วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 17:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2010, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2010, 21:56
โพสต์: 56

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


17/9/2010
สวัสดีครับ ผมทำสมาธิแล้วมีข้อสงสัย ครับเลยเริ่มศึกษา
คือว่าผมนั่งสมาธิไปสัก 10-30 นาทีแล้วมีอาการ ใจเต้นเร็ว และแรงขึ้น
จนรู้สึกแน่นๆอย่างบอกไม่ถูก ออ คือใช้การบริกรรมว่า พุทธโธ ครับ
แต่รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้นั้งสมาธิครับ ขอคำชี้แนะด้วยครับ
และถ้าจิตมีสมาธิ สว่าง เป็นสุขอย่างมาก แบบไม่เคยเป็นมาก่อนควรทำอย่างไรครับจึงจะผ่านจุดนี้ไปได้

ขอบคุณครับ ผมน้อมนำ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสะระณะครับ
อนุโมทนากันผู้เจริญในธรรมครับ

20/9/2010
ตอนนี้มาเน้นการตามดูสภาวะที่เกิดขึ้นเองโดยผ่านทาง ตา หู จมูก ลิ้นกาย ใจ ในชีวิตประจำวันครับ
เมื่อตามดูไปเรื่อยๆ ความทื่อๆ หรือเฉยก็หายไป มีความยินดี อืม ตอนพิมพ์นี้ ผมนึกได้ว่าผมลืมกำหนดยินดี นี่เอง จึงทำให้ สักพักความทื่อๆ ก็กลับมาแต่นานเหมือนกันกว่าจะกลับมาใหม่
รู้สึกว่าตามอารมณ์นึกคิดไม่คอยจะทันเลย มันเกิดขึ้นเองเร็วมากๆ ส่านการนั่งสมาธิก็ปฎิบัติอยู่
แต่เดี่ยวมันก็เหมื่อนไม่สงบมันคิดไปเองโดยที่เราไม่รู้สึก เหมือนไม่คิดนะ แต่มันคิดไปของมันเอง
โดยเราไม่รู้ตัวเลย การมีสติอยู่กับลมหายใจอยู่ได้สักพักมันก็ลืม ลืมกำหนด ลืมกำหนดไปเฉยเลย ลืมไปใหนก็ไม่รู้ แล้วก็มีสติขึ้นมาเองโดยเราไม่ค่อยจะรู้ตัวเลยอีกครั่ง อืม แต่อาการใจเต็นเร็วหายไปแล้ว โดยเรากำหนดตามสภาวะที่มันเป็นเองนั้น แต่กำหนดตามการเปลี่ยนไปของจิตไม่ทันหรือยังไงกันครับ แต่ผมก็เชื่อว่าการทำสมาธิก็เป็นการระงับกิเลส อาสวะทางหนึ่ง โดยรู้ทันอาการที่เปลี้ยนไปไม่คิดเหลวใหลนอกลู่นอกทางไปกับกิเลสหรืออะไรที่เป็นปัจจัยภายนอกที่เราไม่รู้ตัว จึงขอคำแนะนำผู้เจริญ มีที่ไปคือเบื้องสูง แนะนำการรู้เท่าทันจิตใจความนึกคิดให้เร็วกว่านี้น่าจะเจริญได้เร็วกว่านี้ผ่านปัญหาตรงนี้ไปได้ต้องมองเห็นอะไรที่ละเอียดกว่านี้เห็นธรรมที่ละเอียดยิ่งขึ้น ขอบคุณผู้เจริญในธรรมทุกท่านครับ


22/9/2010
รู้สึกมีความหนักแน่ในธรรมมากขึ้น มีความมั่นใจว่าเรามาถูกทางแน่ กล้าและเด็ดเดี่ยวในการปฎิเสธความอยากเสพของมึนเมาต่างๆ ยิ่งหากเรารู้ทันความคิดที่มันแวบไปตามกระแสแห่งจิตแบบผิดๆและไปในทางของกิเลส จะเกิดความเบาสบายกายและใจหมดความกังวนใดๆ แต่อาจจะไม่สุขเท่าการนั่งสมาธิ
ที่เคยเกิดขึ้นมาครั้นเมื่อนานมาแล้ว จึงจะยึดมั่นการตามดู แล้วบอกจิตว่านี่คืออะไร ตามสภาวะที่เกิดจริง ต่อไปครับ

16/12/2010
สติคือความระลึกรู้ การระลึกรู้คือสติ
สติเกิดต่อเนื่อง ระลึกรู้ต่อเนื่อง
ปัญญา สมาธิ สติ ปฏิบัติ
ปฏิบัติ สติ สมาธิ ปัญญา
มีสติ มีศิล
ศิล สมาธิ ปัญญา (พระพุทธองค์ทรงรับรอง ทางแห่ง มรรค)
ของจริงเหนือสมมุติเป็นเช่นไรหนอ


แก้ไขล่าสุดโดย ไร้นา เมื่อ 16 ธ.ค. 2010, 17:47, แก้ไขแล้ว 7 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2010, 00:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


มันเต้นปกติแหละครับ แรงก็ปกติ ไม่หอบไม่เหนื่อยอะไรก็ถือว่าปกติ เพียงแต่พอความสงบเกิดขึ้นกับกายกับจิตแล้วทำให้อาการเต้นของหัวใจปรากฏชัดเลยนึกว่ามันผิดปกติ ก็เพราะปกติในชีวิตประจำวัน ในขณะที่ไม่ได้นั่ง บางทีหัวใจอาจเต้นแรงและเร็วไปตามกิจกรรมต่าง ๆ หนักเบาบ้าง ในชีวิตประจำวันมากกว่าก็มี น้อยกว่าก็มี แต่เราไม่ได้รู้สึกตัว

แต่พอมาอบรมเจริญสติทำสมาธิ หยุดกิจกรรมทางตาหูจมูกลิ้นกายใจในชีวิตประจำวันที่กระทบสัมผัส มาจดจ่อเป็นอารมณ์เดียว จึงทำให้จิตไปจับอยู่ที่แรงกระเพื่อมของหัวใจในขณะทำสมาธินั่นเอง (เรียกว่าหลงฐานก็ได้ หลุดพุทโธ)

ก็ภาวนาต่อ ทำให้จิตข่มสงบระงับจากโลภะ โทสะ โมหะเป็นกุศลจิตในชีวิตประจำวันได้ ก็เลือกกรรมฐานนั้น ๆ ต่อไป วัดดูเอาว่าแต่ละขณะที่อบรม สภาพจิตมีลักษณะสงบลงหรือยัง เลิกไม่ใส่ใจต่อแรงเต้นของใจ กลับมาอยู่กับกรรมฐานพุทโธใส่คำบริกรรมลงไปอีก ไม่นานอาการที่เป็นอุปสรรครบกวนนี้ก็จะหายไป ถึงจะมีสภาวะอย่างอื่นเกิดขึ้นก็ ให้จดจ่ออยู่กับอารมณ์กรรมฐาน เพื่อรักษาสภาพจิตให้เกิดความสงบข่มระงับจากอกุศลจิต

ส่วนอาการทางจิตที่เกิดความสว่าง สงบเย็น ก็ให้เห็นให้พิจารณาลักษณะคุณของสมาธิที่ทำให้จิตอิ่มเอิบ เกิดปิติ เกิดความสุขทางกายทางใจ และพิจารณาเห็นโทษของสภาพธรรม หรือจิตที่ไม่ได้อบรมสมาธิ ว่าเป็นความสงบที่ยังเจือด้วย อามิส พระท่านว่าสุขแบบเหยื่อยล่อ หากยินดีพอใจจะรักษาความสงบของจิตต่อไป ก็พิจารณาให้คล่องแคล่วชำนาญ นึกอยากเห็นน้อมนึกที่จะเห็นแสงสว่างก็ทำได้ง่ายดาย ทำให้จิตปราศจากอกุศลชั่วคราว ด้วยกำลังของฌานจิตก็ย่อมกระทำได้

หรือจะเดินปัญญา ก็ให้เห็นให้พิจารณาลักษณะของคุณและโทษที่ไม่ได้อบรมสมาธิ สภาพจิต นามธรรมที่ต่างกันว่าไม่เที่ยง เป็นของเกิดดับเปลี่ยนแปลงตามเหตุตามปัจจัยทำเหตุแบบนี้เกิดแบบนี้ ทำเหตุอีกอย่างก็เกิดเหตุอีกอย่างหนึ่งเป็นต้น สุขนี้ยังไม่ยิ่งยังไม่ที่สุด ยังเป็นสุขมีเหยื่อยล่อ เป็นทุกข์ คือมีความบีบคั้นอยู่โดยสภาพของมันเอง ไม่อาจจะสุขตลอดไปได้นาน ที่สุดก็ดับสลายกลับไปกระทบรับรู้สัมผัสอารมณ์ ทางตา หู จมูก ลิ้นกายใจอย่างเก่า

เป็นอนัตตา คือเมื่อมันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ก็ไม่สมควรที่จะไปยึดถือสภาพธรรมนี้ว่าเป็นเราของเรา เพราะไม่อยู่ในใต้บังคับบัญชา นี่เรียกว่าน้อมพิจารณาิไตรลักษณ์คือ ลักษณะเกิดดับของฌานจิต หรือสมาธิที่อบรมมานั่นเอง เลือกได้ว่าจะยินดีพอใจอบรมรักษาความสงบหรือจะพิจารณาเื่พื่อรู้แจ้งอริยสัจ ๔ เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคต่อไปเจริญพร

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2010, 06:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ไร้นา
หัวข้อกระทู้: ต้องการคำชี้แนะ ทำสมาธิแล้วใจเต้นเร็วและแรงครับ

สวัสดีครับ ผมทำสมาธิแล้วมีข้อสงสัย ครับเลยเริ่มศึกษา
คือว่าผมนั่งสมาธิไปสัก 10-30 นาทีแล้วมีอาการ ใจเต้นเร็ว และแรงขึ้น
จนรู้สึกแน่นๆอย่างบอกไม่ถูก ออ คือใช้การบริกรรมว่า พุทธโธ ครับ
แต่รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้นั้งสมาธิครับ ขอคำชี้แนะด้วยครับ
และถ้าจิตมีสมาธิ สว่าง เป็นสุขอย่างมาก แบบไม่เคยเป็นมาก่อนควรทำอย่างไรครับจึงจะผ่านจุดนี้ไปได้

ขอบคุณครับ ผมน้อมนำ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสะระณะครับ

sriariya .......ตอบ

การที่หัวใจเกิดเต้นเร็วและแรง เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น ดีใจ เสียใจ ตกใจ โกรธ โลภ หลง ฯลฯ

นั่งสมาธิ แล้วรู้ว่า สว่าง เป็นสุข ก็ดีนะขอรับ แต่ไม่ถูกต้องตามหลักการ เพราะ
การปฏิบัติสมาธิ คือ การฝึกควบคุม ความคิด ความรู้สึก ฯลฯ หากวางเฉย ใจรวมอยู่เป็นหนึ่งเดียว นั่นแหละสมาธิ

ปฏิบัติสมาธิ แล้ว ก็ต้องประพฤติปฏิบัติตามหลัก ศีล หลัก ธรรม ยึดถือศีล ก็เหมือนดังปฏิบัติธรรมขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2010, 07:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไร้นา เขียน:
สวัสดีครับ ผมทำสมาธิแล้วมีข้อสงสัย ครับเลยเริ่มศึกษา
คือว่าผมนั่งสมาธิไปสัก 10-30 นาทีแล้วมีอาการ ใจเต้นเร็ว และแรงขึ้น
จนรู้สึกแน่นๆอย่างบอกไม่ถูก ออ คือใช้การบริกรรมว่า พุทธโธ ครับ
แต่รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้นั้งสมาธิครับ ขอคำชี้แนะด้วยครับ
และถ้าจิตมีสมาธิ สว่าง เป็นสุขอย่างมาก แบบไม่เคยเป็นมาก่อนควรทำอย่างไรครับจึงจะผ่านจุดนี้ไปได้


มีข้อสังเกต ผู้ใช้พุทโธ จะพุทโธๆๆๆ ไปอย่างเดียว เช่น ลมเข้าพุท ลมออก โธ พุท-โธๆๆๆๆ เพียงเท่านี้ มิได้กำหนดอารมณ์อื่น อาการอื่น ขณะปัจจุบันนั้นๆด้วย เช่น รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง-เร็วก็ไม่กำหนดมันตามที่รู้สึก ตามที่เป็น เมื่อไม่กำหนดสภาวะนั้นๆตามที่มันเป็น จิต (สังขาร) ก็ปรุงแต่งไปอีกว่า มันเป็นอะไร มันคืออะไร ฟุ้งไปเรื่อยๆ แต่ยิ่งฟุ้งยิ่งไม่รู้ ยิ่งไม่รู้ก็ยิ่งคิดมากขึ้นไปอีก ฯลฯ
สิ่งที่ไร้นารู้เห็นนั้นเป็นธรรมดา ยังไม่มีอะไรพิสดาร คุณอ่านกระทู้นี้แล้วจะเห็นวิธีแก้ (หรือจะเรียกว่าอะไรแล้วแต่จะตั้งชื่อเอา)

viewtopic.php?f=2&t=24320&st=0&sk=t&sd=a&start=15

เมื่อต้องการศึกษาว่า เราทำการภาวนามัยกุศลแล้ว พอๆจิตเริ่มจะมีสมาธิ แล้วรู้สึก-เห็นยังไงกันบ้าง ลองคลิกๆอ่านที่นี่ครับ

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?board=3.0

ทั้งหมดนั่น มีนิดเดียวและอย่างเดียวกันคือไม่กำหนดรู้ปัจจุบันอารมณ์ จึงตามขณะปัจจุบันไม่ทันหรือทิ้งขณะปัจจุบัน นักภาวนาสอบตกตรงนี้ทั้งหมดครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2010, 08:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2010, 21:56
โพสต์: 56

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับ sriariya เรื่อง ศิล ผมว่าดีมากครับเพราะว่าความสุขที่เกิดขึ้น
และความเชื่อมั่นในพระพุทธองค์อย่าแรงกล้านั้นเกิดตอนบวชพระครับ
กรัชกาย ผมติดตามกระทู้มาโดยตลอดครับ เป็นประโยชน์มากครับ ขอบคุณครับ

เมื่อคืนผลออกมาที่ไม่สงบเท่าไรไม่มีใจเต้นเร็ว รู้สึกว่าจะหลุดคำบริกรรม บ่อยมากครับ

แล้วก็กลับมาบริกรรมใหม่แล้วก็หลุดอีก บางทีก็แบบว่าทื่อๆ ไม่รู้สึกอะไร แล้วก็ง่วงครับ

ตอนเช้ากำหนดรู้ทั้ง ลมเข้า ออกรู้ และ ท้องพองยุบในเวลาที่เกิดขึ้นจริงสงบกว่าเมื่อคืนครับ

เราจะมีวิธีใดที่ให้มีสมาธิดี อารมณ์ประณีต บ้างครับ และตอนนี้ผมก็ไม่ดืม ไม่สูบบุหรี่

มีศิล 5 บริบูรณ์ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2010, 13:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไร้นา เขียน:
เมื่อคืนผลออกมาที่ไม่สงบเท่าไรไม่มีใจเต้นเร็ว รู้สึกว่าจะหลุดคำบริกรรม บ่อยมากครับ

แล้วก็กลับมาบริกรรมใหม่แล้วก็หลุดอีก บางทีก็แบบว่าทื่อๆ ไม่รู้สึกอะไร แล้วก็ง่วงครับ

ตอนเช้ากำหนดรู้ทั้ง ลมเข้า ออกรู้ และ ท้องพองยุบในเวลาที่เกิดขึ้นจริงสงบกว่าเมื่อคืนครับ

เราจะมีวิธีใดที่ให้มีสมาธิดี อารมณ์ประณีต บ้างครับ



เมื่อคืนผลออกมาที่ไม่สงบเท่าไร

ความสงบ อย่างที่คุณไร้นาคิดหวัง ต้องยังไงครับ ถึงจะพอใจ

ไม่มีใจเต้นเร็ว

นี่แหละครับเหตุผล ที่บอกว่า เป็นไงให้กำหนดรู้ยังงั้น ตามที่เป็นตามที่รู้สึกทั้งกายและใจ กำหนดให้ทันขณะปัจจุบัน แล้วจะเห็นความเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอนของกายใจ อย่างที่เรียกว่า เห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปของมัน

รู้สึกว่าจะหลุดคำบริกรรม บ่อยมากครับ แล้วก็กลับมาบริกรรมใหม่แล้วก็หลุดอีก

กำหนดรู้ก่อน "หลุดหนอๆๆ" แล้วก็เริ่มใหม่อีก ๆๆ นี่คือการฝึกครับ ฝึกจนกว่าองค์ธรรมสำคัญๆ เช่น สติ สัมปชัญญะ สมาธิ สัญญา เป็นต้นจะแข็งแรงเป็นพละ องค์ธรรมเป็นต้นนั้น จะเจริญขึ้นๆก็จากการกำหนดรู้ตามอาการบ่อยๆ นี่เอง แล้วจะไม่หลุด ไม่มีวิธีอื่นจากนี้ครับ

บางทีก็แบบว่าทื่อๆ ไม่รู้สึกอะไร แล้วก็ง่วงครับ

อย่างที่บอก รู้สึกยังไงกำหนดรู้ยังงั้น ตามที่เป็นตามที่รู้สึก เช่นตัวอย่างนี้ รู้สึกทื่อๆ “ทื่อๆหนอๆๆ”
นี่แหละวิธีเจริญสติกับสัมปชัญญะ เป็นต้น รู้นึกง่วง “ง่วงหนอๆๆๆ” เห็นไหมครับแค่นี้เอง ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย มันปรากฏตลอดเวลา แต่เราปฏิเสธความจริงของชีวิตหรือสัจธรรมเอง

ตอนเช้ากำหนดรู้ทั้ง ลมเข้า ออกรู้ และ ท้องพองยุบ

เลือก เอาอย่างเดียวครับ ลมเข้าออกก็เอา ท้องพองท้องยุบก็เอาๆอย่างเดียวเป็นหลักไว้ เล่นสองอย่างไปด้วยกันเดี๋ยวอารมณ์ตีกันวุ่น

เราจะมีวิธีใดที่ให้มีสมาธิดี อารมณ์ประณีต บ้างครับ

ก็วิธีดังบอกทุกๆครั้งว่า เป็นยังไง รู้สึกยังไงทั้งทางกายทางใจ กำหนดอย่างนั้นๆ ทุกๆขณะนั่นแหละ แล้วอารมณ์ความรู้สึกจะประณีตขึ้นๆ ก่อนประณีตต้องหยาบก่อนจึงจะประณีต ประณีตเดิมเขาก็หยาบนั่นแหละ
ใจเย็นๆ หากใจร้อน นึกถึงการจับลิงป่ามาฝึกเก็บมะพร้าว มิใช่ฝึกวันเดียวชั่วโมงครึ่ง แล้วมันจะขึ้นเก็บมะพร้าวให้เราตามคำสั่งได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2010, 15:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมก็เป็นครับ หัวใจเต้นแรงแต่ไม่กลัวครับ พูดกับตัวเองว่าหากจะตายเพราะหัวใจวายเราก็ยอม
แต่พอนั่งต่อไปเรื่อยๆก็สงบไปเองพอสงบเราก็กำหนดวิธีปฏิบัติของเราต่อ พิจารณาร่างกายทุกส่วนในและนอก
อีกอย่างก็คือเราต้องนั่งให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้จนกว่าความเพียรจะเผากิเลสในใจให้แผดร้อน
รวมทั้งความทุกข์ของร่างกายที่อยู่นิ่งๆนานๆ
เป็นสิ่งที่ต้องลองทำดูครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2010, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 07:19
โพสต์: 89


 ข้อมูลส่วนตัว


ไร้นา เขียน:
คือว่าผมนั่งสมาธิไปสัก 10-30 นาทีแล้วมีอาการ ใจเต้นเร็ว และแรงขึ้น
ดูกรพาหิยะ..เธอจงพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชญาและโทมนัสในโลกเสีย.....

จนรู้สึกแน่นๆอย่างบอกไม่ถูก
พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่..มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชญาและโทมนัสในโลกเสีย

เมื่อใด เธออาศัยศีล ตั้งมั่นอยู่ในศีลแล้ว จักเจริญสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้ อย่างนี้..
เมื่อนั้น เธอพึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายได้ทีเดียว ตลอดราตรี..หรือวันที่จักมาถึง..
ไม่มีความเสื่อมเลย.


แต่รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้นั้งสมาธิครับ ขอคำชี้แนะด้วยครับ
อนุโมทนา

และถ้าจิตมีสมาธิ สว่าง เป็นสุขอย่างมาก แบบไม่เคยเป็นมาก่อน
อนุโมทนา

ควรทำอย่างไรครับจึงจะผ่านจุดนี้ไปได้
เมื่อเธอเห็น..สักเเต่ว่าเห็น
เมื่อเธอรู้..สักเเต่ว่ารู้.... ~~~สัพเพ ธัมมา อนัตตา~~~


ขอบคุณครับ ผมน้อมนำ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสะระณะครับ
อนุโมทนา :b8:

อนุโมทนากันผู้เจริญในธรรมครับ


แก้ไขล่าสุดโดย อานาปานา เมื่อ 20 ก.ย. 2010, 00:31, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2010, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2010, 21:56
โพสต์: 56

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กระทู้คุณ ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ (จากกระทู้อื่น)

1. ไปเจริญอานาปาณสติเอาความสงบ

2. ต่อมาเมื่อจิตเรียนความสงบแล้ว ต่อมาสงบไม่สงบ ให้รู้ อย่างเดียว เอาสมาธิที่ไม่เอา หัดวาง

3. ก้าวเดินปัญญาหัดวิจัยขันธ์ 5 โดยสามัญญลักษณาการ

4. หัดดูอุบายจากครูบาอาจารย์ ฝ่ายวิปัสสนา เช่น หลวงตาพระมหาบัว ทางวิทยุ 103.25 และ เว็บ หลวงตา

5. วิจัยตัว รูป รูปสัญญา เวทนากาย เวทนาจิต สัญญา ปปัจธรรมในสัญญา สังขาร วิญญาณ ความรู้ของจิต นามว่าง

6. ปปัจธรรม หัดไปดูเรื่อยๆ ถอยดูตัวเองเรื่อยๆ จะได้พ้นเร็ว ๆ

ที่เหลือ ไม่ต้องทำอะไรแล้ว นี่เรียก ว่า สร้างเหตุดี ผลก็ถูกต้องเอง

ไปเอาอะไรก็ไม่รู้วูบๆ วาบๆ ไร้สาระ หาแบบนี้ ได้ 20 ปี ขึ้นไปแน่ ๆ

แล้วคำบริกรรมอะไรก็ตามทิ้งไปเลย สมมุติทั้งนั้น เอาปัญญาเข้าพิจารณาเลย

ทิ้งสมมุติ เอาปรมัตถ ตัวรู้ ลมเป็นอารมณ์ไปเลย

ไปตามบริกรรม สมถะไกลๆ ตายสถานเดียว แล้วแบบนี้ระวังจะได้ วิปัสสนูกิเลส ไปครอบครองนะงับ

ผมลองมาหมดและ

แบบนี้เร็วดี ถ้าอยากคุยกัน ต้องไปที่สนทนาธรรมทั่วไป นะงับ

เอาไว้เจอกัน

คนปฎิบัติได้แบบไหน ก็สอนแบบนั้น

ความรู้สึกผมว่าเป็นเช่นนั้นครับ เมื่อเคยสงบแล้วหรือจิตเรียบรู้ความสงบแล้ว จิตจะไม่ยอบสงบ
จึงต้องฝึกดูความคิด ความรู้สึก ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ที่ผ่านเข้ามาทางอายตนะ
ซึ่งตอนนี้ก็ทำอยู่ และขอถามว่า
1. ปปัจธรรมในสัญญา คืออะไร

2. ปปัจธรรมคืออะไรครับ


แก้ไขล่าสุดโดย ไร้นา เมื่อ 20 ก.ย. 2010, 13:12, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2010, 13:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วยอะไรหน่อยนะ...

นับการเต้นชีพจรในหนึ่งนาที จดไว้
และ
ตั้งเวลาในการนั่นสมาธิสัก สิบนาที แล้ว
ไม่ต้องนั่งท่องพุทโธ สักครั้งได้ป่าว
นับไปเรื่อย ๆ จนครบเวลา...

อืมมม แบบว่า ส่วนใหญ่...
การนั่งสมาธิ เอกอนก็จับการเต้นของหัวใจได้

และเราก็มักจะคิดว่ามันเร็วกว่าปกติ...

และ...บางครั้ง...
การเป็นคนที่ตื่นเต้นกับการนั่งสมาธิ ก็เป็นไปได้...
ว่า...เราเคร่ง เราเครียดกับการบริกรรมจน...ตูมตาม ตูมตาม...

คือ...ถ้ามันจะเต้นเร็วขึ้น หรือจะยังไง ก็ขอให้มีการตรวจวัดผลที่ชัดเจน...
เพราะ...บางอาการเป็นไปได้มาก...
กับผู้นั่งที่เป็นผู้ที่คิดมาก...คล้ายกับกระต่ายตื่นตูม...
ตื่นตกใจ และตื่นดีใจ ไม่ว่าจะตื่นอะไร ตื่นยังไง ตื่น ก็คือ ตื่น

เงาดำในโลก...มันทะลักครอบคลุม ครอบงำ
จนต้องหลบเข้าไปในร่มธรรม...
ดังนั้น อย่าให้ที่พักพิงสุดท้าย ถูกเงาอวิชาเข้ามาครอบงำอีก...
เพราะ...มันจะไม่มีที่ซุกแล้ว นอกจากจะขุดหลุมไปอยู่ใต้ดิน...

ไหน ๆ ก็ปฏิบัติแล้ว... เอาให้มันแจ้ง...อย่าให้มันจมลง จมลง...

ธรรม...ย่อมทนต่อการพิสูจน์...

คือ...การสแกนอาการเช่นนี้ มันก็ช่วยได้ตรงที่...
มันทำให้เราเขี่ยสิ่งที่ไม่จำเป็นออกนอกเส้นทาง...

ก็คิดเล่น ๆ เพลิน ๆ เหมือนแคะขี้ฟันออกจากฟัน...

:b6:


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 20 ก.ย. 2010, 14:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2010, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ้อ...ลืมไป...
ไอ้ที่แนะนำน่ะ คือแบบมันก็มีน่ะ...ตัวเองเรยยยย...
ใจเต้นมั๊ย...เต้นดิ่...
เพราะ... การนั่งสมาธิแล้วเริ่มรู้สึกถึงหัวใจเต้นนี่..เป็นไปได้ว่า...
โดนจระเข้ไล่งับมา... อิ อิ...

คือ...ตอนที่ฝึกสมาธิใหม่ ๆ ก็มีบ้างนะ...แบบว่า...
อะไรของมันนักก็ไม่รู้...
เดี๋ยวขนลุก..เดี๋ยวตัวป่องเป็นอึ่งอ่าง...เดี๋ยวตัวโคลง...เดี๋ยววับๆ แว๊บๆ...
เดี๋ยวร้องไห้...เดี๋ยวเอียง เดี๋ยวผงะ เดี๋ยวตะแคง...
จนหัวมันจะจุ่มเบาะน่ะ...5555
เดี๋ยวเหมือนมุดรูเข็ม....
ซึ่งพอได้ยินเสียงหัวใจเต้น แมะ...มันดังสนั่นกระโหลก...
สะเทือนไปถึงปลายเท้า....วุ้ยยยยย....
มันช่างเป็นไปได้ อาการในสมาธิเนี๊ยะ....ไม่ทำไม่รู้นะนี่... :b13:
ว่านั่งหลับตาแล้วมันเห็นอีกแบบนี้กันนี่เอง...

ก็มองมันอยู่สักพัก ว่ามันจะมาอีท่าไหนอีก...
พอเห็นมันไม่ไปไหน มันก็เบาลง และมันก็ไปรู้อย่างอื่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2010, 15:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หรือ...บางครั้ง...ถ้าเป็นกรณีที่เป็นผู้ที่ชอบบังคับลมหายใจ...ก็เป็นได้...

จะเจอได้กรณี พยายามจะตามลมหายใจตลอดสาย
ทำให้การจัดวางท่วงท่าและการบังคับกล้ามเนื้อในช่วงทางเดินของลมหายใจ...
ให้มีความลึกและชัดเจนในการตามลม ...
ซึ่ง...
ตรงนี้ เมื่อลมผ่านบริเวณช่องอก...
ตรงนี้การเพ่งจิตในบริเวณนี้ จะกระตุ้นการทำงานของอวัยวะในบริเวณนั้นได้...

:b10:

อื๋อออออ....มันมีหลาย เหล่ากอ (กรณี) เน๊าะ...

หรือ...นั่งสมาธิแล้วไปคิดเรื่อง ในโทนที่เป็นโทสะ โมหะ โลภะ...
ก็ทำให้ใจเต้นเร็วและแรงได้...

:b10:

หรือ...อุณหภูมิ สภาพแวดล้อม การถ่ายเทอากาศ ภายในห้อง ก็ทำให้ใจเต้นเร็วได้...
ไม่เชื่อลองไปนั่งสมาธิในห้องอบ ซาวน่า จิ่..

มีอีก กินกระทิงแดง กินกาแฟ กินยาลดความอ้วน...
ก็ทำให้เกิดการไปกระตุ้นการทำงานของหัวใจได้...

.....


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 20 ก.ย. 2010, 15:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2010, 16:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ผมเคยมีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ เข้ารับการรักษา ลักษณะคือหัวใจเต้นเร็วแล้วไม่ยอมกลับสู่สภาวะปกติ ทำให้นอนไม่หลับ หมอให้ยามาทาน เป็นเดือน
เดินไม่นานก็หอบ ในขณะที่เพื่อนที่เดินไปด้วยกันไม่หอบ
พ่อผมเดินไม่ด้วยกัน ตอนนั้นอายุ70 ไม่หอบ แต่ผมหอบ
อาการแบบนี้ของผม ปีนึงจะหวนมาสักครั้ง 2 ครั้ง
หลังๆ มานี้ อาการดีขึ้น ไม่เคยไปหาหมอมาหลายปี
มีอยู่คราวล่าสุด ขับรถไปข้ามจังหวัด พอพักผ่อนตอนหัวค่ำปรากฏว่าหัวใจเต้นเร็วผิดปกติอีกแล้ว
จะรู้สึกกระวนกระวาย กระสับกระส่าย ต้องไปหาหมอแล้วล่ะ
แต่เวลาตอนนั้นมันวันหยุด ร.พ.ที่ไหนจะเปิด
ผมเลยนั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ ไม่นานครับ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ปรากฏว่าหัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ
ผมก็เลยนอนหลับสบายไป รอดตัวไปครับ

นี่คือประสบการณ์ ของผมครับ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2010, 16:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปปัญจสัญญาหรือกิเลสสัญญา, วิชชาภาคิยสัญญาหรือกุศลสัญญาศึกษที่นี่ครับ

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=516.0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2010, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2010, 21:56
โพสต์: 56

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ กรัชกาย มากครับ โดยเฉพาะ ตามดูสภาวะหรือกำหนดรู้สภาวะที่เกิดขึ้น ได้ผลดีครับ
แม้ไม่ได้นั่นสมาธิ แต่เป็นการใช้ชีวิตประจำวัน

เมื่อสงสัยจะมาถามให้หายสงสัยใหม่ครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร