วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 22:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 21:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 18:49
โพสต์: 49

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การทำงานของขันธ์ ๕ อะไรเกิดก่อนหลัง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 22:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ยังไม่เข้าใจคำถามดี..รอชมดีกว่า :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 23:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่รู้สิ ยังเห้นทั้ง 5 ก้อน เป็นก้อนเดียวกันอยู่เลย
shocked


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 23:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระอาจารย์แสนปราชญ์ เขียน:
การทำงานของขันธ์ ๕ อะไรเกิดก่อนหลัง



อวิชชาหรือ อกุศลมูลเกิดก่อนครับ

อภิธรรมมาติกา
ปัจจยจตุกกะ
[อวิชชามูลกนัย]
[๒๗๔]
สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
นามเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
อายตนะที่ ๖ เกิดเพราะนามเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดเพราะอายตนะที่ ๖ เป็นปัจจัย
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ตัณหาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
อุปาทานเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย

ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 00:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณมหาราชันย์...นี้มันปฏิจจสมุปาท..ปัจจยาการ

เข้าใจว่า..ผู้ถาม..ถามเกี่ยวกับ..การทำงานของ..รูป..เวทนา..สัญญา..สังขาร..วิญญาณ อันเป็นขันธ์ทั้ง 5 ทำงานสอดประสานกัน..หรือ..ต่างคนต่างเกิด..ไม่ได้มีส่วนมาเกี่ยวกัน..หรือ..อย่างไร? (เข้าใจเอาเองนะ)

ไม่ทราบว่าจะมีในตำราหรือเปล่านะ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 01:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มหาราชันย์ เขียน:
อวิชชาหรือ อกุศลมูลเกิดก่อนครับ

อภิธรรมมาติกา
ปัจจยจตุกกะ
[อวิชชามูลกนัย]
[๒๗๔]
สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
.......
[color=#FF0000]ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
[/center]


ท่านมหาราชันย์ แสดงปัจจยการ การทำงานของขันธ์ 5 ว่าอะไรเกิดก่อน หลัง

เช่นนั้น เข้าใจว่าท่านจะแสดงว่า ขันธ์5 ที่เป็นเหตุอันมีอวิชชาเป็นปัจจัย ย่อมเกิดก่อน
ขันธ์5ทีเป็นผลคือขันธ์ 5แห่งกองทุกข์ ย่อมเกิดภายหลังหรือเปล่าครับ

ท่านมหาราชันย์ แสดงอีกสักหน่อยครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 13 ต.ค. 2009, 01:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 02:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เข้าใจว่า..ผู้ถาม..ถามเกี่ยวกับ..การทำงานของ..รูป..เวทนา..สัญญา..สังขาร..วิญญาณ อันเป็นขันธ์ทั้ง 5 ทำงานสอดประสานกัน..หรือ..ต่างคนต่างเกิด..ไม่ได้มีส่วนมาเกี่ยวกัน..หรือ..อย่างไร? (เข้าใจเอาเองนะ)

ไม่ทราบว่าจะมีในตำราหรือเปล่านะ..



ปฏิจจสมุปบาทเกิดในจิตดวงเดียวกันครับ
จิตที่เป็นเหตุ มีขันธ์ 4 ได้เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์

ตัวอย่างเช่น

อกุศลนิเทส
อกุศลจิต ๑๒
อกุศลจิต ดวงที่ ๑
ปัจจยจตุกกะ
[๒๙๑] ธรรมเป็นอกุศล เป็นไฉน
อกุศลจิต สหรคตด้วยโสมนัส สัมปยุตด้วยทิฏฐิมีรูปเป็นอารมณ์ หรือมีเสียงเป็นอารมณ์ มีกลิ่นเป็นอารมณ์ มีรสเป็นอารมณ์ มีโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์ มีธรรมเป็นอารมณ์ หรือปรารภอารมณ์ใดๆ เกิดขึ้นในสมัยใด ในสมัยนั้น

สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
นามเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
อายตนะที่ ๖ เกิดเพราะนามเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดเพราะอายตนะที่ ๖ เป็นปัจจัย
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ตัณหาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
อุปาทานเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้


กุศลนิเทส
กามาวจรกุศลจิต ๘
กามาวจรกุศลจิตดวงที่ ๑
[๓๕๘] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน
กามาวจรกุศลจิต สหรคตด้วยโสมนัส สัมปยุตด้วยญาณ มีรูปเป็นอารมณ์ หรือมีเสียงเป็นอารมณ์ มีกลิ่นเป็นอารมณ์ มีรสเป็นอารมณ์ มีโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์ มีธรรมเป็นอารมณ์ หรือปรารภอารมณ์ใดๆ เกิดขึ้น ในสมัยใด ในสมัยนั้น

สังขารเกิดเพราะกุศลมูลเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
นามเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
อายตนะที่ ๖ เกิดเพราะนามเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดเพราะอายตนะที่ ๖ เป็นปัจจัย
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย

ปสาทะเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
อธิโมกข์เกิดเพราะปสาทะเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะอธิโมกข์เป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้




จิตที่เป็นผล มีขันธ์ 1 ก็มี มีขันธ์ 4 ก็มี มีขันธ์ 5 ก็มี

ตัวอย่างเช่น

อกุศลวิบากจิต
ดวงที่ ๑-๒-๓-๔-๕
[๓๙๐] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน
จักขุวิญญาณ เป็นวิบาก สหรคตด้วยอุเบกขา มีรูปเป็นอารมณ์เกิดขึ้น ฯลฯ โสตวิญญาณ เป็นวิบาก สหรคตด้วยอุเบกขา มีเสียงเป็นอารมณ์เกิดขึ้น ฯลฯ ฆานวิญญาณ เป็นวิบาก สหรคตด้วยอุเบกขา มีกลิ่นเป็นอารมณ์เกิดขึ้น ฯลฯ ชิวหาวิญญาณ เป็นวิบาก สหรคตด้วยอุเบกขา มีรสเป็นอารมณ์เกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณ เป็นวิบาก สหรคตด้วยทุกข์ มีโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์เกิดขึ้น เพราะอกุศลกรรมอันได้ทำไว้แล้ว ได้สั่งสมไว้แล้ว ในสมัยใด ในสมัยนั้น


วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
นามเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
อายตนะที่ ๖ เกิดเพราะนามเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดเพราะอายตนะที่ ๖ เป็นปัจจัย
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้



อเหตุกกุศลวิบากจิตดวงที่ ๑
[๓๗๒] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน
จักขุวิญญาณ เป็นวิบาก สหรคตด้วยอุเบกขา มีรูปเป็นอารมณ์เกิดขึ้นเพราะกามาวจรกุศลกรรม อันได้ทำไว้แล้ว ได้สั่งสมไว้แล้วในสมัยใด ในสมัยนั้น

วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
นามเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
อายตนะที่ ๖ เกิดเพราะนามเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดเพราะอายตนะที่ ๖ เป็นปัจจัย
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 02:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แสดงโดยความเป็นขันธ์ ๕

Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒ วิภังคปกรณ์


เหตุจตุกกะ
[อวิชชามูลกนัย]
[๒๗๘] สังขารมีอวิชชาเป็นเหตุ เกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
วิญญาณมีสังขารเป็นเหตุ เกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
นามมีวิญญาณเป็นเหตุ เกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
อายตนะที่ ๖ มีนามเป็นเหตุ เกิดเพราะนามเป็นปัจจัย
ผัสสะมีอายตนะที่ ๖ เป็นเหตุ เกิดเพราะอายตนะที่ ๖ เป็น
ปัจจัย
เวทนามีผัสสะเป็นเหตุ เกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ตัณหามีเวทนาเป็นเหตุ เกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
อุปาทานมีตัณหาเป็นเหตุ เกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้








[๓๒๕] ในสมัยนั้น สังขารอันสัมปยุตด้วยอวิชชา เกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
วิญญาณอันสัมปยุตด้วยสังขาร เกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
นามรูปและนามอันสัมปยุตด้วยวิญญาณ เกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
สฬายตนะอันสัมปยุตด้วยนาม เกิดเพราะนามรูปเป็นปัจจัย
ผัสสะอันสัมปยุตด้วยสฬายตนะเกิดเพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย
เวทนาอันสัมปยุตด้วยผัสสะ เกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ตัณหาอันสัมปยุตด้วยเวทนา เกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
อุปาทานอันสัมปยุตด้วยตัณหา เกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ภพ เกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ชาติ เกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะ เกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 10:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 18:49
โพสต์: 49

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขันธ์ ๕ เป็นองค์ประกอบของชีวิต คือ (๑) รูป (๒) เวทนา (๓) สัญญา (๔) สังขาร (๕) วิญญาณ เป็นสิ่งที่ พระพุทธองค์ทรงตรัสเป็นส่วนมาก ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถสงเคราะห์ลงในขันธ์ ๕ ได้หมด ลองสงเคราะห์ปฏิจจสมุปบาทดูก็ได้ หรืออริยสัจ ๔ ก็ได้
กระทู้ที่ตั้งว่า ขันธ์ ๕ อะไรเกิดขึ้นก่อน เป็นปรัชญาให้คิด สมมติเมื่อ ตาเห็นรูป อะไรจะเกิดก่อน หูได้ยินเสียงอะไรจะเกิดก่อน จมูกได้กลิ่นอะไรจะเกิดก่อน ลิ้นรับรสอะไรจะเกิดก่อน กายรับสัมผัสอะไรจะเกิดก่อน ใจรับรู้ธรรมารมณ์อะไรจะเกิดก่อน ช่วยกันวิเคราะห์ช้า ๆ ทุกคำวิเคราะห์ดีมาก เพราะเราอยู่ในโลกปรัชญา พระพุทธศาสนาไม่ใช่ปรัชญา เมื่อเรารู้ด้วยตัวเราเองแล้วนั่นคือ พุทธศาสนา แต่ถ้าเรายังต้องสืบค้นหาอยู่ นั่นคือปรัชญา นักปรัชญาท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า "ข้าพเจ้ารู้อย่างเดียวว่าข้าพเจ้า ไม่รู้"

ขอเจริญในธรรมของพระพุทธศาสดา
พระอาจารย์แสนปราชญ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 11:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 20:54
โพสต์: 282


 ข้อมูลส่วนตัว




b13.jpg
b13.jpg [ 48.9 KiB | เปิดดู 6058 ครั้ง ]
tongue กระบวนการทำงานของขันธ์ 5

รูปขันธ์ เกิดก่อน ตั้งอยู่แล้ว อายตนะและผัสสะจึงจะเกิดได้

มีผัสสะ วิญญาณขันธ์จึงเกิด

เช่นเสียงกระทบประสาทหู(โสตวิญญาณธาตุ) วิญญาณ รู้ สียง แต่ยังไม่แปล ส่งความรู้เสียงจากสมองไปยัง มโนวิญญาณธาตุ คือประสาทรับรู้ที่หัวใจ

ที่มโนวิญญาณธาตุนามขันธ์ 3 ตัวจะเกิดขึ้นต่อเนื่องเร็วมาก ถ้าลำดับตามธรรม
สัญญา จะเกิดมาจำหมายเสียงที่กระทบแล้วรู้ขึ้นมาว่าเป็นเสียงอะไร เช่นเสียงนก เสียงรถ เสียงคน เสียงด่า

พอสัญญาทำงานจำหมายเสียงแล้ว ถ้ายังมีความเห็นผิดว่าเป็นอัตตา ตัวกู ของกู อยู่ในจิต
เวทนา คือ ยินดี ยินร้าย เฉยๆ ต่อเสียงนั้นจะเกิดขึ้น เช่นเสียงด่า ถ้าสัญญาจำได้หมายรู้ ว่า ด่า กู

เวทนา ยินร้ายจะเกิดขึ้นกับ กู สังขารก็จะเกิดขึ้น ปรุงแต่งไปตามอำนาจของความไม่พอใจ ถ้าไม่พอใจมากขึ้นก็เป็นโทสะ เป็นมโนกรรม เป็นวจิกรรม เป็นกายกรรม ไปตามกำลังและอำนาจของความโกรธ

ถ้าสรุปตามลำดับการเกิดขึ้นของขันธ์ 5 เวลามีผัสสะกะจะเป็นอย่างนี้

รูป

วิญญาณ

สัญญา

เวทนา

สังขาร


เอวังครับ

:b16:

.....................................................
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
"ข้าพเจ้ารู้อย่างเดียวว่าข้าพเจ้า ไม่รู้"

โสเครตีส ไม่ได้บอกว่า เขาไม่รู้อะไร ประโยคนี้แปลมาผิด

Only one things I known is 'I known unknown'

ที่จริง โสเครตีส พยายามจะบอกว่า

"สิ่งที่ที่ข้าพเจ้ารู้มากกว่าผู้ใด คือ ข้าเจ้ารู้ว่ามนุษย์ไม่รู้อะไรบ้าง" หรือ
"สิ่งที่ที่ข้าพเจ้ารู้ คือ ความไม่รู้" หรือ

ถ้าได้ศึกษาประวัติโสเครสีสแล้วจึงจะพบว่า โสเครตีสบอกว่ามีเทพชั้นต่ำมากระซิบอยู่ข้างหู คอยบอกว่า มนุษย์นั้นยังไม่รู้เรื่องอะไรอีกบ้าง แต่ก็ไม่ได้บอกถึงความรู้นั้นๆ แก่โสเครตีส เพราะฉะนั้น โสเครตีส จึงบอกอีกว่า ความรู้ของเขาก็ไม่ได้มีมากกว่านักปราชญ์ทั้งหลายในโลกเลย

ปรัชญาเมธีท่านนี้ จึงเริ่มจากคำถามทั้งหลาย ต่อมา ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการศึกษาหาข้อเท็จจริง เป็นแนวทางของการศึกษายุคปัจจุบัน

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2009, 02:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มหาราชันย์ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เข้าใจว่า..ผู้ถาม..ถามเกี่ยวกับ..การทำงานของ..รูป..เวทนา..สัญญา..สังขาร..วิญญาณ อันเป็นขันธ์ทั้ง 5 ทำงานสอดประสานกัน..หรือ..ต่างคนต่างเกิด..ไม่ได้มีส่วนมาเกี่ยวกัน..หรือ..อย่างไร? (เข้าใจเอาเองนะ)

ไม่ทราบว่าจะมีในตำราหรือเปล่านะ..



ปฏิจจสมุปบาทเกิดในจิตดวงเดียวกันครับ
จิตที่เป็นเหตุ มีขันธ์ 4 ได้เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์

ตัวอย่างเช่น

อกุศลนิเทส

สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
นามเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
อายตนะที่ ๖ เกิดเพราะนามเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดเพราะอายตนะที่ ๖ เป็นปัจจัย
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ตัณหาเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
อุปาทานเกิดเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้


เจริญในธรรมครับ


สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย...
สังขาร..ในปัจจยาการ..เป็นคนละสังขารกับสังขารขันธ์..นะครับ

วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย..
วิญญาณ..ในปัจจยาการ.....ก็เป็นคนละวิญญาณกับวิญญาณขันธ์..นะครับ..(บางทีบางท่านก็เรียกว่า..วิญญาณ..ในปัจจยาการ..ว่า..ปฏิสนธิวิญญาณ..ซึ่งโดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยจะ ปลงใจด้วยซักเท่าไร..)

นามเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย...
น่าจะเขียนว่า..รูปนาม..นะครับ..ที่รวมเป็นขันธ์ทั้ง 5..
.......................................
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย...
เวทนา...ในปัจจยาการ..จึงเป็นตัวเดียวกันกับเวทนาขันธ์..ครับ

ขอเจริญในธรรม..ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2009, 00:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:

สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย...
สังขาร..ในปัจจยาการ..เป็นคนละสังขารกับสังขารขันธ์..นะครับ

วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย..
วิญญาณ..ในปัจจยาการ.....ก็เป็นคนละวิญญาณกับวิญญาณขันธ์..นะครับ..(บางทีบางท่านก็เรียกว่า..วิญญาณ..ในปัจจยาการ..ว่า..ปฏิสนธิวิญญาณ..ซึ่งโดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยจะ ปลงใจด้วยซักเท่าไร..)

นามเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย...
น่าจะเขียนว่า..รูปนาม..นะครับ..ที่รวมเป็นขันธ์ทั้ง 5..
.......................................
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย...
เวทนา...ในปัจจยาการ..จึงเป็นตัวเดียวกันกับเวทนาขันธ์..ครับ

ขอเจริญในธรรม..ครับ


สวัสดีครับ คุณกบนอกกะลา
สังขารในปัจจยการ เป็นคนละสังขารกับสังขารขันธ์อย่างไรครับ

วิญญาณ ในปัจจยาการ ก็เป็นคนละวิญญาณกับวิญญาณขันธ์ .... ขยายความให้กระจ่างเป็นธรรมทานอีกสักนิดครับ

พอมาถึงเวทนา ในปัจจยาการ กลับมาเป็นตัวเดียวกันกับเวทนาขันธ์

อ่านแล้ว งง มากครับ คุณกบอธิบายความสัมพันธ์ หน่อยครับ

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2009, 00:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับคุณกบนอกกลา



กบนอกกะลา เขียน:
สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย...
สังขาร..ในปัจจยาการ..เป็นคนละสังขารกับสังขารขันธ์..นะครับ


เป็นสังขารขันธ์อย่างเดียวกันครับ อยู่ในจิตดวงเดียวกันครับ
ผมมีที่อ้างอิงได้ครับ
แต่ผมต้องการให้คุณกบนอกกลาอธิบายก่อนว่า เป็นสังขารคนละอย่างกับสังขารขันธ์ได้อย่างไร ?





กบนอกกะลา เขียน:
วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย..
วิญญาณ..ในปัจจยาการ.....ก็เป็นคนละวิญญาณกับวิญญาณขันธ์..นะครับ..(บางทีบางท่านก็เรียกว่า..วิญญาณ..ในปัจจยาการ..ว่า..ปฏิสนธิวิญญาณ..ซึ่งโดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยจะ ปลงใจด้วยซักเท่าไร..)


เป็นวิญญาณขันธ์อย่างเดียวกันครับ อยู่ในจิตดวงเดียวกันครับ




กบนอกกะลา เขียน:
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย...
เวทนา...ในปัจจยาการ..จึงเป็นตัวเดียวกันกับเวทนาขันธ์..ครับ

ขอเจริญในธรรม..ครับ


เป็นเวทนาขันธ์อย่างเดียวกันได้หรือครับ อธิบายเหตุผลให้ทราบบ้างนะครับ



กบนอกกะลา เขียน:
นามเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย...
น่าจะเขียนว่า..รูปนาม..นะครับ..ที่รวมเป็นขันธ์ทั้ง 5..


จิตเหตุมีขันธ์ 4 ครับคุณกบนอกกลา ไม่มีรูป รูปเป็นผลครับ
จิตผลมีขันธ์ 5 บ้าง มีขันธ์ 4 บ้าง มีขันธ์ 1 บ้างครับ


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2009, 20:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


พระอาจารย์แสนปราชญ์ เขียน:
การทำงานของขันธ์ ๕ อะไรเกิดก่อนหลัง


ถ้าจะตอบตามหลักวิชาการสมัยใหม่ประกอบเข้ากับหลักพุทธศาสนา
การทำงานของขันธ์ ๕ นั้น สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนสุด ก็คือการทำงานของ เซลล์ แห่งอวัยวะภายในร่างกาย อันเกิดจาก อะตอม หลายๆอะตอมรวมกันเป็นโมเลกุล หลายๆโมเลกุล รวมกันเป็นเซลล์
การทำงานของขันธ์๕ สิ่งที่เกิดขึ้นก่อน อันดับแรก คือ หัวใจและสมองและเส้นประสาทกระดูกสันหลัง ฯ หรือ จิต หรือ ธรรมชาติที่รู้อารมณ์ ต่อจากนั้น จึงผสมกับเจตสิก หรือความรู้ ความเข้าใจ ความจำ อันได้รับการขัดเกลาฯ หรือธรรมที่ประกอบอยู่ในจิต อันเชื่อมต่อกับสิ่งต่างๆภายนอกร่างกาย ด้วย อายตนะภายใน อันได้แก่ หู ตา จมูก ลิ้น กาย (ใจ)ด้วย เพราะใจเป็นการรับรู้อารมณ์จากความจำที่ระลึกนึกถึง
จบขอรับ


แก้ไขล่าสุดโดย จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ เมื่อ 21 ต.ค. 2009, 21:07, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร