วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 06:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 56 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 05:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




208712.jpg
208712.jpg [ 38.34 KiB | เปิดดู 2827 ครั้ง ]
ท่านอาจารย์ Buddha ขอรับ :b1:

กรัชกายว่า ท่านอาจารย์พูดเรื่องเหล่านี้เถอะขอรับ เช่นทำบุญเลี้ยงพระ เลี้ยงอาหารกลางวันเด็ก แจกเสื้อผ้า

สำหรับนุ่งห่มกันหนาวแก่เด็กชาวดอยชาวเขา จัดหาคอมพิวเตอร์ให้วัดโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร

ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ปิดทองฝังลูกนิมิต ไถ่ชีวิตโคกระบือ ถวายสังฆทาน ปล่อยนก ปล่อยปลา

ปล่อยหอยขม ปล่อยเต่า-ปลาไหล ฯลฯ

กรัชกายว่าเหมาะกับท่านกว่าพูดถึงเรื่องสมาธิ เรื่องกรรมฐานสำหรับฝึกอบรมจิตนะขอรับนะ

เมื่อกรัชกายพูดอย่างนี้แล้วท่านจะว่าอย่างไร :b20:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 29 ต.ค. 2009, 07:16, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสต์ เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 13:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกาย เอ๋ย เจ้ามันสุ่รู้ อวดรู้ อวดฉลาดจริงๆ นะ ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรจะคิดอย่างไร จะทำอย่งไรก็เหมาะสมทั้งนั้นแหละ
ไม่ใช่ทำตัวเป็น ..ตุ๊ด.....(sensor) อย่างเจ้า


เรื่องที่เจ้าว่ามา ไม่ใช่หน้าที่
เจ้าจะบริจาคก็บริจาคไป ตามกำลังความสามารถ เจ้าหาเลี้ยงตัวเองให้รอดก่อนเถอะ หาเลี้ยงแบบสุจริตนะ อย่าเที่ยวใช้เล่ห์เหลี่ยม ไปหลอกลวงผู้อื่น
ส่วนเรื่อง ทำบุญเลี้ยงพระ ใครเขาก็ทำกันอยู่แล้ว ตามแต่ประเพณี ตามวัฒนธรรมท้องถิ่น
เจัามีทุนทรัพย์มาก อยากจะเลี้ยงพระ เจ้าก็เลี้ยงไป อย่างเจ้ามันก็แค่ ดีแต่พูด

ส่วนการเลี้ยงอาหารกลางวันเด็ก แจกเสื้อผ้า สำหรับนุ่งห่มกันหนาวแก่เด็กชาวดอยชาวเขา จัดหาคอมพิวเตอร์ให้วัดโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร
มันเป็นเรื่องของหน่วยงานของรัฐ
มันเป็นเรื่องของการให้ทาน ใครอยากให้ก็ให้ ใครไม่อยากให้ก็ไม่ต้องให้ ต่างคนต่างมีภาระ
คนอย่างเจ้า สภาพจิตเจตสิกของเจ้า มันก็แค่ทำบุญเพื่ออยากดัง
ทำบุญเพื่อหวังผล มนุษย์ทำอะไรก็หวังผลทั้งนั้นแหละ จะหวังผลในทางที่ดี หรือไม่ดีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกาย ถ้าเจ้ามีกำลังทรัพย์มาก เจ้าก็ตั้งกระทู้เชิญชวน บอกบุญให้เขาบริจาคซิ แต่อย่าทำแบบ "วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง" ก็แล้วกัน

Buddha เขียน:
กัมมัฏฐาน เป็นเพียง อุบาย(วิธีการสำหรับประกอบอย่างหนึ่ง)ทำให้สงบ
เป็นเพียงวิธีการสำหรับประกอบอย่างหนึ่ง
เพื่อการปรับสภาพสภาวะภวังของร่างกายสภาวะหนึ่งเพื่อการดำเนินกิจกรรมใดใด
หรือจะเรียกว่าเป็นที่ตั้งแห่งการงาน ,หรือ อารมณ์ของใจอันเป็นปัจจัย
ในการทำงานใดใด ไม่ใช่ตัวธรรมอ้นป็นที่ตั้งแห่งสติ

อานาปานสติ ในหลักพุทธศาสนา จัดอยู่ใน หมวด
สติปัฎฐาน ๔ หมายถึง ธรรมอันเป็นที่ตั้งแต่งสติ
ข้อปฏิบัติมีสติเป็นประธาน,
การตั้งสติกำหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นเท่าทันตามความเป็นจริง,
การมีสติกำกับดูสิ่งต่าง ๆ และความเป็นไปทั้งหลาย
โดยรู้เท่าทันตามสภาวะของมัน ไม่ถูกครอบงำด้วยความยินดียินร้าย
ที่ทำให้มองเห็นเพี้ยนไปตามอำนาจกิเลส
(พจนานุกรม พุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฎก)
อยู่ในข้อ กายานุปัสสนา


กัมมัฏฐาน นั้นในทางศาสนาท่านแบ่งไว้ เป็น ๒ แนวทาง คือ วิธีการแรก เป็นการฝึกมิให้เกิดความคิดฟุ้งซ่าน สับสน หรือจะฝึกเพื่อมิให้เกิดความคิดใดใดเลยก็ได้ ท่านเรียกว่า วิธีทำให้ใจสงบ ซึ่งมีหลายหลายวิธีที่จะทำให้ใจสงบ คือไม่คิดถึงเรื่องใด ไม่มีอารมณ์ใดใด ขณะฝึกอยู่
วิธีการ ที่สอง คือ วิธีทำให้เกิดปัญญา หรือทำให้มีปัญญาหรือความรู้เพิ่มขึั้น วิธีนี้ต้องอาศัยภวังขณะ ที่เกิด วิตก วิจาร ละปีติและสุข เมื่อถึงที่สุด คือ เกิดความเข้าใจในเรื่องที่ วิตก วิจาร นั้นแล้ว อุเบกขาย่อมเกิด ความมีเอกัคคตา ก็เกิดตาม หมุนเวียนกันไป จนกว่าจะครบทุกเรื่อง

การปฏิบัติสมาธิ ไม่จำเป็นต้องทำแบบเอาเป็นเอาตาย หรือไม่จำเป็นต้องกำหนดไว้ว่าให้นานที่สุด หรือโปรดก็ทนนั่งเหมือนคนบ้า ไม่ถูกต้อง เหตุเพราะ
สมาธิ เป็นเพื้นฐานทางธรรมชาติที่มีอยู่ในตัวมนุษย์อยู่แล้ว การปฏิ้ตจิสมาธิ ตามหลักพุทธศาสนานัน้ เป็นเพียงการฝึกฝนเพิ่มเติม เพื่อเป็นการพักผ่อนอวัยวะบางส่วน เป็นการฝึกเพื่อให้รู้จักควบคุมตัวเอง มิให้คิดหรือพิจารณาเลยเถิด คือ คิดมากจนไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งจะเป็นอันตราย สติอาจเสียไปก็เป็นได้
ดังนั้น การฝึกสมาธิ จึงเป็นการฝึกฝนเพื่อให้เกิดการพักผ่อน และรู้จักควบคุมความคิด รู้จักจัดระเบียบของการคิด จัดระเบียบและควบคุมอารมณ์ ความรู้สึก
ระยะเวลาในการฝึกควรอยุ่ในระหว่างสูงสุด ไม่ควรเกิน 3 ชั่วโมง สำหรับปฏิบัติสมาธิ เพราะหากเกินกว่า 3 ชั่่วโมง ร่างกายที่ถูกกดทับ หรือพับงอ จะมีอาการชา หรือปวด แต่หากพอปฏิบัติไปสักครุ่ไม่ถึง 10 นาที่ ก็เกิดอาการปวด หรือชา ก็ให้ขยับท่านั่ง หรือก่อนจะนั่งก็ให้จัดอาสนะให้ดี เพื่อมิให้เกิดการกดทับมากเกินควร


โพสต์ เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 13:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




2222zd.gif
2222zd.gif [ 118.19 KiB | เปิดดู 2807 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกาย เอ๋ย เจ้ามันสุ่รู้ อวดรู้ อวดฉลาดจริงๆ นะ ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรจะคิดอย่างไร จะทำอย่งไรก็เหมาะสมทั้งนั้นแหละ
ไม่ใช่ทำตัวเป็น ..ตุ๊ด.....(sensor) อย่างเจ้า

เรื่องที่เจ้าว่ามา ไม่ใช่หน้าที่
เจ้าจะบริจาคก็บริจาคไป ตามกำลังความสามารถ เจ้าหาเลี้ยงตัวเองให้รอดก่อนเถอะ หาเลี้ยงแบบสุจริตนะ อย่าเที่ยวใช้เล่ห์เหลี่ยม ไปหลอกลวงผู้อื่น
ส่วนเรื่อง ทำบุญเลี้ยงพระ ใครเขาก็ทำกันอยู่แล้ว ตามแต่ประเพณี ตามวัฒนธรรมท้องถิ่น
เจัามีทุนทรัพย์มาก อยากจะเลี้ยงพระ เจ้าก็เลี้ยงไป อย่างเจ้ามันก็แค่ ดีแต่พูด

ส่วนการเลี้ยงอาหารกลางวันเด็ก แจกเสื้อผ้า สำหรับนุ่งห่มกันหนาวแก่เด็กชาวดอยชาวเขา จัดหาคอมพิวเตอร์ให้วัดโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร
มันเป็นเรื่องของหน่วยงานของรัฐ
มันเป็นเรื่องของการให้ทาน ใครอยากให้ก็ให้ ใครไม่อยากให้ก็ไม่ต้องให้ ต่างคนต่างมีภาระ
คนอย่างเจ้า สภาพจิตเจตสิกของเจ้า มันก็แค่ทำบุญเพื่ออยากดัง
ทำบุญเพื่อหวังผล มนุษย์ทำอะไรก็หวังผลทั้งนั้นแหละ จะหวังผลในทางที่ดี หรือไม่ดีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกาย ถ้าเจ้ามีกำลังทรัพย์มาก เจ้าก็ตั้งกระทู้เชิญชวน บอกบุญให้เขาบริจาคซิ แต่อย่าทำแบบ "วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง" ก็แล้วกัน




ฟังไม่สับจับเอาไปกระเดียดนะอาจารย์

กรัชกายไม่ได้ให้ท่านไปทำเอง แต่ให้พูดเรื่องให้เขียนเรื่องวิธีการทำบุญสุนทาน ปล่อยนก

ปล่อยหอยลงแม่น้ำลงแม่น้ำ มันง่ายไม่ต้องคิดมากเหมือนเขียนเรื่องสมาธิกรรมฐานขอรับ

แล้วที่ว่า วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่งเนี่ย

อ้างคำพูด:
กรัชกาย ถ้าเจ้ามีกำลังทรัพย์มาก เจ้าก็ตั้งกระทู้เชิญชวน บอกบุญให้เขาบริจาคซิ แต่อย่าทำแบบ "วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง" ก็แล้วกัน


เคยเห็นหรือขอรับ พูดไปเรื่อย เดี๋ยวตกนรกหรอกน่า :b28:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสต์ เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 14:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้าว แล้วข้าพเจ้ัาไปว่าให้เจ้าตอนไหนกันละ ลองกลับไปอ่านให้ดีซิ เจ้ามันโง่แล้วฉลาดจริง ไม่ได้รู้เรื่องภาษาไทยอะไรเลยนะ


โพสต์ เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 14:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


:b29:

บันเทิงธรรม - Dhammatainment


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 29 ต.ค. 2009, 14:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 19:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็คลายเครียดบ้างขอรับ บางครั้ง มีสมาชิกหลายท่าน in เกินไป ไม่ได้มีจิตใจที่เมตตาต่อกัน คิดไปว่า การถกปัญหาธรรม เพื่อเอาชนะกัน
แต่ไม่ได้คิดว่า ยิ่งขัดแย้งกันในด้านความเข้าใจตามหลักธรรม ก็ย่อมทำให้เกิดความเข้าใจได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ถ้าหากยึดถือเอา หลักความจริง หรือหลักธรรมชาติ เป็นบรรทัดฐาน
แต่สมาชิกบางท่าน ก็คิดไปว่า ถ้าเสวนากับคนนั้นจะเสีย ถ้าเสวนากับคนนี้จะได้ บางคนก็แนะนำกันไปในที่ลับหูลับตาชิบเลย
แล้วศีลธรรมทางพุทธศาสนามันมีในหัวใจของพวกเขากี่มากน้อยกันนะ อยากรู้จริง


โพสต์ เมื่อ: 13 พ.ย. 2009, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


Buddha เขียน:
ก็คลายเครียดบ้างขอรับ บางครั้ง มีสมาชิกหลายท่าน in เกินไป ไม่ได้มีจิตใจที่เมตตาต่อกัน คิดไปว่า การถกปัญหาธรรม เพื่อเอาชนะกัน
แต่ไม่ได้คิดว่า ยิ่งขัดแย้งกันในด้านความเข้าใจตามหลักธรรม ก็ย่อมทำให้เกิดความเข้าใจได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ถ้าหากยึดถือเอา หลักความจริง หรือหลักธรรมชาติ เป็นบรรทัดฐาน
แต่สมาชิกบางท่าน ก็คิดไปว่า ถ้าเสวนากับคนนั้นจะเสีย ถ้าเสวนากับคนนี้จะได้ บางคนก็แนะนำกันไปในที่ลับหูลับตาชิบเลย
แล้วศีลธรรมทางพุทธศาสนามันมีในหัวใจของพวกเขากี่มากน้อยกันนะ อยากรู้จริง


ตามที่ได้กล่าวไป ก็แสดงให้เห็นถึง สมาธิของแต่ละบุคคล ว่ามีสมาธิไปในทางที่ก่อให้เกิดความคิด ความเห็นที่ดี หรือความคิด ความเห็นที่ไม่ดี
หมายความว่า บางคนก็มี สมาธิไปในทางที่ประพฤติไม่ดี หรือมิจฉาสมาธิ บางท่านก็มีสมาธิ ไปในทางที่ประพฤติดี หรือสัมมาสมาธิ หรือบางท่านก็มีสมาธิที่จะว่าดีก็ไม่ใช่ จะว่าไม่ดีก็ไม่ใช่ คือสงบนิ่ง ไม่คิดไม่มีความเห็น ไม่ประพฤติดี หรือไม่ดี คือใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน นั่นเอง


โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 12:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าจะเจริญไปข้างหน้า พึงใส่สติระลึกรู้เข้าไปในฌาณ(สมาธิ) นั้นด้วย
อนุโมทนาครับ
:b8:


โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


[quote="yothininsuk"]ถ้าจะเจริญไปข้างหน้า พึงใส่สติระลึกรู้เข้าไปในฌาณ(สมาธิ) นั้นด้วย
อนุโมทนาครับ
:b8:[/quote

อย่าเข้าใจผิดอย่างนั้นขอรับ ฌาน เป็น เรื่องของการปฏิบัติสมาธิ หมายความว่า ผู้ปฏิบัติสมาธิ ย่อมจะต้องเกิดฌาน ขึ้น หากปฏิบัติตามข้อ ฌาน ก็จะบรรลุถึง การมีสมาธิ


โพสต์ เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 20:05
โพสต์: 60

แนวปฏิบัติ: พิจารณา......
ชื่อเล่น: ดุ๊กดิ๊กๆ
อายุ: 24
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


Onion_L โปรดใช้วิปัสนาญาณในการรับชม :b4: :b4: :b4:
ผู้ที่ผ่านมากรุณาดูจิตตนนะครับ ท่านจะเจริญในธรรมยิ่งขึ้น เพราะอรรถรสมีมากเหลือเกิน
คำเตือน อย่าพลาดการเจรญสติในการอ่านกระทู้:b12: :b12: :b12:


โพสต์ เมื่อ: 21 พ.ย. 2009, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


i
Buddha เขียน:
yothininsuk เขียน:
ถ้าจะเจริญไปข้างหน้า พึงใส่สติระลึกรู้เข้าไปในฌาณ(สมาธิ) นั้นด้วย
อนุโมทนาครับ
:b8:[/quote

อย่าเข้าใจผิดอย่างนั้นขอรับ ฌาน เป็น เรื่องของการปฏิบัติสมาธิ หมายความว่า ผู้ปฏิบัติสมาธิ ย่อมจะต้องเกิดฌาน ขึ้น หากปฏิบัติตามข้อ ฌาน ก็จะบรรลุถึง การมีสมาธิ


ข้อสำคัญ ฌาน ยังเกิดขึันกับบุคคลตลอดเวลา ขณะที่ประกอบกิจกรรมต่างๆอยู่ มิใช่เกิดเฉพาะตอนที่นั่งปฏิบัติแต่เพียงอย่างเดียว
และจากข้อ ฌาน นี้ ในทางศาสนาอื่นๆ ก็มีการปฏิบัติ ที่เหมือนกับ ฌาน
แต่ปฏิบัติผิดรูปแบบไปหน่อย เช่น การ ละหมาด , (ในที่นี้จะไม่อธิบายว่าปฏิบัติผิดรูปแบบอย่างไร เพราะคนมุสลิม ไม่ค่อยชอบให้ใครไปยุ่งเกี่ยวกับ ศาสนาเขา)
ถ้าเป็นในทางคริสต์ศาสนา เขาเรียกว่า "ระลึกถึงพระเจ้า" ฯ อย่างนี้เป็นต้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 56 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร