วันเวลาปัจจุบัน 18 มิ.ย. 2025, 03:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


- สถานที่ปฏิบัติธรรม
แนะนำรายชื่อสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั่วประเทศ
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=9

- รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=30



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


สมัยนั้น พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี ครั้งนั้นมีภิกษุรูปหนึ่งได้เข้าไปเฝ้าถึงที่ประทับ แล้วกราบทูลขอให้พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเพื่อปลีกตัวออกไปปฏิบัติคนเดียวด้วยความไม่ประมาท

พระพุทธองค์ตรัสถึงบุพกิจ ก่อนที่จะเจริญวิปัสสนาว่า “ภิกษุ ! ก่อนอื่นเธอจงทำเหตุเบื้องต้น แห่งกุศลธรรมให้บริสุทธิ์ก่อน เหตุเบื้องต้นของกุศลธรรม คือ ศีลที่บริสุทธิ์ดี และความเห็นตรง

เมื่อใด ศีลของเธอบริสุทธิ์ดีแล้ว และความเห็นของเธอก็ตรงดีแล้ว เมื่อนั้นเธออาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้วพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ (วิปัสสนา) มีกาย เวทนา จิต และธรรมต่อไป

ภิกษุ! เมื่อใดเธออาศัยศีล และตั้งอยู่ในศีลแล้วจะเจริญ สติปัฎฐาน ๔ เหล่านี้ โดยส่วน ๓ อย่างนี้

เมื่อนั้น เธอพึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียวตลอดคืน หรือวันอันจะมาถึง ไม่มีความเสื่อมเลย”

ภิกษุนั้นยินดี ชื่นชม รับไปปฏิบัติอยู่ไม่นาน ก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในโลก

ภิกขุสูตร ๑๙/๑๘๕


ส่วนเสริม

พระสูตรนี้ น่าจะเป็นแบบอย่างที่ดี สำหรับผู้ที่จะเจริญวิปัสสนา หรือแม้แต่การเจริญสมถะหรือสมาธิก็ตามของทุกท่านได้อย่างดียิ่ง เหตุผล เพราะปัจจุบันนี้มีผู้สอนธรรมะแหวกแนวคำสอนของพระพุทะเจ้าอยู่มาก ยากแก่ผู้ที่ไม่รู้จริงจะแยกแยะได้ว่าแนวไหนผิด ? แนวไหนถูก ? และที่ว่าผิดถูกนั้นมากน้อยแค่ไหนและอย่างไร ? จะกลายเป็นการกึ่งสะกดจิต ความรู้ความเห็นอะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็จะกลายเป็น “เขาสร้าง” แล้ว “ยัดเยียดใส่” ให้ทั้งสิ้นไม่ได้เกิดจากตัวของเราเองเลย

สิ่งที่ได้จึงเป็นของเก๊ของปลอม สวรรค์ก็ปลอม พระอรหันต์ก็ปลอม พระพุทธเจ้าก็ปลอม ดวงอะไรก็ปลอม แม้นิพพานก็ปลอมด้วย สิ่งที่ท่านจะได้แน่ๆ ก็คือ การตกเป็นทาสทางใจ หรือทาสเสพติดของเขาไปชั่วชีวิต ดังนั้น ท่านที่สนใจการปฏิบัติธรรมทางจิต ก็อย่าได้ถือหรือเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยผิดไปแล้วอาจกลับตัวได้ บางคนก็กลับไม่ได้ เพราะไม่รู้ตัวว่าเดินทางผิด บางคนแม้ว่าจะกลับตัวได้ แต่ก้ได้หันหลังให้ศาสนาโดยสิ้นเชิงเพราะไปมองพระแบบเหมาโหล !…..

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 22:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


=================

รูปภาพ

=================


.. :b48: .. :b16: .. :b48: ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 22:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต

เล่ม ๕- หน้าที่ 19 ยมกวรรคที่ ๒

ว่าด้วยโพชฌงค์ ๗ เป็นอาหารของวิชชาและวิมุตติ




ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้

การคบสัปบุรุษที่บริบูรณ์...ย่อมยังการฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์

การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์...ย่อมยังศรัทธาให้บริบูรณ์

ศรัทธาที่บริบูรณ์...ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยแยบคายให้บริบูรณ์

การทำไว้ในใจโดยแยบคายที่บริบูรณ์...ย่อมยังสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์

สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์...ย่อมยังการสำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์

การสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์...ย่อมยังสุจริต ๓ ให้บริบูรณ์

สุจริต ๓ ที่บริบูรณ์....ย่อมยังสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์

สติปัฏฐาน ๔ ที่บริบูรณ์..... ย่อมยังโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์

โพชฌงค์ ๗ ที่บริบูรณ์....ย่อมยังวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์


วิชชาและวิมุตตินี้ มีอาหารอย่างนี้

และบริบูรณ์อย่างนี้.



สุจริต๓ คือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต


อ้างอิง
กายสุจริต ประพฤติชอบด้วยกาย, ประพฤติชอบทางกาย มี ๓ อย่าง คือ
เว้นจากฆ่าสัตว์
เว้นจากลักทรัพย์
เว้นจากประพฤติผิดในกาม

วจีสุจริต ประพฤติชอบด้วยวาจา, ประพฤติชอบทางวาจา มี ๔ อย่าง คือ
เว้นจากพูดเท็จ เว้นจากพูดส่อเสียด เว้นจากพูดคำหยาบ เว้นจากพูดเพ้อเจ้อ;

มโนสุจริต ความประพฤติชอบด้วยใจ, ความสุจริตทางใจ มี ๓ อย่าง คือ
๑. อนภิชฌา ไม่โลภอยากได้ของเขา
๒. อพยาบาท ไม่พยาบาทปองร้ายเขา
๓. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบตามคลองธรรม




ศีล ครอบคลุม กายสุจริต และ วจีสุจริต... อีกทั้ง สนับสนุน มโนสุจริต


เหตุใกล้แห่ง สุจริต๓ คือ โยนิโสมนสิการ--------> สติสัมปชัญญะ------>อินทรีย์สังวร

การสำรวมอินทรีย์ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น สำหรับศีล

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 11:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


พระสูตรนี้ พระพุทธองค์ตรัสสอนพระภิกษุ ไม่ได้ตรัสสอนฆาราวาส ภิกษุที่ท่านสอนนี้ ล้วนเป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรมที่มาขอบวชในพุทธศาสนา

ศีลที่ให้ชำระ คือ ศีล ๒๒๗ ข้อ ต่อเมื่อภิกษุสมทานสิกขาบททั้งหลายได้แล้ว จึงให้ฝึกคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย หรือ การฝึกสร้างความเห็นสัมมาทิฏฐิที่เป็นอนาสวะ สำหรับรายละเอียดการฝึกเพื่อคุ้มครองทวารทั้ง ๖ มีขยายความอย่างละเอียดอยู่ในพระสูตรเล่มที่ ๑๐ ทั้งเล่ม

เมื่อเกิดความเห็นชอบ การประพฤติทางกาย วาจา ใจ ก็จะเป็นไปในทางที่ชอบ หรือเกิดสุจริต ๓ ขึ้น

เมื่อภิกษุสามารถคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้ง ๖ ได้แล้ว จึงจะมีปกติเห็นกาย เวทนา จิต ธรรม โดยความไม่เที่ยง แปลว่า มีความเห็นตรงเกิดขึ้นเป็นอัตโนมัติ จากนั้นถึงจะไปเจริญสมถะและวิปัสสนาขั้นสูงต่อไป เพื่อการบรรลุอรหันตผล

รายละเอียดเรื่องการปฏิบัติของพระภิกษุ ได้มีพราหมณ์มาถาม พระพุทธองค์ได้อธิบายอย่างละเอียดใน ทันตภูมิสูตร และ คณกโมคคัลลานสูตร

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 04 ต.ค. 2010, 11:35, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร