วันเวลาปัจจุบัน 21 ส.ค. 2025, 14:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 106 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 22:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 21:37
โพสต์: 54

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ
ลูกศิษย์ก็น่ารัก อาจารย์ก็น่ารัก

tongue tongue

Kamonchanok ขอมาแนะนำตัวค่ะ

เฉิม ขอแอบมาติดตามอ่านสาระดี ๆ ที่ท่านกรัชกายนำมาลง :b27:

และ ขอมาให้กำลังใจคุณ รินรส :b17:

และ ขอมา :b32: :b32: คิ คิ

คนอะไร ชื่อไบกอน :b32: :b32:

ใครนะช่างตั้งให้ :b32: :b32:

:b9: ย้อเย่นนนนน :b9: เค้าเห็นตะเองดูบ้าจี้ อารมณ์ดี ง่ะ...ใช่ป๊ะ... :b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2010, 08:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณนะคะ คุณ Kamonchanok tongue

:b16: :b16: :b16: :b16: :b16: :b16: :b16: :b16:

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


แก้ไขล่าสุดโดย รินรส เมื่อ 10 เม.ย. 2010, 08:41, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2010, 08:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อาจารย์คะ หนูขอถามค่ะว่า
ถ้าไม่มีความรู้สึกอยากจะถามคำถามแล้ว
ยกเว้นบางคำถามที่เก็บไว้มานานแต่ไม่กล้าถาม และคิดว่าจะถาม
และยังมีกระทู้ของอาจารย์อีกมากมายที่ยังไม่ได้อ่าน
รวมทั้งหนังสือบางเล่มที่ตั้งใจว่าถึงอย่างไรก็จะหาโอกาสอ่าน (โอกาสไม่ได้หมายถึงเวลาอย่างเดียวค่ะ)
คือไม่มีความอยากอ่านแล้ว แต่ยังคิดจะอ่าน
แบบนี้แสดงว่าเราอิ่มจริงหรือเปล่าคะ
หนูสงสัยว่าการอิ่มไม่ได้หมายความว่าไม่สงสัย ไม่อ่านอะไรอีกแล้วหรือเปล่าคะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


แก้ไขล่าสุดโดย รินรส เมื่อ 10 เม.ย. 2010, 11:11, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 19:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




2.jpg
2.jpg [ 21.69 KiB | เปิดดู 4401 ครั้ง ]
8.bmp
8.bmp [ 489.56 KiB | เปิดดู 4397 ครั้ง ]
หนูขอดำหัวอาจารย์ (ล่วงหน้านะคะ) ในฐานะที่อาจารย์เป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่ง
กราบขอบพระคุณอาจารย์ที่ให้คำแนะนำและความรู้ด้านการปฏิบัติกรรมฐาน
และความรู้อื่นๆ ด้านพระพุทธศาสนา



*ครัวดำหัว (ของที่นำมาดำหัว) ของทางเหนือก็จะเป็นประมาณนี้ค่ะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


แก้ไขล่าสุดโดย รินรส เมื่อ 12 เม.ย. 2010, 20:00, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2010, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อาจารย์หายไปไหนแล้วอ่าคะ??? *0*


นู๊อยากรู้อ่า..... *0*


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาวพุทธบางคน เมื่อได้อ่านได้ฟังคำสอนในทางพระพุทธศาสนาบางอย่าง เช่น บางแห่งว่า ไม่ควรคบ

คนพาล ควรคบบัณฑิต คนพาลมีลักษณะอย่างนี้ๆ บัณฑิตมีลักษณะอย่างนี้ๆ ควรยินดีแต่ของของตน

ไม่ควรอยากได้ของของผู้อื่น ตนเป็นที่พึงแห่งตน คนควรช่วยเหลือกัน ดังนี้เป็นต้น

แต่บางแห่งว่า พึงพิจารณาตามความเป็นจริงว่า กายก็แค่กาย ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา

พึงรู้เท่าทันตามเป็นจริงว่าไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา สิ่งทั้งหลายเป็นอนัตตา ดังนี้เป็นต้น

แล้วมองไปว่า คำสอนในทางพระพุทธศาสนาขัดแย้งกันเอง หรือไม่ก็งงแล้วไม่เข้าใจ หรือบางคนเข้าใจ

บ้างแต่ไม่ชัดเจนพอ ทำให้การปฏิบัติธรรมสับสนผิดพลาด ดำเนินชีวิตไม่สอดคล้องกับสภาพความ

เป็นจริง ในเวลาที่ควรพูดควรปฏิบัติตามความรู้ในชีวิตประจำวันของชาวบ้าน กลับพูดหรือปฏิบัติด้วยความ

ยึดถือในความรู้ตามสภาวะ เป็นต้น ทำให้เกิดความวุ่นวายและเสียหาย ทั้งแก่ตนละผู้อื่น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 19:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อาจารย์คะ หนูขอถามค่ะว่า
ถ้าไม่มีความรู้สึกอยากจะถามคำถามแล้ว
ยกเว้นบางคำถามที่เก็บไว้มานานแต่ไม่กล้าถาม และคิดว่าจะถาม
และยังมีกระทู้ของอาจารย์อีกมากมายที่ยังไม่ได้อ่าน
รวมทั้งหนังสือบางเล่มที่ตั้งใจว่าถึงอย่างไรก็จะหาโอกาสอ่าน (โอกาสไม่ได้หมายถึงเวลาอย่างเดียวค่ะ)
คือไม่มีความอยากอ่านแล้ว แต่ยังคิดจะอ่าน แบบนี้แสดงว่าเราอิ่มจริงหรือเปล่าคะ

หนูสงสัยว่าการอิ่มไม่ได้หมายความว่าไม่สงสัย ไม่อ่านอะไรอีกแล้วหรือเปล่าคะ


อาการนั้น (ที่คุณเรียกว่าอิ่ม) ไม่ได้หมายความว่าไม่สงสัยครับ เพียงรู้สึกเบื่อๆเป็นบางครั้งบางขณะ

ประเด็นนี้ไม่เสียหายครับ

แต่หากสงสัยว่าสิ่งนี้ ข้อความนี้ อะไรยังไง ก็ควรถามเพื่อให้หายสงสัย

แต่หากความรู้สึกเช่นนั้นเกิดขณะกำลังภาวนาอยู่ ก็พึงกำหนดจิตตามอาการครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 14:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ อาจารย์ :b8:
โดยทั่วไป ถึงแม้ว่าผู้ปฏิบัติจะทราบแนวทางการปฏิบัติ สามารถปฏิบัติเองได้แล้ว
แต่ยังคงมีการซักถามข้อสงสัยกับผู้สอนอยู่เรื่อยๆ หรือไม่คะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


แก้ไขล่าสุดโดย รินรส เมื่อ 30 พ.ค. 2010, 16:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 16:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รินรส เขียน:
สวัสดีค่ะ อาจารย์ :b8:
โดยทั่วไป ถึงแม้ว่าผู้ปฏิบัติจะทราบแนวทางการปฏิบัติ สามารถปฏิบัติเองได้แล้ว
แต่ยังคงมีการซักถามข้อสงสัยกับผู้สอนอยู่เรื่อยๆ หรือไม่คะ


สวัสดีครับ คุณริน :b8: :b20:

เมื่อพอรู้เข้าใจแนวทางปฏิบัติแล้ว พึงปฏิบัติได้เรื่อยๆไป หากไม่มีอะไรสงสัยก็ไม่ต้องถามครับ

สาธุ ครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 16:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีความคิดหรือนิสัยบางอย่างซึ่งเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
หนูไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะการฝึกกรรมฐานหรือเพราะอายุมากขึ้น ได้ประสบกับเรื่องราวต่างๆ มาพอสมควร
จะทราบได้อย่างไรคะว่าจริงๆ แล้วเป็นเพราะอะไร

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 17:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รินรส เขียน:
มีความคิดหรือนิสัยบางอย่างซึ่งเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
หนูไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะการฝึกกรรมฐานหรือเพราะอายุมากขึ้น ได้ประสบกับเรื่องราวต่างๆ มาพอสมควร
จะทราบได้อย่างไรคะว่าจริงๆ แล้วเป็นเพราะอะไร


เขียนเล่าส่งทาง PM ครับ

ตรงนี้บอกว่า

สภาวธรรมทั้งหลายแหล่ ที่เกิดขณะปฏิบัติกรรมฐานตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้แล้วแก้ปัญหานั้นๆล่วงมาได้

นั่นคือความเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจทางบวกครับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 30 พ.ค. 2010, 17:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณรินอ่านบทความนี้จากหนังสือพุทธธรรม พิจาณาดีๆครับ


ปัญหาของมนุษย์ มีต่างๆมากมาย เมื่อกล่าวให้สั้น ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับดี-ชั่ว หรือดี-ร้าย

และสุข-ทุกข์

ถ้าพูดรวบรัดลงไปอีก ก็รวมลงในคำเดียวคือ ทุกข์

แม้ที่พูดว่า มีชีวิตอยู่เพื่อหาความสุข ก็เป็นการบ่งถึงทุกข์อยู่ในตัว และทุกข์นั้นยังอาจส่งผลเกี่ยวข้องถึง

ความดีความชั่วและสุขทุกข์ต่อไปอีกหลายชั้นด้วย

เริ่มแรก การหาความสุขก็แสดงอยู่ในตัวถึงความขาดแคลนบกพร่อง ความบีบคั้นกระวนกระวายหรือภาวะไร้

ความสุขอยู่ภายใน ซึ่งเรียกสั้นๆว่ามีทุกข์

จากนั้น จึงผลักดันให้ต้องออกแสวงหาสิ่งที่จะเอามาเติมให้เต็มหายขาดแคลนบกพร่อง

หรือเอามาระงับดับคลายความบีบคั้นกระวนกระวายนั้น และในการแสวงหาเช่นนี้ ก็ปรากฏความขัดแย้งเบียด

เบียนกันขึ้น เกิดปัญหาเกี่ยวกับความดีความชั่ว และความสุขความทุกข์ในระหว่างมนุษย์พอกพูนขยายวง

กว้างขวางออกไป

มองอีกด้านหนึ่ง ปัญหาเกิดจากมนุษย์มีทุกข์อยู่แล้ว แต่แก้ไขทุกข์ไม่ถูกต้อง จึงระบายทุกข์นั้นออกไป

ทำให้ทุกข์กระจาย เพิ่มขยายปัญหาทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น

ด้วยความเป็นไปเช่นนี้ ทุกข์ที่เป็นสภาวะติดเนื่องมากับความเป็นสังขารของชีวิต หรือทุกข์ตามธรรมดา

ของธรรมชาติ
แทนที่จะถูกแก้ไข กลับถูกละเลยมองข้ามหรือปิดกลบไว้เสีย

แล้วสุขทุกข์และปัญหาต่างๆชนิดที่เกิดจากฝีมือเสกสรรค์ผันพิสดารของมนุษย์ก็เกิดประดังพรั่งพรูวิจิตร

นานัปการ จนแทบจะบดบังให้มนุษย์ลืมปัญหาพื้นฐานของชีวิตเสียทีเดียว

บางคราวมนุษย์เองยังคิดหลงไปด้วยซ้ำว่า หากลืมมองปัญหาพื้นฐานของชีวิตนั้นเสียได้ ก็จะสามารถหลุดพ้น

ไปจากความทุกข์ และชีวิตก็จะมีความสุข

แต่ความจริงยังคงยืนยันอยู่ว่า

ตราบใดมนุษย์ยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาพื้นฐานแห่งชีวิตของตน ยังวางตัววางใจหาที่ลงไม่ได้กับทุกข์

ถึงขั้นตัวสภาวะ (สภาวทุกข์)

ตราบนั้น มนุษย์ก็จะยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จ ยังหลีกไม่พ้นการตามรังควาญของทุกข์ ไม่ว่าจะพบสุขขนาด

ไหน และจะยังไม่ประสบความสุขที่แท้จริง ซึ่งเต็มอิ่ม สมบูรณ์ในตัว และจบบริบูรณ์ลงที่ความพึงพอใจ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 30 พ.ค. 2010, 17:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 18:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สภาวทุกข์ซึ่งติดเนื่องมากับความเป็นสังขารของชีวิต หรือทุกข์ตามธรรมดาของธรรมชาติ


ย้ำสั้นๆ อีกที ทุกข์ชนิดนี้จะต้องแก้ให้ถึงตัวสภาวะ ดังนั้นการทำกรรมฐาน ก็คือการกำจัดทุกข์ตามธรรมดา

ของธรรมชาติครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2010, 19:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
มองอีกด้านหนึ่ง ปัญหาเกิดจากมนุษย์มีทุกข์อยู่แล้ว แต่แก้ไขทุกข์ไม่ถูกต้อง จึงระบายทุกข์นั้นออกไป

ทำให้ทุกข์กระจาย เพิ่มขยายปัญหาทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น

ด้วยความเป็นไปเช่นนี้ ทุกข์ที่เป็นสภาวะติดเนื่องมากับความเป็นสังขารของชีวิต หรือทุกข์ตามธรรมดา

ของธรรมชาติ
แทนที่จะถูกแก้ไข กลับถูกละเลยมองข้ามหรือปิดกลบไว้เสีย

แล้วสุขทุกข์และปัญหาต่างๆชนิดที่เกิดจากฝีมือเสกสรรค์ผันพิสดารของมนุษย์ก็เกิดประดังพรั่งพรูวิจิตร

นานัปการ จนแทบจะบดบังให้มนุษย์ลืมปัญหาพื้นฐานของชีวิตเสียทีเดียว

บางคราวมนุษย์เองยังคิดหลงไปด้วยซ้ำว่า หากลืมมองปัญหาพื้นฐานของชีวิตนั้นเสียได้ ก็จะสามารถหลุดพ้น

ไปจากความทุกข์ และชีวิตก็จะมีความสุข

แต่ความจริงยังคงยืนยันอยู่ว่า

ตราบใดมนุษย์ยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาพื้นฐานแห่งชีวิตของตน ยังวางตัววางใจหาที่ลงไม่ได้กับทุกข์

ถึงขั้นตัวสภาวะ (สภาวทุกข์)

ตราบนั้น มนุษย์ก็จะยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จ ยังหลีกไม่พ้นการตามรังควาญของทุกข์ ไม่ว่าจะพบสุขขนาด

ไหน และจะยังไม่ประสบความสุขที่แท้จริง ซึ่งเต็มอิ่ม สมบูรณ์ในตัว และจบบริบูรณ์ลงที่ความพึงพอใจ


เฮ้อ...จานป้อ...
เฮ้อ...เฮ้อ...เฮ้อ...เฮ้อ...เฮ้อ....

ไม่ต้องถามนะคะ ว่าเอกอน...เฮ้ออะไร...

เฮ้อ....ในสิ่งที่ ปูดดดดไม่ได้....เพราะ จานป้อ...บอกเองว่า


มองอีกด้านหนึ่ง ปัญหาเกิดจากมนุษย์มีทุกข์อยู่แล้ว แต่แก้ไขทุกข์ไม่ถูกต้อง จึงระบายทุกข์นั้นออกไป

เฮ้อ...เฮ้อ...เฮ้อ...เฮ้อ...เฮ้อ...ฮ้อยยยยย....

อิ อิ ... แค่นี้...ใช่มั๊ยคะ...ก็จบ...หง่ะ...
ไม่ต้องไปพร่ำ ไม่ต้องไประบาย ไม่ต้องไปขยายวง
เพราะ เรื่องมันกว้าง ก็ไม่ใช่เพราะใคร ก็โทษตัวเอง...ที่ชอบพร่ำ...พร่ำเพรื่อ...

เฮ้อ...เฮ้อ...เฮ้อ...เฮ้อ...เฮ้อ....ฮ้อยยยยยย.....เซ็งเป็ด....เลยยยยย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2010, 18:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งทั้งหลายตั้งอยู่ตามสภาพของมัน และเป็นไปตามธรรมดาของมัน

พูดเป็นภาพพจน์ว่า ความจริงเปิดเผยตัวมันเองอยู่ตลอดเวลา

แต่มนุษย์ปิดบังตนเองจากมัน หรือ ไม่ก็มองภาพของมันบิดเบือนไปหรือไม่ก็ถึงกับหลอกลวงตัวของมนุษย์เอง

เมื่อใด สติตามทัน ทำงานสม่ำเสมอต่อเนื่องอย่างชำนาญ

คนไม่ปิดบังตัวเอง ไม่บิดเบือนภาพที่มอง และพ้นจากอำนาจความเคยชินหรือนิสัยเก่าของจิตแล้ว

เมื่อนั้น ก็พร้อมที่จะมองเห็นสิ่งทั้งหลายตามสภาวะของมันและรู้เข้าใจความจริง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 106 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร