วันเวลาปัจจุบัน 08 มิ.ย. 2025, 17:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 126 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 04 มิ.ย. 2010, 21:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


LIFE-FOREVER IN LOVE
การระงับความโกรธ ทำอย่างไร

สุขที่แท้จริง
เจริญสติค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
แล้วอะไรคือ ความเป็นจริงบนโลกนี้ครับ

สุขที่แท้จริง
ความไม่เที่ยงค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
มีมากกว่านี้มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
ไม่มีค่ะ อ้อ มีค่ะ แต่ต้องรู้โดยสภาวะเอง บอกไปก็เหมือนท่องจำ ต้องทำ แล้วเห็นเองจึงจะเข้าใจ

LIFE-FOREVER IN LOVE http://www.mixpod.com/playlist/44756282
เปิดได้มั้ยครับ ของผมมันกระตุก ๆ ครับ พระคุณเจ้ารูปนี้เป็นพระ อรหันต์ มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
ไม่ไปถามท่านดูล่ะคะ ท่านเท่านั้นที่จะตอบคุณได้

LIFE-FOREVER IN LOVE
ท่านบอกว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย แล้วครับ
เพราะว่าได้ดำเนินตามรอยของพ่อมาหลายภพ หลายชาติแล้วครับ
ตอนแรกท่านเคยคิดจะปฏิบัติสายของพระโพธิสัตว์ แต่ท่านมาพิจารณาดูแล้ว
ท่านบอกว่า ถ้าดำเนินตามสายของพระโพธิสัตว์แล้ว คงจะอีกหลายชาติกว่าจะบรรลุผล
ท่านเลยเปลี่ยนมาทางสายพระนิพพานดีกว่า
คุณน้ำเคยผ่านสภาวะที่เหมือนคนกำลังใกล้จะตายมาบ้างมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
อย่าสนใจเลยค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
ผมแค่อยากทราบเอาไว้ เพื่่อเอาไว้พิจารณานะครับ
เวลานั่งอยู่เฉย ๆ แล้วรู้พอง-ยุบ ดีมั้ยครับ ถ้าหากว่าขณะนั้นกำลังทำกิจกรรมอย่างอื่นอยู่ด้วย

สุขที่แท้จริง
ลองทำดูสิคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
ต้องนี้กำลังเจอสภาวะแบบนี้อยุ่ครับ

สุขที่แท้จริง
แล้วว่าดีมั๊ยล่ะคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
ก้อดีนะครับ ทำให้รู้สึกเหมือน กายเบา นะครับ แต่ว่าเหมือนจะทำให้สมาธิไม่ค่อยจะดี นะ
เหมือนกับว่ารู้สึกตัว แต่่ว่าเหมือนกับทำอะไรอยู่หลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กันอยู่
ถามหน่อยนะครับ ถ้าหากว่าตายในขณะที่มีสติรู้กาย เช่น พอง-ยุบ จะเป็นอย่างไรครับ

สุขที่แท้จริง
ถามแปลกๆ ไว้เจอจริงๆด้วยตัวเองดีกว่าค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
คือเห็นคนส่วนใหญ่เค้าว่า ก่อนตายให้นึกถึงแต่สิ่งที่เป็นกุศล
ผมก้อเลยถามว่า ถ้าหากว่าก่อนตายเราทำให้มีสติอยู่ที่กาย แล้วจะเป็นอย่างไรนะครับ
ถ้าไปถามแบบนี้กับพระคุณเจ้า ท่านจะสามารถช่วยให้คำตอบได้มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
ค่ะ ลองดูนะคะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 04 มิ.ย. 2010, 21:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


5/22/2010

LIFE-FOREVER IN LOVE
วันนี้นั่งสมาธิ แล้ว รู้สึก กายเบา จิตเบาดีครับ แต่ว่ามีความคิดเกิดขึ้นเยอะเกิน

สุขที่แท้จริง
แค่รู้พอค่ะ อย่าไปใส่ใจ ถ้าไปจดจ้องความคิด ความคิดจะเป็นเรื่องทันที

LIFE-FOREVER IN LOVE
แต่วันนี้นั่งแล้วนี่งดีนะครับ ความคิดเป็นเรื่อง หรือว่า เปลี่ยนเรื่องครับ

สุขที่แท้จริง
นั่งแล้วนิ่ง ... ไม่ดีค่ะ นั่นกำลังหลง คือขาดสติ กายที่เคลื่อนไหวมีอยู่นะคะ
เช่นท้องพองยุบ อกเคลื่อนไหว ให้เอาจิตมารู้อยู่ที่กายค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
คือมันจะรู้สภาวะอย่างอื่นนะครับ

สุขที่แท้จริง
รู้อะไรคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
อย่างเช่นว่าเกิดอาการเวทนาที่เท้า เท้ามันร้อน ๆ มันเมื่อย ๆ
แล้วก้อรู้ว่าเวลานั่ง บางเวลาตัวมันจะโยก และก้อรู้อาการสะดุ้งครับ เพราะว่ามีเสียงดังมารบกวน
อย่างเสียงรถ เสียงขอโทรศัพท์มือถือ แบตใกล้จะหมด
วันนี้นั่งนานครับ ปกติจะนั่งไม่ได้นานแบบนี้
แต่วันนี้นั่งแล้วรู้สึกว่ามีความสุข และ รู้สึกได้ว่าจิตมันจะเย็น ๆ สงบ
เหมือนกับว่ามันได้พักผ่อน

สุขที่แท้จริง
ค่ะ ทำให้ต่อเนื่องนะคะ วันนี้ทำไปกี่รอบคะเนี่ย

LIFE-FOREVER IN LOVE
ทำรอบเดียวเองครับ เดินประมาณ 30-35 นาที นั่งประมาณ 1 ชม กว่า ๆ
อันนี้คือทำแบบที่เต็มรูปแบบนะครับ
แต่ว่าระหว่างวัน อย่างที่ผมบอกแหล่ะว่าวันนี้เวลานั่งรถแล้วมันจะมีสติขึ้นมาเอง
และก้อเวลาเดิน มันก้อจะมีสติขึ้นมาเอง
คือเหมือนกับว่ามันจิตมันจำสภาวะได้เอง แล้วพอสติมันระลึกได้
เวลาเดินธรรมดา มันก้อเลยเหมือนกับว่าเราเดินจงกรม แบบเต็มรูปแบบ

สุขที่แท้จริง ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 05 มิ.ย. 2010, 00:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


LIFE-FOREVER IN LOVE
สัญญาเกิดขึ้นตลอดเวลาหรือไม่ และคนที่รู้เท่าทันจิต จะเกิดสัญญามั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
ถามไปทำไมคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
เกิดความสงสัยครับ เพราะกำลังคิดว่าคนที่รู้เท่าทันจิต จะไม่มีสัญญาเกิดขึ้้น

สุขที่แท้จริง
ค่ะ สติดี ไม่มีสัญญาหรอกค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
อืม ครับ แสดงว่าเข้าใจได้ถูกต้องครับ
แสดงว่าคนที่มีสติดี จะต้องรู้เรื่องของกาย และจิตอยู่ทุกขณะจิตเลยสิ

สุขที่แท้จริง
แล้วแต่กำลังของสติแต่ละคนค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
แสดงว่าสำหรับบางคนไม่จำเป็นต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ก้อสามารถละสัญญาได้สิ

สุขที่แท้จริง
ละได้ไง ถ้าไม่มีสติ

LIFE-FOREVER IN LOVE
อืม บอกผิด ต้องบอกว่า สำหรับบางคนกำลังของสติจะมาก หรือ น้อยยู่ตลอดเวลา
ก้อสามารถละสัญญาได้สิ

สุขที่แท้จริง
ค่ะ ละมากหรือน้อย อยู่ที่กำลังของสติ

LIFE-FOREVER IN LOVE
ความคิด เกิดจากอะไรครับ

สุขที่แท้จริง
เกิดจากความคิด

LIFE-FOREVER IN
เกิดขึ้นมาจากสัญญา หรือป่าว

สุขที่แท้จริง
แล้วแต่เราจะคิดค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
อะไรเป็นเหตุทำให้เกิดความคิด

สุขที่แท้จริง
บอกตามตรงนะ สิ่งที่คุณถามๆมาเนี่ย คุณเพียงทำไปอย่างต่อเนื่อง คุณจะได้คำตอบทั้งหมดเอง
ถ้าคุณเอาแต่คิดอยู่แบบนี้ หาคำตอบไปเรื่อยๆแบบนี้ คุณจะมีความสงสัยไปไม่รู้จบ
มันไม่ได้ช่วยอะไรกับคุณเลยในเรื่องปฏิบัติ

LIFE-FOREVER IN LOVE
คือผมได้ข้อสงสัยมาจากการปฏิบัตินะครับ เห็นว่าความคิดมันเกิดขั้นได้ตลอดเวลา

สุขที่แท้จริง
แค่รู้ว่ามันมีเท่านั้นเอง เพราะสติคุณยังไม่มากพอ มันก็คิดไปเรื่อยๆ อดีตมั่ง อนาคตมั่ง
ถ้าสติคุณดี คุณจะรู้อยู่ในกาย ไม่ส่งจิตออกนอกแบบนั้น ปรุงแต่งไปเรื่อย หาคำถามไปเรื่อย
สติคุณทัน มันก็หยุดคิด เพราะจิตมันมารู้อยู่กับกาย

LIFE-FOREVER IN LOVE
คือที่ผมเจอนะครับ เวลาที่เดิน ถ้าหากว่าหลับตาเดินแล้วสติจะรู้ทันกายที่เคลื่อนไหว และสัมผัส
แต่ว่าเวลาที่ลืมตา แล้วสติมันทันบ้าง ไม่ทันบ้าง
แบบนี้เป็นเพราะว่าจิดมันปรุงแต่งจากทวารทางตามากเกินไป

สุขที่แท้จริง
ชอบแบบไหน ทำแบบไหน แล้วสติเกิดคิดว่าสติเกิดชัดดี ทำไปเถอะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
เพราะเหตุนี้ใช่มั้ยเลยทำให้สติมันเกิดทันบ้าง ไม่ทันบ้าง

สุขที่แท้จริง
ทุกอย่างคือความคิด สุดแต่ว่าคุณคิดอย่างไรเท่านั้นเอง
ระวังนะคะ หลับตาเดินจะตกตึกเอา เดินห่างๆประตู้ด้วยค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
แสดงว่าเกิดขึ้นทุกขณะ เมื่อมีสติ จึงแค่รับรู้เท่านั้นก้อพอสิครับ
ผมไปเดินตรงทางเดินหน้าห้องนะครับ

สุขที่แท้จริง
ดีแล้วค่ะ กลัวเป็นข่าว เดินจงกรมแล้วตกตึก

LIFE-FOREVER IN LOVE
โอกาสตกตึกไม่ค่อยมี แต่ว่าโอกาสเดินชนผนังนะมีครับ

สุขที่แท้จริง
นั่นแหละ เดินชนแรง ระวังนะคะ หมอตกใจถ้าถึงขนาดต้องเย็บ

LIFE-FOREVER IN LOVE
กิเลส ที่เกิดจากทวารทั้ง 6 ตัวไหนที่เกิดได้ง่ายที่สุด

สุขที่แท้จริง
ตัวไหนก็ได้ แล้วแต่คน บอกแล้วว่าทำไปค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
ครับ กำลังสะสมแต้มครับ สะสมได้ครบ หรือเกินเมื่อไหร่ แล้วค่อยเอามาใช้ครับ

สุขที่แท้จริง
ใช้ได้ตลอด ถ้ามี ถ้าไม่มีคือไม่มีใช้

LIFE-FOREVER IN LOVE
อยากได้โบนัสด้วยครับ

สุขที่แท้
ได้ค่ะ ทำต่อไป

LIFE-FOREVER IN
ครับ แต่เดี๋ยวนี้นั่งสมาธิได้นานครับ แต่ก่อนนั่งนานไม่ค่อยได้
อย่างน้อยควรจะนั่งแต่ละครั้ง ประมาณซักเท่าไหร่ถึงจะดี

สุขที่แท้จริง
ไม่เกิน 1 ชม. ค่ะ ให้ดูสภาวะ ไม่ได้ให้ดูว่านั่งนานหรือไม่นาน

LIFE-FOREVER IN LOVE
อืมอย่างเช่นสภาวะอะไรบ้างล่ะครับ

สุขที่แท้จริง
ดูไปสิคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
ความคิด พอง ยุบ
5
)สุขที่แท้จริง
ลมหายใจ ท้องพองยุบ กายเคลื่อนไหว รู้ได้ตลอดไหม สิ่งเหล่านี้

LIFE-FOREVER IN LOVE
เวทนา อืม เท่าที่ทำมานะครับ ช่วงแรก ๆ ท้องพองยุบจะจับได้ดีมาก ๆ แต่ว่าตอนท้าย ๆ
จะจับไม่ค่อยได้

)สุขที่แท้จริง(
ท้องพองยุบหายไป อกเคลื่อนไหวมีอยู่

LIFE-FOREVER IN LOVE
อย่างเข่น นั่ง 1 ชม ประมาณ 15 นาทีสุดท้ายจะไม่ค่อยเห็น
อกเคลื่อนไหวไม่มี แต่ว่าตอนท้าย จะจับได้เรื่องของเวทนา ที่เท้า กับการเคลื่อนไหวของตัว

)สุขที่แท้จริง
ก็รู้ไปตามนั้น เวทนาเกิดแค่รู้ว่ามี แล้วไปรู้ที่กายเคลื่อนไหวต่อ

LIFE-FOREVER IN LOVE
ครับ แต่ก่อนเวลาเกิดเวทนา จะปวดนะครับ แต่ว่าเดี๋ยวนี้ รู้ว่าเกิด แต่ว่าไม่ปวด
ส่วนใหญ่สภาวะเหล่านี้มันจะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันนะครับ
ผมเลยทำแบบรู้ทั้งสองแบบไปพร้อม ๆ กันเลย

)สุขที่แท้จริง
มันจะมีตัวที่ชัดที่สุดค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
เวลาเดินถ้าช่วงไหนรู้ว่าเท้ามันหนัก ๆ และก้อเดินแบบเน้น ๆ ช่วงนั้นมีสติดีใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
เดินปกตินี่แหละค่ะ เกิดอะไรก็รู้

LIFE-FOREVER IN LOVE
คือผมจับสภาวะได้ว่าบางทีเวลาตอนเดิน เท้ามันจะหนักบ้าง เบาบ้าง
บางทีเวลาเดิน มันเซไปเซมาด้วยนะครับ
เพิ่งจะรู้นะครับ ว่าเวลาเราเดิน เคยคิดว่าเวลาเราเดินจะเดินเป็นเส้นตรง

สุขที่แท้จริง(
หยุดเดินสิคะ หายใจยาวๆตั้งสติแล้วเริ่มเดินใหม่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 08 มิ.ย. 2010, 03:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


23 พค.

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

นิวรณ์ 5 ไม่เป็นประโยชน์ต่อ สมถะ แต่มีประโยชน์ต่อ วิปัสสนาใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ แล้วรู้ได้ไงคะเนี่ยยย

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ก้อผมสงสัยว่านิวรณ์ 5 นะเลยลองหาคำตอบดู
ที่บอกว่ามีประโยชน์เพราะว่า นิวรณ์ 5 ทำให้เกิดสติ และสัมปชัญญะ

นิวรณ์ 5
นิวรณ์ คือสิ่งที่ขวางกั้นจิตทำให้สมาธิไม่อาจเกิดขึ้นได้ มี 5 อย่างคือ
1.กามฉันทะ คือความยินดี พอใจ เพลิดเพลินในกามคุณอารมณ์ ได้แก่ ความยินดี พอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ(สิ่งสัมผัสทางกาย) อันน่ายินดี น่ารักใคร่พอใจ รวมทั้งความคิดอันเกี่ยวเนื่องด้วยรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะนั้น (คำว่ากามในทางธรรมนั้น ไม่ได้หมายถึงเรื่องเพศเท่านั้น)

2.พยาปาทะ คือ ความโกรธ ความพยาบาท ความไม่พอใจ ข
http://blog.eduzones.com/sippa/267

สุขที่แท้จริง says:

นิวรณ์ 5 ทำให้เกิดสติ และสัมปชัญญะ ....... นิวรณ์ไม่ได้ทำให้เราเกิดสติ สัมปชัญญะแต่อย่างใด
แต่มีประโยชน์ ที่ทำให้จิตเราได้ทำงาน ได้เรียนรู้สภาวะนั้นๆ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

มีคำศัพท์อื่น ๆ นอกจากนี้อีกมั้ยครับ ที่ผู้ปฏิบัติควรจะทราบ

สุขที่แท้จริง says:

แล้วแต่ค่ะ จะรู้หรือไม่รู้ก็ได้

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เอาแบบที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัตินะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ถ้าเกี่ยวข้อง ก็ ไม่ต้องไปรู้อะไรเลย ทำอย่างเดียว

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แต่ถ้าได้เรียนรู้ก่อน ผมว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัตินะครับ เพราะรุ้และเข้าใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร

สุขที่แท้จริง says:

ตามใจค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

จะได้ไม่หลง

สุขที่แท้จริง says:

แค่ความคิดค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

คงงั้นนะครับ ต้องเจอสภาวะเอง แล้วถ้าเกิดข้อสงสัย ก้อมาหาคำตอบเอาเองใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

เปล่าค่ะ ไม่ต้องหา แค่ทำไปต่อเนื่อง
แล้วทุกคำตอบที่เคยสงสัยจะได้คำตอบเอง เมื่อได้รู้แล้วจะสิ้นสงสัย

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แค่จำสภาวะหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says:

พอเจอสภาวะตัวใหม่ สงสัยต่อ ตราบใดที่ยังไม่สิ้นกิเลส ก็ยังสงสัยต่อไปเรื่อยๆค่ะ
ถ้าสงสัยสักแต่ว่าสงสัย ความสงสสัยนั้นๆก็จะตกหายไปเอง ไม่ต้องจำอะไรเลยค่ะ วันนี้ทำยังเนี่ยย

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
แค่ให้รู้เท่านั้นสิ อีกแป๊บนะครับ วันนี้นอนเยอะไปหน่อย ยังมีนิวรณ์อยู่
ถ้าตอนนั่งสมาธิ แล้วเห็นเหมือนกับว่าโลกนี้มันมืดสนิท มันเป็นสภาวะอะไรมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่มีอะไรค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เป็นธรรมดาใช่มั้ย

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
ไม่ใช่ว่าจิตตกอยู่ในภวังค์นะครับ ผมเข้าใจถูกหรือป่าวที่ว่า ขณะที่เรากำลังเดินอยู่ เมื่อมีสติแล้ว
แต่สมาธิไม่ดี ทำให้การเดินมันเหมือนเดินแบบ สเปะ สปะ

แล้วขณะที่เดิน ๆ อยู่ แล้วเกิดความคิดขั้นมา แล้วหลงเข้ายุ่งกับมัน แต่พอมีสติรู้ แล้วความคิดจะหยุด
หลังจากนั้น เราต้องการที่จะระลึกรู้ถึงเรื่องที่เราคิดขณะนั้น แต่ว่าจำไม่ได้ แบบนี้คือ ไม่มีสัญญา เกิดขึ้น
หรือว่า ขี้ลืมล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:

แค่รู้พอค่ะ สภาวะจะเป็นยังไง ช่างสภาวะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
คือพอดีว่า ขณะที่เดิน ผมเกิดความคิดขึ้นมา แล้วผมกะว่าจะเอามาถาม แต่ว่าดันจำอะไรไม่ได้เลย
เหมือนมันหายไหนหมดก้อไม่รู้อ่ะครับ แบบนี้เรียกว่า แค่รู้หรือป่าว

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ แค่รู้ว่าไม่รู้

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ความคิด คือ สภาวะแบบหนึ่งเหมือนกันใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อาการของ ปีติ จะเป็นอย่างไร

สุขที่แท้จริง says:

เกิดเองรู้เอง ทำไปแล้วจะรู้เองค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
คือ ผมคิดว่า เหมือนจะเคยเจอ แต่ว่าเรียกไม่ถูกนะครับ อาการที่เกิดขึ้นเหมือนอย่างเช่นว่า
เย็นกาย เย็นใจ ใช่หรือไม่ อันนี้ คือ ปีติ อย่างเดียว หรือว่า ปีติ สุข

สุขที่แท้จริง says:

ทำไปค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ ถ้าจำสภาวะได้ดีกว่านี้ จะเอามาคุยใหม่

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
รูป นาม สามารถเรียนรู้ได้จากขันธ์ 5 เท่านั้นเองหรือไม่ครับ

สุขที่แท้จริง says:

เรียนรู้ได้ทั้งทางตำราและปฏิบัติค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แล้วขณะที่ปฏิบัติ รูป นาม ที่สามารถเห็นได้ชัดเจน คือขันธ์ 5 ใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

แล้วแต่เราจะเรียกค่ะ เรามีหน้าที่แค่รู้ ยิ่งไปให้ค่าความหมายมากเท่าไหร่ วุ่นวาย
ถ้าจะรู้ ในสิ่งที่สงสัยมา เวลาเจอโดยสภาวะ จะรู้เองค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ ตั้งแต่ผมมาลองเริ่มปฏิบัตินะครับ เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าตัวจะเบา ๆ แบบนี้พอจะอธิบายได้มั้ยครับ
หมายถึงว่า ขณะตอนที่ใช้ชีวิตปกตินะครับ

สุขที่แท้จริง says:

เบาก็ให้รู้ว่าเบาค่ะ เพราะอะไรรู้ไหมคะ ถึงได้บอกว่าให้คุณแค่รู้

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

และบางทีตอนเดิน ๆ นะ เหมือนกับมันจะเดินด้วยตัวมันเอง

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ ที่บอกว่าให้แค่รู้ เพราะคุณจะได้ไม่ไปคาดหวังเรื่องสภาวะ
เมื่อไม่คาดหวัง สภาวะเขาจะดำเนินไปด้วยตัวเขาเอง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
คงต้องอย่างนั้นนะครับ เพราะว่าถึงอยากรู้ ตอนนี้ก้อยังไม่รู้อยู่ดี ยังอธิบายด้วยตัวเองไม่ได้
คงต้องให้มันเป็นไปตามความเป็นจริง
ช่วยอธิบาย สภาวะที่เป็น ปรมัตถ์ ให้เข้าใจแบบคร่าว ๆ ได้มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:
อธิบายยากนะปรมัตถ์ เพราะโดยสภาวะ ไม่มีคำอธิบาย ต้องรู้ด้วยตัวเอง จึงจะเข้าใจ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แบบนี้ต้องผ่านตามลำดับ ญาณ หรือว่า เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

สุขที่แท้จริง says:
เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
นักปฏิบัติจะเห็นการจะเห็นการ เกิด ดับ ได้ทุกคนมั้ยครับ ต้องผ่านสภาวะอะไรเยอะมั้ย
ไม่แน่ใจว่าเคยเห็นหรือยังครับ หน้านี้ เผื่อว่าจะได้เอาไว้สำหรับไล่ ญาณต่าง ๆ ได้ครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไปสนใจอะไรกับคำเรียก

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
ป่าวคำไม่ได้สนใจในคำเรียก แต่ว่าสนใจในเรื่องของสภาวะที่เกิดขึ้นนะครับ

สุขที่แท้จริง says:

นั่นก็แค่บัญญัติ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ แต่ว่าผู้ปฏิบัติจะสามารถรู้ได้เองเหรอครับ ว่าตนนั้นตอนนี้ได้บรรลุถึงขั้นไหน ของบัญญัตินี้

สุขที่แท้จริง says:

รู้ค่ะ แต่แค่รู้ ไม่ยึดติด ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นตามความเป็นจริง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
ครั้งที่แล้วที่คุณน้ำ เพิ่งเจอสภาวะมานั้น เป็นแบบนี้มั้ยครับ
โอภาส โอภาส ได้แก่ แสงสว่าง เกิดความสว่างขึ้นในใจ จิตใจของบุคคลนั้นจะรู้สึกเกิดความพอใจกับสิ่งอัศจรรย์ในใจที่มันปรากฏขึ้น มีความสว่างในจิตในใจขึ้น มีเหมือนเป็นแสงสว่างอยู่ทั่วตัว เกิดความยินดีพอใจ เมื่อเกิดความยินดีพอใจรูปนามก็มองไม่เห็น ไม่เห็นรูปนาม เพราะมัวติดอยู่กับแสงสว่างเหล่านั้น เรียกว่ามี นิกันติ

สุขที่แท้จริง says:

อย่าสนใจเลยค่ะ จะกลายเป็นสัญญาไปเปล่าๆ มั่วไปเรื่อยนะคุณน่ะ ถึงบอกไงว่า อย่าไปสนใจ
อย่าไปแปลกใจเรื่องโอภาส พวกทำสมาธิมีเกือบทุกคนน่ะแหละ เรื่องปกติ
มีแต่คนที่ไม่เคยเจอเท่านั้นแหละที่จะไปติดใจ แล้วหลงเอา

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ก้อคงเป็นอย่างนั้นแหล่ะครับ เค้าถึงให้มีคนคอยนำทาง ต้องถามผู้รู้
ไม่เช่นนั้นก้อจะหลงยึดติดอยู่แบบนั้น จะไม่ไปไหน อยู่แต่ตรงนั้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 11 มิ.ย. 2010, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


24 พค.53

FE-FOREVER IN LOVE says:
ทำอะไรอยู่่หล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:

กินคอหมูย่าง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อ้าว ไม่ได้กินข้าวมื้อเดียวเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:

ปกติมื้อเดียวค่ะ แต่วันนี้อยากกินคอหมูย่าง ก็เลยซื้อมาย่าง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อ๋อ สงสัยร่างกายคงจะต้องการพลังงานนะครับ มันเลยก่อความอยากให้กับเจ้าของ

สุขที่แท้จริง says:

อยากกินต่างหาก

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อ๋อ เหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:

อย่าไปพูดให้มันดูดีเลยค่ะ อยากกินก็บอกว่าอยากกิน เท่านั้นเอง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

วันนี้ผมไปทำงานแล้ว เวลาตอนเดิน ๆ ตัวมันเบา ๆ ยังไงไม่รู้ครับ
เบา ๆ เกือบทั้งวันเลย ไม่รู้ว่าเป็นอะไร

สุขที่แท้จริง says:

เบาก็ให้รู้ว่าเบา ไม่ต้องไปให้ค่า

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

มันเบา ๆ ผิดปกติกว่าแต่ก่อน ๆ เยอะมาก ๆ เลยครับ งงกับสภาวะเแบบนี้เลยครับ
ไม่เคยเจอมาก่อนเลย เวลาเดิน ๆ ก้อเดินแบบเร็ว ๆ ด้วยนะ

สุขที่แท้จริง says:

อีกหน่อยจะชินไปเองค่ะ หนักบ้าง เบาบ้าง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เหมือนมันเอากำลังมาจากไหนก้อไม่รู้
ใช่ ๆ ครับ หนักบ้าง เบาบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเบาซะเป็นส่วนใหญ่

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ แค่รู้ค่ะ แล้วนี่ทำยังคะเนี่ย

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ ก้อทำได้แค่นั้นนะครับ กำลังจะทำครับ

สุขที่แท้จริง says:

เป็นไงมั่งคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

สภาวะเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ก้อเป็นทั้งวันเลยครับ ตอนเดินทางกลับบ้านก้อยังเป็นอยู่
วันนี้เป็นอยู่เกือบทั้งวันเลยครับ นอกจากตอนที่นั่งทำงาน

สุขที่แท้จริง says:

รู้สึกใจแน่นๆไหมคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ไม่มีนะครับ โล่งตลอดเลย มีอาการแค่บางคืนมัน ...... อาการคือ............
เหมือนกับว่าเวลาตอนเดินอ่ะครับ จะรู้สึกตัวไม่ค่อยทัน กับเท้าที่มันเดินไปครับ

สุขที่แท้จริง says:

เดินช้าๆสิคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ปกติเป็นคนเดินเร็ว นะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ ไปทำได้แล้วค่ะ เด๋วค่อยมาคุยต่อ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 11 มิ.ย. 2010, 20:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


25 พค.


LIFE-FOREVER IN LOVE says:
ตอนนี้เวลาอยู่เฉย ๆ ทำไมมือเท้า หรือ ร่างกาย มันเหมือนจะเคลื่อนไหวเองครับ
มันรู้สึกโหวงเหวง ยังไงไม่ รู้ บอกไม่ถูก เป็นมาตั้้งแต่ตอนเย็น ๆ แล้วครับ
ตอนเย็นที่ผ่านมานะครับ ตอนที่นั่งทำงานอยู่บนเก้่าอี้ แล้วเท้ามันอยากจะขยับเองครับ

สุขที่แท้จริง says:

สติไม่ทันค่ะ หายใจยาวๆสิคะ จะได้อยู่กับปัจจุบันได้ทัน

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
ไม่ทันอะไรครับ

สุขที่แท้จริง says:

ปัจจุบันไงคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แสดงว่าสติมันหลงอยู่ที่ไหนซักแห่งเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:

คุณไม่ทันการเคลื่อนไหวของกายเอง
คือจิตมันไปแล้ว แต่สติคุณไม่ทัน ขาน่ะก้าวไปแล้ว ก่อนที่จะรู้ว่าจะก้าว

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
คือตอนก้าวผมจะบริกรรม พุทโธ นะครับ เกี่ยวกับ จังหวะการเดิน ด้วยหรือป่าวครับ
แบบว่า ถ้าเดินเร็วเกิน ทำให้สติตามไม่ทัน ผมจะเดินเร็ว ๆ นะครับ จะแก้อย่างไรได้บ้างครับ

สุขที่แท้จริง says:

เวลาทำเต็มรูปแบบ ก้าวให้ช้าลงกว่าเดิมสิคะ แล้วจะดีขึ้นเองค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

คือตอนใช้ชีวิตในประจำวัน ถ้าช่วงไหนเดินคนเดียว ผมจะปฏิบัติด้วยนะครับ
มันเกี่ยวกับเรื่องจังหวะของการเดินด้วยใช่มั้ย

เวลาเดิน ๆ นะครับ อย่างที่บอกนะ เวลาก้าวเท้าซ้ายเสร็จ ก้อรู้ว่าเท้าซ้ายสัมผัสพื้นนะครับ
หลังจากนั้นก้อก้าวเท้าขวา ก้อรู้ว่ามันสัมผัสพื้น แต่มันเหมือนสัญชาตญาณนครับ
บอกว่าต้องรีบก้าวเท้าขวาเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นจะล้มลง ทำให้จังหวะการก้าวของเท้าเร็วขึ้น

สุขที่แท้จริง says:

ลองทำแบบนี้สิคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แบบไหนครับ

สุขที่แท้จริง says:

ขวา ย่าง หนอ ซ้าย ย่าง หนอ ง่ายดี ไม่ก็ ขวา ซ้าย
เพราะคุณชอบเดินเร็ว เอาคำกำหนดเข้าช่วย

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ผมก้อใช้อยู่นะครับ ผมใช้ คำว่า พุทโธ กำหนด แทน คำว่า ซ้าย ขวา
ตอนเดินนะไม่เป็นไรนะครับ กำหนดรู้ได้ดี

แต่ว่าตอนที่อยู่เฉย ๆ นะครับ อย่างเช่น ตอนนั่ง มันเหมือนร่างกายมันจะเคลื่อนไหวเอง
ซึ่งเพิ่งจะมาเป็นตอนเย็นวันนี้นะครับ เมื่อวานยังไม่เป็นเลย ตอนนี้ก้อยังรู้สึกอยู่นะครับ

สุขที่แท้จริง says:

หายใจยาวๆสิคะ เด๋วมันก็หายไปเอง ไม่ต้องไปสนใจ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ก้อไม่ได้สนใจมากนะครับ เดี๋ยวก้อจะชินเอง แต่แค่อยากรุ้ว่ามันเป็นเพราะอะไร

สุขที่แท้จริง says:

ก็บอกไปแล้วไงว่าสติไม่ทัน

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แต่เวลามันเกิดแล้วจะรู้สึกตัวเบา ๆ นะครับ
แต่มันมีความรู้สึกสบายนะ เหมือนมันเป็น ปีติ อ่ะครับ ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูก หรือป่าว

สุขที่แท้จริง says:

ไปสนใจอีก ให้ความหมาย ให้ค่าอยู่เรื่อยว่าต้องอย่างงั้นอย่างงี้

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ก้ออยากเข้าใจสภาวะหน่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ต้องไปสนใจชื่อที่จะมาใช้เรียก แค่รู้ว่ามันมีอาการแบบนั้นๆพอค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ ตอนนี้ผมก้อทำแบบนั้นนะครับ

สุขที่แท้จริง says:

แต่ถามจังๆๆๆๆๆ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เพราะว่าไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลยนะในชีวิตที่ผ่านมาหน่ะครับ

สภาวะแบบนี้หน่ะ มันเลยเกิดความอยากรู้ อยากเข้าใจ ตามกิเลสหน่ะครับ
เพราะว่าในช่วงชีวิตที่ผ่านมา จิตมันถูกสอนให้ทำแบบนี้มาหน่ะครับ

เมื่อคืนนะครับ นั่งสมาธิเสร็จ ล้มตัวลงนอนแป๊บนึง ตื่นมาอีกที ตอนตีสองกว่า ๆ หน่ะครับ
ว่าจะตื่นมาถามอะไรซะหน่อย

สุขที่แท้จริง says:

ถามอะไรหรือคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เมื่อคืนตอนนั่งนะครับไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวของกายได้ครับ
ไม่แน่ใจว่า ถ้าหากว่าร่างกายมันเหนื่อยมาจากการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว
มาปฏิบัติ เลยทำให้ไม่สามารถรู้กายเคลื่อนไหวได้

ใช่หรือป่าว เพราะว่าตอนที่นั่งสมาธิ มันรู้สึกแบบนิ่งๆ นะครับ
ทั้งๆ ที่ไม่ได้คิดอะไรเลย เหมือนหลับตานั่งอยู่เฉย ๆ

สุขที่แท้จริง says:

แล้วรู้สึกตัวไหมคะว่ากำลังนั่งอยู่

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

รู้สึกนะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ก็รู้ไปตามนั้นแหละค่ะ พอสักพักจะรู้ส่วนของกายเคลื่อนไหวได้ก็รู้ไปตามนั้น

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ผมคิดว่าวันนี้มันไม่สามารถรู้ถึง พอง ยุบได้ ผมเลยเข้าใจว่า วันนี้ปฏิบัติได้ไม่ดี

สุขที่แท้จริง says:

พองยุบไม่เห็น ก็มีอกไงคะ เคลื่อนไหวอยู่

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ตรงบริเวณไหนล่ะครับ ตรงหัวใจเหรอ

สุขที่แท้จริง says:

หัวใจก็ได้ รู้ตรงไหนได้ รู้ตรงนั้น

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ทีผมเห็นชัด จะเป็น พอง ยุบ นะครับ ตรงหน้าท้อง ส่วนอื่น จะไม่สามารถสัมผัสได้

สุขที่แท้จริง says:

ตรงไหนด็ได้ที่รู้ได้น่ะค่ะ ไม่มีตายตัว
ถ้าไม่รู้พองยุบ และไม่รู้ส่วนอื่นๆเลย แต่รู้ว่านั่ง ก้ให้รู้ว่านั่ง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แล้วอย่างที่ผมเจอเมื่อคืนนั้น ที่ไม่สามารถจะรู้ พอง ยุบได้ มีเหตุมั้ยหล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:

จิตมันเป็นสมาธิแค่นั้นเองค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อ๋อ ครับ ถึงว่าสิทำไม มันรู้สึกสบายจัง
สภาวะที่นิ่ง ๆ แต่ว่าไม่ดีสำหรับการทำ วิปัสสนา ใช่มั้ยหล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่มีอะไรดีหรือไม่ดีหรอกค่ะ เราคิดไปเอง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แสดงว่าเวลาที่จิตเป็นสมาธิ แล้ว สติก้อยังมีอยู่ใช่มั้ยครับ แต่ว่าจะไม่ทำงาน
เหมือนกับว่าสติมันพักผ่อนอยู่ใน สมาธิ อย่างที่เค้าว่า ๆ หน่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ใช่น่ะ กะแล้ว จะต้องถาม เฮ้อออ ทำต่อไปค่ะ
ถ้าใช่แล้วจะบอก สมาธิแค่นี้ ไม่ใช่ค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ ต้องมีผู้รู้ นำทางครับ จะได้ถูกที่่

สุขที่แท้จริง says:

เดินกี่นาที นั่งกี่นาทีคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เดินประมาณ 45 นาที นั่ง 30 นาที นอน 30 นาที

สุขที่แท้จริง says:

เป็นไงมั่งคะ มีนอนด้วย

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

วันนี้ตอนนั่งจะคล้าย ๆเมื่อวาน แต่ว่ารู้กายได้ดีกว่า เห็นการเกิด และ ดับของเวทนาได้ดี
อาการปวดเมื่อยของเท้า รู้สึกมีความสงบนิ่ง อันนี้ตอนนั่งนะครับ

ส่วนการเดิน เดินแบบมีสติมากขั้นครับ คือเดินช้าลงกว่าทุก ๆ วัน
ส่วนการนอน ช่วงแรก ๆ เห็นลมหายใจ ได้ชัดดี แต่ช่วงหลัง ๆ มา เหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย
คล้าย ๆ กับตกอยู่ในภวังค์ และมาสะดุ้งตื่น ตอนประมาณ 15 นาทีที่ผ่านมา

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 11 มิ.ย. 2010, 22:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


27 พค.

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ผมก้อไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าในอดีตไปทำวิบากกรรมอะไรมาเหมือนกัน

สุขที่แท้จริง says:

อดีไปแก้ไขอะไรไมได้

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

สงสัยจะเป็นเรื่องที่หนักหนา สาหัสมาเหมือนกันครับ

สุขที่แท้จริง says:

ที่แก้ได้คือปัจจุบัน

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:

รักษาศิล 5 แบบหยาบๆนี่แหละทำให้สะอาด
ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดลูกเมียใคร ไม่พูดโกหก ไม่ดื่มสุรา นี่แหละหยาบๆ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ ต้องพยายามทำให้ได้นะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ใครสร้างเหตุอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แต่ว่ามันจะส่งผลกลับมาตอนไหนนั้น มันขึ้นอยู่กับอะไรหล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:

วาระของกรรมค่ะ เหตุในปัจจุบันที่กำลังทำ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แบบนี้ ถ้ายังไม่อโหสิกรรมให้กัน ก้อจะเป็นเหมือนงูกินหางกันไปเรื่อย ๆ เลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ เราจึงต้องมาเจริญสติกันเพราะเหตุนี้

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

การเรียนในทางโลก เป็นอวิชชา ใช่มั้ยครับ ยิ่งคนที่เรียนสูง ๆ ด้วยหน่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:

พูดยากนะคะ ความหมายของอวิชชาก็คือ กิเลส

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เพราะว่ามีการยึดถือ อัตตา มากเกิน
พูดถึง กิเลส นะครับ ถ้าจะพูดกันให้เข้าใจ ง่าย ๆ โดยไม่ไปแบ่งแยกตามกลุ่ม
หรือประเภท จะมีประมาณกี่ตัวครับ

ผมเคยได้ยินอาจารย์ สนอง ท่านบรรยายธรรม และพูดบ่อย ๆ นะครับ
คนที่เรียนมาสูง ๆ เยอะ ๆ จะเป็นคนที่มีโอกาสที่จะมีกิเลสได้มากกว่าคนอื่่นๆ

สุขที่แท้จริง says:

โลภะ โทสะ โมหะ ฯลฯ แล้วแต่เหตุที่ทำมากันค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เหตุที่ว่ามานี้ คือเหตุที่ทำกันมาในชาตินี้ใช่มั้ยครับ ในอดีตของชาตินี้

สุขที่แท้จริง says:

ทั้งในอดีต และเหตุปัจจุบันที่กำลังทำให้เกิดขึ้นอีก เพียงเพราะความไม่รู้นี่แหละค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ความรัก ก้อเป็น กิเลส ด้วยใช่มั้ยครับ กิเลสฝ่ายดีหน่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ความรัก ถ้ามีตัณหา อุปทานเข้าแทรก ล้วนเป็นกิเลส

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ เคยได้ยิน คำว่า ความกำหนัด มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไปหาอ่านในกูเกิ้ลได้

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ถ้าพูดแบบเข้าใจง่าย ๆ คือ การยึดมั่น ถือมั่น ใช่มั้ยครับ หรือว่า การยินดี ยินร้าย

สุขที่แท้จริง says:

คนละเรื่องเลย ความกำหนัด เขาใช้ในเรื่องเพศสัมพันธื

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อ๋อ เหรอครับ ผมก้อเคยได้ยินพระท่านเทศน์บ่อย ๆ นะว่าให้คลายความกำหน้ด

สุขที่แท้จริง says:

พระท่านเป็นผู้ชาย ถูกไหม
เวลาสีกามาถวาย แต่งตัวไม่สำรวมก็ดี หน้าตาสะสวยก็ดี
ย่อมก่อให้เกิดความกำหนด คือ อารมณ์ทางเพศแก่พระภิกษุได้
ท่านจึงต้องเพ่งอสุภะกันเพราะเหตุนี้

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แต่เรื่องคลายความกำหนัด เนี่ยผมว่าผู้ชายส่วนใหญ่จะทำได้ยากนะครับ

สุขที่แท้จริง says:

เพื่อให้คลายความกำหนัดที่เกิดขึ้น มันเป็นไปตามสภาวะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ถ้าหากว่าไม่มีสติ หรือ ศรัทธา

สุขที่แท้จริง says:

ตามกำลังของสติ สัมปชัญญะและกำลังของสมาธิที่มีอยู่
กำลังของสมาธิจะช่วยในการกดข่มเอาไว้
กำลังของสติ สัมปชัญญะ จะทำให้จิตปรุงแต่งน้อยลง
สองอย่างทำงานร่วมกัน จะช่วยบรรเทาความรู้สึกตรงนั้นลงไปได้

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

กำลังของสมาธิ จะเกิดขั้นได้ง่าย ๆ ตอนไหนครับ

สุขที่แท้จริง says:

อยู่ที่เหตุทำมาค่ะ แต่ละคนมีมากน้อยไม่เท่ากัน

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เอาแบบว่า ถ้าหากว่าเริ่มต้นนับจากศูนย์กันใหม่นะครับ
กำลังของสมาธิ จะเกิดได้ดีนั้น ควรจะทำอย่างไรดีครับ
สมาธิ คือ ความตั้งมั่นของจิต ใข่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ นี่ทำหรือยัง ไปทำก่อนค่อยมาคุย

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ก้ออีกแป๊บครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่คุย ไปทำก่อน

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ เดี๋ยว ดึก ๆ ค่อมมาคุยกันนะครับ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ตอนเดินแล้วตังมันเบา ๆ เกิดอาการเหมือนทั้งมีแรงดูดและผลัง
ตอนเดินแล้วตัวมันเบา ๆ เกิดอาการเหมือนทั้งมีแรงดูดและผลัก
แต่่ว่ารู้สึกว่าเท้าสัมผัสพื้นนะครับ แบบนี้คืออะไรครับ

สุขที่แท้จริง says:

แค่รู้ไปค่ะ อย่าไปหาคำเรียกเลย สภาวะจะแปรเปลี่ยนตลอดเวลา ลอยมั่ง หนักมั่ง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
ครับใช่ครับ แล้วถ้าหากว่าเดิน แล้วรู้สึกเพลิน ทำให้อยากเดินเรื่อย ๆ ไม่อยากจะหยุดพัก
ทั้ง ๆ ที่เดินมาเป็นเวลาประมาณ 1 ชม แล้ว แบบนี้เป็นกำลังของสมาธิ หรือป่าวครับ

สุขที่แท้จริง says:

ทุกสภาวะที่เกิดขึ้นไม่เที่ยงค่ะ วันนี้อาจจะเดินแล้วเพลิน เพลินให้รู้ว่าเพลิน จะได้ไม่ยึดติด
เพราะวันต่อไปอาจจะเบื่อที่จะเดิน เมื่อเกิดอาการเบื่อ จะได้ทำต่อได้
เพราะไม่ไปยึดติดทั้งความเพลินและความเบื่อ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
เวลามีความคิดเกิดขึ้น ก้อรู้ว่าคิด แล้วก้อไม่คิดต่อ ปฏิเสธทันที่ แล้วความคิดมันก้อดับ
หลังจากนั้น ก้อมีความคิดใหม่เกิดขึ้นมาอีก ก้อได้แค่รู้ ไม่สนใจอีก
แต่รู้สึกว่า วันนี้การเดินจงกรม ตอนแรก ๆ สมาธิไม่ค่อยดีเลย ฟุ้งซ่านเยอะ
แต่หลังจากนั้น สมาธิดีมาก ๆ เลย
ปกติกำลังของสมาธิจะอยู่ได้นานมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

กำลังของสมาธิ แต่ละคนนั้นมีไม่เท่ากันค่ะ
บางคนออกจากสมาธิแล้ว ก็ยังคงมีสมาธิหล่อเลี้ยงอยู่

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
วันนี้ตอนนั่ง มีสภาวะใหม่เกิดขึ้นครับ ทุก ๆ วันจะไม่เห็น

วันนี้เห็นการเคลื่อนไหวของต้นคอ หร้อม ๆ กับการหายใจ
คือวันนี้ตอนแรกคอมันจะเคลื่อนไหวก่อน แล้วมาหยุดที่ตำแหน่งหนึ่งที่แนวชิดกับลำตัว
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นขัดเจน ก้อเหมือนกับเต่าที่กำลังจะหุบหัวตัวเองเข้าในกระดองเต่า
แล้วแนบชิดกับลำตัว แล้วส่ายหัวมา

ถ้าสติกับ สมาธิ มัน เท่ากัน จะสังเกตุรู้ได้อย่างไรครับ

สุขที่แท้จริง says:

แค่รู้ไปค่ะ อีกหน่อยคุณจะรู้ชัดด้วยตัวเอง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ แต่วันนี้ที่่รู้ ๆ นะครับ รู้ว่าสมาธิ ตอนเดินดีขึ้นกว่าเดิมเยอะครับ
เลยทำให้บอกว่า ทำไมวันนี้เวลาเดินแล้ว มันรู้สึกเพลิน ๆ ถ้าไม่หยุดเสียก่อน
คิดว่าน่าจะเดินได้เรื่อย ๆ

เคยได้ยินคำว่า เกลี้ยงทั้งใจ ใสทั้งกระดูก มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่เคยค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

มหานครอะไรใหญ่ที่สุดครับ

สุขที่แท้จริง says:

กายสิคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เก่งนี่ครับ คำว่า เกลี้ยงทั้งใจ ใสทั้งกระดูก ผมได้ยินมาจากพระธรรมเทศนาของพระครับ
ท่านบอกว่า เมื่อใจหมดสิ้นแล้วซึ่งกิเลสแล้ว กระดูกก้อยังใสได้

พระท่านบอกว่า พระที่ท่านมีปฏิปทาการปฏิบัติที่ดี น่าเลื่อมใส
ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เวลาที่ปฏิบัติกรรมฐาน แล้วมีการเพ่งที่กระดูก
หลังจากที่ได้สิ้นแล้ว กระดูกตอนบริเวณที่ท่านได้เพ่งขณะปฏิบัตินั้น จะกลายเป็นพระธาตุ
จะก้อนเล็ก หรือ ใหญ่ก้อขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของพระแต่ละรูป ว่ามีการกำหนดที่กระดูกมากน้อยแค่ไหน
เวลาปฏิบัติ หากมีการเพ่ง จะทำให้รู้สึกหนัก ๆใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

และจะรู้สึกเหมือนเครียด ๆ ด้วยใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ค่ะ แค่หนัก ไม่เครียด ถ้าเครียด คือคนที่ไปกดดันตัวเอง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แสดงว่าคน ๆ นั้นมีกิเลสเข้ามาครอบงำสิครับ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ ความอยาก

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

คืออยากจะให้ได้เป็นแบบนั้น

http://www.youtube.com/watch?v=kB67HO8t ... re=related
สัญญา มีประโยชน์ต่อการปฏิบัติมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่มีค่ะ อ้อ มีในบางครั้ง บางคนต้องใช้สัญญาในการกำหนด
เช่น พองหนอ ยุบหนอ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แต่อันนี้คือจะใช้ได้เฉพาะในสภาวะที่เป็นสมมุติบัญญัติเท่านั้น ใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

คนเราถ้ามีธรรมะอยู่ในใจแล้ว ต้องบอกว่า ถ้ามีธรรมะเข้าสู่ใจแล้ว
คน ๆนั้น คือคนที่มีสติรู้เท่าทันจิตของตัวเอง ใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ชอบบัญญัติเสียจริงๆ ให้ค่าอยู่เรื่อย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 01:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


28 พค.

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ถ้านั่งสมาธิแล้วบางทีเกิดอาการสัปปะหงก แต่ว่ารู้ตัวตลอด แบบนี้คืออะไรครับ

สุขที่แท้จริง says:

ว่าภาษาปริยัติ คือ สันตติขาด
แต่ถ้าในแง่ของการปฏิบัติ คือ แค่รู้ สติยังด้อยอยู่ ถ้าสติดี จะไม่สัปปะหงก
สมาธิล้ำหน้าค่ะ เดินให้มากขึ้น นั่งให้น้อยลง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เกี่ยวกับว่า ตอนนั้นนั่งนานไปแล้วหรือป่าวครับ
อย่างเช่นว่า เดินประมาณ 1 ชม นั่ง 1 ชม

สุขที่แท้จริง says:

ไม่เกี่ยวค่ะ เป็นเรื่องของอินทรีย์ไม่เสมอกัน แต่ละคนมีพื้นฐานด้านสมาธิมาไม่เท่ากัน
ลดนั่งค่ะ เพิ่มเดิน ยิ่งเดินมากเท่าไหร่ยิ่งดี

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แล้วอาการเกิดขึ้นตอนที่นั่ง ประมาณนาทีที่ 50-60

สุขที่แท้จริง says:

ทำตามที่บอกน่ะค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ
IFE-FOREVER IN LOVE says:

นักปฏิบัตฺิจะทราบได้อย่างไรว่า ตอนนี้สติ ของตัวเองอยู่ในขั้นไหนครับ

สุขที่แท้จริง says:

สติ ไม่มีขั้น อะไรๆก็ไม่มีขั้น ไปให้ค่ากันเอง เลยมีโน่นมีนี่
ถ้าอยากรู้ ก็ลองใช้การเดินจงกรมแบบมีรูปแบบน่ะค่ะจะรู้ได้ เดิน 6 ระยะ
หากสติ สัมปชัญญะดี จะเดินรู้ได้โดยทุกระยะ ไม่เซ ไปลองดูสิคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เดิน 6 ระยะ ต้องเดินแบบช้า ๆ สิ

สุขที่แท้จริง says:

จะช้าหรือเร็วก็ได้ แต่ต้องเดินได้ตามที่มีกำหนดไว้

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เดิน 6 ระยะ มีอะไรบ้างนะครับ การเดินแบบนี้มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ในพระไตรปิฎกมีเขียนไว้ แต่ทางพม่านำมาสร้างรูปแบบขึ้นมา

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แล้วทุกวันนี้ เวลาคุณน้ำเดินจงกรม ก้อใช้วิธีการนี้เหมือนกันเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่บอก เด๋วเลียนแบบ แต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ เลียนแบบกันไม่ได้

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อ้าว ไม่ดีเหรอครับ อ๋อ ครับ

สุขที่แท้จริง says:

กำลังของสติ สัมปชัญญะแต่ละคนไม่เท่ากันค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ แต่เท่าที่ดูแล้ว ผมว่ามันดูซับซ้อน จังเลยครับ
คนที่จะทำให้ได้ครบ 6 ระยะ ผมว่าต้องค่อย ๆ เดินนะครับ ไม่งั้นระยะมันจะคาบเกี่ยวกัน

สุขที่แท้จริง says:

ให้เริ่มจากระยะที่ 1 ก่อนค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อ๋อ ทำจากระยะที่ 1 ให้ชินก่อน แล้วค่อย ๆ ปรับเอาเองนะเหรอ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ ไปทีระยะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แล้วแบบนี้เราจะวัดได้อย่างไรครับ อย่างเช่นว่า วันนี้เราเดินได้ ถึงระยะ ที่ 3

สุขที่แท้จริง says:

ทำก่อนสิคะ แล้วค่อยมาถาม ไม่ต้องมายกตัวอย่าง ต้องทำเองค่ะ ถึงจะเข้าใจ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

คือผมเคยลองทำมาก่อนหน้าแล้วนะครับ ก้อเลยอยากทราบว่า
วันนี้เราเดินได้ ถึงระยะ ที่ 3 แล้ววันต่อมาเราเปลี่ยนไปเดินระยะที่ 4

แต่ว่าทำอย่างไรก้อ ทำไม่ได้ซักที อยู่แต่ระยะที่ 3 เท่านั้น
แบบนี้ระดับของสติเราเป็นอย่างไรครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่เป็นไรนี่คะ คุณเองย่อมรู้ตัวดีนี่คะว่าเป็นยังไง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
ถ้าแบบนั้น ระยะที่เท่าไหร่ไม่ ใช่ตัววัดระดับความมีสติของแต่ละคนใช่มั้ยครับ

ที่แบ่งระยะ ออกเป็นหลาย ๆ ระยะ ก้อเพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถรู้ได้ว่า
ตัวเองเหมาะกับการเดินโดยใช้ระยะไหน
ผมเข้าใจได้ถูกต้องใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

เปล่าค่ะ เอาไว้แก้เบื่อ ไว้เปลี่ยนอริยาบท
คุณเองยังเดินระยะที่ 4 ไม่ได้ แล้วจะไปพูดได้ยังไงว่าไม่ใช่ตัววัดผลของสติ
คุณเดินไม่ได้ แสดงว่ากำลังสติของคุณยังไม่มากพอที่จะเดินระยะนั้นได้

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อ๋อ ครับ ถ้างั้นการเดินให้ได้ถึงระยะที่ 6 แสดงว่าระดับของสติจะดี
และละเอียดมากกว่าระยะอื่น ๆ ตามลำดับสิครับ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อ๋อ ครับ เข้าใจครับ สัมปชัญญะ คือ เจตสิก ด้วยมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

อีกละ ทำไมชอบคำศัพท์เสียจริง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อ๋อ พอดีผมอ่านที่คุณโพสต์เอาไว้นะครับ เกี่ยวกับเรื่องของสติ
ก้อเลย อยากถามต่อว่า ถ้าสติเป็น แล้ว สัมปชัญญะ เป็นด้วยมั้ย

สุขที่แท้จริง says:

ไปหาอ่านในอภิธรรมค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ อย่างการเดินจงกรม นะครับ สติ คือ ตัวรู้ว่าเป็นเท้า สัมปชัญญะ คือตัวที่บอกว่า
ตอนนี้คือเท้ากำลังกระทบพื้น ผมเข้าใจถูก หรือ ผิด ครับ

สุขที่แท้จริง says:

คุณกำลังเดิน ถูกต้องไหม

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:

บางครั้งคุณคิดก่อนที่จะเดินถูกไหม
สติเป็นตัวระลึก ระลึกอะไร คือ คิดก่อนที่จะเดิน
สัมปชัญญะเป็นความรู้สึกตัว คือ รู้ลงไปในอริยาบทที่กำลังเดินหรือกำลังทำอยู่ รู้ลงไปในการกระทำนั้น

ไม่ชอบคุยเรื่องแบบนี้ มันน่าเบื่อ ถ้าจะคุย คุยเรื่องปฏิบัติ
นั่งแล้วรู้ในกายดีไหม เดินแล้วรู้เท้าดีไหม
วันนี้ทำยังคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ทำเมื่อตอนบ่าย ๆ ครับ ทำประมาณ 2 ชม
เมื่อตอนเย็นเลยเอามาถามหน่ะครับ ว่าถ้า สัปปะหงก เป็นเพราะอะไร วันนี้เจอมา
แล้วเราจะปรับให้สติเท่ากับสมาธิได้อย่างไรครับ

สุขที่แท้จริง says:

นี่แหละ เจออะไรมาแบบนี้ค่อยมาถาม
คุณก็ดูสิ ถ้านั่งแล้วเคลิ้ม หลับ สัปปะหงก แบบนี้ สมาธิล้ำหน้าสติ ให้ลดนั่งลง เพิ่มเดิน

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ถ้าวันไหนไม่เป็นเลยหล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่เป็นก็เพิ่มนั่งได้ แต่ถ้าเพิ่มนั่งแล้วเป็นอีก ให้ถอยลงมาทำแบบเดิม
ปรับไปปรับมาแบบนี้แหละ พออยู่ตัวแล้วไม่ต้องปรับ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แล้วอย่างที่เคยแนะนำมานะครับ ว่าอย่าให้เกิน 1 ชม

สุขที่แท้จริง says:

นั่งค่ะ อย่าให้เกิน 1 ชม ส่วนเดินน่ะ ยิ่งเดินมากยิ่งดี
เพราะทำให้เกิดสมาธิได้ง่ายมากขึ้น แนบแน่นมากขึ้น

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ถ้าเกินไป จะไม่ค่อยดีเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:
ติดสมาธิสิ นั่งแล้วเพลิน นั่นหลงแล้ว หลงกิเลส

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

มันมีความสุข แบบรู้สึกเบา ๆ สบาย ๆ

สุขที่แท้จริง says:

ดูสภาวะ ดูแค่ 1 ชม. พอ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แต่ถ้านั่งมากเกินกว่า 1 ชม ก้ออาจจะทำให้มีโอกาสที่จะนั่งสับปะหงก
ได้ง่ายกว่านั่งน้อยกว่า 1 ชม ด้วยมั้ยครับ
หรือว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะเหมือนกับว่านั่งนาน ๆ แล้วสติจะไม่ดี

ถ้าแบบนั้นแต่ละคนจะต้อง หาจุดสมดุลของตัวเองให้เจอสิครับ
โดยการปฏิบัติ แบบลองผิด ลองถูก ก่อน

สุขที่แท้จริง says:

มันไม่เที่ยงเข้าใจไหม สภาวะจะปรับเปลี่ยนตลอดเวลา
ตัวเองเท่านั้นที่จะรู้ได้จากการปฏิบัติ เข้าใจไหมคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ เข้าใจครับ

สุขที่แท้จริง says:

มีหาจ่งหาจุดสมดุลย์อีก ช่างคิดค้นสะจริงๆ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แล้วการที่เราปฏิบัติแบบกำหนดเวลาว่าจะ นั่งเท่านี้ เดินเท่านี้
ผมลองทำแล้ว ผมรู้สึกว่าเหมือนกับการบังคับ ยังไงไม่รู้ครับ

บางที่ทำให้รู้สึกว่าน่าเบื่อ

สุขที่แท้จริง says:

ทำเท่าที่คุณทำได้สิคะ ไม่ได้บังคับนี่นา

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:

เพียงแต่บอกไว้ว่า ถ้านั่งอย่างมากไม่ควรเกิน 1 ชม. เดินเท่าไหร่ก็ได้ ให้ดูเรื่องสมาธิ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ผมว่าแบบนี้มันเหมือนกับว่าทำให้จิตเราเป็นสมาธิได้ดีกว่า เพราะว่าจิตเป็นอิสระ

สุขที่แท้จริง says:

อ่อ... หมายถึงเมื่อก่อน คุณทำแบบมีกรอบใช่ไหมคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แต่ก่อนนะครับ
ใช่ ๆ นะครับ ตอนแรก ๆ นะครับ

สุขที่แท้จริง says:

เคยเป็นนะ เบื่อสุดๆ แต่ก็โตมาเพราะรูปแบบที่เบื่อๆนี่แหละ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แบบไหนครับ ลองขยายความหน่อยสิ
ผมเลยลองมาสังเกตุดูว่า ถ้าทำแบบไม่กำหนดกรอบ แล้วจะสามารถทำได้ดีกว่ามากๆ

อย่าเช่นการเดิน แต่ก่อนผมจะกำหนดเอาไว้ว่า
ต้องเดินให้ได้จำนวนรอบเท่านี้นะ บางที่ตั้งเอาไว้เยอะเกิน ความขี้เกียจมันเลยเข้ามาเยือน

สุขที่แท้จริง says:

เข้าใจค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ที่บอกว่า เบื่อสุดๆ แต่ก็โตมาเพราะรูปแบบที่เบื่อๆนี่แหละ นี่มีตัวอย่างให้เห็นมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

มีเขียนไว้ในบล็อกไง แรกๆน่ะ กำหนดเรื่องเวลา บางทีสภาวะเราไม่พร้อมเลยเหมือนฝืนใจทำ
พอฝืนใจทำ มันก็ไม่อยากทำ พาลเบื่อเอา แต่ก็ต้องทำ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

มันเลยพลอยเป็นตัวฉุดเรื่องของการปฏิบัติด้วยใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

แล้วแต่เหตุทำมานะ ทุกอย่างมันมีเหตุมาก่อน

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

นักปฏิบัติจะทราบได้อย่างไรครับ ว่า สภาวะไหนเป็น บัญญัติ สภาวะไหนเป็นปรมัตถ์

สุขที่แท้จริง says:

คนเขาขี้สงสัยกันขนาดนี้เลยเหรอ แปลกนะ
ทำไมตัวเองไม่เห็นจะสงสัยอะไรแบบนี้เลย ทำอย่างเดียว เรียกอะไรก็ไม่รู้
มาศึกษาทีหลัง ถึงได้รู้ว่าอ้อๆๆๆมีคำเรียก แล้วก็ไม่สนใจ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เพราะว่ายึดติดกับคำบัญญัติใช่มั้ย

สุขที่แท้จริง says:

อุปทานไง ให้ค่าให้ความหมายกับสิ่งที่เกิดขึ้น

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ถ้าจะให้ดีคือ ควรปฏิบัติก่อน

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ และก็แล้วแต่เหตุที่ทำมาด้วย
บางคนศึกษาก่อนค่อยมาปฏิบัติ บางคนปฏิบัติก่อนค่อยมาศึกษา
บางคนศึกษาไปด้วยพร้อมๆกับปฏิบัติไปด้วย

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

สงสัย แล้วค่อยหาความรู้เอาเหรอ

สุขที่แท้จริง says:

ปฏิบัติไป เห็นอะไรแค่รู้ ให้รู้อยู่ในกายและจิตนี่แหละ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

สภาวะจะเป็นตัวบ่งบอกเองเหรอ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แล้วแบบนี้จะไม่หลงเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:

ดูสิ ไม่มาเปรียบเทียบ ไม่มีอวดเก่ง อวดศักดา อวดอ้าง
รู้โน่นรู้นี่ รู้ไปหมด แต่ไม่รู้กิเลสที่แสดงออกมา คอยติติงแต่การปฏิบัติของคนอื่นๆ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ แต่การที่จะรู้สภาวะให้เห็นแจ้งนั้น ก้อต้องอาศัยระยะเวลาใช่มั้ย

สุขที่แท้จริง says:

เปล่า แล้วแต่เหตุที่ทำ เวลาไม่ใช่ตัววัดผล

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

กรรมเก่า กรรมใหม่นะเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เมื่อกี้ลองทำแบบเดินระยะมานะครับ มันไม่ชินเหมือนกับที่ ทำๆ อยู่ในปัจจุบัน
เพราะที่ทำมาใช้กำหนดคำเอา

สุขที่แท้จริง says:

อะไรที่ทำแล้วถนัด ทำแล้วสะดวก ทำไปก่อน
ถ้าสติดีแล้วน่ะ ไม่ว่าจะทำแบบไหน ถนัดหมด ทำได้หมด

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

สติ เท่ากันกับ สมาธิ จะเป็นอย่างไรนะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ก็รู้ตัวตลอดสิคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

การฝึกปฏิบัติ แบบแค่ให้รู้พอ แบบนี้ มีผลต่่อเรื่องของการจำด้วยมั้ยครับ
แบบว่า จะทำให้ความจำน้อยลง เพราะว่าได้สนใจในเรื่องของความคิดที่มันเกิดขึ้นมา
เพราะว่าผมลองสังเกตุเอาจากตัวเอง ว่าตั้งแต่ลองปฏิบัติแบบแค่ให้รู้พอ เวลามีความคิดเกิดขึ้น
ก้อแค่ให้รู้ คือบางทีความคิดที่มันเกิดขึ้นในขณะที่ปฏิบัติ
ผมสนใจที่อยากจะคิดต่อ แต่ว่าไม่ใช่ในขณะที่ปฏิบัต ก้อเลยแค่ ๆ รู้พอ

แต่พอหลังจากเสร็จปฏิบัติแบบเต็มรูปแบบแล้ว
ผมกะว่าจะเอาเรื่องของความคิดที่มันเกิดขึ้นในขณะที่ปฏิบัติ เพื่อเอามาคิดต่อ
แต่ว่ากลับจำไม่ได้ว่่าเกิดความคิดอะไรขึ้นมา เหมือนกับว่ามันลืมแล้ว
แบบนี้น่าจะเป็นเหตุด้วยหรือป่าวครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไปสนใจทำไมคะ แล้วจะเก็บมาคิดทำไม เป็นอดีตไปแล้ว

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อ๋อ ก้อบางเรื่องที่มันเกิดตอนนั้น

สุขที่แท้จริง says:

ทำไมไม่อยู่กับปัจจุบันคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ผมว่าจะเอามาคิดต่อเพื่อประโยชน์ต่อการทำงาน หรือ การดำเนินชีวิตนะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ตามใจค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

คือไมใช่ว่าผมไม่เชื่อในเรื่องที่แนะนำมานะครับ

เพียงแต่ผมสังเกตได้

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ คำว่าตามใจ คือตามใจจริงๆ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

จากการปฏิบัติมา
อ๋อ ครับ ก้อเลยเกิดเป็นข้อสังเกตุขึ้นมา แบบนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ หรือป่าว

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ค่ะ ทุกคนมีสิทธิที่จะทำในแบบที่ตัวเองอยากทำ สภาวะของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป
ไม่มีอะไรตายตัว เห็นความไม่เที่ยงเมื่อไหร่ จะเลิกค้นหาคำตอบ จะเลิกหาอะไรมาปรุงแต่ง
มันจะเหลือแค่รู้ รู้อยู่ในกายและจิต

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เมื่อไหร่ที่เจอกับสภาวะแบบนี้แล้ว ทุกอย่างจะเห็นตามความเป็นจริงเองเลยใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ การที่เราเดินแล้วบางทีเกิดอาการง่วงนอน น่าจะเกิดจากอะไรครับ
เพราะขณะก่อนที่จะเดินอาการได้ไม่ได้ง่วงนะ

สุขที่แท้จริง says:

ง่วงก็ง่วง หาเหตุละ กินมากไปป่ะ นอนน้อยไปป่ะ ขี้เกียจป่ะ
สาเหตุบานตะเกียงถ้าจะหาสาเหตุ ไปหาทำไม

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

คือตอนเดิน ๆ บางทีลืมตาบ้าง หลับตาบ้าง แบบนี้เป็นเพราะสติไม่รู้ทันจิตมั้ย

สุขที่แท้จริง says:

อีกละ แค่รู้เข้าใจป่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ผมเคยอ่านเจอใน blog ของคุณหน่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ของเก่าน่ะ อย่าไปสนใจมาก เมื่อก่อนก็ติดมาเหมือนกัน คำเรียก เรียกโน่นเรียกนี่

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
แต่ตั้งแต่มาเริ่่มปฏิบัตินะครับ รู้สึกว่าตัวเองจะกินอะไรน้อยลง
และก้อแปลก ๆ อีกอย่างเกี่ยวกับสภาวะของการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวของตัวเอง
เช่น การเดินหมุนตัว เดี๋ยวนี้เวลาจะหมุนตัวแต่ละครั้ง มันเหมือนกับร่างกายมันจะทำเองโดย
อัตโนมัติเลยครับ เหมือนมีแรงผลักดันอะไรซักอย่างอยู่ในตัวโดยที่เราไม่ได้บังคับมัน
อันนี้เอามาเล่าสู่กันฟังนะครับ ไม่แน่ใจว่ามีข้อแนะนำอะไรมั้ย

สุขที่แท้จริง says:
แค่รู้ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 22:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


15 มิย.

หัศจรรย์แห่งจิต says:
พี่รูัจักครุบาบุญชุ่มหรือป่าวครับ

walai says:
ไม่รู้จักค่ะ คนเราเกลียดทุกข์ แต่ชอบเอาทุกข์เข้าใส่ตัวเองด้วยความไม่รู้

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
พี่เคยเจอปุพเพนุสานุสติมั้ยครับ

walai says:
ปุพเพนุสานุสติ คืออะไรคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ปุพเพนุสานุสติญาณหน่ะครับ

walai says:
เกี่ยวกับอะไรล่ะคะ กลัวเดาผิด

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
เดี๋ยวพี่ลองเปิดฟังดูนะครับ ช่วงนาทีที่ 60

walai says:
แค่บอกมาเท่านั้นเองว่าหมายถึงอะไร พี่ไม่ชอบฟังอะไรแบบนั้นค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ก้อมันมีหลายเรื่องนะครับ

walai says:
งั้นไม่ต้องค่ะ ถ้ายุ่งยาก

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ทั้งเรื่องของการรู้ภพภูมิหนหลัง

walai says:
แหมม แค่นั้นเอง

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
แล้วก้อเรื่องของครูบาบุญชุ่มด้วยครับ

walai says:
ภาษานี่แหละวุ่นวาย พี่ถึงไม่ค่อยชอบ พี่ชอบการสื่อตรงๆ ไม่ต้องค้นหา
พี่ไม่ค่อยเรื่องบัญญัติเพราะเหตุนี้แหละ มีแต่นำมาตีความกัน

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
แล้วก้อเรื่องของพระที่ถูกเลื่อกให้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตครับ พี่เชื่อมั้ยครับ

walai says:
เฉยๆค่ะ ไม่สนใจ พี่เป็นคนไม่สนใจเรื่องเหล่านี้
คือเล่ามาก็ฟัง ฟังแล้วผ่านไม่ใส่ใจ เพราะไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ มีแต่เขาเล่าว่า

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
แล้วก้อเรื่องการสอนศิษย์ของท่านเจ้าคุณโชดกครับ

walai says:
เฉยๆค่ะ อุบายของแต่ละครูบาฯแตกต่างกันไปตามรู้ของแต่ละท่าน
ใครเชื่อใคร ล้วนเกิดจากเหตุร่วมกระทำกันมา

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ท่านบอกว่า ท่านจะ สอนลูกศิษย์ว่าตอนนี้คุณบรรลุถึงขั้นไหน
ให้ลูกศิษย์เจอเอง แล้วค่อยมาบอกให้รู้ทีหลัง

walai says:
ของพรรค์นี้ไม่ต้องบอกหรอก ถ้าเห็นจริง จะรู้เอง
เพียงแต่สภาวะแรกๆอาจจะไม่ชัด พอสภาวะชัด เขาจะรู้ตัวของเขาเอง ไม่ต้องมาให้ใครบอก

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ อันนั้นก้อใช่นะครับ
walai says:
ดูง่ายจะตายไป ดูเวลาคุย
ถ้ายังมีแบ่งแยกแนวทางการปฏิบัติ ยังมีว่าถูกว่าผิด นี่ไม่ผ่านทั้งนั้นแหละ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
อ๋อ ครับ ปฏิบัติก้อคือปฏิบัติใช่มั้ยหล่ะครับ

walai says:
ใช่ค่ะ ทั้งชีวิตเรานี่แหละคือการปฏิบัติ เพียงแต่แบ่งออกไปตามเวลา
ตามความสะดวกของแต่ละคน ไม่มีรูปแบบตายตัว เปลี่ยนไปตามสภาวะ
เป็นไปตามเหตุที่แต่ละคนกระทำมา

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
สังโยชน์ 10 นี่อะไรละง่ายครับ

walai says:
มาอีกละ พอเลยค่ะ ทำไปค่ะ คุณนี่ช่างสรรหาสะจริงๆ มิน่าถึงได้มีข้อสงสัยมากมาย

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
โลกุตระธรรม จะต้องผ่านญาณไหน ครับ

walai says:
มันเกิดตลอดเวลาแหละค่ะ เพียงแต่ว่า กำลังสติของคุณมากพอที่จะรู้ได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
เพราะเมื่อคืนผมฟัง แล้วอาจารย์สนองท่านบอกว่าต้องผ่านญาณ 13 นะครับ

walai says:
เห็นไหม พี่ถึงไม่ฟังไง

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
คล้าย ๆ กับที่ท่านเจ้าคุณโชดก ท่านเคยเทศน์เอาไว้

walai says:
รู้มั๊ย ญาณ 16 น่ะ ดาบสองคม

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
แบบไหนครับ

walai says:
รู้แล้วให้ค่า มันจะกลายเป็นกิเลสไปโดยอัตโนมัติ ทำให้คนนั้นทิฏฐิมานะแรงมากกว่าเดิม
เพราะไปให้ค่าว่าตัวได้ญาณอะไร เป็นอะไร แต่กิเลสที่อยากจะเป็นมองไม่เห็น

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
แล้วถ้าเรารู้ แต่ว่า สนใจหล่ะครับ พอเจอสภาวะแล้ว ก้อเอามาทบทวน หรือ พิจารณา

walai says:
การที่รู้ว่าสภาวะตัวเองอยู่ตรงไหน เขาเอาไว้ตอบคำถามคนขี้สงสัย เวลามาถามเรื่อสภาวะ
ที่เกิดขึ้นกับเขา เพื่อให้เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาน่ะมันปกติ ใครๆเขาก็เป็น
แต่ไม่ใช่ไปบอกว่าญาณโน้นญาณนี้

เอาอะไรมาทบทวน เอาอะไรมาพิจรณา
มันมีแต่ความไม่เที่ยง จะไปเอาอะไรกับสภาวะล่ะ

ดูตัวเองสิคะ ไปคว้าอะไรกับข้างนอก แค่ตำราที่เขียนขึ้นมา
อ่านสักแต่ว่าอ่าน อ่านได้ ไม่ห้าม แต่อย่าหลง หลงให้ค่าให้ความหมาย
กิเลสทั้งนั้น นี่แหละอุปกิเลสละ หลงรู้ไง "ญาณ "
พี่ถึงบอกคุณไง ทำต่อเนื่อง ทำไปเถอะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
อ๋อครับ ถ้าใครปฏิบัติแล้ว ยังมีกำหนัด แสดงว่าผิดทาง ใช่มั้ยครับ

walai says:

เปล่าค่ะ ความกำหนัดก็คือกิเลส กิเลสของคนแต่ละคนแตกต่างกันไปตามเหตุที่แต่ละคนกระทำมา
ตัวไหนแรง ตัวนั้นจะแสดงชัด สติทัน มันก็ดับ ตัวอื่นๆเกิดต่อมันสลับไปมาแบบนี้
จนกว่าจะเห็นความไม่เที่ยงโดยสภาวะที่แท้จริง จิตมันถึงจะปล่อยวางลงไปเองได้

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ผมว่าจะถามอยู่หลายทีหล่ะ ลืมตลอด ถ้าว่าเรารู้ว่าเป็นกิเลส แล้วกิเลสจะดับทันทีใช่ป่ะ

walai says:

แหมๆๆๆๆ " ถ้าว่าเรารู้ว่าเป็นกิเลส แล้วกิเลสจะดับทันทีใช่ป่ะ " คิดได้ไงคะเนี่ย

กิเลสมีทั้งบัญญัติและสภาวะและที่ซ้อนๆๆๆๆลงไปอีก สติค่ะ พี่ถึงบอกไง ทำไป

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
แสดงว่าพอรู้ตัวนึงชัด แล้วมันจะดับ แล้วตัวที่รอง ๆ ลงมา
ก้อจะแสดงต่อ ผมเข้าใจแบบนี้ถูกป่าวครับ

walai says:
ดับแล้วมันก็เกิดอีก

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ตัวเดิม ๆ นะเหรอครับ

walai says:
ใช่ค่ะ ตัวหยาบดับลงไปได้ ตัวละเอียดกว่าเกิดต่อ
มันมีหลายสภาวะ ถึงบอกไงว่ามันซ้อนๆๆๆๆลงไป

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ ต้องมีสติแรงกล้า เท่านั้นใช่มั้ยครับ ถึงจะสามารถจะปราบได้

walai says:
แรงกล้าอีก .. คุณนี่ติดนะ ชอบให้ค่า
สภาวะเวลาเดินจงกรมกับนั่ง คุณเป็นยังไงบ้างล่ะ พักนี้ไม่เห็นเล่าให้ฟัง รู้แต่ว่าทำทุกวัน

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
เดี๋ยวนี้ตอนเดิน ก้อรู้สึกตัวดีครับ แต่ว่่ามัน ไม่เที่ยง
วันนี้ดี อีกวัน ไม่ดี วันนี้ทำแล้ว ไม่ง่วง อีกวันง่วง มันเป็นแบบนี้ครับ

walai says:
ยังหลับตาเดินอยู่รึป่ะคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
มีบ้างครับ แต่ ไม่เยอะเหมือนแต่ก่อน จะหลับตาเดิน ก้อต่อมื่อมันรู้สึกว่าง่วง
ตอนเดินช่วงแรก ๆ มัน ไม่ง่วงหรอกครับ พอเดิน ได้ซักระยะมันจะรู้สึกง่วง
แต่พอเดิน อีกซักระยะ บางครั้งอาการง่วงก้อหาย บางครั้งก้อ ไม่หาย

เวลามานั่ง บางทีก้อนั่งแล้วเหมือนหลับ เลย
บางครั้งก้อรู้ลมหายใจ บางครั้งก้อกำหนดท้องพองยุบได้
มีอยู่วันนึงเวลานั่งแล้วมีความรู้สึกว่า เหมือนสมาธิมันนิ่งยาว ๆครับ แต่ว่ายังรู้สึกตัวอยู่
วันนั่นตอนเดินรู้สึกว่าสติดีครับ เวลามานั่งต่อ ก้อเลยเป็นแบบที่บอก

และอีกอย่าง เดี่ยวนี้เวลาเดินตอนใช้ชีวิตประจำวัน
รู้สึกเท้าดีครับ รู้สึกว่าทำอะไรคล่องตัวดี เหมือนตัวมันเบา ๆ นี่คือสภาวะที่เจอที่ผ่านมาครับ
แต่อาจมีบางอย่างที่อาจจะจำ ไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้

walai says:
ไม่เป็นไรค่ะ สภาวะตัวไหนชัด จิตเขาจะจำได้เอง

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ ผมว่าช่วงนี้จิตเค้าจะ จำสภาวะของเท้ามาก ๆ ครับ
คงเป็นเพราะว่าเวลาผมเดิน ไปไหนผมจะชอบบริกรรม ด้วย เลยจำสภาวะนี้ได้ดี

walai says:
เปล่าค่ะ เป้นเรื่องของสติค่ะ สติดี ก็รู้เท้าได้ดี

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ แสดงว่าสติพอจะเริ่มดีบ้างแล้วสิครับ แต่ว่ายัง มาก

walai says:
อ่อๆๆๆ หัวเราะ แสดงว่ารุ้ตัวว่าให้ค่าอีกแล้ว

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
บางที่ตอนนั่ง ๆ ทำงานอยู่ก้อรู้ลมหายใจที่ตรงโพรงจมูกเองครับ
มันจะเย็น ๆ บริเวณนั้น บางครั้งก้อ รู้เรื่องของท้องพองยุบเอง
ก้อรู้ตัวนะครับ พี่เพราะว่าเพิ่งทำมา น่าจะถึง 1 เดือนมั้ง

กำลังวางแพลนเอาไว้อยู่ว่า ถ้าครบ 1 ปีแล้วจะเป็นอย่างไร
ถ้าดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถึงเวลาแล้วค่อยมาว่ากันใหม่อีกทีครับ
ว่าจะเลือกทางไหนดี

walai says:
คาดเดาไปเรื่อย ถ้าหัวทิ่มก็บ่นอีก ไม่เป็นไปตามคาดหวัง
บอกแล้ว ให้ค่าเมื่อไหร่ เสร็จกิเลสเมื่อนั้นแหละค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ สงสัยต้องให้พี่ช่วยคอยเฆี่ยนตีเยอะๆ มั้งครับ ขอ ไปทำก่อนนะครับ เสร็จแล้วค่อยมาคุยครับ

walai says:
ค่าาาาา นี่ ทำแล้วเป็นไงมั่งคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:

ช่วงนี้ทำแล้ว ไม่รู้เป็นอะไรครับ มันง่วง ๆ ตลอดเลยครับ เมื่อกี้ก้อเผลอหลับครับ

walai says:

น่านนน

มหัศจรรย์แห่งจิต says:

เวลาเดิน ๆ อยู่ ทำไมมันง่วง ๆ ก้อครับ

walai says:

มันไม่เที่ยงไงคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:

ครับ เป็นมา 2-3 แล้วหล่ะ ตอนก่อนเดินก้อสบายดีนะครับ
พอเดิน ๆ ได้ซักประมาณ 20-30 นาทีน่าจะได้ อาการง่วงเริ่มมาเยือน
เวลามานั่งเลยนั่งไม่ได้นาน เลยต้องนอนกำหนด แล้วก้อเผลอหลับเลย

walai says:

ไม่เป็นไรค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:

แล้วก้อจะตื่นขึ้นมาใหม่ ก้อต้องลองดูวันอื่น ๆ ต่อ ๆ สงสัยจะเป็นเพราะ กาแฟหมดฤทธิ์ครับ
เพราะช่วงกลางวัน ช่วงบ่าย ๆ จะทานกาแฟมา

walai says:

ไม่ต้องไปคาดเดาหรอกค่ะ เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยง สภาวะเขามาสอนไม่ให้เรายึดติด
ถึงบอกไงว่า เป็นยังไงให้รู้ไปตามนั้น ไม่ปฏิเสธ ง่วงก้ให้รู้ว่าง่วง หลับก็ให้รู้ว่าหลับ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:

ผมก้อทำตามนั้นนะครับ อะไรที่มันเกิดมันไม่เที่ยงครับ คาดเดาล่วงหน้าไม่ได้ครับ

walai says:

ให้ดูตามความเป้นจริงที่เกิดขึ้น สภาวะเขาจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จ
นคุณเลิกสนใจที่จะให้ค่าในเรื่องดีหรือไม่ดี หรือไปหาเหตุว่าเป้นเพราะอะไร

มหัศจรรย์แห่งจิต says:

ครับ ก้อเดี๋ยวนี้ก้อไม่ค่อยจะสนใจมากเหมือนแต่ก่อนแล้วครับ ค่อย ๆ ละที่ละนิด ละหน่อยครับ

walai says:

ค่ะ

หัศจรรย์แห่งจิต says:
คนเราเมื่อมาเจริญสติ เวลาที่สติอยู่กับกายกับจิต แล้วจะรู้สึกเบา ๆ
แต่ว่าเมื่อจิตส่งออกนอก จะรู้สึกหนัก ๆ ใช่มั้ยครับ หรือว่าแล้วแต่คนครับ
เมื่อเช้านี้ผมมีความคิดแบบนี้แวบขึ้นมาครับ

walai says:
แล้วแต่เราจะไปให้ค่าค่ะ แต่ละขณะของความรู้สึกที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งมันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
อ๋อครับ แล้วแต่สภาวะนะตอนนั้น ๆ ใช่มั้ยครับ

walai says:
ค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
เพราะเมื่อเช้าผมว่า ตอนอยู่เฉย ๆ ลองดูกาย ดูจิตตัวเองอยู่ แล้ว พอเปิดทีวีปึ๊บ
แล้วจิตมันส่งออกนอก รับฟังข่าวสารแล้วมันรู้สึกเหมือนหนัก ๆ และก้อวุ่นวายครับ
แล้วยิ่งๆ ได้ยินข่าวสารที่มัน ค่อยจะดีด้วย
อย่างเมื่อเช้าครับ ข่าวที่ผู้หญิงโดนช้างเหยียบ

walai says:
ค่ะ ความคิดค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ

walai says:
ทำต่อไปค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ความคิดเกิดขึ้นและเปลี่ยนไปเรื่อยๆได้ตลอดเวลา

หัศจรรย์แห่งจิต says:

ครับ ว่าแต่ความคิดจะมีหมดมั้ยครับ

walai says:

แล้วแต่กำลังของสติ ว่าทันต่อการปรุงแต่งของจิตไหม
ถ้าทันมันก็จบ ถ้าไม่ทัน มันก้คิดไปเรื่อยๆ เรื่องโน้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง

มหัศจรรย์แห่งจิต says:

คือถ้าสติดี มันก้อดับเร็ว แล้วก้อเกิดขึ้นมาใหม่

แล้วก้อดับอีก ถ้าหากว่าสติยังดีอยู่

walai says:

ความคิดเก่าดับ ความคิดใหม่เกิดต่อ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:

แต่ว่าเป็นเรื่องเดียวกันด้วยใช่มั้ยครับ เหมือนกับบัญญัติที่เค้าเรียกว่า

walai says:

เรื่องใหม่ค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:

สักกายทิฏธิ มั้ยครับ ถ้าผมจำผิด ผมว่าผมเคยได้ยินมาแบบนี้

walai says:

อีกละ พ่อเจ้าปะคุ๊นนน อย่างคุณน่ะ เขาเรียก เจ้าพ่อวิจิกิจฉา
หมดเรื่องนี้ไปเรื่องอื่นต่อ กระโจนไปเรื่อยๆ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:

ครับ ตอนนี้คงจะใช่ครับ อีกหน่อยคงจะน้อยลงครับ ถ้าหากตัวรู้เกิดขึ้นมาแล้ว

walai says:

จ้าาา โมทนาจ้าาา

มหัศจรรย์แห่งจิต says:

ครับ สาธุครับ

walai says:

คุณพี่น้ำจะได้ไม่ต้องคอยตอบ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:

ต้องขออธิฐานให้เป็นแบบนี้เร็ว ๆครับ

walai says:

อยู่ที่เหตุที่ทำมา ตอนนี้คุณกำลังสร้างเหตุใหม่ คือการเจริญสติ
ผลย่อมดีอย่างแน่นนอน ถึงบอกไง ไม่ต้องไปหวังหรือไปคาดหวังผล
เพราะยังไงผลย่อมดี ที่ไม่ดีคือของเก่า ชดใช้เขาไป

มหัศจรรย์แห่งจิต says:

อ๋อครับ เมื่อไหร่กรรมมันส่งผล เมื่อนั้นก้อจะเกิดตัวรู้เองครับ

walai says:

เห็นไหม ใช่ว่าทุกสิ่งที่จะมีแต่ด้านเสียไปทั้งหมด
เพียงแต่ว่าเรายังมองไม่เห็น เลยคิดไปในด้านร้าย จริงๆแล้ว ดีหรือร้าย มันคู่กัน
แต่เราไปมองด้านเดียว ให้ค่าตามความคิดของเราเอง พี่ถึงบอกไง อย่าไปให้ค่าใดๆเลย

มหัศจรรย์แห่งจิต says:

โดยธรรมชาติแล้ว จะมองด้านลบซะเป็นส่วนใหญ่นะครับ

กิเลสมาร ด้านนี้มันแรงกว่า

walai says:

เป็นไปตามเหตุที่ทำมาค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 16 มิ.ย. 2010, 03:33, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสต์ เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 23:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


29 พค.

สุขที่แท้จริง says:

วันนี้ทำหรือยังคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
ทำแล้วครับ วันนี้ลองเปลี่ยนมาเดินจงกรมแบบเป็นระยะนะครับ ตอนแรก ๆ
ก้อเดินไม่ค่อยจะเป็นท่าซักเท่าไหร่ มันไม่คุ้นเคยกับที่เคยทำอยู่ทุกวัน

แต่พอทำได้ซักระยะนึง สติเริ่มจะดี ก้อเลยจำสภาวะได้หน่อยนึง
คงต้องทำอีกหลาย ๆ วันหน่อย จะได้ชิน วันนี้ตอนเดินๆ อยู่แล้วตอนแรกหลับตาด้วย
ยังจับจังหวะไม่ได้ดีเลยเจอแจ๊คพอต เดินชนประตูเอา แต่ว่าลองทำแบบนี้แล้ว
พอจะรู้ได้บ้างตอนนี้สติเป็นอย่างไรบ้าง

สุขที่แท้จริง says:

ดีไม่ตกตึกค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อ๋อ ประตูมันปิดอยู่นะครับ เลยไม่เป็นไรมาก พอดีสติมันยังไวหน่อย

สุขที่แท้จริง says:

นั่งล่ะคะ เป็นไงมั่ง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

วันนี้นั่ง ๆ แล้วช่วงแรก ๆ รู้กายดีครับ เห็นพองยุบได้ชัดมาก ๆ
เห็นได้ตลอดนะครับ น่าจะประมาณ 30 กว่านาทีได้
แต่ว่าพอช่วงหลังๆ มามันเกิดความคิดเข้ามาแทรก
ไม่แน่ใจว่าเข้ายุ่งไปกับตัวความคิดมันหรือป่าว

พอหลงเข้าคิดแป๊บนึง ที่นี้เลยนั่งสับปะหงกเลยครับ
ลองทำแบบนี้อยู่ 3-4 ครั้ง ได้ผลลัพธ์คล้าย ๆ กันเลย
ก้อเลยไม่แน่ใจว่าพอเข้าไปยุ่งกับตัวความคิดแล้ว

สติมันเลยไม่น้อยกว่าสมาธิอย่างที่คุณน้ำเคยบอก มาบ่อย ๆ หรือป่าว
เลยทำให้เกิดอาการอย่างว่า

แต่ตอนที่นั่ง ๆ อยู่ สงสัยสมาธิจะดีนะไม่รู้ สึกถึงเวทนาที่เท้าเลย
แต่ว่าหลังจากออกจากสมาธิแป๊บเดียว รู้สึกว่าเมื่อยเท้า เหมือนกับเหน็บกินเอา
และอีกอย่างนึงลืมบอกเรื่องเดินนะครับ ตอนที่เปลี่ยนมาเดินแบบ 6 ระยะ หน่ะ
ไม่รู้ว่าทำไมมันเกิดเวทนาที่เท้าได้ง่ายจัง

พอเริ่ม ๆ เดินได้ซัก 5นาที เกิดอาการเจ็บปิ๊ด ๆ ที่เท้าด้านขวาครับ
ค่อย ๆ แสดงอาการเจ็บเพิ่มขั้นเรื่อย ๆ จนทำให้แทบจะไม่อยากจะเดินต่อ

แต่ว่าพอดีพอนึกออกมาว่า ทุกอย่างมันเกิดขึ้น แล้ว เดี๋ยวมันก้อดับแล้ว
ซึ่งมันก้อจริงนะครับ แต่ว่าต้องรอเวลานิดนึง ต้องทนรับสภาพกับเวทนาที่เกิดขึ้นพลาง ๆ ก่อน

ว่าแต่การจะเปลี่ยนสมาธิจาก ขณิกะ เป็น อุปจาระได้นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรครับ

สุขที่แท้จริง says:

มีหลายเหตุค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ผู้ปฏิบัติจะทราบเองได้อย่างไรครับ

สุขที่แท้จริง says:

ทราบเองค่ะ ทำไปจะรู้เอง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แต่ว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องของระยะเวลา

สุขที่แท้จริง says:

เหมือนที่คุณบอกว่า มีสมาธิน่ะแหละ คุณรู้ได้ไงล่ะคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ในการนั่งทำสมาธิในแต่ละครั้งใช่มั้ยครับ แบบนั้นเลยเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ขั้นอุปจาระ แตกต่างจากขณิกะตรงไหนครับ ลองไกด์เป็นแนวทางให้หน่อยสิ

สุขที่แท้จริง says:

สั้น กลาง ยาว ขณิกะ สมาธิสั้นๆ อุปจาร สมาธิยาวขึ้นมาหน่อย อัปปนา นานมากขึ้น รู้แค่นี้พอ


LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แต่ว่ายังรุ้สึกกาย อยู่ใช่มั้ย เพราะเท่าที่ผมทราบมา
ถ้าอัปปนาแล้ว ไม่สึกกายเลย

สุขที่แท้จริง says:

จะเชื่อใครล่ะ บอกแล้วไง คนทำได้แค่ไหนก็พูดได้แค่นั้น
บางคนก็ท่องจำมาพูด แต่ทำไม่ได้ มีแยะไป อธิบายสภาวะไม่ได้

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แต่ว่าคนที่เค้ามาบอกเค้าก้อปฏิบัติได้เหมือนกันนะครับ แล้วอย่างคนเห็นเทวดา

สุขที่แท้จริง says
อีกละ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เค้าจะเข้าสมาธิได้ขั้นไหนครับ ก้อสงสัยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:

นั่นสินะ ทำไมชอบสิ่งจิตออกนอก ซัดส่ายตลอดเวลา
วิ่งหาแต่กิเลส วิ่งหาแต่คำตอบ มีแต่คำถาม ฟังทางโน้ที ทางนี้ที แล้ววิ่งต่อ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

คุณน้ำต้องได้ลองไปฟังคำบรรยาย


สุขที่แท้จริง says:

ไปทำไมคะ นั่นคือเรื่องของเขา ทำไมต้องไปวิเคราะห์ ต้องไปยุ่งเรื่องของเขา
จะจริงหรือไม่จริง นั่นก็เรื่องของเขา

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อ๋อ ครับ เดี๋ยวเค้ามีบรรยายธรรมอีกทีประมาณเดือน กรกฎาคม นะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่สนใจค่ะ ไม่สนใจจริงๆ เรื่องชาวบ้าน ชอบดูกายดูจิตตัวเองมากกว่า ชาวบ้านมาช่วยอะไรเราไม่ได้

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
ก้อเค่แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่สนใจค่ะ รู้จักเหตุไหม

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เหตุอะไรเอ่ย

สุขที่แท้จริง says:

ต่อให้คุณพูดจนปากฉีก หรือพูดไปจนตาย ถ้าคนๆนั้นเขาไม่ได้สร้างเหตุมากับคุณ

ยังไง เขาก็ไม่มีวันเชื่อคุณหรอก ไปอ่านในพระไตรปิฎกดูก็ได้
ขนาดพระพุทธเจ้าแท้ๆ ยังมีคนไม่เชื่อและไม่ฟังในสิ่งที่พระองค์สอนหรือพูดเลย ฉะนั้น อย่าไปยึดติด

เมื่อมีคนเขาบอกว่าเขาไม่สนใจ เมื่อเขาบอกว่าไม่สนใจ ก็จบแค่นั้น
ไม่งั้น คนเหล่านั้นเขาจะหนีคุณไปหมด


LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้นซะเยอะเลยครับ


สุขที่แท้จริง says:

เพราะคุณกำลังยัดเยียดให้เขาฟัง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ ใช่ ๆ ครับ เรื่องแบบนี้ก้อต้องเกิดจากความศรัทธา และก้อได้เห็นของจริงมาก่อนครับ

สุขที่แท้จริง says:

เปล่าเลย เข้าใจผิด เกิดจากเหตุที่ทำมาร่วมกันต่างหากอันดับแรกน่ะ


LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ตอนในอดีตนะเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:

ทั้งอดีตและปัจจุบัน

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อย่างที่บอกผมมาเมื่อกี้นะครับ ว่าเวลามีคนเขาบอกว่าเขาไม่สนใจ
เมื่อเขาบอกว่าไม่สนใจ ก็จบแค่นั้น อันนี้คือเหตุที่เกิดมาทั้งในอดีตด้วยเหมือนกันใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

เพราะเขาไม่ได้สร้างเหตุมาร่วมกับคุณ และกับบุคคลที่คุณนำมากล่าวถึง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:
แสดงว่า ไม่มีโอกาสที่จะทำให้เป็นหตุที่เกิดในปัจจุบันที่ส่งผลถึงอนาคตได้ใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

เหตุปัจจุบัน เป็นผลในอนาคต แค่วินาทีถัดไปก็เป็นอนาคตแล้ว

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ แต่ว่าจะสร้างเหตุ แล้วเกิดผลตอนไหนนั้น มันก้อต้องขึ้นอยู่กับวาระของกรรมด้วยใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไปตั้งกระทู้ถามดีไหมคะ รับรองจะได้รู้หลายๆมุม

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ว่าแต่ส่วนใหญ่ที่ได้นั้นเป็นของนักปฏิบัติ หรือว่า นักปริยัติ หล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไปหาคำตอบด้วยตัวเองดีกว่ามังคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ ต้องสร้างเหตุ และหาผลเอาเองนะครับ
ผมถามเรื่องที่ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในวัฏสงสารนี้เป็นคู่ นั้นเป็นอย่างไรครับ ผมไม่เข้าใจครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไปตั้งกระทู้ถามเองค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 17 มิ.ย. 2010, 03:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


16 มิย.

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
อนุโมทนาด้วยนะครับ
จิตเห็นจิต พอได้อ่านแล้ว เกิดนึกคำนี้ออกมาครับ

walai says:
แล้วแต่จะให้ค่าค่ะ ความหมายมันกว้าง จิตเห้นจิตน่ะ แล้วแต่จะตีความค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ ใช่ครับ บัญญัติ ยังไง ก้อเป็นบัญญัตฺอยู่ดีครับ อยู่ทีว่าบัญญัติแล้วจะสื่่อความหมายว่าอย่างไร
เวลาเอามาคุยกับคนอื่น ๆ เพื่อที่จะได้เข้าใจ หรือสื่อความหมายกันให้ได้ตามที่ต้องการครับ
การเจริญสติ นี่ดีจริง ๆ นะครับ

walai says:
มันแน่อยู่แล้วค่ะ อะไรจะมาดีเกินการเจริญสติไปได้ แล้วก็แล้วแต่เหตุของแต่ละคนทำมาด้วย

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
อย่างที่ผมเห็นได้ชัดตอนนี้ ถึงเมื่อจะนิดหน่อย แต่ก้อพอจะบอกได้ครับ
อย่างเช่นเรื่องของการปฏิบัตินี่แหล่ะครับ อย่างเรื่องของการกำหนดระยะเวลาปฏิบัติหน่ะครับ

อย่างเช่นคิดว่า ระยะเวลาเท่านี้นะ โดยที่ไม่ได้ตั้งนาฬิกาอะไรซักอย่าง
เวลาคิดว่าต้องทำตอนนี้ ถึงตอนนี้นะ พอถึงเวลาแล้ว มันก้อเป็นตามนั้นจริง ๆ ครับ
มันก้ออัศจรรย์อีกแบบนะครับ

walai says:
อันนี้เรื่องจริงค่ะ ไม่ต้องตั้งเวลา แต่สามารถกำหนดได้

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ ใช่ครับ ผมสังเกตุได้หลาย ๆ ครั้งแล้วครับ ทุกอย่างได้อย่างที่คิดเอาไว้เลยครับ
ไม่ใช่คิดสิ ต้องบอกว่าที่ต้องการครับ แต่ก้ออย่ายึดกับมันครับ ปล่อยมัน แค่รู้ก้อพอ

walai says:
ถูกกก แหมม วันนี้พูดโดนใจ ทำให้ได้แบบนี้ตลอดไปนะคะ
เพราะมันมีแค่นี้เองจริงๆ ไม่มีวิธีการพิเศษใดๆเลย
แค่มีสติ สัมปชัญญะรู้อยู่กับสิ่งที่มากระทบ ไม่ไปให้ค่าใดๆทั้งสิ้น
ใหม่ๆอาจจะยาก เจริญสติ ทำให้ต่อเนื่อง จะทำได้เอง

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ ขอแค่เราได้เห็น ได้รู้จริง เท่านั้นก้อพอแล้ว
ในบล็อกพี่ต้อง Hilight ตรงคำว่า พยัพแดดเกิด ด้วยนะครับ จะได้เห็นกันชัด ๆ

walai says:
ทำไงหรือคะ แหมๆๆๆๆ กลัวคนอ่านไม่เห้นหรือคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ ใช่ครับ

walai says:
ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ คำว่า พยัพแดด หลายๆคนต้องเดาว่าเป็นยังไง

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
เพราะว่าคำ ๆ นี้ไม่ค่อยจะคุ้นหูครับ ผมอ่านครั้งแรกยังงงเลยครับ

walai says:
แล้วเกิดเขาไปจ้องแสงแดดกัน เพื่อหาตัวนี้ แล้วถ้าสายตาเขาเสีย พี่ย้ำก็แย่สิคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ใช่ครับ

walai says:
คุณนี่แน่ๆเลย ต้องไปจ้องดูใช่ป่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ทำคุณ แต่ กลับ ไปทำร้ายคนอื่น ๆ เค้าแทนหรือครับ

walai says:
คุณมองที่ถนน เวลาแดดจัดๆน่ะ คือพี่ขับมอไซค์ประจำ เลยเจอสภาวะนี้บ่อย
แต่คนอื่นๆเขากลับบอกว่า เขามองไม่เห็นกัน อธิบายยากมากนะ แบบอธิบายให้เห็นภาพได้น่ะยาก

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
อ๋อ ๆ ครับ ตอนที่แสงแดดมันกระทบกับพื้นนะเหรอะครับ

walai says:
ใช่ค่ะ มันจะเป็นเงาสะท้อนขึ้นมา ใสๆ ไม่มีรูปร่าง

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
มันใส ขาว และก้อเวลามองเต็ม ๆ แล้วมันแสบตาหมดเลยใช่มั้ยครับ

walai says:
ใสๆ ไม่มีสี

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
คล้าย ๆ กับโฆษณาของผงซักฟอกเจ้านึงเลยนะครับ "โอโม่" หน่ะครับ

walai says:
งั้นพี่ไม่ไลท์น่ะ กลัวคนไปจ้องแสงแดดกัน พี่ว่ามีแน่นอน

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
แน่ใจว่าพี่เคยเห็นมาก่อนหรือป่าว

walai says:
เคยเห็นสิคะ แต่มันไม่เหมือนหรอก

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
พี่ก้อ มีคำเตือน กำกับด้วยสิครับ

walai says:
แล้วแต่เหตุดีกว่าค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ก้อแล้วแต่ครับพี่ ถ้าพี่เห็นว่ามันได้มากกว่าเสีย พี่ก้อตัดสินใจเอาเองครับ
ผมแค่แนะนำครับ มุมมองสำหรับผู้อ่านครับ

walai says:
ไม่มีทั้งได้และเสียค่ะ แต่ไม่อยากไปสร้างเหตุให้เกิดขึ้นโดยไม่ได้เจตนา

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ถ้างั้นแบบนี้ก้อโอเคแล้วครับ ว่าแต่พี่ ตรงนี้หน่ะครับ
เวลาเจอการกระทบ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ถ้าเจอร้ายนี่ ส่วนมากจะทนไม่ค่อยได้
ถ้าสติยังมีกำลังมากพอ จะชอบตอบโต้

ให้ท่องเอาไว้ ถ้าทนไหว นั่นคือตัวเราในอดีต เราสร้างเหตุเอาไว้ ชดใช้เขา อดทนเอาไว้
โดนแค่นี้ไม่ตายหรอก ภพชาติ การเกิดน่ากลัวกว่า อันนี้คือเหตุที่เราทำมาในอดีตเหรอครับ

walai says:
ใช่ค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
เจ้าหนี้เค้ามาทวงคืนเหรอ

walai says:
เหตุที่เกิดในชีวิตของคุณทั้งหมด ที่เรียกว่าสภาวะน่ะค่ะ ล้วนเกิดจากคุณทำไว้ทั้งสิ้น
เราโดนทวงกันมานานแล้ว เพียงแต่เมื่อก่อนยังไม่รู้ ถึงได้ตอบโต้ เพราะคิดว่าตัวเองไม่ผิด
แล้วจะยอมทำไม นั่นเป็นเหตุที่เราทำอีก ทำไปด้วยความไม่รู้ ทุกๆวินาทีที่ผ่านไป ล้วนเป้นอดีตไปแล้ว

คุณเดินหน้าไปก้าว นั่นคือ เหตุปัจจุบันกำลังจะเป้นอดีต คุณรู้อยู่ในการกระทำขณะนั้นๆ นั่นคือ ปัจจุบัน
ราจึงต้องมาเจริญสติเพราะเหตุนี้ จะได้ทันปัจจุบัน ทันต่อการกระทบที่เกิดขึ้น
ก่อนที่จิตจะเกิดอุปทานแล้วปรุงแต่งต่อไปตามกิเลสมากน้อยที่มีอยู่

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ ถ้ากำลังของสติเยอะ ก้อสามารถปิดกั้นทางของอุปทานได้นะครับ
ครับ ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดี ๆแบบนี้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 18 มิ.ย. 2010, 21:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


หัศจรรย์แห่งจิต says:

คิดเท่าไร เท่าไร ก็ ต่อเมื่อหยุดคิดจึงรู้
แต่ต้องอาศัยความคิดนั่นแหล่ะ ..... จึงรู้.... จริงมั้ยครับ

walai says:
ชอบให้ค่าอยู่เรื่อย ฟังอะไรถูกใจก็จับมา ถามหน่อย รู้ ความหมายหรือป่ะคะว่าหมายถึงอะไร

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ที่ผมเข้าใจนะครับ ก้อคือว่า คิด ๆๆๆๆ แล้ว คิดยังไงก้อ ไม่ได้คำตอบ
แต่เมื่อไม่สนใจนะคิด แล้วกลับเป็นว่าได้คำตอบ ออกมา
ซึ่งถ้า ไม่ได้เริ่มคิดมาก่อน ก้อจะ ไม่ได้คำตอบเหมือนกัน

walai says:
ก็เหมือนเรื่องพระกับมารน่ะแหละ แล้วแต่จะให้ค่า ตามที่ตัวเองรู้

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ อันนี้ผมคิดเองนะครับ ไม่รู้ว่าจะถูกต้องหรือป่าว

walai says:
ทำไปค่ะ แล้วคุณจะรู้จักตัวรู้ ไม่ต้องคิดอะไรเลยก็รู้

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ลองอ่านดูนะครับ รู้ว่ารู้ คือ รู้ รู้ว่าไม่รู้ คือ รู้

walai says:
บัญญัติทั้งนั้นแหละค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ ใช่ครับ

walai says:
ถึงบอกไง ไม่มีถูกหรือผิด

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ก้อเป็นบัญญัตินะครับ แต่ว่าสื่อความหมายออกมาแล้วเข้าใจตรงกันหรือป่าวครับ

walai says:
จะให้ค่ายังไงก็ได้ เพราะคือการตีความตามรู้ของแต่ละคน

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับใช่ครับ มันเลยเป็นเรื่องที่ ง่ายนะครับ
ที่จะใช้บัญญัติเป็นตัวสื่อสาร ให้คนเข้าใจได้ตรงกัน เห็นตรงกัน

walai says:
เราให้ค่ากัน เพราะต้องการอวดรู้ก็มี ต้องการฝึกรู้ก็มี ทั้งนี้ทั้งนั้น คือ กิเลสค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ อันนี้คือ อวิชชา สิครับ ตัวนี้ สำคัญที่สุด

walai says:
ใช่ค่ะ ตัวๆไหนก็สำคัญค่ะ เพราะมันคือกิเลส

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ วิชานี้ยากนะครับ แค่คำว่า รู้ คำเดียวว่าเมื่อไหร่จะเข้าใจ

walai says:
ทำไปค่ะ ให้มีสติ ให้จิตรู้อยุ่ในกายได้มากเท่าไหร่ นั่นคือทางที่ถูกต้องค่ะ
อย่าให้ค่าใดๆต่อสิ่งที่มากระทบ เพราะนั่นคือกิเลสปลอม กิเลสชาวบ้าน

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
วันนี้ผม อ่านเจอข้อความครับ ผมว่าคำสอนของท่านก้อคล้าย ๆ ของพี่นะครับ หมายถึง หลัก ๆ นะครับ

walai says:
อีกละ อย่าเอาไปเปรียบเทียบอะไรกันเลยค่ะ ไม่มีประโยชน์

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ป่าวๆ พี่ เข้าใจครับ ดี่ยวพี่ลองอ่านดูก่อนนะครับ ได้ต้องการเอามาเปรียบเทียบครับ
แค่เอามาให้พี่ช่วย พิจารณาหน่อยว่าเห็นตรงกันมั้ย

walai says:
ทำแล้วมีสติ สัมปชัญญะ กิเลสเบาบางลง และที่สำคัญคือ รู้จักกิเลส
รู้จักสภาวะว่า สภาวะที่แท้จริงแล้วคืออะไร นั่นคือถูกทางแล้วค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ มีสติรู้กายรู้ใจลงเป็นปัจจุบัน อย่าให้เกินนี้ออก

หลวงพ่อเคยศึกษากับท่านอาจารย์มหาบัว ท่านเคยสอนหลวงพ่อ การปฏิบัติมีนิดเดียว “มีสติรู้กายรู้ใจลงเป็นปัจจุบัน” ประโยคสั้นนิดเดียวนะ บางองค์สั้นกว่านี้อีกนะ มีหลวงปู่ทา ตอนนี้ยังอยู่ อยู่ถ้ำซับมืด “มีสติรักษาจิต” สั้นนิดเดียว หลวงปู่ดุลย์ก็สั้นนะ “ดูจิต” สั้นนิด
จริงๆ ธรรมะ ไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่ว่าหลักของการปฏิบัตินี่สั้นนิดเดียว ถ้ายังดูจิต ไม่ได้ก็ดูกาย อย่าให้เกินกายออกไป เพราะฉะนั้น อย่างอาจารย์มหาบัวท่านสอนนะ ท่านตีกรอบเลย อย่าให้เกินกายออกไป รู้กายรู้ใจลงเป็นปัจจุบัน ลงเป็นปัจจุบันด้วยนะ ไม่ใช่กายกับใจเมื่ออดีตเมื่ออนาคตนะ รู้ลงปัจจุบัน เพราะปัจจุบันเป็นของจริง อดีตอนาคตมัน ไม่ใช่ของจริงแล้ว ให้รู้ลงกายรู้ใจลงเป็นปัจจุบัน อย่าให้เกินนี้ออกไป ถ้าเกินนีไป
ออก ก็ ไม่ใช่วิปัสสนา อย่างจะ ไปรู้ความว่าง ไปรู้สุญญตา รู้อะไรอย่างนี้ พระพุทธเจ้า ไม่ได้สอนไว้ ท่านสอนให้รู้กาย รู้เวทนา รู้จิต รู้ธรรม ก็คือเรื่องของกายกับใจล้วนๆ นั่นเอง
อันนี้ตรงตามที่พี่บอก เป๊ะ ๆ เลยนะครับ

walai says:
ตรงหรือไม่ตรง แล้วเป็นไงหรือคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ก้อเห็นแนวทางครับ วิถีทางนำ ไปสู่ความพ้นทุกข์

walai says:
ทำไปค่ะ ทุกๆอย่างคือการให้ค่า

มหัศจรรย์แห่งจิต says:
ครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 00:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น

walai หมู เห็นยังพยัพพแดด

ถึงไม่ใช่งูพิษ ยังค่ะ แต่แสบตา และเกือบเดินตกขอบฟุตบาท
จริงๆพี่น้ำน่าจะเขียนไว้ เหมือนที่ศิษย์น้องแนะนำนะคะ
โปรดใช้วิจารณญานในการมองพยับแดด

walai ใครจะไปรู้ ว่าจะมีคนแบบนั้นจริงๆล่ะ อยู่ตรงเนี๊ย

มหัศจรรย์แห่งจิต ผมก้อย้ำนัก ย้ำหนาแล้วนะครับ วันนั้น
บอกว่าให้เน้นสีสัน และก้อคำเตือนด้วย ว่าแต่วันนี้ไม่เห็น แล้ววันต่อ ๆ ไปจะไปลองอีกหรือป่าวครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ ก็ถ้ามีโอกาสนะคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต คงงงเหมือนกันหล่ะสิครับ คำศัพท์อะไรก้อไม่รู้อ่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ ไม่งงค่ะเพราะอ่านเจอบ่อย แต่ยังไม่เคยเห็นของจริง

มหัศจรรย์แห่งจิต อ๋อ ๆ ผมก้อเพิ่งจะได้ยินเป็นคำศัพท์ครั้งนี้แหล่ะครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ เจริญสติแล้วเป็นไงคะ ขอสัมภาษณ์

มหัศจรรย์แห่งจิต ยังสรุปไม่ได้เลย ก้อทำไปเรื่อย ๆ ครับ

walai อย่ารวมหัวกันสงสัยมากนักล่ะ ทำให้มาก

มหัศจรรย์แห่งจิต ครับ ชอบอยู่คำนึงครับ คำนี้ครับ "ทำไปค่ะ"

walai ก็มันจริงนี่นา

มหัศจรรย์แห่งจิต ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ ผมบอกว่าผม ประทับใจครับ ตรงตามธรรมเป๊ะ ๆ ครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ พวกเรามีโอกาสดีนะคะ หลายคนที่ไม่มีพี่เลี้ยง

walai โฮะๆๆๆ แจกขนมถ้วยฟูให้พี่หรือคะ ไม่ได้ผลหรอกค่ะขอบอก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แล้วตกลง ได้วิ่งจงกรมไหมคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต ช่วงแรก ๆ ผมทำนะครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แล้วเป็นไงคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต เวลาที่กำหนดนะ มาที่มันเหมือนกับว่าเวลาเรากำหนดแล้ว
มันจะต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เหมือนกับเพลินๆ คล้าย ๆ กับว่ามันมีสมาธิกับกิจกรรมนะตอนขณะนั้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ ก็อนุโมทนานะคะ ที่มาปฎิบัติธรรม

มหัศจรรย์แห่งจิต ครับ สาธุครับ แต่ก่อนก้อไม่ได้สนใจหรอกครับ
พอดีไปบวชแล้ว ได้เจอสิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อน ก้อเลยมาสนใจครับ ก้อมันเป็นจุดเปลี่ยนนะครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ เจออะไรหรือคะ ชักอยากรู้

มหัศจรรย์แห่งจิต ก้ออย่างที่พี่น้ำเค้าเจอมาบ่อย ๆ นั่่นแหล่ะครับ
แล้วช่วงนี้ปฏิบัติเป็นยังไงบ้างหล่ะครับ ศิษย์พี่

ถึงไม่ใช่งูพิษ ก็สอบตกบ่อยค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต เห็นเมื่อ 2-3 วันอาจารย์เค้าจะปรับตกชั้นเหรอครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ โอ้ยช้าไปแล้วคุณ ตกไปแล้ว

มหัศจรรย์แห่งจิต ทำไมเหรอครับ สงสัยอาจารย์น้ำ คงจะเคี่ยวน่าดูเลยนะครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ อืมคือเราปรับตัวเองตกน่ะค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต อ๋อ ๆ ครับ แบบนี้เรียกว่า ตัวรู้เกิด หรือป่าวครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ หมูนี่แหละค่ะ ไม่มีตัวหรอก

มหัศจรรย์แห่งจิต อ๋อ ๆ ปฏิบัติมานานแล้วเหรอครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ ประมาณยังไม่ถึงปีค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต อ๋อ ครับ ผมเพิ่งประมาณ 1 เดือนเองนะ

มหัศจรรย์แห่งจิต เห็นพี่น้ำบอกว่า แต่ก่อนเป็นศรัทธาหลวงพ่อปราโมทย์มาก ๆ เลย ใช่มั้ยครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ ใช่ค่ะ ก็ฟังทุกวัน

มหัศจรรย์แห่งจิต แล้วเดี๋ยวนี้ยังฟังอยู่หรือป่าวครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ ไม่ค่ะ เพราะมีช่วงที่ฟังแล้วฟุ้ง
เอามาเทียบกะการปฎิบติค่ะเลยเลิกฟังนานแล้วตั้งแต่ตอนที่เริ่ม เดินจงกรมนั่งสมาธิ

มหัศจรรย์แห่งจิต อืม ครับ ฟังแล้วไม่ปฏิบัติ ก้อเท่านั้นนะครับ ต้องปฏิบัติเท่านั้น ถึงจะรู้

ถึงไม่ใช่งูพิษ หมูเป็นพวกชอบฟุ้งซ่านน่ะค่ะ ฟังอะไรนานๆมากไม่ได้

มหัศจรรย์แห่งจิต เป็นคนคิดมากเหรอครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ คิดไม่หยุดน่ะค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต แล้วพอมาเจออาจารย์น้ำแล้ว ความคิดหายไปบ้างหรือป่าวครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ ก็ยังไม่เคยหยุดคิด เพราะเคยถาม พี่น้ำบอกว่า ตายสิ จะได้หยุดคิด

มหัศจรรย์แห่งจิต คิด เพื่อ พิจารณา หรือว่า คิด ๆๆๆ อย่างเดียว

ถึงไม่ใช่งูพิษ หมูเป็นพวกพิจารณาไม่เป็นค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต คิด กับ พิจารณา ต่างกันมั้ยครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ ตอบไม่ได้หรอกค่ะ

walai ตอบได้ค่ะ ส่วนที่เขาคิด นั่นคือ สิทธิที่เขาคิดได้ ไม่จำเป็นต้องเหมือนๆกัน
ถือว่าแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ คืองั้นตอบตามควาเมห็นหมูนะคะ ถือว่าแลกเปลี่ยน

มหัศจรรย์แห่งจิต ครับ ตามสบายครับ ความคิดไม่มีถูก หรือ ผิดครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ พิจารณา มี 2 แบบ พิจารณาแบบใชความคดิ
เช่น เอาสิ่งที่เคยรู้เคยฟังเคยอ่านมาคิด

walai พิจรณามี 2 แบบค่ะ แบบเขา กับแบบเรา

ถึงไม่ใช่งูพิษ น่าน กะอีกอย่างคือ พิจารณาด้วยจิต
คือไม่มีความคิด ที่เป็นแบบความจำเก่ามาทวน แต่เป็นการดูลงไป
เช่นเวลาโกรธแล้วเรารู้ลงไป ไปหลายๆชั้นจนมันปิ้งขึ้นมา ว่าทำไมถึงมีตัวอารมณืนี้

มหัศจรรย์แห่งจิต อืมครับ แล้วการพิจารณาทั้งสองแบบนี้ มีสติหรือป่าวครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ มีค่ะ แบบแรกก็สติปกติเหมือนเวลาเราคุยกัน
แบบ 2 คือมันไม่รู้จะบอกว่ายังไงแต่จะต้องมีทั้งสติกะสมาธิที่เหนือกว่าอะค่ะ
แบบแรกลงเหวได้คือเรื่อยเปื่อย แบบสองจะแวบสั้นๆ

มหัศจรรย์แห่งจิต อืมครับ ผมถามหน่อยสิครับ ว่าเวลาที่เป็นสมาธิ จะเป็นสภาวะแบบไหน

ถึงไม่ใช่งูพิษ ก็สำหรับหมูแค่มันอยู่กะกายได้ต่อเนื่อง ว่ากายนั่งอยู่
รู้ว่ามีความคิด ไม่หลงลืมตัว หมูก็ถือว่ามาสมาธิแล้วค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต สำหรับผมนะครับ ผมเข้าใจว่า สมาธิคือ การที่เราตั้งมั่นอยู่กับสิ่งใด้สิ่งหนึ่ง

ถึงไม่ใช่งูพิษ ก็ถ้ารู้กายได้ต่อเนื่อง ก็ตั้งมั่นน่ะค่ะ เพราะถ้าไม่ตั้งมั่นก็จะไม่รู้กายได้ค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต รู้กายได้ทั่ว หรือว่า แค่บางส่วนครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ บางครั้งก็จับเป็นบางส่วนค่ะ บางครั้งก็ในภาพรวมค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต แล้วเท่าที่ทำมาสำหรับศิษย์พี่แล้ว คิดว่าแบบไหนเหมาะกับจริตของตัวเองครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ มีชอส์ให้เลือกไหมคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต ก้อเอาแค่ 2 แบบที่บอกมาก้อพอครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ เอ๋ 2 แบบ อ่อไอ้บางส่วนกะภาพรวมน่ะหรือคะ ถ้าใช่ ก็จะตอบว่า
เราไม่ได้เลือกค่ะมันเป็นของมันเอง เลือกได้ก็ดีสินะคะ จะเลือกให้รู้ตลอดเวลาเลย แล้วศิษย์น้องละคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต แล้วปกติทำช่วงไหนครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ เวลานั่งเป็นไงบ้าง

มหัศจรรย์แห่งจิต แล้วแต่วันนะครับ บางวันก้อดี บางวันก้อไม่ดี

ถึงไม่ใช่งูพิษ ดีแบบไหนคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต บางวันสติ สมาธิดี บางวันแย่มากๆ
ที่ดีคือ วันนั้นเวลาเดินเสร็จแล้ว มานั่งต่อแล้วจะรู้สึกตัวได้ตลอดเวลา นั่งแล้วบางที่ก้อเพลินนะครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ โอ้โห สมาธิดี รู้หนอๆๆๆ อิจฉาหนอๆ

มหัศจรรย์แห่งจิต อย่าเลยดีกว่าครับ ของมันไม่เที่ยง อย่างที่บอกแหล่ะ บางวันดี บางวันแย่มาก ๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ หมูส่วนใหญ่ทำตอนค่ำ แต่ถ้าระหว่างวันมีโอกาสก็ทำค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต ครับดี ครับ ยังยีนยัน คำ ๆ นี้ครับ "ทำไปค่ะ"

walai แหมๆๆๆ

มหัศจรรย์แห่งจิต ว่าแต่ตั้งแต่เริ่มทำมา รู้ตัวหรือป่าวว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

ถึงไม่ใช่งูพิษ ก็รู้ค่ะ รู้ว่าตัวเองไม่ดีน่ะค่ะ แต่ก่อนนึกว่าตัวเองเป็นคนดี

มหัศจรรย์แห่งจิต ของผมนะเท่าที่สังเกตุได้ก้อคือเรื่องของการเดินนะครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ เป็นไงหรือคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต เดี่ยวนี้เวลาเดิน ๆ ไปไหนบางที่รุ้สึกถึงเท้าที่เราเดินอยู่นะครับ
แต่ก่อนจะไม่ค่อยรู้สึกแบบนี้

ถึงไม่ใช่งูพิษ ใช่ค่ะ แต่ก่อนไม่รู้สึกตัว
พองยุบน่ะ ไม่เคยจับได้เลย หลบตลอดกาลเวลานั่ง หงุดหงิดตลอดกาลเวลาเดิน

มหัศจรรย์แห่งจิต เดี่ยวนี้เลยหมู ๆ ตามชื่อ หมู เลยใช่ป่าวครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ ไม่หรอกค่ะ กิเลสน่ากัวโคดๆ
ขอบอกไว้ว่าอยข่าท้าทายมันเด็ดขาด สยอง

มหัศจรรย์แห่งจิต อ๋อ ครับ ตอนนี้เท่าที่รู้ได้ นับกิเลสได้เยอะหรือยังครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ โห นับไม่ทันหรอกค่ะ

มหัศจรรย์แห่งจิต ไม่มี่ทำเป็น list อย่างกับพี่น้ำเหรอครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ หา พี่น้ำทำกิเลสเป็น List หรือคะ

มหัศจรรย์แห่งจิต เจอเมื่่อไหร่ก้อจด หรือไม่ก้อจำเอาไว้ก่อนะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ ไม่ไหวอะค่ะ มันมีตลอด

มหัศจรรย์แห่งจิต ก้ออย่างที่พี่เค้าเอามาโพสต์เอาไว้นั่นแหล่ะครับ แต่ผมว่ามันยังน้อยไปนะ
น่าจะเยอะกว่านี้อีก

ถึงไม่ใช่งูพิษ อ่องั้นมีบันทึกบ้างค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ไม่เยอะเท่า

มหัศจรรย์แห่งจิต ก้อต้องทำ ทำไปเรื่อย ๆ นะครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ ใช่ค่ะ ทำต่อไป...

มหัศจรรย์แห่งจิต แล้วเดี่ยวก้อจะเจอเยอะ ๆ แล้วสุดท้ายพอรู้จนหมดแล้ว ก้อจะไม่มีให้หาอีกแล้วครับ
แต่ว่าจะทำได้ในชาติไหนนั้น อันนี้ก้อต้องแล้วแต่เหตุที่เราทำครับ ขอใช้คำของพี่น้ำหน่อยนะครับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ จบสวยนะคะ

walai จะรีบไปก็ไปสะนะหมู ถ้ายังตอบนะ รับรอง ยันสว่างง

ถึงไม่ใช่งูพิษ เหรอคะ ขอบคุณค่ะที่เตือน

มหัศจรรย์แห่งจิต แหม ๆ

walai แหมมรัยคะ ก็เรื่องจริงนิ

มหัศจรรย์แห่งจิต คำถามผมมีเยอะครับ ก้อหามาได้เรื่อย ๆ ครับ

walai เชื่อค่ะ หามาได้เรื่อยๆ

มหัศจรรย์แห่งจิต อันไหนสงสัย อยากได้ความคิดเห็น ก้อมาคุย ๆ กันครับ
ความคิดเห็นบางอย่าง เราคิดแค่มุมมองเดียว บางที่มันก้อไม่ถูกต้องเสมอไปครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 25 มิ.ย. 2010, 00:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


30 พค. 53

LIFE-FOREVER IN LOVE อุปจาระสมาธิ ยังรู้สึกกายอยู่มั้ยครับ วันนี้นั่ง ๆ แล้วมันนิ่ง ๆ ครับ

สุขที่แท้จริง ไปสนใจเรื่องพวกนี้ทำไมคะ ไม่เห็นจะมีประโยชน์ ไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์อะไรเลย
นิ่งก็ให้รู้ว่านิ่ง ให้กลับมารู้ที่กายว่ากำลังนั่งอยู่

LIFE-FOREVER IN LOVE คือวันนี้รู้สึกว่ามันนิ่งนานมากครับ
แต่ก้อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของร่างกาย
แต่พอง ยุบ วันนี้จับไม่ค่อยได้เลย
ตอนนั่งๆ มันรู้สึกเหมือนอยากจะนอนหลับ
ก้อเลยปล่อย ๆ ให้มันมีความรู้สึกนั้นไป
แต่ว่าก้อรู้ตัวอยู่ตลอดครับ แบบนี้ถือว่าสติ กับ สมาธิ มันเท่ากันหรือป่าวครับ
ตอนนั่ง ๆ แล้วรู้สึกสบาย ๆ แต่วันนี้นั่งน้อยกว่าเดิน

สุขที่แท้จริง แต่ก้อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของร่างกาย .... นั่นแหละรู้ไปตามนั้น
แต่พอง ยุบ วันนี้จับ ไม่ค่อยได้เลย .... รู้กายเคลื่อนไหวก็ใช้ได้แล้วค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE ไม่เข้าไปยุ่งอะไรกับมันเลยครับ ปล่อยให้มันเป็นไปของมันเอง
ตอนเดิน ๆ วันนี้ก้อรู้สึกตัว และ มีสมาธิดีครับ
แต่เห็นสภาวะอารมณ์ได้หลาย ๆ ตัวครับ
แต่จำไม่ได้แล้วครับ เห็นแป๊บเดียวแล้วปล่อยมันไปเลย
ตอนนี้นึกไม่ออกแล้วครับ เกิดขึ้นเฉพาะตอนปฏิบัติ ปล่อยมันไป
แค่รู้ว่ามันมาแล้วก้อปล่อยมันไป สนใจเดินอย่างเดียว
ผมถามหน่อยสิครับ การที่เรากำหนดคำบริกรรม แบบนี้ถือว่าเป็นการเพ่งมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง กำหนดก็ส่วนกำหนด เพ่งก็ส่วนเพ่ง มันคนละเรื่องกันเลยค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE ไม่เกี่ยวกันนะครับ

สุขที่แท้จริง การเพ่งคือ คุณมองนอกตัว
การกำหนดคือกำหนดรู้อยู่ในตัว อะไรไม่เกี่ยวกัน

LIFE-FOREVER IN LOVE อ๋อ ผมหมายถึงว่า การกำหนดคำบริกรรม กับ การเพ่งหน่ะ ไม่เกี่ยวกันใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง ก็เขียนบอกไปแล้วไงคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE คนละอันกัน ก้อเลยอธิบายอีกทีครับ เดี๋ยวจะงง
คือวันนี้ผมเดิน ๆ แบบไม่กำหนดคำบริกรรมอะไรเลยครับ
รู้สึกว่ามันรู้ตัวดี กว่าตอนที่กำหนดอีกครับ
ผมก้อเลยไม่แน่ใจว่าการกำหนด นั้นดีหรือว่าไม่ดี หรือว่าแค่ให้มีสติรู้กัอพอ

สุขที่แท้จริง ทำอันไหนแล้วว่าดี ทำแล้วถนัด ก้ทำอันนั้นไปค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE ครับ ไม่แน่ใจว่าเคยได้ยินมามั้ยครับ ว่าคนที่เป็นมะเร็งหน่ะ
มีผลมาจากการผิดศีลข้อ ปาณา อันนี้มีความคิดเห็นอย่างไรมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง ไม่มีความคิดเห็นค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE ผมก้อฟังหูไว้หูนะครับ แต่ที่เคยได้ยินมา บางคนเค้าเป็นมะเร็ง
แล้วไปปฏิบัติธรรมแล้วหายขาดเลยนะครับ เหมือนกับเป็นการไปแก้กรรม อะไรซักอย่างนึง

สุขที่แท้จริง แล้วแต่จะคิด

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 25 มิ.ย. 2010, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ถาม
คืนนี้ทำแล้ว สติ สมาธิดีครับ เดินก้อรู้กาย รู้เท้าได้ดี มีสติกับการเดินตลอดครับสงสัยว่า
วันนี้สภาวะแวดล้อมมันเปลี่ยนด้วย ที่ทางเดินแถวหน้าห้องเค้าเปิดไฟไม่ครบทุกดวง
ทำให้มันดูมืด ๆ สลัว ๆ เลยทำให้เดินแล้วมันเหมือนจะมืด ๆ หน่อยนึง

ตอนเดิน ๆ ก้อรู้ถึงเวทนาที่เกิดขึ้นแหล่ะครับ บางช่วงมันก้อคัน ๆ ปวด ๆ เป็น ๆ
หาย ๆ เดี๋ยวนี้เวลาเดินแบบให้เป็น ระยะ ๆ สามารถเดินได้ดีกว่าเมื่อก่อน
ไม่ค่อยจะเซแล้วครับ คงจะเป็นเพราะเดินช้าลงด้วยมั้ง

ส่วนการนั่ง ช่วงแรก ๆ ก้อรู้ลมหายใจ หน้าท้องพอง ยุบได้ดี พอช่วงหลัง ๆ มา
ก็จะมีวูบ ๆ บ้าง สัปปะหงกบ้าง ๆ แต่รู้การเคลื่อนไหวของร่างกายได้เกือบตลอด
น่าจะอัตราส่วนประมาณ 60/30-45

ตอบ ลดนั่งลงไปอีกค่ะ จนกว่าจะนั่งโดยไม่มีเคลิ้ม ไม่มีง่วง ไม่มีสัปปะหงก

ถาม
ครับ พรุ่งนี้จะลองซัก 15-30 นาที

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 126 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร