วันเวลาปัจจุบัน 12 มิ.ย. 2025, 20:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 126 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2010, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


12 กย.53

สุดแต่ใจ says: ดีนะครับพี่ ถามเรื่องฝันได้ป่ะ ที่จริง ฝันไม่ควร จะเชื่อ ช่ายป่ะ
แต่ รู้สึก ปีนี้ ฝันดีต้ังแต่ ต้นปี แต่ ไม่ได้ปฎิบัติ ตามที่ตั้งใจไว้เลย
ที่พี่บอกให้ เดิน ก่อนค่อยนั่ง สมาธิ ก้อ ไม่ได้ทำเลยอ่ะนะ อาศัยฟังอย่างเดียว ยังดีกว่าไม่ได้ทำอาราย

walai says: ไม่เป็นไรค่ะ ทุกอย่างล้วนมีเหตุ ลองแบบนี้สิคะ ไม่ยุ่งยาก
ว่างตอนไหนก็ได้ เอาที่สะดวกที่สุดน่ะ ใช้เวลาไม่มากค่ะ แค่เดินไปกลับ 1 รอบ แล้วนั่งต่อ
นั่งรู้ลมหายใจเข้าออก แค่ไหนก็ได้ค่ะ ไม่ต้องจับเวลา ถ้าเราคิดว่านั่งแค่นี้พอละ
ก็แผ่เมมตตากรวดน้ำได้เลยค่ะ ทำทุกวัน วันละครั้งหรือจะมากกว่านั้นก็ได้ค่ะ ตามสะดวก

สุดแต่ใจ says: แต่ที่ทำ คือ ผมชอบนั่งด้วย ฟังเสียงธรรมด้วยอ่ะครับ

walai says: ได้ค่ะ ทำแบบนั้นก็ได้ แต่ให้เดินก่อนหนึ่งรอบแล้วค่อยนั่ง นั่งแบบไหนๆก็ได้
ถ้าติดคอม จะนั่งหน้าคอมก็ได้ แต่ให้ปิดจอก่อน ไม่งั้นแสงจะแยงตา ทำแค่นี้แหละค่ะ ทำทุกวัน
ทำได้หนึ่งนาทีก็คุ้มแล้วค่ะ จะมากหรือน้อยไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่มันคือการสร้างเหตุดีค่ะ

สุดแต่ใจจะไข่วคว้า says:
อืมครับ เท่าๆที่ สังเกตุตัวเอง บางช่วง รู้สึกตัวดีได้ บ่อยๆ แต่ พอทำไปทำมา ก้อรู้สึก ตามดูไม่รู้เรื่อง แล้วก้อจะเริ่มขี้เกียจ เริ่ม ปล่อย ใจ ตามกิเลส นานๆ ที จึงจะ ลากใจ กลับมา อยู่จุดเดิมได้
แต่ก้อ จะเป็น เช่นนี้ ตลอด ที่ผ่านมา ตอนแรก ก้อทุกข์ แต่ ได้ฟ้ง พระอาจารย์ ก้อ เข้าใจ ว่า
มันก้อ แบบนี้แระ บังคับไม่ได้ ซักอย่าง

walai says: เรื่องปกติค่ะ เพราะเรากำลังฝึก เรื่องของสภาวะเลียนแบบกันไม่ได้หรอกค่ะ

สุดแต่ใจ says: แต่ อย่างน้อย ผมคิดว่า ผม คงขาดคนแนะนำ หรือ ไม่มีอาจารย์ คอยตักตือนอ่ะนะ
เลยทำตามยถากรรม ไปหน่อย

walai says: ทุกๆสภาวะคือการเรียนรู้ค่ะ เหตุของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
จึงทำเลียนแบบกันไม่ได้ มีเวลาทำได้แค่ไหน ทำตามเวลา

เรียกว่า ช่วงกำลังฝึกนี่ไปฝืนมากไม่ได้ มันพาลจะเบื่อ เพราะมันไม่ได้ดั่งใจ
มันจะมีแต่การเปรียบเทียบ พอหันไปมองคนอื่นๆ

สุดแต่ใจ says: ใช่เลย ช่าย

walai says: พี่เคยทำพลาดนะคะ ทำพลาดมาหลายๆครั้งในเรื่องการแนะนำ แต่การพลาดก็ล้วนมีเหตุ
เหตุของเรากับคนที่มาขอคำแนะนำมีแค่นั้น เมื่อก่อน จะบอกว่าสักห้านาทีนะ คือยังมีบังคับเวลา
พยามเอาใจช่วยเขา จริงๆแล้ว พลาดไป ลืมมองที่เหตุ เหตุของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ทุกอย่างต้องให้เวลา ต้องใจเย็น แต่นี่ไปลุ้นน้องเขามากเกินไป
เลยทำให้เขาชอบนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ผลคือ ทำให้เขาเบื่อ
เพราะเขาคิดว่าทำแล้วไม่ก้าวหน้า เขาหวังมากไป เขายังไม่เข้าใจเรื่องของเหตุแบบที่พี่เข้าใจแล้ว

สุดแต่ใจ says: อันนั้นก้อเคย คิด

walai says: สภาวะของแต่ละคน ล้วนเกิดจากเหตุที่ทำมากัน
ตอนนี้เลยให้ทุกคนทำตามสภาวะของเขา ไม่มีการจำกัดความคิด
ให้ทุกคนเรียนรู้ด้วยตัวเอง จะได้ไม่เกิดการเปรียบเทียบ
ติดขัดตรงไหน เขามาถามกันเอง แบบนี้ดีนะคะ ดีทั้งเขาและเรา ไม่มีการมายึดติดกัน
ทำไปนะคะ อย่าไปคิดว่ามันน้อยหรือเปล่า

สุดแต่ใจ says: พี่ก้อเช่นกันครับ ขอให้พบแสงสว่าง และ สันติ โดยไว
จะได้ ช่วย พระพุทธ องค์ สืบทอดศาสนา

walai says: หลักๆคือ เดินรู้เท้า นั่งรู้ลมหายใจ เอาแค่นี้ก่อน ตามสบายนะคะ ติดขัดตรงไหน ถามได้
การปฏิบัติน่ะไม่มีอะไรหรอก จับจุดได้ สบายค่ะ

สุดแต่ใจ says: มีแต่ ไม่ยอมปฏิบัตินี่แระ T_T อิอิ

walai says: เอานะ มันไม่ตลอดไปหรอกค่ะ ผลุบๆโผล่ๆก็ยังดีนะคะ

สุดแต่ใจ says: บางทีผม คิด ว่า อย่างผม ต้องทุกข์ หนักๆ ถึงจะยอม ตั้งหน้าตั้งตา ปฎิบัติ จริงๆจังๆ

walai says: มันแค่ความคิดค่ะ ทุกอย่างไม่เที่ยง

สุดแต่ใจ says: ผม ก้อว่าอย่างน้านแระ

walai says: พี่เองทุกวันนี้สบายจะตายไป ยังคงทำเหมือนเดิม
จุดเริ่มแรก ความทุกข์ ทุกข์หนักๆ เห็นความไม่เที่ยง พอเห็นแล้ว มันก็จะไม่ไปยึดติดกับอะไร
เมื่อไม่ยึดติด มันก็สุขมากขึ้น สุขมากมันก็เบื่ออีก เห็นไหม มันไม่เที่ยงเลย

สุดแต่ใจ says: ขอบคุณ มากครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2010, 22:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


12 กย. 53

walai says: เขียนเรื่องสภาวะปีติไปแล้ว พี่ให้คุณอ่านแล้วดูเอาเอง

จุดหมาย says: ผมได้อ่านแล้วนะครับ ปิติในบางสภาวะนั้น มีบางอย่างคล้าย ๆ กันนะครับ
เลยไม่แน่ใจว่าเข้าข่ายแบบสภาวะไหนกันแน่

walai says: พี่ถึงไม่บอกไง เพราะถ้าใช่แบบที่คุณคิดเอาไว้ มันก็ก่อกิเลสให้เกิดขึ้นได้
สู้ให้ทุกคนเรียนรู้ด้วยตัวเองดีกว่า รู้ผิด รู้ถูกด้วยตัวเอง สุดท้ายพอรู้ชัด จะอ้อเอง

จุดหมาย says:
ครับ ตอนนี้ผมเลยอาศัยระยะเวลา และผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติ มาเป็นตัวช่วยตัดสินเอาเอง
ว่าแต่ทั้งหมด ทั้งมวล ที่พี่ได้บันทึกเอาไว้นั้น เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากการปฏิบัติของพี่เอง
หรือว่า ได้นำเอาบันทึกของครูบาฯ มาผสมด้วยครับ

walai says: ของพี่เองค่ะ ของครูบาฯท่านไหน พี่จะเขียนชื่อเอาไว้
ตรงไหนไม่รู้ที่มาก็จะเขียนบอกเอาไว้

จุดหมาย says: อืมมมครับ แยกรายละเอียดได้เยอะมาเลยนะครับ

walai says: สภาวะเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ สติ สัมปชัญญะเกิดขึ้นมากเท่าไหร่
รายละเอียดมันจะมากขึ้น จะแยกแยะได้ชัดมากขึ้น มันจะไม่เหมือนแรกๆ
ถ้าคุณอ่านไล่มาตลอดตั้งแต่แรก จะเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้น
พี่กำลังเขียนเรื่อง สุข ว่า สุข ทำไมเกิดความเบื่อหน่ายได้

ทุกข์ ทำให้เห็นตามความเป็นจริง คือความไม่เที่ยง ทุกๆเรื่องที่พี่เขียน ล้วนเกิดจากจิตนี่แหละ
มีบางตอนที่พี่มองว่าจะนำไปลงเป็นหนังสือ จะเขียนไว้ว่าหนังสือ แต่เป็นสภาวะพี่เขียนเอง
แต่ถ้าสภาวะตรงไหนนำมาจากตำรา จะเขียนว่าจากตำราไหน
แต่จากเรื่องปีติ พี่นำมาหลายๆที่ เลยไม่ได้ลงชื่อว่าเป็นท่านไหน แต่เขียนไว่ว่าจากหนังสือ
ตรงบล็อกน่ะ อ่านสภาวะปีติ จะทำให้เข้าใจผู้ปฏิบัติอื่นๆมากขึ้น

การที่คนเป็นสมาธิแล้วร้องไห้ อาเจียน บางคนบอกว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวร
แท้จริงแล้วมันคือสภาวะของปีติ อันนี้เคยเจอกับตัวพี่เองนะ ทั้งอาเจียน ทั้งร้องไห้ น่าเกลียดพิลึก

จุดหมาย says: นานแล้วสิครับ

walai says: แต่ตอนนั้นโดนอาจารย์ที่สอนน่ะบอกว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวร นานแล้ว 8ปีหรือ10ปีน่ะ
ก่อนจะไปที่วัดอัมพวัน นี่เห็นไหม ความไม่รู้

เหมือนบางคนนั่งตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า บางหันหัวหมุนๆๆๆๆ บางคนนอนดิ้นพราดๆ
ฟาดแขนฟาดขา โอ๊ยสารพัด นั่นน่ะสภาวะปีติทั้งนั้น

จุดหมาย says: แล้วทำไมอาจารย์เขาถึงบอกแบบนั้นล่ะ

walai says: เขาเรียกว่าทำให้เกิดความศรัทธาไง

จุดหมาย says: อ๋อครับ ทำให้ตัวเราเริ่มมีความศรัทธาต่อสิ่งที่เรากำลังปฏิบัติอยู่นะครับ

walai says: ใช่เลยค่ะ เพื่อให้เกิดความศรัทธา แต่ละสำนักใช้อุบายต่างๆกัน

จุดหมาย says: อืมมมครับ แบบนั้นถือว่าเป็นอุบายของอาจารย์ที่สอนนะสิครับ
แล้วแบบนี้ไม่ผิดศีลหรอกเหรอ

walai says: ใช่ค่ะ ไม่มีอะไรถูกหรือผิดหรอก ไปว่ากันไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับเหตุน่ะ เหตุของแต่ละคน
ผิดศิลไหม พูดยากนะ เพราะคนที่แนะนำย่อมรู้ดี ดูที่เจตนา เขาย่อมรู้ดี
แต่สำหรับเรานั้น คำตอบมันคือการคาดเดา เราจึงไม่ควรแสดงความคิดเห็น
เพราะมันส่งผลต่อตัวเราเอง คิดดี คิดไม่ดี เรารับหมด แล้วจะไปคิดแทนทำไม

จุดหมาย says: อืมมครับ คงจะเป็นแบบนั้นนะครับ อย่างที่พี่บอกนั่นแหล่ะ อย่างเช่น
ถ้าอาจารย์เขาบอกว่ามันคือ ปีติ เราคงจะงง ๆ และไม่เข้าใจได้ง่าย ๆ เหมือนกับการบอกว่า
เป็นเจ้ากรรม นายเวร หรอกนะครับ

walai says: ใช่ค่ะ พอได้คำตอบก็ต้องมีคำถามต่อไปอีก
หรืออาจจะไม่มีก็ได้ อันนี้ก็แล้วแต่เหตุของแต่ละคน

จุดหมาย says: ครับ แล้วแต่เหตุของใครของมัน

walai says: เหมือนอย่างวันนี้ อ่านแล้วจะฮา เล่าสู่กันฟังนะ

จุดหมาย says: ครับ

walai says: ที่บ้านน่ะ น้องพี่ น้า อา แม่ ชอบเล่นหวย
ตอนนี้แม่บวชชี ต้องยกเว้น เหลือแต่น้องๆอาๆน้าๆ ชอบหวย อยากรวยมากๆ
คือ ธรรมะนี่บอกกันได้ยากนะ

พี่ได้ช่องจากการเล่นหวยของเขา แบบแจมๆน่ะ แอบนำธรรมะใส่ทีละคน ก็อยากรวยไม่ใช่เหรอ
พี่ก็แนะนำน้องคนที่อยากรวยที่สุดก่อน พี่บอกว่า อยากถูกหวยใช่ไหมล่ะ
พี่ยังขำตัวเองนะ น้องไม่รู้หรอก คือขำน่ะว่า คิดไปได้ไงนะวิธีนี้
ก็นำมาใช้กับช่างเสริมสวยและช่างทำเล็บแล้วมันได้ผลนะ

พี่บอกน้องว่า ถ้าอยากรวย ต่อไปนี้เวลากลับมาจากที่ทำงาน
ให้เขาอาบบน้ำให้เรียบร้อย ปิดประตูห้องเลย เดิน 1 รอบ คือเดินไป เดินมา ให้รู้ที่เท้า
เดินเสร็จแล้ว ให้นั่งต่อกี่นาทีก็ได้ ตามสะดวก ให้รู้อยู่กับลมหายใจเข้าออก จะมีพุทโธหรือไม่มีก็ได้ เสร็จแล้วแผ่เมตตา กรวดน้ำ ทำเท่านี้แหละ ทำทุกวัน น้องบอกว่าทำแค่นี้เองเหรอ น่าจะบอกตั้งนานแล้ว
เมื่อก่อนมาให้หนอๆ ใครจะไปทำ

พี่บอกว่า ก็เมื่อก่อนยังหนอนี่นา
ตอนนี้เอาหนอไปเก็บแล้ว ไม่ต้องใช้หนอ

จุดหมาย says: อืมม เปลี่ยนไปตามสภาวะ และประสบการณ์นะครับ

walai says: ใช่เลยค่ะ แล้วแต่สภาวะของแต่ละคน ขืนไปพูดว่าเจริญสติ ตายเลย
ใครที่ไหนจะทำ คนจะเล่นหวย อยากรวย ดันมาให้เจริญสติ ตายๆๆๆๆๆ

จุดหมาย says:
ผมว่าคนที่เพิ้่งจะเริ่มต้นนะ ถ้าหากมาเจอคำว่าหนอแล้ว ส่วนใหญ่นะ จะไม่ค่อยสนใจกันหรอกครับ

walai says: แล้วแต่เหตุนะ เราไปเจาะจงแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ

walai says: ถ้าเราเข้าใจสภาวะ เราจะเข้าใจทุกคนค่ะ เราจะไม่เอียงไปทางฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
จะมองที่เหตุเป็นหลัก อย่างคนเล่นหวย จะไปให้เขาเลิกเล่นได้ยังไง
ต้องให้เขาเลิกโดยสภาวะของตัวเขาเอง

จุดหมาย says: อืมมครับ ต้องเห็นเหตุก่อนใช่มั้ยล่ะครับ

walai says: ต้องเข้าใจเรื่องเหตุค่ะ พอเข้าใจเหตุ เราจะเข้าใจถึงเหตุของคนอื่นๆ
เขาไม่แตกต่างกับเราเลย

จุดหมาย says: ครับ เป็นแบบนั้นจริง ๆ อยู่ที่ว่าเหตุของใครมากน้อยกว่ากันเท่านั้นเอง

walai says: พี่ถึงบอกไงว่า ใครจะปฏิบัติยังไง อย่าไปติติงเขา เพราะทุกสิ่งที่ทำลงไป
มันมีผลต่อสภาวะของตัวเอง เราต้องพยายามถนอมเนื้อตัวเราไว้ อย่าให้กิเลสมันรุม

จุดหมาย says: ได้แค่รับรู้ เท่านั้นพอนะครับ ต้องอยู่ให้ได้ตลอดกับปัจจุบันขณะนะครับ

walai says: ใช่ค่ะ พี่ถึงบอกไง การรู้อยู่กับรูปนาม
อยู่ที่สติ สัมปชัญญะและกำลังของสมาธิ แล้วที่สำคัญคือเหตุ ตอนนี้เรากำลังสร้างเหตุดี
ส่วนจะได้ผลช้าหรือเร็ว ต้องมีเรื่องเหตุของในอดีตมาเกี่ยวข้องด้วย
พี่ถึงบอกไง ไม่ต้องไปคาดหวังหรือหวังผล ทำไป

จุดหมาย says: เข้าใจในเหตุได้ต้องอาศัย สติ สัมปชัญญะนะครับ

walai says: การหวังผลหรือคาดหวัง ล้วนก่อให้เกิดเหตุ
เรารู้อยู่กับรูปนามได้ นี่คืออยู่กับปัจจุบันแล้ว ถ้าตัวรู้เขาจะเกิด เขาเกิดเอง

จุดหมาย says: ครับ ปล่อยทุก ๆ อย่างให้เป็นไปตามจริง ส่วนตัวเราเองแค่รับรู้ พอ
ครับ เริ่มเข้าใจในสิ่งที่พี่บอกนะครับ

walai says: มันจะทำให้สติเรามีมากขึ้น ลดละกิเลสต่างๆให้น้อยลงไปเรื่อยๆ

จุดหมาย says: อย่างเช่นสภาวะที่พี่เคยบอกนะ เรื่องสภาวะเย็น ๆ หน่ะ เวลาเกิดเขาเกิดเอง

walai says: ถามนะ กำไรในการปฏิบัติคืออะไร

จุดหมาย says: กำไรในการปฏิบัติ ตามความเข้าใจของผม ณ ตอนนี้คือ
การที่เราสามารถมองเห็นกิเลส ที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองได้บ่อย ๆ และมาก ๆขึ้น
ทำให้เรามีความระมัดระวังตัวมากขึ้น เริ่มรู้สึกว่าสุขในกายนี้ มีความสุขมาก ๆ

walai says: สุขเพราะอะไรคะ

จุดหมาย says: อืมม ผมสัมผัสได้กับสภาวะปีติที่นะครับ
เรื่องของสภาวะเย็น ๆ หน่ะ ถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ไม่นานนัก
แต่ว่าเวลาเกิดขึ้นมาแล้ว รู้สึกว่ามีความสุขมาก ถึงแม้จะรู้สึกได้ไม่ทั่วทั้งกายนะครับ
แค่บางส่วนภายใจกายเท่านั้น มีความสุขแล้ว เวลาเขาเกิดแล้ว มันโล่ง ๆ เบา อยากให้เกิดขึ้นนาน ๆ

walai says: เข้าใจค่ะ
ถามนะ การที่เห็นกิเลสได้แบบนี้ ทำไมจึงเห็นได้ แล้วแตกต่างจากเมื่อก่อนยังไงหรือคะ

การที่เราสามารถมองเห็นกิเลส ที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองได้บ่อย ๆ และมาก ๆขึ้น
ทำให้เรามีความระมัดระวังตัวมากขึ้น ..... จากตรงนี้น่ะค่ะ

จุดหมาย says: แต่ก่อนนั้นเราไม่ได้มาสนใจ ไม่ได้มาใส่ใจอะไรมากมาย
เดี๋ยวนี้เราเริ่มมาสนใจในกายของเราบ่อย ๆ ทำให้รู้สึกตัวได้บ่อย ๆ
เริ่มเห็นต่อการกระทำ อารมณ์ และความคิดทีเกิดขึ้น

walai says: นี่คือสภาวะปัจจุบันของคุณ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตของคุณ
อีกหน่อย สภาวะคุณละเอียดมากขึ้น คำตอบจะกระชับมากขึ้น ชัดเจนมากขึ้น

ดีแล้วค่ะ ตอบด้วยตนเอง ไม่ใช่ไปจำคำคนอื่นๆหรือสภาวะคนอื่นๆมาตอบ เพราะมันไม่มีทั้งถูกและผิด
เราดูตามความเป้นจริง รู้ตามความเป้นจริงของตัวเราเอง ไม่ได้ให้ไปดูใครๆหรือไปดูนอกตัว
ทำแบบนี้ไป แล้วเราจะเห็นตามความเป็นจริงมากขึ้น

พี่ถึงไม่ตอบคุณเรื่องสภาวะเย็นๆทั้งสุข ที่คุณถามว่าเมื่อไหร่จะผ่านไปได้
คุณไปให้ค่ากับมันเอง มองอีกมุมสิคะ

คำว่ากำไรที่พี่พูดถึง กำไรคือ การอยู่กับปัจจุบันได้ทัน
เหมือนเวลาเรานั่งหรือเดิน ปฏิบัติเต็มรูปแบบ

การที่สมาธิเกิด ไม่ว่าจะเกิดสภาวะใดๆก็ตาม แต่เราสามารถรู้อยู่กับกายและจิตได้
จะมากหรือน้อย ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเหตุสร้างมาไม่เหมือนกัน ทำสะสมไป
สักวันก็รู้อยู่กับรูปนามได้มากขึ้น นี่แหละค่ะกำไร ยิ่งกว่ากำไรใดๆในโลกเพราะมันประมาณค่าไม่ได้
บัญญัติก็คือบัญญัติ จะเรียกอะไร จะให้ค่าอะไร มันก็คือบัญัติ มีไว้เพื่อรู้

จุดหมาย says: ครับ เริ่มเข้าใจในรูปนาม ได้เมื่อใดแล้ว จะเห็นตามจริงได้มากขึ้นนะครับ
ครับ ใช่ครับ

walai says: แต่ถ้านำมาใช้ผิดวิธี จะกลายเป็นการสนองตัณหาความทะยานอยากที่มีอยู่ในจิตแทน
หลงดีใจกับการให้ค่าของสภาวะ แต่ดันมองไม่เห็นกิเลสที่เกิดขึ้น

จุดหมาย says: ครับ เหมือนกับดาบสองคมนะครับ

walai says: อันนี้พี่พูดจากที่พี่เคยผ่านๆมา
พี่ถึงไม่อยากพูดเรื่องสภาวะของฌานเท่าไหร่ เหมือนดาบสองคม แต่ถ้าไม่พูด ก็บอกนะ

จุดหมาย says: ครับ ความผิดพลาดในอดีต ทำให้เกิดตัวรู้นะครับ

walai says: นี่คือความรู้สึกในตอนนี้ มันเปลี่ยนแปลงได้ เอาแค่ตอนนี้น่ะ
คือ พี่มองว่า เรื่องสัมมาสมาธิ เป็นเรื่องที่น่าเขียน คนจะได้เข้าใจมากขึ้น จะได้ไม่ไปหลงให้ค่า
ว่าเป็นของวิเศษ จริงๆแล้วเราจะว่ามันวิเศษก็ได้
แต่มันคือการให้ค่า ทำหใเส้นทางเรายืดยาวออกไปอีก

จุดหมาย says: อยู่ที่การให้ค่ากันอีกนั่นแหล่ะครับ

walai says: ใช่ค่ะ ให้ค่าเมื่อไหร่ ทางยืดยาวออกไป เพราะกิเลสมันลากไปกิน อัตตา มานะ
เกิดพรวดๆ กูรู้ กูดี กูเก่ง กิเลสมันฟาดเรียบ

พี่กำลังเขียนเรื่องฌานในแง่ของสัมมาสมาธิแบบง่ายๆที่ทุกๆคนสามารถทำได้หมด
มันอาจจะช้าหน่อยนะ เพราะมันต้องไล่ด้วยสภาวะ

จุดหมาย says: เขียนเสร็จแล้วหรือป่าว

walai says: ยางงงง เอาแค่ปีติไปก่อนไง โห สภาวะของแต่ละสมาธิมันละเอียดนะ
ละเอียดมากๆเลยแหละ ไม่ใช่ว่าเขียนแค่ไม่กี่บรรทัดแล้วจบ ข้อปลีกย่อย จุดสังเกตุของสภาวะมันมีอยู่

จุดหมาย says: แค่ปีตินี่ ก้อทำให้เริ่มเข้าใจต่อสภาวะที่่เกิดขึ้นได้แล้วครับ

walai says: ปีติ สุข ก็เกิดในอุปจารสมาธิได้นะ อาจจะมีการคิดว่าเกิดได้เฉพาะในฌาน
จริงๆแล้วในอุปจาระก็เกิดได้ ต้องไล่ดูองค์ประกอบของสภาวะที่เกิดขึ้นทั้งหมด

จุดหมาย says: ผมเคยได้ยินมานะครับ อันนี้จริงหรือป่าว ที่ว่า เวลาเกิดปีติ แล้วสุขจะตามมาทันทีเลย

walai says: เรื่องจริงค่ะ แต่บางสภาวะมีสุข ไม่จำเป็นต้องมีปีติ
แต่ถ้ามีปีติ จะมีสุขตามมาโดยอัตโนมัติ เรื่องปกติค่ะ

จุดหมาย says: ครับ พอจะเข้าใจครับ

walai says: แล้วจิตตั้งมั่น ก็ตามมา จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับกำลังของสมาธิ
แล้วจะเป็นมิจฉาสมาธิหรือสัมมาสมาธิก็ขึ้นอยู่กับสติ สัมปชัญญะ ณ ขณะสภาวะนั้นๆอีก

จุดหมาย says: ครับ ถ้าเป็นมิจฉาสมาธิ ก้อคือ การก้าวกระโดดของสภาวะที่เกิดขึ้นน่ะสิครับ

walai says: แล้วแต่เหตุค่ะ บางคนมีของเก่าติดตัวมาเยอะ อาจจะเจอสภาวะก้าวกระโดด
หรือไม่เจอก็ได้ เราดูเรื่องการรู้อยู่กับกายเป็นหลัก
ถ้าสติ สัมปชัญญะดี จิตย่อมอยู่กับองค์กรรมฐานได้ดี รู้สึกตัวได้ตลอด
กำลังของสมาธิดี แนบแน่นดี การรู้อยู่กับกาย ย่อมรู้ได้นาน ได้ชัดมากขึ้น
ส่วนปัญญาไม่ต้องไปคาดเดา ถ้าจะเกิด เขาเกิดเอง เรามีหน้าที่คือ รู้ ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

จุดหมาย says: ครับ แค่รับรู้ต่อสิ่งที่มากระทบ

walai says: ค่าตามบัญญัติวางไว้ นั่นแค่คำเรียก ยึดติดเมื่อไหร่ เสร็จกิเลส
เวลานำบางสภาวะมาเทียบ เราแค่รู้พอ เพราะมันอาจจะใช่ในวันนี้ วันหน้าอาจจะไม่ใช่ก็ได้

จุดหมาย says: เมื่อเห็นตามจริงแล้ว เวลาใครเขาเรียกบัญญัติอะไรมาแล้ว จะรู้ทันทีเลยนะครับ

walai says: ใช่หรือไม่ใช่ ก็ไม่ได้มีผลให้การปฏิบัติดีขึ้นแต่อย่างใด เพราะเรากำลังดูกิเลส
ให้ค่าได้นะ แต่อย่าไปยึด

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ

walai says: แค่รู้พอว่าอ้อ มันมีคำเรียก จะได้ไม่ต้องไปถกเถียงกับใครๆเขา ใ
ครอยากพูดอะไร ช่าง เพราะนั่นคือสภาวะของเขา เรามีหน้าที่คือดูในกายของเรา
ดูแค่ขณะหนึ่ง สภาวะกาย เวทนา จิต ธรรม มาหมด

จุดหมาย says: คือ งานหลักของเราคือ เข้าใจในกายของเราเองก่อนนะครับ

walai says: ใช่ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2010, 00:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


15 กย. 53

จุดหมาย said: ทุกข์ คือ สิ่งที่ไม่ได้ตามที่คาดหวังเอาไว้ หรือว่า มีความหมายที่กว้างมากกว่านี้ล่ะครับ

walai said:
http://cid-3bbff7e5594790ce.spaces.live ... 2777.entry
อ่านดูนะคะ เพิ่งเขียนเสร็จ มันอธิบายได้ยาก การที่จะเห็นแบบนี้ได้

จุดหมาย says:
เรื่องจิตพิจารณาเอง จะอธิบายอย่างไรให้เห็นภาพได้ชัดเจนล่ะครับ

walai says: นี่แหละยากนะ ที่จะอธิบายได้ รอไปก่อน

จุดหมาย says: อืมมครับ เข้าใจนะครับ เขียนเป็นตัวหนังสือแล้วทำให้คนอ่านเข้าใจ
และเห็นภาพได้นี่สุดยอดมาก ๆ เลยนะครับ

walai says: สภาวะสติ สัมปชัญญะ เข้าใจมากขึ้นไหมคะ ได้อ่านที่พี่เขียนแล้วหรือยัง
http://cid-3bbff7e5594790ce.spaces.live ... 2776.entry
เหตุเกิดของตัวปัญญา

จุดหมาย says: ผมสงสัยตรงนี้ครับ
แต่สภาวะขององค์ฌานที่เป็นผลของการเจริญสติมาตั้งแต่แรกเริ่ม
มันจะทำให้เห็นรายละเอียดของสภาวะแต่ละสภาวะที่ละไปได้ เห็นได้ชัดเจน

อันนี้คือ เห็นตามองค์ฌาน หรือว่า เห็นตอนที่กำลังของสมาธิอ่อนแรงลงครับ

walai says:
แต่สภาวะขององค์ฌานที่เป็นผลของการเจริญสติมาตั้งแต่แรกเริ่ม
มันจะทำให้เห็นรายละเอียดของสภาวะแต่ละสภาวะที่ละไปได้ เห็นได้ชัดเจน

พี่ว่าพี่เขียนชัดนา พี่แยกสภาวะออกจากกัน กลับไปอ่านซ้ำค่ะ
คุณน่ะ ให้กลับไปอ่านซ้ำ พี่เขียนแยกสภาวะไว้แล้วนะ

จุดหมาย says: เดี๋ยวขอลองอ่านดูอีกรอบนะครับ

walai says: ค่ะ ศึกษาไปค่ะ ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
อะไรที่ยังคลุมเครือ ก็แค่ให้รู้ว่าคลุมเครือ ไม่จำเป็นต้องไปเชื่อ

จุดหมาย says: ครับ กำลังพิจารณาดูนะครับ
ถ้าผมเขียนตามความเข้าใจแบบนี้ใช่หรือป่าวครับ

สมถะ+เจริญสติ= เห็นสภาวะที่ละไปได้ไม่ชัดเจน
เจริญสติ(วิปัสสนา)=เห็นสภาวะที่ละได้ชัดเจน

walai says: มันก็ชัดทั้งสองอันนะ แต่มันละเอียดไม่เหมือนกัน
ถ้ามาจากสมถะก่อน สภาวะจะหยาบ
ถ้าจากเจริญสติ มันจะละเอียดกว่า

เรียกว่าไปตามลำดับ ไม่มีสภาวะก้าวกระโดด
แต่ถ้าสมถะมาก่อน จะมีสภาวะก้าวกระโดด เพราะกำลังของสมาธิ

จุดหมาย says: สมถะ ในที่นี้คือ การเข้าฌาน ถูกมั้ยครับ

walai says: แหมมม ตกไปนะ ต้องบอกว่า สมถะที่เป็นสัมมาสมาธิ
คืออัปปนาสมาธิหรือฌาน ที่เป็นสัมมาสมาธิ
มันต้องแยกแบบนี้ พี่ยังไม่ได้เขียนรายละเอียดตรงนี้ ว่าจะนำไปเขียนในเรื่องฌาน

บางคนมีของเก่าติดตัวมาเยอะ คือได้ฌานมาก่อน แล้วจึงมาเจริญสติเพิ่ม
กับ ฌานที่เกิดจากการเจริญสติ

จุดหมาย says: อืมมครับ แล้วตรงนี้ตก เอกคตา ได้ด้วยหรือป่าวครับพี่
แล้วเป็นเหตุให้ละวิตก วิจาร ปีติ สุข สุดท้ายอุเบกขา ตามสภาวะที่เกิดขึ้น

walai says: ตกอะไร คุณนี่

จุดหมาย says: ผมบอกผิดนะ พี่พิมพ์ตกไปด้วยหรือป่าว

walai says: ก็บอกแล้วไง นี่แค่สภาวะที่ละ แต่ยังไม่ได้เขียนรายละเอียดทั้งหมด

จุดหมาย says: อ๋อครับ นี่แค่เริ่มต้นเองนะครับ

walai says: มันมีรายละเอียดมากกว่านี้ นี่แบบหยาบๆที่พี่เขียนในบล็อกน่ะ
อย่างสภาวะปฐมฌาน ยังเป็นสภาวะบัญญัติอยู่ คือมีบัญญัติเป็นอารมณ์

จุดหมาย says:
ต้องมีขยายความต่อไปอีกไม่รู้อีกซักเท่าไหร่สิครับเนี่ย

walai says: แต่ตั้งแต่ทุติยฌาน ติติยฌานและจตุตถฌาน มีรูปนามเป็นอารมณ์ เป็นสภาวะปรมัตถ์
มันละเอียดมากๆนะ ต้องใช้เวลา เพราะต้องแยกสภาวะออกมาทีละอย่าง

จุดหมาย says: อืมมครับ เข้าใจนะครับ แต่ว่าอย่างวางกับดักเอาไว้นะครับ

walai says: เอ๋ วางยังไงหรือคะ ก็แค่เขียนไว้แบบหยาบๆ
ส่วนใครอ่านแล้ว ตีความได้แค่ไหน นั่นเรื่องของเขา

จุดหมาย says: อืมมม ผมก้อแค่คิดขึ้นมาได้นะ อย่างที่พี่เคยคุยให้ฟังเรื่องของครูบาฯ ทั้งหลาย
ที่ท่านมีวางกับดัก เอาไว้ทดสอบผู้ปฏิบัติอ่ะครับ

แต่เข้าใจนะครับว่า มันยากมาก ๆ นะครับ การจะอธิบายให้เป็นตัวหนังสือ
แล้วทำให้เข้าใจได้อย่างถูกต้อง 100 % หน่ะ

walai says: อ๋อ ... คนละอย่างกัน อันนั้นสภาวะของญาณต่างๆ
ฌานกับญาณ คนละสภาวะกัน แต่ก็มีนะ บางครูบาฯ สภาวะแรกๆการปฏิบัติของท่าน
ท่านก็เขียนบันทึกแบบนี้เหมือนกัน พี่ได้อ่านนะ ท่านเขียนสภาวะของฌานผิด จะว่าผิดก็ไม่ได้หรอกนะ
เพียงแต่ท่านบันทึกตามที่ท่านรู้ แล้วรู้นั้นๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนมาเป็นสภาวะฌานที่แท้จริง

จุดหมาย says: อ๋อครับ บันทึกตามสภาวะนะสิครับ

walai says: เหมือนพี่ไง ใช่ค่ะ ลองย้อนกลับไปอ่านที่พี่เขียนเรื่องฌานไว้สิ
พี่ว่าจะกลับไปลบทิ้งให้หมด เพราะอันนั้นเป็นสภาวะแบบหยาบมากๆ
เพราะเมื่อก่อนพี่โดตมาแบบก้าวกระโดด

จุดหมาย says: อืมมครับ เดี๋ยวจะไปสร้างเหตุให้คนอื่น ๆ นะเหรอครับ

walai says: ใช่ค่ะ ถ้าคนไม่เข้าใจเรื่องเหตุ
จะไปหลงเชื่อในสิ่งที่เขียนเอาไว้ ว่าต้องเหมือนกันหมดทุกคน

จุดหมาย says: อืมม ถ้าพี่ไปลบออก ผมว่ามันก้อไม่ดีนะครับ

walai says: ไม่เห็นเป็นไร
ของมันก้าวกระโดด เพราะพี่ได้ฌานมาตั้งแต่เด็กๆ สภาวะมันเลยเป็นแบบนั้น

จุดหมาย says: ผมว่าพี่มีเหมือนกับเป็นลักษณะแบบว่า เป็นเปรียบเทียบให้เห็นเอาไว้ คงจะดีกว่านะครับ
อันนี้คือความคิดเห็นของผมนะครับ

walai says: แล้วถ้าคนที่เชื่อในแบบเก่าๆ แล้วก๊อปเอาไปบอกต่อล่ะ
มันก็ใช่นะที่เขียนเอาไว้ของเก่าน่ะ ไม่ได้ผิดอะไร แต่สภาวะมันไม่ละเอียดเหมือนในปัจจุบัน

จุดหมาย says:
ผมกำลังจะบอกว่าพี่คอมเมนต์เอาไว้ว่าแบบนี้เป็นแบบไหน เวลาคนรุ่นหลัง ๆ มาอ่านนะ
เขาจะได้เห็นและเข้าใจต่อสภาวะที่เกิดขึ้นได้นะ

walai says: การอ่านสภาวะ ถ้าคนอ่านไม่เป็น อันนี้ช่วยไม่ได้จริงๆ
การอ่านสภาวะ ต้องอ่าน ณ วันที่ปัจจุบัน ของเก่า ล้วนแต่เป็นสภาวะที่ผ่านมาหมดแล้ว

จุดหมาย says: คือมันมองได้ 2 แบบแหล่ะครับพี่
อยู่ที่ว่าจะมองในมุมที่ดี หรือว่ามองในมุมที่ติดลบนะครับ

walai says: ทุกอย่างล้วนมีเหตุ ใครคิดอะไรแบบไหน ล้วนเกิดจากเหตุ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ เห็นด้วยนะครับ และเป็นไปตามนั้นนะครับ
ถ้าเกิดสัมมาปัญญาแล้ว ย่อมเห็นและเข้าใจนะครับ

walai says: อย่าไปให้ค่าขนาดนั้นเลย จะทำให้หลง
ไม่ใช่ทำให้พี่หลงนะ หมายถึงตัวคุณ

จุดหมาย says: อืมม ครับ

walai says: พี่น่ะอ่านความคิดที่คุณโพสมาน่ะ เข้าใจในความรู้สึกของคุณ
เพียงแต่พูดให้รู้ว่า เราต้องฝึกที่จะไม่ให้ค่า
แม้แต่กับความรู้สึกที่ดีๆ ฝึกเอาไว้

จุดหมาย says: ต้องรู้ทันต่อสภาวะใช่มั้ยครับ

walai says: มันจะได้ไม่มีอาลัยอาวรณ์
มันจะได้ไม่ส่งผลใดๆให้จิตกระเพื่อม ทำให้อยู่กับปัจจุบันได้มากขึ้น

จุดหมาย says: ช่วยขยายความที่บอกว่าอาลัย อาวรณ์ หน่อยสิครับ
พี่หมายความว่าอย่างไรครับ

walai says: ห่วงไงคะ มันคือห่วงและบ่วง เหตุของตัณหา ตัวอุปทาน

จุดหมาย says: การให้ค่า ทำให้เกิดเหตุตรงนี้ขึ้นมาได้เหรอครับ

walai says: ได้ค่ะ ทุกข์ไงคะ แล้วใครทำล่ะ ตัวเองทั้งนั้น

จุดหมาย says: อ๋อ เหตุแห่งทุกข์นะครับ
การลดการให้ค่า ไม่ให้เกิดขึ้นนั้น ทำได้อย่างไรล่ะครับ

walai says: อ้าว ไหงงั้น ไม่รู้จริงๆหรือคะ

จุดหมาย says: ผมรู้ว่า การเจริญสตินะครับ แต่ที่ผมกำลังเข้าใจอยู่ ณ ขณะนี้คือ
การไม่ไปตีความหมายเอาเอง คิดเอง เออเอง แค่นี้หรือป่าวครับ
การให้ค่าต่อสภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

walai says: ใช่ค่ะ การฝึกไม่ให้ค่าต่อสภาวะที่เกิดขึ้น ให้ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
หน้าที่คือ รู้อยู่ในกายให้มากๆ แล้วตัวปัญญาจะเกิด ให้ค่าเมื่อใด มีเหตุเมื่อนั้น

ให้ค่าดีหรือไม่ดี ล้วนเกิดจากเหตุ ทำให้กลายเป็นความคิดขึ้นมา
และอาจส่งผลให้เกิดการกระทำออกไปได้ เราจึงมาเจริญสติเพราะเหตุนี้
เพื่อให้รู้อยู่ในกายได้ เพื่อให้อยู่กับปัจจุบันได้ทัน

จุดหมาย says: ตัวปัญญากับตัวความคิดที่เกิดขึ้นนั้น แตกต่างกันตรงไหนครับ

walai says: ตัวสัมปชัญญะไงคะ ส่วนตัวความคิด ต้องดูสภาวะด้วย คิดตอนไหน

จุดหมาย says: คิดตอนที่ไม่มีสัมปชัญญะ นี่คือ ตัวความคิดที่เกิดเพราะหลงสิครับ

walai says: ทุกอย่างล้วนมีเหตุค่ะ การที่มีความคิด แต่ขาดสัมปชัญญะ
นั่นล้วนเกิดจากการให้ค่าทั้งสิ้น

จุดหมาย says: เมื่อเกิดความคิด แล้วมีสัมปชัญญะ แบบนี้จะเรียกว่า ปัญญาเกิด เสมอไปได้มั้ยครับ

walai says: แหมมม ถ้าจะให้อธิบาย คงยาวแน่ๆ
คุณกลับไปย้อนอ่านในบล็อกที่พี่เขียนเรื่องเหตุของการเกิดปัญญา พี่เข้าใจคุณนะ

จุดหมาย says: อืมมครับ ต้องกลับไปอ่านอีกทีนะครับ

walai says: ยังมีคนอีกมาก ที่ยังไม่รู้ว่า ในสัมมาสมาธิ ความคิดนั้นเกิดขึ้นได้
ยกเว้นถ้ากำลังของสมาธิมีมาก ความคิดจะไม่เกิด แต่จะรู้อยู่ในกายแทน การเคลื่อนไหวของกาย
มันจะรู้อยู่แบบนั้น ส่วนจะเวลานานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับกำลังของสมาธิ มันจะตัดการรู้ทุกอย่างหมด
ยกเว้นในกาย มันจะรู้เฉพาะในกายอย่างเดียวเท่านั้น

จุดหมาย says: อ๋อ ๆ อย่างที่พี่เคยบอกมาใช่มั้ยล่ะครับ ว่าภ้าเกิดความคิดฟุ้งซ่านเยอะ ๆ
ให้มานั่งสมาธิเพิ่อข่มเอาไว้หน่ะครับ

walai says: อันนี้ใช้ได้ในกรณีที่คนๆนั้นมีพื้นฐานด้านสมาธิมาดีค่ะ ถ้าพื้นฐานไม่ดี ทำแบบนั้นได้ยาก
สำหรับคนที่ยังไม่มีพื้นฐานด้านสมาธิมากพอ ถ้าเจอสภาวะฟุ้งซ่าน ให้ลุกเปลี่ยนอิริยาบท อย่าไปฝืนนั่ง

แล้วแต่อุบายนะคะ บางทีแนะนำว่าฟุ้งให้รู้ว่าฟุ้ง ให้นั่งไป แต่พี่น่ะมองเรื่องการรู้อยู่กับกายมากกว่า
การรู้อยู่กับกาย อยู่ได้น้อยหรือมากไม่เป็นไร ฝึกบ่อยๆ จะทำให้รู้อยู่กับกายได้มากขึ้นอีก
ใครจะเป็นอะไรยังไง ล้วนเกิดจากเหตุที่ทำมาทั้งสิ้น อุบายจึงแตกต่างกันไป

จุดหมาย says: ถ้ารู้อยู่กับกายได้ สมาธิจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ สิครับ

walai says: ใช่ค่ะ สำหรับพี่ตอนนี้ สภาวะนี้มีมาก เกิดได้ตลอดเวลา
แค่พี่ยืนเย็บผ้า โดยไม่นั่งนี่แหละ

จุดหมาย says: ทุก ๆ อิริยาบถเลยเหรอครับ

walai says: ใช่ค่ะ สามารถทำได้ เรากำหนดได้

จุดหมาย says: รู้สึกได้ทุก ๆ วินาทีเลยเหรอครับ

walai says: อย่างที่พี่เล่าให้ฟัง เรื่องหางานให้จิตทำ ตอนไหนก็ได้ ถ้าต้องการทำ
อย่างพี่ยืนเย็บผ้า หลังเย็บผ้าเสร็จ พี่อาจจะเดินสัก 10 นาที
แล้วไปนั่งต่อ สภาวะพี่จะรู้อยู่กับกายได้เป็นชม.

จุดหมาย says: อืมมครับ คงรู้ได้ง่าย ๆ และชัด ๆ ตลอดเลยนะครับ

walai says: พี่ถึงชอบหางานให้จิตทำ จะไม่นั่งนิ่งๆเหมือนเมื่อก่อน
นั่งนิ่งๆ หมายถึงว่า นั่งทำอะไรอยู่กับที่นานๆ แบบนั้น ไม่เอาแล้ว
นั่งแบบนั้น บางทีกิเลสมันแทรกได้ สังเกตุหลายทีแล้ว

จุดหมาย says: พี่ต้องการให้มีการเคลื่อนไหวของกายตลอดเวลา

walai says: พี่ชอบการเคลื่อนไหว เอาจิตจดจ่อรู้อยู่กับงาน
ทำแบบนั้น สมาธิเกิดง่าย รู้อยู่กับกายได้ง่าย

จุดหมาย says: เพื่อให้จิตรู้อยู่กับกายตลอดเวลานะสิ

walai says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: อืมม ครับ ถึงว่าทำไมถึงต้องให้ผู้ปฏิบัติต้องเดินจงกรม ก่อนนั่งสมาธินะครับ

walai says: ทำให้จิตตั้งมั่นได้ง่ายมากขึ้น

จุดหมาย says: เพื่อต้องการให้จิตเขาตื่น และรู้กับกายให้ได้ง่าย ๆ ก่อน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2010, 01:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


17 กย. 53

จุดหมาย said: ครับ ผมจะถามว่าพี่เคยเจอสภาวะแบบนี้ใหมครับ
เมื่อคืนวานตอนนั่งสมาธิ แล้วมันมีน้ำมูกไหลออกมาจากจมูกนะครับ
แต่ตอนนั้นจิตเขาสัมผัสได้ถึงหยดน้ำที่ไหลออกมาจากจมูกได้ชัดนะครับ
คล้าย ๆ กับมีธาตุน้ำไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ทุก ๆ หยดน้ำที่เกิดขึ้นนั้น จิตเขาจับได้ชัดเจนมาก ๆ เลย

คือช่วงนี้เกิดสภาวะปีติ บ่อยมาก ๆ ครับ และยิ่งช่วงนี้ฝนตกบ่อย ๆ ด้วย
ทำให้อากาศชื้น ทำให้เห็นสภาวะปีติได้ง่าย แบบนี้เป็นสภาวะปกติ ใช่หรือไม่

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ แค่สภาวะค่ะ รู้ไป แล้วจะได้ทุกคำตอบเอง

จุดหมาย says:
ครับ ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นหยดน้ำเสมือนนะครับ แต่ที่ไหนได้เป็นหยดน้ำที่เกิดขึ้นจริง ๆ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ สติยังไม่ทันนะคะ พยามใช้อิริยาบทเดินช่วยนะคะ

จุดหมาย says: ครับ จะทำตามคำแนะนำนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ตอนนี้นั่งยังมีง่วงอีกมั๊ยคะ

จุดหมาย says: ไม่มีแล้วนะครับ ไม่มีทั้งง่วง ทั้งงูบ นั่งรู้ตัวได้ดีครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ เดินให้มากกว่านั่งไว้นะคะ แล้วสังเกตุดูนะลองปรับสภาวะดู
ถ้าเดินแค่ 10 นาที นั่งรู้อยู่กับกายได้ถึงชม.มั๊ย ลืมถาม คุณนั่งได้ถึงชม.หรือยังคะ

จุดหมาย says: ตอนนี้แต่ละวันทำไม่เท่ากันนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ทำไปตามสะดวกก่อนค่ะ แล้วสังเกตุสภาวะดู

จุดหมาย says: ส่วนใหญ่จะเดินประมาณ 40 นาที นั่งประมาณ 20-30 นาที
ช่วงนี้งานเยอะครับ ไม่ค่อยจะสะดวกทำนาน ๆ

สุขที่แท้จริง says: คือรู้อยู่ในกายได้ตลอด รู้มากหรือน้อยไม่เป็นไร
แต่อยากให้ดูเรื่องเวลาสักนิดว่า รู้ในกายได้กี่นาที เวลานั่งน่ะค่ะ

จุดหมาย says: แต่เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ตอนกลางคืนได้ปฏิบัติโดยไม่ได้เดิน นั่งอย่างเดียว
นั่งได้นานประมาณ 1 ชั่วโมงได้ครับ นั่งแบบรู้ตัวได้ตลอดนะครับ

ทุก ๆ วันนี้ เวลานั่งแล้ว จะรู้ลมหายใจได้ชัดครับ เวลารู้ลมหายใจได้ชัดแล้ว
จะรู้ถึงปีติที่เกิดได้ทันที่ เพราะว่าเกิดความเย็น ๆ จนบางครั้งรู้สึกถึงความเบื่อ ของปีติที่เกิดขึ้น

สุขที่แท้จริง says: ดูให้ดีๆนะคะ ที่ว่าเหตุของการเบื่อ เบื่อเพราะอะไร ระวังกิเลส กิเลสมันเนียน

จุดหมาย says: ครับ จะพิจารณาดูให้ดี ๆ นะครับ

สุขที่แท้จริง says: คำว่า รู้ลมหายใจได้ชัด หมายถึงเป็นอาการแบบไหนคะ

จุดหมาย says: คือรู้ถึงลมหายใจที่เข้า และ ออก ตอนที่มาแตะที่ปลายจมูกนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เอ๋ แล้วต่อจากนั้นล่ะคะ

จุดหมาย says: พอรู้ได้แบบนั้นแล้ว จะรู้สึกว่าหายใจเข้า ออก ได้โล่ง ๆ
พอรู้ว่า หายใจได้ โล่ง ๆ แล้ว ต่อจากนั้นจะ รู้สึกถึงความเย็นที่เกิดขึ้น ภายในกายครับ

สุขที่แท้จริง says:พูดสภาวะต่อไปที่เกิดขึ้นน่ะค่ะ ว่าหลังจากนั้น ต่อไปเป็นยังไงบ้าง ไล่ไปตามสภาวะ

จุดหมาย says: หมายถึงสภาวะต่อจากที่ หายใจได้โล่ง ๆ ใช่มั้ยครับ
หลังจากที่รู้ถึงลมหายใจได้โล่ง ๆ แล้ว พอนาน ๆ ไปแล้วจะจับลมหายใจไม่ได้ครับ

สุขที่แท้จริง says: จับลมหายใจไม่ได้ แล้วยังไงต่อคะ

จุดหมาย says: พอจับลมหายใจไม่ได้แล้ว ต่อมาจะมารู้ที่ท้องพอง ยุบครับ
แต่ว่าจับได้แป๊บเดียวครับ หรือบางครั้งจับไม่ได้เลย แล้วจะรู้ว่าภายในกายนั้นเย็น ๆ ครับ
อันนี้คือสภาวะที่ผมสามารถจับได้ ที่ผ่านมานะครับ แต่ที่เริ่มแปลก ๆ ก้อตอนเมื่อคืนที่ผ่านมา
ที่ผมนำมาถามพี่เมื่อตอนเริ่มต้นนะครับ

สุขที่แท้จริง says: แล้วที่ว่ารู้อยู่ในกายได้ตลอด หมายถึงยังไงหรือคะ เอาแค่สมาธิสั้นๆตรงนี้ก่อนค่ะ
เดี๋ยวจะถามถึง 1 ชม.ต่อ รู้ว่าในกายเย็นๆ ที่เหลือจับอะไรไม่ได้เลยหรือคะ

จุดหมาย says: คือหลังจากที่รู้ว่ากายเย็น ๆ แล้ว รู้สึกว่ามีความสุขเกิดขึ้นนะครับ
จนทุก ๆ ครั้งที่จิตสัมผัสได้ถึงสภาวะนี้แล้ว จิตเขาจะชอบครับ แต่สติผมจะคอยบอกว่า
ความชอบนั้น มันเป็นกิเลสนะ

สุขที่แท้จริง says: แล้วท้องพองยุบ ตลอดจนการเคลื่อนไหวของกายในส่วนอื่นๆจับไม่ได้เลยหรือคะ
ระหว่างที่รู้สึกว่าเย้นในกายแล้วมีความสุขเกิดขึ้นนน่ะค่ะ
หรือรู้แค่ความเย็นและความสุขที่เกิดขึ้นในกายอย่างเดียว

จุดหมาย says: ส่วนใหญ่จะจับไม่ได้เลยนะครับ จิตเขาสนใจต่อสภาวะสุขที่เกิดขึ้นครับ

สุขที่แท้จริง says: เข้าใจค่ะ มิน่าถึงได้เบื่อ คุณมีความอยากพ้นสภาวะนี้ กิเลสตัวนี้มันเนียนค่ะ

จุดหมาย says: ความอยากใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says ใช่ค่ะ เพราะอยากพ้นสภาวะ เลยทำให้เบื่อ
แต่ไม่ใช่ความเบื่อที่เกิดขึ้นเองโดยสภาวะ

จุดหมาย says: แต่ว่าสติผมจะคอยเตือนอยู่บ่อย ๆ นะครับ ถ้าถามผมว่าอยากมั้ย ผมเฉยๆนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เข้าใจค่ะ พี่ถึงบอกไง กิเลสมันเนียน
เอาเถอะ สักวันคุณจะเข้าใจในสิ่งที่พี่พูดมากขึ้น

จุดหมาย says: ครับ คงเป็นแบบนั้นสักวันหนึ่งนะครับ

สุขที่แท้จริง says: จนทุก ๆ ครั้งที่จิตสัมผัสได้ถึงสภาวะนี้แล้ว จิตเขาจะชอบครับ
แต่สติผมจะคอยบอกว่า ความชอบนั้น มันเป็นกิเลสนะ ..... ถ้าเป็นความเบื่อที่เกิดจากตัวสภาวะจริงๆ
จะไม่มีคำพูดเหล่านี้เกิดขึ้นค่ะ พี่ถึงบอกว่ากิเลสมันเนียน

จุดหมาย says: แต่ที่ผมเห็นความเบื่อที่เกิดขึ้นมานั้น เพราะว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานะครับ
ตอนนั่งกลับบ้านครับ สภาวะกายเย็น ๆ นี่แหล่ะครับ เขาเกิดขึ้นแล้วหายไป เกิดขึ้นแล้วหายไป
แต่เกิดขึ้นบ่อย ๆ นี่แหละครับเลยทำให้ผมบอกว่าเบื่อ ๆ

สุขที่แท้จริง says: เข้าใจที่คุณพูดมาทั้งหมด เดินให้มากค่ะ

จุดหมาย says: ครับ ต้องพัฒนากำลังของสติให้มากกว่านี้นะครับ ครับ จะทำตามครับ

สุขที่แท้จริง says: ทำไปค่ะ ระวัง ระวังว่า เวลารีบ ต้องดูว่ารีบทำไม
ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่ากำลังสร้างเหตุดี จะต้องไปรีบทำไม ยิ่งรีบ สติยิ่งหย่อน
ช้าๆได้พร้าเล่มงาม ทำตามสภาวะไป เบื่อก้ให้รู้ว่าเบื่อ พี่เพียงพูดให้ฟังน่ะค่ะ

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจนะครับ ผมว่าเพราะเจ้าตัวอุปทาน ความอยากนี่แหล่ะครับ
ที่มันสอดแทรกเข้ามาในสภาวะของเราได้ตลอดเวลาเลย

สุขที่แท้จริง says: จะได้ไม่ไปจดจ้องกับสภาวะที่คิดว่าเบื่อที่เกิดขึ้น

จุดหมาย says: ครับ แค่ให้รู้พอ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ นั่นแหละ ดูตามความเป็นจริงไป ไม่งูบ ไม่ง่วง นี่ถือว่า รู้กายได้ในระดับหนึ่ง
ทำต่อไปเรื่อยๆ จะรู้ในกายมากขึ้นเรื่อยๆ พี่ถึงบอกว่าไม่ต้องไปรีบ แต่ให้ทำตามเราสะดวก ตามสภาวะ

จุดหมาย says: ครับ จะจำเอาไว้ครับ

สุขที่แท้จริง says: ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นทั้งสภาวะภายนอกและภายใน ล้วนเกิดจากเหตุที่เราทำเอาไว้
ถ้าภายในดีแล้ว ย่อมส่งผลไปถึงภายนอก เราจึงต้องทำภายในให้ดีก่อน ภายนอกพยายาม
แค่รู้เข้าไว้ อย่าตอบโต้ การตอบโต้ใดๆก็ตาม ล้วนเป็นเหตุทั้งสิ้น

คิดไม่ออก บอกไม่ถูก ทนไม่ได้ก้ต้องทน แล้วระบายกับตัวเอง แต่อย่าให้เกิดการกระทำ
อาจต้องใช้เวลาในช่วงแรกๆ แต่ต่อไปจะอยู่กับทุกๆสภาวะที่มากระทบได้มากขึ้น

จุดหมาย says: ครับ เดี๋ยวนี้เห็นกิเลสตัวร้าย ๆ เกิดขึ้นบ่อย ๆ ภายในครับ ตัวกูรู้ กูดี กูไม่พอใจ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ ของพี่เองช่วงนี้สภาวะเขาทบทวน เจอขุดกิเลสออกมาแหลกลาน
อ่อ .. กิเลสแบบนั้นของคุณ เจอเหมือนกันหมดตอนแรกๆ สุดแต่ว่าจะรู้ทันไหม

จุดหมาย says: ตัวเหล่านี้มันเกิดแล้วเรารู้ ก้อแค่ดู แค่รู้ไปครับ

สุขที่แท้จริง says: เรายอมรับตามความเป็นจริงได้ สภาวะเขาจะจบไปเอง
ยอมรับว่า อ้อมันยังมีอยู่นะ แต่ไม่ตอบโต้ใดๆออกไป

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ พอเรารู้แล้ว สติทันมันดับไปเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ถ้าสติทัน ดับไวขึ้น กิเลสมันมีหลายๆรูปแบบมาทดสอบเราเนืองๆ

จุดหมาย says: สภาวะต่าง ๆ นั้นเกิดขึ้นไวนะครับ

สุขที่แท้จริง says: สภาวะเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ กิเลสละเอียดมากขึ้น เนียนมากขึ้น

จุดหมาย says: ที่พี่บอกว่าสภาวะเปลี่ยนไปมากนี่ หมายถึง สภาวะเปลี่ยนไปเร็ว
ในช่วงระยะเวลาที่ห่างกันไม่นาน ใช่หรือป่าว

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่ตัวสภาวะค่ะ จบไว เกิดของใหม่ไว บางทีก้มาทีหลายตัวเลย
สติไม่ทันก็เล่นเอามึนเหมือนกัน กว่าจะจับสภาวะได้ทัน บางทีก้มีหลงค่ะ
พอทันก็อ้อเลย ตายเลย เสร็จกิเลส เสียทีไปละ ก็ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้น

จุดหมาย says: เพราะว่าจิตมันไวนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไวมากๆค่ะ เหตุนะคะ จำไว้ ไม่ว่าจะเรื่องราวในชีวิต การงาน การปฏิบัติฯลฯ
ทุกๆอย่างในชีวิตที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากเหตุ ไม่มีความบังเอิญทั้งสิ้น

คุณกำลังสร้างเหตุดี อดทนไปนะคะ พี่น่ะผ่านมาหมดแล้ว ต้องใช้ความอดทนมากๆ
กว่าจะมาถึงจุดๆนี้ได้ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องใช้ความอดทนเหมือนเมื่อก่อน คุณเองก็เช่นกัน ทำต่อไป

จุดหมาย says: ครับ ถ้าอยากหมดสิ้นอาสวะกิเลสทั้งหลาย ต้องอดทนให้มากกกกๆๆๆๆ เลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ความอยากนี่แหละตัวร้าย

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ

สุขที่แท้จริง says: พี่ทำเพราะต้องทำ ไม่เคยไปคิดถึงเรื่องพวกนั้น ทำเพราะกลัวการเกิด

จุดหมาย says: เพราะว่าทำตามสภาวะหรือป่าว อ้อ ครับ

สุขที่แท้จริง says: เลยกลายเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ

จุดหมาย says: ครับ เป็นหน้าที่นะครับ บุคคลใดเข้าถึงธรรมแล้ว จะบอกออกมาเหมือนๆ
กันแบบนี้นะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ว่าจะการทำงานหรือการใช้ชีวิตของพี่ หรือไม่ว่าคุณ หรือไม่ว่าใครๆ
ทุกอย่าง ทุกเรื่องราว ล้วนเป็นสภาวะของแต่ละคนที่เกิดขึ้น เป้นเหตุที่ทำเอาไว้ เพียงแต่ จะรู้ไหม

จุดหมาย says: ครับ ถ้าไม่เข้าใจ และไม่สนใจ คงไม่รู้กันหรอกครับ

สุขที่แท้จริง says: ถ้ารู้แล้วจะไม่คิดสร้างเหตุใดๆให้เกิดขึ้นเอง แต่จะรู้อยู่ในกายและจิตมากขึ้น

จุดหมาย says: ครับ ต้องเป็นแบบนั้นนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ก็ยังมีนะที่มันแว่บ แต่ไม่นาน สติทันมากขึ้น มองแต่เหตุๆๆๆๆๆ
คิดก็เหตุ พูดก็เหตุ กระทำลงไปก็เหตุ

จุดหมาย says: ครับ ถ้าสติที่มีมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วจะรู้อยู่กับกายและจิตได้ตลอดนะครับ

สุขที่แท้จริง says: สติทัน จิตมันก็วืดกลับมารู้ที่กายได้ไว เหตุก็สั้นลงไปเรื่อยๆ

จุดหมาย says: ครับมีความระมัดระวัง และ สำรวมในกายและจิตได้ดีนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เราไม่ว่าใคร ใครอยากว่าเราก้ตามสบาย เพราะที่เขาว่าเรานั้นมันมีเหตุ
แต่ผลที่เขาว่าเรานั้นเขาเป็นคนรับ ส่วนผลที่เรารับจบไปแล้ว เราไม่ต่อ
เราแค่รู้ว่า มันมีเหตุ ผลจึงมีไม่งั้นเขาไม่มาว่าเรา

จุดหมาย says: ถ้าคนที่ไม่รู้ ก้อยังทำต่อไปเรื่อย ๆๆๆๆๆ นะครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่นเหตุของเขายังมี เมื่อถึงเวลา เขาย่อมรู้เอง ทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัยในตัว

จุดหมาย says: ครับ เหตุของใคร ของมัน ไม่มีใครไปแย่งเหตุ ของใครเอามาเป็นเหตุของตนได้นะครับ

สุขที่แท้จริง says: เบิ้มน่าจะบันทึกเรื่องราวของตัวเองทุกวันนะ จะได้มีนิยายให้พี่อ่าน

จุดหมาย says: เหมือนกับนิยายชีวิตของพี่นะเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says: พี่อ่ะนะ กลับไปอ่านบันทึกของตัวเอง แหมมม เหมือนนิยายจริงๆ
เมื่อก่อน ชะตาที่เกิดจากเหตุลิขิตชีวิตเรา แต่ปัจจุบัน พี่ขีดเส้นชีวิตให้กับตัวเอง
กำหนดชะตาชีวิตให้กับตัวเอง

จุดหมาย says: ครับ ถ้ามีบันทึกเอาไว้ แล้วกลับไปอ่าน แล้วย้อนคิดกลับไปถึงอดืตแล้ว
คงเป็นหนังสือนิยายเล่มหนึ่งได้เลยครับ ครับ อนุโมทนาด้วยนะครับ
เส้นทางชืวิต เราสามารถลิขิตด้วยตัวของเราเอง

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เราลิขิตได้โดยการสร้างเหตุนอกกายให้น้อยลง รู้ในกายให้มากขึ้น

จุดหมาย says: ครับ จะทำแบบนี้ได้ต้องทำ ๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก้อทำนะครับ

สุขที่แท้จริง says: มีเท่านี้เองเส้นทางนี้ นอกนั้นไม่มีอะไรเลย สภาวะเขาดำเนินไปตามสภาวะเอง
เรามีหน้าที่คือทำต่อเนื่อง เจริญสติ เดิมๆซ้ำๆ แต่สภาวะไม่เดิมๆซ้ำๆเหมือนที่เราคิด

จุดหมาย says: แล้วจะเห็นและเข้าใจในธรรมเอง

สุขที่แท้จริง says: เราจะรู้ว่าสภาวะเปลี่ยนไปก็ต่อเมื่อตอนที่เจอบททดสอบคือตัวผัสสะนี่เอง

จุดหมาย says: ครับ สภาวะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ นะครับ ไม่เหมือนกัน แต่มีส่วนคล้ายคลึงกัน
ขึ้นอยู่ที่สติของเราจะทันหรือป่าว

ผัสสะ คืออะไรนะครับ ผมเข้่าใจในความหมายของคำ ๆ นี้ยังได้ไม่ขึ้่นใจเลยครับ
ผมยังไม่เข้าใจในความหมายของคำ ๆ นี้ดีมากพอ เวทนา ตัณหา ผัสสะ อุปทาน .....

สุขที่แท้จริง says: ผัสสะคือการกระทบ
เป็นการทำงานของอายตนะภายนอกและภายในทำงานร่วมกัน ไปหาในกูเกิ้ลเอาค่ะ
เอาเป็นว่าต่อไปพี่จะใช้คำว่าเมื่อเกิดการกระทบแล้วกันนะคะ

จุดหมาย says: ครับ ดีครับ จะได้เข้าใจได้ง่าย ๆ ครับ
อ้อ ๆ วันนี้ได้ยินคำ ๆ นี้มาครับ พี่คำว่า ยึดติดแบบสมาทาน กับ ยึดติดแบบอุปทาน
นั้นแตกต่างกันตรงไหน

สุขที่แท้จริง says: ยึดติดแบบสมาทาน ... สมาทานอะไรหรือคะ ศิลหรือว่าการกล่าวถวายตัวคะ
เช่นสมาทนาศิลก่อนปฏิบัติหรือสมทานกรรมฐานก่อนปฏิบัติ

จุดหมาย says คือยึดติดตามหลักคำสอนนะครับ

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่เหตุที่ทำมาค่ะ แต่ละคนไม่เหมือนกัน
จะยึดติดแบบไหนๆหรือปฏิบัติแบบไหนๆ ล้วนเกิดจากเหตุที่ทำมา ไม่มีอะไรถูกหรือผิดหรอกค่ะ
มันมีเหตุ ผลจึงเป็นเช่นนั้น เราไม่ควรไปว่าหรือไปคิดติติงกัน เพราะผลนั้นๆจะส่งกลับมาที่เราหมด

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2010, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


19 กย.53

สุขที่แท้จริง says: เขาตั้งค่าบล็อกเอาไว้ เวลามีข่าวสารบางอย่างที่ไม่น่ารับ เครื่องจะได้ไม่รับเอาไว้

จุดหมาย says: เพราะว่าช่วยป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้ในระดับหนึ่ง
คือเหมือนกับเป็นด่านปัองกันด่านแรกของเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
เมื่อกี้นี้ เขาทำการ off ตัวป้องกันด่านแรกสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ของพี่เอาไว้

สุขที่แท้จริง says: อ้าว ไหงงั้น

จุดหมาย says: เวลาอะไรต้องการที่จะมาทำมิดิ มิร้าย บนเครื่องพี่แล้ว
สามารถทำได้ง่ายมาก ๆ เลย ดังนั้นจึงควรตั้ง on เอาไว้

สุขที่แท้จริง says: แล้วช่างเขาทำไปแบบนั้นเพื่ออะไรหรือคะ

จุดหมาย says: อืมม ผมเข้าใจว่าช่างเขาอาจจะเข้าใจเรื่องโปรแกรมคลาดเคลื่อนนะ
เพราะว่าช่างที่มาซ่อมแนวที่ดูสายโทรศัพท์นั้น ส่วนใหญ่จะเชี่ยวชาญเฉพาะด้านนะครับ
คือเขาเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องของการติดตั้งด้าน Hardware เป็นหลัก
แล้วเขาเปลี่ยน modem ให้ด้วยหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says:เปล่าค่ะ เขาบอกว่ามันปกติ

จุดหมาย says: แล้วที่มีปัญหาตอนไหนครับ

สุขที่แท้จริง says:ใช้ไม่ค่อยได้ สักพักถึงจะใช้ได้ ไฟแลนน่ะมันไม่ติด แบบติดๆดับๆ น่าจะเมื่อวันก่อน

จุดหมาย says: ผมคาดเดาเอาเองนะว่า เวลาที่ใช้งานไม่ได้นั้น
ส่วนใหญ่เป็นเฉพาะวันที่ฝนตก ใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ

แดนสุข คือ จุดหมาย says: อืมม ครับเป็นไปได้เรื่องของสายสัญญาณ ของโทรศัพท์นะครับ
ที่เขาเข้ามาแก้ไขให้วันนี้นั้น ผมว่าเขาน่าจะแก้ปัญหาได้ถูกจุดแล้วล่ะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ รอดูไปก่อน มันไม่เที่ยง

จุดหมาย says: ครับ แม่นแล้วครับ

สุขที่แท้จริง says: ทุกๆอย่างนี่มันเป็นสภาวะจริงๆ อะเมซิ่งมากๆเลยนะ

จุดหมาย says: ต้องคนที่มาเจริญสติ เท่านั้น ถึงจะทราบได้นะครับ

สุขที่แท้จริง says: ก็ดูสิแต่ละเรื่องที่เกิดขึ้น จะไม่ให้พูดว่าอะเมซิ่งได้ไง
ดูจากเรื่องเบิ้ม ตรงนี้พี่อะเมซิ่งมากๆเลยนะ มาได้ไงหว่า

ช่วงนั้นช่างที่ดูแลคอมฯให้ประจำเขาย้ายไปแล้ว ตอนหลังนี่โดนค่าใช้จ่ายหนัก 8000 นี่ครั้งสุดท้าย
ซึ่งหลายๆคนบอกว่า เขาไม่ได้เปลี่ยนวินโดว์ให้พี่ใหม่ พี่เลยมองว่า เอาเถอะ ทุกอย่างมันมีเหตุ

จุดหมาย says: ที่เคยเล่าให้ฟังว่า upgrade เครื่องคอม ใหม่นะเหรอ

สุขที่แท้จริง says: พอมาเจอเบิ้ม ก็ประจวบเหมาะกับคอมฯไม่ค่อยดี แล้วพี่เองไม่รู้เรื่องพวกนี้ ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: อืมมมครับ แบบนี้เขาเรียกว่า ธรรมะจัดสรร นะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เกิดจากเหตุที่พี่ทำความเพียรมาตลอด แล้วมีแต่ให้กับให้คนอื่นๆมาตลอด

จุดหมาย says: ครับ เกิดจากเหตุที่ดีนะครับ ถึงมีแต่คนบอกเล่ากันมาตลอดว่า
ทำดีย่อมได้รับผลดีตามมา แต่อยู่ที่ว่าจะมา ณ ช่วงเวลาไหนเท่านั้นเอง

สุขที่แท้จริง says: เมื่อถึงเวลา อะไรๆก็เอาไม่อยู่ พี่อ่านในบล็อกของตัวเอง
ช่วงสองปีหลังนี่ สภาวะของพี่ขับเคี่ยวกับกิเลสมาตลอด

จุดหมาย says: เจอแบบเน้น ๆ และหนัก ๆ เลยใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ทุกข์มากๆ แบบไม่น่าเชื่อก้ต้องเชื่อ แล้วจะไม่ให้บอกว่าอะเมซิ่งได้ไง
ดูเรื่องสติ สัมปชัญญะ สภาวะที่พี่เขียน บางทีงงๆ เขียนได้ไง จิตนี้สุดยอดเลย

จุดหมาย says: เมื่อเห็น และเข้าใจในธรรมะแบบลึกซึ้งแล้ว
ย่อมเป็นไปตามที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบนะครับ

สุขที่แท้จริง says: จริงๆแล้ว จิตเขารู้ตลอด แต่เราล่ะจะไปรู้ตรงนั้นได้ยังไง
ต้องอาศัยความสมดุลย์ของอินทรีย์ทั้ง5 หรือพละ 5

จุดหมาย says: ทุก ๆ อย่างนั้นเป็นสภาวะธรรมทั้งหมดนะครับ
แต่อยู่ที่ว่าจิตของแต่ละคนนั้นจะรู้ จะเห็น และ เข้าใจได้ตอนไหน

สุขที่แท้จริง says: ใช่ ทุกคนน่ะรู้หมด แต่จะรู้จากจิตได้ตอนไหน อะเมซิ่งนะ

จุดหมาย says: ครับ เมื่อทุก ๆ อย่างพร้อม และประจวบเหมาะแล้ว อะไร ๆ ก้อเอาไม่อยู่จริง ๆ
อย่างที่พี่บอกนั่นแหล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: อย่างการที่จะให้จิตอยู่กับกายได้ต่อเนื่อง ก็ต้องมีสมาธิเป็นหลัก มีสติ สัมปชัญญะ
ปรับความสมดุลย์ สมาธิมากไป จิตคิดพิจรณาไม่ได้ พี่เริ่มเข้าใจสภาวะจิตคิดพิจรณามากขึ้นนะ
จากที่คุณติดอยู่ในสภาวะของปีติและสุขแล้วทำให้ไม่รู้กาย

จุดหมาย says: สมาธิมากไป ไปข่มกิเลสให้หายไปชั่วขณะสิครับ

สุขที่แท้จริง says: เปล่าค่ะ จิตเขาพิจรณาอะไรไม่ได้
เพราะถ้าจิตรู้อยู่กับกายได้ กิเลสแทรกไม่ได้หรอกค่ะ

จุดหมาย says: คือจิตจะสนใจในกายเท่านั้นสิครับ
จิตตั้งมั่นในกายเพียงเท่านั้น ทุกอย่างที่มากระทบ แค่เพียงสักแต่ว่า อย่างเดียว

สุขที่แท้จริง says: แม้แต่สภาวะภายนอกที่เกิดขึ้น มันจะแค่รู้ เช่นเสียงต่างๆ
มันจะไม่มีการส่งผลใดๆกับสภาวะภายในที่กำลังเกิดขึ้น ต่อให้คนมาตอกอะไรโป้งๆตรงหู จิตจะแค่รู้
ไม่แล่บออกไปตามเสียง อันนี้เล่าให้ฟังนะ

เมื่อวานเขาทดสอบสัญญาณเตือนภัย เสียงจะดังมากๆ
เรียกว่าดังตลอดเป็นช่วงๆ แล้วมีการซ่อมงานชั้นบน จะมีเสียงตอกดัง

ช่วงนั้นพี่นั่งสมาธิอยู่ จิตเป็นสมาธิต่อเนื่อง รู้อยู่ในกายได้ดี เสียงต่างๆ
ไม่ก่อให้เกิดผลใดๆกับสภาวะของสมาธิที่เกิดอยู่ จิตรู้อยู่ในกายได้ตลอด

แล้วมีคนมาขอยาแก้อักเสบ พี่กำลังนั่งอยู่นี่แหละ พี่ไม่ได้ลุกขึ้น ยังคงนั่งอยู่ พูดคุยกับเขาปกติ
พอเขาไปแล้ว พี่หลับตาลง จิตพี่สามารถเป็นสมาธิได้ต่อเนื่อง เห็นไหม ความอะเมซิ่งของจิตเขา

ยิ่งทำนะ ทำต่อเนื่อง ตอนนี้อย่างที่บอก โอกาสของพี่มีเยอะ สัปปายะดี ทำได้วันละ 8 ชม. อย่างต่ำ
ผลของความเพียร ทำต่อเนื่อง

จุดหมาย says: อืมมครับ เป็นโอกาสดีมาก ๆ ครับ

สุขที่แท้จริง says: พี่ทำเหตุดีมาตลอด
ยิ่งตอนนี้ดีกว่าเดิม เพราะจิตรู้อยู่ในกายได้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน

เชื่อไหม ที่นั่งสมาธิของพี่ อยู่ติดตู้เย็น เสียงการทำงานของตู้เย็น ไม่ส่งผลใดๆเลย
พี่ไม่ได้ยินเสียงตุเย็น แต่ยังได้ยินเสียงแอร์ทำงานบางช่วง

จุดหมาย says: เวลานั่งสมาธิแล้ว สมาธิแน่วแน่ ของพี่ใช้เวลานานนานมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: 1ชม.ค่ะ บางทีสมาธิไม่คลาย พี่ต้องนั่งต่ออีก1 ชม.

จุดหมาย says: แล้วตอนก่อนที่สมาธิจะตั้งมั่นนั่น ต้องนั่งนานมั้ย

สุขที่แท้จริง says: 1 ชม.ไง พี่จะกำหนดไว้แค่นั้น ไม่ต้องตั้งนาฬิกา ครบเวลาจะมีสภาวะรู้เอง
แต่ถ้าสมาธิยังไม่คลายตัว หลังจากแผ่เมตตากรวดน้ำ พี่จะไปนั่งที่เก้าอี้แทน
แล้วเข้าสมาธิต่อ จนกว่าเขาจะคลาย

จุดหมาย says: ป่าว ครับ ผมจะถามถึงว่า พี่เดิน ก่อนแล้วมานั่งใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: เดินก่อนค่ะ
จะเดินมากหรือน้อย เช่นเดิน 10 นาทีหรือเดิน 1 ชม. พี่ก็จะนั่งแค่ 1 ชม. เดินมากสมาธิมาก

จุดหมาย says: หลังจากเดินแล้วมานั่งนั้น หลังจากที่นั่งลงแล้ว จิตของพี่เป็นสมาธิทันทีเลยเหรอ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เป็นสมาธิทันทีตั้งแต่เดินแล้ว พอมานั่งก็เป็นต่อ มันต่อเนื่อง

จุดหมาย says: อ้อครับ เข้าใจครับ

สุขที่แท้จริง says: อีกหน่อยๆทุกๆคนก็ไม่แตกต่างจากพี่หรอก ฝึกตั้งเวลาไว้ แค่ 1 ชม.
หมายถึงถ้ามีเวลานะ ถ้าไม่มี ให้ทำตามสภาวะไป เหตุของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

จุดหมาย says:
ไม่ต้องตั้งนาฬิกา ครบเวลาจะมีสภาวะรู้เอง ........อันนี้จริงครับ เจอมาเหมือนกันครับ

สุขที่แท้จริง says: เมื่อก่อนพี่ก็เหมือนๆทุกคนน่ะแหละ กระท่อนกระแท่น
หลุดไปจากเส้นทางนี้ตั้งหลายครั้ง

จุดหมาย says: เพราะอะไรครับ

สุขที่แท้จริง says: วิบากกรรมไง เมื่อก่อนไม่รู้ เลยไม่รู้ว่าที่หลุดๆไปน่ะ เกิดจากเหตุทำไว้ทั้งสิ้น
แต่ตอนนี้ อะไรๆก็มาทำอะไรเราไม่ได้ เนื่องจากการทำความเพียรต่อเนื่อง
แล้วสภาวะมาถึงตรงนี้แล้วด้วย

จุดหมาย says: เรื่องทำต่อเนื่องนี่ สำคัญมาก ๆ เลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:จำไว้นะคะ จิตรู้อยู่กับกายได้มากเท่าไหร่ กิเลสทั้งหลายจะทำอะไรเราไม่ได้
เพราะสติจะทันมากขึ้น มันจะไม่ไปคิดก่อเหตุใหม่กับใครๆอีก ต่อให้มีคนมาตีเราให้ตาย เราก็ยอม
ที่ยอมเพราะรู้แล้วว่า เหตุมี ผลย่อมมี

จุดหมาย says:
ผมเคยหยุดทำไป 3-4 วันได้นะครับ ช่วงนั้นเวลามาเริ่่มใหม่ แล้วสภาวะเหมือนเริ่มต้นใหม่
แต่ว่าเข้าใจได้ไวกว่าตอนแรก ๆ เพราะว่ารู้ และเข้าใจสภาวะที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนั้นแล้ว

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ มันจะแบบนั้นน่ะแหละ ของเคยทำ สภาวะจะจำได้
เหมือนสภาวะที่พี่เคยผ่านมาการสูญเสียสมาธิจนหมดสิ้นไม่มีเหลือ
1 ปีเต็มๆ ของความเพียรที่ทำมาต่อเนื่อง ไม่ต้องมีใครแนะนำ
ทำเอง เพราะจิตเขาจำสภาวะการเกิดของสมาธิได้

จุดหมาย says: สิ่งนี้คือ บททดสอบที่สำคัญมาก ๆ เลยสิครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่เลยค่ะ ทุกอย่างล้วนมีเหตุ
ทำให้พี่รู้รายละเอียดของสภาวะสมาธิต่างๆได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนรู้แบบหยาบๆ

เชื่อไหม แม้แต่การเพ่งลม เพื่อให้จิตเป็นสมาธิ พี่น่ะใหม่ๆก็งงนะ เราไปเอาวิธีนี้มาจากไหน
แต่มันก็ทำได้ จิตเป็นสมาธิตามที่ต้องการ จนมาปัจจุบัน เป็นธรรมชาติแล้ว
ไม่ต้องไปเพ่ง เขาเป็นของเขาเอง

จุดหมาย says: อันนี้คือ หลังจากที่เคยมีสมาธิมาก่อน แล้วหายไป แล้วมาเริ่มต้นใหม่ใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เดินรอบละ 4 ชม. สุดยอดจริงๆ นั่งได้แค่ 5 นาที

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจกับทีพี่บอกมานะครับ เรื่องของสมาธิ
สมาธิเป็นไปเองโดยธรรมชาติ เวลาเกิด เขาเกิดเอง เหมือนผมแต่ก่อน ๆ นะครับ
เพราะว่าความอยากที่จะเป็นสมาธิมาก ๆ นี่แหล่ะ ทำให้เราไปเพ่ง ๆ ๆ

สุขที่แท้จริง says ค่ะ พี่ไม่เคยไปฝึกดับอะไรๆแบบที่เคยได้อ่านๆมา
พี่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสภาวะ เคยอ่านเจอมาหลายตำราที่ฝึกดับ ทางพองหนอยุบหนอก็มีนะ

จุดหมาย says: ครับ แบบนี้ผมว่าเป็น วิธีที่ดีแบบหนึ่งครับ
เพราะว่าไม่ต้องทำตามความต้องการของกิเลส

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ มันคือกิเลสที่แทรกอยู่ ความอยาก

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับพี่ ถูกต้องเลยครับ
ความอยาก นี่เป็นจุดเริ่มต้นของทุก ๆ สิ่งเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เราอยากแต่ไม่รู้ว่าอยาก มาเจริญสติถึงเข้าใจในความอยาก

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ อยากที่ผมเคยพิจารณามานะครับ อยาก กับ ไม่อยาก คือสิ่งเดียวกัน
คือ ความอยาก นั่นแหล่ะ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ กิเลสตัวนี้เนียนมากๆ แทรกได้ทุกอณู

จุดหมาย says: ครับ ถ้ายังไม่รู้ แล้วโดนกิเลส ฉุดไปตลอดเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ถึงต้องฝึกให้ต่อเนื่องไงคะ เหตุมี ผลย่อมมี

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ สำคัญมาก ๆ เลยครับ
ถ้าทำได้ต่อเนื่องแล้ว ทุกอย่างจะเป็นไปโดยอัตโนมัตินะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เพียงจับหลักให้ถูก จับถูกไปได้ไว แต่ก็ขึ้นอยู่กับเหตุนะ
เหตุนี่แหละที่อาจจะไปไม่ได้ไว ไม่สร้างเหตุใหม่กับคนอื่นๆให้เกิดขึ้น เหตุใหม่ย่อมลดน้อยลงไป
ชดใช้เหตุเก่าไปเรื่อยๆ สักวัน สภาวะเขาจะดำเนินไปเอง เรามีหน้าที่คือทำตามสภาวะเท่านั้น
ความอยาก พึงระวัง

จุดหมาย says: ครับ สติต้องทัน ต่อความอยากที่จะเกิดขึ้นนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ การเจริญสตินี่แหละ ผลของการเจริญสติ
ทำให้สติเรารู้เท่าทันกิเลสมากขึ้นเรื่อยๆ จิตย่อมรู้อยู่ในกายมากขึ้น
จิตคุณรู้อยู่ในกายมากขึ้นเท่าไหร่ นั่นแหละคุณมาถูกทาง

จุดหมาย says: แล้วเรื่องการตอบโต้ล่ะครับ ละการตอบโต้ให้ได้ การตอบโต้ในที่นี้นั้นคืออะไรครับ

สุขที่แท้จริง says: การตอบโต้ ถ้าคุณเข้าใจเรื่องเหตุ คุณจะเข้าใจถึงผลที่ตามมา
เรื่องราวต่างๆของทุกคน ไม่มีความแตกต่างเลย ล้วนเกิดจากเหตุที่ทำกันไว้ทั้งสิ้น
ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจะดีหรือไม่ดีก็ตาม ล้วนเกิดจากเหตุที่ทำกันไว้
แล้วผลส่งกลับมาที่สภาวะปัจจุบันที่เกิดขึ้นในชีวิต

อย่างเราทำงาน เราถูกตำหนิ เราย่อมไม่พอใจใช่ไหม เพราะเราคิดว่าเราถูก
เพียงเราเข้าใจเรื่องเหตุ เราจะยอมรับคำตำหนินั้น แล้วไม่ตอบโต้
แล้วย้อนกลับมาหาจุดบกพร่องของตัวเอง ทำให้รู้จักป้องกันตัวเองมากขึ้น
ส่วนตัวคนที่ตำหนิเรา เขาย่อมโดนคนอื่นที่มีเหตุร่วมกับเขา ตำหนิเขาต่อ

จุดหมาย says: ละอัตตา ให้ได้ใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: มันมีส่วนนะ สภาวะตรงนี้ทำให้คลายความยึดมั่นถือมั่นในตัวเอง
แล้วก็เป็นเหตุให้ ไม่มีการสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้น

จุดหมาย says: ละการตอบโต้นี่ คือ ละทุก ๆ ด้านเลยใช่ป่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ทุกๆเรื่อง
ต้องอดทน เพราะธรรมชาติของคน ต้องเข้าข้างตัวเอง กูรู้ กูดี กูเก่ง

จุดหมาย says: ทั้งทางกาย วาจา และใจ นะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ทุกอย่างส่งผลหมด ไม่ช้าก็เร็ว ตามเหตุปัจจัย
พี่น่ะเจอมาหมดแล้ว ผ่านมาหมด

จุดหมาย says: ผลที่เกิดจากการตอบโต้ ทั้งทางกาย วาจา ใจ ส่งผลแตกต่างกันมั้ยล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่แตกต่างค่ะ รับผลเหมือนกันหมด

จุดหมาย says: สมมุติว่าเป็นเรื่องเดียวกัน

สุขที่แท้จริง says: ถ้าเจตนามาก รับมาก เจตนาน้อยรับน้อย ตามเหตุ
และถึงไม่เจตนา แต่เกิดเพราะความไม่รู้ ก้ต้องรับผลเหมือนกัน

จุดหมาย says: อ้อครับ ขึ้นอยุู่ที่เจตนานะครับ

สุขที่แท้จริง says: พี่ถึงบอกไง หมั่นรู้ในกายดีกว่า
การที่จิตรู้ในกายได้มากเท่าไหร่ บ่งบอกถึงสภาวะสติ สัมปชัญญะและสมาธิที่มากขึ้นเรื่อยๆ

says: ครับ รู้อยู่ในกายได้ดีแล้ว ย่อมลด ละ เหตุ ได้ดีที่สุดนะครับ

สุขที่แท้จริง says: แล้วทางจะไปไหนเสียล่ะ ไม่ต้องไปอยากอะไรเลย ไม่ต้องคาดเดา
ในเมื่อกำลังสร้างเหตุให้เป็นไปเช่นนั้นอยู่แล้ว

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ

สุขที่แท้จริง says: บัญญัติก้คือบัญญัติ ศึกษาได้ เทียบเคียงได้ แต่อย่าไปยึด
ขอโทษนะที่พี่ไม่เคยชมใครเรื่องปฏิบัติ ทั้งๆที่บางทีอยากชมนะ
เพราะเห็นแบบนั้นจริงๆ บางคนสร้างเหตุดีมาเยอะ สภาวะเลยไปได้ดี
แต่พูดชมไม่ได้ มันคือการไปเพิ่มกิเลส

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจนะครับ การชมนี่ ถือเป็นการสร้างเหตุ อีกแบบหนึ่งนะครับ

สุขที่แท้จริง says: มันมีแต่การให้โทษต่อผู้ปฏิบัติ แม้แต่คำเรียกต่างๆเห็นไหม
บางเรื่องพี่ให้คุณหาเอาเอง เพราะนั่นคือเหตุ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ เห็นด้วยครับ เป็นการสร้างอัตตา ต่อผู้อื่นได้ง่ายนะครับ

สุขที่แท้จริง says: แต่อย่างสภาวะสติ สัมปชัญญะ สมาธินี่ พี่โพสๆเอาไว้
ใครอ่านแล้วคิดอะไรยังไง นั่นเหตุของเขา พี่เพียงเขียนไปตามสภาวะที่พี่รู้เท่านั้นเอง

จุดหมาย says: ครับ ถ้าไม่เชื่อ ต้องลองพิสูจน์เอาเองนะครับ
ต้องลองผิด ลองถูก ด้วยตัวเอง

สุขที่แท้จริง says: สภาวะเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ยิ่งสติ สัมปชัญญะ สมาธิมากขึ้นเท่าไหร่
สภาวะเริ่มมีรายละเอียดข้อปลีกย่อยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ชัดเจนมากขึ้น
นั่นแหละ ถูกแล้ว ล้มแล้วลุกด้วยตัวเอง มันจะชัดเจน

จุดหมาย says: ครับ บางอย่างที่เคยเจอมา ก้อเปลี่ยนไปจากที่เคยรู้ เคยเข้าใจมานะครับ
บ่งบอกถึง ความไม่เที่ยง

สุขที่แท้จริง says: ตอนนี้ชอบพูดว่าอะเมซิ่งนะ จิตนี้อะเมซิ่งจริงๆ เขาให้พี่เรียนรู้ทุกๆสภาวะเลย
ตั้งแต่สมาธิมากสุดๆ สภาวะก้าวกระโดด

จนกระทั่งสภาวะที่ไม่มีสมาธิเลยแม้แต่สักนิดเดียว
แล้วเดินไปทีละขั้น เก็บรายละเอียดไปเรื่อยๆ

จุดหมาย says: ครับ คำ ๆ นี้ผมฟังแล้ว สมเหตุ สมผล นะ

สุขที่แท้จริง says: ทุกอย่างมันมีเหตุ
ถ้าเข้าใจเรื่องเหตุแล้ว จะไม่คิดไปก่อเหตุร่วมกับคนอื่นๆอีก จะระวังตัวมากขึ้น

จุดหมาย says: ครับ ๆ อันนี้ตามที่ผมเคยได้ฟังพระเทศน์มานะครับ เกี่ยวกับสภาวะที่พี่กำลังเจออยู่นี้
ไม่แน่ใจว่าพี่เห็นด้วยหรือไม่ครับ ที่บอกว่าเมื่อเข้าถึงสภาวะธรรม ขึ้นสูงแล้ว
อันนี้เอามาเล่าสู่กันฟังนะครับ ที่ผมเคยเกริ่น ๆ กับพี่มานะครับ

สุขที่แท้จริง says: แหมมม จนได้เลยนะ อ่ะพูดมา

จุดหมาย says: จะมีย้อมกลับมาทบทวนต่อสภาวะต่าง ๆ ที่เคยเจอมา
ทบทวน กลับไปกลับมา จนเห็นแจ้ง

สุขที่แท้จริง says: นั่นสินะ แปลกแต่จริง มันเป็นแบบนั้นจริง
สภาวะบางสภาวะพี่คิดว่าหมดไปแล้ว แต่ไม่ใช่ สภาวะย้อนกลับมาอีก เหมือนมาตรวจสอบ
มีค้างคามากน้อยแค่ไหน รู้สึกอย่างไร

จุดหมาย says: ถ้าจำไม่ผิดนะ คือ เป็นญาณที่ต่อจาก สังขารุเปกขาญาณ

สุขที่แท้จริง says: เขาเรียก ปัจจเวก ไม่ใช่ต่อจากสังขารุ
หลังจากสังขารุแล้วน่ะ จะมีสภาวะยอดสังขารุก่อน แล้วสภาวะทุกอย่างที่เหลือเกิดภายในชั่วขณะเดียว
หลังจากนั้น สภาวะปัจจเวกคือทบทวนจะเกิดต่อ ขึ้นอยู่กับกิเลส แล้วสภาวะจะเลื่อนไปตามลำดับต่อไป
แล้วสุดที่ยอดสังขารุ ไปปัจจเวก กลับไปกลับมาแบบนี้แหละ

จุดหมาย says: ต่อจากนั้นเมื่อจะหลุดพ้นจากกิเลสได้ แล้ว ต้องผ่าน โคตรภูญาณ นะครับ

สุขที่แท้จริง says: โคตรภู เฮ่อ คุณนี่ช่างไม่รู้อะไรเลย

จุดหมาย says: ครับ ตามสัญญาที่เคยมีนะครับ

สุขที่แท้จริง says: โคตรภูนี่แหละที่ทำให้รู้ว่าคนๆนั้นหลงสภาวะ
มันต้องเห็นสัจจานุโลกมิกญาณ คือเห็นตามความเป็นจริง โคตรภู แค่คำเรียก
เข้าใจป่ะ เขาซ่อนสภาวะเอาไว้ เอาแค่สังขารุน่ะ รู้ป่ะมันเป็นยังไง ยังไม่รู้เลย

จุดหมาย says: ครับ เข้าในนะครับ แค่่บัญญัตินะครับ
ยังดีที่ได้พูดคุยนะครับ จะได้สอบถามจากท่านผู้รู้ก่อน

สุขที่แท้จริง says: แล้วจะไปรู้เรื่องสภาวะอื่นๆได้ยังไง
ทำไมพระพุทธเจ้าจึงทรงเน้นเรื่องจตุตถฌาน ทั้งๆที่ฌานอื่นๆทุกๆฌาน
ก็สามารถเห็นตามความเป็นจริงได้ ทุกอย่างมันมีเหตุนะ

จุดหมาย says: ครับ ตามความเข้าใจของผมนะครับ ที่พี่ถามว่า ทำไมพระพุทธเจ้า
ท่านทรงเน้นเรื่อง จตุุตถฌาน ท่านต้องการให้ ปล่อยวางจาก ทุก ๆสิ่ง ไม่ไปยึดมั่นต่อสิ่งใด ๆ

สุขที่แท้จริง says: แล้วจะทำแบบนั้นได้ยังไง

จุดหมาย says: ต้องทำโดยการเจริญสติปัฏฐาน 4

สุขที่แท้จริง says: คุณรู้ไหม สภาวะที่พระองค์ทรงตรัสมาน่ะ เป็นสภาวะสตินำหน้าสมถะ
ถึงทรงเน้นจตุตถฌาน เพราะถ้าสมถะนำหน้าเจริญสติ สภาวะก้าวกระโดดได้
กิเลสในการละฌานแต่ละฌาน ล้วนเกิดจากการกดข่มด้วยกำลังของสติ สัมปชัญญะและสมาธิ
แต่ถ้าสภาวะเจริญสตินำหน้าสมถะ การละกิเลสจะเกิดจากการคิดพิจรณาทำให้จิตเบื่อหน่าย

คือ จุดหมาย says: ไม่เห็น ไม่เข้าใจในรายละเอียด ยิบย่อย ได้หมด สิครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ต้องเห็นเอง ถึงจะเข้าใจ
แล้วการเห็นตัวนี้ไม่เสื่อมด้วย เพราะสภาวะจะจำได้หมด

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ สิ่งใดจะเป็นครูที่ดีสำหรับเราเองได้นั้น
นอกจากการรู้ และเห็น ด้วยตนเอง

สุขที่แท้จริง says: นี่แหละพี่ถึงเขียนไว้ว่า นี่คือ วิปัสสนาตัวจริง
โดยสภวะที่แท้จริง เกิดจากจิตพิจรณาเองจริงๆ โดยไม่มีความคิดที่เป็นตัวเราเข้าไปสอดแทรก
ถ้ายังมีเรานะ มันจะมีอัตตาตัวกูรู้ กูดี กูเก่ง แทรกทันที

จุดหมาย says: ธรรมอันนี้เป็น ธรรมแท้นะครับ กาลเวลาจะผ่านพ้นไป นานสักเพียงใด
ยังคงดำรงอยู่สีบไป มิเสื่อมคลาย

สุขที่แท้จริง says: อะกาลิโกค่ะ ไกลลิบโลก ยังรู้ได้

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says: เพราะมันอยู่ในสถานที่ๆไม่มีใครสามารถจะเดินทางหาได้
ต้องมีกำลังของสมาธิเป้นตัวขับเคลื่อน มีสติเป็นตัวบังคับ ควบคุม มีจิตเปรียบเสมือนคนขับยาน

จุดหมาย says: หาแบบเป็นรูปธรรม ไม่ได้เลยสิครับ

สุขที่แท้จริง says: หาไม่ได้ค่ะ ก็ไม่รู้จะเปรียบเทียบยังไงนะ
เปรียบเทียบแบบนั้นแล้ว มันก็ยังไม่ใช่ ทั้งหมด คือมันใช่ แต่มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น
เช่น การจะมีสติ ให้จิตรู้อยู่กับกายได้ตลอด รู้เกี่ยวกับสภาวะที่เกิดขึ้นกายได้ต่อเนื่อง
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยความเพียร ทำต่อเนื่อง

จุดหมาย says: คือ มีอุปสรรค ขวากหนาม ขวางกั้น ไม่รู้สักประมาณใดเลย นะครับ

สุขที่แท้จริง says: นี่แหละ เหตุไงเบิ้ม เราจึงฝึกสติเอาไว้ เพื่อช่วยกั้นกิเลสที่เกิดขึ้น
สัมปชัญญะรู้อยู่ในตัว ทำให้จิตเขามีงานทำอยู่ในตัว ไม่ออกไปเพ่นพ่านนอกตัว

จุดหมาย says: แสดงว่าเราสามารถ สร้าง ยาน และขับยานด้วยตัวเราเองได้

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ทุกคนสารมาถทำได้ แต่เหตุนี่สิ
ตราบใดที่ยังขยันสร้างเหตุนอกตัว มันก็ส่งผลมาถึงสภาวะภายในด้วย

จุดหมาย says: อะไรจะเป็นตัวบ่งบอกกับเราได้ ว่าเราได้สร้างเหตุ หรือไม่ได้สร้างเหตุ

สุขที่แท้จริง says:
สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต เกิดแล้ว ก่อให้เกิดความไม่ชอบใจ แล้วเราคิดแก้ไข โดยการตอบโต้ออกไป
เช่น เวลามีคนมาว่า แล้วเราไม่พอใจ เราคิดว่าเราไม่ผิด จึงได้อธิบายชี้แจงให้ฟัง นั่นคือการแก้ไข
นั่นคือการสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้นไปด้วยความไม่รู้ ผลก็ย่อมมีตามมา เรื่องมันไม่จบ

ยอมไม่ได้หรือที่จะให้คนอื่นๆทำกับเรา เราไม่ต้องไปโต้แย้งหรือคิดแก้ไขใดๆ
ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของใคร แต่เพื่อหนทางที่สะดวกมากขึ้นสำหรับตัวเราเอง

จุดหมาย says:
อ้อ ต้องสร้างตัวเองให้เป็นผู้ยอมให้ได้ เพี่อที่จะได้ลด ละ เหตุที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ให้น้อย ๆ ลงไปเรื่อย ๆ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ตรงนี้จะเป็นเหตุให้กิเลสสักกายะทิฏฐิถูกขัดเกลาลงไปด้วย

จุดหมาย says: ครับ ถูกต้องครับ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สำหรับการปฏิบัติ หากสติไม่ทัน

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ การยอมให้คนอื่นๆทำกับเราทั้งๆที่เราคิดว่าเราไม่ผิด ทำได้ยากนะคะ

จุดหมาย says: ครับ เพราะว่ายังยึดอยู่กับ ตัวตน ของตน อยู่นะครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ เหตุใหญ่ ความยึดมั่นถือมั่น กูรู้ กูดี สารพัดกูๆๆๆๆ

จุดหมาย says: อุปทาน อีกสิครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ล้วนเกิดจากอุปทาน

จุดหมาย says: ทุกสิ่ง ๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนเกี่ยวเนื่องกัน ทั้งหมด ทั้งสิ้นเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
การกระทบที่เกิดขึ้น แล้วเป็นเหตุให้สร้างเหตุออกไปนั้น ทุกๆสภาวะล้วนเกิดจากอุปทาน
เราไปให้ค่าเองว่าดีไม่ดี ถูก ผิด

จริงๆแล้ว มันแค่ผลที่เขามาแสดงให้เราต้องรับจากเหตุที่เราทำเอาไว้นั่นเอง
เราแค่ยอมรับแล้วชดใช้ไปซะมันก็จบ

จุดหมาย says:
ครับ พอเกิดแบ่งแยกว่า ดี ไม่ดี ถูก ผิด แล้วทำให้เกิดความพอใจ ไม่พอใจ ตามมาอีกนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วหมั่นทำความเพียร ให้จิตรู้อยู่ในกายให้มากขึ้น หน้าที่มีแค่นี้เองที่ต้องทำ
แล้วจะพบความอะเมซิ่งของจิต

จุดหมาย says: ครับ ต้องทำเท่านั้น หากไม่ต้องการเกิด

สุขที่แท้จริง says: สุดยอดของอัจริยะ ยังนำมาใช้กับสภาวะที่รู้ไม่ได้เลย
เชื่อไหม ทุกๆคนน่ะ สุดยอดกันทั้งนั้น เรียกว่ามีจิตที่อะเมซิ่งทุกคน

จุดหมาย says: ครับ ทำไมพระพุทธองค์ถึงทรงเน้นเรื่องของ พละ 5 นะครับ

สุขที่แท้จริง says: พละ๕ การปรับอินทรีย์ไง
ความเพียรหย่อน สมาธิมาก งมงาย ถ้าทั้งหมดนี่ ปรับเสมอกันได้
จิตจะรู้อยู่ในกายได้มากขึ้น คือ ต้องมีความเพียร ทำต่อเนื่อง มากน้อยไม่ใช่ตัววัดผล ต้องต่อเนื่อง
สติ สัมปชัญญะดี สมาธิย่อมดีตาม

จุดหมาย says: ครับ การได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของชีวิตได้นี่
ถือว่าเป็น สุดยอด ของ สุดยอดเลยนะครับ (อุปทานเอาเองครับ)

สุขที่แท้จริง says: เมื่อสติ สัมปชัญญะดี สมาธิดี ย่อมมีศรัทธาเพิ่มมากขึ้น
เพราะทำแล้วเห็นผล ความศรัทธาย่อมมากตามตัว

จุดหมาย says: ครับ แต่เบื้องต้นนั้น ต้องเกิดจากความศรัทธาก่อนเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่เหตุค่ะ อย่างที่พี่ทำ ไม่ได้เริ่มต้นจากศรัทธา แต่เกิดจากความทุกข์

จุดหมาย says: อ้อ ๆ ครับ พอจะเข้าใจนะครับ ต้องมีเหตุมาก่อนนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ จากเหตุก่อน

จุดหมาย says: แล้วศรัทธา ถึงจะเกิดตามมา

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: เหมือนกันกับผมแหล่ะครับ แต่ก่อนนั้น ไม่ศรัทธาเลยนะ

สุขที่แท้จริง says: ศรัทธาแบบผิดๆก็มีนะ ทุกอย่างจะว่าไปก็ล้วนเกิดจากเหตุ สภาวะจึงเป็นเช่นนั้น
จึงไม่มีอะไรถูกผิด มีแต่เหตุๆๆๆๆแล้วก็เหตุ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ ถึงต้องอาศัย จากผู้รู้ และกัลยาณมิตรที่ดีนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ศรัทธาแบบผิดๆที่พี่พูดไปนะ อุปมาเฉยๆ
จริงๆแล้วมันมีแต่เหตุ จึงมีผลให้เป็นไปตามนั้น

จุดหมาย says: อืมม ครับ สุดท้ายแล้ว หนีไปไม่พ้นเรื่องนี้เลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ตรงนี้พี่จากผู้ปฏิบัติหลายคน ทำผิดศิล แล้วไม่คิดว่าผิดศิล คิดว่าศิลและการปฏิบัติต้องคุ้มครองตัวเอง

จุดหมาย says: พระพุทธองค์ถึงได้สอนว่า ทุก ๆ อย่างเกิดขึ้นจากเหตุ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ แต่เพราะยังไม่รู้ เนื่องจากยังมีความไม่รู้ จึงสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้นเนืองๆ
ไปด้วยความไม่รู้ ภพชาติจึงยืดยาวออกไปเรื่อยๆ

จุดหมาย says: ครับ คงเป็นเพราะมีคนไปแนะนำ หรือสั่งสอนแบบนั้น นะครับ

สุขที่แท้จริง says: เหตุ มีแค่นี้เอง รู้ในกายให้มากๆ เหตุจะได้น้อยลง

จุดหมาย says: ครับ สุดท้่ายจริง ๆ แล้ว คงจะเท่านี้เอง

สุขที่แท้จริง says: มันไม่มีอะไรอีกแล้ว บอกให้หมดแล้วนะ ที่เหลือคุณต้องทำเอง

จุดหมาย says: ครับ ต้องทำ ๆ ไป แล้วสุดท้ายแล้ว จะเห็นของดี ตามนี้เลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เรื่องญาณอะไรน่ะ ไม่ต้องไปใส่ใจ แค่รู้ แต่อย่าไปให้ค่า
อย่าไปถกเถียงกับใครๆ มันจะกลายเป็นเหตุอีก

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ เอามาไว้เพื่อเพียงให้รู้เท่านั้นนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ถ้าจะอ่าน แค่อ่านข้อคิดเห็นของแต่ละคน อ่านได้หมด
เก็บเกี่ยวแต่สิ่งดีๆ แต่อย่าไปหลงให้ค่า ลงไปเล่นกับกิเลสของคนอื่นๆ

จุดหมาย says:
ครับ เพราะแต่ละคนนั้นย่อมเห็นแตกต่างกันออกไป ตามความคิดของตน ณ ขณะนั้นนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ นั่นคือกิเลสของเขา สภาวะของเขา

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ จะจำเอาไว้นะครับ

สุขที่แท้จริง says: เรามีหน้าที่รู้ในกายของตัวเอง เจอการกระทบ ไม่ให้ค่า

แดนสุข คือ จุดหมาย says: ครับ ต้องเข้าใจตนเองให้ได้ก่อน แล้วจะเข้าใจคนอื่นๆ ได้อัตโนมัตินะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่เลย รู้ภายในของตัวเองได้ ภายนอกน่ะเหมือนกันหมด ไม่แตกต่าง

จุดหมาย says: ครับ เป็นแบบนั้นจริง ๆ

สุขที่แท้จริง says: นี่แหละ บางตำราถึงเขียนเอาไว้ว่า เรียกว่า รู้วาระจิต เพราะจากเหตุตรงนี้นี่แหละ

จุดหมาย says: ครับ เป็นคำเรียก ๆ เพื่อให้เข้าใจง่าย ๆนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ เห็นไหมบัญญัติ ต้องเข้าใจในสภาวะ ต้องรู้ด้วยตัวเอง
เวลาอ่านบัญญัติมันจะไม่หลง

จุดหมาย says: เวลาจะเกิดแล้ว จะรู้เอง เข้าใจเอง เลยนะครับ ไม่ต้องให้ใครเขามาบอกให้

สุขที่แท้จริง says: ไม่คิดว่าเป็นของวิเศษ
เหมือนเรื่องสภาวะของญาณต่างๆ พอรู้แล้ว จะไม่มองว่าเป็นของวิเศษ

จุดหมาย says: ครับ พอว่าเข้าใจหมดแล้ว แค่เพียงสักแต่ว่า รู้ เท่านั้น

สุขที่แท้จริง says: บัญญัติมีไว้เพื่อรู้ ไม่ใช่มีไว้ยึด รู้แล้ว แค่รู้

จุดหมาย says:ครับ ใช่ครับ ตอนนี้ผมก้อคิด แบบนี้ครับ แต่เมื่อก่อนนั้น ถือว่าเป็นของที่ดีเลิศมาก ๆ

สุขที่แท้จริง says: สภาวะญานแต่ละญาณน่ะจะมีอะไร เป็นเรื่องของกำลังสติ สัมปชัญญะที่มีมากขึ้น
กำลังของสมาธิที่มีมากขึ้น ทำให้จิตรู้อยู่ในกายได้มากขึ้น
ก็ทำให้จะเห็นแต่ความไม่เที่ยง แล้วมันจะไปส่งจิตออกนอกอีกไหม
มันก็ไม่สนใจ แค่รู้มากขึ้น สุดท้ายอยู่ในกายได้ต่อเนื่อง

จุดหมาย says: อยากไม่เกิด ต้องทำให้ได้แบบนั้นนะ

สุขที่แท้จริง says: เหตุค่ะ พึงระวังเหตุ เหตุน้อยลง สภาวะเขาไปของเขาเองโดยไม่ต้องอยาก

จุดหมาย says: ครับ ต้องพยายามดับเหตุให้ได้บ่อย ๆ

สุขที่แท้จริง says: เมื่อเกิดการกระทบ เกิดความไม่พอใจ เพราะคิดว่าไม่ผิด อดทนนะคะ
ไม่พอใจก็ให้ว่าไม่พอใจ แต่ไม่ต้องไปพูดหรืออธิบายอะไร
เวลาเจอคำชมตัวนี้แหละยิ่งกว่าคำตำหนิ ละยากยิ่งกว่าคำตำหนิ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ ตัวทำให้หลงยึดติด ได้ง่ายมากๆ เลยล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ล้วนเกิดจากเหตุ เราทำไว้ยังไงก็ได้รับแบบนั้นน่ะแหละ
ให้กิเลสเขา เขาก็ให้กิเลสกลับมา

จุดหมาย says: ครับ เหมือนกับคำที่เขาอุปมากันเอาไว้เลยนะครับ ที่ว่า ไม่มีของฟรีใด ๆ ในโลก

สุขที่แท้จริง says: ใช่เลยค่ะ เริ่มเข้าใจมากขึ้นแล้วนะ ทีนี้ก็อยู่ที่ตัวของคุณเอง

จุดหมาย says: ครับ เพิ่งจะเริ่มนะครับ ต้องทำไปให้ต่อเนื่องครับ
เรื่องคอมฯ ที่บอกว่าเวลามันมีให้ install ของ windows หน่ะ สามารถทำได้เลยนะครับ
เวลามันมีสีเหลือง ๆ เหมือนเครื่องหมายตกใจหน่ะ

เพราะว่ามันช่วย update ตัวป้องกัน หรือว่า ตัวซ่อมแซมของอันเก่า ๆ ก่อนหน้านี้
เพราะว่าตัวก่อนหน้านี้เวลาต้องที่เขาออกมาใหม่ ๆ นั้น
ต้องนั้นยังไม่มีคนใช้งานกัน แต่พอเวลาที่มีคนใช้งานเยอะๆ แล้ว
มันมีปัญหาเกิดขึ้น เลยต้องออกตัวแก้ไขออกมา เพื่อลดให้เกิดปัญหาให้น้อยลงไป

สุขที่แท้จริง says: อ้าวเหรอคะ

จุดหมาย says: ช่วงนี้มีมาปรากฏให้เห็นบ้างหรือป่าว เดี๋ยวจะโชว์ให้ดูนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ เคยมีครั้งเดียวที่เล่าให้ฟังน่ะค่ะ

จุดหมาย says: เห็นมั้ยครับ ที่มันมีเยอะ ๆ ตาม list หน่ะ
อันนี้แหล่่ะคือตัวที่ microsoft เขาออกมาป้องกัน และแก้ไข คอมพิวเตอร์ของเรา
ของพี่ รู้สึกว่าจะเหลือเรื่องของ antivirus อีกอย่างนึงนะ ถ้าผมจำไม่ผิดที่เคยบอกว่ามันจะหมดอายุ
ตอนประมาณเดือน ตุลาคม หน่ะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: หมดวันไหนนะ

สุขที่แท้จริง says: จำไม่ได้นะคะ

จุดหมาย says: ต้องเข้าไปดูที่ตัวโปรแกรมก่อนนะ

สุขที่แท้จริง says: เข้าที่nodใช่ป่ะ

จุดหมาย says: ใช่ครับ ดูที่ตรง expiry date หน่ะ

สุขที่แท้จริง says: 31 เดือน 10

จุดหมาย says: อ้อครับ อีกประมาณ 1 เดือนได้นะ
ถึงตอนนั้นแล้วค่อยบอกผม ก้อแล้วกันนะ จะได้ทำให้ใหม่

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ พักนี้ คืออีกบล็อกของพี่น่ะ มีแต่ฝรั่งแอดเข้ามา

จุดหมาย says: จริงสิ

สุขที่แท้จริง says: จริงค่ะ พี่ก็งงๆนะ มากันได้ไง

จุดหมาย says: เขาเข้ามาอ่านเหรอ

สุขที่แท้จริง says: นั่นสิ พี่ก็คิดแบบคุณ แต่ว่าอ่านออกได้ไง

จุดหมาย says: นั่นสิครับ

สุขที่แท้จริง says: เด๋วจะให้ดู แปบบ เห็นป่ะ

จุดหมาย says: เดี๋ยวขอดูก่อนครับ เขามาจากไหนกันล่ะครับ
ส่วนใหญ่จะมาหาคู่กันหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says: ไม่รู้นะ เขาเขียนมาทำนองว่าเขาอ่านของพี่ได้ เขาว่าพี่ค่อนข้องอารมณ์ดี
เลยขอแอด สงสัยเข้ามาดูหนัง

จุดหมาย says: จริงสิ ต้องลองให้เขาพิมพ์ คาราโอเกะ มาสิ

สุขที่แท้จริง says: ในเสปซนั้นทั้งหนังทั้งเพลงทั้งอาหาร

จุดหมาย says: สงสัย บล็อกนั้น หนังจะเยอะนะ

สุขที่แท้จริง says: เยอะค่ะ

จุดหมาย says: คงเป็นแบบนั้นแหล่ะครับพี่ นี่แหล่ะเหตุล่ะ

สุขที่แท้จริง says: ก็ดูในบล็อกเด็กดี ที่ลงเรื่องหนังผีๆเอาไว้ คนดูเยอะนะ

จุดหมาย says: อืมมมมนะ ส่วนมากดูแต่หนังล่ะสิครับ สาระอาจจะดูแค่นีด ๆ หน่อย ๆ

สุขที่แท้จริง says: เปิดเรื่องด้วย โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต
เพลง จริงๆแล้วพี่ไม่ค่อยฟัง เพลงมักจะน้อมนำจิตเราเข้าหากิเลส ให้ไหลไปตามสิ่งที่มากระทบ

จุดหมาย says: อืมม ใช่เลยครับ เพราะส่วนใหญ่เพลงจะเน้นแนวนั้น

สุขที่แท้จริง says: แต่ก็ดีค่ะ ทำให้กิเลสถูกขุดขึ้นมาอีก ทุกอย่างล้วนมีเหตุ
ปกติแล้วพี่ชอบดูหนังมากกว่า แต่พักหลังมานี่ไม่ค่อยได้ดู

จุดหมาย says: อืมมมครับ แต่เดี๋ยวนี้ ทั้งหนัง ทั้งเพลง คงลดลงไปได้เยอะแล้วนะครับ

สุขที่แท้จริง says: แทบจะไม่ได้แตะนะ

จุดหมาย says: ครับ เนื่องมาจากสภาวะไม่เอื้ออำนวยล่ะสิครับ

สุขที่แท้จริง says: หันมารู้ในกายมากขึ้น รู้สึกว่าทำให้เป็นคนขยันมากขึ้น
ปกติพี่ไม่ชอบทำงานบ้าน ไม่ชอบเลยนะ แต่เดี๋ยวนี้ ตั้งแต่รู้ในกายมากขึ้น มันกลับขยันแฮะ
แล้วละเอียด เวลาเก็บของ เปลี่ยนไปเลยน่ะ แล้วรู้สึกถึงความสงบภายในได้ชัดมากๆ เวลาที่ทำงาน

จุดหมาย says: ตอนนี้เนตเริ่มดีแล้ว จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกหรือป่าวล่ะครับเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: มันแตกต่างจากเมื่อก่อนนะ เมื่อก่อนสภาวะไม่ละเอียดขนาดนี้
เมื่อก่อนยังขี้เกียจเหมือนเดิม ไม่สามารถรู้กายได้ต่อเนื่องแบบนี้

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ คงเป็นแบบนั้นนะ เพราะว่าสมาธิดี ไม่วอกแวก

สุขที่แท้จริง says: แล้วเน็ตก็ ไม่ติดเหมือนเมื่อก่อน มันมีแต่กลับมารู้ที่กายแทน

จุดหมาย says: อันนี้พี่เปรียบเทียบกับตอนที่มีสมาธิดี ๆ กับ ตอนที่สูญเสียสมาธิใช่ป่ะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ สภาวะแตกต่างกันเลยนะ

จุดหมาย says: ครับ มันเป็นไปโดยอัตโนมัตินะครับ

สุขที่แท้จริง says: สภาวะหลังนี่จะละเอียดมากกว่า
ตอนสภาวะสมาธิที่มีมากๆ สภาวะจะโลดโผน แต่สภาวะตรงนี้ เขาไปแบบทีละขั้น
เก็บรายละเอียดไปเรื่อยๆ แบบไม่รีบร้อน จนกว่าจะจดจำสภาวะนั้นได้จนขึ้นใจ

แดนสุข คือ จุดหมาย says: ไม่ต่อเนื่อง และไม่ปะติด ปะต่อ กันเลยเหรอ

สุขที่แท้จริง says: ของเก่าน่ะ เขาก้าวกระโดด
เหมือนสภาวะ สติ สัมปชัญญะและสมาธิน่ะ ตรงนั้นจบแค่นั้นนะ

จุดหมาย says: พอจำได้ขึ้นใจแล้ว เหมือนกับว่า เรียนที่เดียว แล้วสอบผ่าน
แล้วจบเลย ประมาณนั้นเลยสิ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ แบบนั้น

จุดหมาย says: มองเห็นภาพเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เหมือนเรื่องสภาวะสติ สัมปชัญญะและสมาธิแต่ละขั้นที่เกิดร่วมกันนั่นน่ะ
ที่เขียนเอาไว้ สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ไม่ต้องมีการเพิ่มเติมอะไรลงไปอีกแล้ว
ส่วนสภาวะของสมาธิแต่ละขั้น คือฌาน อันนั้นยังไม่ได้เขียน มันละเอียด
ต้องไล่ไปทีละขั้น นิมิตก็ต้องไล่ ต้องแยกสภาวะออกมา

จุดหมาย says: ครับ มันซับซ้อนมาก ๆ เลยสิพี่

สุขที่แท้จริง says: ใช่ มันละเอียด
อุปจาระน่ะเขียนง่าย เพราะสภาวะของอุปจาระจะมีเรื่องของนิมิตเป็นตัวเด่น

จุดหมาย says: ต้องแยกแยะให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นทำให้ผุ้ที่มาอ่าน เข้าใจผิด ๆ ได้

สุขที่แท้จริง says: แต่อัปปนา มีรายละเอียดเยอะมาก

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ เพราะว่ามีหลายสภาวะนะครับ

สุขที่แท้จริง says: จากสมถะล้วนๆ นี่ส่วนหนึ่ง จากสมถะแล้วมาเจริญสติ นี่ส่วนหนึ่ง
จากเจริญสติแล้วมาได้ฌาน นี่อีกส่วนหนึ่ง

จุดหมาย says: อืมมม หลายแบบจังนะครับ แต่ก่อนพี่คงจะ กระโดดไปสมถะบ้าง
ฌานบ้าง ประมาณนั้นล่ะสิ

สุขที่แท้จริง says: ฌานก็คือสมถะ พูดศัพท์เดี๋ยวงงอีก
อย่าไปสนใจเลย รออ่านไปละกัน

จุดหมาย says: อืมม ใช่ ๆ พี่ เดี๋ยวตีความผิดนะครับ ครับแล้วจะลองติดตามผลงานครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ อ่านแล้ว ศึกษาดู อย่าไปเชื่อ ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ ตอนนี้พยายามทำแบบนี้อยู่ครับ

สุขที่แท้จริง says: จิตเมื่อตั้งมั่นแล้ว จะตั้งมั่นได้ต่อเนื่อง หากมีการทำความเพียรอย่างต่อเนื่อง
แล้วสภาวะ จิตจะรู้อยู่กับกายได้มากขึ้น หากยังมีจิตส่งออกนอก นั่นก็ทำต่อไป
เพราะเหตุของสติยังไม่ทัน

จุดหมาย says: ครับ ใช่เลยครับ ตอนนี้ของผมยังเป็นแบบประเดี๋ยว ประด๋าว อยุ่ครับ

สุขที่แท้จริง says: เข้าใจค่ะ พี่ถึงบอกไง ทำทุกวัน มากน้อย สะสมไป

จุดหมาย says: ครับ ต้องทำให้ได้ทุก ๆ วันเลยครับ

สุขที่แท้จริง says: หยุดเมื่อใด เริ่มใหม่ทันที บางคนไม่มีเวลาจริงๆ

จุดหมาย says: ใช่ ๆ ครับ ตอนนี้รุ้บ้างแล้วครับ เหตุทีรู้ เพราะเคยทำมาแล้ว

สุขที่แท้จริง says: พี่บอกเลย ไม่มีเวลา ให้เดินไปกลับ 1 รอบพอ แล้วนั่งต่อ จะแค่ไหนก็ได้
ไม่ต้องตั้งเวลา นั่งแค่คิดว่าพอแล้วให้แผ่เมตตา กรวดน้ำ ไม่ต้องไปคำนึงถึงเวลา
ขอให้ทำต่อเนื่องเอาไว้

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ ทำแบบนี้ได้ แล้วผลดีย่อมเกิดนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะเป็นการสะสมเหตุดี เวลามากหรือน้อยไม่ใช่ตัววัดผล
การกระทำต่างหากเป็นตัววัดผล

จุดหมาย says: ครับ แต่ก่อนเคยคิดว่า เวลาที่ทำเป็นส่วนสำคัญนะครับ

สุขที่แท้จริง says: พี่เองก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน จึงเข้าใจเรื่องของเหตุได้ดี
เราทำตามสภาวะ มีเวลามากน้อยแค่ไหน ทำตามสะดวก
ความอยากมันแทรกได้ตลอด ทำตามสภาวะ ความอยากมันแทรกได้ยาก

จุดหมาย says: นั่งสมาธินาน ๆ กับ แค่แป๊บเดียว แตกต่างกันแบบไหนบ้างพี่

สุขที่แท้จริง says: แตกต่างหรือไม่แตกต่าง ให้ดูตรงที่รู้กายค่ะ
นั่งนานแต่ไม่รู้กาย กับนั่งน้อย รู้กายได้ชัด นั่งน้อยย่อมดีกว่าค่ะ
เอาเรื่องการรู้กายเป็นหลัก แล้วทุกๆสภาวะเขาจะพัฒนาไปเอง โดยไม่ต้องไปอยากอะไรเลย

จุดหมาย says: อืมมครับ ต้องลองพิสูจน์ด้วยตัวเองดูก่อนครับ
ครับ เข้าใจนะครับ พี่น้ำเคยนั่งสมาธิแบบนาน ๆ เลยได้กี่ชั่วโมง
และสามารถรุ้กายได้ตลอดหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says: นั่งกับพื้นหรือว่านั่งบนเก้าอี้ล่ะ

จุดหมาย says: นั่งกับพื้นก่อนครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่งกับพื้น แบบเต็มที่จริงๆรู้กายได้ตลอด พี่เคยนั่งแค่สองชม.
จะนั่งมากกว่านั้นก็ได้ แต่มันไม่มีประโยชน์ เพราะต้องดูสภาวะ ไม่ใช่ดูเรื่องสมาธิ รู้กายได้ตลอด

สมาธินะ พอครบชม. เขาจะมีสภาวะบอก เราสามารถนั่งต่อได้ถ้าอยากนั่ง
เพราะพอสมาธิคลาย สักพักเขาจะเกิดต่อ จะเป็นแบบนี้ตลอดน่ะแหละ

แต่เราต้องถามตัวเองด้วยว่านั่งไปเพื่ออะไร ในเมื่อนั่งแล้วมันแค่รู้กาย ตัวปัญญาไม่เกิด
แล้วจะไปนั่งทำไม เท่าที่พี่ศึกษามาหลายๆครูบาฯ ท่านเขียนเรื่องสภาวะเอาไว้ว่า นั่งแค่ 1 ชม. พอ
เพื่อให้ดูสภาวะ ถ้าปัญญาเขาจะเกิด เกิดเอง ส่วนเดิน เดินมากเท่าไหร่ยิ่งดี

ส่วนสภาวะฝึกดับน่ะ อย่างที่พี่บอก กิเลสดีๆนี่เอง จริงๆแล้ว สภาวะจะดับเขาดับเอง
จะกี่ชม.นั่นก็ขึ้นอยู่กับกำลังของสมาธิ ตำราน่ะอาจจะเขียนไว้ว่าเพื่อความชำนาญ
แต่จริงๆแล้ว จิตเขาจดจำได้ทุกสภาวะ ไม่ต้องไปฝึกอะไรเลย

อย่างสภาวะพี่ตอนนี้ จะเข้าสมาธิตอนไหนๆก้สามารถทำได้
แต่พี่ไม่เคยไปสนใจอะไรแบบนั้นเลย ดูตามความเป็นจริงอย่างเดียว
เวลาทำก็คือทำ มีแค่นั้น ไม่ต้องไปอยาก

จุดหมาย says: ครับ ทำแบบนี้เลยเห็นตามจริงได้นะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ส่วนนั่งที่เก้ากี้พี่เอาไว้พัก พี่ชอบพักในสมาธิในบางครั้ง
พักทีก็หลายชม. แต่ระหว่างพัก ก้มีรู้ตัวบ้าง ไม่รู้บ้าง ไม่ได้สนใจ เพราะถือว่าพัก

จุดหมาย says: ทั้งที่บ้่าน และที่ทำงานเหรอ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ที่ทำงาน คนจะมาหาน้อย บางวันพี่พักตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงบ่าย 3

จุดหมาย says: ครับ ต้องการให้จิต ได้พักผ่อนนะครับ

สุขที่แท้จริง says: มันสดชื่นนะ แล้วพอมาทำเต็มรูปแบบอีกรอบนี่ สภาวะการรู้กายจะชัดมากๆ

จุดหมาย says: อืมมครับ ไม่แตกกต่างกับคนที่นอนหลับตอนกลางคืนเลยสิครับ

สุขที่แท้จริง says: แตกต่างค่ะ นอนหลับ ขาดสติ

จุดหมาย says: อ้อครับ นั่งพัก รู้ตัวได้ตลอดนะ

สุขที่แท้จริง says: นอนหลับใช้เวลามาก แต่พักในสมาธิ ไม่ต้องใช้เวลามาก
นอนหลับ บางทีตื่นมายังงัวเงีย ขี้เกียจ แต่พักในสมาธิเวลาลืมตามาตาจะใสแจ๋ว จิตสดชื่น

จุดหมาย says: อืมม ครับเพราะว่ามีสติอยุ่ตลอดนะครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่งพัก รู้บ้างไม่รู้บ้าง ขึ้นอยู่กับกำลังของสมาธิ ถ้าสมาธิมีมากมันจะดับสนิท
วันไหนเช้ามาง่วงนะ พี่ไม่เคยไปนั่งหลับหรอก อาศัยสมาธินี่แหละ พักไปเลย รู้กาย

จุดหมาย says: การนอนหลับ กับการนั่งพักนี่ คือการที่จิตตั่้งมั่นมาก ๆ เลย ใช่ป่ะ

สุขที่แท้จริง says การนั่งพักในสมาธิ ช่วยให้จิตมีกำลังมากขึ้นนะ
ต้องอาศัยกำลังของสมาธิเป็นหลัก ต้องมีสมาธิที่แนบแน่นมากๆ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ ถึงแม้จะใช้เวลาแค่นิดเดียวเองนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ทำบ่อยๆ จิตจะชำนาญในสภาวะมากขึ้น

จุดหมาย says: แบบนี้ไม่เรียกว่า จิตตกภวังค์ ใช่ป่ะ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ค่ะ จิตตกภวังค์จะไม่รู้สึกตัว

จุดหมาย says: อ้อ ก้อคือการนอนหลับ ดี ๆ นี่เองนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เอ๋ เรื่องคำศัพท์เอาไว้ก่อนดีกว่ามั๊ง

จุดหมาย says: ครับ ผมว่างั้นนะพี่ เดี่ยวงงนะ

สุขที่แท้จริง says: ต้องไปศึกษาเพิ่ม เพราะแต่ละที่ให้ความเห็นในเรื่องจิตตกภวังค์ไม่เหมือนกัน
เราพูดแบบธรรมดาดีกว่า เข้าใจกว่า

จุดหมาย says: ครับ ใช่ ๆ นะ ครับ ดีกว่าครับ

สุขที่แท้จริง says: จิตตกภวังค์กับเกิดภวังค์จิต เห็นไหม

จุดหมาย says: อืมม คือสิ่งเดียวกันเลยนะครับ


สุขที่แท้จริง says: พอก่อนเรื่องศัพท์ ซึ่งพี่มองว่ามันแตกต่างนะ โดยสภาวะ
เพราะมองว่าคำว่า ตก คือมันต้องมีวูบ แต่เกิดภวังค์ มันไม่ใช่วูบ อันนี้แค่ความคิดในตอนนี้นะ

จุดหมาย says: อืมมครับ ต้องเข้าใจในสภาวะได้ชัดเจนมาก ๆ ก่อนนะครับ ถึงจะบอกได้

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ พอดีพี่ไม่ค่อยสนใจเรื่องคำเรียกต่างๆในสภาวะพวกนี้ด้วย

จุดหมาย says: ดีสิครับพี่ ไม่ต้องไปกังวลอะไรเลย

สุขที่แท้จริง says: ชอบดูตามความเป็นจริงมากกว่า วันใดรู้ว่าเรียกว่าอะไร เดี๋ยวได้รู้เอง

จุดหมาย says: ครับ ไม่ต้องไปเสาะแสวงหาเลยนะครับ คงเหมือนกับพระพุทธเจ้านะครับ
สมัยนั้นคงจะไม่มีคำเรียกเยอะแบบปัจจุบันนี้

สุขที่แท้จริง says:
พระพุทธเจ้าไม่ทรงแตกต่างจากเราหรอกค่ะ ที่แตกต่างคือเหตุของพระองค์ที่ทรงได้สร้างมา

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ ไม่เช่นนั้นคงจะไม่มีพระพุทธเจ้าหลายองค์นะครับ

สุขที่แท้จริง says: มีใครมั่งที่ไม่มีการผิดพลาด

จุดหมาย says: ทุก ๆ คนนั้นล้วนผิดกันมาทั้งนั้นนะครับ แต่จะผิดมาก ผิดน้อย นั้นแล้วแต่คน

สุขที่แท้จริง says: แต่ตอนหลัง ไม่ค่อยได้ไปให้ความคิดเห็นอะไรเท่าไหร่
เพราะมันมองเห็นแต่เหตุน่ะ แล้วพอดีคอมฯมามีปัญหาอีก ทางเลยโล่งมากขึ้น
เลยไม่ไปติดบอร์ดเหมือนเมื่อก่อน รู้กับกายมากขึ้น
แหมๆๆๆๆ จะเล่าอะไรให้ฟัง พี่น่ะติดเนตติดบอร์ดมากๆเลยเมื่อก่อน

จุดหมาย says: ถือว่าเป็นกุศลกรรมนะครับ ทำให้กุศลจิตเกิดขึ้นได้ต่อเนื่อง

สุขที่แท้จริง says: ถ้าเข้าไม่ได้นะ กระวนกระวาย กิเลสอยากพูด กิเลสอยากโม้ กูรู้ กูดี กูเก่ง
เห็นไหม มีแต่กิเลส พยายามเลิกเข้าบอร์ดแทบตาย เลิกไม่ได้ พอถึงเวลา มันจะมีเหตุให้เลิกเอง
โดยไม่ค้างคาใจ

ธรรมดานะคะ สำหรับเราที่อ่านสภาวะออก มานะกิเลสย่อมมีอยู่
เพียงแต่ว่าพี่จะไม่ไปกล่าวเบียดเบียนใครๆ พยายามระวังในการโพส

จุดหมาย says: อืมมครับ ความมีตัวตน ยังหลงเหลืออยู่ เห็น และ เข้าใจได้แบบนี้แล้ว จบเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ส่วนใครอ่านแล้วจะคิดอะไรยังไงนั่นเรื่องของเขา
เพราะถึงเวลา เขารู้เอง คนจะพบก็พบเองเมื่อถึงเวลา


แดนสุข คือ จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ อันนี้เป็นเรื่องจริง เพราะว่าอยู่กับกาย ได้มากขึ้นล่ะสิ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ มันจะมองแค่เหตุ เลยทำให้ไม่ไปสนใจนอกตัวมากมายเหมือนอย่างแต่ก่อน
มีแต่เหตุ จะไปยุ่งทำไม

แดนสุข คือ จุดหมาย says: อืมมมครับ ทำได้แบบนี้แล้ว เหตุน้อยลงตามเลยนะ

สุขที่แท้จริง says: น้อยลงมากๆๆๆๆ ทุกวันนี้ใช้ชีวิตมีความสุขตามอัตภาพ
สภาวะเขาไปได้เรื่อยๆ ง่วงก็ไม่ไปกังวล ไม่ฝืน

จุดหมาย says: ครับ ปฏิบัติตามสภาพการณ์นะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไปพักในสมาธิเลย จะไปนั่งทำไม คือมีลองก่อน ลองนั่งเผื่อจะหายง่วง
แต่ไม่หายก็ไปนั่งที่เก้าอี้แทน ไปพักในสมาธิแทน ทีนี้ความง่วงจะหายไปเอง
ต้องรู้จักปรับเปลี่ยนสภาวะของตัวเอง

จุดหมาย says: ครับ ต้องปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลานะครับ
เพราะว่าสภาวะมันเปลี่ยนแปลงตลอด เหมือนกันมันมีชีวิตนะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่เลยยย สุดยอดเลยนะคะ เรารู้ไม่ทัน เราก็เสร็จ
เราแค่ทำตาม เรียนรู้ไปเรื่อยๆจะทำให้รู้ทันมากขึ้นเรื่อยๆ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ สร้างสติให้เกิด ให้แข็งแรง

สุขที่แท้จริง says: เห็นไหม พุดไปพูดมาก็ไม่พ้นกลับมาจุดเดิม สติ สัมปชัญญะ สมาธิ
การให้จิตรู้อยู่กับกายได้ต่อเนื่อง มีแค่นี้เอง นอกนั้นไม่ได้มีอะไรเลย

จุดหมาย says: ใช่ครับ ชีวิตถึงได้วนเวียนอยู่แบบนี้ไงครับ

สุขที่แท้จริง says: เมื่อรู้กายได้ต่อเนื่อง ย่อมเห็นตามความเป็นจริงมากขึ้น แยกแยะกิเลสได้ชัดมากขึ้น

จุดหมาย says: หากยังไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ปฏิบัติ

สุขที่แท้จริง says: ต้องทำ ถึงจะเข้าใจ

จุดหมาย says: ใช่ ๆ ครับ

สุขที่แท้จริง says: การทำไม่มีถูก ไม่มีผิด แต่เกิดจากเหตุของแต่ละคนต่างหาก
ใครเจอสภาวะอะไรแบบไหน เจอคนแนะนำแบบไหน ล้วนเกิดจากเหตุที่ทำไว้ทั้งสิ้น
ฉะนั้นจึงไม่ควรไปว่ากัน ว่าเขา สภาวะเราก็รับมาหมด

แดนสุข คือ จุดหมาย says: ครับ ถูกต้องเลยครับ

สุขที่แท้จริง says: เสียเวลาเปล่าๆ

จุดหมาย says: ครับ เห็นด้วยครับ

สุขที่แท้จริง says: เจริญสตินี่แหละ ทำให้ต่อเนื่อง

จุดหมาย says: ครับ จะตั้งใจทำให้ต่อเนื่อง แล้วจะเห็นของดีเองนะครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ ทำไป มันไม่มีอะไรจริงๆ มันมีแค่เหตุเท่านั้น
รู้อยู่ในกายมากเท่าไหร่ เหตุใหม่ก็น้อยลงมากเท่านั้น
เพราะเรากำลำลังสร้างเหตุเฉพาะตัวของเราเอง เหตุดี

จุดหมาย says: ครับ ใช่ ๆ ครับ

สุขที่แท้จริง says: ตรงนี้พูดได้เต็มปากได้ว่าเหตุดี
แต่นอกตัวน่ะ พูดไม่ได้เลยนะว่าดีหรือไม่ดี เพราะมันแค่การให้ค่าต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

จุดหมาย says: ครับ เป็นแบบนั้นจริง ๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2010, 19:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


20 กย. 53

จุดหมาย says: ครับ แล้วคืนนี้ไม่ไปปฏิบัติต่อเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says: ไปค่ะ เดี๋ยวไปพี่ง่วงนอนไวกว่าเมื่อก่อน ช่วงนี้รบกับกิเลส มันแข่งกันขึ้นมา
วันนี้โดนเล่นทั้งวัน

จุดหมาย says หมดแรงไปกับกิเลสเลยสิ

สุขที่แท้จริง says: แม่นนน เลยต้องสะสมกำลังสติไว้รับมือ เป็นเหตุให้ต้องทำกลางคืนเพิ่ม

จุดหมาย says: โอ้จริงเหรอครับ วันนี้โดนซ้อมมา หรือว่า ไปซ้อมกิเลสมาล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:เสมอๆ แค่รู้ เขาซ้อมเราไม่ได้ เพียงแต่รู้ว่า ต้องทำเพิ่มนะ
เพราะตอนนี้เขาเล่นงานถี่ยิบ

จุดหมาย says: แล้วใครเป็นกรรมการล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใครเป็นกรรมการ สติไง สติเป็นตัวบอก สอบตกหรือผ่านหรือเสมอ

จุดหมาย says: จริงสิครับ แล้วมีกี่ยกล่ะครับเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: หลายกเลยวันนี้ กำลังสมาธิแนบแน่น แก๊งง ยกที่หนึ่ง ทั้งวันน่ะ
ถือว่าสะสมสมาธิไป สติด้วย

จุดหมาย says: อืมมครับ เดี่ยวนี้เลยกลายเป็นคน alert มาก ๆ เลยสิเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: ไม่หรอกค่ะ เพียงแต่เรารู้ตัวเองว่า กำลังยังสู้เขาไม่ได้
แต่ไม่ถึงกับพลาดพลั้งจนต้องเจ็บใจ

จุดหมาย says: ต้องซ้อมให้มาก ๆ ก่อนใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ใช่เจ็บตัวนะ เจ็บใจ อ่านดีๆ

จุดหมาย says: อ้อ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

สุขที่แท้จริง says: พี่เลยไม่ค่อยอยู่ถึงดึก คือทำเสร็จ จะนั่งกำหนดต่ออีกสักพักถึงจะนอน

จุดหมาย says: สู้แบบนี้มานานเป็นเดือนได้หรือยังครับ

สุขที่แท้จริง says: เพิ่งเริ่มค่ะ หลังจากเนตดี เห็นป่ะ พอเนตดีก็ไม่มีเวลาที่จะเล่น

คือ จุดหมาย says: ผมจะถามว่าเวลานอนถ้า สติดี จะนอนแบบรู้ตัวได้ตลอดเลยใช่ป่ะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: อืมมมครับ คือ จะเป็นเหมือนคนที่นอนไม่ค่อยเต็มอิ่มด้วยมั้ย
ถึงแม้ว่าจะนอนไปแค่ 2-3 ชั่วโมงเองก้อตามสิ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ค่ะ สดชื่นดีค่ะ นั่นไปเพ่ง เลยทำให้รู้ตัวไม่ยอมหลับ
พอเช้ามาเลยรู้สึกเหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม เพลีย

เมื่อก่อนหน้านี้ สภาวะพี่ จำได้ไหม พี่นอนแค่ไม่กี่ชม.
แต่พี่รู้สึกสดชื่อตลอด บางคืนนอนแค่ 1 ชม. มันจะเป็นไปตามสภาวะเอง

จุดหมาย says: อืมมครับ เมื่อเช้านี้เกิดอาการแบบนี้ขึ้นมาครับ
นอนประมาณตีสอง กว่าจะนอนได้ปาเข้าไปตี 4 ตื่่นขึ้นมาตอน 6 โมงกว่า ๆ
พอตื่นขึ้นมา ตอนแรก ๆ ก้อนัวเนียหน่อย ๆ แต่พอลุกขึ้นมาปุ๊บ สดชื่นเลย

สุขที่แท้จริง says: อ๋อ ตรงนี้แก้ง่ายค่ะ ให้เดินจงกรมก่อน เดินธรรมดาๆนี่แหละ
ไม่ต้องบริกรรมใดๆ แต่ให้รู้เท้า เดินสักรอบสองรอบแล้วค่อยนอน ทีนี้หลับสบาย

จุดหมาย says: อ้อ นี่คือเคล็ดลับเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says: เจอมาก่อนค่ะ บางทีสมาธิมันค้าง

ช่างเสริมสวย ช่างทำผมและหลายๆคนที่ปฏิบัติอยู่ก็เจอกับสภาวะนี้


จุดหมาย says: อืมมม ผมว่าคงเป็นแบบนั้นนะครับ เมื่อวานนั่งไปเกือบ ๆ ชั่งโมงได้
พอนั่่งเสร็จแล้ว มานั่งเล่นคอมต่อ จนถึงตีสอง
หลังจากนั้นนอนไม่ได้เลย รู้ตัวตลอด

สุขที่แท้จริง says: การนั่งเล่นคอมฯ การที่เอาจิตจดจ่อ ก็สามารถทำให้เกิดสมาธิได้ค่ะ

จุดหมาย says: ครับ ถึงว่าครับ บางทีเกิดอาการปีติขึ้นมาเอง
เป็นแบบนี้บ่อย ๆ นะครับ วันนี้ตอนอยู่ที่ทำงานก้อเหมือนกันเลยนะ
จู่ ๆ ก้อเกิดปีติ ขึ้นมาเฉย ๆ ปีติ คือการที่จิตเราชอบใจ ถูกป่ะพี่
แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา รู้สึกสบายเฉย ๆ ไม่มีอาการแบบชอบใจเลย

สุขที่แท้จริง says: เปล่าค่ะ สิ่งเหล่านี้เป็นสภาวธรรม เขาเกิดของเขาเอง
เราไปกำหนดให้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องจิตเป็นสมาธิเท่านั้นจึงจะเกิดสภาวะเหล่านี้ได้

จุดหมาย says: อืมมครับ เป็นได้ทั้งที่เป็นสัมมาสมาธิ และ มิจฉาสมาธิ เลยมั้ย

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: อ้อครับ มันเป็นแบบนี้เองเหรอ
แล้วเวลาที่เดินแล้วมันเป็นสมาธิแบบแนบแน่น สำหรับพี่แล้วมันเป็นอย่างไรเหรอ

สุขที่แท้จริง says: คุณต้องเจอด้วยตัวเอง อธิบายไม่ได้หรอกค่ะ เจอแล้วจะรู้ด้วยตัวเอง
เพราะกำลังของสมาธิมันแตกต่างกัน เมื่อเรารู้ด้วยตัวเองได้ แยกแยะได้ว่า
นี่มีกำลังของสมาธิที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน แต่มันจะไม่มีคำเรียกว่าอะไรๆ มันแค่รู้
พี่จึงชอบใช้คำว่า สัมมาสมาธิมากกว่า เพียงแต่ใช้คำว่าฌาน สำหรับคนที่ยึดติดบัญญัติ
จะได้ไม่ต้องมาถกเถียงกันว่า เจริญสติแล้วเกิดสภาวะของฌานแต่ละฌานได้อย่างไร
พี่จะดูที่องค์ประกอบที่เกิดขึ้นของสภาวะเป็นหลัก
เพราะฌานแต่ละฌานจะมีจุดเด่นของแต่ละสภาวะที่ชัดเจน

จุดหมาย says: จริง ๆ แล้วเราไม่ต้องไปสนใจมันหรอก ใช่ป่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ บัญญัติก็แค่บัญญติ
เรายึดติดก็จะมีแต่อุปทาน เป็นเหตุให้คอยไปจ้องสภาวะ แล้วให้ค่า

จุดหมาย says: อืมมครับ เมื่อเราเกิดความชำนาญแล้ว เราจะรู้
และเข้าใจต่อสภาวะนั้นเองโดยอัตโนมัติ ถูกป่ะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: หากว่าเราปฏิบัติได้ถูกทาง

สุขที่แท้จริง says: มันไม่มีอะไรผิดหรอกค่ะ มีแต่อุปทานไปให้ค่าเอง ทุกอย่างล้วนมีเหตุมาก่อน

จุดหมาย says: ครับ โดนกิเลสลากเอาไปกินตลอดเลยสิครับ
วันนี้ได้ยินข่าวเรื่องของพระที่ท่านละสังขาร ในท่านั่งสมาธิหรือป่าวครับ

สุขที่แท้จริง says: มันมีเหตุนะ ท่านอาจจะไม่ได้ละสังขารก็ได้

จุดหมาย says: อ้าวเหรอครับ แบบไหนบ้างล่ะครับ ลองแสดงความคิดเห็นได้มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: มีการเข้าฌานสมาบัติและนิโรธสมาธิ
การเข้าฌาน ก็ยังมีการเต้นของชีพจรอยู่แต่เบามากๆ แต่นิโรธสมาบัติจะเหมือนคนตาย

จุดหมาย says: ที่เขาบอกเล่ากันมานะสิพี่ ที่ว่าเข้านิโรธสมาบัติ 7 วันบ้าง 15 วันบ้างหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ถ้าท่านเป็นผู้ปฏิบัติ หากจะละสังขารจริงๆ ท่านรู้ล่วงหน้า

จุดหมาย says: ครับ เท่าที่ได้ยินจากข่าวนะครับ ท่านเป็นเกจิอาจารย์

สุขที่แท้จริง says: ท่านต้องบอกกล่าวกับลูกศิษย์ไว้แล้วว่า เวลาเท่านี้ๆให้ไปปลุกหรือไปเรียก

แดนสุข คือ จุดหมาย says:

อืมม เหมือนกับว่าท่านรู้วาระของตัวเองแล้วสิครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ แต่ตามหนังสือพิมพ์ที่อ่าน ท่านไม่ได้สั่งอะไรลูกศิษ์ไว้

จุดหมาย says: ครับ ผมก้อได้ยินมาแบบนั้นนะครับ อายุท่านก้อ 72 ปีแล้วนะครับ
ว่าแต่พระที่ท่านรู้วาระของท่านนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะบรรลุธรรมกันหมดมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่รู้สิคะ ข้อนี้ตอบแทนกันไม่ได้

แดนสุข คือ จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ แค่ถามดูนะครับ
ความตายนี่มันมาเยือนใครต่อใครได้แบบง่ายมาก ๆ เลยนะพี่
เมื่อเช้านี้ไปถึงที่ทำงานแล้ว หลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จ
เขาเรียกรวมพลกันแล้วบอกข่าวร้ายให้กับพนักงานฟัง
คือเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้จัดการฝ่ายที่สาขาต่างจังหวัด ประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิต
ผมได้ยินแล้ว ตกใจเลยนะเพราะว่าคนที่ตายนั้นคุ้นเคยกันอยู่
เมื่อเช้านี้จิตเลยไปคิดพิจารณาเรื่องของความตายเลย
ความตาย หากมาเยือนกับผู้ใดแล้ว มาแค่ประเดี๋ยวเดียวแล้วก้อจากไปนะครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ พึงคิดไว้เสมอๆ จะได้มีกำลังใจที่จะปฏิบัติไม่ท้อถอย
ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ นั่นคือ โอกาสยังมี หมดสิ้นลมหายใจ คาดเดาไม่ได้

จุดหมาย says: ใช่ครับ การมีลมหายใจอยู่ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก ๆ เลยนะครับ
หากเรามีสติอยู่ตลอดเวลา เราจะเห็นความสำคัญตรงจุดนี้กันนะครับ เอ๊ะหรือว่าไม่ใช่อ่ะ

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่เหตุ บางคนก็เห็นโดยไม่ได้เจริญสติก็มี สัญญาแต่ละคนไม่เหมือนกัน
เรารู้ เราก็รู้ในแบบสภาวะของเรา สภาวะของคนไหนก็คนนั้นๆ ไปตั้งกฏเกณฑ์ไม่ได้หรอก

จุดหมาย says: เพราะว่าเป็นไปตามเหตุที่เคยกระทำมานะครับ

สุขที่แท้จริง says: ขืนเราไปยึดว่าจะต้องเป็นแบบที่เรารู้ แบบนี้ไปคุยกับคนที่เห็นแตกต่างจากเรา
กลายเป็นสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้นอีก

จุดหมาย says: อืมมครับ นี่แหล่ะครับ กิเลสนี่่มันสุด ๆ ไปเลยนะพี่
มันแทรกอยู่ได้ตลอดเวลาเลยนะ เผลอเป็นไม่ได้เลย

สุขที่แท้จริง says: ถึงบอกไงคะ รู้อยู่ในกาย ให้มากที่สุด จะอยู่รอดปลอดภัย
กิเลสเขา เราอย่าหลงลงไปเล่นเอามาเป็นกิเลสเรา

แค่กิเลสเราก็ต้องใช้สิตให้มากๆ แล้วกิเลสเขาจะไปเอามาทำไม จริงไหม จิตอเมซิ่งเห็นไหม
พอถึงเวลา อะไรๆที่ว่าติดๆมันจะคลี่คลายด้วยตัวสภาวะเองแบบที่เราคาดไม่ถึง

จุดหมาย says: อืมม จริงสิพี่ แค่ตัวเองยังเอาตัวเองให้รอด มันยังยากเลยนะ
แล้วจะไปช่วยลดกิเลสของคนอื่นๆ เขานี่มันจะทำได้อย่างไรล่ะ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละกิเลส มองเห็นป่ะ ความอยาก ตัวนี้เนียนได้ตลอด แทรกได้ตลอด

จุดหมาย says: อืมมม ใช่พี่ ใช่เลย

สุขที่แท้จริง says:
พี่นะ บางที ต้องบอกกับตัวเองว่า นี่เห็นไหม เหตุทั้งนั้นเลย จากสิ่งที่เราทำมาตลอดเวลา

จุดหมาย says:
มันเนียนมาก ๆ เลยนะ หากเอามาทำเป็นยาทาผิวให้เนียนได้นี่คงจะขายดีมาก ๆ เลยนะครับ


สุขที่แท้จริง says: หลายๆสภาวะของกิเลสที่พี่กำลังสอบอยู่ในตอนนี้ มีตัวช่วยพี่หลายตัว
อย่างกิเลสนักช๊อป ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะตายยยย ช๊อปทุกวันแบบนี้
พี่น่ะขอบคุณการให้ทานของตัวเอง ผลกำลังมาช่วย

จุดหมาย says: แบบไหนล่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: หนึ่งคือ อยู่ใกล้สถานที่ช๊อปและติดแอร์ บิ๊กซี
สอง มีข่าวออกไปว่า พี่เป็นคนโชคดี เจอแต่ของราคาถูก เขาก็เลยคอยถามว่ามีอะไรถูกบ้าง
แล้วเขาก็จะฝากซื้อกัน บางวันเป้นพันบาท เงินชาวบ้านทั้งนั้น

จุดหมาย says: ใครเป็นคนปล่อยข่าวเหรอ

สุขที่แท้จริง says: ที่ทำงาน หลายๆคน ที่คุ้นเคยกับพี่น่ะ ปากต่อปาก ก็มันเป็นแบบนั้นจริงๆ
อย่างผ้าขนหนูแซนต๊าส ที่แอมเวย์นำมาวางขายผืนละ 800 กว่า แต่พี่ซื้อได้ในราคาหนึ่งร้อย
มีหลายๆอย่าง คือ นับว่ากุศลที่พี่ทำมาน่ะแหละ พี่ชอบให้ทาน

จุดหมาย says: คราวนี้เลยช๊อปอย่างเพลิน ๆ มันส์ ๆ เลยสิพี่

สุขที่แท้จริง says: ใช่เลยย เงินชาวบ้าน แต่ทำให้เราได้สติ รู้จักคิดพิจรณาในการซื้อมากขึ้น
ตอนนี้เลยไม่ได้อยากอะไรที่อยากจะซื้ออีก

จุดหมาย says: โอ้จริง ๆ เหรอพี่ แบบนี้หายากมาก ๆ เลยนะเนี่ย จริตแบบนี้เป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ

สุขที่แท้จริง says: มีมาตั้งแต่เด็ก

จุดหมาย says: อืมม ถือว่าเป็นกุศลมาก ๆ เลยนะครับเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: ยิ่งตอนที่มาทำงานนี่ทำทานเยอะมากๆ ทำบุญก็เยอะ
แต่ทำบุญผสมกับการกระทำอกุศล เพราะตอนนั้นยังไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้เท่าไรนัก

จุดหมาย says: มีจิตที่เป็นผู้ให้มาตั้งแต่ตอนเล็ก ๆ เลย

สุขที่แท้จริง says: เหตุน่ะ เห็นไหม อนุสัยเคยทำมา
ผลเลยมาช่วยในการขัดเกลาในการขุดกิเลส ทำให้ไม่เดือดร้อนกระเป๋าตัวเอง
แถม ได้ช่วยคนอื่นๆในการได้ซื้อของถูกๆและคถุณภาพดีให้กับเขา

จุดหมาย says: ตั้งแต่อดีตชาติ หรือว่าในชาตินี้ล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่รู้สิ คำว่าเหตุ มันใช้ได้ตลอด อย่าไปคาดเดาให้เสียเวลา
มีแต่การปรุงแต่ง ให้ค่า มีแต่กิเลส

จุดหมาย says: อืมม ครับ อะไร ๆ ที่อยู่นอกตัวเรา เป็นกิเลสทั้งนั้นเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ดูให้ทัน ต้องมีสติ ถึงจะดูทัน
สติ สัมปชัญญะ สมาธิ เป็นองค์ประกอบที่สมบูรณ์มากๆ

จุดหมาย says: ใช่พี่ ใช่ครับ สติไม่ทันนี่ หลงตามกิเลสตลอดเลยนะ
ครับ ต้องสร้างให้มีตลอดเวลา

สุขที่แท้จริง says: กิเลสนักช๊อปของพี่ถือว่าไปแบบสบายๆ ไม่เดือดร้อนตัวเอง
ทีนี้กิเลสตัวอื่นนี่สิ เจ้าตัวความชอบใจไม่ชอบใจนี่แหละ ต้องคอยประกบ
ไม่งั้นจะเสียท่าอยู่เรื่อย มันเล่นทุกทางเลยตอนนี้

จุดหมาย says: อันนี้ต่อเนื่องมาจากกิเลสนักช๊อปหรือป่าวพี่

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ สภาวะเขาจ้องเรานะ จ้องทดสอบตลอด เผลอเมื่อไหร่ เสร็จ

จุดหมาย says: อืมม กิเลสตัวเดียวแท้ ๆ เลยนะ ยังมีพรรคพวกอยู่อีกตรึมเลย

สุขที่แท้จริง says: นี่แหละเหตุเห็นไหม เหตุที่ต้องให้ทำเพิ่ม ไม่ใช่ทำเพราะความอยากทำ
แต่ทำเพราะต้องทำ เพราะรู้ตัวดีว่ากำลังของสติยังไม่ค่อยทันต่อกิเลส มันจ้องเล่นงานทุกทาง

จุดหมาย says: พอสร้างเหตุแล้ว มันไม่จบจริง ๆ เลยนะครับพี่ นี่เพี่ยงแค่เรื่อง ๆ เดียวเองนะ

สุขที่แท้จริง says: วันนี้ก็โดนอีก สามีชาวบ้าน ตอนนี้เนื้อเหม็น

says: พี่ไปทำอะไร กับใคร อีท่าไหนมาล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ก็คนที่ปฏิบัติอยู่กับพี่น่ะแหละ เมียเขาหึ่ง แรกๆก็ไม่มีอะไรหรอก
แต่ความคิดเห็นเขาสองคนไม่ลงรอยกัน ทีนี้ก็มาลงที่พี่น่ะสิ หาว่าสามีเขาเชื่อพี่มากกว่าเขา

จุดหมาย says: อืมมม นี่ก้อคือเหตุอีกเหมือนกันเลยสิพี่

สุขที่แท้จริง says: ทีนี้ปกติพี่คุยกับสามีเขาเคยคุยแบบธรรมดา เดี๋ยวนี้ต้องคุยเสียงดังๆ
เพื่อให้ชาวบ้านได้ยินว่ากำลังคุยเรื่องอะไรกัน คนมันจะนินทาอีกก็ช่วยไม่ได้

จุดหมาย says: อันนี้เป็นเพราะว่าปัญญาพี่เกิดล่ะสิเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: เราต้องป้องกันตัวเองนะ

จุดหมาย says: อืมม เข้าใจนะครับ ความคิดของคนเราโดยทั่วๆ ไปจะติดลบกันตลอดเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: บางทีมันก็มีคำถามกลับมาที่ตัวเองนะ
ทำไมต้องคุยเสียงดัง ใครจะคิดอะไรยังไงช่างเขา

อีกตัวมันก็ตอบว่า อ้าว ทำแบบนั้นก็เท่ากับทำให้คนอื่นๆสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้นด้วยความไม่รู้กับเราน่ะสิ
ทีนี้มันก็คำพูดมาอีกว่า กลัวล่ะสิ เห้นไหม กิเลสมันสุดยอด

จุดหมาย says: ใช่พี่ เดี๋ยวอีกหน่อยจะมีคนมาบอกต่ออีกหรือป่าวเนี่ย ว่าทำไมคุยเสียงดังจังเลย

สุขที่แท้จริง says: นี่ไง คาดเดา โดนทั้งขึ้นทั้งร่องเห็นป่ะ

จุดหมาย says: ใช่พี่ ใช่ครับ ยอมรับครับ อันนี้ตั้งใจทำครับ

สุขที่แท้จริง says: เอาเถอะ แล้วแต่เหตุ

จุดหมาย says ครับ ใช่ครับ หากเราไม่ไปสนใจแล้ว ทุก ๆ อย่างก้อจบลงได้ง่ายนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เธอเองพึงระวังตัวเธอไว้ให้ดี วันนี้หัวเราะขำพี่แล้วคาดเดา
วันใดเหตุเกิดกับตัวเธอเองแล้วดูสิจะทำยังไง หัวเราะทีหลังดังกว่านะ
พี่น่ะหัวเราะทีหลังบ่อยมากๆ เพราะคนที่พูดๆแบบนี้น่ะโดนหมดด

จุดหมาย says: ครับพี่ ผมว่าต้องมีสักวันแน่ ๆ เลยที่จะเจอแบบนี้นะ
เพราะว่าสร้างเหตุเอาไว้แล้วล่ะ

สุขที่แท้จริง says: มันแน่อยู่แล้ว ( ตอกย้ำ )
ดึกแล้ว พี่ต้องปฏิบัติ ไว้คุยกันใหม่ค่ะ ช่วงนี้ต้องเซฟกำลังเอาไว้
ไม่ใช่ไปหาเรื่องหรือไปสู้กับใครๆ สู้กับกิเลสตัวเองนี่แหละ ช่วงนี้ทำข้อสอบถี่

จุดหมาย says: ผมช่วยเป็นกำลังใจให้อีกแรงนะพี่ จะช่วยเป็นกองเชียร์ให้นะ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ต้องงเลยยย เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะค่ะ โดนแน่ๆ ( ตอกย้ำอีกครั้งกันลืม )

จุดหมาย says: ครับพี่ ขอบคุณนะครับที่เตือนหน่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2010, 23:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


21 กย. 53

จุดหมาย says:
ความคิดที่เกิดขึ้นขณะรู้กาย กับ ความคิดที่เกิดขึ้นในขณะลืมตัว มีความแตกต่างกันอย่างไรครับ

สุขที่แท้จริง says: ความแตกต่างอย่างงั้นหรือ
ในสิ่งที่คุณเจอมา คุณเห็นว่าอย่างไรล่ะคะ ลองแยกมาให้ดูสภาวะก่อน ก่อนที่จะบอกกับคุณไป

จุดหมาย says:
ความคิดมันเกิดขึ้นมาตอนเมื่อนั่งขณะเดินทางกลับบ้านมาเมื่อตอนค่ำของวันนี้นะครับ
คือขณะที่นั่งกลับบ้านตอนเย็นวันนี้หน่ะ มันเกิดความเย็นข้างในกาย เหมือนกับความเย็นในตู้เย็น
ที่บริเวณลิ้นปี่นะครับ และขณะนั้นก้อเกิดความคิดขึ้นมามากมาย ในขณะเดียวกันก้อรู้กายไปด้วย
เป็นมาตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ รวม ๆ แล้วน่าจะซักประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ แล้วครับ

ขณะเดินกลับบ้านมา เวลาเดินอยู่ รู้เท้่าที่เดินกระทบพื้นได้ดีมาก ๆ ครับ
เรียกว่าจะเกือบทุก ๆ ก้าวที่เดินเลย ก้อแทบจะได้นะครับ

เลยลองเอาความคิดที่เกิดขึ้นขณะนั้นมาถามพี่นี่แหล่ะ
ช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยสิครับ

สุขที่แท้จริง says: เรื่องปกติค่ะ มันเป็นเรื่องของความคิดที่เกิดขึ้น ส่วนจะดูว่าเผลอหรือไม่เผลอนั้น
คุณรู้ในความคิดที่เกิดขึ้นนั้นๆไหม ไปอดีตหรือไปอนาคตหรืออยู่กับปัจจุบัน ดูทันไหม

ถ้าดูทัน แล้วรู้ว่าไหลไปอดีต หรือไหลไปอนาคตแล้วกลับมารู้ปัจจุบันได้ นี่สติทัน
แต่ถ้าไม่รู้เลยสักอย่างเดียว นี่เผลอค่ะ

จุดหมาย says: ครับ แล้วจิตที่คิดพิจารณานี่ จะเอามาใช้กับที่พี่บอกมานี้ด้วยหรือป่าวครับ
อย่างเช่นว่าจิตเขาไปคิดพิจารณาในอดีตหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ดูที่เขาพิจรณาด้วย พิจรณาในการเพ่งโทษตัวเอง หรือเพ้อเจ้อไหลไปเรื่อยๆ

จุดหมาย says: พิจารณาเรื่องของการเพ่งโทษ นี่หมายถึง พิจารณากิเลสที่เกิดขึ้นมาใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: เพ่งโทษตัวเองในสิ่งที่ตัวเองเคยทำผิดพลาดไว้ในอดีต

จุดหมาย says: ถ้าหากไปพิจารณาแบบนี้แล้วทำให้ปัญญาเกิด
หรือ ทำให้หลงเข้าไปกับกิเลสเข้าไปอีก ได้ทั้งสองแบบเลยสิครับ

สุขที่แท้จริง says: หลงได้ไงล่ะค่ะ การเพ่งโทษมีแต่การกล่าวโทษตัวเอง จะไปหลงได้ยังไง
มีแต่ไม่คิดจะไปสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้นอีก ส่วนเรื่องปัญญาเกิดน่ะ ไม่ต้องไปสนใจเลย

เอาแล้วไหมล่ะ คุณนี่ ก็บอกแล้วว่าให้ทำไป ไม่ต้องไปสนใจอะไร
ดูตามความเป็นจริงอย่างเดียว อย่าให้ค่า

จุดหมาย says: เพราะความไม่รู้นะครับ เลยเป็นแบบนี้อ่ะ

สุขที่แท้จริง says: ป๊าดดดดดด อยู่ใกล้ๆมือหน่อยไม่ได้

จุดหมาย says: โห ๆ พี่ทะนุถนอมหน่อยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: จับล้างน้ำใหม่เลย แบบไม่ต้องรู้อะไร ทำอย่างเดียว เหมือนพี่ที่เคยทำมา
นี่เห็นไหม รู้มากไป รู้นอกตัวมากไป พอๆกันเลย สภาวะตอนนี้แต่ละคน มีแต่การให้ค่า
มันจะไปอยากมี อยากได้ อยากเป็นอะไรกันนักหนา ก็บอกเดิมๆซ้ำๆตลอด
รู้สิที่ควรรู้น่ะ รู้ในกาย ไม่ใช่บัญญัติ

จุดหมาย says: แล้วจิตที่รู้ว่าเบื่อ กับ จิตที่คิดว่าเบื่อล่ะครับ แตกต่างกันตรงไหน
และจะทราบได้อย่างไรว่า ตรงนี้คือจิตรู้แจ้งเอง หรือว่าจิตนั้นคิดเอาเอง

สุขที่แท้จริง says: อีกละ นับหนึ่งตลอดไปเลย วันนี้สอบตกไปเลยนะคุณน่ะ

จุดหมาย says: ครับ ยอมรับครับ

สุขที่แท้จริง says: จำไว้นะ วิธีให้คะแนนตัวเอง วันไหน ถ้าจิตเกิดลองต๊ะแล่บแป๊บ
ชอบส่งออกนอกมากนัก เอาไปเลย สอบตก ในฐานะที่ไม่รู้ในกาย

จุดหมาย says: ครับ จะจำเอาไว้ครับ

สุขที่แท้จริง says: ตกวันละกี่ครั้ง หมั่นสอบทานตัวเองด้วยค่ะ

จุดหมาย says: ครับ วันนี้วุ่นวายทั้งวันเลยครับ เพิ่งจะมารู้กายได้ดีก้อเมื่อตอนที่นั่งรถ
เดินทางกลับจากชลบุรี กับ ตอนนั่งเดินทางกลับบ้านนี่แหล่ะครับ
ช่วงนี้ต้องติดต่องานกับผู้อื่น ๆ เยอะครับ จิตเลยไม่สงบ และเกิดความวิเวกขึ้นในจิต

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่เหตุที่ทำมา กินยาทำใจให้เยอะค่ะ
แบบเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆ ดูพี่สิ ห้าปีผ่านมา คุ้มค่าสุดๆ

จุดหมาย says: ครับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ คืนนี้จะทำตัวสงบเสงี่ยมครับ

สุขที่แท้จริง says: ฉะนั้น อดทนไปนะคะ

จุดหมาย says: ครับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ และกำลังใจที่ให้ครับอีกครั้งครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ทำไปค่ะ ไม่ต้องไปอยากได้ใคร่ดีอะไรหรอก
ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของเหตุที่กระทำ และผลที่ได้รับ
มันเป็นเรื่องการมีสติ สัมปชัญญะรู้อยู่ในกายและจิต มันมีเท่านี้เอง

นอกๆตัวน่ะ ล้วนเกิดจากเหตุที่ทำมาทั้งนั้น เมื่อผลที่แสดงมาในสภาวะของการกระทบที่เกิดขึ้น
สติทันไหม ถ้าไม่ทันก็หลงไปให้ค่าต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

จุดหมาย says: ครับพี่ รู้ทันความอยากที่เกิดขึ้น และดับความอยากให้ได้บ่อย ๆ นะครับ

สุขที่แท้จริง says: ความอยากแต่ละสภาวะมันจะละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ สติไม่ทันเราก็เสร็จมัน
ใครทุกข์ เราทุกข์ ทุกข์เพราะใครล่ะ เราเองทั้งนั้น ทำเอง

จุดหมาย says: จะรู้ถึงความอยากที่เกิดขึ้นนั้น บางครั้งต้องเจ็บตัวมาก่อนนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ทุกอย่างย่อมผิดพลาดมาก่อนที่จะรู้ค่ะ
พอผิดพลาดแล้ว ย่อมรู้ทันมากขึ้นเรื่อยๆ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ ประสบการณ์เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสภาวะที่เกิดขึ้นมาก ๆ เลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เหตุของแต่ละคนแตกต่างกัน สภาวะของแต่ละคนจึงแตกต่างกันไปค่ะ
จนกว่าจะรู้อยู่ในกายได้ สภาวะของทุกๆคนจะเหมือนกันหมด คือ รู้เหมือนกันหมด ไม่มีความแตกต่าง

เมื่อก่อนพี่เองตอนฟังพระอาจารย์ท่านพูดเรื่องสติ สัมปชัญญะ ก้ยังคาดเดาสภาวะแบบคุณนี่แหละ
เคยถามท่านนะ ท่านก้ตอบว่า ทำไป เดี๋ยวจะรู้โดยสภาวะเอง แล้วมันก็เป็นจริงๆอย่างที่ท่านพูดมา
สติก็มีสภาวะของสติ สัมปชัญญะก็มีสภาวะของสัมปชัญญะ สติ สัมปชัญญะ สมาธิ

จุดหมาย says: เหตุเพราะว่า ท่านเคยผ่านมาแล้วสิครับ

สุขที่แท้จริง says: คุณนี่ ก็เหมือนคนที่เรียนมาก่อน
แต่จะรู้แบบไหนๆนั้น สุดแต่ว่าจะมีใครพูดอธิบายให้ฟังหรือไม่เท่านั้นเอง

จุดหมาย says: อ้าว เผลออีกล่ะ

สุขที่แท้จริง says: สอบตกไปกี่รอบแล้วล่ะค่ะ

จุดหมาย says: อืมม คืนนี้หลายรอบแล้วครับ ต้องเริ่มเรียนใหม่ และสอบใหม่ครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ การยอมรับตามความเป็นจริง ย่อมทำให้เห็นตามความเป็นจริง
หรือกิเลสในจิตของเรานี่แหละ ชัดขึ้นเรื่อยๆ

จุดหมาย says: ครับ ต้องหัดทำให้ได้ จนเกิดขึ้นเป็นปกติในจิตเลยนะพี่
ผิด ต้องยอมรับว่าผิด ผิดแล้วเริ่มต้นใหม่ เพิ่อลด ละ ความผิดที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ ให้น้อยลงไปเรื่อย ๆ
ถูก ต้องยอมรับว่าถูก แล้วแค่รู้เท่านั้นพอ

สุขที่แท้จริง says: การยอมรับว่าเราผิด ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย เป็นเรื่องที่น่ายกย่องด้วยซ้ำ
เพราะไม่มีใครหรอกที่ไม่ทำผิดพลาด แต่ว่าจะยอมรับไหมเท่านั้นเอง
ส่วนถูกน่ะ ไม่ต้องไปคิดหรอก มันแค่ความถูกใจ ไม่ใช่ถูกตามความเป็นจริง

จุดหมาย says: กิเลสตัวนี้นี่ จิตเขาชอบมาก ๆ เลยนะสิ

สุขที่แท้จริง says: ถูกตามความเป็นจริงคือ ไม่มีทั้งถูกและผิด มีแต่เหตุและผล มีแค่นั้นเอง

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ มันคือแค่นี้เอง ยอมรับได้แบบนี้แล้ว ทุกอย่างก้อจบไปโดยปริยายนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ กี่ครั้งแล้วที่พูดแบบนี้ จำได้ป่ะ

จุดหมาย says: จำไม่ได้หรอกครับพี่ แต่รู้ว่าพูดแบบนี้บ่อย ๆ นะครับ
พูดแบบนี้บ่อย ๆ จะได้จำเข้าไปในจิตนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เฮ่อ เอาเถอะ

จุดหมาย says: อย่าเพิ่งท้อใจนะครับพี่ เส้นทางสายนี้มันลำบากหน่อยนะครับ สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้
ต้องค่อย ๆ เดิน ค่อย ๆ ก้าว ไปทีละนิด ทีละหน่อย ในตอนเริ่มต้นนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใครไปท้อกับคุ๊นนนนน ทำแล้วจะเป็นยังไงนั่นมันก็เหตุของคุณ
คุณต้องหมั่นสอบทานตัวเอง พี่ไปสอบทานคุณไม่ได้หรอก เพราะคุณเท่านั้นที่จะรู้ตัวเองได้ดีที่สุด

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับพี่ เหตุของใคร ของมัน ต้องละเหตุด้วยตัวเอง
มาสร้างเหตุให้กันนะสร้างได้ แต่มาลด ละเหตุให้กันนะไม่ได้หรอก
คืนนี้ ไม่ปฏิบัติเหรอพี่ ผมขอตัวก่อนนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ทำค่ะ สักพักไป

จุดหมาย says: อืมมม ครับ ปกติอยู่ที่บ้านทำนานแค่ไหนครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่แน่นอน เมื่อคืนถึงตีสี่

จุดหมาย says: โอ้ จริงสิครับ ทำนานจังเลยครับ

สุขที่แท้จริง says: อย่าไปสนใจเลยค่ะ มันเป็นเรื่องของสภาวะ

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ สภาวะนอนดึกของพี่เริ่มกลับมาอีกแล้วเหรอ

สุขที่แท้จริง says: เปล่าค่ะ ไม่ใช่เลย
ปฏิบัติก็คือปฏิบัติ นอนดึกก้คือนอนดึก มันคนละสภาวะกันเลยค่ะ
เลิกคาดเดา สอบตกอีกแล้วนะคุณ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ คืนนี้ตกแล้ว ตกอีกครับ

สุขที่แท้จริง says: เอาเถอะๆๆๆๆ พ่อคนช่างสงสัย กิเลสตัวนี้ของคุณมันเยอะ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับพี่ เยอะจริง ๆ เลย สั่งสมมาเยอะจริง ๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 00:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


23 กย. 53

จุดหมาย says: เมื่อคืนเผลอหลับไปพี่ ตื่นมาอีกทีปาเข้าไปตีสามแหน่ะ
หน้าที่ที่ต้องทำ เข้าข่ายว่าเป็นกิเลสหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says: หมายถึงอะไรคะ

จุดหมาย says: หมายถึงหน้าที่ที่ต้องเจริญสติ ถือเป็นกิเลสมั้ย

สุขที่แท้จริง says: จิตคุณเอง คุณย่อมรู้ดี ว่าที่คุณทำน่ะ ทำเพราะอะไร ทำไมต้องทำ
คำตอบที่คุณตอบมา คือ กิเลสหรือไม่ใช่กิเลา คุณย่อมรู้ดี

แต่ว่า ถามจริงๆนะ ทำไมต้องไปให้ค่า ว่ามันจะเป็นอะไร หรือเรียกว่าอะไร
ทำไมไม่ดูจิต ดูความรู้สึกที่เกิดขึ้นล่ะ

พักนี้ คุณวุ่นวายน่าดูนะ วุ่นวายกับการให้ค่าต่อบัญญัติ
บัญญัติช่วยคุณได้งั้นหรือ

จุดหมาย says: คือกำลังคิดว่า หน้าที่ที่ต้องทำนั้น เกิดขึ้นจากความอยาก
ที่ฝังอยู่ในจิตมาช้านานหรือป่าวหนอ คนทุก ๆ คนจะเป็นเหมือนกันหมดมั้ยหนอ
สำหรับคนที่่มาสนใจเรื่องการปฏิบัติ

สุขที่แท้จริง says: แล้วต้องการรู้ไปเพื่ออะไร รู้ไปทำไม ขนาดจิตตัวของคุณเองยังดูไม่ออกเลย
นับประสาอะไรกับเรื่องนอกตัว เขาเรียกว่าเพ้อเจ้อรู้ไหม

จุดหมาย says: ครับพี่ คงใช่นะ

สุขที่แท้จริง says: วันๆมีแต่เรื่องคาดเดา แทนที่จะดูจิตตัวเองให้มากๆ ผ่าไปสนใจแต่เรื่องชาวบ้าน
สนใจแล้วได้อะไรขึ้นมา ไม่มีเลย มีแต่เหตุๆๆๆๆ แล้วก็เหตุ อันดับแรกคือ ฟุ้งซ่าน

จุดหมาย says: ได้แต่ตอบสนองกิเลสตัวเองไปเรื่อย ๆ ครับ

สุขที่แท้จริง says: รู้นี่ไม่ใช่ไม่รู้ แล้วมาถามทำไมคะ

จุดหมาย says มีความอยากเกิดขึ้นในใจนะสิพี่ นอกจากความอยากแล้ว ยังมีอีกนะคือ
อยากเปรียบเทียบ ด้วย อยากเปรียบเทียบว่า คนอื่นๆ เขาให้ค่าเหมือน ๆ กันมั้ย

สุขที่แท้จริง says: พิจรณาสิ ถอดมันออกมาทีละขั้นๆๆๆ ทำไมต้องอยาก ทำไมต้องเปรียบเทียบ
แค่ตัวเองยังเป็นแบบนี้ นับประสาอะไรกับเรื่องนอกตัว

จุดหมาย says: อืมม นั่นสินะพี่ ทำไปเพื่ออะไรหนอ สติแน่ ๆ เลยพี่ สติมันไม่ทัน สติมันยังด้อย

สุขที่แท้จริง says: ทั้งปี

จุดหมาย says: อืมมนะพี่ ยังไม่ครบปีเลยนะครับ อย่าไปคาดเดาสิ

สุขที่แท้จริง says: นั่นสินะพี่ ทำไปเพื่ออะไรหนอ ..... นี่คือนิสัยของคุณ
นิสัยสักแต่ว่าพูด ไม่เคยที่จะคิดพิจรณา

จุดหมาย says: อืมม อันนี้ใช่ ๆ เลยครับพี่ ถูกเผงเลยครับ อันนี้ยอมรับครับ

สุขที่แท้จริง says: ทำไป ระงับอกระงับใจไว้บ้าง

จุดหมาย says: ครับพี่ จะถามว่าเวลาเดิน แล้วบางทีเหมือนกับเดินแบบทหารเดินสวนสนาม
เท้ากระทบพื้นแบบหนัก ๆ แบบนี้ สติยังไม่ทันใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: ทำไมต้องให้ค่า ทำไมต้องหาคำเรียก ทำไมไม่ทำแล้วให้รู้เอาเอง

จุดหมาย says: อยากทราบจากผู้รู้นะครับ จะได้ไม่หลงคิดไปเอง หากว่าคิดผิดแล้วจะได้ยับยั้งได้ทัน

สุขที่แท้จริง says: ดูตามความเป็นจริงไป มีแต่การให้ค่าทั้งนั้นแหละ
คุณรู้สึกยังไงก้รู้ไปตามนั้น มันเป็นเหตุของคุณ

จุดหมาย says: ครับ แค่รู้เท่านั้น แล้วยอมรับมันให้ได้นะ
ไม่ต้องไปสนใจว่ามันจะเป็นอะไร ยังไง อย่างไร สนใจสักแต่ว่ารู้ ๆๆๆๆๆ แล้วก้อรู้

สุขที่แท้จริง says: ทั้งปี

จุดหมาย says: ครับ ขอเหมาทั้งปีเลยนะพี่ คนอื่น ๆ อย่ามาแหยมนะ
เมื่อสองวันก่อน ว่าจะถามเรื่อง ....

จุดหมาย says: อืมมครับ เหตุเป็นของพี่ครับ
อันนี้เป็นความคิดของพี่เองครับ ส่วนที่แนะนำนั้นเป็นเหตุของผม สุดท้ายแล้วแต่พี่นะครับ

สุขที่แท้จริง says: คุณนี่ขยันแจกจ่ายกิเลสให้กับคนอื่นๆนะ

คือ จุดหมาย says: จริง ๆ ครับ

สุขที่แท้จริง says: แค่ตัวคุณเองยังไม่พอ ยังเที่ยวมาแจกชาวบ้าน
พี่ไม่รับหรอก คุณน่ะรับไปเถอะ คิดสร้างเหตุแล้วนี่
เพิ่งรับปากไปแหม่บๆเรื่องสำรวม นี่เอาอีกแล้ว

จุดหมาย says: สร้างเหตุแล้วก้อต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้นตามจริงนะครับ สติยังด้อยครับ

สุขที่แท้จริง says: ครับ แค่รู้เท่านั้น แล้วยอมรับมันให้ได้นะ ไม่ต้องไปสนใจว่ามันจะเป็นอะไร ยังไง
อย่างไร สนใจสักแต่ว่ารู้ ๆๆๆๆๆ แล้วก้อรู้ ....แค่เสี้ยววินาที เข็มนาฬิกายังกระดิกไม่ทันกิเลสคุณเลย

จุดหมาย says: ครับ สตินี่เดี๋ยวดี เดี๋ยวด้อยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ถึงบอกไง ทำไป บัญญัติน่ะ วางๆมันลงไปบ้าง อย่าไปเอามันมากอดเอาไว้

จุดหมาย says: ครับ นั่นสินะพี่ ทำไมกอดมันอยู่ได้นะ มีกลิ่นหอมมั้ย ก้อไม่เห็นจะได้กลิ่นนะ
ทำไมขยันไปกอดมันจัง จะต้องสลัดอย่างไร ถึงจะได้หลุดออกไปเสียที

สุขที่แท้จริง says: แหมมม คุณน่ะมันดีแต่ปาก จริงๆเลย ป๊าดดดดดด

จุดหมาย says: ว่าแล้วเชียว ต้องโดนแน่ ๆ เลย

สุขที่แท้จริง says: พอได้แล้ว พูดมากจะกลายเป็นฟุ้งไป ทำหรือยังน่ะ
ดูการกระทบทุกๆการกระทบที่เกิดขึ้น ดูตามความรู้สึกจริงๆ ไม่ต้องไปหาคำเรียกว่ามันเรียกว่าอะไร

จุดหมาย says: ครับพี่ ไปล่ะครับ ขอตัวไปสร้างสติก่อน ว่าแต่คืนนี้พี่ท่านไม่ปฏิบัติหรอกเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says: ไปสิ เด๋วไป ว่าจะเขียนบล็อก ขี้เกียจแล้ว แหมมม
เรื่องที่เขียนเอาไว้ในวันนี้ ตรงกับสภาวะของทุกคนเลยนะ

จุดหมาย says: เพราะเหตุใดเหรอ

สุขที่แท้จริง says: ชอบให้ค่า ความอยาก ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ากำลังสร้าสร้างเหตุอะไรกัน
แล้วผลที่ได้รับคืออะไร ทั้งๆที่รู้ ก็ยังมีความอยากกันอีก นี่แหละ

จุดหมาย says: อืมมม นั่นสิพี่ มันตรงเลยจริง ๆ นะครับ

สุขที่แท้จริง says: ความไม่รู้จักพอในสิ่งที่ตนเองมี ตะเกียกตะกาย อยากๆๆๆแล้วก็อยาก

จุดหมาย says: สภาวะแบบนี้พี่เคยผ่านมาแล้วสิเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: เสียใจ พี่ไม่เคยเป็นแบบพวกคุณๆๆๆๆแล้วก็คุณ
พี่ไม่เคยอยากได้อยากเป็นอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่เคยรู้จักอะไรสักอย่าง

จุดหมาย says: ดีจังเลยครับ ที่ทำได้เแบบนั้นหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: คำเรียกต่างๆไม่รู้จัก รู้แค่ว่าต้องทำ ถ้าไม่ทำ มันจะต้องเจอทุกข์ไม่จบไม่สิ้น
ทำแล้วชีวิตมันดีขึ้น เลยต้องทำ

จุดหมาย says: อืมมครับผมได้คำตอบแล้วล่ะครับ ว่าต้องทำนั้นเป็นกิเลสหรือป่าว
สมดังที่พี่ท่านเคยบอกมาบ่อย ๆ เลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เสียใจด้วยนะ กับการให้ค่าของคุณน่ะ
ให้ค่าไปตามความคิดของคุณเองตามสบายเถอะ แล้วก็จงรับผลที่ให้ค่านั้นๆเอง
ดีคุณก็รับ ไม่ดีคุณก็รับ โฮะๆๆๆๆๆๆ ไม่อยากจะเซดดด
รับผลตามความเป็นจริง ไม่ใช่ตามความคิดของตัวคุณเอง

จุดหมาย says:ลองยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรมได้มั้ยครับ ผมจะได้เอาไว้เป็นเครื่องเตือนสติ

สุขที่แท้จริง says: ฝรั่งด่าคุณ คุณรู้ไหมว่าเขาด่า คนไทยด่าคุณ คุณย่อมรู้ว่าเขาด่า ถูกไหม

จุดหมาย says: ถ้าฟังออก หรือ เข้าใจต่อการกระทำที่สื่อออกมาทางกาย แล้วรู้นะครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละการให้ค่า มันแค่เสียง แล้วมีบัญญัติออกมา
แล้วคุณไปให้ค่ากับบัญญัติที่ได้ยิน แทนที่จะได้ยินแค่เสียงเมื่อคุณได้ยินบัญญัติ คุณไปยึดกับบัญญัติ
เป็นไง สติไม่ทัน ตอบโต้ เหตุเกิดแล้วใช่ไหม

จุดหมาย says: อ๋อ เกิดขึ้นเพราะความคิดปรุงแต่งที่เกิดขึ้นในจิตสิ ครับ เกิดแล้วสิ
เหมือนกับการที่เราสนทนา ตอบโต้กันอยู่นี่ล่ะสิ

สุขที่แท้จริง says: การกระทบต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะรูป รส กลิ่น เสียง ถ้าดูตรงๆตามสภาวะ
มันจะไม่มีเหตุเลย แต่คุณไปดูเลยสภาวะไปถึงโน่นตัวบัญญัติ มันถึงได้มีข้อสงสัยตลอดเวลา

จุดหมาย says: แค่รู้ว่าเป็นสภาวะธรรมเท่านั้นสิ

สุขที่แท้จริง says: กระทบมาเอาแล้ว นั่นเรียกว่าอะไร นี่คืออะไร คำถามถึงมีไม่รู้จบ

จุดหมาย says: อืมม เพราะว่ามนุษย์เราเกิดมาปุ๊บ คลุกคลีอยู่กับบัญญัติเลยนะสิ
แล้วไม่มีใครที่รู้ มาสั่งสอน อบรม และแนะนำมา ตั้งแต่ตอนเกิด

สุขที่แท้จริง says: พ่อเจ้าประคุ๊นนนนนน ....... อีกแล้วววววววววว ถ้าจะรำพันล่ะก็

จุดหมาย says อืมม พี่ลืมไปอ่ะ เผลออีกล่ะ เพราะว่าความเพลิน เกิดขึ้นนะสิ สติเลยไม่ทันอ่ะ

สุขที่แท้จริง says: ทั้งปี เห็นไหม ที่คุณทำๆมาน่ะ วัดผลได้เลย คุณตอบตัวเองได้นี่ สติทันหรือไม่ทัน
ไปทำได้แล้ว

จุดหมาย says: ใช่นะพี่ รู้ว่ายังไม่่ผ่านเลยนะ ตกแล้ว ตกอีก

สุขที่แท้จริง says: ผ่งผ่านอะไรกัน มีแต่ส่งจิตออกนอก

จุดหมาย says: อ้าวเหรอ งั้นไปล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: แค่รู้ในกาย อย่ามาพูดดีกว่า

จุดหมาย says: จะไม่พูดคำ ๆ นี้ พร่ำเพรื่ออีกแล้วพี่ คืนนี้ไปก่อนนะครับ

สุขที่แท้จริง says: อย่าๆๆๆๆๆ อย่าทำมาพูดดดดดดด เห็นพูดแบบนี้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง เดี๋ยวจะเสียสัจจะ
ต้องบอกว่า จะพยายาม พูดแบบนั้น ทำไม่ได้ มันเสียสัจจะ

จุดหมาย says: จริงครับพี่ เห็นมั้ยล่ะ สติมันไม่ทันอีกล่ะ ต้องแก้ใหม่นะครับ ทีผ่านมาถือว่าบอกผิดนะ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ บทเรียน สอบตกมาหลายวันแล้วนี่ วันนี้ก็ตกอีก

จุดหมาย says: ต่อไปผมจะพยายามไม่พูดคำว่า รู้ในกายแบบพร่ำเพรื่อนะครับ
ครับ ไม่เป็นไรครับ ยอมรับได้ครับ มันจะได้จำเข้าไปในจิตได้ง่าย ๆ ครับ ดีกว่าไม่รู้เลยว่าผิดนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ทำไปค่ะ มันแค่รู้ตามสภาวะของแต่ละคน ไม่มีอะไรถูกหรือผิด
มีแต่การทำการบ้าน ทำข้อสอบ แล้วให้คะแนนกับตัวเอง

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says: ยังมีลมหายใจ นั่นคือยังมีโอกาส หมดลมหายใจคือหมดโอกาส
มนุษย์มีแค่นี้แหละ

จุดหมาย says: ครับ ใช่เลยครับ กรรมการที่ดีที่สุดเลยนะ
ผมขอให้ค่าหน่อยนะครับ ลมหายใจ นี่แหล่ะเป็นกรรมการที่ยุติธรรมที่สุดเลย

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่จะให้ค่า

จุดหมาย says:ครับ ใช่แล้วครับ ถูกต้องเลยครับ แล้วแต่เราจะให้ค่าว่าอย่างไร ตามความพอใจของเรา

สุขที่แท้จริง says: หมั่นระลึกไว้เนืองๆ จะได้ไม่ปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไปเรื่อยๆ

จุดหมาย says: ครับ ขอบคุณนะครับพี่คอยเคาะกิเลสให้ ขออนุโมทนาด้วยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: สาธุค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2010, 21:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


25 กย. 53

จุดหมาย says: ทุกข์ที่แท้จริงตามความเป็นจริง คืออะไร และเป็นอย่างไรครับ

สุขที่แท้จริง says: แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ

แดนสุข คือ จุดหมาย says: อืมมม อันนี้ตามความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ
ถ้าแบบทางโลก ๆ นะ ทุกข์ที่แท้จริง คือ สิ่งที่ทำให้เราไม่พอใจ ไม่สบายใจ ไม่ชอบใจ
ทำอะไรแล้วไม่ได้ดังที่หวัง และอะไรก้อตามที่ย้อนกลับมาในแง่ลบ แล้วส่งผลกระทบต่อตัวกู ของกู
ถ้ามองแบบในทางธรรม ทุกข์ที่แท้จริง คือ กิเลสที่ทำให้ จิตยังเวียน ว่าย ตาย เกิด อยู่ในวัฏสังสาร

สุขที่แท้จริง says: จริงๆแล้ว ไม่มีอะไรเลย
ความทุกข์โดยบัญญัติ คือได้จากการอ่าน การฟัง
ทุกข์โดยสภาวะ คือได้จากตัวเอง

สิ่งที่คุณตอบมา คือคุณนำมาจากสภาวะที่ตัวเองได้ประสบพบเจอมา
ทุกข์ทางโลกหรือทางธรรมล้วนไม่แตกต่างกันเลย

ที่เรามองว่ามันแตกต่าง เพราะเราไปให้ค่าเอาเอง
ทุกข์ทางโลกก็เกิดจากเหตุ ทุกข์ทางธรรมก็เกิดจากเหตุ
สภาวะภายนอก สภาวะภายใน พี่ก็เคยอธิบายให้คุณฟังแล้ว แต่คุณไม่จำเอง

จุดหมาย says: ใช่ครับ ถูกต้องเลย แบบนั้นพอจะตอบได้แล้วครับว่่า ทุกข์ นั้นเป็นอย่างไร
ทุกข์ นั้นเกิดขึ้นจากเหตุที่ตนได้กระทำลงไป
หากสร้างเหตุไม่ดี นั้นย่อมเกิด ทุกข์
หากสร้างเหตุดีนั้น เป็นไปได้ทั้งสองแบบคือ เฉย ๆ กับ สุข

สุขที่แท้จริง says:
เอาเถอะฝึกไปค่ะ ต้นเหตุจริงๆล้วนเกิดจากอุปทาน การให้ค่า
พอสติสัมปชัญญัทันมากขึ้น ย่อมเห็นตามความเป็นจริงได้เอง

จุดหมาย says: ครับ คิดว่าเป็นแบบนั้นนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ฝึกคิดพิจรณาแบบนี้น่ะดีแล้ว ดีกว่าไปคิดเรื่องนอกตัว จงกล้าที่จะคิด

จุดหมาย says: ครับ จะฝึกให้บ่อย ๆครับ

สุขที่แท้จริง says: อย่ากลัวว่าจะผิด เพราะมันไม่มีอะไรผิดหรอกค่ะ

จุดหมาย says: ครับ ผิด หรือ ถูกนั้น ล้วนเกิดจากการที่เราให้ค่ากันเอาเองนะครับ

สุขที่แท้จริง says: วันนี้สภาวะของคุณอาจจะรู้ได้แค่นี้ ตามกำลังของสติ สัมปชัญญะ
คุณทำไปเรื่อยๆ ทำต่อเนื่อง แล้วกำลังของสติ สัมปชัญญะจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
กำลังของสมาธิก็จะมีมากขึ้น เมื่อทั้งสามองค์ประกอบนี่ทำงานร่วมกัน ปัญญาเขาเกิดเอง
แล้วจะทำให้เห็นรายละเอียดต่างๆมากขึ้น

จุดหมาย says: เวลาเกิดจิตเป็นสมาธินั้น ทำให้มีอาการง่วงนอนได้มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่ค่ะ บางทีความง่วงที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ความง่วงไปซะทั้งหมด
อาจจะเกิดจากมีสมาธิมากเกินจนสติเอาไม่อยู่ ฉะนั้น ง่วงก้ให้รู้ว่าง่วง
อย่าไปให้ค่าไปเรียกว่าสภาวะนี้คืออะไร ให้ค่าไป ก็จะติดกับการให้ค่า
พอเจอสภาวะอะไรก็จ้องจะคอยให้ค่าเนืองๆ แล้วอุปทานก็จะเกิดตามการให้ค่า

จุดหมาย says: ครับ ที่ถามนั้นเพราะเมื่อวานขับรถไปทำงานที่อยุธยามาครับ
แล้วตอบขับรถกลับนั้น เกิดอาการง่วง ๆ ครับ

สุขที่แท้จริง says: แหมๆๆๆๆๆๆๆ คิดว่าทำแล้วง่วง ปัทติโถ คุณนี่ ทั้งปีเลย

จุดหมาย says: เลยไม่แน่ใจว่าเป็นสมาธิ หรือว่าเป็นเพราะความง่วงกันแน่
เพราะว่าตอนขับรถอยู่นั้น รู้สึกว่าจิตเป็นสมาธิดีนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เอาเถอะ แล้วแต่คุณจะให้ค่ากับมัน เพราะคุณมีนิสัยมาแต่ดั้งเดิมแล้ว ชอบให้ค่า

จุดหมาย says: ครับ ต้องลองดูคราวต่อ ๆ ไปก่อนนะครับ เพราะว่าบางทีตอนขับรถอยู่นั้น
เคยมีปีติเกิดขึ้นครับ สภาวะเย็น ๆ นะพี่ เพราะตอนขับรถนั้น บางที่จะเปิดแอร์ ทำให้อากาศเย็น
สภาวะนี้เลยเกิดขึ้นได้ง่าย

สุขที่แท้จริง says: เรื่องปกติค่ะ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ เวลาเกิด เขาเกิดเองนะครับ เราไปบังคับ บัญชาเขาไม่ได้นะครับ
เรามีหน้าที่แค่รู้ แค่นั้นก้อพอ นะครับ เดี๋ยวนี้พี่ยังเจอ ทุกข์ อีกหรือป่าวครับ

สุขที่แท้จริง says: เรื่องทุกข์เรื่องปกติ มีด้วยกันทั้งนั้น แต่จะเกาะเกี่ยวไว้นานหรือเปล่า
ถ้ารู้ทันทันก็จบ

จุดหมาย says: ถ้าผมจะบอกว่า เดี๋ยวนี้พี่ไม่มีทั้ง ทุกข์ ทั้งสุข แล้วจะได้มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ค่ะ คุณคิดเอาเอง คาเดาเอาเอง
ไม่มีใครไม่มีทุกข์และสุขหรอก ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่

จุดหมาย says: อืมม ใช่ครับ ถูกต้องครับ ผมคาดเดาเอาเอง
แล้วพี่ยังมีความโกรธ ที่หลบซ่อนอยู่ในจิต หลงเหลืออยู่อีกบ้างมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: อีกแล้วววววววววว คุณนี่ ชอบปรุงแต่งจริงๆ พอแล้ว ยิ่งคุยยิ่งเพ้อเจ้อไหลไปเรื่อย
เอาไว้ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับสภาวะค่อยมาคุย คุยแบบนี้ไม่มีประโยชน์มีแต่การคาดเดา

จุดหมาย says: ครับ ท่าทางเหมือนจะโกรธเลยนะครับเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: คาดเดาอีกละ คุณนี่ โดนคำพูดแบบนี้ไปกี่รอบแล้ว ยังจำไม่ได้อีกหรือคะ

จุดหมาย says: วันนี้โดนไปเยอะเลยครับพี่ จำได้นะครับ แต่ว่าสติมันไม่ทัน

สุขที่แท้จริง says: ก็นั่นสิ แล้วยังจะมาทำคาดเดาอารมณ์กับตัวหนังสืออีก
ขนาดตัวคุณเอง ยังอ่านตัวเองไม่ออกเลย แล้วจะไปอ่านสภาวะคนอื่นๆออกได้ไง

จุดหมาย says: คือหนังสือ สื่อความคิด หรือว่าสื่อคำพูดครับ
ตัวหนังสือ บางทีสื่อความหมายไม่ได้ตามที่คิดนะครับ ทำให้คนอื่นๆ เข้าใจแบบผิด ๆ ได้
ขึ้นอยู่กับความคิดของคน ๆ นั้น

สุขที่แท้จริง says ไม่เที่ยง มีแต่ให้ค่าตามความคิด

จุดหมาย says: อืมม อาจจะใช่นะครับพี่

สุขที่แท้จริง says: มันใช่เลยแหละ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2010, 23:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


27 กย. 53

จุดหมาย says: ช่วงนี้ ความขี้เกียจมีเยอะครับพี่ แก้ไขอย่างไรได้บ้างครับ

สุขที่แท้จริง says: ขี้เกียจก็ให้รู้ว่าขี้เกียจค่ะ แต่ต้องทำ ถ้ายังอยากมีชีวิตแบบเดิม ก็ไม่ต้องทำ

จุดหมาย says: อย่างที่ผมเคยถามพี่นั่นแหล่ะครับ ว่าทุกข์ที่แท้จริงนั้น คืออะไร
จะเห็นแบบนั้นได้ต้องทำ เท่านั้นสิครับ หรือว่าไม่ต้องทำ ก้อสามารถเห็นได้

สุขที่แท้จริง says: ลองดูสิคะ ลองดูด้วยตัวเอง จะได้รู้ด้วยตัวเอง
ทำแล้วเป็นไง ไม่ทำแล้วเป็นไง ก็ต้องทำดูเอง

พี่มีหน้าที่แค่บอก ไม่ใช่ทำแทนใครๆ
ส่วนใครจะทำหรือไม่ทำนั่นก็แล้วแต่เหตุของแต่ละคน
พี่ไม่มีหน้าที่ไปตัดสินใจแทนใครๆ เพราะมันเป็นเหตุของแต่ละคน

ถ้าคิดว่า พอใจที่จะมีชีวิตแบบนี้ต่อไป ก็จงทำตามความพอใจ
เพราะบอกได้เลยว่า เวลาตาย จิตคุณจะไปทางไหน นั่นมันคือเหตุของคุณ

จุดหมาย says: พูดถึงเรื่องของความตายแล้ว ผมได้อ่านบล็อกของพี่แล้วนะ เสียใจด้วยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เรื่องปกติค่ะ ความตาย เพราะพี่ทำงานเกี่ยวข้องกับความตายมาตลอดเวลา
จนเห็นเป้นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับชีวิตของพี่ พี่จึงทำ เพราะไม่ประมาทต่อความตาย

จุดหมาย says: ความตายสำหรับพี่แล้วเป็นอย่างไรครับ

สุขที่แท้จริง says: เรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอ นี่คือความตายในความรู้สึกของพี่

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับพี่ การมีสติอยู่ตลอดเวลา ช่วยลดความประมาทได้ดีมาก ๆ เลยครับ
พี่มีความรู้สึกแบบนี้มานานหรือยังครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่รู้สิ พี่ไม่ได้สนใจ พี่รู้แต่ว่าพี่อยู่ใกล้ความตายมาตลอด
มองเห็นคนก่อนจะตาย จนกระทั่งสิ้นลม แล้วกับสัตว์ก็มาเจอกับสัตว์เลี้ยงของตัวเอง
คนกับสัตว์ไม่แตกต่างกันเลย เวลาอากาศหรือลมหายใจจะหมดไป บางคนไขว่คว้าตะเกียกตะกาย

แล้วเราล่ะ เรายังมีโอกาสมากกว่าคนที่สิ้นไปแล้ว จะปล่อยลมหายใจทิ้งไปวันๆงั้นหรือ
ใครอยากทำแบบนั้นก็ตามสบาย แต่สำหรับพี่ไม่

ถ้าถามว่าพี่มีมั๊ยความขี้เกียจ มี ยังคงมีเป็นเรื่องปกติ เพราะพี่ก้ยังมีกิเลสเหมือนกับทุกๆคน
แต่สติของพี่มันดี สัมปชัญญะมันดี มันแค่รู้ ไม่ไปให้ค่าแล้วมาก่อให้เกิดความทุกข์กับตัวเอง

จะไปเอาอะไรกับกิเลส ขี้เกียจก็ยอมรับว่าขี้เกียจ ก็พักไปก่อน
พอความรู้สึกสดชื่นก็ค่อยทำต่อ แค่นั้นเอง

จุดหมาย says: ความขี้เกียจ มันเป็นแค่เพียงความคิดชั่วขณะ ถูกมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: เขาเรียกว่าความรู้สึก ถ้าคุณไม่รู้สึก คุณจะไปคิดเอาเองว่าขี้เกียจไม่ได้หรอก
ความคิดคือการปรุงแต่ง ยามที่คุณเกิดการกระทบกับสิ่งต่างๆ

จุดหมาย says: ความรู้สึก ที่พี่บอกมานี้ มันเข้าข่ายว่าเป็น สัมปชัญญะ หรือป่าวล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: อีกละ คุณนี่ ทั้งปีเลย เมื่อไหร่จะเลิกหาคำเรียกสักที ทำไป

จุดหมาย says: ครับ ผมว่าจะพยายาม ลด ละ แล้วนะ แต่ว่ามันยังค้างคาอยู่อีก

สุขที่แท้จริง says: นิสัยไง คุณสะสมมันมานานจนกลายเป็นอนุสัย เพราะทำอยู่เนืองๆ
เจริญสติไป เหตุของแต่ละคนสร้างมาแตกต่างกัน

จุดหมาย says: เจริญสติแล้ว สามารถช่วยแก้ไขตรงนี้ได้บ้างสินะพี่

สุขที่แท้จริง says: เพราะคุณคาดหวัง คาดเดา ผลเลยออกมาแบบนี้แหละ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ เหตุของแต่ละคนนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

สุขที่แท้จริง says: คุณชอบให้ค่า ชอบเสียเวลากับคำเรียก ต่อมเอ๊ะทำงานตลอด

จุดหมาย says: ครับ คงจะเป็นแบบนั้นนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไอ้นั่นเรียกว่าอะไร ไอ้นี่เรียกว่าอะไร ปัทติโถ มันก็แค่กิเลสที่เกิดขึ้น
จะไปเอาอะไรกับสภาวะที่เกิดขึ้น มันแปรเปลี่ยนตลอดเวลา

จุดหมาย says: คงสั่งสมบุคลิก นิสัย แบบนี้มานานตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ นะครับ
การเรียนทางโลก เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเป็นแบบนี้นะครับ

สุขที่แท้จริง says: โทษโน่นโทษนี่ โทษแต่นอกตัว ทั้งๆที่เกิดจากเหตุที่ตัวเองทำไว้ทั้งนั้น
นี่แหละมนุษย์ นี่แหละความไม่รู้ มีแต่โทษนอกตัวไว้ก่อน

จุดหมาย says: อืมมครับ เพราะว่าไม่รู้แท้ แน่เลยครับ

สุขที่แท้จริง says: เคยมั่งไหมที่จะกล่าวโทษตัวเอง เพราะตัวเองทำเอาไว้ไม่ดี ผลจึงไม่ดีตามเหตุ
จ้องจะเอาแต่สิ่งดีๆ แต่ไม่เพียร แล้วมันจะไปเอาผลมาจากไหนล่ะ

จุดหมาย says: ครับ นี่แหล่ะครับ นิสัยของมนุษย์ล่ะครับ โดยเฉพาะคนอย่างผมนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่เฉพาะคุณหรอก มีอีกหลายๆชีวิตที่ไม่แตกต่างจากคุณ เพราะกิเลสเหมือนๆกัน
ทุกๆคนมีกิเลสเหมือนๆกัน แต่ตัวไหนจะมากกว่ากันเท่านั้นเอง เหตุที่ทำเลยแตกต่างไปตามกิเลส

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ มีกิเลสคล้าย ๆ กัน

สุขที่แท้จริง says: พี่เองก็มีเหมือนๆคุณ แต่เพราะการเจริญสติ ทำให้พี่รู้เท่าทันมากขึ้น
เป็นเหตุให้ไม่หลงไปปรุงแต่งกับมัน

จุดหมาย says: ผลที่ได้รับแบบนี้ต้องอาศัยความเพียรนะสิครับ
ความเพียรเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เลย แต่ความเพียรจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยอะไรบ้างล่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่เหตุ บางคนก็ความศรัทธามาก่อน เหตุของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ของพี่แบบที่เคยเล่าให้ฟัง เพราะความทุกข์จึงเป็นเหตุให้ต้องทำ เมื่อทำแล้วก็เลิกทำไม่ได้
เพราะรู้ดีว่าถ้าไม่ทำ ต้องเจอทุกข์อีกแน่นอน แล้วจะไม่ทำได้ยังไง

อีกอย่าง ยิ่งตอนนี้รู้แล้วด้วยว่า สติ สัมปชัญญะเป้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนจะหมดลมหายใจ
แล้วจะให้หยุดทำไปได้ยังไง ขี้เกียจก็ทำ ขยันก็ทำ อารมณ์ไหนๆก้ทำ ไม่ได้ใส่ใจถึงผล
เพราะรู้อยู่แล้วว่าสร้างเหตุยังไงต้องรับผลเช่นนั้นแล้วจะไปใส่ใจทำไม

จุดหมาย says: ทุกข์ของพี่ คือ ทุกข์ที่เจอตอนก่อนที่จะมาปฏิบัติ หรือว่า
เจอขณะที่มาเจริญสติ แล้วเจอทุกข์ไปเรื่อย ๆครับ

สุขที่แท้จริง says: ขี้เกียจเล่า ไปอ่านเองในบล็อก มีออกยืดยาววว

จุดหมาย says: อ้า ครับ เอาสั้น ๆ ก้อได้นะพี่ ทุกข์ที่เกิดจากการทำงานใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: จะอะไรก็ได้

จุดหมาย says: เคยได้ยินมาว่า เมื่อเจอทุกข์ แล้วจะเห็นธรรม อันนี้คงจะเป็นเรื่องจริงสินะครับ
สำหรับบุคคลที่สนใจ และใส่ใจต่อชีวิต

สุขที่แท้จริง says: ทุกอย่างคือธรรม ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์หรือเฉยๆ
เพียงแต่จะมองเห็นกันหรือเปล่าเท่านั้นเอง

จุดหมาย says: ครับ ทุก ๆ สภาวะที่เกิดขึ้น และมากระทบต่อเรา เป็นสภาวะธรรมทั้งสิ้นนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ทุกๆการกระทบที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเหตุนั้นๆจะทำให้เกิดสุขหรือทุกข์ก็ตาม
ล้วนมีเหตุมาก่อนกับสิ่งๆนั้นแล้วจิตเกิดอุปทานไปให้ค่าต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ส่วนเฉยๆ เฉยะเพราะอะไร ทั้งๆที่มีการกระทบเกิดขึ้น เฉยเพราะไม่ได้มีเหตุร่วมด้วยเท่านั้นเอง

จุดหมาย says: เหตุที่คนก่อขึ้นนั้น ส่งผลต่อคน ๆ นั้น จะช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับอะไรบ้างล่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: เห็นพี่เป็นคัมภีร์เหรอ ทำเองสิจะได้รู้ในสิ่งที่สงสัย เบื่อตอบ

จุดหมาย says: เห็นเป็นขุมทรัพย์นะครับ

สุขที่แท้จริง says: เคยฟังเรื่องห่านไข่ออกมาแล้วไข่เป็นทองคำไหม

จุดหมาย says: อืมม เคยได้ฟังมานะครับ แต่ว่านานมาก ๆ แล้ว จำไม่ค่อยได้แล้วล่ะ

สุขที่แท้จริง says: คุณน่ะเข้าข่ายกำลังจะชำแหละท้องห่านเพื่อจะเอาไข่เยอะๆ
แทนที่จะทำมาหากินเอาเองบ้าง

จุดหมาย says: ทั้งอุปนิสัย และกิเลสที่มันฝังอยู่ในจิตของผมนี้กระมังครับ

สุขที่แท้จริง says: อีกละ ก็รู้นี่นา แล้วจะต้องพูดอะไรอีก ทุกอย่างมันแก้ไขได้

จุดหมาย says: แค่อยากรู้นะครับ

สุขที่แท้จริง says: อดีตน่ะไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ปัจจุบันน่ะทำได้ แต่อยู่ที่ว่าคุณจะทำมันไหม

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ อันนี้เป็นสัจธรรมแท้ แน่นอนครับ ทำหรือไม่ทำ นั้นล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
อืมม มาคุยกันพี่ที่ไร เหมือนมีกำลังใจขึ้นมาโดยฉับพลันเลยนะครับเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: เป็นนกแก้วน่ะไม่ดีหรอกนะ
เคยได้ยินไหม อย่าเอาอย่างกา แต่จงเอาเยี่ยงกา

จุดหมาย says: เคยได้ยินนะครับ แต่ไม่เข้าใจความหมายลึกซึ้งนักครับ

สุขที่แท้จริง says: เขาชื่นชมอีกาในเรื่องความขยัน แต่อีกาชอบกินของสกปรก
ก็เหมือนคนน่ะแหละ กิเลสล้วนเป็นของสกปรก แต่เพราะความไม่รู้ เราจึงไขว่คว้ามันเอาเข้าตัว

เพียงเราเป็นอีกาจอมขยัน หมั่นทำความเพียร กิเลสหรือสิ่งสกปรกเหล่านั้น ย่อมลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
เพราะเรามีสติ สัมปชัญญะรู้เท่าทันมากขึ้น เมื่อรู้แล้ว จึงแค่รู้ แต่ไม่เอามันเข้ามาหาตัว
ถึงมีเอาเข้ามามันก็ดับได้ทันมากขึ้น รู้ทันมากขึ้น

จุดหมาย says: ครับ ทำได้แค่นี้แล้ว เส้นทางย่อมใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เลยนะครับ
ขอให้จงทำไป แต่อย่าได้คาดหวัง

สุขที่แท้จริง says: อีกละ ทั้งปีเลยคุณนี่ ฝึกบ่อยๆนะคะ ฝึกที่จะไม่ให้ค่า คุณอ่านมากไป

จุดหมาย says: ครับพี่ จะพยายามให้บ่อย ๆ ครับ ความไม่รู้ นี่คือ อวิชชา ใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: จะมาทงมาทางอะไรกัน แค่คุณฝึกให้จิตรู้อยู่ในกายได้เนืองๆนี่ ทำได้หรือยังล่ะ

จุดหมาย says: ตอนนี้ยังทำไม่ได้ครับ พยายามอยู่ครับ ยิ่งช่วงนี้นะทำได้ยากมาก ๆ ครับ

สุขที่แท้จริง says: ถ้าคุณทำได้ คุณจะเจอสภาวะจิตเห็นจิตที่ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ

จุดหมาย says: ครับ จะจำเอาไว้ก่อนนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ก็บอกแล้วว่าให้ทำตามสภาวะ ทุกอย่างมันมีเหตุ ทำได้แค่ไหนก็ทำแค่นั้น
ไม่ต้องไปพยามอะไรมากมาย เราไปให้ค่ากันเองว่าต้องทำมากๆแล้วจึงจะได้ผล
เหตุของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

จุดหมาย says: ครับ จะจำให้ขึ้นใจครับ

สุขที่แท้จริง says: จะไปเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอก
ทำน้อยยังดีกว่าไม่ได้ทำ มันไม่เที่ยงเข้าใจไหม

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says: ช่วงนี้อาจจะเป็นแบบนี้ก็แค่รู้ไป ไม่ใช่ไปเกาะเกี่ยวมาทำให้ทุกข์

จุดหมาย says: ครับ ทุก ๆ อย่างล้วนไม่เที่ยง

สุขที่แท้จริง says: มันจะเบื่อได้นานแค่ไหนล่ะ พอเจออะไรถูกใจ มันก็หายเบื่อแล้ว

จุดหมาย says: ยิ่งอยาก ยิ่งทุกข์นะครับ

สุขที่แท้จริง says: มันแน่อยู่แล้ว ความอยาก พี่ถึงพูดอยู่เนืองๆว่าจะต้องไปอยากกันทำไม
อยากพ้นทุกข์ยังไงี้ อยากบรรลุธรรมยังงี้ แค่เอาจิตรู้อยู่กับกายยังไม่ได้ แล้วจะไปสนใจอะไรล่ะ

มองที่เหตุสิ ตอนนี้กำลังสร้างเหตุดี
แล้วผลจะไปไหนเสีย แล้วทำไมต้องไปอยากกันด้วย

จุดหมาย says: ชอบมองข้ามไปถึงปลายกันนะครับ ต้น ๆ ไม่ยอมมองกัน

สุขที่แท้จริง says: พูดถึงใครคะ " ชอบมองข้ามไปถึงปลายกันนะครับ ต้น ๆ ไม่ยอมมองกัน "

จุดหมาย says: อ๋อ ผมหมายถึง ตัวผมเอง และอีกหลาย ๆ ชีวิตที่ยังไม่รู้่นะครับ

สุขที่แท้จริง says: เวลาพูดนะ พยามสร้างเหตุนอกตัวให้มันน้อยๆ อย่าไปคิดแทนคนอื่นๆ
ว่าตัวเองให้มากๆ คนอื่นน่ะเรื่องของเขา จะไปเอาเหตุของเขามาเป็นเหตุใหม่ให้เกิดกับตัวเองทำไม

จุดหมาย says: อืมมครับ เพ่งโทษตัวเองนะสิครับ

สุขที่แท้จริง says: ฝึกไว้ อย่าไปเพ่งโทษนอกตัว เหตุมันจะได้น้อยลง
การปฏิบัติจะได้ไปตามสภาวะ ไม่มาติดขัด

จุดหมาย says: ครับ ขอบคุณที่แนะนำ ตักเตือน และสั่งสอน อบรมครับ
การสร้างเหตุแบบนี้ ส่งผลต่อการปฏิบัติด้วยเหรอพี่

สุขที่แท้จริง says: พี่น่ะผ่านมาหมดแล้ว รู้ผลของมันดี
จึงไม่อยากให้ใครมาเสียเวลาแบบพี่ มีแต่หลงไปสร้างเหตุใหม่ ตามกิเลสชาวบ้านเขา

จุดหมาย says: ครับ ผู้มีประสบการณ์มาก่อนย่อมรู้ดีครับ

สุขที่แท้จริง says: มันก็มีเหตุ ถ้าเราไม่ดับที่ตัวเรา เหตุก็ไม่จบ
การมีสตินี่แหละ ดับทุกอย่างหมด

จุดหมาย says: การเป็นคนมีสตินี่ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่พูดน้อยลงเสมอไปใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says: พอรู้ทันแล้วไม่พูดมากหรอก จะพูดแค่ควรพูด
ตรงไหนจะเป็นเหตุ มันก็หยุดตัวเองได้ไว

จุดหมาย says: ครับ พอจะเข้าใจนะครับ
หยุดสร้างเหตุใหม่ ๆ ให้น้อยลงไปเรื่อย ๆ แล้วทุก ๆ อย่างมันจะจบลงไปเองโดยปริยาย

สุขที่แท้จริง says: ของคุณน่ะ เขาเรียกว่า วิชาเกิน คือรู้ไปหมด
เลยดูเหมือนจะรู้ๆๆๆๆ เรียกว่ารู้จากสัญญา ฟังมาก อ่านมาก แล้วจำ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ ส่วนใหญ่นั้นล้วนเกิดจากสัญญา
ที่เกิดจากปัญญานั้น แทบจะหาไม่ค่อยได้ซักเท่าไหร่

สุขที่แท้จริง says: อีกละ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2010, 22:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


29 กย. 53
แท้จริง says: เข้าแล้ว ให้กดเข้าสเปซป่ะค่ะ
จุดหมาย says: เดี๋ยวผมกดเองนะ พี่ช่วย copy ให้หน่อยสิ
สุขที่แท้จริง says ได้ค่ะ เอาไปวางที่ไหนคะ ก๊อปแล้ว
จุดหมาย says: ที่ copy มานี้มีครบหรือป่าวครับ
สุขที่แท้จริง says: แค่หน้าเดียวค่ะ ทั้งหน้า
จุดหมาย says: งั้นพี่ช่วยทำแบบนี้ให้หน่อยนะครับ
สุขที่แท้จริง says: แบบไหนคะ
จุดหมาย says: เลื่อนแบบนี้ไปจนถึงหน้าสุดท้ายอ่ะครับ
สุขที่แท้จริง says: แล้วไงต่อคะ หมายถึงเลื่อนไปหน้าต่อไปน่ะเหรอ
จุดหมาย says: พี่ต้องเลื่อนให้มันถึงข้อความสุดท้ายเลยนะครับ ข้อความแรกที่พี่บันทึกเอาไว้เลยนะ
หน้าต่อ ๆ ไป น่าจะมีประมาณ 60 กว่าหน้านะ เสร็จแล้วให้ copy ข้อความทั้งหมดเลยนะครับ
สุขที่แท้จริง says: แปบนะ มันเยอะจัง เมื่อยมือ
จุดหมาย says: เป็นการฝึกสติไปในตัวนะครับ
สุขที่แท้จริง says: โห อดทนล่ะไม่ว่า

จุดหมาย says: แค่นี้ยังน้อยไป สำหรับกิเลสที่มันเล่นงานเราไม่ใช่เหรอพี่
สุขที่แท้จริง says: แม่นนนนนน จะพยายาม พี่ถามหน่อยสิ กดที่ลูกศรโดยตรงได้ป่ะ
จุดหมาย says: กดที่ลูกศรรูปไหน
สุขที่แท้จริง says: หน้าจอเห็นป่ะ มันจะมีลูกศรลงน่ะ

คนนี้เขาเก่งไอทีนะ เขามาติดตั้งรีโมทที่เครื่องของเรา สามารถเข้าดูข้อมูลที่เครื่องได้
เขากำลังสอนวิธีการเซฟข้อมูลลงเครื่อง เนื่องจากสเปซจะยกเลิกให้บริการ แต่จะเปลี่ยนเวอร์ชั่นใหม่มา

จุดหมาย says: ได้นะพี่
สุขที่แท้จริง says: แล้วลูกศรที่ซ้อนกันหมายถึงอะไรคะ
จุดหมาย says: ลองกดดูสิ จะได้ทีละหน้านะ
สุขที่แท้จริง says: กดไม่ไปค่ะ ไม่เป็นไร เลื่อนเองก็ได้
loveforum said อืมม ใช่นะพี่ ผมว่าลูกศรมันกดไม่ได้หรอกนะ
เคยทำมาแล้ว ต้องเลื่อนอย่างเดียวเท่านั้น
สุขที่แท้จริง says: งงเลยอ่ะ ทำไมมันเด้งกลับมาหน้าแรกล่ะ จริงๆแล้วมันไปถึงหน้าที่ 44
จุดหมาย says: ตอนนี้หรือครับ เน๊ตหลุดมั้ยครับ
สุขที่แท้จริง says: เอ็มหลุดค่ะ เน็ตไม่ได้หลุด เอ็มหลุดหลายครั้งเลย
จุดหมาย says: งั้นพี่ลองเลื่อนใหม่สิ เพิ่งจะเป็นใช่มั้ยครับ
สุขที่แท้จริง says: ไปไม่ได้ มันแค่ทีละหน้า เพิ่งเป็นค่ะ
หลังจากลองกดลูกศรแบบที่คุณบอกมา
จุดหมาย says: พี่ต้องกดไปที่ blog นะ
สุขที่แท้จริง says: อ๋อ ค่ะ เริ่มใหม่เหรอ
จุดหมาย says: คราวนี้น่าจะเร็วขึ้นนะครับ ครับ ถ้ามันเด้งมาแบบนี้ มันจะเริ่มใหม่นะ แต่ว่าจะเร็วขึ้น
สุขที่แท้จริง says: มันก๊อปหน้าเดิมน่ะ
จุดหมาย says: เหนื่อยหรือยังพี่
สุขที่แท้จริง says: เมื่อยแอนด์เซ็งงง
แดนสุข คือ จุดหมาย says: อ่ะหน่ะ เมื่อก่อนยังอดทนมากกว่านี้อีก แค่นี้จิ๊บจ๊อยนะครับ
สุขที่แท้จริง says:จริงๆแล้วในบล็อกนี่ พี่ตั้งใจจะลบทิ้งหลายรายการ
อย่างพวกเพลง ตั้งใจจะเอาแต่เรื่องปฏิบัติล้วนๆ
จุดหมาย says: ครับ ก้อเก็บ backup เอาไว้ก่อนนะ ดีกว่าจะหายไปหมดก่อน
สุขที่แท้จริง says: ค่ะ กดต่อก่อน
จุดหมาย says: ครับ ดึงจากบนลงล่างแบบเร็ว ๆ เลยนะ
สุขที่แท้จริง says: เอ๋ ไม่ใช่ดึงข้างล่างหรือคะ
จุดหมาย says: ใช่ดึงลงล่างครับ ผมหมายถึงดึงลงล่างแบบเร็ว ๆ เลยนะ
มันจะได้ไปหน้าใหม่เร็ว ๆ ไม่ต้องไปทะนุถนอมมันหรอก
สุขที่แท้จริง says: งงเลย มันไปต่อไม่ได้ ได้ละ
จุดหมาย says: มันมีอะไรขึ้นมาป่ะ พี่ลองทำแบบนี้ก่อนได้ป่ะ
ลอง copy ทั้งหมดจากล่าง ขึ้นไป บนสุดเลยนะ
สุขที่แท้จริง says: เอ๋ แล้วที่ทำมาเมื่อกี้ละ ไม่เป็นค่ะ
จุดหมาย says: ทำเป็นมั้ยครับ เมื่อกี้นี้เป็นการให้โชว์ข้อความนะครับ เดี๋ยวทำให้ดูนะครับ
สุขที่แท้จริง says: ค่ะ จะบอกว่าอย่าปิดหน้านี้นะ ถ้าปิด ทุกๆหน้าจะถูกปิดทั้นที มันเคยเป็นแบบนี้

มาถึงตอนนี้ เขาทำให้เองหมดเลย เราหมดความสามารถ เพราะทำแบบเขาไม่เป็น
เขาเข้าไปโหลดโปรแกรมการโหลดข้อความให้เร็วมากขึ้น ทำไม่นานแค่แปบเดียวได้ละ

จุดหมาย says: หน้าไหนครับ
สุขที่แท้จริง says: หน้าขาวๆนี่แหละ ที่เป็นนาฬิกาทรายน่ะค่ะ มันค้าง
จุดหมาย says: อ๋อครับ ใช่ครับ อย่าไปปิดเด็ดขาดเลยครับ
ปิดแล้ว เดี๋ยวจะมาเริ่มต้นใหม่เหมือนกับการทบทวนสภาวะนั่นแหล่ะพี่
ไม่ได้กินปลาไหลมานานแค่ไหนแล้วครับ
สุขที่แท้จริง says: ตั้งแต่เห็นน่ะค่ะ จำไม่ได้ ทำไมคะ อยากลองเหรอออ อาหย่อยยย
จุดหมาย says: แต่ก่อนผมก้อเคยกินนะครับ สมัยอยู่ที่ต่างจังหวัดนะ
สุขที่แท้จริง says: จำรสชาติไม่ได้แล้วค่ะว่าเป็นยังไง
จุดหมาย says: ครับ แถวที่บ้านพี่เขาทำเมนูอะไรกันล่ะครับ
สุขที่แท้จริง says: ปลาไหลต้มเปรต แล้วก็ผัดเผ็ดปลาไหลค่ะ
จุดหมาย says: แถวที่บ้านผมนะเขาทำ แกงแค ต้มเปรตนี่ เห็นเป็นตัว ๆ อยู่เลยนะสิ
สุขที่แท้จริง says: ตัวมันเหมือนงู นึกถึงแล้วแขยงนะ ใช่เลยค่ะ ต้มเป็นเป็นๆแล้วเอาฝาปิด
คือ เขาจะตั้งน้ำให้เดือดก่อน ใส่ข่าตะไคร้ใบมะกรูด
ส่วนตัวปลาไหล เขาจะเอาขี้เลื่อยไปรูดตัวมันให้หมดเมือก
จุดหมาย says: เห็นแบบนี้แล้วไม่อยากกินเลยแหล่ะครับ
สุขที่แท้จริง says: พี่ไม่เคยกินนะ ไม่กล้ากิน
จุดหมาย says: แถว ๆ บ้านผมเขาเอาปลามาหั่นเป็นท่อน ๆ
สุขที่แท้จริง says: บ้านพี่ต้มเป็นๆทั้งตัว แถวบ้านพี่ ไม่ใช่บ้านพี่ พ่อไม่เคยทำ
จุดหมาย says: ใช่ ๆ ครับ ไม่แบบนั้นคาวมาก ๆ เลย
สุขที่แท้จริง says: เขาจะหย่อนลงไปทั้งตัวแล้วเอาฝาปิด ฝาจะดังโป้งๆ ปลาไหลจะพุ่งตัวขึ้นมา
เวลาสุก ตัวปลาไหลจะขดเป็นวงกลม หัวตั้ง
จุดหมาย says: อืมม มองเห็นภาพเลยนะครับ
สุขที่แท้จริง says: น่ากลัวมากกว่าน่ากิน แขยงงง
จุดหมาย says: น่าสงสารปลาไหลเขามาก ๆ เลยนะครับ เสร็จหรือยังอ่ะพี่
สุขที่แท้จริง says: เสร็จแล้วค่ะ คุณมองไม่เห็นเหรอ
จุดหมาย says: เห็นแล้วครับ อืมม ครบถ้วน กระบวนความนะครับ
สุขที่แท้จริง says: ครบตรงไหนคะ ดูยังไง
จุดหมาย says: เห็นป่ะครับ เริ่มตั้งแต่ต้น จนถึงปัจจุบันเลย
สุขที่แท้จริง says: หมายถึงว่าถ้าจะดูหน้าต่อๆไปก็ต้องเปิดหน้าต่อไปใช่ป่ะคะ
เพราะหน้านี้มันแค่ของปี 10 อ๋อ เห็นแล้วค่ะ
จุดหมาย says: ครับ ตอนนี้ถือว่า backup เรียบร้อยแล้วนะครับ
สุขที่แท้จริง says: ค่ะ แล้วไงต่อคะ
จุดหมาย says: คราวนี้เรามา upgrade กันต่อเลยนะครับ
สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ไม่น่าเชื่อะตั้งพันกว่าหน้า
จุดหมาย says: อ่ะนะ
สุขที่แท้จริง says: นิยายเล่มโต
จุดหมาย says: ช่ายยยยยยยยยยยยย
สุขที่แท้จริง says: ยังมีนะ ที่ไม่ได้ลง มีอีกเยอะอยู่ในสมุดบันทึก
จุดหมาย says: โอ้จริงสิครับ แบบนี้ใครจะได้ล่ะครับเนี่ย
สุขที่แท้จริง says: หมูเขาเคยขอไว้ แต่อ่านลายมือพี่ไม่ออกหรอก
จุดหมาย says: อ้อ ๆ ครับ ตอนนี้เขาเอาไปบางส่วนแล้วเหรอ
สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่เหตุน่ะเบิ้ม พี่ยังไม่ได้ให้ใคร มีคนขอหลายคน ลายมือหวัดโคดๆ
คือต้องเขียนให้ทันความคิด ความคิดเวลาเขาเกิด เขาเกิดไว ดับไว นั่นแหละตัวปัญญา
จุดหมาย says: อ่ะนะ ครับ ดีสิครับ เขาจะได้ฝึกความอดทน และสมาธิไปในตัว
สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่เหตุน่ะเบิ้ม พี่ยังไม่ได้ให้ใคร มีคนขอหลายคน
จุดหมาย says: อ้อครับ ถ้ามีหลาย ๆ copy ก้อดีนะครับ
สุขที่แท้จริง says: มีเป็นเล่มค่ะ สมุดตราช้างแบบถนอมสายตาน่ะ
เล่มนึงไม่ถึงปี เขียนทุกวัน
จุดหมาย says: อืมม แต่ละเล่มหนามากมั้ยพี่
สุขที่แท้จริง says: หนาค่ะ
จุดหมาย says: ถึงพันหน้าป่ะ
สุขที่แท้จริง says: 150แผ่นต่อเล่ม ขนาด สมุดปกแข็งแต่ใหญ่กว่า
แดนสุข คือ จุดหมาย says: ตอนนี้พี่มีประมาณกี่เล่มล่ะครับ
เดี๋ยว upgrade ไปด้วยดีกว่าครับ จะได้ไม่เสียเวลา
สุขที่แท้จริง says: หลายเล่มนะ พี่ไม่ได้ลงทั้งหมด แบบขี้เกียจ
บางทีสภาวะมันจะวนๆเดิมๆซ้ำๆ พี่ก็เลยไม่ลง

ถ้าคนเข้ามาอ่านบล็อกคงคิดว่าทำง่ายๆ จริงๆแล้วไม่ใช่ มันอยู่ที่เหตุของแต่ละคนที่ทำมา
มันอยู่ที่ความอดทน ทำต่อเนื่อง ไม่หวังผล

จุดหมาย says: อ๋อครับ เหมือนเป็นการทบทวนสภาวะ นะสิพี่ ผมเห็นด้วยนะครับ การไม่คาดหวังอ่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ ที่มันวนเพราะทบทวนสภาวะจนกว่าจะผ่านสภาวะนั้นได้จริงๆ แล้วสภาวะใหม่เกิดต่อ

จุดหมาย says: เพราะเมื่อเขาจะเกิด เขาเกิดเองนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เกิด เขาเกิดเอง แค่แว๊บเดียว บางทีก็นาน มันไม่แน่นอน คาดเดาไม่ได้
พี่จึงต้องจดตลอดเพราะแบบนี้ ถ้าผ่านสภาวะได้จริงๆจะจำสภาวะนั้นๆได้ด้วยตัวเองทั้งหมด

จุดหมาย says: พอรู้แล้ว ก้อแค่รุ้เท่านั้น

สุขที่แท้จริง says: โดยไม่ต้องไปอ่านที่จดเอาไว้

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ จำขึ้นใจเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ จำได้โดยไม่ต้องอ่าน

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ

สุขที่แท้จริง says: สิ่งที่บันทึกคือ เรายังไม่ผ่านจนถึงขั้นละเอียด มันจะมาแบบหยาบๆก่อน
ถ่ายถอนไปทีละขั้น เหมือนเรื่องสติ สัมปชัญญะเห็นป่ะ เขียนมาตั้งนาน

จุดหมาย says: ครับ ต้องเริ่มจากหยาบ ๆ ก่อน

สุขที่แท้จริง says: มันต้องจำสภาวะได้แม่นจริงๆ

จุดหมาย says: ครับ เห็นครับ พอรู้ และเข้าใจแล้ว สุดท้่าย เหลือแค่นิดเดียวเองนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่เลย นิดเดียวจริงๆ อ่านแล้วเข้าใจเลยว่าต้องเจอสภาวะแบบไหน จึงจะเรียกแบบนี้

จุดหมาย says: แค่เจอมากระทบ รู้ทันที

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ จะรู้ด้วยตัวเอง

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says: พี่ถึงบอกคุณไง คุณต้องเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง แล้วถึงจะเข้าใจ

จุดหมาย says: ต้องรู้ด้วยตนเองเท่านั้น เมื่อรุ้แล้ว มันก้อแค่นั้นเอง

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ มันแค่นั้นเอง แต่ทำไม่แค่นั้น มันต้องทำต่อไปเรื่อยๆ รู้ทีละสภาวะ
พี่ถึงบอกไง ให้พี่หยุดทำ พี่หยุดไม่ได้หรอก เพราะพอรู้แล้ว มันหยุดไม่ได้

จุดหมาย says: ใช่ครับ ต้องทำไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายแล้ว รุ้ เห็น และ เข้าใจจนหมดเปลือกเลย

สุขที่แท้จริง says: ไม่ใช่ทำเพราะอยากได้อยากเป็นอะไร ที่ทำเพราะรู้แล้ว เมื่อรู้แล้วจึงต้องทำ

เมื่อรู้แล้ว จึงไม่ใส่ใจเรื่องบัญญัติ ไม่ไปให้ค่าว่าเป็นอะไรแบบเมื่อก่อน
หลุมพรางกิเลสมีตลอดเวลาทุกๆขณะที่จิตเกิด

จุดหมาย says: ครับ เพราะว่ากระจ่างแจ้งอยุ่ในจิตแล้วนะครับ ครับ มีได้อยู่ทุกที่ ทุกเวลาจริง ๆ

สุขที่แท้จริง says: ก็ยังเป็นปถุชนคนธรรมดาๆนี่เอง
แหมมมมม คิดว่าจะเหาะเหินเดินอากาศซะอีก จะออกงานวัดซะหน่อยย

จุดหมาย says: อ๊ะ มา upgrade กันก่อน เดี๋ยวจะไม่ได้ทำ เข้า space ให้หน่อยครับ
พี่ต้องลงทะเบียนที่ wordpress.com ก่อนนะ
สุขที่แท้จริง says: ทำไงคะ
จุดหมาย says: พี่่เลือกเลยว่าจะใช้ชื่ออะไร
สุขที่แท้จริง says: แล้วไงต่อคะ เขียนแล้ว ได้แล้วค่ะ ยังไงต่อ
จุดหมาย says: ยังไม่ได้เลยนะเนี่ย
สุขที่แท้จริง says: ดูผิด
จุดหมาย says: ได้แค่ตัวอักษร กับ ตัวเลข
english and number ลองใหม่ครับ
สุขที่แท้จริง says: ชื่อโหลจัง
แดนสุข ชื่อ และ พาสเวิดด้วยสิ
สุขที่แท้จริง says: อ้าว พาสที่ใช้อยู่ ใช้ไม่ได้เหรอคะ
จุดหมาย says: ใช่ครับ ลองเปลี่ยนสิครับ password ไม่ผ่าน
พี่ต้องลองใช้ password หลาย ๆ ตัวนะ
สุขที่แท้จริง says: ไม่เข้าใจ ทำไมไม่ได้
จุดหมาย says: และก้ออย่าใช้คำง่าย ๆ เอาแบบที่มีตัวอักษรผสมตัวเลยด้วยก้อได้นะ
สุขที่แท้จริง says: อ๋อค่ะ
จุดหมาย says: ลองอย่าต่ำซัก 8 ตัวอักษร
สุขที่แท้จริง says: ว้าวววได้แล้ว ใส่ชื่อลงไป ทำไงต่อคะ
จุดหมาย says: ใช่ครับ พี่จะเปลี่ยนป่ะ
สุขที่แท้จริง says: เปลี่ยนอะไรหรือคะ
จุดหมาย says: ชื่อหน่ะ อยากเปลี่ยนมั้ยครับ
สุขที่แท้จริง says: อยากใช้ชื่อเดิมน่ะค่ะจำง่าย
จุดหมาย says: ชื่ออะไรล่ะครับ
สุขที่แท้จริง says: ก็ชื่อพี่ไง
จุดหมาย says: ตามที่โชว์นี้ป่ะ
สุขที่แท้จริง says: walaiporn
จุดหมาย says: อ๋อครับ คิดว่าไม่ได้แน่ ๆ เลยนะ
สุขที่แท้จริง says: แต่ชื่อนั้นเขาบอกว่าใช้ไม่ได้มันซ้ำ เลยต้องใช้ชื่อนี้
จุดหมาย says: คนอื่นคงใช้ไปแล้ว
สุขที่แท้จริง says: อันนี้ใช้ภาษาไทยได้ป่ะ
จุดหมาย says: หมายถืง ชื่อหรือป่าว
สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะใช้ได้ป่ะ
จุดหมาย says: คิดว่าไม่ได้นะครับ แต่ลองก่อนก้อได้
สุขที่แท้จริง says: ช่างมันแค่ชื่อ
จุดหมาย says:ครับ เปลี่ยนภาษาป่ะ
สุขที่แท้จริง says: เปลี่ยนค่ะ กลัวฝาหรั่งอ่านออก
จุดหมาย says: ลุยโลดเลยพี่ ต้องตัวเล็กเท่านั้นครับ
สุขที่แท้จริง says:อ้าว แล้วทำไงล่ะก็มันใหญ่
จุดหมาย says ตัวเลขด้วยครับ
สุขที่แท้จริง says: เอ๋ ยังไงไม่เข้าใจค่ะ แบบเนี้ยเหรอ
จุดหมาย says: ของพี่คงต้องติดต่อไปที่ true แล้วล่ะ มันไม่ยอมให้ upgrade นะ
ตัวเครื่อง proxy ของเขามัน block ตัว main เข้าอินเตอร์เนตนะสิ เดี๋ยวจะโทรไปหาเขาดูนะครับ
สุขที่แท้จริง says: ตอนนี้หรือคะ มีคนทำงานหรือคะ
จุดหมาย says: เขามีตลอด 24 ชม นะ ต้องลองสอบถามเขาก่อน
ถ้าไม่มีคนที่ทำได้นะตอนนี้ เขาจะได้ลงปัญหาเอาไว้ก่อน
สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ยุ่งยากจัง แล้วคนอื่นๆจะทำกันยังไงคะเนี่ย
แดนสุข คือ กด call center อะไรนะครับ ของผมทำง่ายนะครับ
แต่ของพี่ ทาง True ไม่อนุญาต ณ ตอนนี้

สุขที่แท้จริง says: 1686
จุดหมาย says: กำลังโทรไปหานะครับ ต้องรอให้ทาง true เขาโทรมาหาผมก่อนนะ
สุขที่แท้จริง says: แล้วหน้านี้ ปิดไปได้เลยหรือป่ะคะ
จุดหมาย says:ปิดได้เลยครับ พีต้องเก็บรวบรวมไฟล์เอาไว้ด้วยนะ
สุขที่แท้จริง says:ทำไงหรือคะ โห ดึกเลย คุณทำงานเช้าหรือเปล่าคะ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ
จุดหมาย says: อีกแป๊บนะพี่ พี่เก็บไฟล์เอาไว้เป็น folder นะ จะได้ไม่หาย OK พี่ ทำให้แล้วนะ
สุขที่แท้จริง says: หน้าจอทำไมเยอะจัง
จุดหมาย says: ผมเก็บเอาไว้ให้ชุดนึงนะ
สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ได้ค่ะ
จุดหมาย says: อันไหนอ่ะครับ
สุขที่แท้จริง says: หน้าจอไงคะ
จุดหมาย says: OK ป่ะพี่
สุขที่แท้จริง says: กวาดซะเกลี้ยงเลย
จุดหมาย says: ถึงเวลาทำความสะอาดนะครับ

สุขที่แท้จริง says: นี่แหละหนา ส่วนดีของแต่ละคนมี เหตุแต่ละคนสร้างมาแตกต่างกันจริงๆ
จุดหมาย says: ครับ ใช่แล้วครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าทุกคนรู้จักมองส่วนดีของแต่ละคน โลกนี้คงไม่วุ่นวาย

จุดหมาย says: ครับ ใช่เลยนะ

สุขที่แท้จริง says: คนที่รู้ก่อน ย่อมหลบหลีกได้ก่อน

จุดหมาย says: แต่มองแต่ส่วนเสียกันนะ

สุขที่แท้จริง says: คนที่ยังไม่รู้ ย่อมหลงสร้างเหตุต่อไป

จุดหมาย says: ครับ ใช่ ๆ

สุขที่แท้จริง says: พี่ได้จากชีวิตของพี่เลยนะ หลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้

จุดหมาย says: อย่างเช่นอะไร

สุขที่แท้จริง says: ตรงไหนที่เราเป็นเหตุให้คนอื่นๆเขาหลงสร้างเหตุ เราต้องแก้ที่ตัวเรา
อันนี้เกิดที่ทำงานพี่เองหลายๆเรื่อง พี่ว่าจะเขียนในบล็อกแต่ยังไม่ได้เขียน
บนโต๊ะกินข้าว มักจะมีเรื่องนินทาเนืองๆ พี่เลยมองเห็นชัดเจนของการกินข้าวแล้วคุยไปด้วย สติมันไม่ทัน

จุดหมาย says: อืมมครับ รู้สึกว่า project ของพี่นี่ยังค้างอยู่เยอะเลยนะครับเนี่ย

สุขที่แท้จริง says: ไม่รู้จะเขียนเมื่อไหร่ เดี๋ยวนี้ มันเหมือนกับว่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ขี้เกียจเขียน
แต่จริงๆแล้วมีประโยชน์ต่อคนที่ได้เข้ามาอ่าน

จุดหมาย says: อืมม ครับ การกระทำหลาย ๆ อย่างในช่วงระยะเวลาเดียวกันนั้น
หากไม่ได้เจริญสติแล้ว สติย่อมไม่ดีนะครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ สติมันไม่ทัน พอไม่ทันก็กลายเป็นสร้างเหตุใหม่ไปทันที

จุดหมาย says: ครับ ใช่เลย

สุขที่แท้จริง says: พี่เลยงดการกินข้าวร่วมกับคนอื่นๆ ต้องกินคนเดียว ไม่งั้นหลุดน่ะ สติยังไม่ทัน

จุดหมาย says: เข้ากลุ่มกันเมื่อไหร่ โอกาสสร้างเหตุมีได้เนือง ๆ นะครับ

สุขที่แท้จริง says: เวลาเห็นเขาไปกล่าวถึงคนอื่นๆในแง่ที่ไม่ดี ซึ่งพี่รู้เรื่องทั้งหมดดี
เรื่องที่เป็นความลับของบริษัทก็เลยหลุดออกไป พี่เลยกลัวคนที่นำเรื่องมาเล่าให้พี่ฟังจะเดือดร้อน
แก้ต้องแก้ที่ตัวเรา ไม่ไปกล่าวโทษใครๆ ก็เลยงดการกินข้าวร่วมกับคนอื่นๆ กลัวหลุดอีก

จุดหมาย says: ครับ ทำที่ตัวเราเองก่อนนะครับ ทำมานานแล้วเหรอพี่

สุขที่แท้จริง says: คนที่กินข้าวร่วมกันเขาไม่เข้าใจ คืออะไรคะ

จุดหมาย says: แยกตัวออกจากวงกินข้าวหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: ปกติกินข้าวในห้องมาคนเดียวตลอด เพิ่งกินข้าวร่วมกับเขาไม่นาน เหตุเพิ่งเกิด
สภาวะเขาให้พี่เรียนรู้เรื่องสังคมบนโต๊ะกินข้าว

จุดหมาย says:
ครับ พี่ไม่ได้อธิบายอะไรให้เขาเข้าใจ เขาคงคิดไปเองตามกิเลสที่มีอยู่กันเนือง ๆ นะครับ

สุขที่แท้จริง says: ตอนนี้พี่เหมือนเด็กนักเรียนนะ เรียกว่าเรียนรู้ไปเรื่อยๆ แต่ละเหตุ
เป็นเหตุให้เก็บวาจามากขึ้น

จุดหมาย says: อืมมครับ เหตุเกิดมันมีได้ตลอดนะครับ และแปรเปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ
ครับ ส่งผลให้กลายเป็นคนพูดน้อยลงสิครับ

สุขที่แท้จริง says: ปกติเม้าแตกเฉพาะคนที่สนิทกับคนอื่นๆจะไม่ค่อยพูด กลัวเหตุ
อันนี้เรื่องจริงนะ เพราะเมื่อก่อนพี่เป็นคนชอบพูดมาก พูดเก่งจนลิงหลับ หยุดพูดนั่นคือหลับ
ขนาดกินยังไม่หยุดพูดเลย นี่แหละพี่คือเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้ไม่

จุดหมาย says: จริงสิ พูดเก่งแบบนั้นเชียว

สุขที่แท้จริง says: จริงๆ พูดเก่งมากๆ เป็นมาตั้งแต่เด็กๆ

จุดหมาย says: แล้วกลายมาเป็นคนพูดน้อยลงได้กี่ปีแล้วล่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: ไม่ได้สังเกตุนะ มันเป็นไปตามสภาวะ ยิ่งเข้าใจเหตุมากเท่าไหร่ พูดน้อยลงไปเรื่อยๆ

จุดหมาย says: ต้องถามคนที่เขาคลุกคลีกับพี่บ่อย ๆ นั่นแหล่ะครับ ถึงจะรู้ดีนะ
เพราะเขาย่อมเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดแจ๋วเลย

สุขที่แท้จริง says: คนคลุกคลี แต่เหินห่าง คือพี่น้องพี่เอง เขาว่าพี่พูดมากเหมือนเดิม
มันเป็นไปตามสภาวะนะ แปลกดี แต่ละคนที่พี่คุยด้วยจะไม่เหมือนกัน

จุดหมาย says: เรารู้ว่ามันเป็นไปตามสภาวะของเรา แต่คนอื่นเขา ไม่รุ้เรื่องกับเรานะสิพี่

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ พี่กลัวน้องมาสร้างเหตุกับพี่ ก็เลยบอกกับน้องไปว่า นานๆเจอกันจะดีกว่า

จุดหมาย says: น้อง นี่คือน้อง ๆ ทุกๆ คนเลยสิพี่

สุขที่แท้จริง says: น้องจริงๆน่ะค่ะ แล้วก็มีอีกหลายๆคนด้วย มันต้องมีเหตุอ่ะนะ
คือทุกอย่างมันจะมีเหตุให้เป็นไปแบบนั้น มันเป็นเรื่องแปลก หลายๆเรื่อง

จุดหมาย says: ครับ ใช่นะครับ หากไม่สังเกตุ จะไม่รุ้เลยว่ามันแปลกนะ
ต้องบอกว่า หากสติไม่ดี ไม่ทัน จะไม่เห็นเป็นแบบนี้ได้

สุขที่แท้จริง says: สภาวะมันละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ มันจะรู้เอง

จุดหมาย says: ครับ ต้องเจอเองถึงจะเข้าใจนะครับ

สุขที่แท้จริง says: พี่แค่ทำแบบเดิมๆที่เคยทำทุกวันนี้นี่แหละ
วันไหนเบื่อมากๆ ทำรอบเดียว แล้วนั่งดูกายเอา

จุดหมาย says: คำว่า หยาบ กับละเอียด แต่ละคนย่อมมองเห็นไม่เหมือนกันนะพี่

สุขที่แท้จริง says: เหมือนเรื่องสภาวะไอ้โรคจิตที่พี่เขียน หลักๆคือ พี่พูดถึงสภาวะของจิตเห็นจิต

จุดหมาย says: ที่พี่บอกว่า จิตผู้รู้ กับ จิตผู้ดู นะสิ

สุขที่แท้จริง says:
เห็นกิเลสที่เกิดขึ้นในจิตแล้วแสดงออกมาหลากหลายรูปแบบทั้งๆที่เป็นสภาวะเดียวกัน
ผู้รู้กับผู้ดูคนละสภาวะกัน

จุดหมาย says: ครับ สติต้องดีมาก ๆ ถึงจะเห็นแบบนี้ได้นะครับ

สุขที่แท้จริง says: มันคนละเรื่องกับสภาวะนี้นะ ผู้รู้ผู้ดูพี่ใช้พูดในเรื่องสภาวะของสติ สัมปชัญญะ

จุดหมาย says: อ้าว ทุก ๆ สภาวะที่เกิดขึ้นไม่ได้มีตัวผู้รู้ ผู้ดูเกิดขึ้นหรอกเหรอ

สุขที่แท้จริง says: แหมมม มันมีหลายสภาวะตามกำลังของสติ สัมปชัญญะ
ตัวผู้รู้ คือมีตัวเราเข้าไปเกี่ยวข้อง มีการให้ค่าต่อสิ่งที่มากระทบ

ผู้รู้
มีตัวเราเหมือนกัน เพราะยังมีการรู้อยู่ แต่น้อยกว่าตัวผู้รู้

ผู้ดู
ไม่มีเราไปให้ค่าในการกระทบนั้นๆ มันแค่ดู

มันเป็นการทำงานของตัวรู้กับตัวกระทบ

จุดหมาย says: เหมือนกับเป็นวิวัฒนาการของสภาวะเลยนะพี่

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ ตามกำลังของสติ สัมปชัญญะ

จุดหมาย says: ถ้าผมจะเข้าใจว่า จะเริ่มต้นจาก ตัวผู้รู้ ผู้รู้ และสุดท้าย คือ ผู้ดู แบบนี้พอจะได้มั้ย

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เป็นไปตามกำลังของสติ สัมปชัญญะ

จุดหมาย says: หากทำได้แบบนี้แล้ว กำลังของสติ สัมปชัญญะ จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นะครับ

สุขที่แท้จริง says: เริ่มต้นก็จากตัวผู้รู้ ตัวกูของกูนี่แหละ ที่มีอุปทานต่อสิ่งที่มากระทบ
แล้วหลงไปให้ค่า ตัวนี้เป็นตัวก่อภพก่อชาติ พอเจริญสติ ตัวผู้รู้จะเบาบางลง เหลือแค่ผู้รู้
สติ สำคัญมากๆ ทำต่อไปค่ะ

จุดหมาย says: การยึดมั่นถือมั่นนั้น ควรละ ทั้ง ยึดเขา ยึดเรานะครับ

สุขที่แท้จริง says: เรามีต้นทุนเหมือนกันทุกๆคนคือสติ
แต่ตัวสัมปชัญญะนี่สิ ทำยังไงถึงจะเกิดได้ต่อเนื่อง

จุดหมาย says: ครับ ถูกต้องเลยครับ

สุขที่แท้จริง says: เราจึงต้องมาเจริญสติกันเพราะเหตุนี้แหละ

จุดหมาย says: ต้องฝึกฝน และทำให้เป็นกิจลักษณะนะครับ

สุขที่แท้จริง says: หลักๆมีแค่เดินกับนั่งนี่แหละ เดินรู้เท้า นั่งรู้กาย พูดดูเหมือนกะง่ายยย
แต่กว่าจะรู้กายได้ตลอด ไม่อยากเซดดด

จุดหมาย says: การรุ้กายได้นี่ ทำให้เกิดความสุขได้เลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: อ้าวก็มีสมาธิน่ะจะไม่สุขได้ยังไงคะ เรื่องปกติค่ะ
เพียงแต่สุขแบบนี้เป็นสุขที่ละเอียดกว่าสุขภายนอก

จุดหมาย says: ครับ รู้ได้เฉพาะตนเท่านั้นครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2010, 20:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


1 ตค.53

สุขที่แท้จริง says ทุกอย่างล้วนมีเหตุนะ ชีวิตของแต่ละคน มันไม่มีเรื่องบังเอิญหรอก
ยิ่งรู้จักจิตตัวเองมากเท่าไหร่ เราจะเข้าใจคนอื่นๆมากขึ้น เพราะเขากับเราไม่แตกต่างกันหรอก

จุดหมาย says: ครับ ต้องคนที่รู้ ที่เห็น และเข้าใจเท่านั้นแหล่ะครับ ที่สามารถพูดแบบนี้ได้นะ

สุขที่แท้จริง says: แหมมมม อย่าๆๆๆ ไปเจอคนเรียนศาสนาและปรัชญาจะหนาวเลยยย
คนพวกนี้นะเก่งมากๆ เก่งตำรา แต่พูดสภาวะไม่ได้ เพราะไม่ได้ผ่านด้วยตัวเอง ก็แล้วแต่เหตุนะ
พี่แค่พูดให้ฟัง สักวัน เขาย่อมพบทางของเขาเอง จุดเริ่มต้นอาจจะแตกต่างกันไปตามเหตุ

จุดหมาย says: แค่จำเขามาเล่าให้ฟังนะสิครับ จำเก็บเอาไว้เป็น สัญญาติดตัว

สุขที่แท้จริง says: มันเป็นเหตุของเขานะ เวลาพูดคุณต้องดูจิตตัวเองให้ทันด้วย
ว่ากล่าวด้วยความรู้สึกเช่นไร ไม่งั้นมันจะส่งผลให้กับตัวคุณทั้งหมด ต้องระวังนะคะ

จุดหมาย says: ครับ กำลังพยายามอยู่นะครับ

สุขที่แท้จริง says: เมื่อคุณพูดออกมาแล้ว ต้องยอมรับเมื่อผลเกิด
พี่ถึงคอยปรามๆคุณ แต่ก็สนับสนุนให้คุณพูดตามความเป็นจริงที่คุณรู้สึก

จุดหมาย says: ครับ ผมต้องยอมรับนะครับ เพราะว่าตนเองได้เป็นคนก่อเหตุเอง

สุขที่แท้จริง says: ถ้าไม่ล้ม ไม่เจ็บ ย่อมไม่รู้

จุดหมาย says: ครับ อันนี้เป็นเรื่องจริงครับ หากไม่ล้มเลย จะไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร

สุขที่แท้จริง says: การที่คุณพูดในสิ่งที่คุณรู้สึกในขณะนั้นๆ นั่นคือตัวตนที่แท้จริงของคุณ
คุณรู้ตรงนี้ลงไปบ่อยๆ คุณจะเห็นจิตตัวเองได้ไวมากขึ้น ชัดมากขึ้น
เพียงแต่ต้องระวังด้วย ผลบางอย่างมันุรนแรง บางอย่างไม่รุนแรง

จุดหมาย says: ครับ ต้องสร้างสติให้ทันต่อสภาวะที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เราไปคาดเดาไม่ได้ แต่ระวังไว้บ้างยังดีกว่าปล่อยไปจนหมด

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจครับ ต้องพยายามรุ้เท่าทันจิต ณ ขณะนั้น

สุขที่แท้จริง says: เจริญสตินี่แหละค่ะ ผลของการเจริญสติ คือคำตอบของทุกๆเรื่องราวที่สงสัย

จุดหมาย says:
ครับ เมื่อใดเหตุที่เราได้กระทำไปแล้วนั้นมาส่งผล เราจะได้เข้าใจต่อผลที่เกิดขึ้นนะครับ
พูดถึงเรื่อง สัญญา นะครับพี่ สัญญานั้นมีประโยชน์ต่อการเจริญสติ มาก น้อย แค่ไหนครับ

สุขที่แท้จริง says: บอกตามตรงนะ มันไปฟันธงไม่ได้หรอก
สัญญาบางทีก็มาก่อนปัญญา บางทีปัญญามาก่อนสัญญา มันไม่แน่นอน มันแล้วแต่เหตุ

เหมือนบางคนไม่รู้เรื่องสมาธิเลย แต่พอมาทำไปทีเดียวได้ฌานเลย
เห็นไหม สภาวะถูกกระตุ้น ตัวสัญญาเลยเกิด

ฉะนั้นจะไปเจาะจงไม่ได้ มันแล้วแต่เหตุน่ะ
จิตเนี่ยเขามีอะไรมากมาย ที่น่าศึกษา น่าค้นหา มันมีไม่รู้จบในตอนนี้

จุดหมาย says: อืมมครับ เข้าใจนะครับ แล้วแต่วิบากกรรมจะส่งผล ณ ช่วงเวลาใดนะครับ
ครับ วันนี้มีความคิดเรื่อง การเกิดของมนุษย์นะครับ อาจฟังดูแล้วเป็นปัญหา อาจิณไตยนะครับ
ว่ามนุษย์จริง ๆ แล้วเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

สุขที่แท้จริง says: ไม่เสียหายอะไรนี่คะ การคิดพิจรณา หางานให้จิตทำ

จุดหมาย says:การให้จิตเขามีงานทำนี่ มีได้หลายทางเลยนะ อะไร ๆ ก้อเริ่มจากเหตุทั้งนั้นเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละคือบทสรุปของทุกๆเรื่องราวในชีวิตของแต่ละคน

จุดหมาย says: หากไม่คิดสร้างเหตุอะไรเลย ย่อมไม่มีผลอะไรตามมาโดยเด็ดขาด
มันเป็นสัจธรรมที่เที่ยงแท้ แน่นอนเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:นั่นสินะ แต่ใครละจะเข้าใจ แม้แต่พระพุทธเจ้า ยังทรงช่วยคนตามเหตุเลย

จุดหมาย says: ใช่ครับ จะมีใครซักกี่คนล่ะที่จะเห็นและเข้าใจได้ตามนี้

สุขที่แท้จริง says: ดูตัวเองดีกว่า เลื่อนลอย ไปคิดแบบนั้น
นี่แหละสัจธรรมที่ปฏิเสธไม่ได้ ดูตัวเองดีที่สุด

จุดหมาย says: ใช่ครับ สนใจดูตัวเองดีกว่า ดูตัวเองให้เห็นแล้ว คราวนี้ไม่อยากพูดถึงเลยนะครับ
ว่าหลังจากนั้นแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป

สุขที่แท้จริง says: จำไว้นะ

จุดหมาย says: ครับ จะจำเอาไว้นะครับ ตกลงไม่ remote เข้ามาดูเหรอ ว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร

สุขที่แท้จริง says: ทำไงคะ ทำไม่เป็น อยากลองทำเหมือนกัน

จุดหมาย says: กดให้หน่อยสิพี่ เห็นป่ะ

สุขที่แท้จริง says: ทำไมมันลายแบบนั้น

จุดหมาย says: มันมองไม่ค่อยเห็นอะไรเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says: อ้าว แล้วเวลาที่คุณเข้ามาเครื่องของพี่ เห็นชัดได้ยังไง

จุดหมาย says: ตอนนี้ชัดหรือยังล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ชัดละ แค่หน้าเอ็มค่ะ อ๋อ เห็นแล้วค่ะ ชัดเลยค่ะ

จุดหมาย says: ลองทำดูมั้ยล่ะ คลิกเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: คลิกตรงไหนคะ

จุดหมาย says: พี่เห็นอะไรบ้างล่ะตอนนี้หน่ะ

สุขที่แท้จริง says: อ๋อ มันพับแต่ละหน้าได้ เมื่อกี้ลองพับหน้าเอ็มของคุณดู

จุดหมาย says: ใช่ครับ มันพับได้ มันก้อเหมือนกับอยู่หน้าเครื่องของพี่นั่นแหล่ะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ เด๋ยวนี้สภาวะเขามีอะไรให้รู้เยอะมากขึ้น
แต่ละวันไม่แน่นอน บางวันไม่มีเลยก็มีนะ บางวันแค่เรื่องเดียวสั้นๆ

จุดหมาย says: ครับ แล้วแต่ว่าเขาจะเกิดอะไรขึ้นมา ณ วัน ๆ นั้นนะครับ

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่ว่าจิตเขาจะพิจราณาอะไร มันจะขึ้นมาเอง
พี่ก็มีหน้าที่จดๆๆๆๆๆๆ บางทีก็มีนะ ต่อมเอ๊ะ มันเอ๊ะทำนองว่า เราไปเอาเรื่องเหล่านี้มาจากไหน

จุดหมาย says: พอขึ้นมาปุ๊บ คราวนี้เลยเกิดเป็นเรื่องเลยสินะพี่ ทำให้เรามีหน้าที่ต้องทำทันทีเลย

สุขที่แท้จริง says: แล้วเอ๊ะนี้ก็จะหายไปเอง เพราะรู้ว่า เมื่อเห็นรายละเอียดมากขึ้น
มันจะมีเรื่องให้เขียนมากขึ้น

จุดหมาย says: หายไปตอนไหน เราไม่รู้หรอกหรือ

สุขที่แท้จริง says: รู้สิ หายเพราะมันแค่รู้ว่าเอ๊ะ แต่ไม่ไปหาคำตอบ

จุดหมาย says: นั่นสินะพี่ ต้องเขียนให้ทันต่อสิ่งที่เกิดขึ้นสินะครับ

สุขที่แท้จริง says: เอ๊ะเพราะรู้ว่าเอ๊ะ แค่นั้นพอ บางทีก็ไม่ทันหรอก บางครั้งมันเกิดตอนนั่ง

จุดหมาย says: อืมมม พอรู้แค่นี้แล้วจบเลย

สุขที่แท้จริง says: เมื่อเลิกนั่งก็ลืมหมดแล้ว แต่ไม่ได้สนใจ มันแค่สภาวะ ถ้าจำได้ มันจะจำได้เอง

จุดหมาย says: อ้อ อาวุธไม่อยุ่ในมือสินะครับ

สุขที่แท้จริง says: เปล่า ถ้านั่งแล้วพี่จะไม่เขียนอะไร มันไม่เหมือนเดิน

จุดหมาย says: ไม่เป็นแค่เพียงความคิดสินะ ตอนนั่งต้องการทำสมาธิมากกว่าเหรอ

สุขที่แท้จริง says: ถ้าเดินคือแค่รู้ แต่ไม่ได้ไปจดจ้อง คือจดๆตามความคิดที่เกิดขึ้น

จุดหมาย says: คือมันมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นเยอะนะครับ

สุขที่แท้จริง says: แต่นั่งนี่ไม่ได้ เท่ากับเราไปจดจ้อง มันจะกลายเป็นมีเราเข้าไปในนั้น
เลยกลายเป็นการปรุงแต่งจากตัวเราเอง

จุดหมาย says: ทำนองว่าเราเพ่งดู ประมาณนั้นสินะครับ

สุขที่แท้จริง says:ไม่รู้สิ ปรุงแต่งก้คือปรุงแต่ง มันไม่ใช่ตามความคิดที่เกิดขึ้นเองจริงๆ

จุดหมาย says:ครับ อันนี้เข้าข่ายทำนองที่คุยกันเมื่อคืนนี้เลยสิพี่ ตัวผุ้รู้ เขาเกิด

สุขที่แท้จริง says: ตัวกูไง เรียกแบบสุภาพหน่อยก้ตัวผู้รู้

แดนสุข คือ จุดหมาย says: อ๋อครับ เรียกมันแบบง่าย ๆ นี่ เข้าใจดีกว่ากันเยอะเลยนะ

สุขที่แท้จริง says: สิ่งใดที่มีเราเข้าไปเกี่ยวข้อง ล้วนเป็นการปรุงแต่ง
สภาวะนี่สุดยอดเลยนะ ไปยึดอะไรไม่ได้เลย จะเที่ยงคืนแล้ว

จุดหมาย says: แบบไหนล่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: เมื่อก่อนนอนตีห้าตื่นหกโมงเช้านี่สบายมากๆ เดี๋ยวนี้ไม่ได้เลย
แค่เที่ยงคืนเหมือนจะตายยย

จุดหมาย says: อ๋อ ๆ สภาวะยาขยันนั่นสินะพี่

สุขที่แท้จริง says: นอนตั้งหกชม. มันจะนอนอะไรกันนักกันหนา

จุดหมาย says: จริง ๆ แล้วมันเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับปุถุชน คนธรรมดานะพี่

สุขที่แท้จริง says: เมื่อก่อนนอนแค่ชม.สองชม.บางคืนนั่งต่อทั้งคืน ยังไม่กระเทือนเลย

จุดหมาย says: ครับ สภาวะเขาแปรเปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ นะครับ

สุขที่แท้จริง says:ใช่เลยย เขามาสอนตลอดไม่ให้เราไปยึดมั่นถือมั่นต่อทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้น

จุดหมาย says: สอนว่าอย่างไร

สุขที่แท้จริง says: มันแปรเปลี่ยนตลอด ตัวแปรคือเหตุ

จุดหมาย says: อ้อ เป็นหัวใจสำคัญของสิ่งใด ๆ ทั้งปวงเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่เลย ฉะนั้น จงทำตามหน้าที่ต่อไป

จุดหมาย says: ครับ ใช่เลยครับ

สุขที่แท้จริง says: คุณคงไม่ไปคาดหวังผลอีกแล้วนะ หรือยังคาดหวังผลอีกก็แล้วแต่เหตุนะ
มันห้ามกันไม่ได้หรอก

แดนสุข คือ จุดหมาย says: เราต้องทำตามหน้าที่ของเราให้ได้แบบต่อเนื่อง

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น อย่าโกหก

จุดหมาย says: ครับ คงแล้วแต่เหตุอย่างเดียวเท่านั้นแหล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ถ้าโกหกแม้กระทั่งตัวเองนี่ ก็แล้วแต่เหตุอีกนะ

จุดหมาย says:ครับ ถูกต้องเลยครับพุดอะไรมามากมาย สุดท้ายก้อมาลงที่ตรงนี้ทุกทีเลยจริง ๆครับ

สุขที่แท้จริง says: จบข่าวว

จุดหมาย says: ที่ทำงานพี่ใช้เนตได้ป่ะ ลองเอาไปใช้ดูสิ

สุขที่แท้จริง says: ใช้ได้ แต่พี่ไม่เล่น มันผิดศิลนะ

จุดหมาย says: อ๊ะยังไงครับ

สุขที่แท้จริง says: อ้าวไม่รู้เหรอว่าผิดศิล เราไปเบียดเบียนบริษัท

จุดหมาย says: อ้าวเกี่ยวกันด้วยเหรอพี่

สุขที่แท้จริง says: เกี่ยวสิคะ

จุดหมาย says: เขามีเอาไว้ให้เราทำงานไม่ใช่เหรอ

สุขที่แท้จริง says: เวลาทำงาน ควรตั้งใจทำงาน คอมฯเป็นทรัพย์สินของบริษัท

จุดหมาย says: อ๋อ เข้าใจล่ะ

สุขที่แท้จริง says: ถ้าเจ้าของเขารู้ ถ้าถามว่าเขาจะอนุญาติไหม ไม่มีใครอนุญาติหรอก

จุดหมาย says:คือที่ผมแนะนำไปหน่ะ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ แค่อยากรู้ว่า จะเป็นเหมือนกันหรือป่าว
ว่าแต่ของที่ทำงานเขาใช้อินเตอร์เน๊ตของอะไร

สุขที่แท้จริง says: อืมมม ไม่เอาดีกว่าค่ะ คุณนี่จริงๆเลย อะไรที่ทำบ่อยๆก็เป็นอาจิณกรรมได้นะคะ

จุดหมาย says: ครับ ขอบคุณครับที่เตือน แต่ว่ามันสร้างเหตุไปแล้วล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: เดี๋ยวเวลาตายพี่ไปนึกถึงคอมฯของบริษัทล่ะตายยเลยย เป็นผีอินเตอร์เน็ต

จุดหมาย says: คิดได้ไงเนี่ย สุดยอดเลยนะ

สุขที่แท้จริง says: จิตนี่ประมาทไม่ได้นะคะ ไวยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ จิตเขาเกิดไว ไปไว สติไม่ทันนี่ ก่อเหตุได้ตลอดเลย

สุขที่แท้จริง says: แม่นน คุณเองสร้างเหตุมาด้านนี้ เรื่องปกตินะ ที่คุณไม่คิดแบบที่พี่คิด

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says: ดูไปตามความเป็นจริงค่ะ เหตุของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ไม่ต้องไปพยายาทำอะไรเพิ่มเติม แค่เจริญสติต่อไปนี่แหละ แล้วสภาวะจะจบลงด้วยตัวสภาวะเอง

จุดหมาย says: ครับ ทำแค่นี้พอนะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2010, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


2 ตค.53

สุขที่แท้จริง says:วันนี้ฝนตกหนักมากๆตอนกลับบ้าน พี่มองสภาพแล้วมันก็คิด

จุดหมาย says:ครับ ที่นี่่ก้อเหมือนกันนะครับ ตอนช่วงประมาณตอน 5 โมงกว่า ๆ ฝนตกแรงมากๆ เลย

สุขที่แท้จริง says: เออเนอะ นี่ถ้ายังขับมอไซค์อยู่ คงแย่ เมื่อก่อนเราไปคิดอะไรอยู่นะ
ถึงได้ไม่ใช้รถบริษัท เพราะสติยังไม่ทันจริงๆ เลยมองไม่เห็นเหตุ

จุดหมาย says: อืมมมครับ แล้วตอนนี้พี่เห็นเหตุตรงนั้นหรือยังล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไม่เคยใช้ จริงแล้วรถเขามีตลอดมาตั้งแต่แรก ไม่เห็น เห็นแต่ตัวโง่

จุดหมาย says: อ๋อ เพราะความไม่เคย เลยทำให้เกิดความคิดที่ไม่เหมือนกับตอนนี้นะสิครับ

สุขที่แท้จริง says: ย้อนอดีตกลับไป เห็นแต่ความโง่ของตัวเอง ทำไมนะถึงมองไม่ชัดแบบนี้

แดนสุข คือ จุดหมาย says: แบบนี้เข้าข่ายนี้เลยนะครับ ความคิดมันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

สุขที่แท้จริง says: มันไม่ใช่ความคิดนะคะ มันเป็นเรื่องของการมองเห็น

จุดหมาย says: อืมมม เรื่องของสตินะเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:ไม่รู้สิ ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรเอาแค่เรียกว่า รู้จักใช้ชีวิตมากขึ้น
เพราะจะทำอะไร มันมองแต่เหตุ ทำปั๊บ รู้ทันทีว่าผลจะเป็นยังไง

จุดหมาย says: อืมมครับ มีการพิจารณาการดำเนินชีวิตมากขึ้นล่ะสิพี่

สุขที่แท้จริง says: แต่บางทีก็ดูไม่ทัน เสียท่าไปก่อน

จุดหมาย says: อ๋อ ทำเหตุปุ๊บ เห็นผลทันตาเลย ประมาณนั้นนะสิ
ครับ เสียท่ายังดีกว่าเสียโง่อยู่บ่อยๆ นะครับ
ถือว่าเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิต และเพิ่มพูนตัวรู้ต่อตัวเรา

สุขที่แท้จริง says: เราต้องโง่มาก่อนที่จะรู้ มันถึงได้มีผลมาแสดงให้เห็น
ถึงต้องเวียนวนอยู่ในวัฏฏะแบบนี้ เพราะความโง่นี่แหละ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ ต้องผิดมาก่อนแล้วถึงจะรู้ได้

สุขที่แท้จริง says:มันมีแต่สติ แต่ตัวปัญญายังไม่เกิด มันจึงรู้ชัดในสิ่งที่เกิดขึ้นยังไม่ได้
เมื่อยังไม่รู้ชัดได้ มันก็เลยไม่สามารถแยกแยะถูกผิดได้ มีแต่เอาความคิดของตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วม

จุดหมาย says: อืมมม นั่นสินะ ตัวปัญญานี่เขาจะเกิดนะเขาจะเกิดเอง
แต่ว่าไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: เมื่อใดที่คุณมีความรู้สึกตัว เมื่อนั้นคุณจะรู้ชัดในสิ่งที่กำลังกระทำอยู่
เมื่อรู้ชัดในสิ่งที่กระทำอยู่ได้เนืองๆ

จุดหมาย says: ครับ ยังยึดติดอยู่ในตัวเรา ของเรา แบบนี้อยู่บ่อย ๆ แล้ว
ตัวปัญญาที่ไหนจะเกิดขึ้นได้บ่่อย ๆ นะครับ

สุขที่แท้จริง says: ตัวปัญญาหรือตัวรู้ซ้อนตัวรู้เขาจะเกิดเอง คุณหมั่นรู้ในกายไปสิ
อย่าไปยึดติดกับคำเรียก มีเวลาว่างตอนไหนก็หมั่นรู้กายไป รู้อยู่ในกายไป

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ ยิ่งยึดติดอยู่กับคำเรียก ยิ่งก่อให้เกิดความสงสัยอยู่เนือง ๆ เลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ทำวันละเล็กละน้อยตามกำลังตามความสะดวกสะสมไป

จุดหมาย says: ครับ ต้องพยายามรู้อยู่ในกายของตนให้ได้บ่อย ๆ เลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ทำแค่นี้ ทำบ่อยๆ อีกหน่อยคุณก้จะสามารถรู้อยู่ในกายได้มากขึ้นเรื่อยๆเอง

จุดหมาย says: เดี๋ยวนี้สำหรับผมแล้ว จะรู้เรื่องของลมหายใจได้คล่อง และบ่อย ๆ ครับ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ รู้แบบนั้น

จุดหมาย says: คือพอรู้สึกตัวแล้ว เหมือนกับเราหายใจได้โล่ง ๆ มากเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: อีกหน่อยมันจะมีแต่ความว่าง ความว่างจากลมหายใจ
แต่อาศัยความว่างรู้แทนลมหายใจ เหตุเนื่องจากว่า เมื่อคุณสามารถรู้ลมได้ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ
ลมหายใจมันจะละเอียดมากขึ้น แรกๆจะรู้ชัดในความหยาบของลมหายใจก่อน

พอจากหยาบ มันจะรู้ลงในความละเอียดของลมหายใจมากขึ้นเรื่อยๆ
จนกลายเป็นคนที่มีลมหายใจละเอียด คือมันจะจับลมหายใจไม่ได้

คุณจะรู้สึกถึงความว่าง มันจะเป็นไปตามสเตปนะ
ความว่างของลม คือความละเอียดของลม แล้วคุณจะรู้อยู่ในกายได้ตลอด

จุดหมาย says: จะเกิดสภาวะนี้ได้ต้องอาศัยการทำให้ต่อเนื่องอย่างเดียวเท่านั้นสินะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ ทำต่อเนื่อง เมื่อรู้อยู่ในกายได้
คุณจะเรียนรู้ในจิตตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ มันจะสนใจเรื่องนอกกายน้อยลง

จุดหมาย says:คำว่ารู้อยู่ในกายได้ตลอดนี้ หมายถึงทุก ๆ ส่วนของร่างกาย
หรือว่าส่วนใดส่วนหนึ่งเท้านั้นล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says: มันรู้ไปทีละจุดก่อนในตอนแรกๆ มันจะรู้เอง
ที่ว่ารู้ทีละจุดคือรู้ชัด แต่ที่รู้น่ะรู้ทั้งตัว แต่จะรู้ชัดทีละจุด มันจะแยกกันทำงาน

จุดหมาย says: อ๋อครับ ขึ้นอยู่กับกำลังของสติ สัมปชัญญะ และสมาธิ ณ ขณะนั้นนะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่เลยยย ความคิดที่เกิดในขณะที่จิตเป็นสมาธิ มันก็จะมีแต่คิดพิจรณา
ไม่ก่อให้เกิดผลกับสมาธิแต่อย่างใด ต่อให้คุณไอ คุณก้รู้ว่าไอ แต่จิตยังคงเป็นสมาธิอย่างต่อเนื่อง

จุดหมาย says:
อืมมครับ นี่ขนาดผมรู้สึกได้แค่เพียงบางจุดเท่านั้นนะครับ ยังรู้สึกได้ถึงความสุขที่เกิดขึ้นนะ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ แรกๆสุขมากๆ พอคุณรู้สึกตัวนี้ได้บ่อยๆ คุณแค่รู้มันไป

จุดหมาย says: ถ้าหากว่ารู้ได้ทั้งตัวแล้ว จะสุขมากแค่ไหนกันนะ ไม่อยากจะคาดคิดเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says: พี่ถึงบอกไง ไม่ต้องไปกลัวว่าจะติดสุข ปล่อยไปตามสภาวะ
สุขมากๆ เดี๋ยวจิตเขาเบื่อหน่ายเอง แล้วสุขจะหายไปเอง

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ บางครั้งผมก้อรู้สึกว่า มันเกิดขึ้นบ่อย ๆ แล้ว บางทีมันก้อน่าเบื่อนะ

สุขที่แท้จริง says: สภาวะเขาสอนทุกๆเรื่อง เรามีหน้าที่คือเจริญสติ

จุดหมาย says:
ครับ หน้าที่ของเรามีแค่นี้แหล่ะ หากว่าเราไม่อยากจะเวียน ตาย เวียน เกิด อยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆนะ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ รู้นอกกาย มีแต่จะกระทำแต่เรื่องโง่ๆออกไป รู้ในกายได้ มีแต่การดับที่เหตุ

จุดหมาย says: ครับ แค่ตอบสนองความต้องการของกิเลสที่คอยจ้องเข้ามาหานะครับ

สุขที่แท้จริง says: ไอ้ตัวกูรู้ กูดี กูเก่งนี่ ถ้าภาษาบ้านๆต้องบอกว่าน่าตบกระบาลตัวเอง
มันชอบอวด อวดว่ารู้อะไร ต้องตะโกนบอกชาวบ้าน กูรู้แล้วเฟ๊ยยย เนี่ยผ่านมาหมดแล้ว

จุดหมาย says: อืมม ครับ ตัวนี้มันมีกันทุก ๆ คนเลยนะครับ สำหรับคนที่ยังมีกิเลสอยู่หน่ะ

สุขที่แท้จริง says: แล้วก็ไปเจอคนที่บอกว่ากูก็รู้เฟ๊ยยย เถียงกันสิ กลายเป็นเหตุแล้วเห็นไหม

จุดหมาย says: ไม่อยากจะคิดต่อเลยนะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหน่ะ

สุขที่แท้จริง says: มีแต่เหตุนะ พี่ถึงชอบเขียนบล็อก เราเขียนของเราจะได้ดูกิเลสไปด้วย
ไปเขียนกับชาวบ้าน มีแต่เหตุ

จุดหมาย says:ครับ กว่าที่่เราจะเห็น และเข้าใจในเรื่องเหตุได้นี่ ไม่อยากจะเซดดดดดดดดเลยนะพี่

สุขที่แท้จริง says: ช่ายยย โง่มาเยอะ


จุดหมาย says: ครับ ต้องยอมรับความโง่ ของตัวเองให้ได้นะครับ
ไม่เช่นนั้นแล้ว ยังไม่สามารถเห็นและเข้าใจในเหตุได้ง่าย ๆ หรอก

สุขที่แท้จริง says: เวลาอ่านสภาวะของตัวเอง ได้ทบทวนสภาวะไปด้วย
ไม่น่าเชื่อว่า สภาวะเขาจะเปลี่ยนเราไปทุกๆอย่าง เปลี่ยนไปในทางลด ละ เลิก

จุดหมาย says: อืมมมนะ พี่คงจะขำตัวเองบ่อย ๆ สินะ

สุขที่แท้จริง says: สมเพชตัวเองล่ะไม่ว่า ไม่ขำหรอก เพราะมันมีแต่การสร้างเหตุไปด้วยความไม่รู้

จุดหมาย says: คงมีครบทุกรส ชาติ เลยแหล่ะมั้งพี่

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เรียนแรกๆทุกข์ ทุกข์เพราะความไม่รู้ แต่ตอนนี้ยิ่งเรียนยิ่งสนุก
เพราะไม่ต้องไปถามกับใครๆว่านี่คืออะไร เดี๋ยวได้คำตอบเอง จากสภาวะนี่แหละ

จุดหมาย says: เพราะว่าจับหลักถูกล่ะสิพี่

สุขที่แท้จริง says:ค่ะ มันมีแค่เรื่องกายและจิตเรานี่แหละ

จุดหมาย says: ทุกข์เพราะความไม่รู้ อันเกิดมาจาก ความอยาก นี่ล่ะสิพี่

สุขที่แท้จริง says: มื่อก่อนไม่รู้ จับไม่ถูก มัวไปมองชาวบ้าน ไปมองกิเลสเขา
หลงไปเล่นกับกิเลสของเขา แค่ของตัวเองก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไง

จุดหมาย says:
ประมาณว่าสนใจต่อสิ่งนอกกาย ไม่ยอมมาสนใจในกายของตัวเองเหมือนกับปัจจุบันนี้ล่ะสิครับ

สุขที่แท้จริง says: กิเลสมันสนุกนะ ที่สนุกเพราะยังไม่รู้
เมื่อก่อนมันหนักไปทางสมาธิ มันเลยมองเห็นอะไรไม่ชัดเจน

จุดหมาย says: ไม่รู้ว่า ทุก ๆ คน จะเป็นเหมือนกันแบบนี้หมดเลยหรือป่าวนะ

สุขที่แท้จริง says: เหมือนกันค่ะ ไม่มีแตกต่าง ที่แตกต่างคือเหตุที่ทำมา เส้นทางเลยแตกต่าง
แต่พอมีความรู้สึกเกิดขึ้นแล้ว เหมือนกันหมดแหละค่ะ ไม่ว่าจะชาติไหน ภาษาไหน

จุดหมาย says: ครับ เพราะว่าทุก ๆ คนนั้นมีเครื่องมือ เหมือน ๆ กันเลยนะครับ
สนใจในสมาธิ เพราะว่าสนใจต่อความสงบ ความนิ่ง ใช่มั้ยครับ
ความเพลิน นี่ถือว่าเป็น ความหลงสินะพี่

สุขที่แท้จริง says: จะเรียกว่าสนใจก็ไม่เชิงหรอกนะ
เรียกว่าโมหะ คือความหลง ความเผลอ คือสติไม่ทัน เราเหมือนกันหมดนะคุณ

จุดหมาย says: ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่า จะใช้เครื่องมือนั้น หรือว่าใช้เครื่องมือนั้นได้เหมาะสมหรือไม่

สุขที่แท้จริง says: ไม่มีความแตกต่างกันหรอก ที่มาเรียกว่าปถุชนหรืออริยะน่ะ กิเลสทั้งนั้นแหละ
ปถุชนก็กิเลส อริยะก็กิเลส กิเลสให้ค่าไง

จุดหมาย says: ครับ ยึดติดต่อการให้ค่ากันนะครับ แล้วก้อมาถกเถียงกันไป ถกเถึยงกันมา

สุขที่แท้จริง says:ความเพลิน นี่ถือว่าเป็น ความหลงสินะพี่ .... สติไม่ทันไง สัมปชัญญะก็เลยเกิดไม่ได้
นั่นแหละต้นตอของเหตุ แต่จริงๆแล้วมันคือผลของในอดีตที่ทำมา
แล้วมากลายเป็นเหตุที่สร้างขึ้นมาใหม่ด้วยความไม่รู้

จุดหมาย says: อืมมมครับ วิบากกรรมส่งผลนะพี่
หากสติทันต่อวิบากกรรมที่ส่งผล ณ ตอนนั้นแล้ว เหตุใหม่ คงจะไม่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ

สุขที่แท้จริง says: เพราะความไม่รู้ไง มันก็เลยมีการสร้างเหตุไม่รู้จบ เห็นไหม ยิ่งเรียนยิ่งสนุก
มันจึงไม่ไปยึดติดหรือไปเกาะเกี่ยวกับสภาวะที่เกิดขึ้น

หากสติไม่ทัน ย่อมมีการเกาะเกี่ยวอยู่ ส่วนจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับกำลังของสติ
แต่สนุกยังไงก็น่าเบื่ออยู่ดี ชีวิตมันมีแค่นี้เอง

ที่ว่าทำๆแล้วทุกข์น่ะ ล้วนเกิดจากความอยาก ความคาดหวัง การเปรียบเทียบทั้งสิ้น
ถ้าทำแล้วแค่รู้นะว่า อ๋อ กิเลสตัวนี้ๆเรายังมี เรายอมรับมัน ไม่ไปชอบใจหรือไม่ชอบใจมัน
มันก็จะไม่ไปทุกข์ ก็มันเป็นความจริงนี่นา ยอมรับไปซะก็จบ แล้วเจริญสติต่อไป

จุดหมาย says: ครับ หน้าที่ของเรามีแค่นี้นี่นะพี่

สุขที่แท้จริง says: มีแค่นี้จริงๆค่ะ แค่ทำอย่างเดียว ทำต่อเนื่อง เวลามากน้อยไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ทำแล้ว สภาวะอะไรเกิดให้แค่รู้ อย่าไปให้ค่า อย่าคาดหวัง อย่าอยาก
ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น แค่ยอมรับ เพราะเราไปห้ามมันไม่ได้

จุดหมาย says: ครับ นี่แหล่ะครับ คือหัวใจสำคัญเลย แค่รู้เองนะ

สุขที่แท้จริง says: กิเลสมันอยู่กับเรามานานมากๆ มันบงการชีวิตเรามาตลอด

จุดหมาย says:
นั่นสินะพี่ เพราะความไม่รู้อีกนั่นแหล่ะ เราก้อเลยยังไม่รู้อีกว่ามันอยู่กับเรามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
แต่เมื่อไหร่ที่เรารู้แล้ว เมื่อนั้นแหล่ะมันย่อมไม่เข้ามาแทรกอยู่ในจิตของเราได้ง่าย ๆอีก

สุขที่แท้จริง says: สติค่ะ ด่านแรก

จุดหมาย says: ด่านแรกก้อหินแล้วนะพี่ สำหรับคนที่ยังไม่รุ้หน่ะ

สุขที่แท้จริง says: มีทั้งสติ สัมปชัญญะและสมาธิ ทั้งสามตัวทำงานร่วมกัน จะรู้ชัดในทุกๆสิ่งเอง

จุดหมาย says: ครับ แค่สามตัวเองหน่ะ แค่นี้เองนะครับ

สุขที่แท้จริง says: แล้วแต่เหตุนะ อย่าไปคาดเดาในเรื่องของคนอื่นๆ
เหมือนพี่น่ะ ทำมาด้วยความไม่รู้ พี่เลยไม่รู้ว่ามันหินหรือไม่หิน แต่มาถึงนะวันนี้ต้องบอกว่าอย่าให้เซดดด

ที่ว่าอย่าให้เซดดด เพราะมันให้ค่าใดๆไม่ได้
จะว่ายากก็ไม่ใช่ จะว่าง่ายก็ไม่ใช่ เพราะสภาวะแปรเปลี่ยนตลอดเวลา

จุดหมาย says: ครับพี่ เข้าใจนะครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 17:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


3 ตค .53


สุขที่แท้จริง says: เห็นหน้านี้ไหมคะ

จุดหมาย says: ครับ เห็นแล้วล่ะ เดี๋ยวทำให้เลยนะ เหมือนกันเป๊ะ ๆ เลยแหล่ะ

สุขที่แท้จริง says: นี่แหละ แบบนี้ง่ายดีน่ะค่ะ
คือมันลบทิ้งได้ หลังจากที่ไม่ต้องการข้อความนั้นๆแล้ว พี่ไม่ได้ขยันอะไรมากมายหรอกค่ะ
มันเป็นแค่บางครั้ง แล้วชอบเป็นเวลาเน็ตมีปัญหา เวลาเน็ตดีๆนะ แหมมม มันไม่เคยเป็น

จุดหมาย says: ชอบหางานให้จืตทำล่ะสิท่า

สุขที่แท้จริง says: ประมาณนั้น

จุดหมาย says: อืมมนะ กิเลสมันเริ่มทำงานทันที

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: หลังจากที่เน็ตมันใช้ได้ใช่ป่ะ

สุขที่แท้จริง says: ท้าทายดีนะคะ ได้ดูจิตตัวเองตลอดเวลาทุกๆครั้งที่เกิดการกระทบ
ตอนนี้พี่เลยสนุกกับการปฏิบัติ

จุดหมาย says: อืมมนะพี่ แต่ถ้าดูอยู่นาน ๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มันก้อเลยน่าเบื่อล่ะสิ

สุขที่แท้จริง says: รู้สึกมันท้าทายเรามากๆ เมื่อก่อนไม่รู้สึกแบบนี้นะ
แหมๆๆๆ ไปติดไอ้บัญญัติ ไอ้คำเรียกว่าตัวเองได้เป็นอะไร โง่เป็นบ้าเลย อริยะโง่ๆ

จุดหมาย says: อืมมนะ ผมว่าผมก้อเข้าข่ายนั้นเหมือนกันนะนี่

สุขที่แท้จริง says: เห็นไหม พอเราจับจุดได้ถูก คำเรียกต่างๆไร้ความหมายไปทันที

จุดหมาย says: เพราะว่าความไม่รู้มันมาปิดบังนะ

สุขที่แท้จริง says: แต่เราจะเริ่มสนุกกับการปฏิบัติ
กับการดูจิตของตัวเอง เรียนรู้เรื่องราวของตัวเองในจิตของตัวเอง

จุดหมาย says: เราคิดว่าเราปฏิบัติแล้วเราต้องทำให้ได้แบบนั้น แบบนี้นะสิ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ ไปคิดเอาเองว่า แบบนี้ๆๆๆๆๆ ใช่เลยที่ผ่านๆๆๆมา

จุดหมาย says: ที่ไหนได้ล่ะ โดนกิเลสมันเล่นงานซะตั้งแต่ตอนเริ่มแล้ว

สุขที่แท้จริง says: ที่แท้โง่ไปเต็มเปา แต่ยังไม่รู้ตัว สภาวะมันก็เลยจมอยู่อย่างนั้น
มันไม่ใช่ความอยาก เพราะไม่ได้อยากเป็นอะไร แต่มันละเอียดกว่าความอยาก คือ สภาวะบดบังสภาวะ

พี่อธิบายไม่ถูกนะ รู้แต่เพียงว่าพอผ่านและเข้าใจเรื่องจิตที่แท้จริงได้ มันสนุกนะ
สนุกกับการเรียนรู้ในจิตของตัวเอง เรียนรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงนั้นของเราเป็นอย่างไร
ที่รู้ที่เห็นที่ผ่านๆมา มันแค่หยาบๆ

จุดหมาย says: อืมมม ประมาณเหมือนอย่างวันนี้เลยล่ะสิ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ เหมือนวันนี้ มันดูได้ทันเลยนะ ไม่คิดว่าจะดูได้ทันขาดนี้
แล้วมันก็ยอมรับตามความเป็นจริงที่เป็นด้วย มันไม่อืดอาด

จุดหมาย says: พอผ่านไปปุ๊บ รู้ในตอนนั้นทันที่เลยเหรอพี่

สุขที่แท้จริง says: รู้เลยค่ะ กระทบปั๊บ จับได้ทัน

จุดหมาย says: โอ้สติพี่ทันนะสินะ

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ สติ มันพัฒนาขึ้นไปอีก ไม่เคยจับได้ทันขนาดนี้
คือ เมื่อก่อนรู้นะ แต่รู้แบบทื่อๆ ไม่คมชัดแบบครั้งนี้

ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไรที่รู้ชัดในจิตได้ขนาดนี้ ไม่รู้สึกอะไรนะ
แบบชอบใจหรือไม่ชอบใจน่ะ มันแค่รู้

จุดหมาย says: แต่ว่าสภาวะแบบนี้ สามารถทำให้เราเห็นจิตของเราได้ชัดนะสิพี่
อย่างเช่น ความโกรธ หน่ะ มันเป็นตัวกิเลสแบบหลัก ๆ เลยนี่ครับ

สุขที่แท้จริง says: อันนั้นแบบนั้นไม่ใช่ ที่เบิ้มถามมาเรียกว่าแบบหยาบ
กิเลสทุกๆตัวจะมีสภาวะละเอียดมากขึ้น อย่างตอนนี้สติเราได้แค่นี้ การเห็นกิเลส
ก็จะเห็นได้แค่ตามกำลังของสติที่มีอยู่ในขณะนั้นๆ

จุดหมาย says: อ๋อครับ เมื่อเราเจอด้วยตัวเอง แล้วเราจะรู้เองของเรานะครับ

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: ว่ามันหยาบ หรือว่าละเอียด

สุขที่แท้จริง says: พี่ถึงบอกไง ทุกคนต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ทุกๆความผิดพลาด คือบันไดที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จ เราต้องโง่มาก่อน

จุดหมาย says: แต่สิ่งที่สำคัญเลยทั้งสองแบบนั้นคือ สติเรารู้ทันหรือไม่

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ คิดไม่ถึงนะว่าสภาวะมันจะมีอะไรที่ซับซ้อนที่เรายังไม่รู้นั้นยังมีอีกเยอะ

จุดหมาย says: เมื่อรู้ทันต่อสภาวะที่หยาบ ๆ แล้ว ต่อจากนั้นสภาวะที่ละเอียดมาก ๆ ขึ้น
เขาไปจะหนีเราไปไหนซะล่ะ แต่สภาวะที่ซับซ้อนไปเรื่อยๆ แบบนี้นั้นจะมีวันหมดไปมั้ยล่ะพี่

สุขที่แท้จริง says: อย่าไปคาดเดา ทำไป แหมมม เรื่องละสังโยชน์อะไรต่างๆนั้น หลุมพรางกิเลสทั้งนั้น
หลุมพรางนี่มันเยอะจริงๆเลยนะ

จุดหมาย says: อืมมมนะ บัญญัติที่ตั้ง ๆ กันเอาไว้นี่ เป็นกิเลสที่ซ่อนตัวได้ดีมาก ๆ เลยนะพี่

สุขที่แท้จริง says: ที่เขามีไว้น่ะ เขามีไว้ในแง่บัญญัติ แต่เพราะความไม่รู้
จึงพยายามนำมาเปรียบเทียบกัน นี่ไง สภาวะสุดยอดเลยมั๊ย มีกับดักวางไว้ทุกๆจุด

จุดหมาย says: หากไม่มีบัญญัติ เราก้อไม่สามารถ รู้และเข้าใจอะไร ได้ง่าย ๆ นะพี่

สุขที่แท้จริง says: มีส่วนนะ ในแง่ของบัญญัติ แต่อันนี้พี่พูดในแง่มุมของพี่นะ
จาการที่เติบโตมาโดยสภาวะจริงๆ ไม่ใช่จากบัญญัติ

พี่มองว่า เราควรรู้ทุกอย่างตามความเป็นจริง และยอมรับในสิ่งที่เราเป็น มีหน้าที่คือเจริญสติ
ทำให้ต่อเนื่อง อย่าไปให้ค่าในสิ่งที่เกิดขึ้น โดยการนำคำเรียกต่างๆมาเทียบเคียง ทำแบบนั้นมันมีแต่กิเลส
มันมีแต่ความอยากได้ อยากเป็น และอาจเป็นเหตุให้ไม่สามารถมองเห็นสภาวะตามความเป็นจริงที่เรานั้น

จุดหมาย says: ผมมาพิจารณาดูแล้ว ก้อเหมือนอย่างที่พี่บอกเอาไว้เมื่อกี้แหล่ะนะว่า
สิ่งต่าง ๆ นั้นต้องเกื้อหนุนกันไป

สุขที่แท้จริง says: ใช่ค่ะ เหมือนคุณ
คุณพึ่งพาพี่ในเรื่องแนวทาง พี่พึ่งพาคุณทางเรื่องไอทีเรื่องทางโลก
ทั้งสองเรื่องมันเดินไปด้วยกัน ไม่มีใครดีกว่าใคร

จุดหมาย says: อืมมครับ มีตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ง่าย ๆ เลยนะ
มีสภาวะมาโชว์ให้เราดูแบบ realtime เลย

สุขที่แท้จริง says: สภาวะเขาสอนเราตลอดเวลา อย่าไปยึดติดในสิ่งที่รู้
ทุกสรรพสิ่งล้วนต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน

จุดหมาย says: ครับ ทุกสรรพสิ่ง ย่อมต้องอาศัยและพึ่งพากัน

สุขที่แท้จริง says:
มันไม่ใช่มาบอกว่าตัวเองได้อะไรหรือเป็นอะไร หรือเรียกว่าอะไร มันมีแต่การพึ่งพาซึ่งกันและกัน

จุดหมาย says: ครับ เราต้องยอมรับกันให้ได้

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ

จุดหมาย says: เมื่อยอมรับได้แล้ว เราจะสบายเอง

สุขที่แท้จริง says: ใช่เลยค่ะ สภาวะเขาจะดำเนินของเขาเอง เรามีหน้าที่คือเจริญสติ

จุดหมาย says: ครับ อยู่ทีว่าเราจะรู้ จะขยัน หมั่นเพียร ปฏิบัติหรือป่าวเท่านั้นนะสิครับ

สุขที่แท้จริง says:
จิตเห็นจิต ไม่ใช่แค่เห็นจิต มันจะเห็นแบบหยาบๆ สภาวะซ้อนสภาวะ ซ้อนๆๆๆๆๆ
มันมีความละเอียดอีกมากมายที่เรายังดูไม่ถึง เพราะตอนนี้กำลังของสติเรามีแค่นี้

จุดหมาย says: ครับ จะเข้าใจแบบนี้ได้ต้อง ทำให้มาก ๆ เข้าไว้ก่อน ตุนเอาไว้ให้เยอะ ๆ

สุขที่แท้จริง says: ไม่ต้องไปอยากได้ อยากเป็นอะไรเลยเห็นไหม

จุดหมาย says: ครับ ถ้าไม่ได้มีความอยากเกิดขึ้นแล้ว ทุก ๆ อย่างนั้น ล้วนดูง่าย ๆ เลยนะพี่

สุขที่แท้จริง says: เราแค่ดูตามความเป็นจริง ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง
ดับเหตุที่จะเกิดจากตัวเองคือไปให้ค่า

จุดหมาย says: เราก้อแค่ทำ ๆ ไป

สุขที่แท้จริง says: ความพอใจ ไม่พอใจ นี่แหละเหตุที่จะก่อให้เกิดเหตุไม่รู้จบ
เราจะดูทันได้ ต้องอาศัยสติ

จุดหมาย says: ครับ เหตุหลัก ๆ แล้ว ย่อมหนีไม่พ้นสิ่งเหล่านี้เลยนะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ เหตุมันมีแค่นั้น เกิดที่เรา ก็ต้องดับที่เรา ไม่ใช่ไปดูนอกตัว ไม่ใช่ไปยึดในสิ่งที่คิดว่าตัวเองนั้นเป็น
ตัวเองนั้นรู้ แล้วไปยกตนข่มท่าน ข่มคนอื่นๆ โดยตัวเองดูไม่ทันว่าไปข่มคนอื่นๆนั่นคือเหตุใหม่แล้ว

จุดหมาย says: หากไม่อยากเข้าไปก้าวก่าย กับมันไปจนไม่จบ ไม่สิ้น
เราต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีพร้อมนะ

สุขที่แท้จริง says: นั่นแหละ ดูที่ตัวเอง ทำหน้าที่ที่ควรทำ

จุดหมาย says: ครับ ต้องจำให้ขึ้นใจเอาไว้นะ

สุขที่แท้จริง says: ทุกสรรพสิ่งล้วนพึ่งพากันทั้งทางโลกและทางธรรมดำเนินไปด้วยกัน

จุดหมาย says: จำแล้ว ต้องเอาไปปฏิบัติด้วย

สุขที่แท้จริง says: ไม่ใช่ไปคิดว่าตัวเองเป็นอะไร ได้อะไร แล้วให้ค่าว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นๆ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ ต้องค่อย ๆ ลด ละ เลิก ไปเรื่อย ๆนะครับ

สุขที่แท้จริง says: สติค่ะ เมื่อสติเกิดได้ สัมปชัญญะย่อมเกิดได้ แล้วสมาธิจะไปไหนเสีย
ไม่ต้องไปพยายามทำอะไรเลย เพื่อที่จะให้สมาธิเกิด นี่แหละนะเหตุ จริงๆแล้วแค่ดู

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ นี่แหล่ะเหตุที่เป็นแนวทางที่เราควรจะทำ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2010, 01:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


4 ตค. 53

จุดหมาย ผมจะถามว่า ปกติเวลาที่เรานั่งสมาธิแล้ว
จะรุ้สึกถึงหน้าอกที่เคลื่อนไหวได้ทันทีเลยหรือป่าวครับ

สุขที่แท้จริง แล้วแต่ค่ะ คือจิตสามารถรู้ได้หมด สุดแต่ว่าเขาจะไปรู้ตรงไหนเท่านั้นเอง

จุดหมาย เมื่อวานนี้ตอนนั่ง ๆ แล้วลองสังเกตุดูนะครับ เวลาที่รุ้ที่หน้าอกที่เคลื่อนไหวแล้ว
จะไม่สามารถไปรู้ที่ท้องพองยุบ ในช่วงขณะหนึ่ง

สุขที่แท้จริง บางครั้งก็จะรู้ได้พร้อมทั้งตัวค่ะ มันไม่แน่เสมอไป จะรู้ตรงไหนด็ได้ ขอให้รู้อยู่ในกาย


แดนสุข และพอได้ยินเสียงรถและเสียงรบกวนขึ้นมา ปกติแล้วจะไม่พอใจ แต่เมื่อวานนี้
ได้ยินเสียง สักแต่ว่าเสียง ไม่ส่งผลกระทบต่อจิตที่กำลังทำสมาธิอยู่เลย

สุขที่แท้จริง ค่ะ เรื่องปกติค่ะ ถ้ารู้อยู่ในกายได้ มันจะเป็นแบบนั้นแหละ

จุดหมาย ทำแบบนี้ได้บ่อยๆ แล้วดีล่ะสิครับ

สุขที่แท้จริง กิเลสค่ะ จิตมันไวนะคะ

จุดหมาย ช่ายยยยยยยยยยยยยยย ความอยากมันเข้ามาเยือนอีกแล้วสินะพี่

สุขที่แท้จริง เรื่องธรรมดาค่ะ ดูทันมันก็จบ ไม่คาดหวัง เมื่อไม่คาดหวัง มันก็ไม่มีทั้งผิดหวังและสมหวัง
มันแค่รู้ ทีนี้เวลาเกิดสภาวะอะไรๆ มันจะไม่ไปยึด พอยึดแล้ว มีแต่ความคาเดา
หวังมั่ง ไม่หวังมั่งว่าจะให้เกิดหรือไม่ให้เกิด พอไม่ได้ดั่งใจ เอาละ

จุดหมาย แต่เมื่อคืนวานนะพี่ พอถึงเวลานอนแล้วนะ มันไปฝันอะไรแปลกๆ นะ
ฝันว่าผมไปยุ่งอะไรกับผู้หญิงที่เข้ามีเจ้าของแล้วนะ โดนเจ้าของเขาไล่ล่าตลอดทั้งคืนเลยนะ
ผมเลยนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ แหน่ะ

สุขที่แท้จริง ค่ะ เป็นได้ค่ะ เจ้าหนี้ตามทวงหนี้ค่ะ :b32:
สติคุณยังไม่ทัน คุณเลยวิ่งหนีเขา

จุดหมาย อืมมนะ ท่าทางจะจริงแฮ๊ะ

สุขที่แท้จริง นี่ถ้าฝันอะไรที่มากไปกว่านี้ สติจะทันไหมเนี่ย
การเจริญสติ พอสมาธิมีกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ จะเจอแต่สภาวะแปลกๆมากขึ้น ตัวทดสอบสติ

จุดหมาย อืมมนะ อันนี้ก้อไม่แน่ใจนะครับ เพราะว่าปกติจะเป็นคนที่ไม่ค่อยนอนฝัน สักเท่าไหร่หรอกนะ
แต่มาเมื่อคืนนี้นะ เล่นเอาฝันจนเกือบจะสว่างเลยอ่ะ ตื่นนอนมาเลยรู้สึกเพลีย ๆ เลยนะ

วันนี้ตอนช่วงบ่ายๆ มานะ มีเพื่อนของผมสมัยเรียนนะ โทรมาหา
เขาโทรมาคุยเรื่องของผู้หญิงคนที่เขาเคยมีสัมพันธ์กันนะ แล้วผู้หญิงเกิดไปมีเด็กขึ้นมานะ
แต่ว่าผู้ชายเขาไม่ยอมแต่งงานด้วย สุดท้ายแล้ว ต่างคนต่างก้อแยกทางกันไปหน่ะ
ผู้ชายก้อไปแต่งงานใหม่ มาวันนี้เพื่อนเขาเลยโทรมาถามว่า ยังได้ติดต่อกับผู้หญิงคนนี้อยู่บ้างหรือป่าว
ผมว่าน่าจะซักประมาณเกือบ ๆ สิบปีแล้วมั้งที่ไม่ได้ติดต่อกัน

สุขที่แท้จริง โห ถ้าเด็กยังมีชีวิตก็อายุเกือบสิบปี

จุดหมาย เพื่อนผมเขาอยากจะเห็นหน้าเด็กนะ คือเขาอยากจะเห็นว่าเด็กเป็นอย่างไรบ้างนะ
คือเขาบอกว่าเขาก้อยังไม่แน่ใจนะว่า เด็กคนนั้นจะเป็นลูกของเขาจริงหรือไม่
ประมาณว่าฟีเวอร์คล้าย ๆ กับข่าวคราวตามหน้าหนังสือพีมพ์ และโทรทัศน์ ในตอนนี้เลยนะครับ
คือถ้าหากว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเขาจริง ๆ แล้ว เขาก้ออยากจะช่วยเหลือ อุปการะบ้างนะครับ

ผมก้อว่าอย่างน้อยเพื่อนเขาก้อยังมีความรับผิดชอบอยู่นะ ถึงแม้ว่าระยะเวลามันจะผ่านไปนานซักหน่อย
คงเป็นเพราะว่า คนเราเมื่ออายุเริ่มเยอะมาก ๆ ขึ้นแล้ว ความคิดเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นนะครับ
อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเองนะ

สุขที่แท้จริง ต้องขอบคุณฟิล์ม

จุดหมาย
ผมมาพิจารณาดูแล้วจากเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว เริ่มเห็นความสำคัญของสติมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะพี่
อืมมนะ ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณคุณฟิล์มเขานะ พี่พอจะมีความคิดเห็นต่อเรื่องแบบนี้บ้างหรือป่าวล่ะ

สุขที่แท้จริง ทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุที่ทำมาร่วมกันค่ะ เราทิ้งเขา เขาทิ้งเรา เราทำเขา เขาทำเรา
การตัดวงจรอุบาทว์นี้ มีแต่การเจริญสติเท่านั้นแหละค่ะ ยุติการส้รางเหตุทั้งมวล
ดีก็รู้ ไม่ดีก็รู้ ไม่ไปชอบหรือชัง เพราะดีหรือไม่ดี ล้วนเกิดจากความคิดที่เราไปให้ค่าเอง

การให้ค่า ล้วนเกิดจากเหตุที่เคยทำมาร่วมกัน จึงทำให้กลายเป็นเหตุใหม่ที่สร้างขึ้นมา
จากอารมณ์ความชอบหรือชังที่เกิดจากการให้ค่าในสิ่งที่มากระทบ
เราจงเวียนว่ายในวัฏฏธมายาวนานเพราะเหตุนี้แหละ สร้างเหตุไปด้วยความไม่รู้

จุดหมาย อืมมม สุดท้ายแล้ว มาจบลงที่ความไม่รู้อีกแล้วนะครับ

สุขที่แท้จริง
มันมีแค่นี้จริงๆ สติ เป็นด่านแรกที่ช่วยเรา สัมปชัญญะตัวตอกย้ำ ตัวสมาธิทำให้เห็นกระจ่างแจ้ง

จุดหมาย ทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่าง เกิดขึ้นมาก้อเพราะว่าความไม่รู้นี่แหล่ะหนา

สุขที่แท้จริง ก็เหมือนเรื่องที่คุณเคยนำมาถาม เรื่องแฟนของคุณ ที่พี่บอกว่า จงอยู่กับปัจจุบัน
แต่หากคุณมีจิตเอนเอียงไปตามคำพูดที่เขาขอมา นั่นคือเหตุของคุณ

จุดหมาย อ๋อครับ อะไรจะเกิด ย่อมต้องเกิดตามเหตุที่เราได้ทำลงไปนะครับ

สุขที่แท้จริง ใช่ค่ะ ฉะนั้นอยู่ที่ตัวของคุณเอง

จุดหมาย พี่พอที่จะรู้คำตอบที่ชัดเจนมั้ยล่ะครับ ว่าเหตุใดผลที่ได้รับจึงมาเร็วมาก ๆ

สุขที่แท้จริง
อ้าว ก็สติไง พอมาเจริญสติ มีตัวสัมปชัญญะเกิดแล้ว มันจึงรู้ทันต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อรู้ ก็รู้ผล
ทีนี้ความเคยชินน่ะ มีบ้างการเผลอของคนเรา ถ้าถามว่าเมื่อก่อนนี้เราก็รับผลของกรรมมาตลอด
ทำไมถึงมองไม่เห็น นั่นเพราะตัวสัมชัญญะยังไม่เกิด

จุดหมาย อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง แต่ก่อนนั้นมีแต่สติอย่างเดียว

สุขที่แท้จริง ก็มีนะ สัมปชัญญะไม่ใช่ไม่มี แต่มันกระท่อนกระแท่นไง

จุดหมาย อ๋อ ๆ มีแบบไม่ต่อเนื่องล่ะสิ

สุขที่แท้จริง พอมันสมบูรณ์ มันก็เชื่อมโยงไปถึงสมาธิ ความรู้ชัดมันย่อมเกิด

จุดหมาย ที่นี้เลยเห็นเป็นเรื่อง เป็นราวเลยสินะพี่ เรียกว่าทำปั๊บ เห็นทันทีไม่เนิ่นนาน

สุขที่แท้จริง เลยทำให้กลัวไง ต้องระวังทั้งกาย วาจา ใจ เพราะล้วนส่งผลหมด

จุดหมาย อืมมนะ แบบนี้นี่เอง คนที่รู้แล้ว จึงบอกกันนัก กันหนาว่า มีเหตุแล้วย่อมมีผลตามมา

สุขที่แท้จริง ค่ะ ถ้าเห็นจริง จะระวังตัวมากขึ้น ถ้าเห็นแค่ปาก ก็ยังหลงสร้างเหตุต่อ
เราต้องระวังตัวเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นมาระวังเรา

จุดหมาย อืมมนะ ไม่เข้าไปถึงจิต ถึงใจล่ะสิ

สุขที่แท้จริง
เหมือนถ้าคุณรู้น่ะ คุณจะไปบอกกับคนอื่นๆไหมว่าอย่านะ ระวังนะถ้ามาว่าฉัน จะพูดแบบนั้นไหม

จุดหมาย อืมม ไม่หรอกครับ รู้แล้วแค่หยุดพอ ไม่เข้าไปร่วมด้วยหรอก

สุขที่แท้จริง ถ้าคุณรู้จริง คุณจะระวังตัวเอง ไม่ให้คนอื่นๆมาว่าคุณได้

จุดหมาย ครับ ถ้าหากสติทันตลอดนะครับ สิ่งเหล่านี้ย่อมไม่มีเลย


สุขที่แท้จริง เพราะคุณรู้แล้ว คุณจะระวังตัวเอง ระวังเหตุ ไม่ใช่ไปบอกกับคนอื่นๆว่า
ให้ระวังอย่ามาว่าคุณ อย่ามาละเมิดคุณ

สุขที่แท้จริง แดนสุข คือ จุดหมาย เพราะอะไรทำไมเราต้องระวังตัวเองล่ะ
เพราะเราและเขาไม่แตกต่างกันเลย

จุดหมาย แบบนี้ก้อเข้าข่าย ตัวกู ของกู อีกล่ะสินะ

สุขที่แท้จริง เขาว่าเรา เขาก็รับผลตามที่เขาคิด เขาพูด เขาทำ
เราเองก็เช่นกัน อย่าคิดหลงตัวเองว่ารู้แล้ว ไอ้รู้แล้วนี่แหละตัวดี ตัวหลงสร้างเหตุเยอะกว่าพวกที่ไม่รู้

ตัวนี้แหล่ะ ตัวสร้างเหตุที่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เลยแหล่ะ
เพราะรู้แล้ว แต่รู้ยังไม่จริง รู้แค่คิดเอาเองว่ารู้แล้ว รู้แล้วมันต้องระวังตัวทุกๆเรื่อง

จุดหมาย ถ้ารู้แล้วย่อมปล่อยวางได้เลยนะครับ

สุขที่แท้จริง ถ้ารู้จริง จะไม่ตอบโต้ใครๆ และระวังจุดที่มองเห็นว่าคนอื่นๆสามารถสร้างเหตุกับตัวเองได้

จุดหมาย ครับ ไม่ไปสร้างเหตุใด ๆ อีกต่อ ๆ ไป

สุขที่แท้จริง เพราะคนที่รู้จริงแล้ว ย่อมรู้ถึงผลที่ได้รับดี

จุดหมาย เมื่อระวังตัวเองได้แล้ว คราวนี้ไประวังเหตุที่คนอื่นๆ จะมาสร้างให้กับตนนะครับ

สุขที่แท้จริง แล้วเขาอยากให้คนอื่นๆมาเดือดร้อนเพราะตัวเขาไหม ไม่เลย เขามีแต่เซฟตัวเองเอาไว้

จุดหมาย ใช่ครับ เพราะว่าเหตุทุกข์ เห็นโทษ ของการเวียน ว่าย ตาย เกิด นะสิครับ
ต้องการที่จะหลุดพ้นออกไปจากวัฏฏะสงสารนี้ซะ

นอกเสียจากว่าต้องการจะคอยอยู่ช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ให้พ้นทุกข์ไปด้วยกันทั้งหมด ทั้งมวลเสียก่อน

สุขที่แท้จริง แดนสุข คือ จุดหมาย โห อย่าไปพูดอะไรให้มันดูใหญ่โตนักเลยพ่อเจ้าปะคุ๊นนนนน
แค่กิเลสตัวเองน่ะ ยังคลุกเคล้าอยู่กับมันอยู่เลย

จุดหมาย อ่ะนะพี่

สุขที่แท้จริง เข้าใจน่า คุณน่ะติดดดดด ขอให้ได้พูด มันเท่ห์ดีเหมือนกันนะ

จุดหมาย อิอิ เอาน่า ให้พูดซักหน่อยนะครับ อย่างน้อยยังช่วยทำให้จิตเขาได้คิด
ได้จำ ได้ผ่าน ๆ ตาเอาไว้บ้างนะครับ ดีกว่าเอาจิตไปคิดปรุงแต่งกิเลสอย่างอื่น ๆ หน่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 126 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร