วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 19:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 56 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2009, 14:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


สมาธิ ตามหลักพุทธศาสนานั้น หมายถึง สภาพสภาวะจิตใจทีมีเพียงอารมณ์ทีเรียกว่า วางเฉย เพียงอารมณ์เดียว ที่กล่าวไปนี้ กล่าวตามหลักของ ฌาน
หากบุคคล ละ หรือขจัด หรือ กำจัด ได้ ซึ่ง วิตก วิจาร ปีติ สุข ย่อมเกิด เอกัคคตา นั่่นคือสมาธิ ดังนั้น สมาธิ จึงไม่มีสภาพอื่นใดอีก ความมีเอกัคคตา คือความสงบในจิตใจ ไม่มีอารมณ์อื่นใดนอกจากอารมณ์ที่เรียกว่าวางเฉย ไม่มีความคิดใด นี้คือ สมาธิที่ถูกต้อง
อนึ่ง สมาธิ ตามลักษณะทางกายภาพของมันแล้ว เมื่อเกิดขึ้น ย่อมจะสร้าง ความมีสติ สัมปชัญญะตามติดเป็นเงาตามตัว อาจเกิดขึ้นก่อนหรือหลัง หรือเกิดขึ้นต่อเนื่องกัน ซ้ำๆหลายครั้ง หลายตอน เมื่อได้สัมผัสจากสิ่งภายนอกร่างกาย
ยังมีรายละเอียดอีกมาก หากท่านทั้งหลายสนใจ ก็คอยติดตามอ่าน หลักสูตรการศึกษาทางพุทธศาสนา หรือบทความทางศาสนา ในหมวด สนทนาธรรมทั่วไป เรื่อง " จิต,เจสิก,รูป,นิพพาน ตามหลักพระอภิธรรมปิฎก"


แก้ไขล่าสุดโดย จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ เมื่อ 08 ต.ค. 2009, 14:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2009, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Buddha เขียน:
หากบุคคล ละ หรือขจัด หรือ กำจัด ได้ ซึ่ง วิตก วิจาร ปีติ สุข ย่อมเกิด เอกัคคตา นั่่นคือสมาธิ ดังนั้น สมาธิ จึงไม่มีสภาพอื่นใดอีก ความมีเอกัคคตา คือความสงบในจิตใจ


วิตก วิจาร ปีติ สุข และ เอกัคตา ที่เกิดขึ้นกับท่าน buddha เป็นอย่างไรบ้างครับช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 12:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


อายะ เขียน:
Buddha เขียน:
หากบุคคล ละ หรือขจัด หรือ กำจัด ได้ ซึ่ง วิตก วิจาร ปีติ สุข ย่อมเกิด เอกัคคตา นั่่นคือสมาธิ ดังนั้น สมาธิ จึงไม่มีสภาพอื่นใดอีก ความมีเอกัคคตา คือความสงบในจิตใจ


วิตก วิจาร ปีติ สุข และ เอกัคตา ที่เกิดขึ้นกับท่าน buddha เป็นอย่างไรบ้างครับช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมครับ


คุณไม่รู้ หรือว่าลองภูมิขอรับ
ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่า คนส่วนใหญ่ได้รับการขัดเกลาในเรื่องของ ฌาน แบบผิดๆกันมานาน ด้วยความไม่รู้ คือด้วยความไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในสำนวนภาษาบาลี ข้าพเจ้าเองมิใช่อวดตัวว่า อ่านพระไตรปิฎกแล้วเกิดความเข้าใจ น่าจะใช้คำว่า ข้าพเจ้าพอจะมีความเข้าใจในสำนวนภาษา หรือความหมายของภาษา ในพระไตรปิฎก มากกว่าผู้อื่น

ข้าพเจ้าจะอธิบายให้คุณเพียงคร่าวๆ พอเป็นสังเขป เพราะข้าพเจ้าจะเขียนสอนอย่างเต็มรูป ใน "หลักสูตรทางพุทธศาสนา เรื่อง" จิต,เจตสิก,รูป,นิพพาน ตามหลักพระอภิธรรมปิฎก"

วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา ไม่ได้มีแต่เพียงในตัวข้าพเจ้า ทุกคนทั่วทั้งโลก ย่อมมีย่อมเป็นเหมือนกันทุกคน ตามวัย ตามการได้รับการขัดเกลาฯลฯ เพราะเป็นธรมชาติพื้นฐานของสิ่งที่มีชีวิต ในที่นี้หมายเอาเฉพาะมนุษย์ เพราะสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง

การเกิด วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา นั้น อาจจะเกิด เอกัคคตา ก่อนก็ได้ หรือ อาจจะเกิด วิตก ก่อนก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพ ความรู้ หรือ ธรรม อันประกอบอยู่กับจิต
กล่าวคือ บุคคล อาจจะเกิดสมาธิ(เอกัคคตา)ขึ้นมาก่อน แล้วจึงค่อย เกิด ปีติ สุข โดยไม่เกิดวิตก วิจาร ก็ได้ หรืออาจเกิด การคิด(วิตก) และพิจารณาหาเหตุผล ในสิ่งที่ได้คิดนั้น คือวิจาร เมื่อ คิด และพิจารณาหาเหตุผล ในสิ่งที่คิดนั้น ยุติแล้ว ก็จะเกิด ปีติ สุข และเกิดสมาธิ(เอกัคคตา) คือไม่คิด ไม่พิจารณาหาเหตุผล ในสิ่งที่ได้คิดนั้น ปีติ สุข ก็ดับไปเช่นกัน หมุนวนกันไป เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จนกว่า ตัวคุณจะตายนั่นแหละ
หากคุณยังสงสัย ไม่เข้าใจ ก็ให้ใช้เครื่องมือ ที่ชื่อ สติปัฏฐาน สนใจตัวเอง สังเกตุตัวเอง คุณก็จะรู้ได้เอง ว่ามีจริงเป็นจริง
ที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง คุณอย่าเข้าใจว่า ฌาน จะเกิดขึ้น เมื่อคุณนั่งหลับตาภาวนา หรือทำสมาธินะขอรับ ถ้าคิดอย่างนั้น ไม่ถูกต้องขอรับ เพราะการนั่งหลับตาฝึกสมาธินั้น เป็นการฝึก เพิ่มเติม ฌาน มีอยู่ทุกขณะ ที่คุณกำลังทำกิจกรรมใดใดก็ตาม จงได้ทำความเข้าใจเอาไว้ให้ดี


แก้ไขล่าสุดโดย จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ เมื่อ 09 ต.ค. 2009, 13:08, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 19:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Buddha เขียน:
คุณไม่รู้ หรือว่าลองภูมิขอรับ

ไม่ได้ลองภูมิอยากรู้จริงๆ ครับ

Buddha เขียน:
ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่า คนส่วนใหญ่ได้รับการขัดเกลาในเรื่องของ ฌาน แบบผิดๆกันมานาน ด้วยความไม่รู้ คือด้วยความไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในสำนวนภาษาบาลี ข้าพเจ้าเองมิใช่อวดตัวว่า อ่านพระไตรปิฎกแล้วเกิดความเข้าใจ น่าจะใช้คำว่า ข้าพเจ้าพอจะมีความเข้าใจในสำนวนภาษา หรือความหมายของภาษา ในพระไตรปิฎก มากกว่าผู้อื่น

ฌาณ ที่ท่านจะสอนก็คืออ่านแล้วก็ตีความเอาจากพระไตรปิฎกใช่หรือไม่ครับ

Buddha เขียน:
ที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง คุณอย่าเข้าใจว่า ฌาน จะเกิดขึ้น เมื่อคุณนั่งหลับตาภาวนา หรือทำสมาธินะขอรับ ถ้าคิดอย่างนั้น ไม่ถูกต้องขอรับ เพราะการนั่งหลับตาฝึกสมาธินั้น เป็นการฝึก เพิ่มเติม ฌาน มีอยู่ทุกขณะ ที่คุณกำลังทำกิจกรรมใดใดก็ตาม จงได้ทำความเข้าใจเอาไว้ให้


ฌาณ มีอยู่ทุกขณะี่ จากประไตรปิฎกเล่มไหนครับ เพราะว่าเท่าที่ผมรู้ ก็มีรูปฌาณ 4 กับอรูปฌาณ 4 ด้วยความหวังดีนะครับถ้าคิดจะสอนเรื่อง ฌาณ แต่ยังไม่เคยได้ฌาณได้แต่อ่านเอาแต่ประไตรปิฎกแล้วก็ตีความตามใจชอบ เหมือนกับปลาฟังเต่าเล่าเรื่องราวต่างๆ บนบก ยังไงก็ไม่มีวันเข้าใจเพราะไม่ได้เห็นได้รู้ด้วยตัวเอง และถ้าสอนผิดมันจะเป็นบาปกรรมครับ หรืออาจจะเปรียบว่าไปอ่านหนังสือตำราแพทย์เรื่องการผ่าตัด แต่ไม่เคยผ่าตัด แล้วก็ไปสอนวิชาผ่าตัดเลย แล้วมันจะดีหรือครับ

เจริญธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 21:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อายะ เขียน:

ฌาณ มีอยู่ทุกขณะี่ จากประไตรปิฎกเล่มไหนครับ เพราะว่าเท่าที่ผมรู้ ก็มีรูปฌาณ 4 กับอรูปฌาณ 4 ด้วยความหวังดีนะครับถ้าคิดจะสอนเรื่อง ฌาณ แต่ยังไม่เคยได้ฌาณได้แต่อ่านเอาแต่ประไตรปิฎกแล้วก็ตีความตามใจชอบ เหมือนกับปลาฟังเต่าเล่าเรื่องราวต่างๆ บนบก ยังไงก็ไม่มีวันเข้าใจเพราะไม่ได้เห็นได้รู้ด้วยตัวเอง และถ้าสอนผิดมันจะเป็นบาปกรรมครับ หรืออาจจะเปรียบว่าไปอ่านหนังสือตำราแพทย์เรื่องการผ่าตัด แต่ไม่เคยผ่าตัด แล้วก็ไปสอนวิชาผ่าตัดเลย แล้วมันจะดีหรือครับ

เจริญธรรมครับ



สาธุ..สาธุ :b8: :b8:

และ จะเฝ้ารอ..คุณ Buddha ชี้แจง..ครับ :b8:

:b12: :b12: :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2009, 13:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


อายะ เขียน:
Buddha เขียน:
คุณไม่รู้ หรือว่าลองภูมิขอรับ

ไม่ได้ลองภูมิอยากรู้จริงๆ ครับ

Buddha เขียน:
ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่า คนส่วนใหญ่ได้รับการขัดเกลาในเรื่องของ ฌาน แบบผิดๆกันมานาน ด้วยความไม่รู้ คือด้วยความไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในสำนวนภาษาบาลี ข้าพเจ้าเองมิใช่อวดตัวว่า อ่านพระไตรปิฎกแล้วเกิดความเข้าใจ น่าจะใช้คำว่า ข้าพเจ้าพอจะมีความเข้าใจในสำนวนภาษา หรือความหมายของภาษา ในพระไตรปิฎก มากกว่าผู้อื่น

ฌาณ ที่ท่านจะสอนก็คืออ่านแล้วก็ตีความเอาจากพระไตรปิฎกใช่หรือไม่ครับ

Buddha เขียน:
ที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง คุณอย่าเข้าใจว่า ฌาน จะเกิดขึ้น เมื่อคุณนั่งหลับตาภาวนา หรือทำสมาธินะขอรับ ถ้าคิดอย่างนั้น ไม่ถูกต้องขอรับ เพราะการนั่งหลับตาฝึกสมาธินั้น เป็นการฝึก เพิ่มเติม ฌาน มีอยู่ทุกขณะ ที่คุณกำลังทำกิจกรรมใดใดก็ตาม จงได้ทำความเข้าใจเอาไว้ให้


ฌาณ มีอยู่ทุกขณะี่ จากประไตรปิฎกเล่มไหนครับ เพราะว่าเท่าที่ผมรู้ ก็มีรูปฌาณ 4 กับอรูปฌาณ 4 ด้วยความหวังดีนะครับถ้าคิดจะสอนเรื่อง ฌาณ แต่ยังไม่เคยได้ฌาณได้แต่อ่านเอาแต่ประไตรปิฎกแล้วก็ตีความตามใจชอบ เหมือนกับปลาฟังเต่าเล่าเรื่องราวต่างๆ บนบก ยังไงก็ไม่มีวันเข้าใจเพราะไม่ได้เห็นได้รู้ด้วยตัวเอง และถ้าสอนผิดมันจะเป็นบาปกรรมครับ หรืออาจจะเปรียบว่าไปอ่านหนังสือตำราแพทย์เรื่องการผ่าตัด แต่ไม่เคยผ่าตัด แล้วก็ไปสอนวิชาผ่าตัดเลย แล้วมันจะดีหรือครับ

เจริญธรรมครับ


ฌานที่สอนไปนั้น ไม่ใช่ตีความจากพระไตรปิฎก แต่ถ้าคณมี พระไตรปิฎ ฉบับธรรมทาน ที่เป็นภาษาไทย ให้คุณอ่าน และทำความเข้าใจให้ดี แล้วคุณจะรู้ว่า ฌาน นั้นคือ ธรรมชาติที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกขณะ
อยุ่ในพระอภิธรรมปิฎก เล่ม ๑ เล่ม ๒ ฯ นั่นแหละ อ่าน และทำความเข้าใจให้ดี อ่านทั้งหมดนะ ขอรับ ไม่ใช่อ่านเพียง รูปฌาน อรูปฌาน คุณไม่เข้าใจ และไม่รู้เรื่องดอกขอรับว่า อะไรคืออรูปฌาน เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการ วิตก วิจาร ฯ หรือจะเรียกว่า ผลแห่ง รูปฌาน คือ อรูปฌาน ก็ได้ขอรับ
สิ่งที่ข้าพเจ้าสอน มีอยู่ในตัวทุกคนอยู่แล้ว ข้าพเจ้ารู้และเข้าใจมานานแล้วเกี่ยวกับเรื่องของ ฌาน เพราะได้อาจารย์คอยแนะนำให้ พอมาอ่าน พระอภิธรรมปิฎก ก็เกิดความเข้าใจหนักแน่น แน่นอน ถ่องแท้ จึงสามารถเขียนสอนได้
โธ่เอ๋ยคุณขอรับ ตำราบางอย่าง แค่อ่าน และทำความเข้าใจ ก็ปฏิบัติได้เลยขอรับ คุณยังมีความไม่รู้ คืออวิชชา อีกเยอะ พิจารณาเถอะ ถ้าอยากจะเข้าใจให้ลึกซึ้ง ก็ต้องรอ คอยอ่าน "หลักสตรทางพุทธศาสนา เรื่อง " จิต,เจตสิก,รูป,นิพพาน ตามหลักพระอภิธรรปิฎก" ก็แล้วกัน
คุณไม่ต้องห่วง หากคิดว่าข้าพเจ้าจะอวดอุตริฯ สอนธรรมที่ไม่มีในตน ฮา ฮ่า ฮา ข้าพเจ้าไปทั่วจักรวาล ไปถึง ดวงอาทิตย์โน่นแล้วขอรับ

อนึ่ง คุณกลับไปอ่าน คำตอบของข้าพเจ้าในตอนก่อนหน้าให้ดี ช้า ช้า ทำความเข้าใจให้ดี ถ้าคุณทำความเข้าใจในภาษาไทยไม่ได้ คุณก็ย่อมไม่สามารถอ่านพระไตรปิฎกให้เกิดความเข้าใจ คือ อ่านแล้วไม่เข้าใจนั่นแหละ


แก้ไขล่าสุดโดย จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ เมื่อ 12 ต.ค. 2009, 14:04, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2009, 20:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Buddha เขียน:
เรื่องเกี่ยวกับการ วิตก วิจาร ฯ หรือจะเรียกว่า ผลแห่ง ฌาน คือ อรูปฌาน ก็ได้ขอรับ
อรูปฌาณ ก็มี วิตก วิจาร ปิติ สุข ด้วยหรือครับ

Buddha เขียน:
ฌาน นั้นคือ ธรรมชาติที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกขณะ
อยุ่ในพระอภิธรรมปิฎก เล่ม ๑ เล่ม ๒ ฯ อย่าเข้าใจว่า ฌาน จะเกิดขึ้น เมื่อคุณนั่งหลับตาภาวนา หรือทำสมาธินะขอรับ ถ้าคิดอย่างนั้น ไม่ถูกต้องขอรับ เพราะการนั่งหลับตาฝึกสมาธินั้น เป็นการฝึก เพิ่มเติม ฌาน มีอยู่ทุกขณะ ที่คุณกำลังทำกิจกรรมใดใดก็ตาม จงได้ทำความเข้าใจเอาไว้ให้

ลองยกจากพระไตรปิฎกมาเป็นตัวอย่างซักหน่อยได้ไหมครับ แล้วฌาณที่ท่านกล่าวถึงนั้น(ฌาน ที่มีอยู่ทุกขณะ) จัดอยู่ในประเภทไหนกันครับ
1. ปฐมฌาน คือ ฌานแรกที่จะได้ มีองค์ 5 คือ วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา
2.ทุติยฌาน มีองค์คือ ปิติ สุข เอกัคคตา
3.ตติยฌาน มีองค์คือ สุข เอกัคคตา
4.จตุตถฌาน มีองค์คือ อุเบกขา เอกัคคตา
5. อากาสานัญจายตนฌาน กำหนดอากาศไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์
6.วิญญาณัญจายตนฌาน กำหนดวิญญาณไม่มีที่สุดเป็นอารมณ์
7.อากิญจัญยายตนฌาน กำหนดความไม่มีอะไรเลยเป็นอารมณ์
8.เนวสัญญานาสัญญายตนะ กำหนดความมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่เป็นอารมณ์


Buddha เขียน:
คุณไม่ต้องห่วง หากคิดว่าข้าพเจ้าจะอวดอุตริฯ สอนธรรมที่ไม่มีในตน ฮา ฮ่า ฮา ข้าพเจ้าไปทั่วจักรวาล ไปถึง ดวงอาทิตย์โน่นแล้วขอรับ
ถ้าได้จริงก็ขออนุโมทธนาด้วยนะครับ แต่สำนวนแบบนี้ไม่น่าเป็นสำนวนของผู้ได้ฌาณที่นิวรณ์สงบระงับนะครับ เอแล้วการที่ท่องไปได้ชั่วจักรวาลนี้มันสามารถทำให้ทุกข์ในใจสงบระงับได้อย่างไรครับ มันทำให้ โลภะ โทสะ โมหะ เบาบางได้อย่างไร แล้วมันช่วยให้วัฎฏะสิ้นสุดลงโดยการตัดสังโยชน์ได้อย่างไร ช่วยอธิบายด้วยครับ

เจริญธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 02:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Buddha เขียน:
คุณไม่เข้าใจ และไม่รู้เรื่องดอกขอรับว่า อะไรคืออรูปฌาน เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการ วิตก วิจาร ฯ หรือจะเรียกว่า ผลแห่ง ฌาน คือ อรูปฌาน ก็ได้ขอรับ



แค่นี้..คุณ ๆ ก็น่าจะเห็นชัดแล้วนะครับ..คุณBuddhaไม่รู้เรื่อง ฌาน หรือ อะไรจริง ๆ :b12: :b12:

และลองมาดู..
อ้างคำพูด:
Buddha
สมาชิก ระดับ 8

เลขสมาชิก: 4699
เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007, 09:55
ตอบ: 755

Blog: จำนวนบล็อก (0)
เพศ:

อนุโมทนา: 0 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา: 153 ครั้ง


การอนุโมทนา : 0 ครั้ง........อย่างนี้..กะลาคว่ำ..ชัด ๆ ..เทน้ำลงไปเสียน้ำเปล่า..ครับ :b12: :b12:

เก็บน้ำ (คำ) เอาใว้ใช้ที่มันจำเป็น..และมีประโยชน์ดีกว่า :b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 14:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


น่าอนาถใจกับผู้ใช้ชื่อว่า "กบฯ.."มากๆขอรับ
พวกคุณและใครอีกหลายคน ที่ตั้งตัวเป็นอาจารย์บ้าง ที่ตั้งเป็นสำนักบ้าง ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องของ ฌาน อย่างถ่องแท้ ไปอ่านเพียงแค่ รูปฌาน อรูปฌาน แล้วก็เอามาสอน แถมยังไม่รู้อีกว่า คำว่า อรูปฌานนั้น มันเป็นอย่างไร รูปฌาน ก็ไม่รู้สักคน ก็ให้ไปอ่านไปศึกษา ในพระอภิธรรมปิฎก ก็ยังไม่รู้เรื่องอีก
ยังมีหน้าทำตัวเป็นบ่างช่างยุ
ไม่รู้ ก็อย่ารู้เลย ดีแล้วขอรับ อวดฉลาดดีนัก ฮ่า ฮ่า ฮ่า


แก้ไขล่าสุดโดย จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ เมื่อ 12 ต.ค. 2009, 14:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 14:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


อายะ เขียน:
Buddha เขียน:
เรื่องเกี่ยวกับการ วิตก วิจาร ฯ หรือจะเรียกว่า ผลแห่ง ฌาน คือ อรูปฌาน ก็ได้ขอรับ
อรูปฌาณ ก็มี วิตก วิจาร ปิติ สุข ด้วยหรือครับ

Buddha เขียน:
ฌาน นั้นคือ ธรรมชาติที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกขณะ
อยุ่ในพระอภิธรรมปิฎก เล่ม ๑ เล่ม ๒ ฯ อย่าเข้าใจว่า ฌาน จะเกิดขึ้น เมื่อคุณนั่งหลับตาภาวนา หรือทำสมาธินะขอรับ ถ้าคิดอย่างนั้น ไม่ถูกต้องขอรับ เพราะการนั่งหลับตาฝึกสมาธินั้น เป็นการฝึก เพิ่มเติม ฌาน มีอยู่ทุกขณะ ที่คุณกำลังทำกิจกรรมใดใดก็ตาม จงได้ทำความเข้าใจเอาไว้ให้

ลองยกจากพระไตรปิฎกมาเป็นตัวอย่างซักหน่อยได้ไหมครับ แล้วฌาณที่ท่านกล่าวถึงนั้น(ฌาน ที่มีอยู่ทุกขณะ) จัดอยู่ในประเภทไหนกันครับ
1. ปฐมฌาน คือ ฌานแรกที่จะได้ มีองค์ 5 คือ วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา
2.ทุติยฌาน มีองค์คือ ปิติ สุข เอกัคคตา
3.ตติยฌาน มีองค์คือ สุข เอกัคคตา
4.จตุตถฌาน มีองค์คือ อุเบกขา เอกัคคตา
5. อากาสานัญจายตนฌาน กำหนดอากาศไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์
6.วิญญาณัญจายตนฌาน กำหนดวิญญาณไม่มีที่สุดเป็นอารมณ์
7.อากิญจัญยายตนฌาน กำหนดความไม่มีอะไรเลยเป็นอารมณ์
8.เนวสัญญานาสัญญายตนะ กำหนดความมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่เป็นอารมณ์


Buddha เขียน:
คุณไม่ต้องห่วง หากคิดว่าข้าพเจ้าจะอวดอุตริฯ สอนธรรมที่ไม่มีในตน ฮา ฮ่า ฮา ข้าพเจ้าไปทั่วจักรวาล ไปถึง ดวงอาทิตย์โน่นแล้วขอรับ
ถ้าได้จริงก็ขออนุโมทธนาด้วยนะครับ แต่สำนวนแบบนี้ไม่น่าเป็นสำนวนของผู้ได้ฌาณที่นิวรณ์สงบระงับนะครับ เอแล้วการที่ท่องไปได้ชั่วจักรวาลนี้มันสามารถทำให้ทุกข์ในใจสงบระงับได้อย่างไรครับ มันทำให้ โลภะ โทสะ โมหะ เบาบางได้อย่างไร แล้วมันช่วยให้วัฎฏะสิ้นสุดลงโดยการตัดสังโยชน์ได้อย่างไร ช่วยอธิบายด้วยครับ

Buddha ตอบ,,,,,
คุณขอรับ ข้าพเจ้าจะใช้สำนวนอย่างไร มันก็ขึ้นอยู่กับความคิดความเข้าใจของคุณซึ่งเป็นผู้อ่าน เจตสิกหรือธรรมะที่มีอยู่ในตัวคุณนั้น มันมีแต่อกุศล จึงคิดแต่เรื่องอกุศล คุณคิดของคุณเองว่าคนอื่นมีนิวรณ์ คุณรู้และเข้าใจดี และละ หรือขจัด หรือ สำรอกได้จริงหรือขอรับ คุณเขียนมาก็รู้แล้วว่า คุณมันก็แค่ไอ้พวก อวดอุตริฯ แล้วประโยคที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า"ข้าพเจ้าไปทั่วจักรวาล ไปถึงดวงอาทิตย์โน้นแล้ว" ก็หมายความว่า ข้าพเจ้าฝึกฝนไปไกลแล้ว จะเรียกว่า บรรลุนิพพานแล้วก็ยังได้ ขนาดสำนวนภาษาไทยแค่นี้คุณยังไม่กระดิก แล้วคุณไปยกเอาแค่ รูปฌาน และ อรูปฌาน มาเป็นข้อท้วงติงค้ดค้าน ไม่เข้าใจก็บอกไม่เข้าใจ ข้าพเจ้าก็บอกแล้วว่าให้รออ่านในหลักสูตรทางพุทธศาสนา ไม่อธิบายในตอนนี้ คุณไปคิดพิจารณาสิ่งที่ข้าพเจ้าสอนให้ดี
เอาแนะนำให้อีกนิดก็ได้นะ คุณก็พิจารณาตัวเองซิขอรับ เอาเวลานั่งสมาธิก็ได้ เวลาที่คุณนั่ง คุณมีอารมณ์ หรือความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งไหม ถ้ามีแสดงว่าคุณมีวิตก แต่คุณจะมีวิจารหรือไม่ก็แล้วแต่สภาพของคุณในขณะนั้น ฯลฯ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น อาจจะเกิดขึ้นเพียงในเสี้ยววินาที หรือนานกว่านั้น มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ (ในที่นี้หมายเอาเฉพาะมนุษย์)
ถ้าคุณนั่งสมาธิแล้วยังไม่รู้ ก็เอาตอนที่คุณลืมตา แล้วประกอบกิจกรรม หรือดำเนินชีวิตอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ คุณก็จะรู้เองว่า เมื่อได้สัมผัสกับสิ่งใดก็ตาม อาจเกิด วิตก คือ ความคิด และย่อมเกิดวิจาร หรืออาจไม่เกิดวิจาร อาจเกิด ปีติ หรืออาจไม่เกิดปีติ อาจเกิดสุข หรืออาจไม่เกิดสุขถ้าไม่เกิดปีติ แต่อาจวางเฉย แลใจเป็นสมาธิ ที่กล่าวไปทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที อาจจะเร็วจนคุณไม่รู้ก็ได้ แต่ถ้าข้าช้า คุณก็อาจจะรู้ว่า อะไร คือวิตก อะไรคือวิจาร เกิดขึ้นได้ทุกสถานที่ ทุกเวลาที่คุณปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
จำไวอีกอย่างหนึ่ง หมวดธรรมหนึ่ง อาจเรียก อย่างหนึ่ง หมวดธรรมอีกหมวดหนึ่ง อาจะเรียกอีกอย่างหนึ่ง คือมีชื่อต่างกัน แต่ความจริงแล้วคือ สิ่งสิ่งเดียวกัน
ให้ไปอ่าน "หลักสูตรทางพุทธศาสนา เรื่อง "จิต,เจตสิก,รูป,นิพพาน ตามหลักพระอภิธรรมปิฎกเพิ่มเติม"


แก้ไขล่าสุดโดย จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ เมื่อ 12 ต.ค. 2009, 14:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 15:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Buddha เขียน:
คุณมันก็แค่ไอ้พวก อวดอุตริฯ

อ้าว ผมไม่เคยอวดอุตริเลยนะครับผมก็แค่ถามคุณเท่านั้น แล้วทำไมคุยไปคุยมาผู้ได้ฌาณเริ่มใช้คำราชาศัพย์ซะแล้ว หรือว่ามันเป็นความคิดอกุศลของผมเอง

Buddha เขียน:
แล้วประโยคที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า"ข้าพเจ้าไปทั่วจักรวาล ไปถึงดวงอาทิตย์โน้นแล้ว" ก็หมายความว่า ข้าพเจ้าฝึกฝนไปไกลแล้ว จะเรียกว่า บรรลุนิพพานแล้วก็ยังได้


ใครจะไปรู้ว่าเป็นสำนวนละครับท่านบางท่านได้ฌาณก็มีทิพย์จักษุอย่างเช่นพระอนุรุธทะ ท่านฝึกไปไกลผมก็ไม่ได้ว่าอะไรท่าน ผมก็แค่อยากรู้ที่ท่านฝึกนะมันเป็นฌาณแบบไหนแล้วมันอยู่หรือไม่อยู่ในจำพวกที่ผมยกไปแสดง ถ้าท่านคิดจะสอนผู้อื่นก็ควรฝึกทักษะที่จะตอบคำถามแบบมีเหตุมีผลด้วยนะครับ มิใช่ถามอย่างตอบอย่างแล้วก็เกิดโทษะขึ้นมาถ้าเป็นคำถามที่ไม่ถูกใจ และที่ผมไม่เข้าใจนะไม่เข้าใจตัวท่านครับ แล้วที่ว่าได้นิพพานนะอันนี้ของจริงหรือสำนวนครับ

Buddha เขียน:
อรูปฌาณ ก็มี วิตก วิจาร ปิติ สุข ด้วยหรือครับ
อย่างไงก็ขอคำตอบสั้นๆ ตรงนี้ก่อนว่าใช่หรือไม่ใช่ คงไม่ยากนะครับ แล้วก็ ฌาณ ตามความเข้าใจของท่านมันไม่ได้อยู่ในรูปฌาณ 4 กับอรูปฌาณ 4 ดังข้างล่างนี้ใช่หรือไม่ครับ
Buddha เขียน:
1.ปฐมฌาน คือ ฌานแรกที่จะได้ มีองค์ 5 คือ วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา
2.ทุติยฌาน มีองค์คือ ปิติ สุข เอกัคคตา
3.ตติยฌาน มีองค์คือ สุข เอกัคคตา
4.จตุตถฌาน มีองค์คือ อุเบกขา เอกัคคตา
5. อากาสานัญจายตนฌาน กำหนดอากาศไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์
6.วิญญาณัญจายตนฌาน กำหนดวิญญาณไม่มีที่สุดเป็นอารมณ์
7.อากิญจัญยายตนฌาน กำหนดความไม่มีอะไรเลยเป็นอารมณ์
8.เนวสัญญานาสัญญายตนะ กำหนดความมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่เป็นอารมณ์


Buddha เขียน:
ให้รออ่านในหลักสูตรทางพุทธศาสนา

ผมว่าผมก็ไม่ได้ถามซับซ้อนอะไรนะครับท่านก็แค่บอกว่าใช่หรือไม่ใช่แต่ไม่ยอมตอบให้ไปอ่านพระไตรปิฏก หรือรอหลักสูตร สงสัยต้องรออ่านหลักสูตรนี้ซะหน่อยนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพิ่งไปอ่านอันนี้มา viewtopic.php?f=2&t=24914
ท่านอ้างว่าตัวเองเป็นพระศรีอริยะเมตไตร ตอนนี้ผมหมดความสงสัยในตัวท่านแล้ว เอวัง

ผมขอต่อว่าท่าน กบ หน่อยนะ น่าจะเตือนผมบ้างว่ากำลังสนทนากับพระศรีอริยะเมตไตรอยู่เวรกรรมแท้ๆ :b1:
ผมขอปรึกษาท่านทั้งหลายว่าในกรณีเช่นนี้ผู้รักษาลานควรมีมาตรการเช่นใดบ้าง เพื่อจะป้องกันไม่ให้พวกที่อ้างว่าเป็นพระุพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด เข้ามาสร้างความสับสน ผมขอคำตอบจากผู้รักษาลานและท่านทั้งหลายด้วยนะครับ


แก้ไขล่าสุดโดย อายะ เมื่อ 12 ต.ค. 2009, 17:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


อายะ เขียน:
Buddha เขียน:
คุณมันก็แค่ไอ้พวก อวดอุตริฯ

อ้าว ผมไม่เคยอวดอุตริเลยนะครับผมก็แค่ถามคุณเท่านั้น แล้วทำไมคุยไปคุยมาผู้ได้ฌาณเริ่มใช้คำราชาศัพย์ซะแล้ว หรือว่ามันเป็นความคิดอกุศลของผมเอง

Buddha เขียน:
แล้วประโยคที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า"ข้าพเจ้าไปทั่วจักรวาล ไปถึงดวงอาทิตย์โน้นแล้ว" ก็หมายความว่า ข้าพเจ้าฝึกฝนไปไกลแล้ว จะเรียกว่า บรรลุนิพพานแล้วก็ยังได้


ใครจะไปรู้ว่าเป็นสำนวนละครับท่านบางท่านได้ฌาณก็มีทิพย์จักษุอย่างเช่นพระอนุรุธทะ ท่านฝึกไปไกลผมก็ไม่ได้ว่าอะไรท่าน ผมก็แค่อยากรู้ที่ท่านฝึกนะมันเป็นฌาณแบบไหนแล้วมันอยู่หรือไม่อยู่ในจำพวกที่ผมยกไปแสดง ถ้าท่านคิดจะสอนผู้อื่นก็ควรฝึกทักษะที่จะตอบคำถามแบบมีเหตุมีผลด้วยนะครับ มิใช่ถามอย่างตอบอย่างแล้วก็เกิดโทษะขึ้นมาถ้าเป็นคำถามที่ไม่ถูกใจ และที่ผมไม่เข้าใจนะไม่เข้าใจตัวท่านครับ แล้วที่ว่าได้นิพพานนะอันนี้ของจริงหรือสำนวนครับ

Buddha เขียน:
อรูปฌาณ ก็มี วิตก วิจาร ปิติ สุข ด้วยหรือครับ
อย่างไงก็ขอคำตอบสั้นๆ ตรงนี้ก่อนว่าใช่หรือไม่ใช่ คงไม่ยากนะครับ แล้วก็ ฌาณ ตามความเข้าใจของท่านมันไม่ได้อยู่ในรูปฌาณ 4 กับอรูปฌาณ 4 ดังข้างล่างนี้ใช่หรือไม่ครับ
Buddha เขียน:
1.ปฐมฌาน คือ ฌานแรกที่จะได้ มีองค์ 5 คือ วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา
2.ทุติยฌาน มีองค์คือ ปิติ สุข เอกัคคตา
3.ตติยฌาน มีองค์คือ สุข เอกัคคตา
4.จตุตถฌาน มีองค์คือ อุเบกขา เอกัคคตา
5. อากาสานัญจายตนฌาน กำหนดอากาศไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์
6.วิญญาณัญจายตนฌาน กำหนดวิญญาณไม่มีที่สุดเป็นอารมณ์
7.อากิญจัญยายตนฌาน กำหนดความไม่มีอะไรเลยเป็นอารมณ์
8.เนวสัญญานาสัญญายตนะ กำหนดความมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่เป็นอารมณ์


Buddha เขียน:
ให้รออ่านในหลักสูตรทางพุทธศาสนา

ผมว่าผมก็ไม่ได้ถามซับซ้อนอะไรนะครับท่านก็แค่บอกว่าใช่หรือไม่ใช่แต่ไม่ยอมตอบให้ไปอ่านพระไตรปิฏก หรือรอหลักสูตร สงสัยต้องรออ่านหลักสูตรนี้ซะหน่อยนะครับ


คุณผู้ใช้ชือว่า อายะ ขอรับ ข้าพเจ้าไม่เคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องของ ฌาน เลย ที่คุณคัดลอกมานั้น ก็เป็นสิ่งที่คุณเขียนบอกว่าคุณรู้มาอย่างนั้น ท้้งทีข้าพเจ้าบอกหรือแนะนำให้คุณไปอ่านในพระอภิธรมปิฎก เล่ม ๑ เล่ม ๒ (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕,๓๖)อ่่านทั้งหมด เพราะคุณถามข้าพเจ้าว่า ที่ว่า ฌาน คือ ธรรมชาติที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ อยู่ในพระไตรปิฎกตรงไหน
ข้าพเจ้า เคยเขียนเกี่ยวกับ ฌาน เพียงว่า "ฌาน คือ ธรรมชาติพื้นฐานที่มีอยู่ในตัวมนุษย์" และไม่เคยเขียนอธิบายเกี่ยวกับเรื่อง ฌาน แบบ รายละเอียดเลย เพราะไม่อยากขัดศรัทธา ผู้อื่นจึง เพียงบอกไว้สั้นๆ

อนึ่งที่แนะนำให้คุณคอยอ่าน ในหลักสูตร เรื่อง "จิต,เจตสิก,รูป,นิพพาน ตามหลักพระอภิธรรมปิฎก" ก็เพราะจะได้ทำความเข้าใจ
เพราะไม่อยากเขียนหลายครั้ง
อีกอย่างหนึ่ง คำถามบางคำถาม จะตอบสั้น อย่างที่คุณต้องการไม่ได้ ขนาดอธิบาย แนะนำ ให้คุณ คุณยังไม่รู้เรื่อง ให้คุณกลับขึ้นไปอ่านคำตอบ คำสอน ของข้าพเจ้าอย่างละเอียดซิ
ที่ข้าพเจ้า กล่าวว่า คุณเป็นไอ้พวกอวดอุตริฯ นั้น ความจริง ข้าพเจ้าลบออกไปแล้ว ไม่รู้ว่ามันกลับมาได้อย่างไร
ถึงอย่างไรก็ตาม คุณกล่าวถึง นิวรณ์ ข้าพเจ้าก็รู้แล้วว่า คุณ ไม่ได้รู้เรื่อง ไม่ได้เข้าใจ ในหลักธรรมเหล่านั้นเลย ถ้าเป็นในทางพุทธศาสนา ก็เรียกว่า คุณไม่มีความรู้ เกี่ยวกับ ปฏิจจสมุปบาท นั่นหมายความว่า คุณเขียนธรรมนิวรณ์ขึ้นมาเตือนข้าพเจ้า โดยที่ธรรมนั้นไม่มีในตัวคุณ นั้นก็คือ คุณอวดอุตริฯ นั้นแหละ ข้าพเจ้าจึงแนะนำให้คุณ ไปอ่าน หลักสูตร ทางพุทธศาสนา

ส่วนคำถามทีคุณถามมา ข้าพเจ้าตอบไม่ได้ขอรับ เพราะข้าพเจ้าไม่เคย กำหนดอะไรบ้าๆ เกี่ยวกับ อรูปฌาน อย่างที่คุณเขียนมา แต่คุณก็สามารถหาคำตอบได้ด้วยตัวของคุณเอง คุณก็ลองกำหนด อรูปฌาน ดูซิว่า มันเกิดจาก วิตก วิจาร ฯ จริงหรือไม่ ข้าพเจ้าสอนวิธีให้คุณแล้วนะขอรับ(กลับไปตอนที่แบ้ว)

ส่วนที่คุณกล่าวว่า ข้าพเจ้า แอบอ้างเป็น "ศรีอาริยเมตไตรย" นั้น
คุณก็ไปหา "ศรีอาริยเมตไตรย" ของจริงมาซิขอรับ
คุณเชื่อในสิ่งที่คุณไม่ได้พิสูจน์ ว่าเป็นจริงหรือไม่ ก็แสดงว่า ธรรมในจิตใจของคุณ หรือความรู้ ความเข้าใจของคุณ มันเป็นไปในทางอกุศล สิ่งที่คุณสามารถพิสูจน้ได้ด้วยตัวเอง คุณกลับไปไม่พิสูจน์ ไม่ค้นหา แต่กลับมีแต่ความหลง
อวัชชา คือความไม่รู้ ตามความเป็นจริง อันเป็นธรรมช้อหนึ่ง ในจำนวน สิบข้อ ของ สังโยชน์สิบ
ถ้าคุณหา ศรีอารยเมตไตรย ไม่พบ
ข้าพเจ้า ก็ประกาศตัวอีกครัังว่า ข้าพเจ้าคือ "ศรีอาริยเมตไตรย" ของจริง สามารถพิสูจน์ได้ และกล้าท้าพิสูจน์ด้วย
ขอรับ


แก้ไขล่าสุดโดย จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ เมื่อ 13 ต.ค. 2009, 13:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 23:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ข้าพเจ้าคือ "ศรีอาริยเมตไตรย" ของจริง


เอวัง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2009, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อายะ เขียน:
อ้างคำพูด:
ข้าพเจ้าคือ "ศรีอาริยเมตไตรย" ของจริง


เอวัง

ด้วยประการฉะนี้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 56 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร