทำนองว่า อะไร ทำไม อย่างไร คุณจะมีน้อยลง
คุณจะอยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น โดยไม่มีคำพูดเหล่านี้

เพียงคุณอยู่กับปัจจุบัน คุณจะไม่ไปทุกข์ร้อนอะไรกับใคร แต่จะช่วยตามสถานะที่พึงช่วยได้
เพราะทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุ

การแผ่เมตตา เป็นสิ่งแรกที่ควรทำ
แผ่ให้ทุกสรรพสัต์ ขอให้เขาเหล่านั้นจงมีความสุข นี่คือสิ่งแรกที่ควรทำ

เพราะเหตุต่างๆที่เกิดขึ้นของแต่ละคนนั้น ล้วนเกิดจากเหตุที่เขาทำกันมา
ทำไปเพราะความไม่รู้ ตรงไหนพอจะช่วยได้ เราก็ช่วย

จุดหมาย says: หากว่ารู้แล้ว ย่อมไม่เกิดผลแบบนี้หรอกนะ

สุขที่แท้จริง says: ใครล่ะอยากให้เหตุไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวเอง
จะเล่าอะไรให้ฟัง ก็ไม่พ้นเรื่องช่างทำเล็บกับช่างเสริมสวยนะ

ช่างทำเล็บ ที่พ่อเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
นี่ถ้าไม่มาเจริญสติกัน คงจะต้องทุกข์มากกว่านี้ ทุกข์เพราะยึดติด
เขาแผ่เมมตาให้กับพ่อเขาแล้วอธิษฐานว่าขอให้โรคมะเร็งนั้นจงหายไปให้หมด
เขาถามว่าอธิษฐานแบบนี้ได้ไหม เป็นคุณคิดว่ายังไงล่ะ

จุดหมาย says: อืมม คิดว่าไม่ได้หรอกครับ เหตุของใครทำมาแบบไหน ผลย่อมเกิดขึ้นตามนั้น
หากมีได้นั้น คงแค่ช่วยให้เบาบางลงไปเท่านั้น หรือเกิดจากปาฏิหาริย์ ที่ไม่อาจจะคาดคิดมาก่อน
เพราะว่าแรงอธิษฐานนั้น บางครั้งส่งผลได้เหมือนกัน แต่โอกาสเกิดขึ้นนั้นคงจะเป็นไปได้่ยาก
สุดท้ายแล้วก้อขึ้นอยู่กับแต่ละคนเองเท่านั้น

สุขที่แท้จริง says: พี่ถามนะ
ถ้าคุณยังไม่มาเจริญสติแล้วรู้เรื่องเหตุแล้วน่ะ ถ้าใครทำร้ายคุณน่ะ คุณโกรธไหม

จุดหมาย says: อืมม ต้องแยกก่อนนะครับพี่ว่า ทำร้ายเราด้านร่างกาย หรือว่าจิตใจนะ
ถ้าหากเป็นทางด้านร่างกายนั้น เป็นธรรมดาของคนเรานะที่ต้องโกรธ

สุขที่แท้จริง says: โห พอเลย คุณรู้มากไป ฟังมากไป เลยไม่ใช่พูดตามความเป็นจริง
พี่น่ะไม่ต้องแยกอะไรเลย ตอบได้ทันที ว่าโกรธสิ ทำไมจะไม่โกรธ

ใครมาทำเรา ฌกรธมันทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าเราจะผิดหรือไม่ผิดก็ไม่รู้แหลพะ
มันต้องโกรธอย่างแน่นนอน พอละ

จุดหมาย says: อืมมครับ ก้ออย่างที่พี่บอกนั่นแหล่ะครับ แล้วแต่เหตุของแต่ละคน

สุขที่แท้จริง says: ขี้เกียจคุย กับคนรู้มาก

จุดหมาย says: แปลกจริง ๆ เลย เราก้อว่าเราพูดตามความรู้สึกของเราเองแล้วนะ

สุขที่แท้จริง says: เอาเป็นว่า ให้คุณเจอทุกเรื่องราวด้วยตัวของคุณเอง คุณถึงจะเข้าใจ
นี่คุณจำมากไป จนกลายเป็นรู้มาก

จุดหมาย says: อืมมนะ แต่ก่อนนะคงเป็นอย่างที่พี่บอกแหล่ะนะ ที่ถามว่าโกรธ หรือไม่โกรธหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: พอๆๆ ไม่ต้องมาแต่ก่อนหรอก

จุดหมาย says: แต่ก่อนโน้นหน่ะ มันโกรธอยู่แล้วล่ะ

สุขที่แท้จริง says: คุณก็แบบนี้ทุ๊กที ข้อยล่ะเซงงงง

จุดหมาย says: แหมมมมม จะกลายไปร้องอีแซวแล้่วหรือเนี่ย หรือว่าจะไปรำแคนล่ะนั่น

สุขที่แท้จริง says: พูดเรื่องจริง

จุดหมาย says: พูดตามความเป็นจริงเลยสินะครับเนี่ย ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: อนุสัยคุณสะสมมานานก็แบบนี้แหละ เหตุของคุณ

จุดหมาย says: อืมมครับ น่าจะเป็นแบบนั้นครับ

สุขที่แท้จริง says: มันแน่เลยแหละ ไม่มี " คง " หรอก ไม่มี " น่าจะเป็น "

จุดหมาย says: อืมมครับ ตอนนี้คงตอบได้แบบนี้ก่อนนะครับ
แต่เมื่อเห็นและเข้าใจมากว่านี้แล้ว คำตอบน่าจะเปลี่ยนไปจากตอนนี้

สุขที่แท้จริง says: การยอมรับตามความเป็นจริง ในสิ่งที่เราเป็น ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
เพราะถ้าไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นนั้น เป็นเหตุให้ยากที่จะเห็นตามความเป็นจริงได้

ก็ขนาดตัวของตัวเองยังไม่ยอมรับ แล้วจะมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้ยังไง
ยิ่งนอกตัวน่ะ เมินซะเถอะ ไม่มีวันหรอก

จุดหมาย says: ต้องเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ล่ะ ว่าเรายอมรับทุกอย่างตามความเป็นจริงหรือไม่

สุขที่แท้จริง says: เราเป็นอะไรยังไง ยอมรับไปเลยตรงๆ
เพราะมันคือตัวเรา คนอื่นๆน่ะมาช่วยอะไรเราไม่ได้หรอก

จุดหมาย says: ครับ เห็นด้วยกับคำพูดที่กล่าวมา อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ต้องมีคำว่า " เผื่อ " หรือต้องอย่างโง้นอย่างงนี้ เอาปัจจุบันนี่แหละ
อนาคตไม่ต้องไปคาเดามันหรอก

จุดหมาย says: ให้ตอบตามความรู้สึกที่เกิดขึ้นในปัจจุบันขณะนี้เท่านั้นนะเหรอ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ แบบที่ถามมาเลยน่ะ ใช่เลย
ถึงเรียกว่าปัจจุบันธรรม เกิดยังไง ยอมรับไปตามนั้น
ไม่ยอมรับ มีเผื่ออีก มีคาดเดาอีก มีคาดหวังอีก แบบนี้ใช้ไม่ได้หรอก

จุดหมาย says: ไม่ให้ไปยึดเอาตามความคิดที่เกิดใช่ป่ะ ให้ยึดเอาจากความรู้สึกที่เกิดเท่านั้น

สุขที่แท้จริง says: ไม่ได้ให้ยึด แต่ให้ยอมรับตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นณขณะนั้นจริงๆ
ไม่ต้องไปปรุงแต่งมัน รู้ลงไปตรงๆ รู้บ่อยๆนี่คือสติ แล้วพอสัมปชัญญะเกิด มันจะแยกแยะได้เอง

จุดหมาย says: อืมม ผมใช้คำผิดนะ ทำแค่นี้เองนะ ฟังดูแล้วเหมือนทำง่ายนะ

สุขที่แท้จริง says: จะรู้จักตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ทันปัจจุบันมากขึ้น

จุดหมาย says: รู้เท่าทันทั้งกาย และจิตเลยล่ะสิ

สุขที่แท้จริง says: ไม่มีคำว่าง่ายหรือยากหรอกค่ะ แต่อยู่ที่เหตุของแต่ละคนทำมา

จุดหมาย says: อืมม เหตุของแต่ละคนที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นใช่มั้ย

สุขที่แท้จริง says: อีกละ เหตุของแต่ละคนณขณะนั้นมาจากไหนล่ะคะ
จากความไม่รู้ที่หลงสร้างเอาไว้ใช่ไหมคะ เมื่อผลมาแสดง ก็ต้องยอมรับมัน
ใครผิด เราผิด
ใครทำล่ะ เราทั้งนั้น
แล้วถ้าเราไม่ยอมรับน่ะ
จะเห็นได้ไหมว่าความจริงที่จริงๆนั้นคืออะไร
ไม่มีทางเห็นหรอก
ก็เพราะความไม่รู้อีกน่ะแหละ
ตราบใดที่ยังไม่รู้ ก็ยังหลงสร้างเหตุใหม่ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้น่ะแหละค่ะ

จุดหมาย says: ครับ เพราะความไม่รู้นี่แหล่ะนะ ที่ปิดบังดวงตาของเราไม่ให้เห็นตามจริงได้
เมื่อรู้แล้ว ย่อมหยุดสร้างเหตุให้น้อยลง ๆ จนเหลือน้อยที่สุด จนกระทั่งไม่มีเหตุเหลืออยู่
แล้วพี่เดินทางไปที่วัดกันด้วยวิธีไหนล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: รถตู้ค่ะ

จุดหมาย says: ใช้เวลาเดินทางกี่ชั่วโมงครับ

สุขที่แท้จริง says: เดี๋ยวนั่งยานวิเศษดูให้นะคะ รอถึงวัดก่อน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2010, 09:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Y8140766-47.jpg
Y8140766-47.jpg [ 137.72 KiB | เปิดดู 3768 ครั้ง ]
เมื่อไหร่จะหายสงสัยสักทีน๊อ :b1: :b12: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 126 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร