วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 01:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 123 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 18 ก.พ. 2010, 12:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เออ! ใช่

ทำไมไม่ รูปานุปัสสี เวทนานุปัสสี จิตตานุปัสสี ธรรมมานุปัสสี

เฉลิมศักดิ์ เฉลยที

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสต์ เมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 19:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
สติ แปลว่า การตามระลึกรู้อารมณ์

ปัฏฐาน แปลว่า ที่ตั้ง (ของการเพ่ง)

สติปัฏฐาน ๔ หมายถึง ฐาน หรือที่ตั้งอันเป็นที่รองรับของการกำหนดสติอย่างประเสริฐ เพราะเป็นการตามระลึกรู้

อารมณ์ปรมัตถ์ (รูป-นาม) ที่เกิดขึ้นตามฐาน ซึ่งมี ๔ ฐานด้วยกัน คือ กาย เวทนา จิต และธรรม ผู้ใดที่มีการ

ปฏิบัติเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักของสติปัฏฐาน ย่อมเป็นเหตุให้เกิดวิปัสสนาปัญญา อันเป็นปัญญาที่เข้าถึง

สภาวธรรมของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาได้ในที่สุด ทั้งนี้เพราะการปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ สามารถ

ทำลายวิปลาสธรรม ๔ ประการได้



คุณเฉลิมศักดิ์คร้าบ มาสนทนาการปฏิบัติสติปัฏฐานอย่างถูกต้อง อย่างคุณว่าสะทีนะครับ

ถามนะครับ

-ปฏิบัติยังไงครับที่ว่า ปฏิบัติถูกต้อง ?

-รูป กับ กาย เหมือนกันหรือต่างกันครับ

ถามแค่นี้ก่อน



คุณเฉลิมศักดิ์ทำท่าจะไปยาว :b1:

คุณจะมาอีกไหมขอรับ

มาตอบคำถามที่ว่า รูป กับ กาย เนี่ยเหมือนกันหรือต่างกัน คุณอ้างอิงเองนะครับ :b28:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 20 ก.พ. 2010, 09:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




2643605056711sb9.gif
2643605056711sb9.gif [ 3.96 KiB | เปิดดู 5400 ครั้ง ]
ยู้ฮู้ คุณเฉลิมศักดิ์คร้าบ :b16:

นโมพุทธายะ มามะมามา เอหิ จงมา มานี่เถอะครับคุณเฉลิมศักดิ์ มาตอบปัญหาข้างบนหน่อย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 20 ก.พ. 2010, 17:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 07:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


พฤติกรรมเบี่ยงเบนที่ไม่น่าปรารถนาที่มักเกิดกับนักศึกษาธรรมะ(นักปฏิบัติธรรม) บางท่าน
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16059

ข.มีพฤติกรรม สวนกระแสพระสัทธรรม เช่น
๑)อติมานี มีมานะจัด มีนิสัยหยาบกระด้าง (ปากร้าย ชอบทะเลาะ เบาะแว้ง ) บุคคลอื่นแนะนำตักเตือนไม่ได้
๒)โกธาภิภูโต มักโกรธ หงุดหงิดรำคาญง่าย ไร้เหตุผล
๓)พหุภาณี พูดมาก ไม่รู้จักกาลเวลา ไม่เลือกสถานที่ และบุคคล ขาดความสุภาพ
๔)สาเถยยมายาวี เป็นคนเจ้าเล่ห์ มารยา มีเจตนาแอบแฝงที่ไม่ดี หน้าด้าน ไม่รู้จักอาย เป็นคนแก้อยาก


คุณกรัชกายครับ ผมว่าพฤติกรรมของคุณที่แสดงผ่านความเห็นต่าง ๆ ดูเบี่ยงเบนไปเรื่อย ๆ แล้วนะครับ

ของดการสนทนากับคุณกรัชกาย ก่อนนะครับ

--------------------------------------------------

หากคุณกรัชกาย โกรธผม ที่ไม่สนทนาด้วย ก็ลองย้ายอารมณ์ ไปภาวนา โกรธหนอ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

รอไปก่อนนะครับ

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 12:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
(เฉลิมศักดิ์เขียน)

สติ แปลว่า การตามระลึกรู้อารมณ์

ปัฏฐาน แปลว่า ที่ตั้ง (ของการเพ่ง)

สติปัฏฐาน ๔ หมายถึง ฐาน หรือที่ตั้งอันเป็นที่รองรับของการกำหนดสติอย่างประเสริฐ เพราะเป็นการตามระลึกรู้

อารมณ์ปรมัตถ์ (รูป-นาม) ที่เกิดขึ้นตามฐาน ซึ่งมี ๔ ฐานด้วยกัน คือ กาย เวทนา จิต และธรรม ผู้ใดที่มีการ

ปฏิบัติเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักของสติปัฏฐาน ย่อมเป็นเหตุให้เกิดวิปัสสนาปัญญา อันเป็นปัญญาที่เข้าถึง

สภาวธรรมของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาได้ในที่สุด ทั้งนี้เพราะการปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ สามารถ

ทำลายวิปลาสธรรม ๔ ประการได้



เมื่อคุณพูดยังนั้น กรัชกายก็ถามว่า รูป กับ กาย เหมือนกันหรือต่างกัน :b10:

แต่คุณไม่ตอบ แต่กลับกล่าวว่า

อ้างคำพูด:
ข.มีพฤติกรรม สวนกระแสพระสัทธรรม เช่น
๑)อติมานี มีมานะจัด มีนิสัยหยาบกระด้าง (ปากร้าย ชอบทะเลาะ เบาะแว้ง ) บุคคลอื่นแนะนำตักเตือนไม่ได้
๒)โกธาภิภูโต มักโกรธ หงุดหงิดรำคาญง่าย ไร้เหตุผล
๓)พหุภาณี พูดมาก ไม่รู้จักกาลเวลา ไม่เลือกสถานที่ และบุคคล ขาดความสุภาพ
๔)สาเถยยมายาวี เป็นคนเจ้าเล่ห์ มารยา มีเจตนาแอบแฝงที่ไม่ดี หน้าด้าน ไม่รู้จักอาย เป็นคนแก้อยาก

คุณกรัชกายครับ ผมว่าพฤติกรรมของคุณที่แสดงผ่านความเห็นต่าง ๆ ดูเบี่ยงเบนไปเรื่อย ๆ แล้วนะครับ

ของดการสนทนากับคุณกรัชกาย ก่อนนะครับ


คุณเฉลิมศักดิ์ครับ พูดตรงๆนะครับ

ที่ถูกเมื่อคุณนำหลักธรรมหรือศัพท์ธรรมมาแสดงเช่นนั้นแล้ว คุณต้องรู้เข้าใจในข้อธรรมนั้นๆ

ใครถามต้องตอบได้ อธิบายให้ผู้ฟังรู้เข้าใจหายสงสัยได้

แต่คุณ... :b21:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 08:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




oba41.gif
oba41.gif [ 18.27 KiB | เปิดดู 5339 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
หากคุณกรัชกาย โกรธผม ที่ไม่สนทนาด้วย ก็ลองย้ายอารมณ์ ไปภาวนา โกรธหนอ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

รอไปก่อนนะครับ


คุณเฉลิมศักดิ์ขอรับ :b8:

เมื่อจะภาวนา โกรธหนอๆๆ เนี่ย โทสะมูลจิตจะต้องเกิดขึ้น แล้วค่อยภาวนาโกรธหนอๆๆๆ ตามสภาวะนั้น

เดี๋ยวนั้น ขณะนั้น

เมื่อภาวะนั้นไม่เกิด แล้วภาวนาโกรธหนอๆๆ นั่นผิดแล้วครับ :b1: หลอกตนเอง ลวงตัวเองแล้ว

เมื่อนึกขำปุ๊บ พึงภาวนาปั๊บ ขำหนอๆๆ ยังงี้คือนึกขำคุณนี่ช่างไม่รู้เรื่องการภาวนาเอาสะเลย

อย่าว่าแต่ภาวนาเลยขอรับ

แม้แต่ปริยัติคุณยังไม่รู้เข้าใจเลย คุณอาศัยลิงค์ที่มีๆตุนๆไว้นั่นแหละโพสต์ไปเรื่อยๆ มีหลายศัพท์ครับที่ถูก

ตัดแต่งจนผิดไปจากความหมายศัพท์เดิม

ถึงได้บอกคุณแต่แรกว่าอาจารย์ที่คุณอ้างอิงบ่อยๆ นั่นน่ะ คือ มิจฉาทิฐิต้นฉบับ :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 23 ก.พ. 2010, 11:24, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสต์ เมื่อ: 24 ก.พ. 2010, 06:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


พฤติกรรมเบี่ยงเบนที่ไม่น่าปรารถนาที่มักเกิดกับนักศึกษาธรรมะ(นักปฏิบัติธรรม) บางท่าน
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16059

ข.มีพฤติกรรม สวนกระแสพระสัทธรรม เช่น
๑)อติมานี มีมานะจัด มีนิสัยหยาบกระด้าง (ปากร้าย ชอบทะเลาะ เบาะแว้ง ) บุคคลอื่นแนะนำตักเตือนไม่ได้
๒)โกธาภิภูโต มักโกรธ หงุดหงิดรำคาญง่าย ไร้เหตุผล
๓)พหุภาณี พูดมาก ไม่รู้จักกาลเวลา ไม่เลือกสถานที่ และบุคคล ขาดความสุภาพ
๔)สาเถยยมายาวี เป็นคนเจ้าเล่ห์ มารยา มีเจตนาแอบแฝงที่ไม่ดี หน้าด้าน ไม่รู้จักอาย เป็นคนแก้อยาก


คุณกรัชกายครับ ผมว่าพฤติกรรมของคุณที่แสดงผ่านความเห็นต่าง ๆ ดูเบี่ยงเบนไปเรื่อย ๆ แล้วนะครับ

ของดการสนทนากับคุณกรัชกาย ก่อนนะครับ

--------------------------------------------------

หากคุณกรัชกาย โกรธผม ที่ไม่สนทนาด้วย ก็ลองย้ายอารมณ์ ไปภาวนา โกรธหนอ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทำสมาธิ รอไปก่อนนะครับ

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสต์ เมื่อ: 27 ก.พ. 2010, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




picture-5148.gif
picture-5148.gif [ 11.85 KiB | เปิดดู 5266 ครั้ง ]
chalermsak เขียน:
พฤติกรรมเบี่ยงเบนที่ไม่น่าปรารถนาที่มักเกิดกับนักศึกษาธรรมะ(นักปฏิบัติธรรม) บางท่าน
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16059

ข.มีพฤติกรรม สวนกระแสพระสัทธรรม เช่น
๑)อติมานี มีมานะจัด มีนิสัยหยาบกระด้าง (ปากร้าย ชอบทะเลาะ เบาะแว้ง ) บุคคลอื่นแนะนำตักเตือนไม่ได้
๒)โกธาภิภูโต มักโกรธ หงุดหงิดรำคาญง่าย ไร้เหตุผล
๓)พหุภาณี พูดมาก ไม่รู้จักกาลเวลา ไม่เลือกสถานที่ และบุคคล ขาดความสุภาพ
๔)สาเถยยมายาวี เป็นคนเจ้าเล่ห์ มารยา มีเจตนาแอบแฝงที่ไม่ดี หน้าด้าน ไม่รู้จักอาย เป็นคนแก้อยาก


คุณกรัชกายครับ ผมว่าพฤติกรรมของคุณที่แสดงผ่านความเห็นต่าง ๆ ดูเบี่ยงเบนไปเรื่อย ๆ แล้วนะครับ

ของดการสนทนากับคุณกรัชกาย ก่อนนะครับ


หากคุณกรัชกาย โกรธผม ที่ไม่สนทนาด้วย ก็ลองย้ายอารมณ์ ไปภาวนา โกรธหนอ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทำสมาธิ รอไปก่อนนะครับ



:b1: คุณเฉลิมศักดิ์พร้อมจะสนทนากับกรัชกายอีกแล้วใช่ไหมครับ

หรือ หนีไปวิปัสสนึกแล้ว จะไหวหรือแบบเนี่ย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 27 ก.พ. 2010, 09:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสต์ เมื่อ: 27 ก.พ. 2010, 22:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ กรัชกาย..ไม่ขี้เกียจบ้างหรือครับ??...กับคุณเฉลิมศักดิ์..เนี้ย :b32: :b32:

หรือจะเข้าทำนองที่เขาว่า..รู้มาก..ยากนาน :b9: :b9:

คนรู้น้อย..อย่าง กบฯ..ขยันไปคงได้แต่ไม่เข้าท่า..

เป็นผู้ชม..ดีที่สุด.. :b13: :b13: :b13:

จะติดตาม..ตอนต่อไป..คับ.. :b14: :b14: :b14:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 27 ก.พ. 2010, 22:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 28 ก.พ. 2010, 05:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
กบ เขียน
คุณ กรัชกาย..ไม่ขี้เกียจบ้างหรือครับ??...กับคุณเฉลิมศักดิ์..เนี้ย

หรือจะเข้าทำนองที่เขาว่า..รู้มาก..ยากนาน

คนรู้น้อย..อย่าง กบฯ..ขยันไปคงได้แต่ไม่เข้าท่า..


คุณกบครับ คำว่า รู้มาก...ยากนาน

ผมนึกถึงประวัติพระใบลานเปล่าเมื่อครั้งพุทธกาล ครับ

มีพระท่านหนึ่ง ทรงจำพระไตรปิฏก ได้ทั้งหมด ศึกษาพระศาสนาของพระพุทธเจ้ามาแล้ว ๗ พระองค์ ในชาติสุดท้ายก็ทำแต่คันถธุระ จนยอมน้อมตนลงไปเรียน วิปัสสนาธุระ กับสามเณร

ซึ่งปรากฏ ใน พระไตรปิฏก อรรถกถาดังนี้

๕. เรื่องพระโปฐิลเถระ [๒๐๘]
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=30&p=5


ข้อความเบื้องต้น

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระนามว่าโปฐิละ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "โยคา เว" เป็นต้น.

รู้มากแต่เอาตัวไม่รอด

ดังได้สดับมา พระโปฐิละนั้นเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎกในศาสนาของพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ บอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป. พระศาสดาทรงดำริว่า "ภิกษุนี้ ย่อมไม่มีแม้ความคิดว่า "เราจักทำการสลัดออกจากทุกข์แก่ตน เราจักยังเธอให้สังเวช."
จำเดิมแต่นั้นมา พระองค์ย่อมตรัสกะพระเถระนั้น ในเวลาที่พระเถระมาสู่ที่บำรุงของพระองค์ว่า "มาเถิด คุณใบลานเปล่า, นั่งเถิด คุณใบลานเปล่า, ไปเถิด คุณใบลานเปล่า แม้ในเวลาที่พระเถระลุกไป ก็ตรัสว่า "คุณใบลานเปล่าไปแล้ว."

--------------------------------------------------------------------

นึกถึง ประวัติการปฏิบัติธรรมของพระที่ทรงพระไตรปิฏก คือ พระภัททันตะ วิลาสะ ซึ่งเป็นพระวิปัสสนาจารย์ ของ อ.แนบ โยมผ้าขาวที่เข้าถึงสภาวะธรรมจากการปฏิบัติวิปัสสนาแล้วจะไปสอนพระผู้ทรงพระไตรปิฏก ไม่ได้ ต้องเข้าไปในฐานะศิษย์ก่อน

http://www.dharma-gateway.com/ubasika/n ... x-page.htm


ประวัติการปฏิบัติธรรม
http://www.dharma-gateway.com/ubasika/n ... -07-01.htm

------------------------------------------------------------------------
อ้างคำพูด:
กบ..เขียน
ถ้าหากแสง..จากพระหนังสือ ..ทำให้จริตเป็นอย่างคุณ..เฉลิมศักดิ์

กบฯ..ขอบาย..

ถ้าคุณ..เฉลิมศักดิ์..รู้แค่นี้..กิริยาได้แค่นี้..อย่าไปอ้างว่าไปอ่านพระไตรปิฎก..อรรถกถา..ฎีกา..มาแล้วเลยครับ

ขอดี..เขาเสียหมด


คุณกบครับ เมื่อครั้งพุทธกาล มีกบตัวหนึ่ง ถึงแม้จะไม่เข้าใจในเนื้อหาในพระสัทธรรม แต่ตั้งใจฟังพระธรรม ได้อารมณ์ที่ดี และได้ตายในขณะนั้น ยังได้เป็นเหตุปัจจัยไปเกิดในสุคติภูมิ เป็นเทวดาได้ศึกษา ได้ฟังพระสัทธรรม ต่อเลยครับ

[บันเทิงธรรม]--สัตวโลกเห็นและบูชาพุทธะ
http://larndham.org/index.php?showtopic=32882&st=0&hl=เธšเธฑเธ™เน€เธ—เธดเธ‡เธ˜เธฃเธฃเธก


บันเทิงธรรม]--สัตว์โลกฟังพระสัทธรรม
http://larndham.org/index.php?/topic/32 ... ntry545943

[กบตัวหนึ่ง]
ได้ยินมาว่า ในพุทธสมัยของสมณโคดมณ์พุทธเจ้าทรงได้แสดงธรรมเทศนาโปรดเมืองจัมปานครอยู่ ณ ริมฝั่งสระโปกขรณีชื่อ คัคครา มีกบตัวหนึ่งได้ถือนิมิตในพระสุรเสียงของพระผู้มีพระภาคย์เจ้าอยู่ บังเอิญคนเลี้ยงลูกโคคนหนึ่งได้จรดไม้พลองลง ได้จรดกดเอานั่นตรงที่ศีรษะ กบนั้นได้ถึงแก่ความตายลงในขณะนั้น แล้วได้บังเกิดอยู่บนวิมานทองสูง 12 โยชน์ในภพดาวดึงส์สวรรค์ ชื่อว่ามัณฑูกเทพบุตร ซึ่งเป็นเหมือนหลับแล้วตื่นขึ้นเห็นตนถูกล้อมด้วยหมู่นางอัปสวรรค์ในวิมานทองนั้น จึงได้พิจารณาดูว่า เอ! แม้เราก็ชื่อว่าได้มาบังเกิด ณ ที่นี่แล้ว เราได้สร้างกรรมอะไรมา มองไม่เห็นกรรมชนิดไหน นอกจากการถือเอานิมิตในพระสุรเสียงของพระผู้มีพระภาคย์เจ้านั้น
มัณฑูกเทพบุตรนัน้จึงได้เหาะมาพร้อมทั้งวิมาน กราบนมัสการพระยุคบาทของพระผู้มีพระภาคย์นั้น
พระพุทธองค์ทรงตรัสถามว่า ใคร? รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ ด้วยยศ มีผิวพรรณอันงามยิ่งบันดาลทิศทั้งปวงให้สว่างไสวอยู่ นมัสการเราอยู่
มัณฑูกเทพบุตรกราบทูลว่า ในชาติก่อน ข้าพระองค์ได้เป็นกบ อยู่ในน้ำ มีน้ำเป็นทางโคจร ขณะนั้นข้าพระองค์ฟังธรรมของพระพุทธองค์ ได้โดนคนเลี้ยงโคฆ่าแล้ว
จากนั้นพระผู้มีพระภาคย์ทรงได้แสดงธรรมเทศนาแก่มัณฑูกเทพบุตร ธรรมาภิสมัยคือ การตรัสรู้ธรรม ฝ่ายเทพบุตรได้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล ยิ้มแย้มกลับไป.


--------------------------------------------------------


คุณกรัชกาย คงไม่ว่าผมนะครับ ได้ฟังอะไรมาก็นึกถึงแต่ พระไตรปิฏก อรรถกถา และเหตุการณ์ของพระวิปัสสนาจารย์ผู้ทรงพระไตรปิฏก

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสต์ เมื่อ: 28 ก.พ. 2010, 09:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




oba41.gif
oba41.gif [ 18.27 KiB | เปิดดู 5220 ครั้ง ]
กบนอกกะลา เขียน:
คุณ กรัชกาย..ไม่ขี้เกียจบ้างหรือครับ??...กับคุณเฉลิมศักดิ์..เนี้ย

หรือจะเข้าทำนองที่เขาว่า..รู้มาก..ยากนาน

คนรู้น้อย..อย่าง กบฯ..ขยันไปคงได้แต่ไม่เข้าท่า..

เป็นผู้ชม..ดีที่สุด..

จะติดตาม..ตอนต่อไป..คับ..


คุยกะคุณเฉลิมศักดิ์เบาสมองดี อุปมาเหมือนนั่งคุยเล่นกับเด็ก ที่ใต้ร่มไม้เชิงภูเขา ซึ่งมีลมพัดเย็นสบายๆ

หัวเราะ :b32: อารมณ์ดีสนุกสนานเหมือนเมากัญชา ไม่ต้องใช้ความคิดมาก ไม่ต้องค้นคว้าอะไรมาก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 28 ก.พ. 2010, 16:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสต์ เมื่อ: 28 ก.พ. 2010, 19:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ต้องค้นคว้า...มันจะดีหรอ :b12:

เขาไล่ให้ไปอ่านพระหนังสือ..ยิก ๆ :b32: :b32:

ไม่มีพระหนังสือ..มาอ้าง..เดียวเขาจะไม่คุยด้วย..หน่า :b12: :b12:


โพสต์ เมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 07:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
[กบตัวหนึ่ง]
ได้ยินมาว่า ในพุทธสมัยของสมณโคดมณ์พุทธเจ้าทรงได้แสดงธรรมเทศนาโปรดเมืองจัมปานครอยู่ ณ ริมฝั่งสระโปกขรณีชื่อ คัคครา มีกบตัวหนึ่งได้ถือนิมิตในพระสุรเสียงของพระผู้มีพระภาคย์เจ้าอยู่ บังเอิญคนเลี้ยงลูกโคคนหนึ่งได้จรดไม้พลองลง ได้จรดกดเอานั่นตรงที่ศีรษะ กบนั้นได้ถึงแก่ความตายลงในขณะนั้น แล้วได้บังเกิดอยู่บนวิมานทองสูง 12 โยชน์ในภพดาวดึงส์สวรรค์ ชื่อว่ามัณฑูกเทพบุตร ซึ่งเป็นเหมือนหลับแล้วตื่นขึ้นเห็นตนถูกล้อมด้วยหมู่นางอัปสวรรค์ในวิมานทองนั้น จึงได้พิจารณาดูว่า เอ! แม้เราก็ชื่อว่าได้มาบังเกิด ณ ที่นี่แล้ว เราได้สร้างกรรมอะไรมา มองไม่เห็นกรรมชนิดไหน นอกจากการถือเอานิมิตในพระสุรเสียงของพระผู้มีพระภาคย์เจ้านั้น
มัณฑูกเทพบุตรนัน้จึงได้เหาะมาพร้อมทั้งวิมาน กราบนมัสการพระยุคบาทของพระผู้มีพระภาคย์นั้น
พระพุทธองค์ทรงตรัสถามว่า ใคร? รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ ด้วยยศ มีผิวพรรณอันงามยิ่งบันดาลทิศทั้งปวงให้สว่างไสวอยู่ นมัสการเราอยู่
มัณฑูกเทพบุตรกราบทูลว่า ในชาติก่อน ข้าพระองค์ได้เป็นกบ อยู่ในน้ำ มีน้ำเป็นทางโคจร ขณะนั้นข้าพระองค์ฟังธรรมของพระพุทธองค์ ได้โดนคนเลี้ยงโคฆ่าแล้ว
จากนั้นพระผู้มีพระภาคย์ทรงได้แสดงธรรมเทศนาแก่มัณฑูกเทพบุตร ธรรมาภิสมัยคือ การตรัสรู้ธรรม ฝ่ายเทพบุตรได้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล ยิ้มแย้มกลับไป.



คุณเฉลิมศักดิ์ คุณสรุปสาระเรื่องนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับบุคคลดิขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 01 มี.ค. 2010, 22:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 02 มี.ค. 2010, 00:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คงสงสาร..กบฯอย่างกระผม

เลยแนะทางขึ้นสวรรค์..ให้กบฯ อย่างกระผม..มั้งครับ

เห็นว่า..ให้ผมเป็นกบ..ในกะลา
:b32: :b32: :b32:

คือ..แกยังไม่อนุมัติให้ผม..อยู่นอกกะลา..นะครับ
:b12: :b12: :b12:


โพสต์ เมื่อ: 02 มี.ค. 2010, 05:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


[บันเทิงธรรม]--สัตวโลกเห็นและบูชาพุทธะ
http://larndham.org/index.php?showtopic=32882&st=0&hl=

บันเทิงธรรม]--สัตว์โลกฟังพระสัทธรรม
http://larndham.org/index.php?/topic/32 ... ntry545943


[กบตัวหนึ่ง]
ได้ยินมาว่า ในพุทธสมัยของสมณโคดมณ์พุทธเจ้าทรงได้แสดงธรรมเทศนาโปรดเมืองจัมปานครอยู่ ณ ริมฝั่งสระโปกขรณีชื่อ คัคครา มีกบตัวหนึ่งได้ถือนิมิตในพระสุรเสียงของพระผู้มีพระภาคย์เจ้าอยู่ บังเอิญคนเลี้ยงลูกโคคนหนึ่งได้จรดไม้พลองลง ได้จรดกดเอานั่นตรงที่ศีรษะ กบนั้นได้ถึงแก่ความตายลงในขณะนั้น แล้วได้บังเกิดอยู่บนวิมานทองสูง 12 โยชน์ในภพดาวดึงส์สวรรค์ ชื่อว่ามัณฑูกเทพบุตร ซึ่งเป็นเหมือนหลับแล้วตื่นขึ้นเห็นตนถูกล้อมด้วยหมู่นางอัปสวรรค์ในวิมานทองนั้น จึงได้พิจารณาดูว่า เอ! แม้เราก็ชื่อว่าได้มาบังเกิด ณ ที่นี่แล้ว เราได้สร้างกรรมอะไรมา มองไม่เห็นกรรมชนิดไหน นอกจากการถือเอานิมิตในพระสุรเสียงของพระผู้มีพระภาคย์เจ้านั้น มัณฑูกเทพบุตรนัน้จึงได้เหาะมาพร้อมทั้งวิมาน กราบนมัสการพระยุคบาทของพระผู้มีพระภาคย์นั้น พระพุทธองค์ทรงตรัสถามว่า ใคร? รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ ด้วยยศ มีผิวพรรณอันงามยิ่งบันดาลทิศทั้งปวงให้สว่างไสวอยู่ นมัสการเราอยู่มัณฑูกเทพบุตรกราบทูลว่า ในชาติก่อน ข้าพระองค์ได้เป็นกบ อยู่ในน้ำ มีน้ำเป็นทางโคจร ขณะนั้นข้าพระองค์ฟังธรรมของพระพุทธองค์ ได้โดนคนเลี้ยงโคฆ่าแล้วจากนั้นพระผู้มีพระภาคย์ทรงได้แสดงธรรมเทศนาแก่มัณฑูกเทพบุตร ธรรมาภิสมัยคือ การตรัสรู้ธรรม ฝ่ายเทพบุตรได้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล ยิ้มแย้มกลับไป.


อ้างคำพูด:
กรัชกาย เขียน
คุณเฉลิมศักดิ์ คุณสรุปสาระเรื่องนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับบุคคลดิขอรับ


เพื่อประโยชน์ ของผู้อ่านครับ อย่างน้อยก็เพื่อ บันเทิงในพระธรรม

เพื่อเห็นประโยชน์, คุณค่า ของการฟังพระธรรม

นึกถึงประวัติ ศิษย์ของพระสารีบุตร ๕๐๐ รูป ที่เคยเกิดเป็นค้างคาวในถ้ำที่พระท่านสาธยายพระอภิธรรม ชาติสุดท้ายก็ได้มาเล่าเรียนพระอภิธรรมกับพระสารีบุตร

ประวัติพระอภิธรรม
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14797


พระอภิธรรมฉบับกลางๆ ไม่ย่อ ไม่พิสดารนัก

หมายถึง พระอภิธรรมที่พระสารีบุตรทรงจำนัยที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
แล้วนำมาบอกกล่าวสั่งสอนพระภิกษุ ๕๐๐ รูป
ที่บวชเพราะเลื่อมใสในยมกปาฏิหาริย์
ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงก่อนเสด็จไปยังเทวโลก

พระภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านี้ เป็นชาวเมืองสาวัตถี
เป็นสัทธิวิหาริก (ศิษย์) ของ พระสารีบุตรเถระ
โดยเหตุที่ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้

เมื่อได้ฟังพระอภิธรรมที่พระสารีบุตรเถระนำมาแสดง
ด้วยอุบายวิธีที่ไม่ย่อเกินไป ไม่พิสดารเกินไป
ไม่ช้าไม่นานก็เป็นผู้ฉลาดเชี่ยวชาญในพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์

เหตุที่แตกฉานในพระอภิธรรมได้เร็วปานนั้น
เป็นเพราะอำนาจวาสนาบารมีที่คุ้นเคย
กับการได้ฟังพระอภิธรรมนี้มาในอดีตชาตินั้นเอง

คัมภีร์อรรถกถาธรรมบท
กล่าวถึงประวัติในอดีตชาติของพระภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านี้ไว้ว่า

ในกาลแห่งพระศาสนาของพระพุทธเจ้านามว่า พระกัสสปะ
ท่านเหล่านี้เกิดเป็นค้างคาวอาศัยอยู่ที่เงื้อมเขาแห่งหนึ่ง
เมื่อมีพระภิกษุเถระ ๒ รูปมาเดินจงกรม
สาธยายพระอภิธรรมอยู่ใกล้ๆ ก็ฟังจนจับนิมิตในเสียงสาธยายได้ (จำติดหู)
แต่ไม่รู้ความหมายแห่งคำสาธยาย

คือไม่รู้ว่าสภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ขันธ์
สภาวะธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธาตุ เป็นต้น

อาศัยเพียงจำได้ติดหูเท่านั้น
ครั้นตายจากอัตภาพที่เป็นค้างคาวแล้ว ก็ได้ไปเกิดในเทวโลก

จนกาลเวลาผ่านไปหนึ่งพุทธันดร
(สิ้นอายุกาลแห่งพระศาสนาของพระกัสสปพระพุทธเจ้า
มาถึงกาลแห่งพระพุทธเจ้าของเรา)
ก็จุติจากเทวโลก มาบังเกิดใน นครสาวัตถี

เมื่อได้เห็นพระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์
ก็เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
ขอบวชเป็นศิษย์อยู่ในสำนักของ พระสารีบุตรเถระ
และได้ฟังพระอภิธรรมจากพระอุปัชฌาย์ของตน
จนเกิดความเชี่ยวชาญแตกฉานใน พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
ก่อนภิกษุอื่นๆ ทั้งหมดในพระพุทธศาสนา


-----------------------------------------------------------
อ้างคำพูด:
กรัชกาย เขียน
คุยกะคุณเฉลิมศักดิ์เบาสมองดี อุปมาเหมือนนั่งคุยเล่นกับเด็ก ที่ใต้ร่มไม้เชิงภูเขา ซึ่งมีลมพัดเย็นสบายๆ

หัวเราะ อารมณ์ดีสนุกสนานเหมือนเมากัญชา ไม่ต้องใช้ความคิดมาก ไม่ต้องค้นคว้าอะไรมาก


คุณกรัชกาย คุณกบ และทุกท่านครับ ขอให้เกิด ความบันเทิงในธรรม เกิดศรัทธาที่จะศึกษา ปฏิบัติวิปัสสนาด้วยนะครับ

อ้างคำพูด:
อารมณ์ดีสนุกสนานเหมือนเมากัญชา


นึกถึง อาจาริยวาท หรือ อัตตโนมติ ของอาจารย์บางท่าน ที่เปรียบเทียบ การท่องจำพระอภิธรรม เหมือนการติดกัญชาเลยครับ


อ้างคำพูด:
กบ..เขียน
ถ้าหากแสง..จากพระหนังสือ ..ทำให้จริตเป็นอย่างคุณ..เฉลิมศักดิ์
กบฯ..ขอบาย..

ถ้าคุณ..เฉลิมศักดิ์..รู้แค่นี้..กิริยาได้แค่นี้..อย่าไปอ้างว่าไปอ่านพระไตรปิฎก..อรรถกถา..ฎีกา..มาแล้วเลยครับ

ขอดี..เขาเสียหมด





คุณกบครับ อย่าได้ยึด พฤติกรรมของคน แล้วไปตัดสิน พระสัทธรรม จาก พระไตรปิฏก อรรถกถา ฏีกา เลยครับ



คุณกบครับ กรรมที่ไปขัดขวางการศึกษา การฟังพระสัทธรรม การปฏิบัติวิปัสสนา ของบุคคลอื่น เป็นอกุศลกรรมหนักมาก ๆ

หรือ การแสดงความเห็น ที่ทำทำลายพระสัทธรรม

ถ้าจะเกลียด ความเห็นผมก็ไม่เป็นไรครับ เพราะผมยังเป็นปุถุชน ผู้หนาแน่นด้วยกิเลส เป็นคนพาลมีใจขุ่นมัวอยู่

แต่ไม่อยากให้ใคร หันหลังให้พระสัทธรรม เพราะพฤติกรรมของผม ครับ

35-พระจูฬปันถกเถระ
เอตทัคคะในทางผู้ชำนาญในมโนมยิทธิ

http://www.84000.org/one/1/35.html

ปัญญาทึบพี่ชายไล่สึก
-----------------------------------------------
http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard ... opic=10729

บุพกรรมที่ทำให้พระจูฬปันถกท่องจำไม่ได้นั้นก็เพราะว่า ในศาสนาของพระกัสปปสัมมาสัมพุทธเจ้า พระจูฬบันถกเป็นผู้มีปัญญาดีได้บวชเป็นภิกษุในศาสนานั้น มีภิกษุอีกรูปหนึ่งเป็นคนเขลาได้พยายามท่องปริยัติธรรมอยู่ พระจูฬปันถกเห็นเข้าก็หัวเราะเยาะในความไม่แตกฉาน ทำให้ภิกษุนั้นเกิดความละอายจึงเลิกเรียนไป เพราะวิบากแห่งกรรมนั้น จึงทำให้พระจูฬปันถกเป็นผู้เขลาในกาลบัดนี้

(ตรงนี้ท่านอาจารย์ได้เน้นให้เกิดความกลัวบาปอีกครั้งหนึ่งว่า จะเห็นว่าท่านจูฬบันถกในสมัยนั้นเพียงแต่หัวเราะเยาะผู้อื่นเท่านั้น ยังทำให้ได้รับผลถึงขนาดนี้ ถ้าคนที่ได้อ่านพระสูตรแล้ว ก็จะเห็นว่า บาปแม้แต่น้อยนิดก็ยังให้ผลได้ และชีวิตก็อยู่ยากจริงๆ เพราะทำอะไรผิดพลาดได้ง่าย)



คุณกรัชกายครับ ฝาก กิริยาอันน่าเกลียดของคุณ ที่โพสท์รูปหัวเราะเยาะ ถางถางผู้อื่นด้วยนะครับ

ที่นี้คือ ลานสนทนาธรรมนะครับ

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 123 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร