วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 17:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 08 ต.ค. 2010, 22:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ไร้นา เขียน:
การ ได้ฌาณ แบบมิจฉาสมาธิ จะแก้ไขปรับปรุงให้เป็น สัมมาสมาธิได้อย่างไร ครับ
และการมีสติ มีสัมปชัญยะ รู้สึก รู้ตัว อยู่ทุกขณะ ทำยากใหมครับ
ขอคำแนะนำด้วยครับเรื่องการมีสัมมาสติ สัมมาสมาธิ อนุโมทนาครับ





จะสนทนาเรื่องฌาน ก็ต้องขอซักถามเรื่องสภาวะ ไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกไหมคะ?
เพราะเท่าๆที่อ่านสภาวะของคุณในกระทู้นี้ สภาวะมีเพียงเล็กน้อย ข้อมูลยังไม่พอค่ะ

viewtopic.php?f=2&t=34547


.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 08 ต.ค. 2010, 22:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ไร้นา เขียน:

ขอคำแนะนำด้วยครับเรื่องการมีสัมมาสติ สัมมาสมาธิ อนุโมทนาครับ




ตรงนี้จะพูดสภาวะแบบหยาบๆก่อนนะคะ

สัมมาสติ ต้องอาศัยการฝึกเจริญสติค่ะ
สัมมาสมาธิจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีสัมมาสติเกิดขึ้นแล้ว

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2010, 08:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไร้นาไม่มาส่งตัวแทนมาได้ไหมครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2010, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ไร้นา เขียน:

ขอคำแนะนำด้วยครับเรื่องการมีสัมมาสติ สัมมาสมาธิ อนุโมทนาครับ




ตรงนี้จะพูดสภาวะแบบหยาบๆก่อนนะคะ

สัมมาสติ ต้องอาศัยการฝึกเจริญสติค่ะ
สัมมาสมาธิจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีสัมมาสติเกิดขึ้นแล้ว


ทั้งคำถามคำตอบก็ยังอยู่กับศัพท์บาลีสองคำ คือ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ เข้าภาคปฏิบัติเลยครับว่า

ทำหรือปฏิบัติยังไง คำศัพท์สองคำนั้น จึงจะเกิดมีขึ้นในจิตสันดาน มุ่งเน้นไปที่วิธีปฏิบัติหรือวิธีทำกัน

เลยครับ เอาเหดุก่อน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 09 ต.ค. 2010, 18:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:

ทั้งคำถามคำตอบก็ยังอยู่กับศัพท์บาลีสองคำ คือ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ เข้าภาคปฏิบัติเลยครับว่า

ทำหรือปฏิบัติยังไง คำศัพท์สองคำนั้น จึงจะเกิดมีขึ้นในจิตสันดาน มุ่งเน้นไปที่วิธีปฏิบัติหรือวิธีทำกัน

เลยครับ เอาเหดุก่อน




คุยกับใคร? :b32:



กรัชกาย เขียน:
เอาเหดุก่อน


เข้าใจคำว่า " เหตุ " นั้นว่าอย่างไรบ้าง?

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 09 ต.ค. 2010, 18:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 07:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
กรัชกาย เขียน:

ทั้งคำถามคำตอบก็ยังอยู่กับศัพท์บาลีสองคำ คือ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ เข้าภาคปฏิบัติเลยครับว่า

ทำหรือปฏิบัติยังไง คำศัพท์สองคำนั้น จึงจะเกิดมีขึ้นในจิตสันดาน มุ่งเน้นไปที่วิธีปฏิบัติหรือวิธีทำกัน

เลยครับ เอาเหดุก่อน


คุยกับใคร? :b32:


คุยกับเจ้าแม่ประสบการณ์สติปัฏฐานอ่ะคับ


กรัชกาย เขียน:
เอาเหดุก่อน


เข้าใจคำว่า " เหตุ " นั้นว่าอย่างไรบ้าง?


เหตุคือสิ่งที่ยังผลให้เกิดขึ้น ก็อย่างที่ถามข้างบนนั้นว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ เป็นเพียงศัพท์บาลี เป็น

ตัวหนังสือให้อ่านกัน จึงถามว่า เราจะทำ (สร้างเหตุ) ยังไงให้ผลนั้นเกิดขึ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลายเซ็นที่ว่า

อ้างคำพูด:
ละเหตุได้ เป็นสุขในที่ทั้งปวง
ความหมดกิเลสทั้งปวงเป็นทางดับทุกข์ทั้งหลาย


แล้วเหตุดังว่านั่นล่ะหมายถึงอะไร

แล้วเราจะทำยังไงให้กิเลสหมดไป เพื่อจะได้เป็นสุข (ดับทุกข์) บอกวิธีทำให้กิเลสหมดด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 17:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



เชิญคุยไปคนเดียวตามสบายนะคะ :b1:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 10 ต.ค. 2010, 17:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 19:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Y9751771-12.gif
Y9751771-12.gif [ 101.86 KiB | เปิดดู 5953 ครั้ง ]
อ้าว...บอกให้คุยคนเดียวสะแระ แล้วที่ถามนั่นล่ะ ตอบหน่อยสิครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสต์ เมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2010, 21:56
โพสต์: 56

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัดดีคุณ walaiporn , คุณ กรัชกาย ครับ ไม่ได้เข้ามาสองวัน มีอะไรดีๆ อะไรที่ต้องหาคำตอบ

ชอบๆ ดีครับคุยเรื่องธรรมมะ เรื่องสภาวะ เป็นอะไรที่ต้องเจริญ เพื่มเติมความเพียรครับ

เรื่องสภาวะที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันผมเข้าใจว่าสมาธิผม เป็นแบบมิจฉาสมาธิเสียมากกว่าสัมมาสมาธิ เพราะว่าบางครั้งพยายามตั้งจิตใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำอยู่นานๆสมาธิจะค่อยๆอ่อนกำลังลงจนหมดไปคือว่า เบลอ ไปเลย อย่างเช่นอ่านหนังสืออยู่ อ่านไป อ่านไป สองสามประโยคที่ผ่านมา จนถึงประโยคปัจจุบันคืออะไรไม่เข้าใจเฉยเลย ไม่เข้าใจคือเบลอๆ เฉยๆ บอกไม่ถูกเหมือนกัน จนต้องกลับไปอ่านใหม่อีกรอบจึงจะรู้ เข้าใจถูกต้อง ตามเป็นจริง แต่ตรงกันข้ามกับเมื่อเรามีสมาธิ สมาธิตรงนี้คือ มีความตั่งใจ สนใจ ติดตาม เรื่องนั้นที่อ่านอยู่ก็จะเข้าใจได้ดีเร็ว ไม่มีอะไรสงสัย ถึงแม้จะอ่านหลายสิบหน้าก็ตาม และอีกอย่างที่มีสมาธิมากคือการขับรถบอกไม่ถูกอีกนั่นแหละว่าสภาวะเป็นไง รู้แต่ว่า มันบังคับตัวมันเองให้มีสมาธิ และเรามีสมาธิดีกว่าปรกติครับ

สภาวะจากการนั่งสมาธินั้น ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ไม่น่าเป็นห่วงคือขึ้นอยู่กับความตั่งมั่นความพร้อมของร่างกาย เรื่องใจเต็นเร็วนั้นไม่เกิดขึ้นเลย ไม่เกิดขึ้นเพราะเรารู้สาเหตุ เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นครับ เรื่ององค์ฌาณนั้น ก็เป็นไปตามขั้น วิตก วิจาร ปิติ สุข แต่ยังไม่ถึงอัปปานาสมาธิ พอจะพูดให้เห็นภาพคือ สว่าง สว่างไปหมด ไม่มีความเป็นโลกใบนี้เหลืออยู่เลย ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แต่รู้ได้ ว่าสุขมาก สุขอย่างหาสุขจากที่ใดในโลกไม่ได้เลย แม้จะเปรียบกับสุขในโลกนี้ที่ได้เกิดมา พบมาแม้เพียงเศษเสี้ยวไม่อาจจะเปรียบได้เลย ผมจึงหลงยึดเป็นอารมณ์มานานหลายเดือน รู้ว่าหลงเพราะว่าไม่สามารถทำให้มันยั่งยืนถาวรได้เลย กลับกันหากไม่เป็นดั่งหวัง เป็นทุกข์ด้วยซ้ำ มิอาจยึดถือว่าเป็นของเราได้เลย ถ้าวันใหนมีความพร้อมทุกๆด้าน ก็มีสมาธิ สมาธิแค่ปราศจากนิวรณ์ 5 ไม่มีอะไรวับๆแวมๆทั้งนั้น เอาละแค่นี้นะครับไม่มีอะไรมากสมาธิ ในการนั่งสมาธิ แต่สมาธิในทุกอริยาบท ทุกลมหายใจนี่สิสำคัญจะต้องเรียนรู้ ปฎิบัติให้ถูก จึงจะเกิดผล จึงขอคำแนะนำจากผู้เจริญในธรรมในเวปแห่งนี้ครับ


แก้ไขล่าสุดโดย ไร้นา เมื่อ 11 ต.ค. 2010, 21:40, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 12 ต.ค. 2010, 19:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ไร้นา เขียน:


เรื่องสภาวะที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันผมเข้าใจว่าสมาธิผม เป็นแบบมิจฉาสมาธิเสียมากกว่าสัมมาสมาธิ




ไม่ว่าจะเป็นมิจฉาสมาธิหรือสัมมาสมาธิ ล้วนมีประโยชน์ค่ะ
เพียงแต่ว่าจะรู้จักวิธีนำสมาธิเหล่านั้นออกมาใช้ให้ถูกทางหรือเปล่าเท่านั้นเอง




ไร้นา เขียน:

เรื่องใจเต็นเร็วนั้นไม่เกิดขึ้นเลย ไม่เกิดขึ้นเพราะเรารู้สาเหตุ เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นครับ




เรื่องหัวใจเต้นเร็วหรือได้ยินเสียงของการเต้นของหัวใจดังแบบชัดเจนนั้น
เป็นเรื่องปกติที่จะต้องเจอในการปฏิบัติ หรือแม้กระทั่งไม่ได้ปฏิบัติก็ตาม ยังไงก็ต้องเจอ
ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะไม่เข้าใจว่า เหตุเป็นเพราะอะไรจึงมีอาการเหล่านี้ได้
เรียกว่า ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ ย่อมเกิดอาการเหล่านี้ได้ค่ะ

การได้ยินเสียงหัวใจเต้นแบบชัดเจน ถึงแม้จะอยู่ในอริยาบทใดๆก็ตาม
อันนี้เป็นเรื่องของจิตเป็นสมาธิในระดับหนึ่ง เราจะไปตั้งใจให้เกิดขึ้น ทำให้เกิดขึ้นเองไม่ได้หรอกค่ะ




ไร้นา เขียน:
เรื่ององค์ฌาณนั้น ก็เป็นไปตามขั้น วิตก วิจาร ปิติ สุข แต่ยังไม่ถึงอัปปานาสมาธิ





เรื่องของฌาน และ สมาธิในระดับอื่นๆ ยังมีการเข้าใจคลาดเคลื่อนกันอยู่ อันนี้ว่าตามสภาวะนะคะ
จริงอยู่ องค์ประกอบของฌาน ประกอบด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา

แต่ในระดับของสมาธิโดยทั่วๆไป ก็ประกอบไปด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข เช่นเดียวกัน




ไร้นา เขียน:
พอจะพูดให้เห็นภาพคือ สว่าง สว่างไปหมด ไม่มีความเป็นโลกใบนี้เหลืออยู่เลย ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ





โอภาสนี่เป็นเรื่องปกติ ที่ผู้ปฏิบัติส่วนมากจะเจอกัน
ส่วนความสว่าง จะสว่างมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับกำลังของสมาธิในขณะนั้นๆ



ไร้นา เขียน:
ไม่มีความเป็นโลกใบนี้เหลืออยู่เลย ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ




แล้วแต่จะให้ค่าต่อสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ จะให้ค่าแบบไหนๆก็ได้ แล้วแต่เหตุของแต่ละคน




ไร้นา เขียน:
แต่รู้ได้ ว่าสุขมาก สุขอย่างหาสุขจากที่ใดในโลกไม่ได้เลย
แม้จะเปรียบกับสุขในโลกนี้ที่ได้เกิดมาพบมา แม้เพียงเศษเสี้ยวไม่อาจจะเปรียบได้เลย





สุขในสมาธิมีหลายระดับ เฉกเช่นเดียวกับปีติ

ปีติ สุข ในสมาธิทั่วๆไปก็เป็นอีกแบบหนึ่ง

ปีติ สุข ในปฐมฌาน ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง

ปีติ สุข ในทุติยฌาน ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง

สุขในตติยฌาน ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง

ปีติ สุขที่เกิดขึ้นแต่ละสภาวะจะมีจุดเด่นที่เห็นชัดแตกต่างกันไป




ไร้นา เขียน:
ไม่มีอะไรมากสมาธิ ในการนั่งสมาธิ แต่สมาธิในทุกอริยาบท ทุกลมหายใจนี่สิสำคัญจะต้องเรียนรู้ ปฎิบัติให้ถูก จึงจะเกิดผล จึงขอคำแนะนำจากผู้เจริญในธรรมในเวปแห่งนี้ครับ




สติ สัมปชัญญะค่ะ คือสิ่งที่ควรเรียนรู้
ส่วนสมาธินั้นจะเจริญงอกงามมากขึ้นเรื่อยๆตามกำลังของสติ และสัมปชัญญะ

ที่ใดมี สัมมาสติ ( สติ+สัมชัญญะ ) ที่นั่นย่อมมี สัมมาสมาธิ ปัญญาย่อมเกิด
ที่ใดขาดสัมมาสติ ( มีแต่สติ ขาดสัมปชัญญะ ) ที่นั่นมีแต่มิจฉาสมาธิ
ปัญญาย่อมบังเกิดขึ้นได้ยาก เพราะสมาธิบดบังปัญญาที่จะให้เห็นตามความเป็นจริงได้
เนื่องจาก กิเลสถูกกดข่มเอาไว้ด้วยกำลังของสมาธิ

แต่ทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนไป ด้วยการปรับอินทรีย์
จากมิจฉาสมาธิก็เปลี่ยนเป็นสัมมาสมาธิได้

ส่วนที่คุณคิดแบบนี้ในขณะนี้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
แล้วแต่เหตุที่ทำมาของแต่ละคนค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 12 ต.ค. 2010, 20:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2010, 21:56
โพสต์: 56

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ที่ใดมี สัมมาสติ ( สติ+สัมชัญญะ ) ที่นั่นย่อมมี สัมมาสมาธิ ปัญญาย่อมเกิด
ที่ใดขาดสัมมาสติ ( มีแต่สติ ขาดสัมปชัญญะ ) ที่นั่นมีแต่มิจฉาสมาธิ
ปัญญาย่อมบังเกิดขึ้นได้ยาก เพราะสมาธิบดบังปัญญาที่จะให้เห็นตามความเป็นจริงได้
เนื่องจาก กิเลสถูกกดข่มเอาไว้ด้วยกำลังของสมาธิ

แต่ทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนไป ด้วยการปรับอินทรีย์
จากมิจฉาสมาธิก็เปลี่ยนเป็นสัมมาสมาธิได้


การปรับอินทรีย์ปฏิบัติอย่างไรครับ สั้นๆครับ
แต่ความหมายสำคัญกับผมมากครับ


แก้ไขล่าสุดโดย ไร้นา เมื่อ 12 ต.ค. 2010, 20:06, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 12 ต.ค. 2010, 21:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




f54802676.gif
f54802676.gif [ 16.55 KiB | เปิดดู 5821 ครั้ง ]
คุณไร้นา อย่าเอาอะไรจริงๆจังๆกับคุณวลัยพรนักเลยครับ เล่นๆหนุกหนานพอได้ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสต์ เมื่อ: 12 ต.ค. 2010, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ไร้นา เขียน:
การปรับอินทรีย์ปฏิบัติอย่างไรครับ สั้นๆครับ
แต่ความหมายสำคัญกับผมมากครับ





การปรับอินทรีย์ ถ้าเกี่ยวกับสภาวะ จะดูในเรื่องของสติ สัมปชัญญะและสมาธิเป็นหลัก
เพราะเมื่อทำได้ตรงนี้แล้วศรัทธาและปัญญา จะเจริญงอกงามขึ้นมาเองตามสภาวะ
อันนี้ก็แล้วแต่เหตุของแต่ละคนด้วยนะคะ มันไม่แน่เสมอไป

ถ้าสมาธิมาก หรือขาดความรู้สึกตัวในขณะที่จิตเป็นสมาธิ
เช่น ในกรณีเกิดโอภาส รู้ว่าเกิด แต่ไม่สามารถรู้ที่กายได้

หรือเวลาที่จิตเป็นสมาธิ แค่รู้ว่าเป็นสมาธิ รู้สึกเหมือนกายหายไปหมด
และไม่สามารถรู้กายได้ ตลอดจนไม่สามารถรู้การเคลื่อนไหวหรือการทำงานของกายที่มีอยู่ได้

วิธีปรับคือ เดินจงกรมให้มากกว่านั่ง หรือนั่งให้น้อยลง

คราใดที่เกิดโอภาสแล้วสามารถรู้การเคลื่อนไหวของกายได้ตลอด
จึงค่อยๆเพิ่มการนั่ง ให้เสมอกับการเดิน แต่ถ้าเพิ่มแล้ว ขาดการรู้กายอีก ให้ปรับนั่งลงมาเหมือนเดิม
ปรับไปปรับมาแบบนี้ จนกว่าจิตจะรู้อยู่ในกายได้โดยไม่ส่งออกนอกองค์กรรมฐาน

นำมาให้อ่าน นี่คือตัวอย่างของผู้ปฏิบัติที่มีพื้นฐานสมถะมาก แต่สติยังไม่ทัน จึงมีนิมิตเกิดตลอด
ขณะที่เกิดนิมิต ไม่สามารถรู้ที่กายได้

เขาปรับอินทรีย์มาตลอด จากนั่งมาก ลดนั่งลง เพิ่มเดิน
ทำอย่างต่อเนื่อง เขาดูของเขาเอง ปรับเองเพราะรู้แนวทางแล้ว



says: ปฏิบัติเอง แล้วรู้เอง ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าทรางตรัสสอนไว้ เป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติ
แปลกนะค่ะ...เคยอ่านมาแล้วสองครั้ง ก็ยังไม่เข้าใจ แล้วก็มาอ่านที่ใครๆ โพสต์ไว้เรื่อง สติปัฏฐานสี่
หรือเรื่อง การปฏิบัตต่างๆ ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ

จนมาอ่านเรื่องนี่อีกเป็นครั้งที่สาม จึงเข้าใจขึ้นมาก... คงจะจริงนะที่บอกว่า
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัย จะส่งผล หรือได้รับผล ก็ต้องขึ้นอยู่กับกาล สถานทีและตัวบุคคละ

สุขที่แท้จริง says: เรื่องปกติค่ะ
มันต้องเข้าใจโดยสภาวะก่อน เมื่อมาอ่านแล้วถึงจะเข้าใจในตัวบัญญัติ

says: ค่ะ ตอนนี้เริ่มเข้าใจมากกว่าเดิมแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says: อันนี้ตำราของพม่านะคะ เรื่องสติปัฏฐาน 4 ของหลวงพ่อภัททันตระ
เมื่อก่อนอ่านแล้วก็งงในหลายๆเรื่อง แต่ตรงไหนที่สภาวะผ่านแล้ว แค่หยาบๆจะรู้แบบแค่หยาบๆก่อน

ตอนที่อ่านคำสอน ของพระอรหันต์ทุกท่านที่บันทึกไว้ เขียนไว้เหมือนกันหมด คือให้รู้อยู่ในกาย
เวทนา จิต ธรรม ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น มีแค่นี้

อ่านแล้วก็งง ในตอนนั้นน่ะค่ะ แล้วทำยังไงหว่า
แบบเราทำนี่ไม่ถูกหรือไง แต่ทำไมสิ่งที่รู้ตรงในตำราล่ะ
แล้วข้อสงสัยต่างๆก็ได้คำตอบจากสภาวะเอง เดี๋ยวนี้เลยไม่สงสัยอะไร

says: ค่ะ...เหมือนกัน เมื่อก่อนขนาดบอกให้กำหนด รู้ อริยบท ก็ไม่ค่อยเข้าใจ
เดี๋ยวนี้เข้าใจแล้ว ว่าก็คือให้อยุ่กับปัจจุบันนั้่นเอง
แล้วการที่จะทำให้อยู่ปัจจุบันที่ง่ายที่สุด ก็คือรู้ที่กาย

ความเคลื่อนไหว พอทำได้ ใจก็สงบจริงๆ ว่างๆ โล่งๆ แต่ก็อย่างว่านะค่ะ ยังคงอยุ่ได้ไม่นาน
แป๊ปเดียวก็ซัดส่ายออกไปอีก แล้วก็ร้อนรุ่มขึ้นมาอีก

ตอนนี้พยายามจะเพิ่มการปฏิบัติให้บ่อยขึ้น
ไม่ใช่มากขึ้นนะค่ะ แต่คิดว่าบ่อยขึ้นน่าจะดีกว่า

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละค่ะ แรกๆมันจะรู้แบบนั้นทีละน้อย
แล้วมันจะชัดมากขึ้น รู้ในกายได้นานมากขึ้น

ถึงบอกไงคะ ตัวเวลาของการนั่งไม่ใช่ตัววัดผล การทำมากหรือน้อยล้วนเกิดจากเหตุของแต่ละคน
สัปปายะเลยแตกต่างกันไป ตัวเราน่ะจะรู้ด้วยตัวเอง

เวลาที่รู้อยู่ในกาย แรกๆจะเป็นแบบนี้แหละค่ะ ทีละนิด
ตัวสำคัญ สภาวะภายนอกนี่แหละค่ะ ตัวแปรของสภาวะภายใน
เพราะการกระทำภายนอกทั้งหมด มันส่งผลต่อการปฏิบัติด้วยน่ะค่ะ



ถ้าข้อความยาวเกินไป ต้องขออภัยด้วยค่ะ
เพราะอธิบายด้วยสภาวะ จะมาอธิบายแบบสั้นๆเหมือนบัญญัติไม่ได้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 12 ต.ค. 2010, 22:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 12 ต.ค. 2010, 21:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




oba41.gif
oba41.gif [ 18.27 KiB | เปิดดู 5837 ครั้ง ]
ต้องกระตุ้นต่อมทิฐิ 5 นาทีโผล่ เขาถามเป็นชั่วๆไม่มา :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร