วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 03:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 12, 13, 14, 15, 16, 17  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2010, 01:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 232


งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เสร็จแล้วค่ะพี่ รอบ 2 ก่อนนะคะ เพิ่งเสร็จค่ะ 30/15
ทุกข์เพราะไม่ทันความอยาก เดินรู้เท้า มันจะแวบคิดเรื่องธรรมะๆ เสมอ
มีตัวบอกบท มีความเหน่อยใจ บีบคั้น ร้อนรน มีอยากออกจากทุกข์ ไม่อยากเกิดอีก
มีความกลัว ว่าจะตายไปแล้วเกิดใหม่แล้วจะไม่รู้ ธรรมมะ ก็กำหนดรู้หนอไป มันก็คลายลง
แต่ความอยาก และความเหนื่อยใจ ตัวคิดธรรมมะ ยังมีมาเรื่อยๆ

พอมานั่ง
ก็รู้กาย ว่ากำลังงนั่งกับหลงไปคิดไร้สาระ ก้กำหนดรู้หนอ สำรวมจิต แล้วก็อีกสักพักก็เป็นอีก
เป็นภาพบ้าง เป้นความคิดลอยๆบ้าง หลุดออกมาบ้าง ตอนสุดท้ายนาลิกาดังกำลังลอยพอดี

ต่อไปรอบแรกนะคะ ขอแกะตัวหนังสือแปปค่ะ
45/25

กำหนดยืนหนอได้ไม่ต่อเนื่อง ใจหนีไปคิดเรื่องอื่น แล้วค่อยแวบกลับมารู้ยืนหนอต่อ
มีความอยากก็กำหนดรู้หนอ แล้วเบาบางลงมาบ่อยๆ
เป็นความอยากเดิน แบบนั้นแบบนี้ ระยะสองบ้าง สามบ้าง เพราะคาดหวังว่า
แบบนั้นจะได้สภาวะธรรมดีๆ กว่านี้มีสติกว่านี้ เดินกำหนดแบบมีรูปแบบละเอียด

ยืนหนอ อยากเดิน หนอ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ก็รู้เท้าได้ แต่ก็มีแวบๆ หนีไปตลอด
เป็นภาพบ้าง ความคิดบ้าง แล้วก็ดับหายไป แล้วก็มารู้เท้าต่อ

หลังๆเครียดไม่อยากำหนดละเอิยดแล้ว ก็เลยกำหนดขวาย่างหนอรู้เฉยๆ
แล้วเดินสักพักก็แวบไปคิดแล้วดับไปแล้ว ก็หวลไปทวนว่า
เมื่อกี้คือความคิดเกี่ยวกับการปฎิบัติที่เรารู้ไม่ทัน
คือมันเป็นความคิดที่สร้างความคาดหวังต่อการปฎิบัติ
จำรายละเอียดไม่ได้ แต่เหมือนเป็นคำสอนจากหนังสือธรรมะ ซึ่งเราจะนึกถึงบ่อยๆ
โดยไม่รู้สึกว่าก่อให้เกิดความคาดหวังว่าจะทำตามที่ตำราบอกไว้
พอนึกถึงได้แบบนี้ก็เห็นความทุกข์+หนัก ที่เคลือบอยู่บางๆ ทำให้การเดินไม่ปรอดโปร่ง
ไม่เบาแต่เกิดคามคาดหวังโดยไม่รู้ตัว

มีเวทนาปวดเอง ปวดตามกาย โน่นนี่ กำหนดแล้วหายไป แต่มาใหม่เรื่อยๆ
ทนไม่ไหวเลยเลิกเดิน

พอมานั่งก็มี 2 แบบ
คือรู้สึกกาย กับหลงไปคิดไร้สาระ เป็นภาพบ้างคำพูดบ้าง สลับไปมากับมีสติ จบแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
เห็นบ่อยๆ แล้วจิตมันจะปล่อยวางเอง เมื่อมันเห็นสภาวะของความไม่เที่ยง
ของทุกๆอย่างที่หมูได้พบ สภาวะต่างๆที่ผ่านๆมามันจะทบทวนสภาวะนี่แหละ
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าจะเห็นออกมจากจิตได้จริงๆว่ามันไม่เที่ยง
ตอนนี้หมูดูตามความเป็นจริงต่อไป เอาสติ รู้อยู่กับกายให้ได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ วันนี้ก็พยายามรุ้น่ะค่ะ ก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วก็ไม่ทันความอยาก
เลยสะสมมาทุกข์ชัดๆตอนเดิน ก็จะค่อยๆสังเกตไปต่อค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
อาทิตย์ไหน ที่พอจะออกจากบ้านก่อนเวลาได้ อยากให้หมูไปปฏิบัติรวมที่วัดมหาธาตุมั่ง
ไปเข้าบรรยากาศมั่ง คือไปบ้านวันเสาร์ แต่วันอาทิตย์ออกเร็วหน่อย เขาเร่มปฏิบัติ บ่ายโมงถึงบ่าย 4


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ไว้จะหาวันแล้วไปค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ พี่เคยเจอสภาวะมดกัดแบบหมูด้วยนะ เพิ่งรู้เหมือนกัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่าว หนูนึกว่าพี่น้ำรู้อยู่แล้ว

สุขที่แท้จริง says:
ลืมไปหมดแล้ว สภาวะเก่าๆ นี่ถ้าไม่ลงบันทึก ไม่รู้หรอก พี่ไม่ค่อยจะจำอะไรเลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่อ ค่ะ จริงๆมันก็ลืมได้ง่ายมาก มดพี่น้ำตัวใหญ่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ทั้งมดทั้งยุง รุมกัด เจ้บมากๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
โห พี่น้ำแยก เป็นยุงด้วย

สุขที่แท้จริง says:
ไม่รู้ว่าเป็นกี่ครั้งนะ มันมีลงบันทึกไว้แค่ วันเดียว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
น้อยจัง

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ว่ามันเจ็บมาก ทนไม่ไหวเลยเอามือลูบ ปรากฏว่าไม่มีอะไรเลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เอๆ หมูว่า หมูเคยอ่านแล้ว ในบล็อกเก่ามากๆ ใช่แน่ๆเลย

สุขที่แท้จริง says:
ไม่รู้สิ จำไม่ได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ใช่ๆค่ะ เคยอ่าน ตอนนั้นพี่น้ำเขียนประมาณว่าแปลกมาก พี่น้ำก็งงๆ
แต่หลังจากนั้นไม่ค่อยอ่านต่อเพราะมันเริ่มสูง ก็เลยหยุด

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ จำไม่ได้นะพี่น่ะ ลืมหมด
แหมมม มีการพิจรณาขันธ์ 5 ด้วยนะ เพิ่งรู้ว่าเอามาพิจรณากับเขาเหมือนกัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พี่พิจารณายังไงคะ

สุขที่แท้จริง says:
ตามอ่านเองเถอะ ขี้เกียจเล่า


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ได้ค่ะๆ

สุขที่แท้จริง says:
ของเดือนต่อไปมั๊ง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เอามาบอก ให้ติดตาม ยั่วน้ำลาย

สุขที่แท้จริง says:
เห็นมีเขียนบันทึกเรื่องสภาวะของการเดินแต่ละระยะด้วย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เมื่อวานแค่หมูนั่งพับเพียบแปปเดียวตอนฟังพระเทศน์
วันนี้ถึงกะหลังงอ สุดยอดเลยค่ะไม่ได้ออกกำลังกายเล้ย

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เดินจงกรมให้มากๆ กำหนดอริยาบทย่อยลงไปบ่อยๆ นี่แหละการออกกำลังกายชั้นเลิศ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
จะไปเอาอะไรกับนอกตัวล่ะ ในตัวน่ะดูให้ทันก่อนเถอะค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ อิริยาบถย่อยนี่ ยากเหมือนกันนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
ยากตอนแรกๆค่ะ ทำบ่อยๆ ทันบ้างไม่ทันบ้าง แต่ที่ได้คือ สติ สัมปชัญญะเริ่มทันมากขึ้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ...ทำตามต้นฉบับนี่ กะกำหนดเอง มันเห็นความต่าง ของการปฎิบัติ
พอจะทราบแล้วว่าทำไม ท่านถึงกำหนดละเอียด มันเห็นละเอียดกว่าจริงๆ

สุขที่แท้จริง says:
ต้องทำถึงจะรู้ ถ้าแค่อ่านๆ ก็คาดเดาไปเรื่อยๆ แล้วต้องทำต่เนื่องด้วยถึงจะรู้จริง ไม่งั้นก็แค่ลูบคลำ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2010, 00:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 233

ระหว่างวัน รอบแรก 60/40

ฟุ้งซ่าน ทุกข์ มีตัววิพากษ์วิจารณ์แล้วไปอยากเห็นความไม่เที่ยง และไม่พอใจ
ตัววิจารขึ้นมาเป็นคำสอนและธรรมมะต่างๆ ทำให้มีความอยากและหวังจะเห็นให้ได้ตามคำสอน
ไม่สามารถละทิ้งความคิดและความอยากได้

ปวดเอว มีเวทนาเจ็บเหมือนเข็มตำเป็นจังหวะ เมื่อก้าวขาก็เจ็บขึ้นมา มีมดกัด
หลังๆพยายามอยู่กับความรู้สึกที่เท้าแล้วไม่สนใจความคิด ความทุกข์เริ่มคลาย

ตัววิจารยังมีมาอีกแต่ลดบทบาทลง มีปรามาสครูบา 1 ครั้ง ขอขมาแล้วเดินต่อ มีง่วง ปวดขา
เบื่อ อยากเลิกเดิน ดูนาลิกาหลายครั้ง ทนไป สักพักความง่วงหายไป เดินจนครบเวลา

พอมานั่งมีหลงไปคิดไร้สาระ กะรู้ว่าหลงไป สามารถรู้กายได้
คือท้องขยับเบาๆ ผลัดกับจิตเคลิ้ม มีภาพและความคิดไร้สาระ แล้วก็รู้สึกว่าจิตเป็นแบบนั้น
แล้วก็ไปเคลิ้มอีกสลับแบบนี้จนจบ

รอบ 2 เดิน 30/30
กำหนด ยืน กลับตัว เดิน จิตมีแวบคิดเรื่องธรรมมะ เรื่องวิธีการปฎิบัติ ขึ้นมาตลอด
ใจไม่แนบแน่นกับกาย ความอยากพุ่งขึ้นมาตอนเก้าวเดินมาเรื่อยๆ
กำหนดรู้หนอไป ปวดขา พอมานั่งก็หลงไปคิดไร้สาระ เคลิ้มแล้วหายแล้วเป็นอีก สลับกันจนจบ

30/20
กำหนดยืนหนอ ก็แวบไป แล้วค่อยกลับมารู้ยืนต่อค่ะ
ตอนก้าวขาก็เห็นว่ามีความคิดแทรกแล้วก็หายไปเสมอๆค่ะ
มีตัวที่มันจะพูด เป็นความเห็นว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้ เป็นตัวความเห็นของเราน่ะค่ะ มาทำให้เราทำ
ก็จะทุกข์ค่ะ มาบอกให้เราไม่ทำ เช่น อย่าคิด เดินรู้เท้าอย่าเดียว คิดแทรกไม่รู้เท้าต่อเนื่อง
อย่าหลงฟังความคิด เนี่ยค่ะมันขึ้นมาแบบนี้ ก็พยายามไม่สนมัน แต่มันก็วนๆ
เหนื่อยก็เลย ช่างมัน คิดไปเลยอยากคิดนัก ก็สบายขึ้นค่ะ

มีทุกข์ขึ้นมาเครียดเจ็บ แต่ก็คลายลง มันจะมาแล้วก็ไปน่ะค่ะ
ก็เกิดความรู้สึกนึกคิดว่า การปฎิบัติแต่ละครั้งไม่สามารถใช้วิธีเดิมได้เลย
เคยทำวิธีนี้ดีจะเอามาทำอีกไม่ได้เหมือนเดิม

ก็เดินๆต่อไป ความอยากนี่มาตลอด จิตร้อนก็กำหนดรู้หนอเหมือนกัน
แต่วันนี้ มันไม่เหมือนวันก่อนๆ กำหนดแล้วมันก็เครียด ก็เลยปล่อยค่ะ รู้เท้ากระทบไป

พอมานั่ง
ก็รู้ท้องขยับค่ะ มีคัน เจ็บตรงนั้นนี้ มดกัด ตัวอะไรไต่ ก็เกาบ้าง เหมือนโดนไชหู ก็ลืมตาบ้าง 2 ครั้ง
หงุดหงิด แต่หลับตาต่อ ก็จับท้องเคลื่อนไหวต่อได้ค่ะ นั่งจนจบค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
รู้หนอสิคะ ไปลืมตาทำไม ถ้ารำคาญก็รู้หนอ แล้วเอามือลูบๆ ลืมหรือคะ เคยบอกไปแล้วนี่นา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เปล่าลืมค่ะพี่ มันแบบ สอบตก ทนไม่ไหว คราวหลังจะอดทนกว่านี้ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
พี่น่ะ ไต่ตรงอื่นๆ กัดมาพอรับได้ แต่แหมพอจะเข้าหูเข้าจมูกนี่สิ ต้องเอามือลูบ ก็มีนะ กำหนดได้บ้าง
บางครั้ง แต่มันไม่ใช่ว่าจะได้ทุกครั้ง แต่ของพี่ นานๆเกิดที ส่วนมากจะไม่เข้าหูก็จะเข้าจมูก
บางทีทั้งหูทั้งจมูก สุดยอดดด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
สุดยอดดด ของหมูเพิ่งเจอหูค่ะ ไม่เคย สติแตกเลย

สุขที่แท้จริง says:
หูน่ากลัวกว่าตรงจมูก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
บางทีก็คิดนะคะ สภาวะทำไมชอบไต่เนี่ย

สุขที่แท้จริง says:
ทดสอบกิเลส ความไม่ชอบใจไงคะ ชีวิตไม่แน่นอน
การเอาแค่นั่งๆนอนๆ นั่นคือยังประมาท


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ เข้าใจค่ะ อืมม พี่น้ำคะปกติเวลาพี่น้ำหยุด พี่น้ำใช้กิจกรรมอะไร

สุขที่แท้จริง says:
แล้วแต่ เจาะจงไม่ได้ค่ะ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ หมูเลิกดูหนัง เลิกนอนกลางวัน

สุขที่แท้จริง says:
พี่ไม่เคยดูทีวี พี่อชอบเดิน ทำอะไรก็ได้ ขอให้ได้เดิน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
งืมๆ อันนี้ หมูอาจเลียนแบบไม่ได้ ปวดขาอะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
หืมมม จะมาเลียนแบบทำไม


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คือหมูกำลังหา อะไรที่เจริญสติไปด้วยแบบไม่ฟุ้งน่ะค่ะ แต่ทุกวันนี้ก็เดินน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ฟุ้งเพราะสติยังไม่ทันแค่นั้นเองไม่มีอะไร พี่เองเมื่อก่อนก็ค้นหา หาสารพัดวิะการ เพื่อที่จะๆๆๆๆๆๆๆ
เห็นไหม ความอยาก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เฮ้อ ...ก็เห็นอะค่ะ แต่มันไม่หยุด เฮ้อ หยุดแล้วก็มาอีก

สุขที่แท้จริง says:
ทำต่อเนื่องไปสิ จะไปหาทุกข์ให้กับตัวเองทำไม
เดินสิ แล้วนั่งเลย เวลาอยากน่ะ ยิ่งค้นหา สุดท้ายฟุ้ง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ เยอะจิงๆเลย คนไม่อยากเป้นสุขอย่างยิ่ง

สุขที่แท้จริง says:
จะอย่างโง้น จะอย่างงี้ สุดท้าย แค่ทำต่อเนื่องโดยไม่ต้องไปคิดอะไรเลย
ทำเหมือนคนไร้สมอง ทำแบบโง่ๆ พี่น่ะผ่านตรงนั้นมาแล้ว เข้าใจความรู้สึกดี
เห็นเขามี อยากมีตามเขา เห็นเขาได้ อยากได้ตามเขา แต่มันแค่เปลือก ข้างในเห็นได้ไหม เปล่าเลย
ทำต่อเนื่องนี่แหละ ว่างเมื่อไหร่ ทำไปเลย สะสมไป เด๋วออกดอกออกผลให้แบบไม่คิดว่าจะได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
จะอดทนค่ะพี่ หมูน่ะอยาก แบบเรื่องปฎิบัติน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ ที่พี่พูดคือเรื่องปฏิบัติ เปรียบเทียบให้ฟัง เรื่องทางโลก พี่ไม่สนใจหรอก
จิตพี่น่ะ หลายวันมานี่ มันอยากปฏิบัติรอบค่ำ พี่ทำได้นะ แต่ไม่ทำ
ไม่สนใจ อยากมีความอยาก ไม่ทำ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่า แล้วหมูอยากทำเยอะๆ หมายถึงมันวนเวียนคิดแต่เรื่อง การปฎิบัติของตัวเองเนี่ย

สุขที่แท้จริง says:
อันนั้นกิเลสของหมู ไม่ใช่ของพี่


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แต่จะไม่ทำแบบพี่น้ำ ไม่ได้เนอะคะ ตายแน่เลย

สุขที่แท้จริง says:
มันอยากคนละอย่าง แบบหมู ขืนไม่ทำเหรอ นับหนึ่งใหม่
ที่พูดน่ะ เพราะเจอมาหมดแล้ว ต้องใช้คำว่าอดทน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ ต้องอดทน จริงๆ แบบอึด

สุขที่แท้จริง says:
เวลามันคิดก็บอกตัวเองสิ ทำต่อเนื่องไป แล้วจะได้คำตอบทุกอย่างเอง
พอมันอยาก ก็บอกตัวเองสิ น่าเขกกระโหลกนัก อยากไปก็เท่านั้น

มันจะได้จำไว้บ้าง หาทุกข์ให้กับตัวเอง ฟึดฟัดเอากับตัวเองตลอดเวลา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เจอกันอีกที หัวหมูอาจบวมขึ้น สองเท่านะคะพี่ นิสัยเสียนะคะ
หมูก็ทำ เพราะคิดว่าถึงจะ อยาก แค่ไหน มันก็ยังได้ฝึกสติ ทุกข์ แต่ก็ยังได้สะสม

สุขที่แท้จริง says:
ตอนนี้หมูพูดได้ แต่พอถึงเวลาปฏิบัติ เอาอีกแล้ว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ใช่ค่ะ ก็ฝืนทำต่อน่ะค่ะ สุดๆ แม้บางวันสบายเชียว บางทีกลับมาบ้าอีกแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
บอกตัวเองสิ หน้าที่ คือ หน้าที่ ทีงานประจำยังทำได้เลย
พี่น่ะทำทุกวันนี้ คือ หน้าที่ มันคิดแบบนี้เลยไม่ทุกข์ เวลาพี่เขียนสภาวะ มันถึงไม่มีอะไรมาก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ของพี่น้ำก็หลักๆ เลยนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
พี่เป็นแบบนั้นจริงๆ นานๆจะมีเรื่องเครียดเรื่องส่วนตัว ปฏิบัติคือ ทำจริงๆ
ไม่ไปเครียดอะไรมาก นั่งแล้วฟุ้งเหรอ ดูสักพักยังฟุ้งไหม ฟุ้งเหรอ ลุกขึ้นเดินเลย เดินแล้วฟุ้ง ดูมัน
ฟุ้งนานไหม ฟุ้งเหรอ หาที่นั่งให้ตัวเองรู้สึกสบาย ไปเล่นกับสมาธิแทน

ไม่ใช่สักแต่ว่าทำตามรูปแบบ พี่เปลี่ยนไปตลอดเวลา
บางทีมองนาฬิกาเหลือครึ่งชม. เลิกงาน เอากำไรได้นี่นา ก็ทำ
พี่ไม่ได้ทำเพราะอยาก พี่เลยไม่ไปทุกข์ ไม่ไปกดดันตัวเอง

พี่ทำเพื่อชีวิตของตัวเอง ไม่อยากมีชีวิตซ้ำซาก
นิดนึงกเอา เสร็จแล้วแผ่เมตตา ขออโหสิกกรรม ให้การงดโทษแก่ผู้อื่น กรวดน้ำ
ถึงแม้จะเวลาน้อย แต่เวลาทำ จิตมีแต่กุศล


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เฮ้อ กิเลส หนอ กิเลส พี่น้ำก็มีตัวอย่างเยอะแยะให้หมูเลย
เฮ้อ แต่ก็กิเลส เอาเถอะค่ะยังไง หมูก็ทำดีที่สุด คือปปฎิบัติต่อไป

สุขที่แท้จริง says:
ถึงบอกไง คิดไปก็เท่านั้น ทำต่อไป น้ำลายเต็มจอละ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
รับรู้ถึงกระแสกิเลสความอยาก ที่กระเด็นไปไหมคะ กำลังแผ่เต็มจอเลยค่ะ พวยพุ่งไปถึงปากน้ำ

สุขที่แท้จริง says:
แหมๆๆๆ พูดมาสะขนาดนั้น ดีแล้ว ที่ยอมรับความจริง ดูมันไป ไม่ต้องไปวิพากย์วิจารมันหรอก
ยิ่งไปสนใจมันมาก แหม่ๆๆๆ มันยิ่งแสดงให้เห็นแบบจะๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ไอ้ตัวเนี่ย มันก่อความขวาดจริงเลยค่ะ จัดการกับมันแบบเดิมก็ไม่ได้นะคะ
มันมีวิวัฒนาการ เหมือนมันรู้แกวแล้วมาหลอกอีกแบบ แต่ละครั้งไม่เหมือนกันเลย

สุขที่แท้จริง says:
แน่อยู่แล้ว ถ้าเราฉลาดกว่าสภาวะ ก็บานลุไปแล้วจิคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
หนูอะ ไม่คิดเลยว่าจะขนาดนี้อะค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ยังมีอะไรที่คาดเดาไม่ได้อีกเยอะมาก ถึงบอกไง ทำต่อเนื่อง มีแค่นั้น นอกนั้น ไม่มีอะไร


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มันยิ่งกว่าแมลงสาป แพร่พันธุ์เร็ว ตายยาก ปรับตัวเก่ง

สุขที่แท้จริง says:
แมลงสาปอะไร อาวุธชีวภาคต่างหากก จิตเราน่ะแหละ สร้างมันขึ้นมาเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เขาบอกอาวุธชีวภาค ฆ่าแมลสาปไม่ได้ นะคะ

สุขที่แท้จริง says:
เมื่อก่อนพี่เคยสงสัยนะ เคยสงสัยว่า เอ ... แรกๆ จิตมันมีกิเลสมาแบบนี้หรือเปล่าหว่า
แล้วเรานี่มันมากจากไหนกันนะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ หนูก็สงสัย ตกลงเรามาจากไหนหรือคะ

สุขที่แท้จริง says:
ตอนนี้ไม่สงสัยแล้ว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พี่น้ำได้คำตอบแล้วเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:
สงสัยไปทำไม ไร้สาระ ไม่เห็นจะทำให้เกิดปัญญาได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
น่าน คร่อก

สุขที่แท้จริง says:
นี่แหละคำตอบพี่


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
จบกัน

สุขที่แท้จริง says:
เลยเลิกสงสัยและไม่ไปสนใจมันอีกเลย เจริญสติยังได้ประโยชน์กว่า
จะไปนั่งถกเถียงกับเรื่องโง่ ให้กับตัวเองทำไม พี่อาจจะคิดอะไรไม่ค่อยเหมือนใครน่ะหมู


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมม ไม่รู้สิคะ พี่น้ำ ชัดเจนน่ะค่ะ มีแนวทาง แต่ไม่ได้ ผิดแปลก น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
บางคนเขาค้นหานะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ที่บอกว่าเรามาจากไหนใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เหมือนมีคนเคยบอกว่าในตำราพระไตรมีหรือเปล่าคะ หรือตำราอะไรไม่รู้ เป็นบาลี
แต่พระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นเรื่องอจินไตย คิดแล้วบ้า

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ คิดแล้วบ้า ไม่ต้องพระพุทธเจ้าบอกหรอก พี่เองยังคิดแบบนั้นเลย ตอนที่เริ่มสงสัย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แต่ท่านที่พ้นแล้ว คงทราบนะคะ แต่มันคงไม่มีประโยชน์ ที่จะมาบอก

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2010, 16:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


สรุปก่อน และ หลัง การเจริญสติ

ว่าจะเขียนว่า พอเจริญสติแล้วเปลี่ยนไปยังไงบ้าง พอจะเขียนแล้วยากเหมือนกัน
เพราะมันเป็นความเข้าใจ แต่สรุปง่ายๆคือ

1. ทุกข์น้อยลง ปกติกลับบ้านแล้วสติแตก จะโมโห หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่ายๆ ตลอดเวลา
ไม่ต้องมีสาเหตุที่ชัดเจน และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น

ตอนนี้ไม่ขนาดนั้นแล้ว คอยดูว่าเกิดอะไรทำไมจึงมีอารมณ์แบบนั้นมากกว่า
และก็ลดความรุนแรงลงมากๆ จนเริ่มอยู่กับคนในบ้านได้แบบไม่ต้องฝืนทนอยู่ได้มากขึ้น
แต่บางครั้งก็ยังมีหงุดหงิดบ้าง

2. ความโกรธ ยังรุนแรงอยู่แต่ช้าลง หมายถึงโต้ตอบช้าลง ทางคำพูดหน้าตายังออก
แต่ไม่ไปโวยวายเร็วเท่าแต่ก่อน ตัวนี้ยังสรุปไม่ได้ต้องดูต่อไป

ที่เห็นคือปล่อยได้ไวขึ้น ปกติจะวนเวียนโกดทั้งวันทั้งคืน เด๋วคิดๆ แล้วก็เด๋วทุกข์ เจ็บใจ
ตอนนี้เป็นแรกๆ วนๆไปหลายครั้งถึงจุดหนึ่งแล้วก็ปล่อยได้

3. เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น แต่ก่อนยอมคนโดยที่ไม่คิดว่านั่นคือความทุกข์ ฝืนยอมไป
ฝืนหัวเราะกับเขาไปโดยไม่เข้าใจว่าทำไมไม่สนุก

ตอนนี้อะไรที่มันสร้างความทุกข์ เข้าใจมากขึ้นและเลือกที่จะไม่ไปอยู่จุดนั้นอีก

4. ปรามาส บางครั้งช้าลง เบาลง แต่ตัวนี้ไม่แน่นอน ยังไม่กล้าสรุป

5. ความอยาก แต่ก่อนไม่เข้าใจว่า ความอยากนี่มันเป็นแบบไหนบ้าง ตอนนี้เริ่มเห็นมันชัดขึ้น

6. ความคิดเห็นได้ง่ายขึ้นว่าเกิดตอนไหน แทรกตอนไหน

7. ความไม่พอใจ ดูมันชัดขึ้น บางครั้งดูมัน แบบพิจารณาได้ ว่ามันเกิดจากอะไร
ไม่ได้ลงไปเป็นตัวมัน แต่ก็แค่บางครั้ง

8. เห็นว่าเกิดความคิดแบบนี้ แล้วจะมีความรู้สึกแบบนี้ แล้วจะหายไปแบบนี้ แล้วก็เกิดได้อีกแบบนี้
แต่ยังไม่ซึ้ง ยังไม่เชื่อ และยังไม่เข้าใจมัน จากจิตชัดแจ้ง

9. กังวลน้อยลง ปกติจะเครียดกับงาน แบบโอเวอร์ กังวลแล้วกังวลอีก ตอนนี้สบายขึ้นเยอะ
ยกตัวอย่างเช่น วันพรุ่งนี้จะต้องสอนล้วยังไม่ทวนเนื้อหาเลย 555 ปกติเครียดตายแล้ว
(อันนี้มันเกินไปหรือเปล่า 555)

10. รักน้องมากขึ้น อยากทำอะไรให้กับแม่มากขึ้น

11. ความระวัง ตัว มีมากขึ้น ด้านความคิด และศีลต่างๆ

12. รู้สึกว่าจะเอาเรื่องเอาราวกับการปฎิบัติน้อยลง หมายถึงไม่ไปยึดสภาวะเก่าๆเหมือนแต่ก่อน
แต่ก็นะ ยังไม่ชัวร์หลอกของแบบนี้มันลุ่มๆดอนๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2010, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 234

เดินรู้เท้าแต่ไม่ต่อเนื่องเห็นความคิดแทรกเป็นระยะ มีความไม่พอใจ ความอยาก
ความคิดที่แทรกเป็นตัวบอกให้ทำแบบนั้น แบบนี้เพื่อจะมีสติ หรือเป็นความคิด
ตอนคุยธรรมมะแทรกขึ้นมา ให้รู้สึกว่า ปฎิบัติไม่ได้เรื่อง ทำให้เกิดความไม่พอใจ

เช่นเดินๆอยู่ก็มีคำพูด "พยายามทำไปแล้วมันออกดอกออกผลเอง"
ก็เดินไปเรื่อยๆก็เจ็บเท้าปวดเท้ามาก มีเจ็บเหมือนเข็มตำ มดกัด + ปวดขา กำหนดรู้หนอ 3 ครั้ง

แล้วเป็นเรื่อยๆก็เลยดูมันไป ทนเดินได้ 40 นาที ตอนแรกจะเดิน 1 ชั่วโมง มีง่วงๆด้วย
(ทำหลังกินข้าวไม่ถึงชั่วโมง )

พอมานั่ง รู้ท้องขยับแล้วง่วงๆ มีหลงไปเคลิ้มคิดไร้สาระเหมือนจะหลับ แต่ยังไม่หลับ
ยังไม่หลงไปทีเดียวยังกลับมาจับที่ท้องขยับได้
มีจะวูบหลายครั้ง เหมือนจะมีมดกัด กับมีนิมิตสีม่วงด้วย ไม่ใส่ใจนิมิต

60/20 ( เดินไม่ต่อเนื่องไปทำธุระให้แตงกวา)
มีความคิดปรุงที่ทำให้เกิดความอยากปฎิบัติ และความไม่พอใจแทรกระหว่างเดิน
ก็คลายไปแล้วเกิดขึ้นใหม่ตามอาการของความคิด แล้วก็คลายอีกเป็นแบบนี้เรื่อยๆ
เวลาเกิดความอยากำหนดรู้หนอ (รอบนี้กำหนดที่ตัวความอยากได้ชัดกว่ารอบที่แล้ว)
ความอยากมาเป็นความใจร้อนอยากรีบเดินไปก่อน รู้เท้าได้
ลองเดินระยะ 1 2 3 มีปวดขา มีเวทนาแสบๆผิว 2-3 ครั้ง

พอมานั่งก็รู้อกขยับ รู้กายนั่ง มีเบื่อ มีมดกัด โดยรวมก็รู้กายได้ เวลาเผลอไปคิด
ไปไม่นาน

30/30 ค่ะพี่
ก็กำหนด แล้วก็รู้เท้า รู้ความคิด แล้วก็มันไม่ค่อยเครียดค่ะ
ความอยากก็มีค่ะ แต่มันมาแล้วก็ไป
ความคิดที่เกิดเวลาเกิดแล้ว มีความไม่ชอบใจจะไปคิดแก้ไข
ก็เห็นแล้วปล่อย เกิดความรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ แล้วก็รู้เดินต่อค่ะ

มีเวทนา ร้อนผ่าววูบขึ้นมา 1 ครั้งชัดๆ แล้วก็หายไป
มีปีติ มันไประลึกว่าตั้งแต่เจริญสติมา มีอะไรเปลี่ยแปลงไปบ้าง
มีกิเลส อยากเล่าให้พี่น้ำฟัง

การรู้เท้า ก็รู้ได้ ตามระยะของการเดินคือ 1 - 3 ระยะ
ก็รู้เท้าได้ตามแต่ละจังไวะค่ะ ก็มีฟุ้งๆไปคิด แต่ก็ยังรู้สึกถึงการเดินอยู่

รอบนี้ ไม่ค่อยเห็นตัววิพากษ์วิจารณ์ คือมันเปลี่ยนไประลึกถึงกุศลแทนเลยปีติ ก็รู้ค่ะ

แล้วก็พอมานั่ง
ก็มีเสียงดังกำหนดเสียงหนอตอนต้นๆ ใจมันเต้นไปตามเสียง แล้วก็จับอกเคลื่อนไหวได้
นั่งๆไปเกิดความกลัว โรคพัย กลัวตาย แล้วเกิดความรู้สึกเสียดายเวลา

มันก็ทบทวน เรื่องการใช้ชีวิต อย่างสิ้นเปลืองเวลา
และก็อยากจะใช้เวลากับการเจริญสติให้มากที่สุด
ก็ยังรู้กายค่ะ มันกึ่งคิดกึ่งรู้ว่ากำลังนั่งอยู่

แล้วก็ มีมดกัด มาห่างๆกัน ก็นั่งจนจบค่ะ
ส่วนใหญ่ก็ยังรู้กายได้ แต่หลังๆจะไปทบทวนเรื่องที่บอก และกลัวตาย
และอยากเจริญมรณานุสติ เพื่อฝึกตัวเอง มันไปคิดแต่เรื่องพวกนี้ค่ะ

ส่วนเสียงที่ดัง ก็ยังมีอยู่แต่หลังๆจิตไม่สนใจแล้ว
จบแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ กำลังคิดอยู่


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะคิดอะไรหรือคะ

สุขที่แท้จริง says:
คิดถึงเรื่องของหมู


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ทำไมเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:
นับว่ากุศลยังมีที่ได้เจอกับวา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่าค่ะพี่ ก็วันนี้ก็คิดถึงวาตอนเดินค่ะ ลืมไปเลยนะคะถ้าพี่ไม่พูดขึ้นมา
รู้สึกสำนึกบุญคุณวามากๆ อยากโทรไปคุย แต่ก็ยังกังวลบางเรื่อง

สุขที่แท้จริง says:
http://cctalin.multiply.com/journal พื้นฐาน สมถะมี

อ่านเรื่องราวของเด็กคนนี้ ทำให้คิดถึงหมู ตอนที่มาวาพามาหาพี่แรกๆน่ะ ที่ได้คุยกัน
อ่านหลายสิ่งหลายอย่างแล้วก็อึ้ง แต่ทีนี้การตีความ วิบากกรรมนะ มองแค่นี้ นับว่าหมูกุศลยังมี


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมม เอ้อ แต่ก่อนหนูก็ถาม อาจารคนหนึ่ง

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าจะถามสอบอารมณ์ทางดูจิต มันต้องถามว่า วันนี้เป็นไงมั่ง
เวลาความคิดเกิดน่ะ ดูทันไหม มันต้องถามทีละขั้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ อืม แล้วดูเผลอกะเพ่งนี่ ส่วนใหญ่เขาให้ดูแบบนั้น
แต่หมูดูไม่ได้ ยิ่งเพ่งน่ะค่ะ สมัยก่อน

สุขที่แท้จริง says:
มันต้องมีต้นจิต คือ ให้เอาจิตมารู้อยู่กับกายให้ได้ก่อน มันจะได้มีสติ สัมปชัญญะจะได้เกิด
ทีนี้พอดูจิต มันก็จะชัดขึ้น


เหมือนหมูตอนนี้ หมูเอาจิตมารู้อยู่กับกายได้ทันมากขึ้น ความฟุ้งมันก้น้อยลง
มันจะดูแต่ตัวเองละ ฟุ้งกับเรื่องของตัวเองละ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ แบบที่ทำมานี่มันรู้ได้เอง คือปรึกษาวิธีการ และฟังคำแนะนำแล้วพอไปทำ
แล้วมันจะเริ่มเข้าใจเอง ดีใจมาก ที่ได้ฝึกกะพี่น้ำ

สุขที่แท้จริง says:
โมทนาด้วยค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
สาธุค่ะพี่ _/_

สุขที่แท้จริง says:
ความศรัทธานะหมู ถ้าไม่บอกว่า ให้พูดตามความเป็นจริงได้
ความศรัทธาสามารถปิดกั้นจิตตัวเองได้ ดูจากประโยคนี้ที่น้องเขาระบายสิ


" ตอนหลังๆมา ดูกายไม่เป็นแล้ว เหมือนพอเข้าไปดู แล้วมันไม่เห็นค่ะ
ไม่เห็น เห็นว่ามันมีอะไร ขนาดยืนอยู่ แล้วคุณหมอถามว่ารู้สึกตัวไหมว่ายืนอยู่

ไม่เข้าใจว่าทำไม ไม่เห็นรู้สึกว่ายืนอยู่ ทั้งๆที่รู้ว่ากำลังยืน
คือเดี๋ยวนี้พอเห็นว่าทำอะไร มันไม่เห็นมีอะไรแล้ว
หรือว่าจริงๆเห็นแล้ว แต่ไม่รู้เอง หรือใจมันปฏิเสธเอง ไม่ยอมรับเอง
ก็เลยงงว่า ตกลงไม่เข้าใจหลักเองหรือเปล่า? "

น้องเขาปฏเสธความมีตัวตนของเขา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะกำลังไล่อ่านอยู่ ท่อนนั้นน่ะค่ะ เขาสับสน

" คุณหมอพยายามชี้ให้ดูมาก ว่ามันแว้บแรกๆ
ไม่เห็นๆๆๆๆ ดูยังไงก็ไม่เห็นๆๆๆๆ เศร้า(ให้รู้ว่าเศร้า)
แล้วบอกเราอีกว่า อยากทำสมถะมาเยอะเอง
ฮ่วยยยยยยยย หรือนี่คือ มิจฉาทิฐิ มีโมหะคลุมเลยไม่เห็น โอยยย ไอ้โง่ -*- "

สุขที่แท้จริง says:
สับสนหมดเลยน่ะหมู ไปขอบคุณวาเขาซะนะหมู นับว่ายังมีกุศลอยู่


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
สติกะสมาธิมันลงตัวกันพอดี แบบที่พี่ย้ำบอกอินทรีย์มันสมดุลย์หรือเปล่าคะ เลยเห็นความจริงได้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ สติดี สมาธิดี อุปทานมันจะไม่มี
มันก็เลยทำให้เห็นว่ากายกับจิตนี่คนละส่วนกัน แค่ชั่วขณะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ พอใจสภาวะเท่าไร ความทุกข์เหวี่ยงกลับมาเป็นบูมเมอแรงเลยนะคะ
ความพอใจ ก็เกิดจากเราคิดไปเองด้วย

สุขที่แท้จริง says:
อุปทานไงคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะเต็มไปหมดเลย...อ่านของน้องคนนี้แล้ว มันบอกไม่ถูก
อยากให้เขามีโอกาส ได้ศึกษาเหมือนที่หมูได้บ้าง

สุขที่แท้จริง says:
ศรัทธาแรง เลยมองอะไรไม่เห็น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
" ตอนนั้นจิตเป็นกังวลมากเลย รู้สึกเครียด เหมือนกำลังจะระเบิดออกมา
ในระหว่างที่กำลังระเบิดนั้น จู่ๆเราก็ได้เห็นว่าไอ้เมื่อกี๊ดับลงต่อหน้าต่อตา เกิดสภาวะผู้รู้ ผู้ถูกรู้ขึ้น
ความสุขบังเกิดตรงหน้า "

แต่หลักที่สอนนั้น ก็มีโอกาสที่คนทำได้จริงๆ
เพราะเป็นจิตตานุปัสนา คือหมูเห็นมีคนเห็นสภาวะ ได้เหมือนกันนะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
สติทัน มันก็เห็น คือ มีสติ เลยดูได้ทัน ตอนที่ความคิดของเขามันหายไป
แต่เขานิยมนำมาเรียกกันว่าเกิดดับ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่อออออออออ เกิด - ดับ

สุขที่แท้จริง says:
ความคิดก็ส่วนความคิ จิตก็ส่วนจิต
สติทัน การปรุงแต่งมันก็ไม่เกิด ความคิดก็สักแต่ว่าความคิด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คือส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า ดับนั่นคือจิตดวงก่อนหน้า แล้วดวงที่ไปรู้มันเกิดใหม่

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ดวงที่ไปรู้มันเกิดตามหลัง

สุขที่แท้จริง says:
ทั้งๆที่เป็นการทำงานของสติ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืม มันเลย เข้าใจคนละแบบนะคะ มึนๆไป
ไอ้ผู้รู้กะผู้ถูกรู้นี่ หมูก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันนะคะ แต่ได้ยินบ่อย

สุขที่แท้จริง says:
ผู้รู้ก็จิตไง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็เดาๆเอาแต่ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนั้นจริงๆ

สุขที่แท้จริง says:
สิ่งที่ถูกรู้ ก็สิ่งที่มากระทบไง หมูมองเห็นแตงกวา
จิตเกิดที่ตา แตงกวาจะกลายเป็นสิ่งที่ถูกรู้ทันที


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่อค่ะ คือหมูไม่คิด ว่า มันจะต้องเรียกเป็น ผู้รู้ กะผู้ถูกรู้
คิดว่า ผู้ร้กะผู้ถูกรู้จะต้องเป็นสภาวะสูงๆ ที่ยังไปไม่ถึงแบบนั้นน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เปล่า แค่อธิบายก็ถึงบางอ้อแล้ว ตาเห็นแล้วเป็นไง เอาสติไว้ที่แตงกวาหรือที่ตาล่ะหมู


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ตาค่ะพี่ แตงกวาอยู่ข้างนอก

สุขที่แท้จริง says:
แล้วรู้ว่าเป็นแตงกวาได้ไง ตัวอะไรทำงาน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มันปิ๊งขึ้นมาเองค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ตัวสัญญาทำงาน ความจำได้ หมายรู้ นี่น้องช้านน แตงกวา ตัวแบบนี้ หน้าตาแบบนี้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ตัวกลม ๆ ชอบแย่งของกินหมู

สุขที่แท้จริง says:
ตัวอะไรเกิดต่อล่ะ ตัวเวทนา ความรู้สึกชอบหรือชัง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมๆเอ็นดูค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
รักสิ เพราะนี่คือน้องเรา ตัวต่อมาทำงาน สังขาร


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อิ่มๆใจ

สุขที่แท้จริง says:
เห็นแล้วสงสาร จิตเกิดแล้ว เมตตา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แล้วก็ต่อด้วยเวทนาด้วยไหมคะ

หนูหมายถึงไอ้ความ เจ็บๆบ้าง สบายๆบ้าง หลังการปรุงน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ จริงๆแล้ว มันคือสังขาร


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่าวเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:
เพราะถ้าสติทันเราจะไม่ไปรู้สึกอะไรเลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
หมูนึกว่าความรู้สึกเจ็บบ้าง สบายบ้าง พวกนี้คือเวทนา เข้าใจผิดมา หลังความคิด

สุขที่แท้จริง says:
ปวด ร้อน หนาว เย็น สังขารทำงานทั้งนั้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ความคิด ก็สังขาร

สุขที่แท้จริง says:
มันต้องแยก สุข ทุกข์ นี่เวทนา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ความทุกข์ ทางใจ มันจะตามมาด้วยความทุกข์ทางกาย

สุขที่แท้จริง says:
โอ๊ยยปวดกระบาลเปล่าๆ อย่าไปสนใจคำเรียก ดุตามความเป็นจริงง่ายกว่าเยอะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เห็๋นด้วยค่ะพี่ หนูก็ว่างั้น

สุขที่แท้จริง says:
พี่น่ะรอดมาได้ เพราะดูมันตรงๆนี่แหละ
ไม่เห็นจะไปใช้ศัพท์อะไรเลย มาเรียนรู้เอาทีหลังทั้งนั้น
ขันธ์ 5 น่ะเหรอ ว่าตามสเปะสปะ เหมือนหนีความปวดน่ะปหละหมู


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ เหมือนยังไงคะ

สุขที่แท้จริง says:
พอมานั่งอ่านๆยังขำเลย ฉลาดแฮะเรา แทนที่จะไปนั่งปวดหนอ ศัพท์ไม่ได้รู้อะไรเลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็จริงๆ หลวงพ่อไม่ให้ทำแบบนั้น แต่หมูก็ทำเหมือนกันไม่ไหว จะบอกเรื่องน่าเกลียดกว่านั้นอีกนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
ทำง่ายๆแค่นี้ยังแทบแย่ ขืนเอาศัพท์มาใส่นะ เด๋วตายย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ของพี่น้ำแค่ดูที่อื่น หมูน่ะ เอามือหยิก หรือจิกนิ้วตัวเอง
ให้ย้ายมาสนใจจุดใหม่ซะอีก หนักไหมคะ อาการ

สุขที่แท้จริง says:
โห


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เป็นไงละคะ สุดๆไปเลย ทุเรศทุเรศ
คนที่รวบรวมหลักฐานนี่ เขาทำจริงจังมากๆเลยนะคะ ไม่รู้ว่าหาข้อมูลจากไหน
แต่หมูคิดว่าคนไม่เชื่อก็ไม่เชื่ออยู่ดี

สุขที่แท้จริง says:
ถึงบอกไง น่ากลัว แต่กรรมใครกรรมมัน มีเยอะไปสมัยนี้ เอาตัวเราดีกว่า


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืม ตอนแรก ที่พี่ย้ำบอกว่า แม้แต่ความคิด ก็ต้องข่มไว้ก่อน เพราะจะส่งผลทุกเม็ด

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
หมูก็สับสนมากๆนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
พูดได้ค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คือก่อนหน้านี้ หมูเคยถาม แล้วได้คำตอบว่าปล่อยไปเลย จะคิดอกุศลแค่ไหนก็ช่าง
อย่าให้ออกมาเป็นการกระทำ ถ้าไม่ได้เจจตนา เป็นแค่กรรมเบา
เขาเรียกกรรมอะไรสักอย่างจำไม่ได้ค่ะ หมูก็บอกมันหนักมากนะคะ มันปรามาสครูบา
ก็ได้รับคำตอบว่าไม่เป็นไร

หมูบอกหมูทุกข์ร้อนใจ
ได้คำตอบว่า เพราะมีโทสะ ถ้ามีสติก็จะไม่มีโทสะ

ตอนนั้นก็สบายใจขึ้นบ้างว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ในสายตา ของอาจารผู้ตอบ
แต่มันก็ยังแบกอยู่ รู้สึกผิดทุกครั้ง ไม่ได้คลี่คลายลงไปจากความรู้สึกอันแท้จริงของตัวเองเลย

พอมาเจริญสติแบบปัจจุบัน เชื่อตามคำสอน บางครั้งก็จะเข้าใจขึ้นมาจริงๆ จากใจของตัวเอง
แล้วมันก็แปรเปลี่ยนไป มีทุกข์ร้อนอีก ตามสภาวะ เด๋วดีเด๋วร้าย แต่มันก็ไม่ได้ทุกข์เท่าแต่ก่อน
มีความเชื่อมั่นในการปฎบัติ ว่า ทำไมมีสติแล้วจะไม่ปรามาส

เพราะเห็นแล้วว่า เวลาเกิดสติจริงๆ มันควบคุมตัวเองได้ จะหลงแล้ว
ก็รู้ตัวแล้ววมารู้ตัวเป็นตัของตัวเองได้

ทำให้เริ่มเข้าใจว่า ทำไมมีสติแล้วจะไม่ปรามาส แต่ก่อนไม่รู้ ไม่เข้าใจ ว่าจะหายได้ยังไง
เพราะไม่เข้าใจลักาณะของการมีสติกะขาดสติ ไม่รู้ว่าความคิดมันก็แค่กิเลส เนี่ยค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ อย่างที่หมูถามมาเรื่องความคิดอกุศลเมื่อกี้
อะไรก็ตามถึงแม้ยังไม่ก่อให้เกิดการกระทำ แต่มันคืออกุศล ถึงแม้จะเป็นความคิดก้ตาม
ทำบ่อยๆมันจะกลายเป็น อาจิณกรรม มันเกิดจากการสะสมเอาไว้ มันสามารถก่อให้กลายเป็น
การกระทำลงไปได้ หากสติไม่ทัน

อกุศลพี่ถึงย้ำนักหนาว่า ถึงแม้จะต้องทั้งกดข่มมันก้ต้องทำ
เราอาจจะเหนื่อย อาจจะทุกข์แค่แรกๆ เพราะสติยังไม่ทัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่น้ำ หมูเข้าใจมากขึ้นค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
น่ากลัวนะหมู พี่น่ะเมื่อก่อนนะ ว่าแม่งี้ ในใจน่ะ ว่าพระงี้ ยามที่ไม่ถูกใจ
พอมีสตินะ มันเกิดแต่ดับทันที ไม่ได้แอ้มหรอก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ สตินี่ยิ่งกว่าสมบัติ ชีวิตนี้มีค่าจังเลยนะคะพี่

สุขที่แท้จริง says:
จิตมันพูดได้ มันสร้างภาพให้เกิดความกลัวได้ ทำแบบนี้นะจะต้องเจอแบบนี้ เอาป่ะ
แหมมมม ไม่ต้องมาขู่หรอก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ของพี่น้ำสร้างแบบนั้นเลยเหรอคะ โหๆ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ มันสร้างแบบนั้นเลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ขนหัวลุกนะคะแบบนั้น แต่ดีค่ะ เอาให้กลัว ไปเลย จะได้ไม่ทำ

สุขที่แท้จริง says:
กลัวสิ ทำให้ไม่ไประมาท ไม่ไปว่าใคร เพราะว่ารู้ว่า ว่าเขานะ โดนแน่นอน คิดก็ไม่ได้นะ โดนแน่นอน
แต่เรื่องการปฏิบัตินี่พูด พูดกับแค่คนที่พูดได้ คนไหนพูดไม่ได้ ไม่แตะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ความคิดเริ่มเห็นชัดขึ้น สำหรับหมู
แล้วความคิดอกุศลที่เกิดบ่อยๆ เมื่อมองแล้ว ก็คือ เวรกรรมที่หมูเจอทุกวันนี้
เจอคนอื่นปฎิบัติกับตัวเอง เหมือนกับที่ตัวเองคิดกับเขา โดยพลั้งเผลอ
ทำให้รู้สึกว่า เราสะสมอะไรมา

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ ยิ่งมองเห็น การปรุงแต่งมันก็หดไปเรื่อยๆ
วิบากกรรมใหม่ย่อมน้อยลง เหตุไม่มี ผลจะเอามาจากไหน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ดูนิสัยเรา ไม่ต้องจ่ายค่าหมอดู ก็รู้ว่าตัวเองทำกรรมอะไมานะคะ ประหยัด
หมูอ่าน บล็อกพี่น้ำ ที่เขียนว่าปฎิบัติถูกกิเลสลด ปฎิบัติผิดกิเลสเพิ่ม
ปฎิบัติผิดนี่คือไม่ได้เจริญสติ ใช่ไหมคะในความหมายของพี่น้ำ
หรือเจริญสติแต่ไม่เท่าทัน แล้วไปหลงสภาวะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยค่ะ ใหม่ๆ ดูเหมือนยาก ดูเหมือนลำบาก เพราะเรายังไม่เข้าใจตัวเราเอง
เรากำลังเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเราเป็น แรกๆรับไม่ได้เลย ทำไมเราเป็นคนแบบนี้ เห็นแก่ตัว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
รับไม่ได้ คิดแต่เรื่องต่ำๆ

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ คอยโมโหเวลาโดนเขาว่า เพราะความไม่รู้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ เรื่องคนว่านี่ไม่ได้ จะโลดแล่นไปกัดขบคอ

สุขที่แท้จริง says:
นิสัยไม่ดีทั้งนั้นเลยนั่น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
จิงๆค่ะ เวลาเย็นๆ อยากรู้ว่าสติดีไหม เจอคนว่านี่รู้ทันที ว่าโอ้ย ยังไม่ทัน

สุขที่แท้จริง says:
ใช้เวลาค่ะ ชดใช้เขาไป เพราะเราเคยสร้างเหตุมาร่วมกับเขา ต่อไปจะได้ไม่ต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ตอนนี้ก็คิดแบบนี้น่ะค่ะ ช่วยได้เยอะ
เนี่ยพี่น้ำ พี่น้ำบอกว่าอ่านกิเลสๆ หมูก็งงๆนะคะพี่ ว่าอ่านยังไง

ทีนี้ พอหมูไปเม้นท์ เลยเริ่มเข้าใจจิ๊ดหนึ่ง ว่าเออ ตัวตนเกิด
แล้วก็เออนะ ทำ พูด คิด เหมือนตอนคุยกะพี่น้ำเลย มันไม่ทิ้งแนว

นี่มั้งกิเลสของพี่น้ำ ที่พี่น้ำบอก แล้วยังไงต่อรู้ไหมคะ
มันก็เกิดอกุศลจิต จะหนีไงคะ เออหรือเราจะสร้างอีกชื่อหนึ่งมา

สุขที่แท้จริง says:
น่านนนน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เขาจะได้จับไม่ได้ แล้วดัดแปลงคำพูด ไม่งั้นรู้ดิว่าเป็นเรา

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจมากขึ้นใช่ไหมคะ โกหกคนอื่นๆได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ใช่ค่ะ เข้าใจมากขึ้นจริงๆ พอเราไปอยู่จุดนั้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 18 เม.ย. 2010, 19:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2010, 21:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 235

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/30 ค่ะ
ก็รู้เท้าค่ะ ตอนต้นก็ไม่พอใจมาก หงุดหงิดฟุ้งซ่าน
เพราะเรื่องปลวกค่ะ ขึ้นรังใหม่อีกแล้ว ก็วนเวียนจะหาวิธีจัดการ อยู่สักพักใหญ่
กำหนดรู้หนอที่หน้าอกมันแน่น ที่จิตฟุ้งๆ ไม่หาย

สักพักเลยลองคิดว่าเราแกะรังเขาออกหลายครั้ง เขาก็ยังขยันสร้างใหม่
จริงๆเขาถูกเราเบียนเบียดแต่เขาก็ยังทำงานของเขา

เราสิโดนเขากระทบแค่นี้เสีย อารมณ์ รักษาจิตไม่ได้ ให้ตกอยู่ในความฟุ้งซ่านอกุศล
ก็คลายไป ก็เลยเปลี่ยนความรู้สึกไปค่ะ แล้วเริ่ม มาตั้งใจรู้เท้าได้มากขึ้น

ทีนี้ก็มีเวทนาเหมือนมดกัด มาแวบๆแล้วหายไป แล้วก็เด๋วมาอีกแต่ไม่ติดต่อ
มีเวทนา เจ็บโน่นนี่ตามกาย แล้วมันเปลี่ยนแปลง ไม่ได้บริกรรมรู้หนอ บางครั้ง
เพราะมันเปลี่ยนไปแล้ว แต่บางอย่างกำหนดบิกรรมได้ก็กำหนดลงไป

ความ อยาก หรือความไม่อใจ ก็กำหนดรู้หนอไปค่ะ
บางทีก็เห็นมันคลายไปเองโดยไม่ได้กำหนดรู้หนอ

แล้วก็การรู้เท้า ก็รู้เท้าได้ มีตัววิจารณ์แทรก ตัวจิตที่เถียงกันแทรก ก็พยายามมาสนใจเท้าค่ะ
แล้วมันก็ ไม่ได้แสดงมาก มีเวทนาแปลบๆชาๆตามเท้า ตามแขนแล้วก็หายไป ยังไม่ทันกำหนดรู้หนอ

มีจะปรามาส คือจะไปคิดเรื่องครูบาตอนเดิน
เช่น กำหนดขวาย่างหนอ มันแทรกขึ้นมา เป็นหตุการณ์ ที่คุยกันเกี่ยวกับ ครูบา
ก็กลายเป็น ขวา คิดหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ
พอแทรกก็กำหนดคิดหนอทันที แล้วต่อด้วยก้าวขาต่อค่ะ
มันก็ไม่ขึ้น ต่อแต่เดียวมาอีก ก็กำหนดอีก แต่ถ้าเป็นอกุศลที่จะขึ้นต่อ
ก็กำหนด อกุศลหนอ บ้าง คิดหนอบ้าง แล้วก็สำทับรู้หนอ

พอมานั่ง
ก็จับกายขยับได้ปนจิตมันกึ่งๆหลับใน พูดๆ แต่ยังจับกายได้บ้างค่ะ ไม่ได้หลับไป

สุขที่แท้จริง says:
เรื่องปลวก ปัญหาไม่รู้จบของหมู


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ใช่ค่ะ เฮ้อ ย้ายแล้วมาอีก ขึ้นที่ใหม่

สุขที่แท้จริง says:
ให้ดูหนังสือ ไม้ ให้ดีๆ ไปหาซื้อกล่องพลาสติกมาใส่ซะ
ตรงไหนที่เจอเขา กวาดให้หมด ทำความสะอาด จนแน่ใจว่าไม่มีเขาออกมาเดินอีก
แล้วนะเชลล์ไดท์ฉีดให้ทั่ว เขาได้กลิ่น เขาจะไม่มา
ต้องคอยหมั่นดู เขาจะย้ายไปที่ๆที่เขาสามารถสร้างรังได้อีก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ หมูไม่ได้ใช้เชลล์ไดรฟซะที

สุขที่แท้จริง says:
ก็บอกไปแล้ว บอกไปนานแล้ว อย่าไปกังวลว่าจะโดนตัวเขา เพราะเราไม่ได้เจตนา
เราฉีดเพื่อเอากลิ่นไล่เขา ไม่ได้คิดฆ่าเขาแต่อย่างใด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พรุ่งนี้จะไปซื้อแล้วค่ะ แล้วจะซื้อไม้กวาดด้วย ทิ้งไปเลย

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ กวาดให้เกลี้ยง ตัดปลายก่อนล่ะ เวลาใช้ไม้กวาดใหม่ๆน่ะ
วันที่ 12 กับ 13 หยุดป่ะ พี่จะชวนไปสรงน้ำพระที่วัดตาลเอน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
12 - 13 ต้องกลับบ้าน แต่อาทิตย์นี้ มีเวลาค่ะ แต่ไม่รู้พี่น้ำยุ่งไม หรือ พี่น้ำจะไปวัด
12 หมูกลับบ้านยาวเลยค่ะ เพราะแตงกวารออยู่ อ่อพี่น้ำไป 12 - 13 หรือคะ

สุขที่แท้จริง says:
อยากชวนไปค้างคืนน่ะหมู จะได้ไปทำกรรมฐาน กลับวันที่ 13 น่ะแหละ หลังสงฆ์น้ำพระแล้ว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เอ้อ อดอีกแล้ว ช่วงวันหยุดยาวนี่ หมุส่วนใหญ่ต้องกลับบ้าน
12 หมูยังทำงานเลยค่ะ พี่น้ำหยุดแล้วเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:
หยุดแล้วค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ดีจัง หมูยังสอนอยู่เลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เสร็จแล้วค่ะพี่ 40/20 ค่ะ
เดินฟุ้งซ่านค่ะ สักพักพอเริ่มเดินระยะที่ 2 ก็ค่อยดีขึ้น ก็มีความ อยาก ใจร้อนไป
มีตัววิจารณ์ ตามด้วยความไม่พอใจ แน่นๆ ก็กำหนดรู้หนอไป
ตัวปรามาสจะขึ้นมาเรื่อยๆ มาเป็นภาพพระ หรือทวนเหตุการณ์เกี่ยวกับท่านนั้นก่อน
ก็รีบกำหนดคิดหนอ รู้หนอ มันก็หายเป็นจุดๆ แล้วขึ้นอีกเป็นจุดๆ ก็กำหนดไปๆ

แล้วมันก็เปลี่ยนรูปแบบเป็นรูปพระจะปรามาสก็ขึ้นมาเบาๆเป็นภาพ
ก็กำหนดสำทับไปจนหยุด แล้วก็แปปนะคะ พอดีมีคนมาเคาะห้อง
ก็เห็นความเครียดความไม่พอใจตามหลังความคิด

มีเวทนา เจ็บโน่นนี่ กำหนดไปก็หายค่ะ มีสภาวะซ้อนๆกัน
เช่น เวทนา พอกำหนดหาย อีตัวจะแทรกขึ้นมากำหนด หรือรู้ลงไปด้วยจิต
แล้วปรามาสจะขึ้นมา มันซ้อนๆ แล้วพอหาย ก็เกิดกิเลสพอใจสำทับอีก
ก็กำหนดรู้หนอไป หลังๆฟุ้งเบื่ออยากเลิกเดิน

พอมานั่ง
ก็รู้สึกนานมากแค่ 20 นาทีเอง ก็รู้กายนั่ง แต่จำไม่ค่อยได้ค่ะ
มีคิดๆด้วย ง่วงๆ แต่ไม่ได้เคลิ้ม ก็รู้กายขยับได้ค่ะที่ท้อง คลับคล้ายคลับคลานะคะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ห้ามกันไม่ได้หรอกความคิด พอถึงจุดๆหนึ่ง มันจะหยุดคิดได้เอง
ก็ฟัดกับตัวเองไปก่อนละกันนะ เคยฟัดมาแล้ว เข้าใจดีค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็จริงนะคะ ตัววิจารณ์มาเมื่อไร ก็จะหงุดหงิดไม่พอใจทุกที ถ้าไม่มีตัวนี้สบายละ

สุขที่แท้จริง says:
คิดได้คิดดี บางทีไม่ได้อยากคิดหรอกนะ แต่แล่วๆๆๆๆๆ มันพุ่งปิ๊ดขึ้นมาเอง
สภาวะที่พี่เขียน ถึงมีแต่เอาหลักๆลงไป เพราะที่คิดน่ะ มันมีเยอะ
เอาเรื่องปฏิบัติอย่างเดียว พี่ทำแบบนั้นแหละ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ เลยสั้นๆ

สุขที่แท้จริง says:
มีมาตอนหลังนี่แหละ ที่พี่เขียนข้อปลีกย่อยเยอะ สภาวะน่ะ เพราะรู้สึกว่า
พอได้เขียนข้อปลีกย่อยในสิ่งที่เราคิดลงไป มันเห็นสภาวะชัดมากกว่าไม่เขียนนะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ของพี่น้ำคิดแนวไหนคะ ของหมูแนวกดดันตัวเอง ไม่พอใจการปฎิบัติ

สุขที่แท้จริง says:
พี่น่ะ มีแต่เรื่องส่วนตัว เรื่องชาวบ้านไมม่มีหรอก เมื่อก่อนนี้ มีแต่อยากรู้หนอๆๆๆๆ
จะได้รวยไง ถ้ารู้หนอ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ อยากกันคนละแบบ

สุขที่แท้จริง says:
ตอนนี้เลยรวยยิ่งกว่ารวยอีก รวยความสุขใจ อิ่มเอิบใจ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แล้วก็ทิ้งรู้หนอไปเลย แล้วตอนพี่น้ำรู้หนอครั้งแรกตกใจไมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใครจะว่าอะไรมา ต่อให้เรารู้สึก แบบรู้สึกอ่ะะนะว่าเขาไม่ชอบเรา เขาเกลียดเรา มันแค่กระทบแว่บเดียว
มันก็ดับ ไม่ไปเกาะเกี่ยวอารมณ์ตรงนั้นนานเหมือนเมื่อก่อน ใจมันก็เลยสุข
ไม่นะ มันก็แปลกดี เหมือนกับ พี่เคยชินกับเรื่องพวกนี้ เลยไมม่มีตื่นเต้นหรือดีใจอะไร


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
จิงๆ พี่น้ำก็รู้ได้ตั้งแต่เด็กแล้วนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แล้วทำไม ยังอยากรู้อีกอะคะ

สุขที่แท้จริง says:
เพราะอวิชชามังคะ วิบากกรรมน่ะหมู ต้องชดใช้หนี้เขาสิ ไม่งั้นก้บวชเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆแล้วสิ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ไว้ตามอ่านบันทึกเก่า พี่น้ำอาจเขียนไว้ว่าครั้งแรกรู้สึกไง

สุขที่แท้จริง says:
นั่นสิ พี่จำเรื่องสภาวะเก่าๆไม่ได้เลยนะ อาจจะเพราะไม่เคยใส่ใจหรือเอาจิตไปจดจ่อ
กับผลที่จะได้รับมั๊ง ก็บอกแล้ว ทำแบบไม่รู้เรื่อง ทำมันไปเรื่อยๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ สบายดีนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
สบายดีไหม เท่าๆที่อ่านสภาวะ ไม่สบายนะ กดดันตัวเองเหมือนกันนะ อยากรู้หนอๆๆๆๆๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เอ้อ กดดันเหมือนกันอีก แต่คนละแบบ คราวหลัง หายไปเลยเวลานะคะ มีอยู่วันที่อ่าน

สุขที่แท้จริง says:
ฮ่วยยย เมื่อไหร่จะทำได้เหมือนชาวบ้านเขาสักที นั่งได้นานๆๆๆ
เห็นไหม เพราะความไม่รู้ คิดว่า คนที่นั่งได้นาน คือคนเก่ง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พี่น้ำเดิน 3 ชั่วโมงมั้งคะ แล้วพี่น้ำตกใจว่าทำไมนานขนาดนั้น
เอ เราไมรู้ตัวเลยเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:
คงเพลินน่ะหมู สติไม่ทัน ก็มีเรื่องเล่านะ หลวงพ่อจรัญท่านเขียนเอาไว้ในหนังสือกฏแห่งกรรม
มีครู 3 คน ไปขอรับกรรมฐานกับท่าน แล้วพระท่านสอนเดินจงกรมนี่แหละ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ ที่บอกเริงร่าในธรรมหรือเปล่าคะ จำได้ๆยังคิดว่า จิงอะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยค่ะ หลวงพ่อต้องไปบอกน่ะ ถึงได้รู้ตัวกัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คือไม่ได้ค้านนะคะ แต่ว่าโหเดินได้ยังไง

สุขที่แท้จริง says:
เห็นพี่ป่ะ เชื่อยังล่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ ก็จริงๆค่ะ อ่านแล้วมีจริงๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2010, 20:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 236

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
60/40 ค่ะ
เดินกำหนด ช่วงต้นก็รู้เท้า เห็นความคิด คู่กะการรู้เท้า เห็นอารมณ์ที่เกิดจากความคิด
เห็นอารมณ์หรือความรู้สึก นั้นคลาย หรือหายไป เห็นคู่กันไปแบบนี้ค่ะ

มีปีติ ตัวที่มักจะพูดๆมันก็พูดเหมือนเดิม แต่มันไปพูดเชิงกุศล เรื่องกัลยาณมิตร
ว่าโชคดีที่ได้เจอ แล้วเกิดใจฟุ้งและอิ่มใจ ก็กำหนดรู้หนอ ว่ามีปีติ แล้วก็เดินต่อ
เมื่อเดินไปก็เร่มมี ความคิด เกี่ยวกะพระเป็นภาพผุดขึ้นมา พระที่เรานับถือ ก็เกิดความกังวล
กลัว อารมณ์นี้จะ ก่อให้เกิดปรามาสตามมาเสมอก็เลยกำหนดรู้หนอไป
บางทีเดินๆอยู่ระหว่างเดินอารมณ์นี้ขึ้นก็กำหนดคิดหนอไป
แล้วกำหนดก้าว หนอต่อ แล้วขึ้นอีกก็กำหนดอีก มันก็เลยยังไม่ไปปรามาสค่ะ

ความอยากและความไม่พอใจมีมาเรื่อยๆ เมื่อไม่ทันความคิดค่ะ
เป็นความคิดที่ไม่พอใจ สภาวะ หรือตัวที่พูดตำหนิว่า ปฎิบัติไม่ดีแบบไหน
ต้องเป็นแบบไหนถึงจะถูกขึ้นมา ก็กำหนดรู้หนอที่ความฟุ้งหรือความทุกข์ ไม่พอใจที่เกิดค่ะ

หลังๆเวลาเดินบางทีก็มีสมาธิอยู่ที่เท้าได้ดี แล้วสักพักก็มีความคิด ผุดขึ้นมา
เป็นเรื่องที่เราเคยกังวล หรือคน ที่เราเคยมีเยื่อใย เคยแคร์ผุดขึ้นมา แล้วทำให้ ฟุ้งซ่านค่ะ

จากนั้นจังหวะในการเดินก็จะปลี่ยนก็คอยดูอยู่แล้วก็กำหนดรู้หนอ แล้วไม่ปล่อยให้จังหวะเสีย
ค่อยๆทำ ก็ค่อยสงบลงกลับมารู้แบบมีสมาธิดีขึ้น มีเผลอไปขำ เพราะอยู่ๆจิตก็ผุดเป็นเพลง ตลกๆ
ขำนานเหมือนกันค่ะก็กำหนดรู้หนอแล้วค่อยๆคลาย

พอมานั่ง
ก็รู้ท้องขยับ + ใจก็พูดๆแต่ยังรู้กายขยับต่อเนื่องตลอดแต่ก็มีที่มันสติไม่แจ่ม
คือกึ่งๆรู้กายกึ่งๆตามความคิด มีเมื่อย หนาวก็กำหนดเปลี่ยนท่านั่ง

มีเวทนามดกัดซ้อนๆกัน 2 จุด กำหนดรู้หนอไปค่ะ ขึ้นมาหลายครั้งเหมือนกัน จากนั้นพอหายแล้ว
นั่งไปอีก มีเวาทเจ็บแบบ เหมือนอะไรกดแรงๆจี้ๆที่เท้าขึ้นมาติดๆกัน ก็รู้ลงไป
ใจไม่ได้เจ็บแต่กายมันรู้ว่าเจ็บ แล้วสักพักก็หายไป สักพักใหญ่ก็หมดเวลาค่ะ

60/30
รอบนี้ก็ฟุ้งซ่านค่ะ การรู้เท้าจะรู้แบบบหยาบๆคือ จังหวะที่ชัดๆ ยก อย่าง วาง
ก็อกุศล คือยังไม่ได้เกิดแต่กำลังจะไปคิด ก็กำหนดคิดหนอ มันขึ้นมาแทรกตอนเดิน
ก็กำหนดไป 1 ครั้ง แล้วต่อด้วยกำหนดเดินต่อ จะขึ้นมาอีกก็กำหนดไปอีก จนเรื่องนั้นมันหหมดไป

พอเดินๆไปอีกสักพักเรื่องอกุศลใหม่จะขึ้น ก็ทำแบบเดิมอีก ความฟุ้ง ที่รู้สึกว่าเป็นอารมณ์
ก็กำหนดรู้หนอลงไป แต่ไม่ทุกครั้งเพราะมันไปคิดโน่นี่ตลอด แต่ไม่จับกับความคิดอะไรที่ชัดเจน
มีภาพปลวกขึ้นมาเป็นระยะ ตอนนั่งด้วยค่ะ

พอมานั่ง
ก็รู้กายนั่งไม่จับกายเคลื่อนไหว มีภาพปลวกกะสัตว์เลื้อยคลาน อย่างงู
จากนั้นก็มีเวทนา มดไต่หรือแมลงไต่ๆ ก็รู้ไปเรื่อยๆ
สักพักมีเสียงกระแทกประตูปังจากห้องอื่น เห็นใจมันไหวขึ้น กายไหวตามใจ
แต่ข้างใน ยังมีนิ่งๆ ไม่กระเทือนข้างใน แล้วก็นั่งๆไปก็มีตัวไต่ๆมาตลอดค่ะจนจบค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ของหมู ไม่มีอะไรหรอกนะ
กลับไปอ่านสภาวะเก่าของพี่ได้นะ หมูจะเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมมันวนๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ พี่น้ำบอกว่าทบทวนใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่จ้ะ จนกว่า อะไรๆมันพร้อม สภาวะจะเปลี่ยนไปเอง
พี่เอารายละเอียดที่ไม่ได้ลงน่ะ ไปลงเพิ่มมาในกระทู้เดือนเก่า


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ พี่ หมุก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ

สุขที่แท้จริง says:
ก็จะเจอกับสภาวะใหม่ต่อ เหมือนเล่นเกมน่ะ ต่อสภาวะไปเรื่อยๆ
คิดเสียว่าเล่นเกมละกัน แต่เล่นกับกิเลสตัวเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เอ้อ เปรียบแล้วเห็นภาพเลย พี่คะจริงๆแล้ว สภาวะไม่สำคัญหรือเปล่าคะ
แต่สติที่มีต่อสภาวะนั้น คือสิ่งสำคัญ


สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยยยค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
สภาวะไม่สำคัญอะไรเลย แต่สะท้อนให้เห็นว่าสติเป็นไง

สุขที่แท้จริง says:
อันนี้แหละสำคัญที่สุด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ แต่สามารถ ใช้สภาวะเพื่อบ่งบอกสติ และความยึดมั่นถือมั่นได้

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ว่าระดับสติมีมากแค่ไหน สภาวะจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
หากสภาวะยังไม่เปลี่ยน นั่นคือ สภาวะเก่าเรายังไม่ผ่าน สติยังไม่มากพอ
พี่ถึงบอกไง ทำไป ไม่ต้องไปหวังผลหรือไปคาดหวัง คาดเดาใดๆ
จะได้ไม่ต้องไปฮึดฮัดกับตัวเอง เพราะยังมีหวัง มันไม่ได้ดั่งใจเลยทำให้ไปฮึดฮัดแบบนั้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ เข้าใจค่ะ ยังสติไม่พอ ยังยึดมั่นถือมั่น ต่อสภาวะ

สุขที่แท้จริง says:
อย่างพี่ตอนนี้รู้นะว่าอยู่อย่างนี้เพราะอะไร เพราะสมาธิยังไม่มีกำลังมากพอ ไม่มีไปเดือดร้อนอะไร
เฉยๆรู้อยู่กับสภาวะ ดูอารมณ์ ดูสิ่งที่มากระทบ ดูจิตว่าเป็นยังไง ระดับการเกาะเกี่ยวนานไหม


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ เข้าใจขึ้นค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ป่ะ แบบหมูก็ดูไป เดินแล้ว รู้อยู่กับกายได้ดีไหม รู้เท้ากระทบพื้นชัดดีไหม
จิตส่งออกนอกบ่อยไหม นานไหมกว่าจะกลับมารู้ที่กายได้

เวลานั่ง ก็ดู ดูว่าเอาสติมารู้อยู่กับกายได้ตลอดไหม มีแว่บไปข้างนอกบ่อยไหม
เวลาสมาธิเกิด รู้ตัวไหม เวลาสมาธิคลายตัวรู้ไหม มีเวทนาเกิดไหม เกิดแล้วเราไปรู้สึกกับมันมากไหม

มันปวดเพราะอะไร มันนั่งแล้วสบายเพราะอะไร จับลมหายใจได้ไหม จับท้องพองยุบได้ไหม
เห็นกายเคลื่นไหวชัดไหม เสียงที่ดังมา เราได้ยินชัดไหม แล้วไปรำคาญเสียงที่ได้ยินนั้นไหม

ไปหงุดหงิดกับสิ่งที่มากระทบไหม หลักๆการดูจิตตัวเองมันมีแค่นี้แหละหมู
ดูจิต ดูกิเลส ดูสภาวะ แล้วแต่จะใช้คำเรียกกันน่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ระดับสติหมูยังจับได้ที่เป็นหลักๆ

สุขที่แท้จริง says:
มันต้องเรียนจนรู้ด้วยตัวเองน่ะหมู มันถึงจะอธิบายสภาวะหลักๆได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็ฝึกไปเรื่อยๆ ก่อน แล้วจะเก็บไว้ค่อยตรวจสอบตัวเองค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2010, 01:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 237

วันนี้ไปวัดมหาธาตุกะพี่น้ำมา ปฎิบัติช่วง 13.00 - 16.00 น.
ตอนที่ไปวัดก็บังเอิญมีพิธีรดน้ำพระสงฆ์ ครบรอบอายุวันเกิดท่าน ได้เข้าไปรดน้ำท่านด้วย
ถือว่าสำรวมได้ดีขึ้น จิตไม่ปรามาสขึ้นมา และคอยกำหนดรู้อยู่ตลอด
วันนี้อยู่ที่วัดตอนปฎิบัติ เวลาจะไปคิดเรื่องพระ หรือจิตมันจะไปฟุ้งเรื่องอกุศลอะไร คอยระวังตลอด
กำหนดคิดหนอ รู้หนอ หรืออกุศลหนอดักไว้ก่อนแล้วแต่จะขึ้นอะไรทัน ทำให้ไม่ไปล่วงเกินท่านๆได้
แล้วก็ อากาศร้อนแต่ใจมันก็ยังมีสงบอยู่กะกายได้ ทำให้ไม่ร้อนใจ ไม่ทุกข์
รู้สึกว่ามีความสุขง่ายขึ้น แค่ไม่ทุกข์ใจนี่ก็สุขแล้ว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
60/40 ค่ะ
รู้เท้า ความรู้สึกจะนิ่งๆหน่อย ปกติฟุ้งซ่านจะ ฟุ้งขึ้นมาและเหนื่อยเลย
แต่อันนี้เวลามีความสนใจหรือคิดอะไรมันจะแผ่วๆไม่ฟูขึ้นมา แต่ก็รู้ว่ามีมันอยู่

เดินๆไป ถ้าเผลอไปคิด ก็จะเฉไปคิดอกุศล ก็กำหนดคิดหนอรู้หนอหายไปแล้ว ค่อยเดินไหมก็ยังไม่ขึ้นค่ะ
หรือเวลาเดินบางทีสวนขึ้นมาเป็นอารมณ์อกุศลยังไม่ขึ้นรายละเอียดก็กำหนด คิด ยังไม่หนอ ก็หมดไป
แล้วก็ ขึ้นอีกก็คิดอีก ยังไม่หนอก็หมดไปอีก 2-3 ครั้งติดกัน แล้วค่อยกำหนดเท้าก้าวต่อ

มีความอยากเกิดตามหลัง ความคิดที่ขึ้นมาแวบหนึ่ง เห็นมันขึ้นแล้วเห็นอาการทุกข์ของจิตฟูขึ้นมา
ก็กำหนดรู้หนอแล้วมันก็จางไปแล้วก็มารู้เท้าก้าวย่างต่อ เป็นแบบนี้ 2-3 ครั้งค่ะค วามอยาก
หลังๆเริ่มฟุ้งซ่านค่ะก็รู้เท้าต่อแต่มันจะ ไม่ละเอียดและ เดินเร็วขึ้น

พอมานั่ง
ก็รู้กายนั่ง กะเผลอไป แบบลอยๆ แล้วก็เอาจิตมารู้กายนั่งอีก
มีมดกัดค่ะหลายครั้งเหมือนกัน กำหนดรู้ไปค่ะ ขึ้นหลายจุด
แล้วก็ท้ายๆก็มีแค่จิตลอยๆ ไม่จับกาย แต่ไม่ถึงกะไหลไปในความคิดกะ เอามารู้ว่ามีกาย

เสร็จแล้วค่ะพี่ 15/15 ค่ะ
การรู้เท้า ก็รู้โดยบริกรรม มีความอยาก เพราะแวบคิดถึง ความรู้เรื่องธรรมมะ
แล้วเกิดความอยาก กำหนดรู้หนอ 3 ครั้งแล้วคลาย
แล้วก็มาสนใจเท้าต่อได้ แต่จะอยากถี่กว่ารอบที่แล้วค่ะ

ปรามาสจะขึ้นก็กำหนดคิด ติดกัน 3 ครั้ง แล้วละมาสนใจการเดินได้
ก็มีเวทนามดกัด 2 ครั้ง ติดกันแล้วหาย ยังไม่ทันกำหนดรู้ค่ะ

พอมานั่ง
ก็มีเวทนามดกัด กำหนดไปสัก 5 ครั้งมั้งคะ ก็ค่อยคลายไป รู้กายได้ แต่จำรายละเอัยดไม่ค่อยได้ค่ะ
มีภาพปลวกขึ้นหลายครั้ง ก็มีกำหนดรู้หนอไปค่ะ บางทีก็ขึ้นแล้วรู้ก็เปลียนไป

สุขที่แท้จริง says:
กำลังคิดถึงเรื่องวันนี้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ ทำไมหรือคะ

สุขที่แท้จริง says:
ว่า เรานี่ยังนับว่ามีกุศล ที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้กระทำความดี
ไปนึกถึงเรื่องมาเพ่งโทษ จิตเสพแต่อกุศล คิดอกุศลแค่ 1 ขณะ จิตไปแล้ว
มีแต่ความเศร้าหมอง หามีประโยชน์อันใดแก่ผู้พูดเลย

นี่นะ สติ มันบอก สัมปชัญญะมันจะรู้ มันจะแยกแยะให้กับเรา ว่า กิจอันใดควร กับกิจอันใดไม่ควร
เวลา ไม่รู้ว่าจะเหลืออกีกี่มากน้อย ความรู้สึกมันบอกแบบนั้นนะ ขอใช้เวลาที่เหลืออยู่แบบมีค่าดีกว่า


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ใช่ค่ะพี่ ชีวิตนี้ต่อให้อายุยืนถึง 100 ปี ก็ยังสั้น ต่อการปฎิบัติธรรม

สุขที่แท้จริง says:
ใช่หมู คำว่าพอ สำหรับการปฏิบัติมันหายาก พอ ตัวนี้ไม่ใช่ความอยาก
แต่เป็น พอ ที่รู้ถึงหน้าที่ ที่เราต้องทำ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ กว่าจะสะสมสติ กะความเข้าใจ ปล่อยวางกิเลสได้

สุขที่แท้จริง says:
นี่แหละ หากตั้งจิตไว้ผิดที่ ผลก็ส่งกลับมาหาเรา หากตั้งจิตไว้ถูกที่ ผลก็ส่งกลับมาหาเรา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
จิตนี่ก็กลับกลอก จิงๆ ต้องฝึกมันมากๆ

สุขที่แท้จริง says:
กิเลสไงหมู มันล่อหลอกทุกทวาร


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2010, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 238

April 13
60/40 และ 30/20
เดินฟุ้งมีคามทุกข์ขึ้นมาบีบคั้นเรื่อยๆ แต่ไม่แรง มีเทนามดกัด มีความไม่พอใจ
ทำไมสติยังไม่มากพอจะผ่านมดกัดเสียที

ต่อมารู้สึกขาดสมาธิไม่สามารถบริกรรมกำกับการเดินได้ ต้องใช้จิตรู้ลงไปอย่างเดียวไม่งั้นหงุดหงิด
ก็รู้ไปแบบนั้นสักพักก็ค่อยๆเริ่มบริกรรมกำหนดได้มากขึ้น รู้เท้าที่คลื่อนไหได้ละเอียดขึ้น
อกุศล กำหนดคิดหหนอดักไว้ก่อนทัน มีตึงที่จมูกแทบจะตลอดการเดิน และเบื่ออยากเลิกเดิน

พอนั่งมีจะหงายหลัง รู้กายได้ มีง่วงและหลับใน ระห่างนั้นก็มีเวทนาเกิดอย่างมดกัด
เจ็บตรงโน้นตรงนี้ แต่รู้สึกแบบไม่เต็มตัว ไม่มีแรงจะไปจับดูที่เวทนา ไปหลับใน
แล้วมีบางครั้งเอาจิตมารู้กายได้แต่ยังไม่ค่อยเต็มตัว นั่งต่อจนจบ

30/20
ฝืนทำเพราะขี้เกียจ อยากนอน
เดินตอนต้นหงุดหงิด ไม่มีสมาธิจกำหนดในรูปแบบ ดินรู้เท้าไปอย่างเดียว
แล้วค่อยๆเริ่มกำหนดก็เริ่มมีสมาธิมากขึ้น สนใจเท้ามากขึ้น

ความอยากขึ้นมาบ่อยๆ +ไม่พอใจ อยากมีสติ กำหนดรู้หนอลงไป
มีเวทนาร้อนวูบ ชาแปลบๆตามกายแล้วหายไป อกุศลกำหนดก่อนขึ้น

มีเดินแล้วเผลอคิด รุ้เท้าแตะๆ ก็กำหนดรู้หนอไปแล้วตั้งใจรู้เท้าต่อ
มีตัววิจารณ์ ก็เกาะเท้าเลลยไม่แสดงมาก ตอนนั่งมีรู้ว่านั่ง
และไปง่วงๆ เหมือนหลับใน จับรายละเอียดไม่ค่อยได้

ระหว่างวัน 13 เมษา 53 45/20 + กลางคืน 60/30 และ 40/25
45/20 ไม่ต่อเนื่อง ไปดูแตงกวา แล้วมาเดินต่อ

เดินมีความง่วงข้างใน กำหนดยืนหนอไม่ต่อเนื่องแวบไปคิดก่อนแล้วรู้ยืนต่อ
มีกิเลสฟุ้ซ่านไปนึกถึงธรรมะที่อ่านมาวันนี้ ใจจะผุดขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วจะเกิดอารมณ์ไม่พอใจ
อยากก้าหน้า อยากทำให้ได้ตามคำสอนขึ้นมากำหนดรู้หนอไป มีคันเกาแล้วก็ไม่หาย
ถ้าดูมันจะเห็นมันขึ้นๆลงๆแต่ทนไม่ไหว หงุดหงิดก็เกาๆไป ก็เหมือนหาที่คันไม่เจอ
พอเลิกเกาก็คันใหม่

มีความไม่พอใจเมื่อไปคิดเรื่องปรามาสโดยพิจารณาตอนนี้ปรามาสน้อยลง
ถ้าเกิดมันมาอีกจะรับได้ไหม ก็ฌห็นจิตไม่พอใจไม่ยอมรับว่าตัเองยังพร้อมจะปรามาสได้อีก
เพราะวันนี้บางทียังไม่พอใจคำพูดของแม่ แต่กำหนดไว้ และบางทียังผุดอกุศลเวลาอยู่กับแม่
ก็กำหนดไว้อีก เลยทุกข์เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ก็เลยกำหนดรู้หนอแล้วมารู้กายต่อ

มาเดินระยะ 2 3 4 การบริกรรมกำหนดบางทีก็บริกรรมผิดจังหวะ
แต่ก็รู้เท้าได้ พอนั่งง่วงรู้กายได้ว่ากำลังนั่ง + ไปหลับเหมือนง่วงๆข้างใน แต่ไม่ได้หลับจริงๆ

60/30 กลางคืน
เดินฟุ้งซ่านไปปรุงคำพูดโต้ตอบคนที่เราไม่พอใจ กำหนดบริกรรมการเดินในรูปแบบ
อยู่กะการเดินได้ทีละแวบเท่านั้น เพราะไปอยู่ในโลกของการคิดปรุงตลอด
สักพักเลยหยุดบริกรรมแล้วลองใช้จิตเผ้ารู้กายเดิน และสอดส่องใจคิด เริ่มรู้การเดินได้ยาวขึ้น

จากนั้นยังมีหลงไปคิดปรุงกับคนๆเดิมอีก สักพักใหญ่ก็เริ่มเปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่นแทน
พอเห็นว่าเปลี่ยนแล้ว ก็กำหนดเดินในรูปแบบ ระยะ 4 รู้เท้าได้ดี บางครั้ง แล้วก็ไปปรุงคิดอีก
ก็มาตั้งใจเดินต่ออีก สลับกันไปจนจบ

พอนั่ง
ลดเวลานั่งเหลือ 30 ไม่วูบ ไม่หลับใน รู้ท้องส่วนบนเคลื่อนไหวตามแรงหายใจ
ผสมกับไปปรุงคิดเรื่องคนๆเดิมแต่ยังดึงมารู้กายได้

สักพักมีช่วงที่เงียบลง สังเกตจิตใจสงบไม่มีความทุกข์ไม่กระเพื่อม เฉยๆ อยู่ แต่ยังรู้ท้อง
สักพักคามคิดเริ่มจรมา มีความกังวลต่างๆ ในอดีตที่เคยกังวล ก็ยังรู้ท้องอยู่รู้เกิดความรู้สึกอะไรอยู่
แล้วจิตก็เหมือนจะไปปรามาส แต่ไม่ชัด รู้สึกว่าการที่อารมณ์คลุกอยู่กับอกุศลตอนต้นๆของการเดิน
และการนั่งมีผลให้ ปรามาสได้ง่าย พอนาลิกาดัง ก็ขาดสติสะดุ้ง

40/25
เดินมีฟุ้งไปคิดถึงพี่น้ำแล้วก็ปรุงว่าถ้าไม่มีพี่จะทำไง ยังรู้เท้าได้
สักพักก้อเปลี่ยนเป็นมีไปคิดถึงคนที่ไม่พอใจแต่ไม่เยอะ

มีเวทนามดกัดขึ้นมา 2 จุดของกาย จุดหนึ่งขึ้นมาเป็นจังหวะ แล้วคลายอีกจุดหนึ่งก็ขึ้นมาอีก
แล้วสลับไปที่จุดเดิม แล้วก็กลับมาที่อีกจุด แล้วต่อด้วยนิ้ร้อนผ่าว สำทับด้วยมดกัดอีก
มันมาซ้อนๆกัน พออันหนึ่งดับอันหนึ่งขึ้น

ตอนต้นๆของการเดินมีความไม่พอใจเป็นอารการฟุ้งๆขึ้นมาก็ดูโดยไม่กำหนดบริกรรม แต่ใช้จิตรู้
แล้วพอเป็นหนักขึ้น เลยลองกำหนด รู้หนอไป 3 ครั้ง ก็หายไป

ปรามาสขึ้นมาเป็นภาพพระตอนกลับตัวก็กำหนดคิดหนอรู้หนอไปแล้วหายเลยยังไม่ไปปรุงอกุศล
เป็นแบบนี้ 2-3 ครั้ง พอนั่งก็รู้กายรู้ท้องได้บางที่จับลมหายใจ ช่วงที่จับลมหายใจมีนิมิตรสีม่วง
สักพักเกิดความกลัว สะดุ้งเสียงนาลิกา ปลุกก็เลยเผ้ารอเสียงนาลิกาปลุก แบบตั้งท่าไว้ก่อน
แล้วสักพักก็หมดความสนใจเรื่องนั้น แล้วลืมตาก่อนเวลา ตอนแรกจะนั่ง 30 นาที

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 20 เม.ย. 2010, 20:19, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2010, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 239

14 เมษา 40/20 และ 45/15
รอบสอง ก่อนเพราะเพิ่งทำเสร็จไม่นาน 45/15 (ทำหลังกินข้าว )
เดินมีแต่ความทุกข์ ความอยาก คามไม่พอใจ อยากผ่านสภาวะ ไปสภาวะต่อไป
มดกัดมาอีกแล้ว หลายครั้งเหมือนกัน มาทีขึ้นติดๆกัน 5-6 ครั้งแล้วคลายแล้วก็มาอีก

ใจก็วนคิดเรื่องการปฎิบัติ อยากพิจารณาเป็น จะยกอารมณ์ไม่พอใจขึ้นพิจารณา ไปเทียบกับอดีต
ที่เคยพิจารณาความโกดได้ แต่ตอนนี้รู้สึกทำไม่ได้อีกเลย

มีความง่วงข้างใน เลยอยากเลิกเดินแต่ก็ฝืนเดินต่อ การรู้เท้า รู้ได้ บางช่วงก็มีสมาธิอยู่ที่เท้า
แต่มันจะมีความทุกข์แทรกเสมอ

พอนั่ง ก็หลับใน ใจเลื่อนลอย แต่ก็ยังสลับมารู้กายได้บ้าง ยังคงมีมดกัด

รอบแรก 40/20
ภาพอกุศลปรามาสผู้มีพระคุถณผุดตอนต้นๆของการเดิน ใจทุกข์ และมีคามคิดปรุงแต่งขึ้นมายาว
และผุดภาพนั้นขึ้นมาเรื่อยๆ กำหนดแล้วไม่หายขาด วนเยนเกิดความไม่พอใจ และทุกข์ใจ
กำหนดแล้วมีความไม่พอใจ และเศร้าหมองขึ้นมาต่อ ใจทนไม่ได้จนอยากเลิกเดิน แต่ก็ฝืนทำต่อ

คิดในแง่ดี่เปรียบเทียบปรามาสที่ผ่านมากับปัจจุบันว่า ปจบ. ดีขึ้น ถ้าทำต่อก็มีโอกาสหายได้
เลยเดินต่อ ก็คิดทบทวนว่าจิตอกุศลตั้งแต่เมื่อวานเมื่อไม่พอใจคนๆหนึ่ง
ส่งผลให้การปรามาสควบคุมได้ยาก ต้องระวังตัวเองมากกว่านี้เลิกยุ่งกะสิ่งที่จะทำให้เกิดอกุศล

เดินต่อไประยะ 1 2 3 4 สมาธิดีขึ้นมีบางช่วงอยู่กะเท้าได้ดีจดจ่ออยู่ที่เท้าแต่สักแป๊ป
ก็วอกแว่กใหม่มีจะผุดปรามาสอีกแล้วดับไป เกิดความไม่พอใจตามมา

แล้วเดินมีผุดอีก กำหนดคิดหนอ 1 ครั้งหาย และทิ้งไปได้โดยไม่วนเวียนกลับไปใหม่
มีมดกัดก็ดูไปขึ้นมาประมาณ 5 ครั้ง แล้วหายแล้วขึ้นมาอีกติดๆประมาณ 5 ครั้ง

พอนั่ง
คิดไร้สาระ หายใจยาๆ รวบรมสติมาอยู่กับกายได้สักพักก็คิดอีก มีง่วงๆข้างในกับมารู้กายได้
บางครั้ง มีมดกัด มีนิมิตสีม่วง ยังพอรู้กายได้

วันนี้เบื่อจัง จริงๆ 2 วันแล้วเมื่อวานด้วย มันเบื่อทุกข์ เบื่อชีวิตว่ามีแต่ความทุกข์ ใจ
เมื่อดูใจแล้วมันดิ้นรนหาตลอดหาความสุขไม่ได้ ความสุขที่มีบ้างก็ไม่อาจเรียกว่าสุขได้
ช่วงที่สบายสุดคือช่วงที่เกิดสมาธิในกรรมฐาน จิตจะสงบ และไม่เหนื่อย แต่ก็อยู่ไม่นาน

ส่วนถ้าเป็นชีวิตประจำวันใจจะดิ้นรน เรื่อยๆ หาอะไรมาเติมเต็ม แม้แต่ความสุขจากการกิน
ก็ยังไม่สุขจริง เรื่องดีๆทั้งหลายก็ไม่ใช่ความสุข รังแต่จะทำให้ใจฟุ้งซ่านและเหน็ดเหนื่อยไปทั้งนั้น
ชีวิตต้องตืนขึ้นมาทำเรื่องเดิมๆ วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหน็ดเหนื่อยไม่ได้หยุดพัก

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 240

14 เมษา 53 เจริญสติต่อไป เวลาฟุ้ง ดูให้ทัน เอาจิตมารู้อยู่กับกายให้ทัน
ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
60/30 ค่ะพี่
ตอนเดินก็ทุกข์ มันไปคิดถึงเรื่องคำพูดของญาติและ คำพูดของคนที่เกี่ยวข้องในอดีตที่เราเคยทุกข์มาก
ก็ทุกข์จริงๆเลย ก็เดินรู้เท้าค่ะมีกำหนดรู้ทุกข์ไป แต่ก็มาเรื่อยๆเพราะจิตไปหวนคิดเรื่อยๆวนๆอยู่ตรงนั้น
ไม่เปลี่ยน สักพักใหญ่ค่ะ ก็เปลี่ยนไป แต่ก็ยังมีความรู้สึกทุกข์ขึ้นมาบีบคั้นจิตเรื่อยๆดูไม่ทันว่าทำไม

ก็ลองมาตั้งใจสนใจแต่เท้าอย่างเดียว ก่อนหน้านั้น ก็มีคำถามกับตัวเอง ว่าทำแบบไหนเรียกว่าถูกเนี่ย
แล้วก็ลองมาตั้งใจรู้เท้าโดย คิดว่าจะเกิดความรู้สึกอะไรช่างมันแต่จะรู้เท้าให้ได้ตลอด
ก็เริ่มตั้งแต่เดินระยะ 1 2 3 4 และ 5 ไล่ไปก็ความทุกข์ใจก็ยังมี แต่ไม่ไปดูว่าทำไมทุกข์
แล้วก็ผุดคำถามขึ้นมาอีกว่าแบบนี้ถูกไหม ไม่สนใจความรู้สึกใดๆสนแต่กาย ก็ดูเท้าต่อค่ะ
มันก็สงบลงก็รู้เท้าได้ละเอียดขึ้น ความทุกข์ลดลง แต่ก็ยังมีเข้ามาแต่ก็เปลี่ยนไปด้วย
มีร้อนผ่าวๆแสบๆที่ส้นเท้า 2-3 ครั้ง

พอมานั่ง
ก็รู้กายขยับท้องเคลื่อนไหวแผ่วๆอาการเคลื่อนเหมือนคลื่น
ใจก็ไปคิดไร้สาระในช่วงหลังๆ แต่ก็ยังมีจิตมาจับท้องได้บ้างแบบรู้ก้ำกึ่ง จนจบค่ะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
แต่ก็ยังมีคามรู้สึกทุกข์ขึ้นมาบีบคั้นจิตเรื่อยๆ ดูไม่ทัน ว่าทำไม ก็ลอง มาตั้งใจสนใจแต่เท้าอย่างเดียว ก่อนหน้านั้น .... รู้ทันไหม ความอยากที่เกิดขึ้นน่ะค่ะ

ถูกหรือผิด คืออะไรคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
ค่ะพี่ ทำถูกไหม แบบนั้นน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
แล้วอะไรคือ ทำถูกคะ ถูกรูปแบบ หรือถูกใจ หรือว่าถูกแบบไหนคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
ค่ะพี่ ตอนนั้นก็สงสัยว่ารู้ถูกไหม รู้แบบนี้จะเกิดปัญญาไหม น่ะค่ะ
ก็จำได้ว่ามันเป็นความอยาก แต่ตอนนั้นมันวนๆน่ะค่ะ ไม่ทันมัน

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
ปัญญานี่ ที่ว่าเกิดปัญญาของหมูน่ะ มันเป็นความรู้สึกยังไงหรือคะ ถึงจะเรียกว่า เกิดปัญญา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
อืม ก็อยากน่ะค่ะพี่ อยากผ่านสภาวะ แบบอยากหายทุกข์ เหนือทุกข์

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
ตราบใดที่หมูยังทำด้วยความอยาก หมูจะทุกข์เพราะความคิดของตัวเองแบบนี้แหละจ้ะ
จะมีแต่ความสงสัยไม่รู้จบ แล้วก็เอาความคิดมาฟุ้ง มาปรุงแต่งบีบคั้นจิตตัวเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
ค่ะพี่เข้าใจค่ะ มันก็ยังอยากอยู่ ก่อนหน้านี้ดีขึ้นแล้ว วันนี้มาใหม่อีก

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
หมูต้องคิดว่า ทำเพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ถึงแม้จะเป็นความอยากให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ความอยากตัวนี้
จะไม่ส่งผลต่อการปฏิบัติเท่าไหร่นักก แต่ความอยากที่ว่า อยากผ่านสภาวะ ความอยากแบบนี้
มีแต่ขัดขวางการปฏิบัติ ทำให้ปฏิบัติแล้วพบแต่ความทุกข์ ที่ตัวเองไปกดดันไปบีบบังคับจิตตัวเอง
ความอยากแบบนี้ ทำให้บดบังปัญญาไม่ให้เกิดขึ้น เพราะทำทีใด มันจะมีแต่ความสงสัย
ใช่ไหม ถูกไหม อีกนานไหม

สภาวะความอยากนี่ พี่พูดกับหมูหลายครั้งแล้วนะ นี่กำลังกลับมาจุดเดิมอีกแล้ว
เพราะสติ หมูยังไม่ทันการปรุงแต่งของจิตหมูในเรื่องเดิมๆที่มันชอบเอามากดดันตัวเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
ค่ะ หมูพยายามเจริญสติ แต่ยังไม่ทันน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
เข้าใจค่ะ ถึงบอกไงว่า ถึงจะพูดซ้ำๆ หมูก็ยังคงจำไม่ได้หรอกว่า สภาวะนี้กี่ครั้งมาแล้ว
พอความอยากปรากฏ สภาวะอื่นหาย พอสภาวะอื่นปรากฏ ความอยากหายไปชั่วคราว
พอความอยากมา ความสงสัยก็หายไปชั่วคราว
เจริญสติต่อไปค่ะ เวลาฟุ้ง ดูให้ทัน เอาจิตมารู้อยู่กับกายให้ทัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
ค่ะ ช่วงท้ายพอเอาจิตมารู้กะกายแล้วมันก็ไม่ไป สงสัยเหมือนตอนแรกน่ะค่ะ จะพยายามต่อไปค่ะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
จ้ะ ความอยากนี่แหละคืออุปสรรค แต่ให้เราเอาอุปสรรคมาเรียนรู้ รู้ว่า ความอยากชนิดนี้ส่งผล
ต่อการปฏิบัติของเรา จะได้เปลี่ยนพฤติกรรมของความคิดเสียใหม่ค่ะ ทำเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
ไม่ใช่ทำเพื่ออื่นๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
ค่ะ งั้นเด๋หมูไปทำรอบต่อไปนะค่ะ
เสร็จแล้ค่ะพี่ 48/30 ค่ะ
เดินก็มีความอยาก กำหนดรู้หนอไป ก็หายแล้วก็เดินๆไปก็มาอีกก็กำหนดอีกหลังๆก็ไม่ค่อยมา
การรู้เท้า ก็รู้แต่ไม่จดจ่อตลอด มีภาพผุดขึ้นมาทรกๆ แล้วหายไป

มีจิตสบถ โพล่งคำหยาบออกมาแล้วก็เงียบไป
มีเวทนาปวดกระดูกเท้าที่นิ้วเป็นช่วงๆแล้วหายไป บางช่วงก็รู้เท้าได้ดีค่ะ

พอมานั่ง
ก็มีรู้ท้องแต่ไม่จดจ่อ มีเวทนา ปวดเท้าเหมือนโดนอะไมากดแรง จี้ๆลงไป
ขึ้นมาเป็นจังหะหลายครั้งแล้วหายไป

มีใจไปคิดเรื่องอื่นๆแล้วก็สลับกับมารู้ากายนั่งได้อีกมันไม่ได้ลอยไปแบบลืมกาย
แล้วก็ตอนท้ายของการนั่ง โกดวูบเข้ามาเพราะไปคิดถึงปัญหางานที่กำลังจะมาถึง
จบเวลาพอดีค่ะ หมดแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
เฝ้าดูความรู้สึกไปค่ะ ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น การเจริญสติมีแค่นี้แหละหมู เฝ้าดูกิเลส
ของตัวเองที่เกิดขึ้น ทั้งยามที่เกิดการกระทบจากภายนอก และภายในจิตของตัวเอง
ทำเหมือนเดิมๆ อกุศลอย่าปล่อยผ่าน กำหนดซ้ำๆลงไป เพื่อจิตจะได้บันทึกไว้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
ค่ะ พี่จะพยายามต่อไปค่ะ พี่คะ หมูชอบเวลาทุกข์แล้วไปหาคำตอบ ว่าใจทุกข์เพราะอะไร

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
จ้ะ นั่นเป็นการพิจรณาแบบของหมู แต่ละคนมีวิธีการของตัวเอง ไม่ได้ผิดปกติใดๆหรอกค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
อืมค่ะ เวลาที่หมูฟุ้งซ่านมากๆ แล้วหมูมารู้เท้าเลย ทุกข์เกิดก็ปล่อยทิ้งไปเลย
สนใจเท้าอย่างเดียว อันนี้ก็ได้ใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
ทำในแบบที่หมุทำน่ะแหละ จะได้เรียนรู้สภาวะด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปกังวลว่าจะถูกหรือผิด
บางครั้งจิตมันก็ล้อเล่นกับเราแรงๆ กิเลสของเราน่ะแหละ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็ ค่ะ อย่างนั่งๆสงบอยู่ดีๆโกดวูบขึ้นมา หรือเดินดีๆไปนึกถึงเรื่องที่เกลียด

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2010, 20:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 241

60/30
เดินกำหนดความรู้สึก เวลามีความฟุ้งหรือทุกข์เกิดขึ้น กำหนดรู้หนอ 3 ครั้งคลายไปแล้วเดินรู้เท้าต่อ
มีความอยาก กำหนดอีก การเดินอยู่กะเท้าได้ดีบ้าง มีคามคิดแทรกบ้าง กำหนดรู้หนอไปได้
ช่วงท้ายลองไม่กำหนดอารมณ์ใช้จิตรู้ลงไปแล้วไปบริกรรมเท้าอย่างเดียว

เห็นความแตกต่างคือ ความทุกข์เกิดต่อเนื่อง ไม่คลาย จิตฟุ้งซ่านนาน เลยกลับมากำหนดใหม่จนจบ
ระหว่างเดินมีความง่วงด้วย

นั่ง รู้กาย + ง่วง หลับใน ตัวงอลง สลับกันไป

60/25 กลางคืน
คือเดินก็รู้เท้า แล้วก็ช่วงครึ่งแรกของการเดิน จิตมันพัวพันอยู่กับความคิดวนๆ
การคอย เฝ้าสังเกตุความอยาก ตัววิจารณ์ ตัวไม่พอใจ ก็กำหนด รู้หนอๆ
แล้วก็ตอนกำหนดก็เหมือนจะกำหนดอยู่แต่ไม่ทัน มันแทรกความคิดขึ้นมาปรุงอีก
ความทุกข์และฟุ้ง ก็เลยวนๆต่อเนื่องค่ะ

จนพอช่วงนั้นแล้ว ก็เกิดความรู้สึกว่า แบบปล่อยค่ะ มันไม่ได้เป็นคำพูด มันเหมือนไม่เอาและหนัก
แล้วก็ปล่อยเลย แล้วก็สบายขึ้นค่ะ ก็กลายเป็นไปเปลี่ยนแรื่องแทน

กลายเป็นคิดเรื่องอื่นแทนคู่กะรู้เท้า แวบๆคิดบ้างรู้เท้าาบ้าง ก็กำหนดเดิน ระยะ 1 2 3 4 5
ก็มารู้สึกเกาะกะเท้าได้ชัดในระยะที่ 4 - 5

สักพักอีก คราวนี้ไม่บริกรรม ใช้จิตรู้แล้วมันไปเจาะคามรูสึกอย่างความไม่พอใจ ก็เห็นลักษณะของมัน
ว่าเกิดจากจิตมันแวบรู้สึกอะไรบางอย่างไม่ได้ขึ้นเป็นคำพูด เป็นการกระทำของจิตแล้ว
มันก็มีความหมายของมันเอง มันรู้เอง่าคือความคิดแต่ไม่ได้เป็นคำ

แล้วก็เกิดแรงที่ทำให้ไม่พอใจเป็นตัวบังคับทำให้จะเอา ดีให้ได้อันนี้เป็นคำขยายความค่ะ
ตอนที่เห็นมันไม่มีคำแบบนี้ค่ะมันเป็นความรู้สึก

แล้วก็สักพักก็เห็นความยึดมั่น ว่าทำไมทุกข์ ทำไมไม่พอใจสภาวะ ก็พิจารณาน่ะค่ะ
แต่ว่ามันปนๆกะความคิด มีทั้งที่มันลงไปรู้สึกจริงๆต่อด้วยตัววิจารณ์ตามมา ก็เลยมารู้เท้าเลิกพิจารณา

แล้วพอนั่ง ก็รู้ท้องขยับ กายเคลื่อนไหว ใจก็คิดเรื่อยเปื่อย แต่ยังรู้ท้องคู่กันได้
แล้วโดนขัดจังหวะแตงกวาเข้ามา ก็เลยจับเดินจงกรมนั่งสมาธิเลย
ช่วงที่สอนแตงกวาตัวเองก็มองตัวเองไปด้วยก็ฟุ้งๆซะส่วนใหญ่ค่ะ พอน้องออกไป

ก็เดินต่อ 15 นาที แล้วนั่ง 25
ตอนเดินก็ฟุ้งค่ะ แต่รู้เทาได้ พอนั่งรู้กายเคลื่อนไหวเบาๆ ท้องบ้าง คิดโน่นี่บ้างและเบื่อๆ
ขยับตัแต่ไม่ลืมตาค่ะหมดแล้ค่ะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
มีอะไรจะถามพี่หรือเปล่าคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
ไม่มีค่ะพี่น้ำ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
จ้ะ ก็ไม่มีอะไรเพิ่มนะ ทำต่อไปค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 242

17 เมษา 53 40/18
เดิน มีความคิดเปรียบเทียบ มีความรู้สึกกูดีกว่าไหวขึ้นมาแล้วหายไป เห็นความคิดผุดขึ้นมา
แล้วอยากได้ดีในการปฎิบัติ รู้แล้วก็เปลี่ยนไป

มีช่วงหนึ่งที่ไปพิจารณาความรู้สึก ที่เกิดแต่ละขณะ เช่น เวลาอยากปฎิบัติได้ดี
เห็นความอยากมันล้ำหน้า อารมณ์ปัจจุบัน คือแทนที่จะสนใจอารมณ์ไม่พอใจที่เกิดขึ้นตอนนั้น
กลับมีแรงผลักให้มุ่งจะได้ผลลัพธ์ดีๆ มองหาผลดีๆ เมื่อมาดูความรู้สึกที่เกิดกับใจตอนนั้น
มันก็แผ่วลง หายลงไป

มีตัววิจารณ์ มีเวทนามดกัดบ้าง และเวทนาเจ็บตามส่วนต่างๆของกาย เจ็บมากๆๆๆ บอกไม่ถูก
ว่าเหมือนอะไร เจ็บเป็นจุดๆ ข้างใน บางครั้งหายเร็ว บางครั้งเกิดแล้วคลาย เกิดแล้วคลายหลายครั้ง
แล้วค่อยหายไป ตัวคิดอกุศลจะขึ้นกำหนดห้ามมันไว้ทัน ง่วงอยากนอน ฟุ้ง การรู้เท้า รู้บ้าง
หลงไปคิดโน่นนี่บ้าง ส่วนใหญ่ก็รู้ได้

นั่ง ช่วงต้นๆหายไปเลย ลืมตัวไปเลย มารู้สึกอีกทีตกใจว่าเมื่อกี้ขาดสติไปไหน แล้วก็ง่วงๆ ตัวก้มบ้าง
น่าจะไปหลับใน เพราะไม่ได้หลับจริงๆลืมตาแล้วไม่ปวดหัว

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 243

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:

เดิน 60 นั่ง 40 ค่ะ
เดินก็ตอนแรกก็ฟุ้งมากค่ะ เศร้า ก็มีกำหนด มันก็มาเป็นระลอก
แล้วการรู้เท้าก็รู้แบบ รู้บ้าง แล้วก็ช่วงท้ายๆก็เริ่มสงบขึ้นค่ะ
แล้วก็แม่ตามไปนวด ก็ไม่พอใจ กำหนดรู้หนอๆค่ะก็สงบลง
แล้วไปนวดก็กำหนดมือที่นวดก็หลงไปสนใจเรื่องอื่นด้วย

พอกลับมา เริ่มเดินใหม่อีก 60 นาที
ตอนเดินใหม่ก็สงบลงเยอะแล้วค่ะแต่ก็ยังมีไปคิด แล้วก็เริ่มฟุ้งก็กำหนด
แล้วก็พยายามตั้งใจเดินระยะ 1 2 3 4

มีเวทนาเจ็บเป็นจุดๆตามกาย มีเหมือนมดกัดขึ้นมา 2 ครั้ง แล้วหายไป
เด๋วก็มาอีกนิดหน่อยๆแล้วก็หายไป

แล้วก็คามคิดอกุศลจะขึ้นๆก็กำหนดรู้หนอหรือคิดหนอค่ะ
ก็ได้ดูความรู้สึกเวลามันเหมือนจะเอา หรือยึดอะไร

อย่างเสียใจเรื่องพี่ ตัวเสียใจหรือไม่พอใจขึ้นมาก็ดู แล้วก็เห็นความที่มันเป็นแบบนั้นแล้วคลาย
เห็นทิฐิความคิดที่เป็นตัววิจารณ์ว่ามันสร้างความอยาก หรือความยึดมั่นเป็น คาวมคิดความเชื่อ
ความยึดถือ ก็พยายามมารู้เท้าต่อเพราะมันดูไม่จบ ดูแล้วก็มีอีกเรื่อยๆก็เลยมาอยู่กะเท้าต่อ

พอมานั่ง
ก็มีใจหลงไปคิดโน่นคิดนี้ ไม่ค่อยจับกาย ก็กำหนดหายใจยาวๆ พยายามมารู้ท้องก็รู้ได้บ้างค่ะ
ใจมีภาพปลวกบ้าง ภาพอื่นๆบ้าง เอาใจมารู้กายบ้าง

พอตัวงอก็กำหนดรู้หนอแล้วค่อยๆ เงยขึ้น ตอนนั่งหมดแล้วค่ะ
อ่อ ตอนเดินลืมบอกว่า มีกิเลสแล้วอีกใจก็ปฎิเสธ ไม่อยากดูหรือยอมรับค่ะ


สุขที่แท้จริง พูดว่า:
ฝึกเอาไว้แต่เนิ่นๆหมู ทุกอย่างไม่เที่ยง เวลาไม่มีพี่ จะได้พึ่งพาตัวเองได้
สถานที่ตอยอดพี่เองก็เขียนไว้ในบล็อกหมดแล้ว

มีเวลาหยุดยาวก็ไปวัดตาลเอน วันแรงงานหยุดหรือเปล่าคะ วันที่ 1 พค.


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
ไม่แน่ใจนะคะ ต้องดูตารางงานก่อนน่ะค่ะ พี่นำจะชวนไปวัดเหรอคะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
ใช่จ้ะ แล้วกลับวันอาทิตย์


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
ได้ค่ะ ถ้าหยุด ถ้าหยุดหมูจะบอกที่บ้านขอไปค่ะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
จ้ะ เมื่อพึ่งพาตัวเองได้เมื่อไหร่ เราสบาย สิ่งใดๆในโลกไม่ต้องไปกังวลยึดติดกับสิ่งใดๆ
ทุกๆการกระทบที่เกิดขึ้นคือบททดสอบสติ สัมปชัญญะ มันคือการเรียนรู้นะจำไว้ ยึดมาก
ให้ค่าความหมายมาก ดับได้ช้า ยึดน้อย ให้ค่าความหมายน้อย ดับได้ไว การมีสติดีที่สุด ดับได้ทัน

ทุกๆการกระทบ หมูจะได้ วิชชารู้ เกิดขึ้นแต่ละครั้ง สภาวะก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ตัวทดสอบก็จะเจอหนักมากขึ้น หนัก แต่ไม่หนัก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
ถ้าเรามีสติ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
สติ สัมปชัญญะสำคัญที่สุดในทุกๆสถานการณ์
หากยังมีปรุงแต่งอยู่ เราก็ยังมีความอยากอยู่ อยากมาก ปรุงมาก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
มันเสริมกันและกัน สิคะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
มีสติรู้เท่าทันมันก็ไม่ปรุง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
ค่ะพี่ เจอเรื่องที่พี่น้ำพูดหมดเลย มันหดค่ะ หมูจะฝึกเจริญสติเท่าที่ทำได้

สุขที่แท้จริง พูดว่า:
ค่ะ ทำต่อไป


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ พูดว่า:
รอบ 2 60/28 ค่ะ
ก็มีหลายๆอย่างเกิดกขึ้นตลอดเวลาค่ะ คือ ความรู้สึก ต่างๆทางกาย
เช่น ร้อนผ่าว เจ็บตรงโน่น นี่ แปลบๆ แสบผิว แล้วก็ ความรู้สึกทางใจ
เห็นใจคิด หรือเห็นใจขยับ แล้วก็อารมณ์ฟุ้งๆ เปรี้ยวๆ ซ่านๆ สลับกะ รู้เท้าค่ะ

ช่วงแรกๆ ความรู้สึกกำหนดแล้วยังไม่ค่อยลง หลังๆมันสงบลงไม่ค่อยฟุ้ง
ถ้าขึ้นมาก็บางๆ ส่วนอาการทางกายผลัดกันมาค่ะ บางทีกำหนด 3 ครั้งก็หายไป
บางทีกำหนดแล้วยังไม่หยุดก็ปล่อยไป บางทีไม่ต้องกำหนดขึ้นมาก็หายไปเอง

มีความคิดอกุศลคือมันไม่ได้เป็นคิด แต่จะเป็นภาพต่ำๆ ก็กำหนดรู้หนอ
คิดหนอมีมา 4-5ครังนะคะ ก็กำหนดตลอดค่ะ เลยยังไม่ขึ้นชัดเจนว่าเป็นอะไร

แล้วก็พอมานั่ง
ก็รู้ท้องจงใจรู้ก็รู้ท้อง กะมีภาพปลวกขึ้นมาหลายรอบ ไปคิดถึงมันด้วย
แต่ยังกลับมารู้ได้อยู่ที่กาย

มีช่วงหนึ่งที่กายจะนิ่งมากคือไม่ค่อยขยับ เงียบๆ
ตอนนั้นก็ลองพิจารณากาย โดยดูตั้งแต่ว่าประกอบไปด้วยอะไร
ผิว ก็เห็นแค่พยายามค่ะแต่ไม่มีอะไร ก็มาดูกายต่อ แล้วก็คันก็เกาไป 2 ครั้งใหญ่ๆ
แล้วก็สักพักก็เลิกนั่งค่ะ
หมดแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
สติ สมาธิ เริ่มมีกำลังมากขึ้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ สติ กะ สมาธิเริ่มมีกำลัง นี่ดูจากตรงไหนหรือคะ

สุขที่แท้จริง says:
ฟุ้งไง บางทีไม่ต้องกำหนด มันก็ดับไปเอง อย่าไปสนใจเลยหมู ทำต่อไป


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
เด๋วไปติดใจกับคำเรียกอีก จะทำให้เกิดความอยากขึ้นมาอีก

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2010, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 244

งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่น้ำ
60/40 ค่ะพี่
เดินมันก็ช่งแรกๆไม่ค่อยต่อเนื่องค่ะ ฟุ้งซ่าน คือจะมีภาพผุดขึ้นมา คามคิดผุดขึ้นมา
แบบคั่นจังหวะภาพก็เกิดแล้ดับเลย ความคิดก็ทำให้เกิดอารมณ์ การรู้เท้าก็สลับมารู้

แล้วก็มีกังวลเรื่องปลวก หมายถึง ไปเศร้าหมองที่เรา จัดการเขี่ยรังเขา บางทีก็ทำเขาเจ็บ ตาย
มันก็เศร้า ก็กำหนดรู้หนอๆ ใจก็ยังเศร้าอยู่นานค่ะ แต่ก็ยังรู้เท้าได้

แล้วก็พอผ่านไปประมาณ ครึ่งชั่โมง กะเวลาเอาน่ะค่ะ ก็พ้นจากเรื่องนี้ไป มาเป็นเรื่องอื่นๆแทน
ทีนี้ก็จะแวบๆ ภาพบ้าง เหตุการณ์บ้าง สลับกับรู้เท้า

แล้วก็มีภาพดอกบัวผุดขึ้นในใจ ข้างนอกสีดำ ข้างในแดง ชมพูน่ะค่ะ ก็ กลัว
ก็เลยคิดสะว่าข้างนอก สีดำเพราะเป็นช็อกโกแลต แล้วมันก็ขำ แล้วก็เลิกกลัว มาเดินต่อ

แล้วก็ หลังๆก็กำหนดอารมณ์ต่างๆทางใจ กำหนดเท้า ก็พิจารณาว่า ช่วงแรกคิดเรื่อปลวก
ตอนนี้ไม่ได้คิดแล้ว ตอนนี้รู้สึกอย่างนี้ ก่อนหน้าไม่ใช่ ก็จะคิดเรื่องความไม่เที่ยง
แต่ก็สักพักก็ปล่อยแล้มารู้เท้าต่อ แล้วก็เดิน ระยะ 1 2 3 4 5 เน้น 3 กับ 4

มีช่วงที่ รู้กายได้ติดต่อ การเดินชัดไม่มีความคิดมาขัด หรือถ้ามีการเดินก็ชัดกว่า
แล้วมันก็เปลี่ยนไป อีกมีเวทนา มดกัดบ้าง เจ็บส่นต่างๆบ้าง ร้อนผ่าวๆบ้างก็กำหนดรู้หนอลงไปค่ะ
ถ้าเป็นร้อนผ่านี่มาแล้วจะไปเลย แล้วก็มีเว้นช่วงแล้วมาใหม่

มดกัดนี้ขึ้นมาบางครั้งหายเร็ว บางครั้งหายช้า มีความคิดปรุงแต่ง ทำให้เกิดกูเก่ง
ก็กำหนดที่ความรู้สึกฟูๆทางใจนั้น รู้หนอๆไปค่ะ อกุศลจะขึ้นมาปรามาส ก็กำหนดคิดหนอ รู้หนอไป

พอมานั่ง
รู้กายนั่ง ท้องขยับ บ้าง ลมหายใจบ้าง มีช่วงที่รู้น้ำหนักมือมันรวมกัน แล้วก็รู้กายไปด้วย
เหมือนจะนิ่งแต่ไม่นิ่ง มีความคิดเคลื่อนไห แต่มันสงบ

ตอนนั้นก็ผุดปรามาสขึ้นมา 2-3ครั้ง กำหนดตามหลังไป
ก็มีเสียใจ ก็กำหนดที่ความเสียใจอีก จะผุดอีกก็ขอขมาในใจไป

แล้วก็มาตั้งใจดูกายใหม่ คราวนี้ก็มีไหลไปกะคามคิดบ้าง กลับมารู้กายแผ่วๆได้บ้าง
ไม่มีง่วงหรือเคลิ้ม จนจบค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ดอกบัวอะไรของหมู ทำไมสีแบบนั้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ผุดจากดินด้วย นากลัวชะมัด เลยค่ะ เลยคิดสะาเป็นดาร์คชอกโกแลต เลยขำได้ หายกลัเลย

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ มันแล้วแต่จะคิด บางทีก็เกิดจากใต้จิตสำนึกของเราน่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ หมูก็ว่ามันสร้างขึ้นมาเอง

เสร็จแล้วค่ะพี่น้ำ 60/30 ค่ะ
รอบนี้ก็จะปรามาสเยอะมาก ก็กำหนดรู้หนอค่ะ แล้วมันก็ไปรื้อผื้นคามทรงจำ
รื้อฟื้นคามทรงจำ ตั้งแต่เด็กที่เราทำสิ่งไม่สมควร เกี่ยวกับ พระรัตนตรัย
ก็ตั้งสติรู้มัน จะขึ้นมาเป็นภาพค่ะ ใจก็ เงียบๆนะคะ

แล้วก็จากนั้นก็มีความคิดอยากทำอสุภะ แล้วก็เห็นเป็นภาพ ดาราในหนังเกาหลี
ที่เราดูวันนี้แล้วหน้าเขาก็จากมีเนื้อปกติ ก็แห้งแข็งเป็นสีขาว เหมือนหนังปลาที่ทอดแล้วค่ะ แล้วดับ

ตอนนั้นการรู้เท้ามันเห็นรอบข้างชัดนะคะ ใจก็เงียบรู้เท้าได้ต่อเนื่องแต่ภาพพวกนี้แวบๆเข้ามา
ขึ้นมาหลายครั้งค่ะแต่ใจไม่ได้ กังล แล้วก็มาตั้งใจรู้เท้าต่อ

มีเวทนา ร้อนผ่าวเท้า จำเวทนาไม่ค่อยได้ค่ะ ก็มีกำหนดรู้เท้าได้ดี คือชัดแล้วก็ ต่อได้หลายๆก้าว
โดยไม่ไปฟุ้ง แล้วก็เกิดคามพอใจ ก็กำหนดรู้หนอลงไปที่ความยินดีนั้น

พอมานั่ง
ก็รู้กายนั่งได้มีรู้ท้องนิดขยับได้บ้าง แต่จะไม่จับท้อง ต่อเนื่องค่ะ
มีเวทนา เหมือนที่หัว หัวเหมือนเซลลข้างในมันสั่นๆ แขนด้วย แล้วก็มีหลงไป

คิด แต่จำไม่ได้ มีเงียบๆ แล้วเกิดคามอยาก ความอยาก รู้สึกว่ายังนั่งแล้วไม่เกิดปัญญา
ก็รู้ลงไปว่าเป็นความอยากค่ะ แล้วก็ตั้งใจรู้กายให้มากที่สุด
ตอนสุดท้าย ก็ ลอยไป พอดีกับนาลิกาดัง ก็เลยขาดสติสะดุ้ง หมดแล้วค่ะพี่

อืมวันนี้ตอนทุกข์เรื่องปรามาส ก็จะไปพิจารณา ความรู้สึกน่ะค่ะแต่ว่า
มันยังยึดแรง รู้สึกสติยังน้อยสู้ไม่ไหว เลยไม่พิจารณา รู้กายไป

สุขที่แท้จริง says:
ใช้เวลาค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ มาทีกลัวหัวหดเลยตัวนี้

สุขที่แท้จริง says:
ดีแล้วที่กลัวน่ะค่ะ ก็เหมือนที่พี่บอกแหละ จิตพี่มันชอบขู่พี่ เรื่องนี้พี่เลยไม่ค่อยมี มันกลัว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ก็ได้แง่คิดนะคะ หมูมาได้กำลังใจ อ่านหนังสือแล้วพระท่านตัดขาดราคะได้
เลยคิดว่าการปฎิบัตินี่ ขนาดกิเลสอย่างระคะยังตัดได้
หมูทำต่อไปก็มีโอกาสทำลาย ไอ้พวกนี้ที่สั่งสมมาได้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยค่ะ ทุกๆการกระทำนะหมู มันส่งผลให้ทั้งชีวิตเราและการปฏิบัติของเรา
ทุกๆสภาวะบ่งบอกถึงว่า เรามีสติ สัมปชัญญะแค่ไหน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมม ค่ะ ที่พี่น้ำบอกละเอียดนี่ รวมถึงความรู้สึกต่างๆ ด้วยใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ทุกอย่างค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ แต่ก่อนไม่ได้จับที่ความรู้สึก ตอนนี้ทุกความรู้สึกก็ใช้กำหนดได้

สุขที่แท้จริง says:
อย่างเช่น วันนี้พี่เขียนเรื่องบัญญัติ สมมุติ หมูอ่านยัง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เนี่ยกำลังเปิดเลยค่ะแต่ยังเพิ่งเริ่ม ทำไมหรือคะ

สุขที่แท้จริง says:
สมมุติ คือตัวตน สิ่งของต่างๆ บัญญํติคือตัวหนังสือ อย่างเวลาเราไปโพสในบอร์ด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
สมมติบัญญัติ สมมตินี่ยังไงนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
อ่านจบหรือยังคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
จบแล้ค่ะพี่ แต่ยังไม่เข้าใจคำว่าสมมติ

สุขที่แท้จริง says:
สมมุติคือ คน สัตว์ สิ่งของต่างๆที่เราเรียก บัญญํติคือ ตัวอักษรหรือตัวหนังสือที่ถูกสร้างขึ้นมา
อย่างเวลาเกิดการกระทบของสมมุติ เราไปเกิดอุปทาน อยู่ที่สติว่าทันไหม ถ้าไม่ทัน เราปรุงแต่งทันที

ส่วนตัวหนังสือ อย่างที่บอก พอหมูเข้าไปอ่านกระทู้ต่างๆ สติไม่ทัน
หมูก็ปรุงแต่งให้มันมีชีวิตขึ้นมาได้ทันที ทีนี้ พอเราตอบหรือโพสอะไรลงไป ก็เกิดการปรุงแต่งละ
อ้อ ต้องการสอนคนๆนี้ เลยนำข้อความนี้มาโพส แต่ถ้าหมูเป็นกลาง หมูจะไม่ไปยุ่งกระทู้ใครๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ใช่ค่ะ เพราะไม่ได้เกิดความอยากสอน

สุขที่แท้จริง says:
แล้วจิตไม่ได้คิดถึงใคร โพสเพราะมีความศรัทธาในคำสอนนั้นๆ อยากนำมาแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ
แต่ถ้าไม่ไปยุ่งกระทู้ใครก็จริง โพสเดี่ยวๆก็จริง แต่ถ้าจิตเพ่งอยู่กับผู้อื่นอยู่ นั่น อกุศลเกิดแล้ว
เพราะเราไปคาดเดาเอาเองว่าคนๆนั้นเขาต้องเป็นแบบที่เราคิด จิตมันละเอียดนะหมู กิเลสก็ละเอียดตาม


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ละเอียดจิงๆค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
คนถึงได้ก่อวิบากต่อกันไม่รู้จบเพราะเหตุนี้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มันละเอียดยิบๆๆๆๆ เลยนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
เนี่ยแหละ อีกหนึ่งรู้ ที่พี่ได้จากเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้พี่ระวังในเรื่องการโพสมากขึ้น
ไม่ไปข้องเกี่ยวใดๆน่ะดีที่สุด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
การไม่สร้างเหตุนี่ยากนะคะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ยากมาก จิตมันไว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ไหวนิดเดียวเอง

สุขที่แท้จริง says:
นี่แหละ ความไม่รู้ กิเลสดีๆนี่เอง ตกหลุมพรางกันเพราะเหตุนี้
มองแต่นอกตัว เห็นโน่นเห็นนี่ แต่ไม่เห็นในตัวเอง
จะว่าไป กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ ไม่แตกต่างจากใครๆเลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พี่คะสภาวะข้างในจิตนี่ ในจิตนี่มันมีอะไรเคลื่อนไหวตลอดเวลาไม่อยู่นิ่งเลย มันกำหนดไม่ค่อยทันคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช้เวลาค่ะ สติ สัมปชัญญะ มีกำลังมากขึ้นเมื่อไหร่ ย่อมเห็นได้ทัน มันไม่มีอะไรเลย ทำต่อไป
มันสงบนะ คิดเพียงว่า นั่นจิตเขาเราไม่เกี่ยว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เหมือนเขาไม่แคร์แล้วใครจะคิดไง

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าทุกๆการกระทบ เข้าถึงได้แบบนี้ตลอดไป สุดยอดดด
สภาวะครั้งนี้ดี พี่เห็นอะไรๆที่ชัดกว่าเมื่อก่อนมากๆ มันไม่เอามากขึ้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมม หมูก็เปรียบเทียบนะคะ คือความนิ่ง ของฝ่ายที่ถูกโจมตี
เขาเย้วๆ พี่น้ำไปโน่นปฎิบัติธรรม เห็นสิ่งกุศลๆ
พอเห็นแล้วหมูก็เลยสงบได้มากขึ้น กะเหตุการณ์นี้ จริงๆก็ปรี๊ดน่ะค่ะ ตั้งแต่เขาเริ่ม
พอเห็นแบบนี้ ก็อือพี่น้ำเลือกในสิ่งที่ช่วยตนเองให้พ้นทุกข์

สุขที่แท้จริง says:
พี่ถึงบอกไง ทุกๆการกระทบ สภาวะพี่เขามาสอน เหมือนๆทุกๆคนน่ะแหละ เพียงแต่ว่า
จะเห็นกันหรือเปล่า แต่พี่เห็นของพี่ แล้วความรู้มันก็เกิดขึ้น เมื่อความรู้เกิด
ทำให้เราเห็นรายละเอียดที่เราไม่เคยมองเห็น อย่างเรื่อง สมมุติ บัญญัติ ในครั้งนี้


แรกๆ เห็นนะสมมุติ เห็นแบบหยาบๆ ไม่ใช่เขา เรา ตรงนี้เห็น แต่ไม่เห็นส่วนลึก
ส่วนลึกที่มันซ้อนลงไปอีก มันทำให้รอบครอบและระวังเพิ่มขึ้นมาอีก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พอรู้เยอะขึ้นก็หยุดก่อเหตุเพิ่มขึ้นได้อีก

สุขที่แท้จริง says:
ใช่จ้ะ เมื่อก่อนก็รู้นะว่าอย่าไปคิดแทนคนอื่นๆ มันยังมีนะ คิดนะ เขาต้องอย่างงั้นอย่างงี้
พอเจอครั้งนี้ สภาวะมันละเอียดมากขึ้น มันหยุดได้อีกขั้น
เหมือนหมูน่ะ ที่พี่บอกทำไป หมั่นทบทวนตัวเองดูได้
สังเกตุดู จากที่เคยว่าคนอื่นๆในใจ พอเจอการกระทบ การว่าตรงนั้นลดลงไปเรื่อยๆ

เพราะมันเห็นผลแล้วไง จึงทำให้เชื่อทั้งว่า สร้างเหตุยังไง ผลต้องได้รับอย่างนั้นแน่นอน
จิตมันกลัว มันเลยไม่ทำอีก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็ลองทบทนดู ใจเย็นขึ้นค่ะ ยอมคนได้มากขึ้นโดยที่ไม่ต้องฝืนมาก หากบางเรื่องที่ยอมยาก
ใช้คามคิดช่วยก็จริง แต่สักพักก็ลืมไว มีความสุขง่ายขึ้น กะการใช้ชีวิต ตะกละน้อยลงนี๊ดดดด เดียว

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจเลยย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มันไม่ต้องหาของกินตอนตื่นนอนให้ได้แบบทุกครั้ง แล้วไปทบเอาตอนเย็น เหงาน้อยลงเยอะ
ขี้เกียจคุยโทรศัพท์

สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยค่ะ มันจะไม่มานั่งเหงาเหมือนเมื่อก่อน และพูดคุยกับผู้อื่นน้อยลง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แค่นี้ก็ สบายขึ้นแล้วนะคะ แต่ต้องทำต่อเนื่องประมาทไม่ได้

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ทำต่อเนื่องไป แล้วเราจะเข้าใจทุกอย่างด้วยตัวเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 245

60/40 และ 30/20 สังเกตุนะ ถ้ามีอาการเบื่อ รอบสองให้ลดเวลาลง
ความขยันจะมีความอยากแฝงมา ให้ระวังไว้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
60/40 ค่ะ
ตอนเดินก็ เดินระยะ 1 2 3 4 5 ระยะ 3 กะ 4 นี่จะชัดหน่อยค่ะ ก็จะรู้เท้า เวลายก เวลากำลังย่าง
เวลากำลังค่อยๆวางลง และแตะพื้น ถ้า 5 นี่บางทีก็เซๆ กำหนดผิดบ้าง
แล้วก็ มีความอยากตามหลังความคิดค่ะ ความคิดไม่ถึงกะฟ้งค่ะ

ช่วงตอนเดิน ครึ่งแรกยังไม่ถึงกะฟุ้ง ก็บริกรรมความ ไปค่ะ
มีเวทนาร้อนผ่าวบ่อยค่ะที่เาเวลายก กะกัาลังลง มีมดกัดมาเล็กน้อยแล้วหายไป

มีตอนเดินแล้วเห็นว่าระหว่างเดินนี่ ความคิดเกิดขึ้น แล้ววับหายไปแล้วมารู้เท้าต่อ
มีกำหนดสุดทางเดินอย่างยืนหนอ แล้วก็ห็นความคิดผุดแทรกขึ้นมา ก็กำหนดรู้ไป

แล้วก็เกิดความรู้สึก เหมือนมันรู้สึกแผ่วว่า คือ เหมือนเราอยู่ไหน แต่ไม่ได้ชัดแบบนั้น
เหมือนความคิดนี่คือเรารู้สึกเสมอมาว่าคือตัวเรา
แต่ความคิดก้อเปลี่ยน โดยที่มัน เปลี่ยนของมันเองแวบโน่นี่
แต่ตรงที่อธิบายนี่มันคือ ตัวรู้ด้วยน่ะค่ะ ที่ไปขยายความต่อ
พอมันรู้สึกตรงนั้นแล้ว แล้วก็เกิดวิจารณ์ตัวนี้ขึ้นมา
ทีนี้ใจก็ฟู จะคิด ก็กำหนดรู้หนอหลายครั้ง มันก็จะพูดๆก็กำหนดรู้หนอ

แล้วก็มาตั้งใจอยู่กะกายต่อ แล้วก็หลังๆก็เริ่มสะเปะสะปะค่ะ
คิดเรื่องหนังที่ชอบขึ้นมาเป็นตอนๆเลย ก็สักพัก ใหญ่ ก็พยายามรวบรวมสติใหม่ แล้วตั้งใจรู้เท้าต่อ

ช่วงหลังเบื่อก็เลย รู้แบบไม่บริกรรมบ้าง แล้วก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาทนไม่บริรรมได้ไง
มันฟุ้ง เชียวพูดตลอด ก็เลยมาบริกรรมต่อก็รู้เท้าจนจบเวลา

พอมานั่ง
ก็หลับใน + รู้กายบางช่วงมันหลับในแต่กลัวหลับใน เลยพยายามคุมให้ออกมารู้กาย
บางทีก็ตั้งใจมารู้ท้องก็รู้ได้ แล้วก็มีคลอๆหลับในแล้วมาตั้งใจรู้ใหม่ มันก็เลยไม่หลับแบบจริงๆจัง
แต่ก็ไม่ได้รู้กายได้ตลอดค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
สังเกตุนะ ถ้ามีอาการเบื่อ รอบสองให้ลดเวลาลง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ เบื่อพอดีเลย

สุขที่แท้จริง says:
เพราะถ้าฝืนทำ จะทำให้เราเหมือนต้องบังคับตัวเอง จะคอยมองแต่นาฬิกา ฟุ้งเอาไปกินหมด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนั้น ตอนที่ฝืน

สุขที่แท้จริง says:
ความขยันจะมีความอยากแฝงมา ทำเพราะอยาก อยากได้ อยากเป็น ระวังนะคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ จะเตือนและคอยระวัง ค่ะ
30/20 ค่ะ

รอบนี้ก็ฟุ้งจริงๆค่ะ ความอยากเยอะ มันขึ้นมาแน่นๆ ที่อกค่ะ ก็กำหนดรู้หนอๆลงไปค่ะ
แล้วก็เดินช้าๆสวนทางมันก็เห็นมันดิ้น ก็หายใจยาวๆลึกๆช่วยได้บ้างค่ะ
แล้วก็มีบางช่วงที่มันคลายลงค่ะแล้วก็ขึ้นใหม่ ช่วงต้นนี่เดินบริกรรมไม่ได้ได้ค่ะ
กลับเดินรู้อย่างเดียวได้ดีกว่า แล้วสักพักค่อยกำหนดรูปแบบได้
ก็มีไปคิดโน่นน่ค่ะ มีอกุศล 2 - 3 ครั้ง ก็กำหนดรู้หนอค่ะ

มีเจ็บที่เท้าเหมือนมีตัวอะไรไชผิวเข้าไปแต่ไม่มีค่ะ
มีเจ็บกายเหมือนมีแผล แต่ไม่ได้มีแผลค่ะ

แล้วก็พอมานั่ง
ก็ช่วงต้นๆรู้กายได้ค่ะ ก็รู้ท้องแล้วจากนั้นหลังๆไปหลับใน หรือคิดไร้สาระค่ะ
แล้วก้มารู้กายได้บ้างอีกค่ะแต่ไม่ต่อเนื่องนานค่ะ แล้วก็หมดเวลาค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ถึงจะฟุ้งก็ยังรู้เท้าได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ยังรู้ได้น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
สติทันเมื่อไหร่ สภาวะถึงจะเปลี่ยน ทำไปเรื่อยๆค่ะ อย่าไปไม่ชอบสภาวะนะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็มีไปไม่ชอบด้วยค่ะ ก็กำหนดรู้หนอค่ะ บางทีก็ปล่อยได้ค่ะ บางทีก็ฮึดขึ้นมาค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ กดดันตัวเอง ทำได้แบบธรรมชาติเมื่อไหร่สบาย
มันสบายๆจริงๆนะหมู มันแค่รู้ว่า เออเจอสภาวะนี้
แต่เราทำไปเถอะ เดี่ยวสภาวะใหม่มาอีก ไม่ต้องไปสนใจอะไร
แล้วก็ไม่ต้องไปกดดันอะไรตัวเอง ไม่ต้องไปหาคำตอบว่า ทำไมวนๆหว่า


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เพราะมันก็เปลี่ยนๆ แล้วสภาวะก็เกิดขึ้นแล้วก็หายเร็ว ใช่ไหมคะเพราะเราไม่ได้ไปปรุงต่อ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เกี่ยวกับปรุงหรือไม่ปรุง เหมือนตอนนี้พี่เจอสภาวะแมงเข้าหู สติแตกกก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เจออีกแล้วเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:
อีกแล้วว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
หมูตอนนี้คันค่ะ เกาเป็นลิงเลย แล้วก็เจ็บๆ

สุขที่แท้จริง says:
นั้นน่ะพี่ผ่านมานานแล้ว คันทั้งตัว ทรมาณโคดๆ แต่แมงเข้าหูโหดกว่า


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พี่น้ำเกา ด้วยไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เกา แค่กำหนดรู้หนอๆๆๆ แล้วเอามือลูบๆ ทั้งที่หลับตาน่ะแหละ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เราเอาคัทตั้นบัทเขี่ยได้ไมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ได้ ทำแบบนั้นได้ไง ก้รู้อยู่แล้วว่าคือสภาวะ จะเอาสำลีไปแหย่ทำไมคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็แบบถ้าทนไม่ไหว

สุขที่แท้จริง says:
แค่เอานิ้วแหย่มันก็หายแล้ว แต่ถือว่าสอบตก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ้าว ยังงี้คันแล้วเกาก็ตกเหมือนกันสิคะ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าสติดีๆ มันจะหายเอง นั่นแหละ ตก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
กำ เกาจนแดง

สุขที่แท้จริง says:
กำหนดรู้ แล้วลูบได้ ถ้าทนไม่ไหว สภาวะมันจะซ้ำๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมบางทีมันเกาไม่ถูกที่คันนะคะ พอเกาแล้วมันหาไม่เจอ พอวางมือแล้วมาอีก

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ไง มันแค่สภาวะ ไม่งั้นจะเจริญสติไปทำไมล่ะหมู


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ งั้นคราวหลังก็กำหนดลงไป หมูตอนนี้กำหนดรู้ แต่ก็เกาแล้วก็รู้มือเกา

สุขที่แท้จริง says:
ฝึกไปค่ะ ใหม่ๆพี่ก็ลูบๆเอา พอสติดี มันก็หายไป นานๆเกิดที แต่สติมันทัน แต่เด่วนี้ไม่มีแล้วสภาวะคัน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 26 เม.ย. 2010, 20:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 12, 13, 14, 15, 16, 17  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร