วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 22:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 63 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2009, 06:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


viewtopic.php?f=2&t=26554

อ้างคำพูด:
ตัณหา

-ความอยากได้สิ่งเสพเสวยที่อำนวยสุขเวทนา อยากในภาวะมั่นคงถาวรของอัตตา

อยากให้อัตตาพราก ขาดหาย สูญสิ้นไปจากภาวะที่ไม่ปรารถนา


............................

:b1: อยาก...พ้นทุกข์ :b3: :b9:

ก็จึงเป็น ตัณหา ฉะนี้แล :b6: :b5: อาการน่าเป็นห่วงมั้ยคะจารย์ :b22:
สงสัยจะเป็นโรคซึมเศร้านิดๆ นะคะ (โรคทางจิต ก็ได้ :b13: เอ๊า ยอมรับ)
ยังไม่ถึงขนาดคุยคนเดียว หรือ หัวเราะไป ร้องไห้ไปนะคะจารย์ (นั่นบร้าแล้ว! :b14: :b32: )

...................................................
อ้างคำพูด:
ตัณหา

-มีอัตตาเป็นศูนย์กลาง จะเอาเข้ามา

-มุ่งหาสุขเวทนาหรือสิ่งพะนอตน

-มืดหรือไม่คำนึงถึงความรู้ความเข้าใจคุณโทษ เป็นต้น ของสิ่งนั้นๆ

-เป็นเงื่อนไขกับการกระทำ ไม่ต้องการกระทำ

-ผลประโยชน์ตอบแทนเป็นตัวกำหนดการกระทำ


อาการ-ผลต่อจิต

ตัณหา

-กระวนกระวาย เร่าร้อน ไม่ส่งเสริมสมาธิ เช่น ชอบใจ อยากได้อยากเอาอะไรแล้ว

จิตคิดพล่านปั่นป่วนไป

-ความข้องคับใจ ทุกข์ต่างๆ โรคทางจิต :b51: :b53: :b28:



วิธีปฏิบัติ


ตัณหา

๑. นัยตรง: พึงละด้วยถอนขาด

-เกิดที่ไหน ดับหรือละที่นั่น

-ควบคุมโดยเพิ่มปัญญาและฉันทะ


๒. อุบาย: อาศัยตัณหาละตัณหา

-ให้ตัณหาเป็นปัจจัยแก่ฉันทะ (หนุนฉันทะ)


ฉันทะ

-พึงกระทำ คือ สร้างขึ้นและปฏิบัติตาม

-ระงับด้วยการกระทำให้สำเร็จตามนั้น


:b8: ...มารอฟังค่ะจารย์ โปรดชี้แนะด้วย

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2009, 09:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อยาก...พ้นทุกข์

ก็จึงเป็น ตัณหา ฉะนี้แล อาการน่าเป็นห่วงมั้ยคะจารย์
สงสัยจะเป็นโรคซึมเศร้านิดๆ นะคะ (โรคทางจิต ก็ได้ เอ๊า ยอมรับ)
ยังไม่ถึงขนาดคุยคนเดียว หรือ หัวเราะไป ร้องไห้ไปนะคะจารย์ (นั่นบร้าแล้ว!



อยากพ้นทุกข์ แล้วลงมือปฏิบัติเพื่อให้ตนพ้นทุกข์ เป็นฉันทะ ไม่ใช่ตัณหา

แต่ถ้าอยากจะพ้นทุกข์แล้ว ไม่ลงมือทำ ไม่เริ่มปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากทุกข์ คือ นอนอยากนั่งอยากอยู่นั่น นี่คือตัณหา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2009, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แม่มดสังเกต ความคิด พฤติกรรมเด็ก ๒ คน คือ เด็กชายตัณหา กับเด็กชายฉันทะ (เป็นบุคคลาธิฐาน เพื่อความเข้าใจตัณหากับฉันทะง่ายขึ้น) ดูครับ



มีเด็กชาย ๒ คน คือ ด.ช. ตัณหา กับ ด.ช. ฉันทะ ไปเห็นเครื่องรับวิทยุเครื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่ง

ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน และได้ฟังเสียงจากวิทยุนั้นด้วยกัน

ด.ช. ตัณหา ได้ฟังเสียงจากวิทยุแล้วชอบใจเสียงไพเราะ และเสียงแปลกๆ เขาคิดว่า

ถ้าเขามีวิทยุไว้สักเครื่อง คงจะสนุกสนานเพลิดเพลินมาก เขาจะเปิดฟังทั้งวันทีเดียว

และเขาทราบมาว่า คนที่มีวิทยุมีไม่มาก ใครมีก็โก้เก๋

เขาคิดว่าถ้าเขามีวิทยุแล้ว เขาจะเด่นมาก เพื่อนๆจะพากันมารุมดูเขา

เขาจะถือวิทยุเดินอย่างภาคภูมิใจ ไปไหนก็จะเอาไปด้วย จะเอาไปอวดคนโน้นคนนี้

คิดอย่างนี้แล้ว ด.ช. ตัณหา ก็อยากได้วิทยุเป็นกำลัง กลับถึงบ้านก็ไปรบเร้าคุณพ่อคุณแม่ให้ไปซื้อ

มาให้เขาเครื่องหนึ่งให้จงได้ เขาถึงกับคิดว่า ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ซื้อให้

เขาจะไปด้อมๆที่ร้าน ถ้าได้ช่องก็จะขโมยมาสักเครื่อง



ส่วน ด.ช. ฉันทะ ได้ฟังเสียงจากวิทยุแล้วก็แปลกประหลาดใจ

เขาเริ่มคิดสงสัยว่า เสียงนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เครื่องที่ให้เกิดเสียงนั้นคืออะไร

มันทำให้เกิดเสียงได้อย่างไร เขาทำมันอย่างไร มันมีประโยชน์อย่างไร

จะเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง

เขาคิดดังนั้นแล้วก็เกิดความอยากรู้เป็นอันมาก จึงคอยสังเกตหรือไปเที่ยวสอบถามว่า

ใครจะบอกเรื่องนี้แก่เขาได้ ครั้นรู้จักช่างแล้ว ก็หาโอกาสเข้าไปซักถาม

ได้ความรู้หลายอย่างตลอดจนรู้ว่ามันมีประโยชนอย่างไรบ้าง

ด.ช. ฉันทะ ครั้นเห็นว่ามันเป็นสิ่งมีประโยชน์ ใจเขาซาบซึ้งในคุณค่าของมัน

บอกตัวเองว่าดีแน่ แล้วก็เกิดความอยากจะทำวิทยุขึ้นมาบ้าง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2009, 09:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในกระบวนธรรมแห่งความคิดและพฤติกรรมของเด็กทั้งสองคนนี้

องค์ธรรมในตอนเริ่มต้นเหมือนกัน คือ อายตนะภายใน (หู) + อารมณ์ (เสียง) => ได้ยิน

(โสตวิญญาณ)= การรับรู้เสียง (ผัสสะ) => เวทนา (หมายถึงสุขเวทนา คือ สบายหู)

แต่ต่อจากเวทนาแล้วกระบวนธรรมก็แยกไปคนละอย่าง


เด็กชาย ตัณหา เมื่อได้เวทนาเป็นสุขสบายหูแล้วก็ชอบใจติดใจอยากฟังต่อๆไป คือเกิดตัณหาขึ้น

เขาคิดเพ้อไปตามความอยากนั้น ซึ่งล้วนเป็นอโยนิโสมนสิการ เพราะไม่ได้คิดตามสภาวะและตามเหตุผล

เกี่ยวกับเรื่องวิทยุและเสียงวิทยุนั้นเลย

มีแต่คิดสืบทอดจากตัณหา คิดเกี่ยวกับการเสพเสวยเวทนาและการเสริมขยายตัวตน

เมื่อคิดอย่างนั้น เป็นการหล่อเลี้ยงอวิชชาเอาไว้ ทำให้ตัณหาเพิ่มพลังแข็งแรงและขยายตัวขึ้นอีก

พฤติกรรมของเขาก็จึงเป็นไปตามความบงการของตัณหา




ส่วนเด็กชาย ฉันทะ เมื่อกระบวนธรรมสืบต่อมาถึงเวทนาแล้ว

เขาไม่ไหลเรื่อยต่อไปยังตัณหา

แต่เกิดมีความคิดที่เป็นโยนิโสมนสิการขึ้นมาตัดหน้าตัณหาเสีย ทำให้ตัณหาชะงักดับไป

โยนิโสมนสิการนั้น คือ การคิดตามสภาวะและเหตุผล ว่าอารมณ์หรือสิ่งที่ประสบนั้นคืออะไร เป็นอย่างไร

เป็นมาอย่างไร เป็นเพราะอะไร มีคุณโทษอย่างไร เป็นต้น

ความคิดนี้ นำไปสู่การรู้ เข้าใจคุณค่าของสิ่งที่ดีงามเกิดความซาบซึ้ง มีจิตใจโน้มน้อมไปหา

จึงเกิดเป็นฉันทะขึ้น และนำ เด็กชาย ฉันทะไปสู่การเรียนรู้และการกระทำต่อไป

(ข้อนี้มุ่งเน้นในระดับทิฏฐธัมมิกัตถะ คือประโยชน์ปัจจุบันหรือระดับศีลธรรมสำหรับชีวิตประจำวัน)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 03 ธ.ค. 2009, 09:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


Bwitch เขียน:
:b1: :b8: จารย์คะ...มีคำถาม

ดิฉันยังไม่ได้ปฏิบัติเป็นกิจจะลักษณะเลย เห็นแต่ตัวอย่างที่ยกมาล้วนแล้วแต่น่า :b14: :b5:

จารย์มีตัวอย่างเคสที่ :b16: :b17: บ้างมั้ยคะ

สงสัยอ่ะค่ะ ....ว่าจะเจอกะัตัวเองบ้างมั้ย.......... :b51: :b53:

ปล. มีคนนั่งภาวนา(ว่า....ไป-กลับ) ประมาณ 2 ชั่วโมงทุกวัน ทั้งที่ไม่เคยได้เรียนจากครูจารย์
แล้วได้ไปฟังพระอรหันต์ท่านเทศน์โปรดเทวดาที่เทวสภา (พระจุฬามณีเจดีย์สถาน)
เรียกว่าไรคะจารย์....(จริงนะคะ เค้าไม่ได้โม้ ไม่มีเหตุผลที่จะโกหกกัน)



กรัชกาย เขียน:
ดูอารมณ์ความรู้สึกแม่มดแล้ว อด :b1: ไม่ได้ ชอบอะไรที่โลดโผนโจนทะยาน

เอ้า จัดให้ถ้าอยากไปไหว้จุฬามณี :b32:



วันรุ่งขึ้น พอเริ่มลงมือฝึก หลวงพี่...ท่านก็บอกว่า เมื่อวานนี้ที่ไปกันไม่ได้ เพราะหลายคนใส่กระดาษคาถา
นะโมพุทธายะ ผิดด้านเอาด้านที่มีอักษรกลับหัวลง วันนี้ให้เปลี่ยนเสียใหม่

ข้าพเจ้าเลยรีบเช็คเผื่อเราจะเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น แต่ก็พบว่าเมื่อวานนี้ใส่ถูกแล้ว ก็ยังไปไม่ได้ ชักจะใจเสียอีกแล้ว
เริ่มภาวนาไปเรื่อย ๆ
ได้ก็ช่าง เราก็นั่งของเราไปเรื่อย ๆ นั่งหลับตาไป ก็ได้ยินเสียงคนโน้นล้มคนนี้ร้อง มีผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งร้องไห้โหยหวนอยู่ใกล้ ๆ ข้าพเจ้าเสียด้วย แต่ก็ภาวนาไปเรื่อย ๆ ไม่สนใจว่าใครจะล้มใครจะลุก

พอสักพักจิตสงบ ข้าพเจ้านึกถึงหลวงพ่อ...ขอให้ท่านมารับไปนิพพานด้วยเถิด ภาวนาต่อสักครู่ก็มีแสงสว่างวาบมาตรงหน้า ตัวของข้าพเจ้าเริ่มสั่นโคลงไปโคลงมา

ข้าพเจ้ารีบเอาจิตพุ่งตามแสงสว่างนั้นไป ใจก็นึกถึงหลวงพ่อแล้วก็มีภาพหลวงพ่อ...อยู่ตรงหน้า ท่านองค์ใหญ่มากมาปรากฏองค์แบบห่มจีวร ถือไม้เท้า ท่านยิ้มด้วย ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าปลื้มปีติมาก
แล้วก้มลงกราบท่าน


พยายามรวบรวมกำลังใจทั้งหมดพุ่งไปหาท่าน ตัวที่กำลังสั่นผับ ๆ ก็ยิ่งสั่นแรงขึ้น รู้สึกว่ามันตื้อ ๆ แต่บางทีก็เบาหวิวเหมือนจะลอยขึ้นจากพื้น

ข้าพเจ้าจับภาพหลวงพ่อยิ้มให้อยู่อย่างนั้นสักพัก แล้วคุณ...ครูฝึกก็เข้ามาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ก็ตอบว่า เห็นภาพองค์หลวงพ่ออยู่ตรงหน้า ใจก็นึกว่า ตายเป็นตายไม่ห่วงร่างกาย จะเต้นจะล้มอย่างไรก็เชิญตามสบาย ตอนนี้หลวงพ่อท่านมารับแล้ว ลูกขอไปอยู่พระนิพพานกับหลวงพ่อด้วยเถิด
พอนึกเสร็จปุ๊บ ภาพหลวงพ่อตรงหน้าก็เปลี่ยนใหม่ภายในอึดใจเดียว คราวนี้ท่านทรงชุดพระนิพพานสว่างจ้าจนน้ำตาไหล
สว่างเหมือนดวงอาทิตย์หลาย ๆ ดวงมารวมกันตรงหน้า จิตตอนนั้นเป็นสุขมาก ทั้ง ๆ ที่สว่างมากขนาดนั้น แต่กลับไม่ร้อน และมีความอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก
เห็นหลวงพ่อท่านทรงชุดพระนิพพานใสสว่างเป็นประกายเพชร สวยสดงดงามเหลือเกินจนอยากที่จะหยุดนั่งอยู่ตรงนั้นตลอด

ครูฝึกถามว่าคราวนี้อยากไปไหน

ข้าพเจ้าตอบว่า อยากไปพระจุฬามณีเจดียสถานไปกราบองค์สมเด็จ
พอนึกเสร็จปุ๊บก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าพระจุฬามณีเรียบร้อยแล้ว
แต่การมาคราวนี้สว่างไสว และสวยงามกว่าทุกครั้งที่ข้าพเจ้าเคยเห็น สว่างเป็นแก้วผสมเพชรแวววาวไปหมด

ก้มลงมองดูตัวเอง ก็พบว่าแต่งตัวสวยไม่เบา ผิวเนื้อของข้าพเจ้าเป็นเหมือนผิวเนื้อคนและผสมแก้วด้วย แต่ไม่สว่างเป็นแก้วเหมือนของเทวดา นางฟ้า บนศีรษะใส่ชฎายอดแหลม เสื้อปักเพชรทั้งหมด ระยิบระยับ โจงกระเบนก็เป็นเพชร ที่นิ้วมีแหวนเพชรเม็ดโต ๆ ใส่หมดทั้งสิบนิ้วสวยงาม

เลยเผลอนึกไปว่า ถ้าในเมืองมนุษย์เรามีแหวนมากอย่างนี้ก็จะดี

นึกได้นิดเดียวกำลังจิตชักจะตก รีบตัดสินใจใหม่
พอเข้าไปข้างในพระจุฬามณีจะมีแท่นอยู่แท่นหนึ่ง ตอนนี้กำลังใจไม่ค่อยดี เลยไม่เห็นรายละเอียด แต่รู้ว่าสว่างมากที่สุด จิตตอนนั้นบอกว่าเป็นที่ประทับขององค์สมเด็จ

ข้าพเจ้าก็ก้มลงกราบ พร้อมกันนั้นก็กราบพระอรหันต์ พรหม และเทวดา นางฟ้าที่ประทับ ณ ที่นั้นทั้งหมด ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนองค์สมเด็จท่านเอาพระหัตถ์มาลูบที่ศีรษะ

มันก็แปลกที่เรายังใส่ชฎา แต่พอท่านเอาพระหัตถ์มาลูบ ทำไมเรารู้สึกได้
ครูฝึกถามว่า ท่านประทานโอวาทว่าอย่างไรได้ยินไหม
ข้าพเจ้ารับสัมผัสได้....


http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17297



ย้ายมาคุยต่อกระทู้นี้นะคะจารย์....เกรงใจ จขกท ทั้งศิษย์พี่ และศิษย์เพื่อนค่ะ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 21:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




f54802676.gif
f54802676.gif [ 16.55 KiB | เปิดดู 3224 ครั้ง ]
แม่มด ยังติดใจชฎายอดแหลมหรอ

พูดเรื่องเหล่านี้แล้ว เหมือนได้อารมณ์คนเมากัญชา :b9: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 29 ธ.ค. 2009, 21:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Bwitch เขียน:
จารย์คะ..พอกำหนดรู้อย่างนั้นแล้ว...ยังอยากรู้อีก อีก และอีก ได้ป่าวคะ
ก็คนมันอยากรู้ไงคะ...ว่าเอ๊...ยังไงกันนี่... แล้วจะยังไงต่อไปละนี่

พอได้รู้ครั้งหนึ่งแล้ว...ก็ยิ่งทำให้ แน่ใจในเรื่องการเวียนว่ายในวัฏฏะค่ะจารย์ ฮือๆๆๆๆ

ตกลงเราเป็น...จริงๆ หรือนี่ ฮือๆๆๆๆ

..............

จารย์คะ

ดิฉันเห็นตัวเองอยู่ในที่ๆ ไม่เคยเห็น ไม่เคยอยู่มาก่อน
แต่เวลานั้น (ในฝัน) รู้สึกว่าคุ้นเคย รู้อีกว่า...
สงสัยจะเล่ามากไปแระ ....พอก่อน

ขออภัยนะเพื่อน ลืมตัวไป ไม่ใช่ :b1: จขกท. แห่ะ แห่ะ



จารย์คะ..พอกำหนดรู้อย่างนั้นแล้ว...ยังอยากรู้อีก อีก และอีก ได้ป่าวคะ

ก็คนมันอยากรู้ไงคะ...ว่าเอ๊...ยังไงกันนี่... แล้วจะยังไงต่อไปละนี่
พอได้รู้ครั้งหนึ่งแล้ว...ก็ยิ่งทำให้ แน่ใจในเรื่องการเวียนว่ายในวัฏฏะค่ะจารย์ ฮือๆๆๆๆ
ตกลงเราเป็น...จริงๆ หรือนี่ ฮือๆๆๆๆ



....เมื่อคิดแล้วเห็นว่า ตนเอง เมื่อชาติที่แล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เกิดเป็นนั่นเป็นนี่ จริงๆ ก็คิดไป

...แต่คิดแล้ว ปวดหัวคิดไม่ออก แล้วจะคิดต่อให้ฟุ้งซ่านทำไม

การคิดนึกเรื่องการเวียนตายเวียนเกิดของตนนี่ล่ะ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตนมีส่วนแห่งความเป็นบ้า

...นึกออกไหมว่า เมื่อวาน-วานซืน...เรากินข้าวไปกี่คำ กินกับอะไรบ้าง นึกออกไหม

แล้วจะนั่งปั่นคิดเรื่องอดีตชาติเราเกิดเป็นอะไร ให้ปวดหัวทำไม นึกถึงปัจจุบันอารมณ์มิดีกว่าหรืออาจทำให้

พ้นทุกข์ด้วย

ดิฉันเห็นตัวเองอยู่ในที่ๆ ไม่เคยเห็น ไม่เคยอยู่มาก่อน
แต่เวลานั้น (ในฝัน) รู้สึกว่าคุ้นเคย รู้อีกว่า...
สงสัยจะเล่ามากไปแระ ....พอก่อน


หากินทางฝันหรอ :b32:

ฝันแล้ว ตืนมาคิดต่ออีกปะ

ฝันอะไรแปลกๆ คิดต่ออีกวันไม่จบว่า เออ...ที่ฝันนั่นที่ไหน เราไม่เคยไป เป็นลางบอกอะไรไหม

ฯลฯ

ฝันๆบ่อยๆก็กินยาระบายถ่ายท้องสะบ้าง บางทีอาหารตกค้างเป็นพิษ 555

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 21:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


จารย์ก็เป็นซะอย่างเนี๊ยะ! จบข่าวเลย :b12:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




q11a5.gif
q11a5.gif [ 47.05 KiB | เปิดดู 3211 ครั้ง ]
ไม่ช่ายว่า พูดถึงอารมณ์นิพพานของเขานั่นน่า เหมือนเมากัญชา :b28:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 21:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นเรื่องเป็นราวก็ได้....

ขณะนั่งสมาธิ บริกรรม พุทโธ

ไม่เคยเห็นลำแสง

ไม่เคยรู้สึกตัวเย็นวาบ

แต่...รู้สึกว่าเบา ไร้ตัวตน

รู้สึกเหมือนซ้อนเข้าไปอยู่ในตัวเองค่ะ

ทั้งๆ ที่หลับตา แต่เห็น(รู้)ว่ารอบๆ ตัวมีแสงสว่างมากๆ สีขาว สว่างเย็น ไม่แสบตา

ได้ยินคนรอบๆ ตัวคุยกัน ชัดเจน แต่ไม่ได้ใส่ใจ ลักษณะแบบที่วิปัสนาจารย์ท่านว่าไว้

รู้สักแต่ว่ารู้ ได้ยินสักแต่ว่าได้ิยิน แต่ยังไ่ม่เคยเห็นอะไรสักที (ดีแล้วที่ไม่เคยเห็น) :b14: :b14:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 22:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Bwitch เขียน:
เป็นเรื่องเป็นราวก็ได้....

ขณะนั่งสมาธิ บริกรรม พุทโธ

ไม่เคยเห็นลำแสง

ไม่เคยรู้สึกตัวเย็นวาบ

แต่...รู้สึกว่าเบา ไร้ตัวตน

รู้สึกเหมือนซ้อนเข้าไปอยู่ในตัวเองค่ะ

ทั้งๆ ที่หลับตา แต่เห็น(รู้)ว่ารอบๆ ตัวมีแสงสว่างมากๆ สีขาว สว่างเย็น ไม่แสบตา

ได้ยินคนรอบๆ ตัวคุยกัน ชัดเจน แต่ไม่ได้ใส่ใจลักษณะแบบที่วิปัสนาจารย์ท่านว่าไว้

รู้สักแต่ว่ารู้ ได้ยินสักแต่ว่าได้ิยิน แต่ยังไ่ม่เคยเห็นอะไรสักที (ดีแล้วที่ไม่เคยเห็น) :b14: :b14:



ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เพราะจริตของคนต่างกัน


ขณะนั่งสมาธิ บริกรรม พุทโธ

ไม่เคยเห็นลำแสง

ไม่เคยรู้สึกตัวเย็นวาบ

แต่...รู้สึกว่าเบา ไร้ตัวตน

รู้สึกเหมือนซ้อนเข้าไปอยู่ในตัวเองค่ะ

ทั้งๆ ที่หลับตา แต่เห็น(รู้)ว่ารอบๆ ตัวมีแสงสว่างมากๆ สีขาว สว่างเย็น ไม่แสบตา

ได้ยินคนรอบๆ ตัวคุยกัน ชัดเจน



ไม่มีอะไรเสีย รู้ว่ามันเป็นอย่างนั้น ก็อย่างนั้น รู้แล้วจบ มาเกาะจับกรรมฐานคือลมหายใจภาวนาต่อไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2009, 07:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องเกี่ยวกับความฝันนี่ ยิ่งผู้เริ่มทำการภาวนา จะฝันได้พิลึกพิลั่น เช่นฝันว่าเหาะได้ โดดข้ามกำแพง หกคะ

แมนตีกา ฯลฯ สารพัด หากติดตามอ่านกระทู้ที่ผู้ปฏิบัติกรรมฐานลงถามกันจะนึกขำจนน้ำตาซึม

ผู้เช่นนั้น ครั้นตื่นมาแล้ว ก็ฟุ้งต่อเป็นวันๆ คิดอยู่นั่น จึงกลายเป็นเหยื่อนิวรณ์ไปเลย

หากเราทำกรรมฐานเพื่อดูกายใจแล้ว ถึงระดับหนึ่งก็พอเห็นได้

แต่ถ้าทำเพื่อจะเอานั่นเอานี่ไปเที่ยวโน่นไปนั่น จะมองไม่เห็นธรรมชาติ แล้วจะหลุดพ้นจากพุทธดำรัสที่ว่า เรา

สอนเรื่องทุกข์และความดับทุกข์เท่านั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 30 ธ.ค. 2009, 07:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2009, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Bwitch เขียน:

ย้ายมาคุยต่อกระทู้นี้นะคะจารย์....เกรงใจ จขกท ทั้งศิษย์พี่ และศิษย์เพื่อนค่ะ


งั๊นช่วงนี้เราจะแวะมาบ้านเพื่อนบ่อย ๆ เพื่อนคงไม่ว่านะ... :b16: :b16:

แต่ขอหลับก่อนนะ...เพลียสายตา...ยังไม่มีแรงสนทนา...

:b30: :b30: :b30:

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2009, 09:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว




1_display.jpg
1_display.jpg [ 40.96 KiB | เปิดดู 3173 ครั้ง ]
อืม..เมื่อคืนก็เหมือนกันเลย ป่วยมาหลายวัน ป่วยจนหาย หายจนป่วย
ทำท่าว่าจะดี อ๊าววว...ฝนตกตะเช้า น่านอนนิ อิิอิ..


ปล. ตามบายนะเพื่อน แวะมาเมื่อไรก็ได้
ของเพื่อนนี่น่าจะสาหัสกว่าเรา ต้องการคนเฝ้าไข้ใต้เตียงป่าว
ท่าทางข้างๆ เตียงที่จะเต็มแล้วอ่ะนะ :b32:
สู้ๆ เพื่อน :b4:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2009, 18:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ๋...เพื่อนว่าเพื่อน ได้อ่านอะไรแว๊บ ๆ นะ
ก็กำลังจะเข้ามาร่วมสนทนากับ เพื่อน ก็ยังงงว่า ข้อความของเพื่อน...มันหายไปไหน....รึเปล่าน๊อ..

:b16: :b16: :b16:


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 30 ธ.ค. 2009, 18:41, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 63 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร