วันเวลาปัจจุบัน 09 มิ.ย. 2025, 23:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 126 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


13 สค. 53

ปัจจุบันสิ..... says: เมื่อวานเดินได้ 10 นาทีคะ

walai says: ค่ะ แล้วนั่งต่อหรือเปล่าคะ ทำทุกวันหรือเปล่าค่ะ

อยู่กับปัจจุบันสิ..... says: ทำทุกวันคะ เดินบางวันได้ 20 นาที แล้วมานั่งต่อ
สักพักก็นอน กำหนดลมหายใจต่อ

เมื่อคืนนี้ ฝันอีกแล้วคะ คล้ายๆ แบบเดิม ฝันซ้ำๆ เรื่องเดิม
ฝันเห็นคนประสพอุบัติเหตุโดนรถชนตาย นอนกลางถนน
บริเวณที่เราขับผ่านไปมาทุกวันนะคะ นอนตายเกลื่อน มีผ้าห่อศพ
และก็ ซากรถ แล้วในฝันจะอุทิศส่วนกุศลทุกครั้งให้สิ่งที่เห็นนะคะ
บางทีเหนื่อยนะคะ ไม่รู้ทำไมฝันแต่แบบนี้ เรื่องเดิมๆคะพี่น้ำ

walai says: ไม่เป็นไรค่ะ ทำต่อไปค่ะ ดูตามความเป็นจริง
พยายามเดินให้มาก นั่งให้น้อย ว่างเมื่อไหร่ก็เดิน สะสมไป

อยู่กับปัจจุบันสิ..... says: คะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 01:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


15 สค. 53

จุดหมาย says: ฌาน 1 ยังรู้สึกตัว และได้ยินเสียงอะไรอยู่่มั้ยครับ

walai says: มีอะไรหรือคะ

จุดหมาย says: สงสัยครับ สังเกตุมา 2 วันแล้ว นั่งได้นานประมาณ 1 ชม แล้วไม่เกิดอาการง่วง
หรือเคลิ้ม รู้สึกตัวได้ดีตลอด ไม่มีสัปปะหงก

walai says: ทำไปค่ะ ถ้าอยากรู้ว่าเรียกว่าอะไร ก็หาในกูเกิ้ลเอา
คุณชอบให้ค่า ในเมื่อชอบการให้ค่า คุณควรเรียนรู้จากการให้ค่าเอง
พี่ไม่สนับสนุนในเรื่องนี้ ตรงไหนควรบอก พี่ถึงจะบอก พี่จะใช้คำว่าสมาธิเป็นหลัก

ถ้าตอบคุณ พอคุณได้คำตอบ คุณก็จะทำพฤติกรรมเหมือนเดิม ขุดหาแต่คำถามมา
มีแต่ความสงสัยไม่รู้จักจบสิ้น

จุดหมาย says: ผมจะพยายามทำให้รู้ได้ด้วยตนเองก่อนนะครับ

walai says: ทำไป เลิกให้ค่าได้เมื่อไหร่ คุณจะเห็นตามความเป็นจริงมากขึ้น
ถ้ายังมีการให้ค่าเนืองๆ สิ่งที่คุณเห็น นั่นคือ การให้ค่าของตัวคุณเอง แต่ไม่ใช่ตามความเป็นจริง

จุดหมาย says: อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราให้ค่า สิ่งนี้เป็นไปตามความเป็นจริง

walai says: ถ้าคุณสามารถเห็นเหตุและผลด้วยตัวเองได้เมื่อไหร่ นั่นแหละคือ
การเห็นตามความเป็นจริงในขั้นแรก

จุดหมาย says: อืมมครับ อย่่าว่าผมไหลตามพี่นะครับ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเริ่มเห็นเหตุที่เกิดขึ้น
ณ ตอนปัจจุบัน และจะส่งผลให้เกิดในอนาคตได้บ้างแล้วนะครับ
แต่เหตุที่เกิดขึ้นมาในอดีตที่ส่งผลมาในปัจจุบันนี้ ยังแยกแยะไม่ค่อยได้

walai says: คุณยังคาดเดาเอาเอง ถ้าคุณเริ่มเห็นเหตุแะลผลจริงๆ ความสงสัยของคุณที่มี
ไม่มากมายขนาดนี้หรอกค่ะ ถ้าคุณเห็นได้จริงหรือเริ่มเห็น คุณจะมีแต่ความศรัทธาในเส้นทางนี้
แล้วมุ่งมั่นทำแต่ความเพียร

มีชาวบ้านที่พี่แนะนำเขาอยู่ กลุ่มคนเหล่านี้ มาจากไม่กี่คน ตอนนี้เริ่มกระจายออกไป
จากที่เขาไม่รู้อะไรเลย ใช้ชีวิตแบบผิดๆมาตลอด มีแต่ความทุกข์ แล้วมีการกล่าวโทษนอกตัวตลอด
เรื่องปริยัติยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาไม่รู้อะไรเลย คนเหล่านี้ ไม่ได้ทำมากมาย แค่เดินและนั่ง
เท่าที่เวลาเขามี เขาทำแค่นั้น สิ่งที่เขาถามมา ไม่เคยมีการให้ค่ากับสภาวะ
ไม่มีมาถามเรื่องสมาธิว่าอะไรเรียกว่าอะไร

มีอยู่คนหนึ่ง เจอสภาวะเบื่อหน่าย เขาแค่ถามว่าเขาเป้นอะไร แต่ไม่ถามว่าสิ่งที่เขาเจอนั้นเรียกว่าอะไร
คนที่รู้มาก ย่อมให้ค่ามากตามกิเลสของตัวเอง รู้มาก เปรียบเทียบมาก สงสัยมาก

จุดหมาย says: อืมม คงจริงแบบนั้นครับ เพราะว่าพวกเค้าคงไม่่ได้ศึกษา
หรืออ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน เลยไม่มีสัญญาเกิดขึ้นในจิตของพวกเค้า

walai says: อีกละ คุณไปรู้ได้ยังไง อุปทานน่ะรู้จักมั๊ยคะ

จุดหมาย says: อืมม ผมอาจจะพูดผิดนะครับ ครับ ใช่เลยครับ

walai says: เรื่องสัญญาน่ะ ทุกคนมีทั้งนั้นแหละ มากน้อย ตามเหตุที่ทำมา

จุดหมาย says: อืมมครับ คงเป็นเช่นนั้นแหล่ะ

walai says: คุณต้องฝึกระงับใจตัวเองในเรื่องการให้ค่า ไม่งั้นคุณจะเจอปัญหานี้เนืองๆ

จุดหมาย says: ครับ ใช่เลยครับ ผมว่าเป็นนิสัยของผมเป็นแบบนี้ เพราะนิสัยผมเป็นแบบนี้

walai says: ถามหน่อย ที่คุณบอกว่า คุณนั่งแล้วรู้ตัวได้ตลอด รู้ตัวของคุณน่ะ ที่ว่ารู้ รู้ยังไง

จุดหมาย says: รู้กายที่เคลื่อนไหว ท้องพอง ยุบ รู้สึกถึงเวทนาที่เกิดขึ้น แล้วมันเสียวซ่าน
เหมือนคนเป็นเหน็บชา แล้วกำลังเริ่มหายไป

walai says: ลมหายใจ ไม่รู้เลยเหรอ ความคิดล่ะมีมั๊ย

จุดหมาย says: ลมหายใจมีน้อยครับ จับไม่่ค่อยได้เลย ไม่มีคำบริกรรมนะครับ
ความคิดยังมีอยู่บ้าง

walai says: ดูตามสิ่งที่เกิดขึ้น ดูไป เพราะมันไม่เที่ยง
ดูสิว่า สภวาะนี้อยู่ได้ตลอดหรือไม่ ทำได้ทุกวันหรือไม่

จุดหมาย says: ครับ ผมจะคอยสังเกตุดูไปเรื่อย ๆครับ

walai says: ระวัง อย่าไปหลงจดจ้องแต่สภาวะล่ะ กิเลสจะลากไปกินเอา

จุดหมาย says: แต่ที่เริ่มเห็น ๆ คือ ความง่วง ขณะนั่งๆ ไม่ค่อยจะมีเยอะเหมือนแต่ก่อน
ครับ ผมจะพยายามปล่อยเลยนะครับ พอเจออะไรมาก้อแค่รู้ แล้วพยายามละ
ให้รู้สึกกับกาย ในปัจจุบันให้ได้บ่อย ๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2010, 03:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


16 สค.53

walai says: เสียง ต่อให้เสียงดังขนาดไหน ถ้าสติดี สมาธิแนบแน่นดี มันจะไม่ตกใจ จะแค่รู้
พี่ถึงเน้นเรื่องสติมากกว่าสมาธิเพราะเหตุนี้ เพราะเวลาที่ความรู้สึกตัวเกิด คือ รู้ชัดในกายได้
นั่นแหละสมาธิเกิดแล้ว

จุดหมาย says: ครับ อันนี้ช่วงนี้เจอบ่อยครับ ไม่เจอเสียงฟ้าผ่า ก้อเสียงคนเปิดประตู คนเคาะประตู

walai says: นั่นสติยังด้อย เสียงนาฬิกาดังยังตกใจเลย

จุดหมาย says: อย่างเวลาที่เรานั่งแล้ว รู้สึกถึงเรื่องท้องพอง ยุบ แรง ๆ แบบนี้สมาธิเกิดแล้วสิครับ
มีการเคลื่อนไหวของหน้าท้องเหมือนกับคนที่หายใจเข้า ออก แรง ๆ

walai says: เอ๋ อันนั้นไปเพ่งมันหรือเปล่า ถ้าเพ่งก็ทำให้เป็นแบบนั้นได้ คือ ไปเจาะจง
เจาะจงที่จะให้เกิด เพราะถ้าสมาธิแนบแน่นจริงๆ หรือมีสมาธิจริงๆ
มันจะไม่ขนาดนั้น มันจะปกติ เหมือนหายใจเข้าออกธรรมดา

จุดหมาย says: ทั่ง ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจทำให้มันเป็น

walai says: พอจะรู้ละ ไม่เป็นไรค่ะ ทำไปแบบนั้นแหละ
มันจะหายใจแรง หรือท้องพองยุบแรงก็ไม่เป็นไร

จุดหมาย says: แบบนี้เป็นเพราะเพ่งเหรอครับ

walai says: เพ่งค่ะ คือ เราตั้งใจมากไป แต่ไม่เป็นไร เป็นเหมือนที่พี่เคยเป็น
แต่ของพี่ไปเป็นที่ลมหายใจ พอจิตเป็นสมาธิแล้ว มันจะปกติเองค่ะ

จุดหมาย says: แต่ว่ามันไม่ได้เป็นตอนที่เริ่มทำนะครับ มันเป็นตอนกลาง ๆ หรือ ตอนปลาย ๆ
แล้วนะครับ

walai says: เข้าใจค่ะ เป็นตอนไหนก็ได้ มันเป็นของมันเอง คุณแค่รู้

จุดหมาย says: ใช่ ๆ ครับ มันเป็นเอง

walai says: ปล่อยไปตามนั้น ไม่ต้องไปบังคับอะไร

จุดหมาย says: ผมก้อปล่อยมันไปนะ มันเป็นของมันเอง บางทีมันดิ้นซะแรงเลยนะ

walai says: สติน่ะ สติคุณยังไม่ทัน เพิ่มเดินไปอีกค่ะ
พื้นฐานสมาธิคุณมีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปกังวลเรื่องสมาธิ ลดนั่งลงมาก่อน

จุดหมาย says: ถ้าทันมันจะไม่รุ้สึกแบบนี้เหรอครับ

walai says: ไม่ค่ะ ไม่เป็น

จุดหมาย says: อ้อครับ เพราะว่าของผมที่เป็นแบบนี้นะ เท่าที่สังเกตูได้ จะเป็นตอนช่วงหลัง ๆ
แล้ว ผ่านไปประมาณซัก 30-40 กว่านาทีแล้ว

walai says: เข้าใจหรือยัง ที่พี่บอกกับคุณมาตลอดเรื่องการอย่าให้ค่าน่ะ
ไม่งั้นคุณต้องไปเสียเวลาหาคำตอบ สภาวะเหล่านี้คืออะไร เรียกว่าอะไร

จุดหมาย says: การให้ค่าทำให้เรายึดติดนะครับ

walai says: อุปทานไงคะ

จุดหมาย says: อืมม เข้าใจครับ ตอนนี้เริ่มจะพอเข้าใจบ้างแล้วครับ

walai says: ทำไปค่ะ ยิ่งเจอสภาวะอะไรที่แปลกๆมากขึ้น ให้แค่รู้
พวกฐานสมถะมาก จะเจอแบบนี้แหละ แบบทดสอบแปลกๆ ยังดีที่คุณไม่เจอนิมิต ไม่งั้นหลงตาย

จุดหมาย says: ครับ ผมก้อว่างั้นนะครับ ไม่เคยเจอเลยครับ โอภาสก้อไม่่มี

walai says: นั่นแหละกุศลของคุณ โอภาสอีก คนหลงมาเยอะ เพราะการให้ค่า

จุดหมาย says: อืมม อย่าเพิ่งไปบอกแบบนั้นเลยครับพี่ บางทีมันอาจจะยังมาทดสอบผมก้อเป็นได้
ไม่มาทดสอบผม แล้วเวลาที่เรานั่ง อย่างที่ผมเคยถามไปนะครับว่า ถ้าเวทนาเกิดแล้ว
เกิดการขยับตัว เวทนาจะหายไป แล้วแบบนี้สมาธิคลายตัวไปแล้วหรือป่าว

walai says: จนได้เลยนะ

จุดหมาย says: อันนี้ถามเพราะว่าสงสัยนะครับพี่

walai says: ทำไป แล้วจะได้คำตอบเอง รู้เอง มันชัดเจนกว่าคนอื่นๆมาพูดให้ฟัง
คนอื่นพูดให้ฟังก็เหมือนคนมาเล่านิยายหรือหนังที่เราอยากดูให้ฟัง มันก็แค่นั้นเอง ไร้อรรถรส

จุดหมาย says: ผมมีความคิดเกิดขึ้นมานะครับเรื่องนี้หน่ะ แบบนี้ไม่ทำให้เราหลงเหรอ

walai says: เรื่องปกตินะ ใครไม่คิดสิแปลก เพราะไม่ได้ผ่านสภาวะด้วยตัวเอง
ถ้าผ่านด้วยตัวเอง มันไม่มาคิดแบบนี้หรอก เหมือนแม่ค้าคุยกัน กลุ่มที่ปฏิบัติกับพี่

จุดหมาย says: ผมมีความคิดว่าเมื่อเวทนาเกิดแล้ว เมื่อมีการขยับตัว
บางครั้งกายเคลื่อนไหวเอง หลังจากนั้นมันสบายตัวดี

walai says: งั้นเหรอ งั้นถามนะ ถ้าคุณเป็นอัมพาต คุณไม่มาฝึกแบบนี้ คุณว่ามันน่าทรมาณไหม
นอนกลอกตาไปมา ช่วยตัวเองไม่ได้ แล้วมีอีก คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เอาแค่ก้นกบแตก
คุณคิดดูละกัน เจอแบบนั้น คุณจะไปขยับส่วนไหน ให้มันหายปวดได้ล่ะ

จุดหมาย says: ทรมาณยิ่งกว่าครับ แต่สภาวะมันคนละแบบกันนะครับ

walai says: แหมมมม พ่อเจ้าปะคุ๊นนนนนนนน ขนาดเวทนาแค่ขาจิ๊บๆยังขยับ
ถึงถามไงว่า ถ้าไม่มีที่ให้ขยับน่ะจะทำยังไง

จุดหมาย says: คือที่ผมขยับนั้น ไม่ใช่ว่าเกิดปู๊บขยับทันทีเลยนะครับ
ขยับตอนที่สุดจะเหลือทนจริง ๆ เท่านั้น

จุดหมาย says: หลังจากนั้นมันจะรู้สึกว่ามันสบาย ๆ ตลอดเลย ทำให้นั่งสมาธิได้นาน ๆ
และรู้สึกตัวได้ตลอดนะ

walai says: คุณต้องการอะไร ต้องการแค่สมาธิ ต้องการแค่นั่งได้นานๆงั้นหรือ
นั่งนาน แล้วปัญญาเกิดไหม จะบอกให้นะ ปัญญาน่ะ ไม่ได้เกิดเพราะนั่งนานหรือไม่นาน
แต่เกิดเพราะเข้าใจในเหตุและผล

รู้ภายในได้ ย่อมรู้ภายนอกได้ คนที่ไม่รู้อะไรเลย เขาทำในแบบที่เขาทำได้
เดินแค่รอบสองรอบเขาก็นั่งต่อ นี่ ปัญญาเขาเกิด

เขานั่งพิจรณาเรื่องราวต่างๆที่เขาเจอ เขามองเห็นเลย เหตุเกิดจากอะไร ผลทำไมจึงเป็นเช่นนี้
ทำให้เขายอม ยอมรับตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น นี่แหละปัญญา

จุดหมาย says: เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ผ่านมาในอดีตนะเหรอครับ

walai says: สิ่งที่เขาเจอในปัจจุบัน นี่ช่างเสริมสวยนะ ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น
รู้แค่บุญ บาป ภาษาชาวบ้าน นอกนั้นไม่รู้ เขาทำมาหนึ่งเดือน ทำแบบสภาวะของเขาที่เอื้ออำนวย
เดินสองสามรอบ แล้วนั่งต่อ แล้วเขาเอาเหตุการณ์ที่เขาเจอมากับตัวเองมานั่งพิจรณา
ไล่ไปทีละขั้น เขาบอกว่า เมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้ เดี๋ยวนี้เขามีสติ เขารู้จักตัวสติ

จุดหมาย says: อ้าว แล้วแบบนี้เค้าไม่มีเรื่องการปรับอินทรีย์เลยเหรอ

walai says: ไม่รู้หรอก พี่เป็นคนปรับให้เขาเอง สมาธิมาก พี่ก็ให้เขาเพิ่มเดิน
พวกนี้ฐานสมถะเขามีของเก่าติดตัวมา

จะบอกให้เลยนะ คนส่วนมาก ไม่รู้ว่าตัวเองมีสมาธิกัน
เลยไม่รู้จักวิธีที่จะนำกำลังของสมาธิมาใช้ให้ถูกทาง

จุดหมาย says: อ้าวปกติพี่จะบอกว่า ถ้าคนมีสมถะเยอะ ต้องเดินให้มาก ๆ นี่ครับ

walai says: คุณนี่ อ่านน่ะ อ่านให้หมด เห็นไหมว่าเขียนไปว่าอะไรมั่งน่ะ
พี่เป็นคนปรับให้เขาเอง สมาธิมาก พี่ก็ให้เขาเพิ่มเดิน

จุดหมาย says: อ้อครับ ก้อเห็นพี่บอกว่า เค้าเดินแค่รอบ สองรอบเอง แล้วนั่งเลย
ผมก้อเลยเข้าใจไปว่าเค้าเดินไม่นานนะครับ

walai says: เอานะ บอกแล้วว่า คุณรู้จักตัวคุณเองที่แท้จริงได้เมื่อไหร่
คุณจะรู้จักคนทุกๆคนเองโดยสภาวะ เพราะคนทุกคนน่ะ แตกต่างกันแค่กิเลส
สภาวะที่เกิดขึ้นเลยแตกต่างกันไปตามเหตุที่ทำมา ตามกิเลสของแต่ละคน

จุดหมาย says ครับ ของผมต้องให้พี่ช่วยเคาะบ่อย ๆ ครับ
กิเลสบางตัวมันต้องอาศัยคนแนะนำครับ

walai says: เข้าใจค่ะ พี่ถึงบอกไง ไม่มีใครหรอกที่จะชอบให้ใครพูดตรงๆ
ฉะนั้น ใครที่มาปฏิบัติกับพี่ ต้องยอมรับตรงนี้ได้ พี่พูดตามสภาวะ ไม่มานั่งอ้อมค้อม

จุดหมาย says: ไอ้ที่พูดตรง ๆ นี่ ช่วยเคาะได้เยอะเลยนะครับ

walai says: พี่ทำตามเหตุ ไม่มาสนใจเรื่องอื่นๆ พี่มองแค่ว่า ถ้าหมดเหตุ เขาก็ไป ใครมีเหตุ เขาก็มา
รู้ไหม ทำไมคนไปถึงจุดหมายได้ยาก อามิสบูชาไง คำสรรเสริญ สิ่งเหล่านี้ทำให้คนหลงทางมากมาย

จุดหมาย says: หลงยึดติด เรื่องตัวกู ของกู สิครับ ชอบแต่สิ่งที่ดี ๆ เท่านั้น สิ่งที่ไม่ดีไม่เอา

walai says: มันยิ่งกว่าตัวกูของกู แต่ทุกอย่างมันมีเหตุ ไปโทษกันไม่ได้หรอก
ต้องโทษตัวเอง ดันสร้างเหตุเอาไว้เอง ผลก็เลยเป็นแบบนั้น
การเจริญสติ เป็นการสร้างเหตุที่ดี ทำมาก ทำน้อย ดีกว่าไม่ได้ทำ

จุดหมาย says: แต่ต้องทำให้ถูกทางนะครับ

walai says: อีกละ เอาอะไรมาวัดละ ถูกหรือไม่ถูก
บอกแล้วว่า ทำตามเหตุ การที่บอกว่า ถูกหรือไม่ถูก เท่ากับไปกล่าวเพ่งโทษนอกตัว

จุดหมาย says: เหตุคือแค่ทำ ผลย่อมเกิดขึ้นตามเหตุุนั้น แค่รู้เท่านั้นพอ

walai says: ใช่ ให้ดูกิเลสตัวเอง ให้ดูสภาวะตัวเอง เดินรู้เท้าได้มั๊ย นั่งรู้กายได้มั๊ย
หรือทั้งเดินทั้งนั่ง จิตไปวิ่งเล่นอยู่นอกกาย คอยสอดส่องเรื่องชาวบ้าน

จุดหมาย says: จิตมันจะพยายามออกนอกตลอดเวลาโดยอัตโนมัติ

walai says: เอาเป็นว่า เดินแล้วรู้เท้าได้ นั่งแล้วรู้กายได้ตลอด นั่นแหละ เริ่มมาถูกทางแล้ว

จุดหมาย says: รู้ต้องพยายามรู้ให้ต่อเนื่องด้วย

walai says: ไม่ต้องพยายาม ความพยายามก็คือความอยาก ทำเพราะความอยาก มันจะได้แต่กิเลส

จุดหมาย says: เอาแค่ว่ารู้พอ ถ้าจิตออกนอก ก้อมาเริ่มรู้กายใหม่

walai says: นั่นแหละ

จุดหมาย says: แบบนี้แหล่ะคือสติ

walai says: ใช่ค่ะ รู้กาย คือสติ รู้อยู่ในกายได้ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะมากหรือน้อย คือ สัมปชัญญะ
รู้อยู่ในกายได้ต่อเนื่อง ได้นาน นั่นคือ กำลังของสมาธิ ทั้งหมดนี่ ทำงานควบคู่กันไป

จุดหมาย says: แล้วกำลังของสติที่เพิ่มขึ้นคือ รู้กายได้เร็วขึ้น

walai says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: อืมมม เข้าใจครับ ขอตัวไปทำซักหน่อยนะครับ เริ่มดึกแล้วครับ แล้วค่อยคุยกันนะครับ
คืนนี้เพราะช่างเสริมสวยแท้ ๆ เลยครับ ทำให้ผมได้คำตอบบางอย่างครับ
คืนนี้เจอบทมาทดสอบสติอยู่หลายอย่างเลย ทั้งตอนเดินและตอนนั่งครับ
ตอนเดิน ๆ อยู่จู่ ๆ นึกถึงเรื่องช่างเสริมสวยของพี่ขึ้นมาครับ เจอสภาวะเกิดขึ้นปู๊บ เริ่มรู้ได้เร็วขึ้นครับ
การสนทนากันคืนนี้ ทำให้ผมเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นมาอีกครับ ขอบคุณนะครับพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2010, 23:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


16 สิงหาคม
เริ่มรู้สึกคุ้มค่าต่อการปฏิบัติ

๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๓

หลังจากห่างหายจากการบันทึกในนี้ซะนาน คืนนี้เลยมาบันทึกซักหน่อย

เวลา ๐๐:๓๖ น. (๒๐/๔๐ นาที)

เดิน

เดินรู้เท้าได้ดี ตอนเดินอยู่เกิดไอเดียเรื่องการกระพริบตา ลองกระพริบแบบรัวๆ สติตามได้ทันตลอด รู้ถึงการเคลื่อนไหวของหนังตาได้ดี เห็นภาพที่มาปรากฎอย่างเร็วมากๆ ลองขยับกายส่วนอื่นๆ บ้าง เช่น การเคลื่อนไหวของมือและแขน รู้ในกายที่เคลื่อนไหวได้ตลอด รู้สึกถึงกำลังของสติที่ดีกว่าทุกๆ วันตั้งแต่เริ่มปฏิบัติมา ขณะเดินคืนนี้มีบททดสอบอีกอย่างคือเรื่อง ของเสียง มีเสียงหมาเห่าดังขึ้นพร้อมกันหลายๆตัว เห่าอยู่นานมากๆ ยอมรับว่าตอนแรกเผลอไปได้ยินกับเสียงหมาที่เห่า แต่นึกขึ้นได้ถึงการสนทนากับทางพี่เลี้ยงในค่ำคืนนี้ เกิดสติขึ้นมาทันที หันมาสนใจกายและอิริยาบถของตัวเองต่อไป

นั่ง

ไม่เกิดอาการวูบหรือเคลิ้มให้เห็น รู้ลมหายใจกับท้องพองยุบได้ดี มีบททดสอบสติตอนขณะนั่งอีกแล้วคือ เหมือนมีอะไรมากัด เหมือนมีอะไรมาสั่นๆ ตรงบริเวณใกล้ที่นั่งปฏิบัติ และรู้สึกว่ามีแมลงอะไรไม่ทราบมาดันๆ แถวหน้าแข้ง ดันอยู่หลายๆครั้งแบบทิ้งช่วง ดันแต่ละครั้งกำหนดรู้หนอลงไป แค่รู้เท่านั้นไม่ไปสนใจอะไรมากมาย พอนั่งไปนานๆ หน่อย เวทนาเริ่มเกิดอีกแล้ว คืนนี้ไม่ยอมให้เวทนาเกิดขึ้นนาน ออกจากการนั่งสมาธิเสียก่อน แผ่เมตตา กรวดน้ำ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2010, 00:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


8/19/2010 12:17:21 AM

แดนสุข เมื่อกี้กำลังง่วง ๆ อยู่เลยครับพี่ กำลังเคลิ้ม ๆ
ตอนนี้หายเป็นปลิดทิ้้งเลยครับ ดีเลยครับ เหลืองานค้างให้สะสางอยู่อีก 1 อย่าง

walai ได้ยาดี

แดนสุข จะได้ทำให้มันเสร็จ ๆ

แดนสุข เหมือนมีอะไรช่วยทดสอบสติ เลยนะครับ

walai คุณก็ได้ทำในสิ่งที่ถนัดไงคะ ตาเลยสว่าง

walai เพราะถ้าต่อไปใครมีปัญหาแบบพี่คุณก็จะช่วยแนะนำให้กับเขาได้ไงคะ

แดนสุข ครับ คงเป็นแบบนั้นนะครับ

walai ทุกอย่างคือการเรียนรู้ค่ะ

แดนสุข ครับ ถูกต้องเลยครับ

walai ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีแตกต่าง ที่ทำให้แตกต่างล้วนเกิดจากกิเลส

แดนสุข เห็นแบบนี้ได้ สุดยอดเลยนะครับ

walai ก็มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อคุณเจอทุกข์ สภาวะทุกข์จะสอนคุณ สอนให้เห็นถึงความไม่เที่ยง

แดนสุข ตัวทุกข์ เป็นครูสอนชั้นเยี่ยมนะครับ

walai เมื่อคุณเห็นความไม่เที่ยงบ่อยๆ คุณจะเห็นตามความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อคุณเห็นตามความเป็นจริงได้ จะทำให้รู้ว่า ทุกอย่างล้วนเกิดจากอุปทาน การให้ค่า

แดนสุข อืมม ครับใช่ครับ ตัวรู้ผมเคยคิดแบบนี้อยู่เมื่อไม่นานมานี้ครับ
ดูมาจากการใช้ชิวิตประจำวัน ไม่ใช่ตัวรู้ คิดสิ

ต้องบอกว่า ตัวรู้ของผมเค้า รู้ว่าทุก ๆ สิ่งล้วนเกิดจากอุปทาน
ผมเคยคิดว่า ถ้าไม่มีอุปทาน การสื่อสารของคนเราจะ สื่อสารกันได้เข้าใจมาแค่ไหนนะ

walai อีกละ

แดนสุข ผมว่าแล้วเชียว อันนี้ บอกเล่าความคิด ที่เกิดขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้ครับ
เกิดก่อนจะรู้ว่า ทุก ๆสิ่ง ล้วนเกิดจากอุปทาน

walai แล้วแต่เหตุค่ะ

แดนสุข เมื่อคุณเห็นตามความเป็นจริงได้ว่า ทุกอย่างล้วนเกิดจากอุปทาน การให้ค่า ..... อันนี้พี่จะบอกจบหรือยังครับ

walai ยัง แต่เอาไปแค่นั้นก่อน

แดนสุข เอาวันละนิด จิตแจ่มใสดีครับ เรียนรู้กันวันละนิด

walai เขาเรียกว่ารู้วันละนิด รู้มากจะยากนานนน

แดนสุข ทั้งอยาก และทั้งยากเลยครับ

walai นี่แหละกิเลส ไม่มาเจริญสติ ไม่รู้หรอก มันต้องรู้จากข้างในก่อน ถึงจะไปรู้ข้างนอกได้

แดนสุข ครับ ต้องรู้จิตตน ก่อนจะไปรู้สิ่งอื่น

walai เรียนในกายให้ชัด ย่อมรู้ข้างนอกได้ชัด
ข้างในยังแยกไม่ได้เลย ยังรู้จักตัวเองไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับข้างนอก

แดนสุข ข้างในนี่มีอะไรให้เรียนรู้เยอะนะครับ มีแปลก ๆ ใหม่ ๆ มาให้เห็น

walai ใช่ค่ะ จิตนี่มหัศจรรย์จริงๆ เรียกว่าอเมซิ่งเลยแหละ

แดนสุข แต่ละสิ่งที่มาแสดงให้เห็น ล้วนเกิดขึ้นเอง จะเกิดเมื่อใด เมื่อไหร่ ไม่มีทางรู้ก่อน

walai ใช่เลยค่ะ ตัวสัมปชัญญะจึงมีความสำคัญมากๆ แต่ ที่สำคัญก่อนตัวสัมปชัญญะคือสติ

แดนสุข ไม่มีสติก่อน สัมปชัญญะย่อมเกิดขึ้นได้ยาก

walai ใช่ พอสัมปชัญญะเกิดแล้ว สมาธิย่อมเกิดด้วย เมื่อทั้งหมดทำงานร่วมกัน
จิตย่อมตั้งมั่นได้มากขึ้น รู้อยู่กับกายได้มากขึ้น รู้อยู่กับายได้มากเท่าไหร่ สมาธิยิ่งแนบแน่นมากขึ้น
ตัวปัญญาย่อมเกิด จะเกิดมากหรือน้อยก็แล้วแต่เหตุ

แดนสุข เมื่อมีกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุก ๆ อย่างย่อมปล่อยวางได้เร็วขึ้น
มีอะไรมาแสดงให้เห็น เมื่อรู้แล้ว จะเริ่มละโดยทันที

walai ไม่บอก ว่าใช่หรือไม่ คาดเดาก็คือคาดเดา

แดนสุข อีกหน่อยเมื่อผมรู้ตามความเป็นจริงได้ชัดเจนแล้วจะกลับมาตอบตรงนี้อีกทีครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2010, 00:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



สติ ความรู้ตัว

สัมปชัญญะ ความรู้สึกตัว

สติ+สัมปชัญญะ+สมาธิ= รู้ชัด ( ตัวปัญญา )

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2010, 02:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


20 สค. 53


แดนสุข says: นอนมาก ๆ ทำให้เรากลายเป็นคนขี้เกียจได้ง่ายนะครับ

walai says: ไม่หรอกค่ะ สภาวะของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สิ่งที่คิด เป็นเพียงแค่การคาดเดา

แดนสุข says: สำหรับผมนะ ถ้าได้นอนเยอะ ๆ แล้ว รู้สึกว่าตัวเอง จะกลายเป็นคนเฉิ่ม ๆ

walai says: ค่ะ ถึงบอกไงคะ แล้วแต่คน อีกหน่อยผลของการเจริญสติ
จะทำให้สภาวะของคุณเปลี่ยนไปเรื่อยๆค่ะ

says: ยิ่งช่วงนี้นะ รู้สึกว่าตัวเองง่วงง่ายมาก ๆ เลยครับ ไม่เหมือนเมื่อก่อน ถึงไหนถึงกันเลย
ถ้ากำลังของสติดี ทำให้รู้สึกถึงเวทนาที่เกิดขึ้นได้ง่ายนะครับ อย่างเช่นนั่ง ๆ อยู่่ในท่าเดิมนาน ๆ
ซักประมาณ 10-15 นาที รู้สึกว่าเป็นเหน็บชาบ้าง บริเวณที่กายกระทบกับพื้นมันร้อน ๆ บ้าง

walai says: มันไม่เที่ยงค่ะ

แดนสุข says: อย่างวันนี้นะพี่ ไปเข้าห้องน้ำที่ทำงานแล้วนั่งอยู่ประมาณ 15-20 นาที
ก้อลองทำสมาธิดูนะ พอดีในห้องน้ำมันมี 2 ห้องเล็กแล้วจู่ ๆ คนที่อยู่อีกห้องนึงเค้าออกไปข้างนอก
แล้วไปปิดไฟ นะทั้ง ๆ ที่่ผมก้อนั่งอยู่อีกห้องนึง มันมืดนะ ตอนนั้นก้อยังรู้สึกอยู่นะครับ
แต่ต่อจากนั้นแล้ว เหมือนมันหลับเลยนะครับ ไม่รุ้สึกอะไรเลย พอตื่นขึ้นมาอีกทีมีคนมาเปิดไฟ
ทีห้องน้ำเอาไว้ ก้อไม่รู้เลยนะครับ ว่ามีใครเข้ามาตอนไหน ผมมานั่งคิดดูว่า นี่แค่นั่งไม่นานเลยนะครับ
ไม่กี่นาทีเอง เราไม่รู้สึกอะไรมากระทบเลยเหรอ

walai says: แล้วไงหรือคะ

แดนสุข says: คือมันไม่รุ้เลยนะสิครับ ว่ามีใครเข้ามาในห้องน้ำอีกตอนไหน หลังจากที่คนก่อนหน้านั้น
เค้าปิดไฟ แล้วออกจากห้องไป แล้วมาเปิดไฟในห้องน้ำอีกครั้งนึงหน่ะ

walai says: รู้แล้ววววว พี่ถึงถามไงว่า แล้วไงหรือคะ

แดนสุข says: ผมก้อเลยแปลกใจนะสิครับ ว่าที่ผมไม่รู้สึกตัวหน่ะ เพราะว่าสติผมไม่มีแล้ว
หรือว่า มันเข้าสู่สมาธิแบบลึก ๆ หน่ะ

walai says: น่านนนน วันไหนนะ ถ้าคุณไม่ถามเลย คือไม่สงสัยเลยนี่ สงสัยโลกคงถล่มทะลาย
แล้วแต่คุณจะให้ค่ากับมัน กิเลสเห็นไหม

แดนสุข says: ครับ ผมก้อว่าแบบนั้นนะครับพี่

walai says: คุณน่ะเสร็จกิเลสไปตั้งแต่เริ่มบรรยายแล้ว

แดนสุข says: ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนไงครับ ผมก้อเลยว่ามันแปลก ๆ

walai says: พี่ถึงได้ถามคุณไปว่าแล้วไง จนคุณยังไม่เข้าใจ ถึงถามซ้ำไปอีก
คุณก็ย้อนมาบรรยายอีก กิเลสมันไวเห็นป่ะ

แดนสุข says: อืมมครับ มันเข้ามาตอนไหนยังไม่รู้สึกตัวนะครับ

walai says: เดินให้มากๆหน่อย อย่าจ้องจะนั่งอย่างเดียว

แดนสุข says: ครับ เดินให้รู้กาย ให้ได้ตลอดนะครับ

walai says: รู้ได้แค่ไหนก็รู้ไปตามนั้น การที่บอกว่า รู้กายให้ได้ตลอดน่ะ
มันคือกิเลสเห้นทันไหม ความอยาก ความอยากน่ะ เป็นกิเลสที่ละเอียดมากๆ แทรกได้ตลอดเวลา
สติไม่ทัน ดูมันได้ยาก

แดนสุข says: ครับ จริงครับ ผมเข้าใจว่า ทุก ๆ สภาวะจะมีความอยากอยู่ตลอดนะครับ
อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเห็นได้ตามความเป็นจริงหรือป่าวนะ

walai says: อีกละ แค่รู้ เข้าใจป่ะ

แดนสุข says: ผมว่าแล้วเชียว ครับ รู้ได้ เท่าที่่รู้นะครับ

walai says: ใช่ค่ะ ทำไปค่ะ มันมีแต่เหตุ และเหตุทั้งนั้น ผลเลยเป็นแบบนี้

แดนสุข says: ครับพี่ พี่น้ำสนใจทำบันทึกลงใน facebook ด้วยหรือป่าวครับ

walai says: ขี้เกียจจจค่ะ คุณขยันก็นำไปลงได้ พี่อนุญาติ

แดนสุข says: ผมว่าถ้าทำบันทึกลงในนี้แล้ว มีโอกาสที่จะเผยแผ่สิ่งที่พี่ได้ปฏิบัติได้ง่ายนะครับ

walai says: พี่ไม่ได้สนใจค่ะ พี่ทำตามเหตุ

แดนสุข says: ตอนนี้ที่ผมทราบมานะครับ มีคนใช้งานทั้งหมดทั่วโลก น่าจะประมาณ 500 ล้านคน

walai says: แล้วมาเกี่ยวอะไรหรือคะ

แดนสุข says: ที่ผมบอกจำนวนนะครับ ผมถึงบอกพี่ไงล่ะครับว่า พี่แค่ลงบันทึกในนั้นแล้ว
มีโอกาสที่จะมีจำนวนคนที่มาสนใจในเรื่องนี้ได้มากขึ้น แค่ลงบันทึกของตัวพี่เองเท่านั้น
อย่างน้อย ๆ ซัก 0.1 % ก้อยังดีนะครับ 0.1 x 500000000 /100 = 100000 คน

walai says: ถามจริงๆนะคะ ทำเพื่ออะไรคะ

แดนสุข says: เพื่อช่วยชี้นำแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตให้กับคนอื่น ๆ
ก้อเหมือนเป็นการทำบุญแบบหนึ่งนะครับ

walai says: พี่ยังไม่หมดกิเลสนะคะ พี่ไปทำแบบนั้น เท่ากับการส้รางเหตุใหม่ให้เกิดขึ้น
พี่ถึงบอกไง ตอนนี้พี่ทำตามเหตุ ยังไปไม่ถึงที่ แล้วจะไปคิดช่วยคนอื่นๆได้ยังไงคะ
พี่ไม่ชอบการติดตามคน การทำตามเหตุ เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายสุด ก่อเหตุใหม่ได้น้อยสุด
เพราะคนที่มาหาและมาปฏิบัติด้วยนั้น ล้วนมีเหตุต่อกัน ถ้าไม่มีเหตุต่อกัน ย่อมไม่มาเชื่อกัน
หากเชื่อกัน จะพูดและบอกกันง่าย คนไม่เชื่อ ต่อให้พูดให้ตาย เขาย่อมไม่เชื่อ

อีกอย่าง บันทึกของพี่เยอะมาก การที่ไปลงที่คุณแนะนำมา จะให้พี่ไปก๊อปตั้งแต่แรกน่ะเหรอ
ทำไปเพื่ออะไร เพื่อแบบที่คุณพูดมาน่ะเหรอ มันไม่จำเป็นเลย

ดูอย่างคุณ เราไม่รู้จักกันเลย และหลายๆคนที่มาปฏิบัติอยู่กับพี่ อยู่ต่างประเทศก็หลายคน
ทำไมคนเหล่านั้นถึงมาเจอพี่ได้ล่ะ มันมีเหตุเข้าใจไหมคะ

แดนสุข says: อืมมครับ ไม่ใช่ให้ copy มาทั้งหมดนะครับ ส่วนไหนที่พี่คิดว่าสำคัญก้อเอามา
ส่วนอื่น ๆ ที่พี่เคยบันทึกเอาไว้แล้ว ถ้าหากว่าเค้าสนใจจริง ๆ
พี่ก้อให้เค้า link ไปที่หน้า space ของพี่ก้อพอ

walai says: ถ้าถามว่าส่วนไหนสำคัญ มันไม่มีหรอกค่ะ
ความถูกใจต่างหากล่ะคะที่ไปให้ค่าเองว่ามันสำคัญ
พี่ถึงบอกไง คุณต้องการส่วนไหนในบันทึกของพี่ นำไปใช้ได้เลย

แดนสุข says: อยู่ที่ความชอบของแต่ละคนล่ะสิครับ ความชอบและความอยาก

walai says: คุณนี่ ถ้าไม่ใช่พี่นะ เท่ากับคุณไปสร้างเหตุใหม่ไปด้วยความไม่รู้
กิเลสทั้งนั้นเลย มีแต่กิเลสเห็นไหมคะ ทั้งสรรเสริญ ทั้งความอยาก สารพัดกิเลส
ทั้งความคาดเดา มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย คุณจะได้สิ่งเหล่านี้ไปเป็นของแถมให้กับตัวคุณเอง


แดนสุข คือ จุดหมาย says: อืมมม ทุก ๆ สภาวะมีกิเลสทั้งนั้นเลยนะครับ

walai says: เหตุ แม้จะทำไปด้วยเจตนาที่อาจดูเหมือนเจตนาดี
แต่ ต้องกลับมาพิจรณาจิตให้ทันว่าแท้จริงแล้ว การกระทำนี้เกิดจากอะไร เห็นกิเลสไหม ความอยาก
ทั้งๆที่พี่บอกแล้วว่า ล้วนเป็นการส้รางเหตุใหม่ให้เกิดขึ้นและมีผลต่อการปฏิบัติ

อย่าลืมว่า นี่เป็นเพียงความถูกใจของคุณคนเดียว คนอื่นๆอาจจะไม่ถูกใจตามคุณ
เกิดคนอ่านแล้ว เขาไม่ถูกใจแบบคุณล่ะ เขาเข้ามาว่าพี่ในบล็อกนั้นล่ะ เหตุใหม่เห็นไหม
คิดจะผ่านเส้นทางนี้ต้องระวังทุกฝีก้าว

แดนสุข says: ความอยากให้คนอื่นมีความสุข กับ ความเมตตา สงสาร นั้นแตกต่างกันมั้ยล่ะครับ

walai says: แตกต่างสิ ทุกๆอย่างล้วนแตกต่างตามสภาวะกิเลสของแต่ละคน
เมื่อใดหมดสิ้นกิเลสแล้ว เมื่อนั้นย่อมไม่แตกต่าง แล้วหมดกันแล้วหรือ
เปล่าเลย กิเลสยังสุมหัวอยู่เลย ทุกวันนี้พี่ยังต้องทำข้อสอบกับกิเลสอยู่ทุกวัน

คุณแค่ต้องการสนองความอยากของคุณเท่านั้นเอง คุณเอาอะไรมาวัดล่ะ ว่าที่พี่ทำอยู่เนี่ย ถูกต้อง
มันมีแต่ความถูกใจทั้งนั้น ถูกใจของตัวคุณเอง

แดนสุข says: กิเลสเกิดขึ้นจากความคิดเป็นหลักมั้ยล่ะครับ

walai says: แล้วแต่คุณจะให้ค่า ตราบใดที่คุณยังดูไม่ทัน คุณจะให้ค่าไปเรื่อยๆ

แดนสุข says: เกิดการคาดเดาและให้ค่าต่อสิ่งนั้นนะครับ คิดว่าต้องเป็นแบบนี้ ต้องเป็นแบบนั้น

walai says: อุปทานไง คุณน่ะถนัดพูด แต่ทำยังไม่ได้

แดนสุข says: อุปทานเป็นตัวทำให้เกิด ภพ ชาติ ไปเรื่อย ๆ นะครับ

walai says: คุณมีแต่ความจำๆๆๆๆ จำจากที่พี่พูด แต่คุณยังไม่เห้นด้วยตัวเอง

แดนสุข says: อืมมครับ จริงครับ

walai says: คุณก็เลยได้แต่คาดเดา แล้วให้ค่าไปเรื่อยๆ
พอให้ค่า ความสงสัยก็ตามมา ความอยากก้ตามมา อยากรู้

แดนสุข says: แต่อย่างน้อยก้อยังดีนะครับ ที่ได้ยินสิ่งเหล่านี้

walai says: แล้วแต่จะให้ค่าค่ะ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี

แดนสุข says: ความอยากรู้ นี่เป็นกิเลสตัวที่ทำให้เกิดเหตุอื่น ๆ ตามมาเรื่อย ๆ นะครับ

walai says: ค่ะ อยากรู้ อยากมี อยากได้ อยากเป็น อยากสอน อยากสารพัดอยาก
อุปทานคือตัวแรก เกิดผัสสะ สติไม่ทัน อุปทานเกิด อุปทานเกิด การให้ค่าตามมา
การคาเดาเกิดตาม ใช่หรือไม่ใช่ ความสงสัยตามมา ความอยากรู้ตามมา

แดนสุข says: ผัสสะที่ว่านี้ คือไม่เห็นเหตุที่สร้างขึ้นใช่มั้ยครับ

walai says: เปล่า ไม่ใช่ ผัสสะมันมีของมันอยู่แล้ว การทำงานของอายตนะ
ไม่ใช่ว่าเห็นหรือไม่เห็น การให้ค่าต่างหาก เมื่อยังไม่มีคนพูดเรื่องเหตุให้ฟัง หรือพูดให้ฟัง
แต่ไม่เชื่อ ย่อมให้ค่าผัสสะตามเหตุที่ทำมา

แดนสุข says: มันเป็นสภาวะที่มีอยู่ตามธรรมชาติอยู่แล้วสิครับ

walai says: ความอยากคุณมันเยอะ ล้วนเกิดจากเหตุคุณทำไว้ทั้งนั้น
แม้แต่ตัวพี่เอง คุณก็พยายามยัดเยียดความอยากให้

พี่ถึงบอกไง คุณดูมันทันไหม แต่คุณไม่ทัน พี่พูดย้ำแล้ว คุณก็ยังยกสารพัดเหตุผลขึ้นมาพูด
เห็นไหม ถ้าพี่สติยังไม่ทัน หลงไปตามคุณล่ะ เหตุมี ผลย่อมมี

พี่เพียงยกตัวอย่างให้ฟัง พี่ไม่ได้คิดกล่าวโทษใดๆกับคุณ แต่เตือนคุณว่าให้พึงระวังให้ดี
การปฏิบัติของคุณจะไม่ก้าวหน้า หากยังชอบส่งจิตออกนอก ขยันสร้างเหตุเนืองๆแบบนี้

แดนสุข says: ต้องสำรวมจิตตัวเองให้มากขึ้น รู้กายของตัวเองให้ได้บ่อย ๆ
นี่คือสิ่งที่ผมควรจะเริ่มต้นทำนะครับ

walai says: นี่คือสิ่งที่ผมควรจะเริ่มต้นทำนะครับ ..... คุณพูดครั้งที่เท่าไหร่ พี่ก็จำไม่ได้นะ
ไม่ได้จดเอาไว้ แต่ไม่เป็นไรค่ะ พูดบ่อยๆ จะได้จำได้แม่น แล้วจะได้ระมัดระวังจิตตัวเองให้มากขึ้น

แดนสุข says: ครับ ต้องทำให้ได้นะครับ ค่อย ๆ หยุดสร้างเหตุใหม่ให้ได้
เจริญสติของตัวเองให้ทันอยู่กับปัจจุบัน ไปก่อนนะครับพี่ ขอตัวไปทำซักหน่อย เริ่มง่วง ๆ แล้วด้วยครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2010, 23:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


23 สค. 53

นิมิต


walai says: เรื่องนิมิต ค่อยๆปรับไปแบบนั้นแหละค่ะ ผ่านนิมิตไปได้ จะเห็นตามความเป็นจริงมากขึ้น

says: นิมิตมากจัง

walai says: น้ำก็มีนะ มีมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ที่ผ่านมาได้เพราะการเจริญสตินี่แหละค่ะ
ถึงบอกคุณ เรื่องการปรับสภาวะเดินกับนั่ง ถึงแม้จะนั่งได้ 5 นาทีก็ไม่ต้องไปกังวล
นั่งได้ 5 นาที แถมมีสมาธิได้ขนาดนี้ สุดยอด เป็นที่ปรารถนาของคนสมาธิน้อยน่ะค่ะ
ให้กำลังใจค่ะ บางอย่างควรบอก บอกเพื่อให้เข้าใจ จะได้ไม่ไปกังวลเรื่องการนั่งน้อย
จะได้ไม่ต้องไปหาโน่นหานี่ หาวิธีการ

says: กำลัง จะเริ่มกังวลอยู่พอดี

walai says: กังวลเรื่องอะไรอีกหรือคะ นั่งไป 5 นาทีนี่แหละค่ะ ยังไม่ต้องเพิ่ม
แต่เดิน ถ้ามีเวลามากให้เดินมากๆได้ ไม่ก็เวลาทำงาน เวลาเดินอาศัยรู้ที่เท้าไปด้วย
รู้มากหรือน้อยไม่สำคัญ แต่ให้ทำต่อเนื่อง

says: กังวลว่า ทำไมเราถึงนั่งได้น้อยจังอ่ะค่ะ พยายามจะเพิ่ม พอเกินห้านาทีปุีป นิมิตก็เริ่มจะโผล่ทันที

walai says: นั่นแหละค่ะ ให้ดูนิมิตเป็นหลัก ถ้ายังมีนิมิต อย่าเพิ่งเพิ่มนั่ง
เหตุแต่ละคนสร้างมาไม่เหมือนกัน ถ้าให้คาดเดานะคะ คงเคยสร้างเหตุให้คนติดนิมิต
แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะตอนนี้คุณกำลังสร้างเหตุใหม่ คือการเจริญสติ

says: อาจเป็นได้ แต่ที่รู้ๆ ชาตินี้แหละ คือก่อนที่จะมาปฏิบัติจริงๆจังๆในครั้งนี้
เมื่อก่อนพอมีเวลา ก็จะนั่งอย่างเดียว มาตลอด ห้าหกปี หรือมากกว่านั้น ไม่ค่อยเดินเลย
พอนั่งถ้าสงบก็จะชอบ และจะชอบนั่งสมาธิมากๆ อาจจะเป็นด้วยเหตุนี้ด้วย
จึงไม่ยอมถอน "ติด" สมาธิ สักที

walai says: เข้าใจค่ะ เคยเป็นมาก่อน ชอบนั่งมากๆ
ตอนนี้สร้างเหตุใหม่แล้วค่ะ ไม่ต้องไปกังวล ใช้ความเพียรต่อเนื่องไปค่ะ เพราะมันไม่มีอะไรจริงๆ

says: ตอนนี้เห็นจะต้องเกาะติดความเพียร ซึ่งมีน้อยนิดเหลือเกิน
ศรัทธา และวิริยะ ก็อ่อนระโหยโรยแรงลงไปมาก

walai says: ทำตามสภาวะไปค่ะ ระวังความอยาก ทำได้แค่ไหน ทำแค่นั้น
รู้ตามความเป็นจริงอย่างเดียว ถ้าขี้เกียจมากๆ ให้เดินหนึ่งรอบก่อนแล้วค่อยนั่ง มันไม่มีอะไรเที่ยงค่ะ

says: สู้กับมันทุกวัน ข้ออ้างเยอะ

walai says: กิเลสทั้งนั้น แบบนี้ยังดีกว่าทุกข์ค่ะ เจอทุกข์บีบคั้นนี่ จะทำให้พาลเลิกทำ
เพราะเข้าใจผิด คิดว่าทำแล้วไม่ได้ผล

says: กำลังเจออยู่นี่ไงค่ะ ดึงดันกับมันทุกวันแหละ

says: เพียงจะบอกว่า มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ แค่เรามีสติ สัมปชัญญะ รู้อยู่กับกายได้ตลอด
ทุกๆเรื่องราวจะมีคำตอบให้กับตัวเราเอง

วันนี้คุณอาจจะรู้ได้แค่ 5 นาที แต่ทำต่อเนื่อง มันจะรู้ในกายได้มากขึ้น
ปัญญาที่เกิดของแต่ละคน ไม่เกี่ยวกับการนั่งนานหรือไม่นาน
แค่รู้ในกายได้ตลอดนี่แหละค่ะ บทตัวรู้เขาจะเกิด เขาเกิดเอง

says: ขอคำอธิบายคำว่า "รู้ในกาย" เพิ่มอีกนิดได้ไหมค่ะ?

walai says: รู้ในกาย เช่น รู้ลมหายใจเข้าออก จากรู้ลมหายใจเข้าออก รู้ท้องพองยุบ
ถ้าจิตเสพสมาธิสูง พองยุบจะจับไม่ได้ แต่จะรู้สึกถึงอกที่เคลื่อนไหวแทน
มันเคลื่อนไหวตามลมหายใจเข้าออก แต่ลมที่ปลายจมูกจะจับไม่ได้

พอสมาธิคลาย จะจับลมหายใจที่ปลายจมูกได้ บางทีก็จับได้คู่กับพองยุบ
บางทีก็รู้ได้ทั้งตัว ทั้งลมหายใจ ท้องพองยุบ อกที่เคลื่อนไหว นี่แหละค่ะรู้ในกาย
หรือที่เรียกว่า เอาจิตจดจ่ออยู่กับองค์กรรมฐาน

จริงๆแล้ว รายละเอียดมีมากกว่า แต่ตรงนี้อธิบายเพียงสภาวะหยาบๆโดยภาพรวม


says: เข้าใจแล้วค่ะ มักจะรู้อกกระเพื่อมมากกว่ารู้ที่ท้อง แม้ขณะนั่งเล่นคอม
หรือกำลังทำงานอยู่ บางครั้ง มันจะรู้เอง ชัดมากด้วย

walai says: นั่นแหละค่ะ สติ สัมปชัญญะและสมาธิที่เขาทำงานร่วมกัน ถึงรู้ชัดได้

says: แต่ไม่รู้ความหมาย ไม่เข้าใจ รู้แต่ว่าถ้าคราวใด รู้ชัดที่อกกระเพื่อมอยู่ ไม่ว่าจะตอนปฏิบ้ติ
หรือขณะทำงาน หรือทำอะไรก็แล้วแต่ จะรู้สึกมีความสุข และสงบมาก จะหยุดอยู่ตรงนั้นเลย
จนกว่าจะค่อยๆคลายออกได้เอง

walai says: มันจะเป็นแบบนั้นแหละค่ะ แล้วแต่กำลังของสมาธิที่เกิดขึ้น
ถ้าแค่รู้ แต่ยังไม่ชัด นั่นแค่ สติ กับสัมชัญญะทำงานร่วมกัน ตัวสมาธิยังไม่เกิด
พอตัวสมาธิเกิด จะทำให้เห็นสภาวะชัดเจน คือ รู้ชัดในขณะนั้นๆ

ไม่ต้องไปกังวลเรื่องนั่งอีกนะคะ ความอยากมันแทรกอยู่น่ะค่ะ สภาวะเลยเป็นแบบนั้น
ถ้าแค่รู้ แค่รู้ไปเรื่อยๆ กำลังของสติมีมากขึ้นเรื่อยๆ นิมิตจะหายไปเอง
น้ำถึงบอกว่า ถ้าจะใช้การกำหนดรู้หนอช่วยด้วยก็ได้ แต่เห็นคุณไม่ค่อยถนัด

says: ก็กำหนดค่ะ ไม่ได้ละ กำหนดทุกครั้งค่ะ ยกเว้น อันไหนที่เป็นสิ่งที่เป็นประจำ
เช่นเสียงที่รถบนถนน ที่วิ่งตลอด เสียงแอร์ เสียงไม้กระดานลั่น จะแค่รู้
แต่ตอนนี้กำหนดมากขึ้นกว่าเดิมแล้วค่ะ

walai says: หมายถึงนิมิตน่ะค่ะ เวลานิมิตเกิด

says: กำหนดค่ะ นิมิตจะกำหนดทุกครั้งที่เกิด แต่บางครั้งอาจจะไม่ทัน
เพราะตัวสงสัยมันขัดไว้ คือสงสัยว่า นั่นมันอะไร ตัวอะไร หรือภาพอะไร นิมิตหรือคิด อ่ะค่ะ

walai says: นั่นไง นี่แหละค่ะ เรียกว่าติดนิมิต เพราะไปให้ค่าในสิ่งที่เห็น
จริงๆแล้ว สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะ ยังคงมีเหมือนเดิม
แต่เพราะกำลังของสติ ทำให้หายไป

ไม่งั้นไม่สามารถเห็นตามความเป็นจริงได้ หากใจยังไปพะวงแบบนี้
สิ่งเหล่านี้ จะมีกลับคืนมาเหมือนเดิมค่ะ เมื่อเราผ่านแต่ละสภาวะไปก่อน

จริงๆแล้ว สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะ ยังคงมีเหมือนเดิม แต่เพราะกำลังของสติ ทำให้หายไป
ไม่งั้นไม่สามารถเห็นตามความเป็นจริงได้ หากใจยังไปพะวงแบบนี้
สิ่งเหล่านี้ จะมีกลับคืนมาเหมือนเดิม เมื่อเราผ่านแต่ละสภาวะไปก่อน

นิมิตภาพ จะยิ่งกว่านิมิตแสง เพราะนิมิตภาพ คนจะสนใจมากกว่า
มันก็น่าสนใจจริงๆนะคะ พอดีน้ำเจอแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เป็นเรื่องปกติ เลยไม่สนใจ

แล้วพระอาจารย์ท่านสั่งนักหนา ท่านบอกว่า ของเหล่านี้มันไม่ได้หายไปไหนหรอก
แต่ตอนนี้เราต้องเอากิเลสเราก่อน ถ้ามัวไปพะวงกับนิมิต แล้วจะเห็นตามความเป็นจริงได้ยังไง
น้ำก็เลย เจริญสติ ไม่ไปสนใจทั้งนิมิต ทั้งโอภาส

มาตอนนี้นะคะ โอภาสกลับมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็รู้กายได้ตลอด เรียกว่ามีก็มีไป เดี๋ยวก็หายไปเอง
โอภาสเลยไม่ก่อให้เกิดปัญหาเหมือนตอนแรก เพราะตอนนั้นคิดอย่างเดียว ทำยังไงถึงจะให้หายไปได้

says: รู้กายได้ตลอดหมายความว่าขณะที่เกิด โอภาส หรือนิมิต เราก็ยังรู้พองยุบ
หรือลมหายใจอยู่ใช่ไหมค่ะ?

walai says: ใช่ค่ะ ไม่ใช่จิตไปจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เห็น

says: แล้วควรกำหนดอะไรในขณะนั้นๆ

says: รู้หนอไงคะ อย่าไปกำหนดเห็นหนอ อย่าไปคิดว่าทำยังไงถึงจะให้นิมิตหายไป
เพราะนั่นคือ ความอยาก เราต้องวางใจลง แล้วให้มารู้อยู่กับกายแทน
รู้ตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บ้าง รู้ในกาย

นิมิตก็เป็นสภาวะของกิเลส เหมือนคนๆหนึ่งที่กำลังทำอะไรอยู่ แล้วเราไปสนใจมองเขา
แต่ถ้าหากเราไม่สนใจเขาซะ คือมีไหม มี แต่ไม่สนใจ แล้วมารู้ในกายแทน นิมิต เขาจะหายไปเอง
บางครั้งมี แต่ก็รู้ในกายได้ หางานให้จิตทำค่ะ แล้วจิตจะไม่ไปสนใจนอกตัว

says: ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2010, 20:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


จุดหมาย สติ กับ สัมปชัญญะ เป็น กิเลสมั้ยครับ

walai เจริญสติเพื่ออะไร

จุดหมาย เพื่อให้มีสติ รู้ทัน กิเลส

walai แล้วมาถามทำไม เวลาถาม พิจรณาก่อนที่จะถามมา

จุดหมาย พอดีผมเพิ่งไปได้ยินมานะครับ ผมได้ยินครั้งแรก ก้อว่าแปลก ๆ นะครับ
พระท่านว่า พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสไว้แบบนั้น ตามพุทธวัจนะ
สติ กับ สัมปชัญญะ เป็นกิเลส แต่เป็น กิเลส เพื่อทำให้ละกิเลสอย่างอื่น

walai ก็ดีแล้วนี่ พระท่านก็ตอบในแบบของท่าน
อ่อ นี่เอาไปเปรียบเทียบอีกหรือว่าจะตอบยังไง หายไปหลายวันมานี่
ยังเหมือนเดิมนะ ชอบให้ค่า ซึ่งนับวันรู้สึกว่ามากขึ้นเรื่อยๆ
หมั่นดูตัวเองให้มากๆ อย่าปล่อยให้ไหลไปตามกิเลส ตามความอยาก

จุดหมาย ป่าวครับพี่ ถามความคิดเห็นครับ

walai ไม่ต้องมาถาม เคยบอกไปแล้วใช่ไหมคะ นิสัยคุณนน่ะ ชอบให้ค่า
ไปตั้งกระทู้ถามในบอร์ดโน่น เคยบอกไปแล้ว อะไรกันนี่
คุณจะไม่มีวันเห็นตามความเป็นจริงได้ ถ้าตราบใดที่ยังวิ่งหากิเลส
เพื่อสนองความต้องการของตัวคุณเอง หัดรู้และดูในกายและจิตของตัวเองให้มากๆ
อย่าเที่ยววิ่งพร่านหาแต่กิเลสเพื่อสนองกิเลสของตัวเองให้มากนัก
ได้แต่บอกแค่นี้แหละ ส่วนคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องของคุณ

จุดหมาย ขอบคุณครับพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2010, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


21 สค. 53

walai คุณชอบฟังก็ฟังไปเถอะค่ะ การฟังคำสอนของใคร ล้วนเป็นสิ่งดีทั้งนั้นแหละ
จุดหมาย ครับ วันนี้ได้ฟังมา 2 ท่านครับ ทุกท่านเน้นเรื่่องของการเห็นตามความเป็นจริงทั้งนั้นเลย
เน้นเรื่องของการสร้างสติ ให้มองดูข้างในให้ได้ก่อน แล้วค่อยออกมาดูข้างนอก
มีอยู่ท่านหนึ่่งท่านบรรยายว่า เวลาที่เราปฏิบัติธรรมแบบเต็มรูปแบบนั้น เหมือนกันการที่่เราเข้าค่ายฝึก
หลังจากนั้นถ้าเรามาใช้ชีวิตประจำวันแล้ว เหมือนกับเราเข้าสู่สมรภูมิรบ
เมื่อไหร่ที่ฝึกมาดีแล้ว ย่อมมีโอกาสมีชัยชนะได้มาก แต่สุดท้ายแล้วก้ออยู่เหนือสิ่งเหล่านั้นทั้งปวง

walai แล้วแต่เหตุที่ทำมา แล้วก็เหตุที่ทำให้เกิดขึ้นใหม่ค่ะ

จุดหมาย ครับ ถ้าสนใจปฏิปทาของ

walai แดนสุข คือ จุดหมาย วันนี้คุณเป็นอะไรของคุณน่ะ ถามจริงๆ เป็นอะไร

จุดหมาย ทำไมล่ะครับ มีอะไรไม่ปกติเหรอครับ
วันนี้อยู่บ้านทั้งวันครับ ไม่ได้ทำอะไรมาก รู้สึกว่าจิตมันนิ่ง สงบ
ดูและฟังการถ่ายทอดสดการบรรยายธรรมะจาก รพ.ทหารเรือ
วันนี้ได้ฟังธรรมะแล้ว นึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ยิน ได้อ่าน ได้ปฏิบัติ และได้สนทนากับพี่บ่อย ๆนะครับ
พระที่ท่านมาเทศน์ท่านเน้นเทศน์เรื่อง ความหลุดพ้น ซึ่งสิ่งนั้น ก้อคือ สติปัฏฐาน 4

walai แล้วไงล่ะ ถึงถามไงว่าวันนี้คุณเป็นอะไร

จุดหมาย แล้วตอนเย็นนี้ได้ฟัง ธรรมะของหลวงพ่อกล้วยด้วยแล้ว ปฏิปทา
และคำแนะนำเรื่องการปฏิบัติ ล้วนเน้นเรื่องของการสร้างสติ สัมปชัญญะ
ไม่ให้อยาก ให้ทำทุกอย่างแบบปกติ แต่ว่าให้มีสติ ตัวรู้เกิด

walai ถามจริงๆนะ แล้วที่พี่พูดๆให้คุณฟังมาตลอดน่ะ ไม่ซึมเข้าไปมั่งเลยหรือไง บอกแล้วนะคะ

จุดหมาย ซึมนะครับ วันนี้ตอนผมฟัง ๆ ผมถึงได้เข้าใจในสิ่งที่ท่านเทศน์มาก

walai บอกตามตรงนะ มันน่าเบื่อที่จะต้องมาฟังสิ่งที่เคยพูดให้คุณฟังประจำ แต่คุณกลับไม่ค่อยจำ
แต่พอไปฟังพระพูดในสิ่งที่พี่พูดให้คุณฟังประจำ แล้วคุณก็ช่างจำนำกลับมาพูดให้พี่ฟัง
แถมนำมาบอกพี่อีกว่าให้พี่ฟัง พี่ถึงบอกไง คุณชอบอะไร ชอบแบบไหนก็ทำไป
แต่ไม่ต้องเอามายัดเยียดให้พี่ จำได้ไหมว่าพี่เคยพูดแบบนี้กับคุณไปแล้ว

จุดหมาย ครับ ล่าสุดก้อเมื่อคืนวานนะครับ

จุดหมาย จำได้นะครับ รุ้ว่าบ่อยมาก ๆ

walai แล้วก่อนหน้านี้อีกล่ะ เคยจำได้มั๊ย ทำไป ชอบส่งจิตออกนอก

จุดหมาย ครับ จิตเกิด

walai พี่รู้ว่าคุณน่ะพวกศรัทธาจริต พี่ถึงแนะนำไปไงให้คุณไปหาพระ
พระที่คุณชอบแนวทางของท่าน

จุดหมาย ครับ ก้อเปิดกว้างนะครับ เมื่อได้ยิน ได้ศึกษา แล้วเมื่อเราพิจารณา
และมั่่นใจแล้วว่าไม่หลงทาง ไม่ปิดกั้นครับ ยอมรับได้ทั้งนั้น

walai พี่ถึงบอกไง คุณน่ะ นอกอย่าง ในอย่าง
อย่าเอาแต่นั่ง เดินให้มาก สนใจข้างนอกให้มันน้อยๆ มีแต่ให้ค่าอยู่เรื่อย

จุดหมาย เพราะว่าธรรมะจริง ๆ แล้ว อยู่ที่ตัวเราเองนี่ครับ

walai อีกละ ทำให้เห็นสิ มีแต่จำมาพูด

จุดหมาย กำลังทำอยู่ครับ แต่ว่าสิ่งนั้นยังมาไม่ถึง
ถามหน่อยสิครับพี่ สิ่งนี้เกิดเพราะว่าผมคิดเอง เลยโดนกิเลสเล่นงานหรือป่าว

วันนี้เอาหูฟังมาฟังธรรมะตอนถ่ายทอดสดนะครับ
นั่งหลับตาฟัง แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่ง เสียงที่ได้ยินจากหูฟังนั้น มันดังแบบข้างซ้ายหายไป ข้างขวายังอยู่
แต่พอข้างขวาเสียงหายไป ข้างซ้ายก้อเกิดดังต่อ แต่ห่่างกันเหมือนช่วงขณะจิต
จนมีบางครั้ง เสียงที่ได้ยินนั้นก้อหายไปเลย แล้วเสียงนั้นก้อมาปรากฏให้ได้ยินใหม่อีก
จนบางทีผมฟัง ๆ อยู่แล้ว ฟังไม่รุ้เรื่องเลย เหมือนมันไม่ปะติดปะต่อกัน

walai แล้วไงคะ

จุดหมาย ผมทนไม่ไหวเลยลืมตาขึ้นมา แล้วต่อจากนั้นมา ได้ยินเสียงบรรยายธรรมเป็นปกติทุกอย่าง

walai แล้วทำไมต้องทน

จุดหมาย คือตอนนั้นผมนึกถึงเรื่องที่เราเคยคุยกันนะครับเรื่อง การเกิด-ดับ
พี่เคยบอกว่าเวลาเกิดนะ เค้าจะเกิดเป็นสายขึ้นมา เกิดขึ้นเร็วมาก ๆ
คือตอนที่ฟัง ๆ อยู่ผมรุ้สึกว่า จิตเค้าเป็นสมาธิอยู่นะครับ

walai จนได้ คุณนี่มันสุดยอดของการให้ค่าเลย
สุดยอดจริงๆนะ ตั้งแต่เจอคนที่มาปฏิบัติด้วย ยังไม่มีใครสุดยอดในเรื่องนี้เท่ากับคุณเลย

จุดหมาย ผมเลยเอามาถามพี่นี่แหล่ะครับ ว่าที่ผมเจอมานี้มันเป็นเพราะว่าผมไปให้ค่าหรือป่าว
walai สุดยอดจริงๆนะ ตั้งแต่เจอคนที่มาปฏิบัติด้วย ยังไม่มีใครสุดยอด
ในเรื่องนี้เท่ากับคุณเลย ..... ถามจริงๆ ไม่เข้าใจที่พี่พูดนี่เลยหรือไงคะ
คุณชอบตีความ ชอบให้ค่า ถึงก่อให้เกิดความสงสัยแก่คุณตลอดเวลา
กี่ครั้งแล้วที่บอกว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ให้แค่รู้

จุดหมาย ดีนะครับ ประสบการณ์แบบนี้ คราวหน้าจะได้คอยระวังให้มากขึ้น

walai เมื่อวานนี้เพิ่งรับปากแหง่บๆ แต่ไม่รู้ว่าแหง่บๆครั้งที่เท่าไหร่ วันนี้เอาอีกแล้ว พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย

จุดหมาย คือวันนี้มันเกิดแบบนี้มาอีกครับ คงเป็นครูมาทดสอบตัวผมอีกแล้วล่ะครับ
สติของผมยังด้อย

walai พี่น่ะเข้าใจคุณ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ ถ้าว่าในข้อเปรียบเทียบคือ คุณเพิ่งเข้ามาเรียน
แต่ดันผ่ามาเรียนกับคนที่เขียนก.ไก่ได้แล้ว แต่คุณเขียนยังไม่เป็น
พอลากเส้นขึ้นมาหน่อย คุณจะต้องถามว่า ก.ไก่ ต้องลากแบบนี้ใช่ป่ะ นี่ใช่ก.ไก่ไหม
พี่ถึงบอกไงว่า ข้างนอกกับข้างในของคุณ มันยังไม่ตรงกัน
คุณต้องทำต่อไป จนกว่าจะยอมรับในสิ่งที่คุณนั้นเป็นอยู่ได้จริงๆ
คุณท่องจำคำพูดมากไป จำทางโน้น จำทางนี้ แล้วเอามาสร้างเป็นอีกตัวของคุณ

จุดหมาย ข้างนอกกับข้างในไม่ตรงกัน ในที่นี้คือ การไม่เห็นตามความเป็นจริง ถูกมั้ยครับ

walai ใช่ที่ไหนล่ะ

จุดหมาย อืมม แล้วคืออะไรครับ

walai ยกตัวอย่างง่ายๆนะ
เช่นบางอย่างมันอาจจะไม่ใช่ในความคิดของคุณ แต่พอคู่สนทนาของคุณพูดอีกแบบ
คุณกลับตอบว่าใช่ ทั้งๆที่ข้างในคุณบอกว่ามันไม่ใช่
จะบอกว่าคุณโกหกก็ไม่ใช่ แต่ต้องบอกว่า คุณยังไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวตนคุณนั้นเป็นอยู่จริงๆ
คือ กิเลสที่มีอยู่จริงๆ

จุดหมาย แต่ว่าบางอย่างเวลาที่คู่สนทนาเค้าพูดออกมานั้น
เหมือนกับว่าเราเข้าใจในสิ่งที่เค้าพูดนะครับ

walai อีกละ คุยกันคนละเรื่องเลย เอาเถอะ อย่าไปสนใจมัน พี่เบื่ออธิบาย

จุดหมาย ครับ เข้าใจนะครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2010, 21:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


28สค.53

จุดหมาย walai อืมมครับ แสดงว่าทำทานเอาไว้เยอะสิเนี่ย เลยส่งผลดี ๆ มาให้บ่อย ๆ

walai ทำมาตลอด พี่ชอบให้มากกว่ารับ

จุดหมาย ครับ มีความสุขใช่มั้ยครับ

walai แดนสุข มี แต่ตอนนี้งั้นๆ สุขภายนอก เหมือนแค่ลมพัดมา จะสู้สุขภายในได้ไง

จุดหมาย อืมมครับ ได้ยินแต่คนที่เคยสัมผัสมาแล้ว พูดกันแบบนี้ทั้งนั้นนะครับ
ยังไม่เคยสัมผัสตรงจุดนี้ เลยยังมองไม่เห็นภาพชัดเจนนะครับ

walai คุณรู้อยู่กับกายได้มากเท่าไหร่ คุณจะเห็นตามความเป็นจริงมากขึ้น
เจริญสติไปค่ะ สติเป็นตัวสำคัญ

จุดหมาย ครับ ต้องทำต่อไปเรื่อย ๆ แหล่ะครับ

walai สมาธิเป็นองค์ประกอบหลัก ไม่ใช่สมาธิเป็นหลักสำคัญ

จุดหมาย สติต้องมีก่อน แล้ว องค์ประกอบอื่นๆ จะตามมาเองนะครับ

walai มีสติ สัมปชัญญะ สมาธิย่อมเกิดขึ้นตาม
ที่ใดมีทั้งสติและสัมปชัญญะทำงานร่วมกัน ที่นั้นย่อมมีสมาธิเกิดด้วยเสมอ

จุดหมาย ครับ รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เวลาเดิน ๆ แล้วเวลามันผ่านไปไวมาก ๆ เลยนะครับ

walai เริ่มละ

จุดหมาย เหมือนแค่เดินแป๊บเดียวเอง

walai แหม่ๆๆๆๆ เด๋วอัดอั้นใจตาย

จุดหมาย จริง ๆ ว่าจะถามหลายทีแล้วครับ
ถ้ามีสติอยู่ตลอดเวลา เหมือนเวลามันผ่านไปไวมากเลยนะครับ

walai จริงๆแล้ว เอ็มเสียนี่ คุณได้ประโยชน์นะ
ไม่งั้นคุณก่อเหตุด้วยความไม่รู้เนืองๆ แล้วผลมันก็ส่งไปที่สภาวะของคุณ

จุดหมาย ครับ ผมเห็นด้วยเลยนะครับ M เสียนี่ทำให้จิตผมส่งออกนอกน้อยลงเลยนะครับ

walai พี่หมายถึงเอ็มพี่เสีย คุณก็จะได้คุยกับพี่ไม่ได้ เหตุคุณก็น้อยลง อย่าไปนำสิ่งนอกตัวมาถาม

จุดหมาย ครับ อาจถือได้ว่าเป็นกุศลของผม และพี่ ก้อแล้วกันนะครับ

walai แต่จงใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ถ้าจะถาม ให้นำสภาวะของตัวเองมาถาม

จุดหมาย ครับ ต้องทำให้ได้แบบนั้นนะครับ

walai ตรงไหนบอกได้ จะบอก ตรงไหนบอกได้แค่ไหนก็บอกแค่นั้น
พี่ต้องรอบคอบให้เรื่องการสร้างเหตุ ไม่อยากให้ใครตกหลุมพรางกิเลส

จุดหมาย แสดงว่าต่อไปนี้คงจะรอบคอบมากกว่าเดิมแน่ ๆ เลยนะครับ
เห็นบอกว่าสภาวะละเอียดมาก ๆ ขึ้น

walai มังคะ

จุดหมาย อืมม ดีครับจะได้ช่วยดัดนิสัยของผมด้วยครับ ถือว่าเป็นการช่วยเคาะกิเลสดีกว่า

walai ค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องคอมฯ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2010, 22:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
อ้างคำพูด:
walai ถามจริงๆนะ แล้วที่พี่พูดๆให้คุณฟังมาตลอดน่ะ ไม่ซึมเข้าไปมั่งเลยหรือไง บอกแล้วนะคะ

จุดหมาย ซึมนะครับ วันนี้ตอนผมฟัง ๆ ผมถึงได้เข้าใจในสิ่งที่ท่านเทศน์มาก

walai บอกตามตรงนะ มันน่าเบื่อที่จะต้องมาฟังสิ่งที่เคยพูดให้คุณฟังประจำ แต่คุณกลับไม่ค่อยจำ
แต่พอไปฟังพระพูดในสิ่งที่พี่พูดให้คุณฟังประจำ แล้วคุณก็ช่างจำนำกลับมาพูดให้พี่ฟัง
แถมนำมาบอกพี่อีกว่าให้พี่ฟัง พี่ถึงบอกไง คุณชอบอะไร ชอบแบบไหนก็ทำไป
แต่ไม่ต้องเอามายัดเยียดให้พี่ จำได้ไหมว่าพี่เคยพูดแบบนี้กับคุณไปแล้ว

จุดหมาย ครับ ล่าสุดก้อเมื่อคืนวานนะครับ

จุดหมาย จำได้นะครับ รุ้ว่าบ่อยมาก ๆ

walai แล้วก่อนหน้านี้อีกล่ะ เคยจำได้มั๊ย ทำไป ชอบส่งจิตออกนอก

จุดหมาย ครับ จิตเกิด

walai พี่รู้ว่าคุณน่ะพวกศรัทธาจริต พี่ถึงแนะนำไปไงให้คุณไปหาพระ
พระที่คุณชอบแนวทางของท่าน

จุดหมาย ครับ ก้อเปิดกว้างนะครับ เมื่อได้ยิน ได้ศึกษา แล้วเมื่อเราพิจารณา
และมั่่นใจแล้วว่าไม่หลงทาง ไม่ปิดกั้นครับ ยอมรับได้ทั้งนั้น


:b32: :b32: :b32:
คุณน้ำครับ..
ผมชอบคุณ..จุดหมาย..จังแฮ่ smiley
:b12: :b12: :b12:

ปล. จะลบคลื่นแทรกอันนี้ก็ได้นะครับ.. :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2010, 22:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


30 สค.53

จุดหมาย MSN เป็นอย่างไรบ้างครับพี่

walai ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง

จุดหมาย ยังเหมือนเดิมเหรอครับ

walai ไม่อยากหาเหตุ หาเหตุแล้ว กลัวเสียตังค์อีก มีแต่เสียกลับเสีย
สภาวะเขามาสอนตลอด ให้ดูๆๆๆๆๆๆ อย่าไปให้ค่า สภาวะเขาก็เลยส่งเบิ้มมาให้ไง

จุดหมาย ครับ ส่งผมมาทดสอบบ่อย ๆ เลยนะครับ

walai เอานะ ส่วนดีของแต่ละคนมี แต่เพราะยังมีกิเลส จึงปรุงแต่งกันไปเอง

จุดหมาย ครับ ใช่เลยครับ

walai ยิ่งสภาวะละเอียดมากเท่าไหร่ จิตเขาจะพิจรณาเอง
แต่อย่างที่บอกน่ะแหละ เหตุของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
เราจะไปบอกว่าอย่างนั้นถูกอย่างนี้ผิด มันเป็นแค่ความคิดของแต่ละคนที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
แล้วไปให้ค่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นกันเอง ตามกิเลสของแต่ละคน

จุดหมาย ครับ เป็นแค่ความคิดของแต่ละคนเอง ถ้าหากว่าสิ่งนั้นไม่เป็นไปตามความเป็นจริงนะครับ

walai มันแน่อยู่แล้วแหละ ตราบใดที่ยังมีกิเลสหล่อเลี้ยงจิตอยู่ สติทันมันก็ดับไวมากขึ้น

จุดหมาย สภาวะที่นอนหลับ แล้วพอตื่นขึ้นมาแล้วมันคัน ๆ แต่พอดูแล้วไม่เห็นมีตุ่มอะไรเลย
เป็นตั้งแต่ตอนเริ่มรู้สึกตัวนะครับ คล้าย ๆ กับยุงกัด เป็นทุก ๆ ครั้งที่รู้สึกตัว
คือเพิ่งจะเจอมาเมื่อเช้านะครับ เมื่อคืนก่อนนอน จับลมหายใจครับ
แบบนี้เป็นของจริง หรือว่า เสมือนครับพี่ เมื่อเช้านี้พอตื่นขึ้นมาแล้ว รู้สึกหงุดหงิดครับ

walai แค่รู้ไปค่ะ สภาวะเขาสอนความไม่เที่ยงตลอดเวลา มันใช่ว่าจะเป็นทุกๆครั้งทุกๆวันตลอดไป

จุดหมาย ครับใช่ครับ เพิ่งจะเคยเจอครั้งแรกนี่แหล่ะครับ

walai แดนสุข คือ จุดหมาย ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่จะต้องถามคุณว่า ที่นอนสะอาดไหม
เสื้อผ้าสะอาดไหม จะต้องถามแบบนั้นอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เพราะทุกอย่างคือสภาวะ
เราแค่ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ไม่ให้ค่ากับมัน แล้วมันจะหายไปเอง
หงุดหงิดก็ให้รู้ว่าหงุดหงิด

จุดหมาย ครับ ตอนแรก ๆ ผมว่าคงเป็นยุงมากัดแน่ ๆ เลยครับ แต่พอมันเป็นนาน ๆ
เลยนึกขึ้นได้นะว่าคงเป็นสภาวะที่มาทดสอบเราอีกแน่ ๆ เลย
ครับ ผมเลยทำตามที่ว่าแหล่ะครับ รู้ว่าหงุดหงิด พอรู้แค่นี้แล้ว จิตมันไม่ไปยุ่งอยู่กับมันอีก
คราวนี้มันเลยหายไปเลย

เอ่อ พี่น้ำ มีพี่ที่ทำงานเขามาเล่าเรื่องความฝันของเขาเมื่อคืนวานให้ฟังนะครับ
เขาฝันว่า เขาไปงานศพของยายเขามา เขาเคยฝันแบบนี้มาหลาย ๆ ครั้งแล้วนะครับ
ครั้งแรกประมาณซัก 8-9 ปีน่าจะได้แล้วครับ แบบนี้พอจะสื่อความหมายอะไรได้บ้างมั้ยครับ
ยายเขาอายุเยอะแล้วล่ะครับ อายุ 93 ปีแล้ว ยายเค้าไม่อยากจะอยู่แล้ว สังขารไม่ดีแล้ว
ยายเขาเป็นต้อครับ มองไม่เห็นอะไรแล้วด้วย

walai ให้เขาหมั่นพายายไปทำบุญค่ะ ถ้ามีคนแนะการเจริญสติให้ได้บ้างก้ยังดี

จุดหมาย อืมมม อันนี้ไม่แน่ใจนะครับ ต้องลองถามพี่เขาดูก่อนนะ

walai ทำง่ายๆนะ ไม่ยุ่งยาก เดินให้รู้เท้า แล้วจะนั่งหรือนอนต่อเลยก็ได้ เวลานอนหรือนั่งให้ดูลม
แล้วแต่เหตุนะ ถ้าเหตุเคยทำมาย่อมเชื่อในสิ่งที่บอกไป

จุดหมาย ครับ เห็นพี่เขาว่ายายเขาเดินไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวก

walai ถ้าเหตุไม่เคยทำมาย่อมไม่เชื่อ ฉะนั้นอย่าไปคาดหวังว่าเขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อ

จุดหมาย ครับ อันนี้เป็นความจริงครับ

walai ถ้าเขาอ้างว่ายายเดินไม่ค่อยไหว ให้ยายนอนแล้วจับลมหายใจ

จุดหมาย อืมม ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าพี่คนที่เขามาเล่าให้ฟัง เขาจะแนะนำได้หรือป่าวนะครับ
ตอนนี้เขายังไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้อยู่

walai แล้วแต่เหตุค่ะ

จุดหมาย ให้ฟังธรรมะแทนดีมั้ยครับ

walai แล้วแต่ค่ะ นี่ขนาดบอกไปแค่นี้ ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะตอบกลับมายังไง คุณก็ให้ค่าไปล่วงหน้าละ

จุดหมาย อืมมครับ ยอมรับว่าจริงครับ แต่ถามเผื่อ ๆ เอาไว้ก่อนนะครับ
จะได้มีหลาย ๆ แนวทางครับ

walai แดนสุข คือ จุดหมาย นี่แหละ นิสัยของคนละ

จุดหมาย กิเลสมันไวนะครับ

walai ยังไม่ทันเกิดก็ไปคาดเดาล่วงหน้า ว่าต้องเป็นอย่างงั้นอย่างงี้
ถึงเห็นตามความเป็นจริงไม่ได้ไงคะ เพราะติดนิสัยชอบให้ค่า

จุดหมาย อุปทาน นี่ตัวฉกาจเลยนะครับ

walai พี่น่ะเคยเป็นมาก่อน เข้าใจความรู้สึกนี้ดี มันยากกกกก

จุดหมาย ค่อย ๆ ลดอุปทานไปทีละน้อย ๆ นี่ต้องใช้สติอย่างเดียวเลยนะครับ
ต้องลดละความเคยชินที่ฝังอยู่ในจิตไปทีละน้อยนะครับ ค่อย ๆ ถอดถอนไป
แต่มันยากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จริงงงงงงงงงงงงงงงงงง เลย

walai ทำต่อไปค่ะ

จุดหมาย ตอนนี้ในเมืองไทยมี ภิกษุณี มั้ยครับ

walai อีกละ พี่ไม่ใช่ตำราเคลื่อนที่นะ ไปสนใจอะไร ในกายน่ะยังดูไม่หมดเลย
ดูในกายให้มันทั่วก่อน นอกตัวน่ะเรื่องขี้ปะติ๋ว

จุดหมาย ที่ถามไปหน่ะ ถ้าตอนนี้ยังไม่มี อีกหน่อยคงจะมีแถว ๆ นี้ล่ะมั้งครับ ไปทำก่อนนะครับพี่

walai ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2010, 00:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


31 สค.53

walai says: เดินกับนั่ง ตอนนี้เป็นไงมั่งคะ

จุดหมาย says:
ช่วงนี้เดินกับนั่งน้อยกว่าแต่ก่อนครับ แต่รู้สึกตัวได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนครับ
ตอนใช้ชีวิตประจำวัน บางช่วงมารู้อยู่ที่กายครับ จิตเขาไปจับที่ลมหายใจเอาเอง
เวลาจิตเขามาจับอยู่ที่ลมหายใจแล้ว รู้สึกว่ามันมีความสุขครับ มันจะเย็น ๆ
จะเป็นทุก ๆ ครั้งเลยที่เกิดอาการแบบนี้ ตอนนี้ก้อยังรู้สึกอยู่เลยครับ
มันเบา ๆ โล่ง ๆ เย็นสบาย

walai says: ให้เพิ่มเดินกับนั่งได้นะคะ ดูเวลาด้วย
ถ้านั่งแล้วรู้กายได้น้อยกว่าเดิม ให้ลดนั่งลงมาเท่าเดิมก่อน เดินกี่นาที นั่งกี่นาทีคะเนี่ย

จุดหมาย says: แล้วแต่วันนะครับพี่ บางวันมีเวลาน้อย เดินประมาณ 20-30 นาที
นั่งประมาณ 10-20 นาที อันนี้คือปฏิบัติแบบเต็มรูปแบบนะครับ
แต่เดี๋ยวนี้ผมจะเน้นเกี่ยวกับการใช้ชิวิตประจำวันครับ

ให้จิตรู้อิริบาบถ และ อารมณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น ๆ
สามารถที่จะรู้ทันกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้เร็วกว่าแต่ก่อนครับ

walai says: นั่นแหละ ที่จิตสามารถรู้ได้ชัดขณะนั้น เพราะสติ สัมปชัญญะและสมาธิ
เขาทำงานร่วมกัน คุณถึงเห็นแบบนั้นได้

จุดหมาย says: ช่วงนี้คุยกับคนอื่น ๆ เยอะครับ เนื่องจากงานเข้าเยอะ ๆ ต้องคอยติดต่อ
ประสานงานกันบ่อย ๆ สามารถมองเห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้หลากหลายมาก ๆ

walai says: พี่ถึงบอกไง เวลามากน้อยไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ต้องมีรูปแบบเอาไว้
คือ เดินกับนั่ง ในหนึ่งวันควรมีทำไว้บ้าง ไม่ใช่ไปดูแต่อิริยาบท

จุดหมาย says: ครับ ขอบคุณครับที่ช่วยเตือนสติผม

walai says: สมาธิก็สำคัญนะคุณ อย่าละเลย

จุดหมาย says: จะให้จิตเขาบันทึกลงไปบ่อย ๆ นะครับ

walai says: พี่ถึงต้องให้คุณคอยดูสภาวะหลังเดินแล้วมานั่ง

จุดหมาย says: ส่วนใหญ่แล้วเวลาเดินแล้วมานั่ง เมื่อมานั่งแล้วมันจะสงบได้เร็วครับ
จนบางครั้งจับลมหายใจไม่ได้ จับท้องพองยุบ ไม่ได้ด้วยเหมือนกัน
รู้แต่ว่านั่ง ๆ อยู่ และรู้กับอารมณ์ และความคิดที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น

walai says: เข้าใจค่ะ รู้ไปตามความเป็นจริงค่ะ

จุดหมาย says: ครับ ทำแค่นี้พอ ให้รู้เท่านั้น
วันนี้เน็ตใช้ได้ดีสิครับ ถึงได้ออนไลน์อยู่นานเลย

walai says: ไม่เที่ยงค่ะ

จุดหมาย says: แต่ผมเข้าใจนะครับ เพราะทำงานเกี่ยวกับด้านนี้แล้ว เห็นความไม่เที่ยงเกิดขึ้นบ่อย ๆ
คาดเดาไม่ได้ด้วย

walai says: ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่ก็คงทำเหมือนเดิม ยกเครื่องไปให้ช่าง
แต่มาตอนนี้ พี่มองเรื่องของสภาวะเป็นหลัก
ก็ปล่อยตามมีตามเกิด ที่เบิ้มทำไว้ให้ได้แค่ไหน ก็ปล่อยไว้แค่นั้น พอใช้ไม่ได้อีกก็ปล่อยมัน

คือตรงนี้ช่างเขาก็เช็คมาหลายครั้งแล้ว เขาบอกว่าเครื่องมันไม่มีปัญหาอะไร


จุดหมาย says: อืมมครับ เพราะเมื่อก่อนเราไม่รู้ ไม่เข้าใจ และไม่มั่นใจ กับปัญหาใช่หรือป่าวครับ

walai says: เปล่า ตอนนี้สภาวะพี่มันเปลี่ยนไป อธิบายให้ฟัง
คุณคงไม่เข้าใจหรอก คือทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวพี่ มันคือสภาวะ

จุดหมาย says: อันนี้เกิดขึ้นสำหรับคนที่มองเห็นตามความเป็นจริงได้แล้วหรือป่าว

walai says: อีกละ จนได้สินะ พี่ผิดเองแหละ

จุดหมาย says: ก้อสงสัยสินะพี่ พี่ก้อพูดมาให้ชวนสงสัยอ่ะ
อืมมครับ สติพี่ดีมาก ๆ เลยนะครับ เห็นเหตุที่ก่อขึ้นได้ทันทีเลย

walai says: แหมๆๆๆๆๆๆ พ่อเจ้าประคุ๊นนนนน จะอธิบายอะไรให้ฟังนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่านะ
ตอนที่คุณเพิ่งมาสนทนากับพี่ใหม่ๆ

คำว่า " เห็นตามความเป็นจริง " คำพูดนี้ เลยทำให้ไปยึดติดมัน
พี่ถึงบอกว่า พี่ผิดเองแหละ แต่กับสิ่งที่พี่พูดเมื่อกี้ พี่ไม่ได้สื่ออะไรไปทางไหนเลย

พูดตรงๆ ลองอ่านใหม่นะคะ " ตอนนี้สภาวะพี่มันเปลี่ยนไป อธิบายให้ฟัง คุณคงไม่เข้าใจหรอก
คือทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวพี่ มันคือสภาวะ คือมันสภาวะของใครของคนนั้น เข้าใจป่ะ

แต่อย่างสภาวะของคุณน่ะ คุณอธิบายมา พี่เข้าใจ เพราะเคยผ่านมาแล้ว
ส่วนสภาวะของพี่ อธิบายไป คุณไม่เข้าใจหรอก เพราะคุณยังมาไม่ถึง

จุดหมาย says: อ้อครับ ไม่รุ้ว่าเข้าใจถูกหรือป่าวนะครับ ผมเข้าใจว่า
ทุก ๆ สิ่งที่มากระทบกับคน ๆนั้น คือสภาวะของคน ๆ นั้นเอง

walai says: ก็นั่นแหละ เหตุเกิดกับใคร ก็ของคนนั้น ทีนี้อยู่ที่สติของแต่ละคน ดูทันไหม

จุดหมาย says: ครับ คงจะเป็นแบบนั้นนะครับ สำหรับสภาวะของพี่นั้น ผมจะรู้ได้ก้อต่อเมื่อ
ได้ไปถึงสภาวะตรงนั้น และรู้ตามความเป็นจริง

ได้ยินใคร ๆ ที่ผ่่านสภาวะธรรมขั้นสูง ๆ แล้วมาพูดหรือบรรยายแล้ว
บอกเหมือน ๆ กันหมดเลยครับว่า ให้รู้ตามความเป็นจริง

walai says: คุณรู้ไหม รู้ตามความเป็นจริง น่ะ หมายถึงอะไร แล้วเอาอะไรเป็นตัววัด

จุดหมาย says: ตอนนี้ผมคิด และเข้าใจไปเองแบบนี้นะครับ
รู้ตามความเป็นจริงคือ รู้ถึงเหตุ และ ผลที่เกิดขึ้น และยอมรับ

walai says: รู้ตามความเป็นจริง คือ รู้ตามกำลังของสติ สัมปชัญญะที่เรามีอยู่
นั่นคือขั้นแรก

ขั้นต่อมา รู้ตามความเป็นจริงคือ การได้มาฝึกเจริญสติ

เห็นไหมกิเลสน่ะ กิเลสเป็นตัววัดการรู้ตามความเป็นจริง สติเป็นตัวคำตอบ

จุดหมาย says: รู้ตามความเป็นจริง คือ รู้ตามกำลังของสติ สัมปชัญญะที่เรามีอยู่ ......อันนี้หมายถึง ณ ขณะนั้น ๆ ใช่มั้ยครับ

walai says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: อืมม สรุปง่าย ๆ แล้วคือ มีสติรุ้เท่าทันกับกิเลสที่เกิดขึ้นนะครับ

walai says: ใช่ค่ะ รู้แล้วมันก็ดับไวมากขึ้น จนไม่มีเชื้อที่จะเกิดใหม่ ไม่ใช่แค่รู้

จุดหมาย says: ทั้งที่เป็นกุศล และ อกุศลเลยนะครับ

walai says: คำว่าแค่รู้มีสองอย่าง คือ อยู่ในช่วงของการฝึก กับแค่รู้ เมื่อทำจนเห็นผลแล้ว
คำบัญญัติมันยุ่งยากนะ

จุดหมาย says: อืมม ใช่ครับ บางทีคำบัญญัติ ทำให้คนเข้าใจคลาดเคลื่อนได้นะครับ
สื่อสารได้ไม่ตรงกับสิ่งที่ต้องการจะสื่อให้เข้าใจ
ต้องเจอเอง ถึงได้บอกว่า รู้เอง เห็นเอง แล้วจะเข้าใจเอง

walai says: เอางี้ละกัน แค่ว่าคุณกับพี่สองคน ไม่ต้องไปเอ่ยถึงคนอื่นๆ
เหตุจะได้ไม่ไปมีกับคนอื่นๆ เวลาคุณไม่เข้าใจที่พี่พูดตรงไหน ให้ถามได้

พี่ถึงบอกไง เราต้องผิดพลาดก่อนที่จะรู้ พี่เองก็ไม่แตกต่างกับคุณหรอก
แล้วพี่ก็บอกกับคุณ ส่วนคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ เพราะนั่นคือเหตุของคุณเอง
ผล คุณก็ต้องรับเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่

จุดหมาย says: ครับ เข้าใจนะครับ เพราะผมเริ่มเข้าใจในสิ่งที่สื่อมานะครับ
ความผิดพลาดนั้นเป็นครูที่ดีมาก ๆ ครับ เป็นทั้งครูผู้สอน และครูผู้สอบเราไปในตัวครับ

walai says: เมื่อเราอ่านภายในเราออกได้ ภายนอกน่ะเราก็เข้าใจได้หมด
เพราะไม่ว่าจะเขาหรือเรา ล้วนมีกิเลสเหมือนๆกัน

จุดหมาย says: เมื่อเกิดผิดพลาดแล้วรู้ แล้วครั้งต่อ ๆ ไปจะระวังมากขึ้นกว่าเดิม

walai says: หมั่นรู้ในกายบ่อยๆ อย่าไปสงสัย ทำให้เสียเวลาภาวนา

จุดหมาย says: ครับ เดี๋ยวนี้รู้สึกว่ารู้กายได้ดีกว่าแต่ก่อนบ้างแล้วครับ

walai says: เรื่องคำเรียกต่างๆของสมาธิน่ะ พี่ไม่เสียคำพูดหรอก เดี๋ยวจะลงในบล็อกของพี่ให้
คุณรู้ไหม เราน่ะติดกับหลุมพรางกิเลสมานานมากๆกับคำเรียกต่างๆ

จุดหมาย says: อันนี้หมายถึง ลำดับขั้นของสมาธิใช่หรือป่าวครับ

walai says: อะไรที่เราไปให้ค่า ล้วนเป็นอาหารชั้นเลิศของกิเลส

จุดหมาย says: อืมมมครับ เราจะไปหลงต่อสิ่งที่มากระทบกับเราทั้งนั้นเลย
ถ้าไม่มีตัวสติที่รู้เท่าทันจิตเกิดขึ้น เมื่อนั้นเราคงอยู่ในหลุมพรางของกิเลสต่อไปเรื่อย ๆ

walai says:
อันนี้หมายถึง ลำดับขั้นของสมาธิใช่หรือป่าวครับ ..... ใช่ค่ะ จะเขียนให้ตั้งแต่ขณิกสมาธิ
เอาจากการเจริญสตินี่แหละ อันนี้พี่ลงให้เป็นรางวัลกับคุณ ที่โดนพี่ไล่แห่หลายครั้ง
แต่คุณก็ยังไม่ไป ยังทำต่อเนื่อง และส่งการบ้านกับพี่มาตลอด เห็นป่ะ วิธีให้รางวัล

จุดหมาย says: ดีครับ รางวัลแบบนี้มันคุ้มค่านะ

walai says: อันนี้ พี่นำมาจากประสบการณ์จากของเก่าที่เคยเติบโตมาจากการมีสมาธิมากๆมาก่อน
กับ จากการที่ไม่มีสมาธิเลย แล้วอาศัยการเจริญสติฟื้นฟูขึ้นมาใหม่
มันเลยเหมือนเราได้ทบทวนสภาวะของสมาธิแต่ละขั้นๆๆๆๆ สามารถเก็บรายละเอียดของสภาวะได้หมด
ซึ่งเมื่อก่อน เก็บได้แบบหยาบๆ

สิ่งที่คุณถามมาน่ะ กับสภาวะที่เกิดขึ้นกับคุณในปัจจุบัน
มันมีอยู่จริงๆ สภาวะเย็นๆที่คุณรู้สึกขณะที่จิตเป็นสมาธิน่ะ

จุดหมาย says: อ้อครับ ที่พี่กำลังจะทำขึ้นมานี้ รายละเอียดจะเป็นไปตามที่พี่เก็บรายละเอียดได้
ในช่วงหลัง ๆ นี้เลยสิครับ

walai says: ใช่ค่ะ อะไรที่มันไม่ชัดเจน พี่จะไม่เขียนลงไป
คำว่า ชัดเจน เรื่องสมาธินี่ มันไม่แปรเปลี่ยนหรอกค่ะ

จุดหมาย says:
อืมมครับ ดีครับ จะได้เป็นเครื่องมือสำหรับเอาไว้วัดกับตัวเองได้ว่าเราปฏิบัติได้เป็นอย่างไรแล้ว

walai says: หมายถึงองค์ประกอบของสภาวะสมาธินะ เปล่า พี่ไม่ได้ให้คุณไปวัดอะไรแบบนั้น
การที่คุณจะวัดความก้าวหน้าน่ะ ให้ดูตรงนี้ คุณรู้อยู่กับกายได้ตลอดแค่ไหน
แล้วเวลาเกิดการกระทบ คุณมีสติ สัมปชัญญะรู้ทันต่อสิ่งที่มากระทบมากน้อยแค่ไหน

จุดหมาย says: อืมมมครับ เอาไว้ให้รู้ว่ามีสภาวะแบบนี้เกิดขึ้นนะ แบบนี้หรือป่าวครับ

walai says: คุณรู้อยู่กับกายได้ชัด ตัวรู้ของคุณเขาจะเกิดเอง

จุดหมาย says: ครับ เริ่มเข้าใจในสิ่งที่พี่บอกมานะครับ ว่าเมื่อเริ่มรุ้กายได้แล้ว ตัวรู้เขาจะเกิดเองอัตโนมัติ ไม่ต้องไปบอกอะไร

walai says:
อืมมมครับ เอาไว้ให้รู้ว่ามีสภาวะแบบนี้เกิดขึ้นนะ แบบนี้หรือป่าวครับ .. อันนี้มุมมองของพี่ในตอนนี้นะ
จริงๆแล้ว เรื่องของสมาธิ คำเรียกต่างๆน่ะ เหมือนเอาไว้พูดคุยกันซะมากกว่านะ
ว่าคนไหนทำแล้วเป็นยังไงอะไรแบบนั้น แต่การที่จะรู้อยู่กับกายได้
อันนี้ต้องมีทั้งสติ สัมปชัญญะประกอบอยู่ด้วยในขณะที่จิตเป็นสมาธิอยู่

จุดหมาย says: ครับ เป็นบัญญัติที่ตั้งขึ้นมาเพื่อจะสื่อให้เข้าใจตรงกัน

walai says: ยิ่งมีกำลังของสมาธิมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้รู้อยู่กับกายได้นานมากขึ้น
กิเลสก็ไม่สามารถเข้าแทรกได้ พี่ถึงบอกไง สติ สำคัญที่สุด แต่สมาธิก็ละเลยไม่ได้

จุดหมาย says: มันจะรู้สึกกับสิ่งที่กระทบอยู่ ณ ขณะนั้นอยู่ตลอดเวลาเลยนะครับ

walai says: ต้องคอยดูสภาวะเพื่อคอยปรับอินทรีย์เพราะเหตุนี้แหละ
ถ้าสมาธิมากไป มันก็รู้กายได้ยาก สติไม่ทัน

จุดหมาย says: ครับ ต้องคอยปรับอินทรีย์ตัวเองไปเรื่อย ๆ ตามสภาวะเลยสิครับ

walai says: ใช่ค่ะ คือให้ดูสมาธิเป็นหลัก จะได้ปรับถูก

จุดหมาย says: อ้าวไม่ใช่ว่าต้องอาศัยสติเป็นตัวกำหนดเหรอ

walai says: มันพูดได้ทั้งสองแบบ แต่สภาวะจะอธิบายให้ฟัง ที่บอกว่า ให้ดูสมาธิเป็นหลักคือ
ถ้านั่งแล้วงูบ ดิ่ง ดับ อันนี้ให้เพิ่มเดิน ลดนั่ง เพื่อปรับอินทรีย์ ปรับไปจนกว่า จะรู้ที่กายได้

ที่บอกว่า สติเป็นตัวกำหนด ก็คือ ให้ดูสมาธินี่แหละ สมาธิมากไป ไม่รู้กาย คือขาดสติ
มันแตกต่างแค่คำพูดเท่านั้นเอง

จุดหมาย says:
อืมมครับ แท้ที่จริงแล้ว ก้อคือสิ่งเดียวกัน แต่อาศัยบัญญัติที่ตั้งมานั้นมาสื่อสารกันได้ สองแบบนะครับ

walai says:เห็นไหม ไปยึดมั่นอะไรไม่ได้ การตีความนี่แหละ เอานะ แล้วแต่เหตุ ก็ดีแล้วที่คุณถามมา
เกิดไปพูดคุยกับใคร แล้วเขาพูดอีกแบบ แต่คุณไปยึดแบบที่ได้ฟังมา เป็นเรื่องเลย เหตุเกิดแล้ว

จุดหมาย says: ครับ เพราะบัญญัตินี่แหล่ะ ทำให้คนเราตีความออกไปตามความคิด
ความเข้าใจของตัวเอง

walai says: พยายามให้เหตุเกิดให้น้อย เหตุภายนอก ส่งผลต่อสภาวะภายใน
เหตุภายนอก คือ ผลของสภาวะภายใน เอาเป็นว่า สภาวะภายนอกและภายใน เขาเอื้อซึ่งกันและกัน

จุดหมาย says: สิ่งที่มากระทบกับจิตสินะครับ

walai says: ผัสสะ อายตนะ ขี้เกียจพิม

จุดหมาย says: คือการปรุงแต่งของจิตเอง
ครับ ไม่ต้องพิมพ์ก้อได้ครับพี่ จะลอง ๆ หาดูนะ อายตนะ ทั้ง 6

walai says: สิ่งที่พี่พูดๆมาน่ะ ได้จากการปฏิบัติทั้งนั้น อีกหน่อยคุณเองก็รู้เหมือนๆพี่น่ะแหละ

จุดหมาย says: ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ผมว่า ผมเพิ่งจะได้อ่านที่พี่เพิ่งจะพิมพ์เอาไว้เมื่อไม่กี่วันมานี้นะ

walai says: เห็นไหม มันท่องจำได้ยาก ถ้าไม่เห็นจากใจจริงๆ
เอ..... แบบนั้นก็ไม่ใช่นะ มีคนท่องจำได้เยอะมากๆ อันนี้เห็นไหม ไม่เที่ยงเลย

จุดหมาย says: อืมม ใช่ครับพี่ คนท่องจำหน่ะ มีเยอะนะ

walai says: นั่นแหละ นี่ไง ไม่เที่ยง เราไปยึดติดอะไรไม่ได้ มีหน้าที่คือรู้ในกายของเราเอง

จุดหมาย says: ใช่พี่ ทุก ๆ อย่างล้วนไม่เที่ยง ยิ่งคำว่า ไม่เที่ยง นี่ ผมว่าคนเรา ท่องจำ กันเยอะด้วยนะ
ผมตอนแรก ๆ ก้อท่อง ๆ เหมือนกันนะ

walai says: อีกละ ฝึกๆๆๆๆๆๆ เอานะ พี่เข้าใจ

จุดหมาย says: พี่ผมเผลอไปนะ สติตามไม่ทัน

walai says: พี่เองก็ยังมีอยู่ แต่น้อยลงไปเยอะกว่าเมื่อก่อนมากๆ
คือ พอมันได้รับผล มันถึงเข้าใจน่ะ จิตมันเลยยอมสยบ

จุดหมาย says: ครับ พอมันใช้ความคิด มันเลยเผลอได้ง่าย ๆ เลย สติไม่ทันกับความคิดที่เกิด
จิตกับกาย ไม่สมดุลกัน ไม่รู้ว่าพูดแบบนี้ถูกหรือป่าวนะ สติรู้ไม่ทันกาย กับ จิต

walai says: อย่าไปหาความหมายเลย

จุดหมาย says: ครับ ถูกต้องเลยครับ

walai says: จะถูกหรือผิดช่างหัว รู้ในกายไว้

จุดหมาย says: ครับ สุดท้ายแล้ว อยู่เหนือถูก เหนือผิดนะครับ
อย่างที่พี่บอกแหล่ะ ถูกแล้วได้ อะไร ผิดแล้วได้อะไร

walai says: นั่นแหละ

จุดหมาย says: เสียเวลาเปล่า ๆ มารู้อยู่ที่กาย กับจิตดีกว่า

walai says: เวลามีค่าค่ะ

จุดหมาย says: ครับ เริ่มเห็นว่าเวลามีค่าครับ เวลามันผ่านไปไวมาก ๆ เลยนะครับ
ยิ่งสติ สัมปชัญญะ สมาธิดีมากเท่าไหร่ ยิ่งเห็นว่าเวลามันช่างผ่านไปไวเสียเหลือเกิน

walai says: มังคะ

จุดหมาย says: ไม่มั้งหรอกครับพี่ ผมว่าจริง

walai says: จริงของคุณ มันก็ของๆคุณ มันไม่เที่ยงเข้าใจป่ะ

จุดหมาย says: ครับ ถูกต้องครับ ตามความคิด ความเข้าใจ ณ ตอนนี้

walai says: เพิ่งพูดไปแหม่บๆว่าไม่เที่ยง เห็นป่ะ โดนละ ต่อหน้าต่อตาเลย ท่องจำ

จุดหมาย says: ครับ ยอมรับครับ ว่ายังมีท่องจำอยู่ครับ

walai says: ไม่ได้ว่าอะไรนิ

จุดหมาย says: มันแล้วแต่สภาวะที่เกิดครับ บางสภาวะมันรู้เอง อัตโนมัติ

walai says: แค่ชี้ให้เห็นเท่านั้นเองค่ะ ว่าพึงระวัง

จุดหมาย says: ครับ สตินี่สำคัญมาก ๆ เลยครับ เผลอนิดเดียวนี่ กิเลสกินเรียบเลยครับ

walai says: ใช่ค่ะ

จุดหมาย says: ยิ่งพููดมาก ๆ นี่ ยิ่งเสียเปรียบกิเลสง่าย ๆ เลยนะครับ

walai says: ใช่ แต่พูดน้อย เสียท่าก็มีนะคะ

จุดหมาย says: ครับ ใช่ครับ ไม่เที่ยงครับ อย่ายึดติด

walai says: ตราบใดที่ยังอยู่กับความไม่รู้ หรือตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ เสียท่ามันเรื่อยแหละค่ะ
เราก็เรียนรู้จากการเสียท่าอีกที จะได้ไม่ทำผิดซ้ำๆซากๆ

จุดหมาย says: ครับ ต้องเอามันออกไปจากจิตเสียให้ได้

walai says: นี่ทำหรือยัง มาโม้ๆอยู่เนี่ย

จุดหมาย says: ว่ากำลังจะไปอยู่นะครับพี่

walai says: น่านนนนน

จุดหมาย says: เริ่มดึก ๆ แล้ว วันนี้ติดเม้าท์กันเยอะครับ แต่ก้อดีครับ ได้เจริญสติไปในตัวด้วยครับ

walai says: ผิดที่ใครคะ

จุดหมาย says: ที่ตัวเรา ไม่ได้ผิดที่ใคร ตัวเราทำตัวเราเอง ต้องยอมรับกับสิ่งที่เราสร้างเหตุเอาไว้

walai says: ไปทำได้แล้วค่ะ สภาวะมันเปลี่ยนไปตลอดเวลา

จุดหมาย says: ครับพี่ ไปแล้วครับ ทิ้งท้ายครับพี่ กิเลสนี่มันเก่งจริง ๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยอมรับเลย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2010, 00:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


จุดหมาย คือช่วงนี้มันติด ๆ อยู่ตรงนี้นะครับ

walai เป็นไงหรือคะ

จุดหมาย เวลาเดิน และ นั่ง เวลาจับลมหายใจได้ซักระยะหนึ่งแล้ว จะรู้สึกเย็น ๆ มีความสุขครับ
เกิดขึ้นบ่อย ๆ ครับ บางทีช่วงที่อยู่เฉย ๆ แล้วจะเป็นแบบนี้บ่อย ๆ ครับ
เลยไม่แน่ใจว่าทำไมติดอยู่ตรงนี้บ่อย ๆ

walai ให้เพิ่มเดินค่ะ สมาธิน่ะค่ะ แหมมม เขาเรียกปีติ

จุดหมาย เดินให้มาก ๆ เหรอครับ

walai เดินให้มากขึ้นค่ะ

จุดหมาย ปีติ สุข ใช่มั้ยครับ

walai ทันทีเลย ปีติสุขมีหลายสภาวะ แต่ละสภาวะขึ้นอยู่กับกำลังของสมาธิ

จุดหมาย ก้อเวลาเกิดแล้วมีความสุขนะครับ
ครับ ผมถึงว่านะครับ เวลาเป็นสมาธิเมื่อไหร่แล้ว สภาวะนี้เกิดขึ้นทันที

walai รู้กายได้ตลอดไหมคะ

จุดหมาย ถ้าอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำงานอะไร รู้กายได้ดีนะครับ

walai เอาเวลาปฏิบัติสิคะ พี่ถามตอนเวลาปฏิบัติ เวลาเกิดสภาวะนี้ รู้กายได้ไหม

จุดหมาย ได้นะครับ อย่างตอนเดิน ๆ รุ้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วนะครับ

walai เวลานั่งล่ะคะ รู้เท้าได้ไหม เวลาเดินน่ะ

จุดหมาย นั่งส่วนใหญ่ รู้ครับ เวลาเดินรุ้้เท้าได้ครับ

walai รู้เท้าได้ชัดมั๊ย

จุดหมาย อืมมม ส่วนใหญ่จะชัดครับ

walai เพิ่มเดินไปอีกค่ะ

จุดหมาย ครับ ผมก้อรู้สึกว่าอยากจะเดินให้เยอะ ๆ นะครับ

walai สติมากขึ้น จะผ่านตรงนี้ไปได้ สภาวะจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

จุดหมาย ครับ ตอนนี้ติดอยู่ตรงนี้มาหลายอาทิตย์แล้วครับ

walai อ๋อ เรื่องธรรมดาค่ะ
วันใดสติมีกำลังมากพอก็ผ่านไปได้เองค่ะ ไม่ต้องไปกังวล

จุดหมาย ครับพี่ ช่วงนี้แต่ละวันงานเยอะ ด้วยมั้งครับ เลยทำให้มันรู้สึกล้า ๆ

walai เป็นได้ค่ะ นอนให้มากๆ อย่านอนดึกนัก

จุดหมาย ครับพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 126 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร