วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 15:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 189 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อินทรีย์5 เขียน:
เนื่องด้วยเป็นคำถามที่สำคัญอย่างมาก มีหลายคนที่นำคำถามในลักษณะนี้ไปถามตามเว็บต่างๆ
ซึ่งจึงต้องขอนำมาโพสท์ตอบ เพื่อให้ผู้ที่ปฏิบัติด้วยการเดินจงกรม ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ได้เข้าใจเหมือนกัน
และจะได้สิ้นความสงสัยอันเป็นภัยต่อการปฏิบัติได้และจะได้มีจิตศรัทธา+ตั้งมั่นได้ปฏิบัติต่อไปโดยวิธีนี้ให้เกิดผลยิ่งๆขึ้น

แปลอย่างเอาใจความว่า ขณะที่ก้าวเท้าไปแบ่งบทเดียวหรือก้าวเดียวให้เป็น 6 ส่วนหรือ 6 ระยะดังนี้คือ
1. อุทธรณะ ยกส้นเท้าขึ้น เรียกว่า ยกส้นหนอ
2. อติหรณะ ยกเท้าจะก้าวไปข้างหน้า เรียกว่า ยกหนอ
3. วีติหรณะ เมื่อเห็นตอ หนาม หรืองู (ในขณะนั้น) แล้วย้ายเท้าไปข้างนั้นข้างนี้ เรียกว่า ย้าย
หรือย่างหนอ
4. โวสสัชชนะ เมื่อลดเท้าต่ำลงเบื้องล่าง (ยังไม่ถึงพี้น) เรียกว่าลงหนอ
5. สันนิกเขปนะ วางเท้าทาบลงที่พื้นดินแล้วเรียกว่า เหยียบหรือถูกหนอ
6. สันนิรุมภนะ เมื่อจะยกเท้าก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง ต้องกดเท้าอีกข้างหนึ่งไว้กับดิน
เรียกว่า กดหนอ


ใน 6 ส่วนนี้ (พึงมีสติ สัมปชัญญะ พิจารณา โดยเห็นว่าเป็นไปได้ด้วยธาตุ 4) คือ เมื่อยกเท้าขึ้น ธาตุทั้ง 2
คือธาตุดินกับธาตุน้ำ มีกำลังน้อย (ต่ำ) ส่วนธาตุไฟและธาตุลม มีกำลังมากกว่า ในการย่างเท้าและย้าย
เท้าก็เช่นเดียวกัน (กับการยกเท้าขึ้น)
ส่วนการหย่อนเท้าลงนั้น ธาตุทั้ง 2 คือธาตุลมกับธาตุไฟมีกำลังน้อย ธาตุดินกับธาตุน้ำ มีกำลัง
มากกว่าในการเหยียบและกดก็เช่นเดียวกัน เมื่อทำเป็น 6 ส่วนอย่างนี้แล้ว จงยกขึ้นสู่ไตรลักษณ์
ดังต่อไปนี้ (ไม่ได้ยกบาลีมา) ธาตุที่ให้รูปไหวในขณะที่ยกเท้าขึ้น รูปยกเท้านั้นจะดับลง ในส่วนนี้เอง
ไม่ถึงส่วนย่างเท้า เหตุนั้นอุปาทายรูปแห่งธาตุเหล่านั้นอันใดก็ดี ธรรมทั้งปวงนั้นจึงชื่อว่าไม่เที่ยง เป็น
ทุกข์ เป็นอนัตตา
โดยทำนองเดียวกัน ธรรมทั้งหลายอันเป็นไปในส่วนย่างเท้า ก็ดับไปในส่วนย่างเท้านั้นเอง ไม่
ถึงส่วนย้ายเท้า ฯลฯ จงพิจารณาโดยนัยนี้ทั้ง 6 ระยะว่า สังขารทั้งหลายเมื่อเกิดขึ้นก็แตกดับไป เหมือน
เมล็ดงาที่ซัดลงในกระเบื้องร้อน ๆ (ที่ตั้งอยู่ตรงเตาไฟ) ย่อมแตกดังเปรี๊ยะ ๆ ดับไปฉะนั้น
เหตุนั้น สังขารทั้งหลายจึงชื่อว่า ไม่เที่ยง เพราะไม่เที่ยงจึงชื่อว่า เป็นทุกข์ เพราะเป็นทุกข์ จึงชื่อ
ว่าเป็นอนัตตา เป็นการเห็นแจ้งด้วยปัญญา
ในคัมภีร์วิสุทธิมัคค์ ท่านอธิบายไว้เช่นนี้ โยคีอย่าเข้าใจผิดว่าไม่เหมือนกับการเดิน 6 ระยะ ที่
ท่านอาจารย์ในสำนักวิเวกอาศรมสอน ที่ท่านเริ่มสอน “ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ” นั้นถูกแล้ว เพราะ
เป็นการฝึกหัดเบื้องต้น ต้องหัดเป็นระยะ ๆ ไปตามกำลังของสมาธิและปัญญาที่เกิดขึ้นมาในขณะปฏิบัติ
ซึ่งมีสมาธิและวิริยะหย่อนกว่ากันอย่างไร ควรเดินจงกรมระยะไหนดี จึงจะเกิดปัญญาญาณจนครบ 16
ญาณได้

หมายเหตุ;
คัมภีร์วิสุทธิมรรค
มีเนื้อความครอบคลุมคำสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้า คือ กล่าวถึงเรื่อง ศีล สมาธิ และปัญญา
จัดเป็นคัมภีร์สำคัญฝ่ายเถรวาทคัมภีร์หนึ่งในชั้นนวัฎฐกถา รจนาขึ้น เมื่อหลังพุทธปรินิพพานประมาณ 956 ปี (ราวพุทธศตวรรษที่ 9) พระพุทธโฆสะอาศัยโบราณอรรถกถา 3 คัมภีร์ เป็นหลักใหญ่ในการแต่ง อรรถกถา 3 คัมภีร์ที่ว่านั้น คือ
1. มหาอรรถกถา เป็นคัมภีร์เดิมที่เคยผ่านการสังคายนาครั้งแรก อันมีพระมหากัสสปะเป็นประธานมาแล้ว และถูกถ่ายทอดเป็นภาษาสิงหลเมื่อสังคายนาครั้งที่ 3 ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงส่งพระสาวกไปประกาศพระพุทธศาสนายังนานาประเทศ
2. มหาปัจจรีอรรถกถา แต่งขึ้นที่ประเทศลังกา
3. กุรุณทีอรรถกถา แต่งขึ้นที่ประเทศลังกาเช่นกัน


สวัสดีครับ คุณอินทรีย์ 5

ได้อ่านแล้ว ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ชัดเจนมากขึ้นที่ การเดินยกย่างหนอ ไม่สามารถหาพุทธพจน์รับรองได้ จริงๆ
เป็นเพียงการ คิดเองเออเอง ของอาจารย์รุ่นหลังๆ เหมือนกับนักเรียนสมัยนี้ต้องการทำปริญญา ก็ทำรีเสิรช์ แล้วก็หาแหล่งอ้างอิงมาแปะ เพือความถูกต้องของผลงาน

แต่่่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ถูกต้อง
เพราะ แม้เพียงการปฏิบัติที่ฟุ้งไปใน รูปยก รูปเดิน รูปย่าง รูปเหยียบ หรือแม้แต่การฟุ้งไปกับการเห็นรูปนั้นไม่ใช่รูปแต่เป็นธาตุ ก็ฟุ้งเช่นเดิม เป็นส่วนแห่งความเนิ่นช้า เป็นการพอกพูนทิฐิ พอกพูนสักกายะทิฐิ

การนำเอาคัมภีร์ชั้นหลังที่แต่งโดยอาจารย์ตามมติอาจารย์ แล้วบอกว่าถูกต้องโดยนัยยะต่างๆ แล้วเป็นการถุกต้องตรงตามพระไตรปิฏก ก็พึงสอบสวนกับอรรถของพระไตรปิฏกให้ดี

ดังนั้น การยกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ ซ้ายหนอ ขวาหนอ จึงเป็นการฟุ้งโดยเจตนา พอกพูนทิฐิ
เป็นการพัวพันในกามสัญญา สิ่งที่ท่านยกมาจากคัมภีร์นั้นจึง ตกไป เพราะไปแย้งกับพระไตรปิฏก

การเจริญกามสัญญาอย่างนั้น สิ่งทีได้เป็นเพียงอุเบกขาในกามสัญญา อันเป็นส่วนแห่งทุกข์อยู่ดี

Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
๙. อนาคตสูตรที่ ๓
....อีกประการหนึ่ง ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่อบรมปัญญา

เมื่อไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่อบรมปัญญา พระสูตรต่างๆ ที่ตถาคตได้ภาษิตไว้ เป็นสูตรลึกซึ้ง มีอรรถลึกซึ้งเป็นโลกุตระ ประกอบด้วยสุญญตาธรรม เมื่อพระสูตรเหล่านั้นอันบุคคลแสดงอยู่ก็จักไม่ฟังด้วยดี จักไม่เงี่ยโสตลงสดับ จักไม่ตั้งจิตเพื่อรู้ จักไม่ใฝ่ใจในธรรมเหล่านั้นว่าควรศึกษาเล่าเรียน

แต่ว่าสูตรต่างๆ ที่นักกวีแต่งไว้ ประพันธ์เป็นบทกวี มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะสละสลวย เป็นพาหิรกถา เป็นสาวกภาษิต เมื่อพระสูตรเหล่านั้น อันบุคคลแสดงอยู่ ก็จักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักตั้งจิตเพื่อรู้ จักฝักใฝ่ใจในธรรมเหล่านั้นว่าควรศึกษาเล่าเรียน

เพราะเหตุดังนี้แล การลบล้างวินัยย่อมมีเพราะการลบล้างธรรม การลบล้างธรรมย่อมมีเพราะการลบล้างวินัย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภัยในอนาคตข้อที่ ๔ นี้ ซึ่งยังไม่บังเกิดในบัดนี้แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป ภัยข้อนี้อันเธอทั้งหลายพึงรู้ไว้เฉพาะ ครั้นแล้ว พึงพยายามเพื่อละภัยนั้น ฯ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 27 ก.ย. 2009, 18:22, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 16:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




f54802676.gif
f54802676.gif [ 16.55 KiB | เปิดดู 4967 ครั้ง ]
ทักเข้าก็มาทันใจดีนะครับ นึกว่าประคองชานสมาบัดตกท้องร่องไปแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 17:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ส.ค. 2009, 02:28
โพสต์: 30

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Qid_000351_ans001955_25490711_1549.jpg
Qid_000351_ans001955_25490711_1549.jpg [ 16.76 KiB | เปิดดู 4949 ครั้ง ]
tongue
อ้างคำพูด:
อ้างอิงคำพูด:กรัชกาย
ปัจจัตตัง วิญญูหิ



คุณ chefin อะไรครับ "ปัจจัตตัง วิญญูหิ" ไม่ค่อยเข้าใจ อธิบายขยายความสักหน่อยนะครับ

ได้แก่อะไร :b15: :b19:



แหม...ท่านกรัชกายที่เคยสนทนาธรรมกันมานานหลายปี :b11:
ไม่ยักกะรู้ว่า บัดนี้ท่านได้แปรเปลี่ยนไป และก็เปลี่ยนไป :b13:
อะไรหนอทำให้ท่านแปรเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ติ้ก ต่อก ๆ :b4:
ใครหนอ??? ได้มีเมตตาจิตสร้างกระทู้สอนศัพท์บาลีเอาไว้ในลานธรรมจักรน๊อ..ติ้ก ต่อก ๆ
แต่น แต้น แตน :b14:
:b17: เอ้าอยากทราบว่า ปัจจัตตัง วิญญูหิ นัยยะคืออะไร?
มีท่านอาจารย์ท่านนึง ท่านเก่งค่ะคุณลองเข้าไปศึกษากับท่านเอาเองเจ้าค่ะ :b32:
ท่านยังเน้นเอาไว้อีกว่า ใครอยากทราบศัพท์คำไหนถามมาได้เจ้าค่ะ
ท่านมีเมตตา กรุณา มุฑิตา เจ้าค่ะแต่เสียดายที่ขาด อุเบกขาไปเจ้าค่ะ :b29:



http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=23002

ขอเชิญท่านตามเข้าไปศึกษาศัพท์บาลีจากท่านผู้เจริญท่านนึงเอาเองน๊ะเจ้าคะ :b35:
เจริญในธรรมเจ้าค่ะ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 17:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
แหม...ท่านกรัชกายที่เคยสนทนาธรรมกันมานานหลายปี
ไม่ยักกะรู้ว่า บัดนี้ท่านได้แปรเปลี่ยนไป และก็เปลี่ยนไป
อะไรหนอทำให้ท่านแปรเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ติ้ก ต่อก ๆ
ใครหนอ??? ได้มีเมตตาจิตสร้างกระทู้สอนศัพท์บาลีเอาไว้ในลานธรรมจักรน๊อ..ติ้ก ต่อก ๆ
แต่น แต้น แตน
เอ้าอยากทราบว่า นัยยะคืออะไร?
มีท่านอาจารย์ท่านนึง ท่านเก่งค่ะคุณลองเข้าไปศึกษากับท่านเอาเองเจ้าค่ะ
ท่านยังเน้นเอาไว้อีกว่า ใครอยากทราบศัพท์คำไหนถามมาได้เจ้าค่ะ
ท่านมีเมตตา กรุณา มุฑิตา เจ้าค่ะแต่เสียดายที่ขาด อุเบกขาไปเจ้าค่ะ



คุณยก "ปัจจัตตัง วิญญูหิ" สื่อถึงอะไร หมายความว่า ยังไง หยิบยกเอาศัพท์นั้นศัพท์นี้มาตั้งๆไว้

แล้วใครเขาจะรู้จะเข้าใจว่าคุณ chefin สื่อถึงอะไร"ปัจจัตตัง วิญญูหิ" เนี่ย

ถาม ตรงๆ ยกมาทำไม และคุณเข้าใจศัพท์นั้นว่ายังไงน่ะเออ...


อ้อ...หรือว่าจะพูด ธรรมะ หรอ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 27 ก.ย. 2009, 17:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 18:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ส.ค. 2009, 02:28
โพสต์: 30

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




av-1134.gif
av-1134.gif [ 4.93 KiB | เปิดดู 4929 ครั้ง ]
:b12:
อ้างคำพูด:
คุณยก "ปัจจัตตัง วิญญูหิ" สื่อถึงอะไร หมายความว่า ยังไง หยิบยกเอาศัพท์นั้นศัพท์นี้มาตั้งๆไว้

แล้วใครเขาจะรู้จะเข้าใจว่าคุณ chefin สื่อถึงอะไร"ปัจจัตตัง วิญญูหิ" เนี่ย

ถาม ตรงๆ ยกมาทำไม และคุณเข้าใจศัพท์นั้นว่ายังไงน่ะเออ...


อ้อ...หรือว่าจะพูด ธรรมะ หรอ


:b8: :b8: :b8:
582 ลักษณะอื่น ๆ ของคนพาล

ปัญหา คนพาลมีลักษณะอื่น ๆ อะไรอีกบ้าง ?


พุทธดำรัสตอบ
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ
พึงทราบว่าเป็นคนพาล... คือไม่เห็นโทษว่าเป็นโทษ ๑
เห็นโทษว่าเป็นโทษแล้วไม่ยอมแก้ไข ๑
เมื่อผู้อื่นชี้ให้เห็นโทษ ก็ไม่ยอมรับตามธรรม ๑....
ถามปัญหาโดยไม่รอบคอบ ๑ ตอบปัญหาโดยไม่รอบคอบ ๑
ไม่อนุโมทนา ปัญหาที่ผู้อื่นตอบอย่างรอบคอบ
ด้วยบทพยัญชนะที่เหมาะสมสละสลวยตรงประเด็น ๑....”


อัจจยสูตรและอโยนิโสสูตร ติก. อํ. (๔๔๓-๔๔๔)
ตบ. ๒๐ : ๑๓๐ ตท. ๒๐ : ๑๑๓-๑๑๗
ตอ. G.S. ๑ : ๘๙


ป่วยการสนทนากับผู้ที่มิใช่บัณฑิตเจ้าค่ะ :b22: :b32:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 05:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




00067.gif
00067.gif [ 297.78 KiB | เปิดดู 4887 ครั้ง ]
chefin เขียน:
:b12:
อ้างคำพูด:
คุณยก "ปัจจัตตัง วิญญูหิ" สื่อถึงอะไร หมายความว่า ยังไง หยิบยกเอาศัพท์นั้นศัพท์นี้มาตั้งๆไว้

แล้วใครเขาจะรู้จะเข้าใจว่าคุณ chefin สื่อถึงอะไร"ปัจจัตตัง วิญญูหิ" เนี่ย

ถาม ตรงๆ ยกมาทำไม และคุณเข้าใจศัพท์นั้นว่ายังไงน่ะเออ...


อ้อ...หรือว่าจะพูด ธรรมะ หรอ


:b8: :b8: :b8:
582 ลักษณะอื่น ๆ ของคนพาล

ปัญหา คนพาลมีลักษณะอื่น ๆ อะไรอีกบ้าง ?


พุทธดำรัสตอบ
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ
พึงทราบว่าเป็นคนพาล... คือไม่เห็นโทษว่าเป็นโทษ ๑
เห็นโทษว่าเป็นโทษแล้วไม่ยอมแก้ไข ๑
เมื่อผู้อื่นชี้ให้เห็นโทษ ก็ไม่ยอมรับตามธรรม ๑....
ถามปัญหาโดยไม่รอบคอบ ๑ ตอบปัญหาโดยไม่รอบคอบ ๑
ไม่อนุโมทนา ปัญหาที่ผู้อื่นตอบอย่างรอบคอบ
ด้วยบทพยัญชนะที่เหมาะสมสละสลวยตรงประเด็น ๑....”


อัจจยสูตรและอโยนิโสสูตร ติก. อํ. (๔๔๓-๔๔๔)
ตบ. ๒๐ : ๑๓๐ ตท. ๒๐ : ๑๑๓-๑๑๗
ตอ. G.S. ๑ : ๘๙

ป่วยการสนทนากับผู้ที่มิใช่บัณฑิตเจ้าค่ะ :b22: :b32:




เป็นสะงั้นนะขอรับคุณ chefin :b1:

ก็กรัชกายหนุ่มน้อยหน้ามนคนสบายๆสงสัยข้อเขียนคุณ chefinที่ว่า

(ผู้ที่มีฉันทะใฝ่ในธรรม เขาผู้นั้นย่อมขวนขวายมิใช่หรือเจ้าคะท่านกรัชกาย?
เหมือนเช่นที่พวกเราทุกๆคนได้กระทำอยู่ ทุกคนต้องเริ่มจากศูนย์ทั้งสิ้น
ปัจจัตตัง วิญญูหิ เจ้าค่ะ)



เห็น “ปัจจัตตัง วิญญูหิ” ที่คุณ chefin พูดไหมขอรับ

นอกนั้นกรัชกายเข้าใจว่าคนเราต้องเริ่มจากศูนย์ด้วยกันทั้งนั้น ถูกต้องตามนั้น

แต่ไม่เข้าใจ “ปัจจัตตัง วิญญูหิ” ที่คุณพูดนั่นน่ะ ว่าต้องการสื่อถึงอะไร หมายความว่าอย่างไร

คุณพูดเองคงเข้าใจ

อ้อ หรือว่าจะเป็นนกแก้วนกขุนทอง ฝึกพูดคำ "ธรรมะ" ยังไงๆ ก็ขอให้ได้พูดศัพท์ธรรมคำบาลี

เกิดปีติแล้ว เป็นฌานสมาบัติ (ตามความเข้าใจของคุณ) แล้วหรอขอรับ


ป่วยการสนทนากับผู้ที่มิใช่บัณฑิตเจ้าค่ะ



สงสัยอีกขอรับ ในเมื่อกรัชกายไม่ใช่บัณฑิต แล้วใครเป็นบัณฑิตขอรับ

ตัวคุณเอง หรือท่านเช่นนั้น :b32:

หรือ เป็นทั้งคู่ :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 28 ก.ย. 2009, 07:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 09:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 23:02
โพสต์: 530

แนวปฏิบัติ: เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุตติ ด้วยอานาปานสติ
งานอดิเรก: อ่านพระไตรปิฎก
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




img3.gif
img3.gif [ 47.47 KiB | เปิดดู 4869 ครั้ง ]
tongue
กรัชกาย เขียน:
พูดกับ คุณเช่นนั้น

ทักเข้าก็มาทันใจดีนะครับ นึกว่าประคองชานสมาบัดตกท้องร่องไปแล้ว

กรัชกาย เขียน:
พูดกับ คุณ chefin
อ้อ หรือว่าจะเป็นนกแก้วนกขุนทอง ฝึกพูดคำ "ธรรมะ" ยังไงๆ ก็ขอให้ได้พูดศัพท์ธรรมคำบาลี

เกิดปีติแล้ว เป็นฌานสมาบัติ (ตามความเข้าใจของคุณ) แล้วหรอขอรับ



ค่อนข้างผิดหวังกับคำกล่าวของคุณกรัชกายที่ส่อเสียดผู้อื่นค่ะ

คุณกรัชกายคะ
การฝึกสมาธิ แบบสัมมาสมาธิ โดยใช้ฌานเป็นบาท ตามพระธรรมเทศนา ที่ตรัสไว้ดังข้างล่างนี้
ทำไมคุณจึงคัดค้านคำสอนของพุทธองค์ในเรื่องสัมมาสมาธิล่ะคะ และพูดส่อเสียดใน "ฌานสมาบัติ"เช่นนี้ล่ะคะ


สัมมาสมาธิเป็นไฉน?


ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม

บรรลุปฐมฌาน
มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่

เธอบรรลุทุติยฌาน
มีความผ่องใสแห่งจิตในภายในเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่

เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป
บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข


เธอบรรลุจตุตถฌาน
ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่

อันนี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ

อีกประการหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงใช้ฌานสมาบัติในการตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งก็น่าจะยืนยัน
การใช้ "ฌาน" ในพระพุทธศาสนานี้นะคะ


เราก็เหมือนอย่างนั้นแล พราหมณ์ เมื่อประชาชนผู้ตกอยู่ในอวิชชา เกิดในฟองอันกระเปาะฟองหุ้มห่อไว้
ผู้เดียวเท่านั้นในโลก ได้ทำลายกระเปาะฟอง คือ อวิชชา แล้วได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยม
เรานั้นเป็นผู้เจริญที่สุด ประเสริฐที่สุดของโลก

เพราะความเพียรของเราที่ปรารภแล้วแล ไม่ย่อหย่อน สติดำรงมั่นไม่ฟั่นเฟือน กายสงบ ไม่กระสับกระส่าย
จิตตั้งมั่น มีอารมณ์เป็นหนึ่ง เรานั้นแล สงัดแล้วจากกาม สงัดแล้วจากอกุศลธรรม
ได้บรรลุปฐมฌาน
มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขซึ่งเกิดแต่วิเวกอยู่

เราได้บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิต ณ ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
เพราะวิตก วิจาร สงบไป มีปีติและสุขซึ่งเกิดแต่สมาธิอยู่

เรามีอุเบกขาอยู่ มีสติ มีสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป
ได้บรรลุตติยฌาน
ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ มีสุขอยู่ ดังนี้ อยู่.

เราได้บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัส โทมนัส
ก่อนๆ มีอุเบกขา เป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่

เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลสอ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหว อย่างนี้แล้ว ได้น้อมจิตไปเพื่อบุพเพนิวาสานุสสติญาณ


ตรัสออกจากพระโอษฐ์เองมิใช่หรือคะ
หรือ ในมหาปรินิพพานสูตร จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ ทีฆนิกาย มหาวรรค


[๑๔๔] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค
ทรงเข้าปฐมฌาน ออกจาก ปฐมฌานแล้ว
ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจาก ทุติยฌานแล้ว
ทรงเข้าตติยฌาน ออกจาก ตติยฌานแล้ว
ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจาก จตุตถฌานแล้ว
ทรงเข้าอากาสนัญจายตนะ ออกจาก อากาสนัญจายตนสมาบัติแล้ว
ทรงเข้าวิญญาณัญจายตนะ ออกจาก วิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว
ทรงเข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจาก อากิญจัญญายตนสมาบัติแล้ว
ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจาก เนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้ว
ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ฯ


ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้กล่าวถามท่านพระอนุรุทธะว่าพระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานแล้วหรือ
ท่านพระอนุรุทธะตอบว่าอานนท์ผู้มีอายุ พระผู้มีพระภาคยังไม่เสด็จปรินิพพาน ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ฯ


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ
ออกจาก เนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าอากิญจัญญายตนะ
ออกจาก อากิญจัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้า วิญญาณัญจายตนะ
ออกจาก วิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้า อากาสานัญจายตนะ
ออกจาก อากาสนัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน
ออกจาก จตุตถฌานแล้ว ทรงเข้า ตติยฌาน ออกจาก ตติยฌานแล้ว ทรงเข้า ทุติยฌาน
ออกจาก ทุติยฌานแล้ว ทรงเข้า ปฐมฌาน ออกจาก ปฐมฌานแล้ว ทรงเข้า ทุติยฌาน
ออกจาก ทุติยฌานแล้ว ทรงเข้า ตติยฌาน ออกจาก ตติยฌานแล้ว ทรงเข้า จตุตถฌาน
พระผู้มีพระภาคออกจาก จตุตถฌานแล้ว
เสด็จปรินิพพานในลำดับ


tongue เจริญในธรรมค่ะ

.....................................................


ผลกล้วยแลย่อมฆ่าต้นกล้วย
ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่
ขุยอ้อย่อมฆ่าต้นอ้อ
สักการะย่อมฆ่าบุรุษชั่ว
เหมือนลูกในท้องฆ่าแม่ม้าอัสดร ฉะนั้น ฯ



:b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41:


แก้ไขล่าสุดโดย กระบี่ไร้เงา เมื่อ 28 ก.ย. 2009, 09:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 11:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ส.ค. 2009, 02:28
โพสต์: 30

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




71.gif
71.gif [ 13.4 KiB | เปิดดู 4852 ครั้ง ]
:b8: :b8: :b8:
ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านกระบี่ไร้เงา
ที่นำพระธรรมขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้ามาแสดงเจ้าค่ะ :b8: :b8:

อนุสัยกิเลสของมนุษย์ยากแท้ถ่ายถอนเจ้าค่ะ
ก็คงทำได้เพียงอโหสิกรรมให้แก่กันและกันเจ้าค่ะ
เพราะ บัณฑิตย่อมไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น ฉะนั้นเป็นการไม่ควรที่จะสนทนาด้วยต่อไป
อันตรายเจ้าค่ะ มีแต่จะพอกพูนกิเลส พอกพูนอกุศลให้แด่ผู้ที่มีสักกายะทิฐิสูง
จะมีเวรต่อกันและกันเสียปล่าวๆ ดิฉันเพียงพิมพ์บทสวดไม่ครบดู
คำว่า ปัจจัตตัง วิญญูหิ แท้ที่จริงจะต้องเป็น ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ
ผู้ที่ชื่อว่าบัณฑิต เมื่อเห็นข้อผิดพลาดของผู้อื่น
เขาจะแนะนำตักเตือนเหมือนเช่นที่ท่านกระบี่ไร้นามได้แสดงอยู่เจ้าค่ะ :b8:
แต่ผู้ที่มิใช่บัณฑิต จึงแสดงอาการของคนพาลออกมาด้วยการส่อเสียด
เพราะสักกายะทิฐิที่หนาเกินบรรยาย :b9: เลยยกตนข่มผู้อื่น
:b3: น่าเสียดายความรู้เจ้าค่ะ กลายเป็นเตี้ยอุ้มค่อมไปเสีย :b12:

เพียงแค่พูดส่อเสียดเขาย่อมทำได้เจ้าค่ะ ผู้ที่ขาดหิริโอตัปปะ ย่อมทำได้ทุกอย่าง :b35:
ยามเมื่อกิเลสหรือตัวโทโสโผล่ :b17: ดั่งเช่นพระธรรมถึกถูกสมเด็จโตท่านแสดงธรรม
ทนมิได้เลยกระโถนลอยตกใส่เสาดังโพล๊ะ ตัวโทโสนี่มันแรงเจ้าค่ะ :b13:
ขนาดพระธรรมของพระศาสดา เขายังเรียกว่า ท่อนซุงได้เลยเจ้าค่ะ
บอกว่าท่านเช่นนั้น ยกบาลีมาทั้งดุ้น อย่างนี้
แต่ละคำที่ผุดออกมาจากปากคุณกรัชกาย
เราและสมาชิคท่านอื่นที่ได้ติดตามย่อมเห็นธาตุแท้ของเขาแล้วเจ้าค่ะ :b11:
เราย่อมรู้ที่ไปของมนุษย์ผู้นี้อยู่ว่าเมื่อถึงเวลาที่ไปเบื้องหน้าคือที่ใด
น่าสงสารเจ้าค่ะ ควรช่วยกันแผ่เมตตาให้เห็นควรกว่าเจ้าค่ะ

อ้อ..ดิฉันสวดบทพุทธคุณหรือ อิติปิโส เป็นคำบริกรรม
และระลึกถึงปฏิปทา พระเมตตาธิคุณของพระสมณโคดมเป็นสรณะตลอดเวลา
เพียงแค่ประโยค ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ช่วยทำสัญญาขันธ์ใหม่เจ้าค่ะ
ว่ามิใช่การลืม แต่ต้องการพิมพ์ออกมาแบบนั้น เพราะเข้าใจว่าในนี้มีอาจารย์ที่เก่งบาลีอยู่ :b12:
ส่วนนัยยะอะไร ถ้าไม่รู้ดิฉันคงสวดบทพุทธคุณอยู่เสมอมิได้หรอกเจ้าค่ะ
คนอะไร หมิ่นพระธรรมของพระศาสดาแต่นำพระธรรมของศาสนามาปรุงแต่งสอนคนอื่น
เฮ้อ...น่าสงสาร หมิ่นฌาน เอายายเฉิ่มมาแต่งเป็นนิทานตลกขบขัน
แต่นำ ฌาน จากพระธรรมของพระสมณโคดมมาสอนผู้อื่น :b23: :b13:
ถ้าใครต้องการทัศนากระทู้นี้ของคุณกรัชกายก็เชิญนะเจ้าคะ
จะได้ทราบว่าแท้จริงแล้วคุณกรัชกายมีธาตุแท้เช่นไร ปฏิเสธฌานแต่กระทู้นี้ :b5:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=18652
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 12:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กระบี่ไร้เงา เขียน:
tongue
กรัชกาย เขียน:
พูดกับ คุณเช่นนั้น

ทักเข้าก็มาทันใจดีนะครับ นึกว่าประคองชานสมาบัดตกท้องร่องไปแล้ว

กรัชกาย เขียน:
พูดกับ คุณ chefin
อ้อ หรือว่าจะเป็นนกแก้วนกขุนทอง ฝึกพูดคำ "ธรรมะ" ยังไงๆ ก็ขอให้ได้พูดศัพท์ธรรมคำบาลี

เกิดปีติแล้ว เป็นฌานสมาบัติ (ตามความเข้าใจของคุณ) แล้วหรอขอรับ



ค่อนข้างผิดหวังกับคำกล่าวของคุณกรัชกายที่ส่อเสียดผู้อื่นค่ะ

คุณกรัชกายคะ
การฝึกสมาธิ แบบสัมมาสมาธิ โดยใช้ฌานเป็นบาท ตามพระธรรมเทศนา ที่ตรัสไว้ดังข้างล่างนี้
ทำไมคุณจึงคัดค้านคำสอนของพุทธองค์ในเรื่องสัมมาสมาธิล่ะคะ และพูดส่อเสียดใน "ฌานสมาบัติ"เช่นนี้ล่ะคะ


สัมมาสมาธิเป็นไฉน?


ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม

บรรลุปฐมฌาน
มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่

เธอบรรลุทุติยฌาน
มีความผ่องใสแห่งจิตในภายในเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่

เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป
บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข


เธอบรรลุจตุตถฌาน
ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่

อันนี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ

อีกประการหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงใช้ฌานสมาบัติในการตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งก็น่าจะยืนยัน
การใช้ "ฌาน" ในพระพุทธศาสนานี้นะคะ


เราก็เหมือนอย่างนั้นแล พราหมณ์ เมื่อประชาชนผู้ตกอยู่ในอวิชชา เกิดในฟองอันกระเปาะฟองหุ้มห่อไว้
ผู้เดียวเท่านั้นในโลก ได้ทำลายกระเปาะฟอง คือ อวิชชา แล้วได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยม
เรานั้นเป็นผู้เจริญที่สุด ประเสริฐที่สุดของโลก

เพราะความเพียรของเราที่ปรารภแล้วแล ไม่ย่อหย่อน สติดำรงมั่นไม่ฟั่นเฟือน กายสงบ ไม่กระสับกระส่าย
จิตตั้งมั่น มีอารมณ์เป็นหนึ่ง เรานั้นแล สงัดแล้วจากกาม สงัดแล้วจากอกุศลธรรม
ได้บรรลุปฐมฌาน
มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขซึ่งเกิดแต่วิเวกอยู่

เราได้บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิต ณ ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
เพราะวิตก วิจาร สงบไป มีปีติและสุขซึ่งเกิดแต่สมาธิอยู่

เรามีอุเบกขาอยู่ มีสติ มีสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป
ได้บรรลุตติยฌาน
ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ มีสุขอยู่ ดังนี้ อยู่.

เราได้บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัส โทมนัส
ก่อนๆ มีอุเบกขา เป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่

เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลสอ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหว อย่างนี้แล้ว ได้น้อมจิตไปเพื่อบุพเพนิวาสานุสสติญาณ


ตรัสออกจากพระโอษฐ์เองมิใช่หรือคะ
หรือ ในมหาปรินิพพานสูตร จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ ทีฆนิกาย มหาวรรค


[๑๔๔] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค
ทรงเข้าปฐมฌาน ออกจาก ปฐมฌานแล้ว
ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจาก ทุติยฌานแล้ว
ทรงเข้าตติยฌาน ออกจาก ตติยฌานแล้ว
ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจาก จตุตถฌานแล้ว
ทรงเข้าอากาสนัญจายตนะ ออกจาก อากาสนัญจายตนสมาบัติแล้ว
ทรงเข้าวิญญาณัญจายตนะ ออกจาก วิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว
ทรงเข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจาก อากิญจัญญายตนสมาบัติแล้ว
ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจาก เนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้ว
ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ฯ


ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้กล่าวถามท่านพระอนุรุทธะว่าพระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานแล้วหรือ
ท่านพระอนุรุทธะตอบว่าอานนท์ผู้มีอายุ พระผู้มีพระภาคยังไม่เสด็จปรินิพพาน ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ฯ


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ
ออกจาก เนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าอากิญจัญญายตนะ
ออกจาก อากิญจัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้า วิญญาณัญจายตนะ
ออกจาก วิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้า อากาสานัญจายตนะ
ออกจาก อากาสนัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน
ออกจาก จตุตถฌานแล้ว ทรงเข้า ตติยฌาน ออกจาก ตติยฌานแล้ว ทรงเข้า ทุติยฌาน
ออกจาก ทุติยฌานแล้ว ทรงเข้า ปฐมฌาน ออกจาก ปฐมฌานแล้ว ทรงเข้า ทุติยฌาน
ออกจาก ทุติยฌานแล้ว ทรงเข้า ตติยฌาน ออกจาก ตติยฌานแล้ว ทรงเข้า จตุตถฌาน
พระผู้มีพระภาคออกจาก จตุตถฌานแล้ว
เสด็จปรินิพพานในลำดับ


tongue เจริญในธรรมค่ะ





อ้างคำพูด:
ค่อนข้างผิดหวังกับคำกล่าวของคุณกรัชกายที่ส่อเสียดผู้อื่นค่ะ



ขอโทษครับที่ทำให้คุณกระบี่ ฯ ผิดหวัง :b8:

กรัชกายไม่เคยหวังว่าจะทำให้คนสมหวังได้ทุกคนครับ

แม้แต่พระพุทธเจ้ายังทำไมได้ จะกล่าวไปใยคนอย่างกรัชกายเล่า :b1:



อ้างคำพูด:
คุณกรัชกายคะ
การฝึกสมาธิ แบบสัมมาสมาธิ โดยใช้ฌานเป็นบาท ตามพระธรรมเทศนา ที่ตรัสไว้ดังข้างล่างนี้
ทำไมคุณจึงคัดค้านคำสอนของพุทธองค์ในเรื่องสัมมาสมาธิล่ะคะ และพูดส่อเสียดใน "ฌานสมาบัติ"เช่นนี้ล่ะคะ




ครับผม

กรัชกายไม่ได้คัดค้านฌานสมาบัติอย่างที่พระพุทธเจ้าเป็นต้นใช้

แต่ที่คุณเช่นนั้นว่า ฟังเทศน์แล้วปลื้มใจเกิดปีติขนลุกแล้วว่า เป็นฌานสมาบัติอันนี้ต่างหากที่กรัชกาย

ไม่เห็นด้วย

ถึงไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้ค้าน

กลับยุส่งว่าทำไปเลย ทำไปจนตายกันไปข้างหนึ่ง เห็นไหมครับไม่ได้ค้านไม่ได้ห้าม

อยากทำก็ทำไป

คุณเช่นนั้นต่างหากครับ ที่ห้ามคนอื่น คุณกระบี่ฯ ดูย้อนกลับไปสิครับ

แล้วจะเห็นว่าใครห้ามใคร :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 13:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


chefin เขียน:
:b8: :b8: :b8:
ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านกระบี่ไร้เงา
ที่นำพระธรรมขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้ามาแสดงเจ้าค่ะ :b8: :b8:

อนุสัยกิเลสของมนุษย์ยากแท้ถ่ายถอนเจ้าค่ะ
ก็คงทำได้เพียงอโหสิกรรมให้แก่กันและกันเจ้าค่ะ
เพราะ บัณฑิตย่อมไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น ฉะนั้นเป็นการไม่ควรที่จะสนทนาด้วยต่อไป
อันตรายเจ้าค่ะ มีแต่จะพอกพูนกิเลส พอกพูนอกุศลให้แด่ผู้ที่มีสักกายะทิฐิสูง
จะมีเวรต่อกันและกันเสียปล่าวๆ ดิฉันเพียงพิมพ์บทสวดไม่ครบดู
คำว่า ปัจจัตตัง วิญญูหิ แท้ที่จริงจะต้องเป็น ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ
ผู้ที่ชื่อว่าบัณฑิต เมื่อเห็นข้อผิดพลาดของผู้อื่น
เขาจะแนะนำตักเตือนเหมือนเช่นที่ท่านกระบี่ไร้นามได้แสดงอยู่เจ้าค่ะ :b8:
แต่ผู้ที่มิใช่บัณฑิต จึงแสดงอาการของคนพาลออกมาด้วยการส่อเสียด
เพราะสักกายะทิฐิที่หนาเกินบรรยาย :b9: เลยยกตนข่มผู้อื่น
:b3: น่าเสียดายความรู้เจ้าค่ะ กลายเป็นเตี้ยอุ้มค่อมไปเสีย :b12:

เพียงแค่พูดส่อเสียดเขาย่อมทำได้เจ้าค่ะ ผู้ที่ขาดหิริโอตัปปะ ย่อมทำได้ทุกอย่าง :b35:
ยามเมื่อกิเลสหรือตัวโทโสโผล่ :b17: ดั่งเช่นพระธรรมถึกถูกสมเด็จโตท่านแสดงธรรม
ทนมิได้เลยกระโถนลอยตกใส่เสาดังโพล๊ะ ตัวโทโสนี่มันแรงเจ้าค่ะ :b13:
ขนาดพระธรรมของพระศาสดา เขายังเรียกว่า ท่อนซุงได้เลยเจ้าค่ะ
บอกว่าท่านเช่นนั้น ยกบาลีมาทั้งดุ้น อย่างนี้
แต่ละคำที่ผุดออกมาจากปากคุณกรัชกาย
เราและสมาชิคท่านอื่นที่ได้ติดตามย่อมเห็นธาตุแท้ของเขาแล้วเจ้าค่ะ :b11:
เราย่อมรู้ที่ไปของมนุษย์ผู้นี้อยู่ว่าเมื่อถึงเวลาที่ไปเบื้องหน้าคือที่ใด
น่าสงสารเจ้าค่ะ ควรช่วยกันแผ่เมตตาให้เห็นควรกว่าเจ้าค่ะ

อ้อ..ดิฉันสวดบทพุทธคุณหรือ อิติปิโส เป็นคำบริกรรม
และระลึกถึงปฏิปทา พระเมตตาธิคุณของพระสมณโคดมเป็นสรณะตลอดเวลา
เพียงแค่ประโยค ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ช่วยทำสัญญาขันธ์ใหม่เจ้าค่ะ
ว่ามิใช่การลืม แต่ต้องการพิมพ์ออกมาแบบนั้น เพราะเข้าใจว่าในนี้มีอาจารย์ที่เก่งบาลีอยู่ :b12:
ส่วนนัยยะอะไร ถ้าไม่รู้ดิฉันคงสวดบทพุทธคุณอยู่เสมอมิได้หรอกเจ้าค่ะ
คนอะไร หมิ่นพระธรรมของพระศาสดาแต่นำพระธรรมของศาสนามาปรุงแต่งสอนคนอื่น
เฮ้อ...น่าสงสาร หมิ่นฌาน เอายายเฉิ่มมาแต่งเป็นนิทานตลกขบขัน
แต่นำ ฌาน จากพระธรรมของพระสมณโคดมมาสอนผู้อื่น :b23: :b13:
ถ้าใครต้องการทัศนากระทู้นี้ของคุณกรัชกายก็เชิญนะเจ้าคะ
จะได้ทราบว่าแท้จริงแล้วคุณกรัชกายมีธาตุแท้เช่นไร ปฏิเสธฌานแต่กระทู้นี้ :b5:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=18652




อ้างคำพูด:
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ


ไส่ เวทิตัพโพ มาก็ถาม

ความเดิม คุณ chefin


(ผู้ที่มีฉันทะใฝ่ในธรรม เขาผู้นั้นย่อมขวนขวายมิใช่หรือเจ้าคะท่านกรัชกาย?
เหมือนเช่นที่พวกเราทุกๆคนได้กระทำอยู่ ทุกคนต้องเริ่มจากศูนย์ทั้งสิ้น
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ เจ้าค่ะ)



ใส่ให้แล้วครับ “ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ”

ถามคำถามเดิมนั่นแหละ

อ้อ...

นี่คำตอบคุณนะครับ =>

อ้างคำพูด:

อ้อ..ดิฉันสวดบทพุทธคุณหรือ อิติปิโส เป็นคำบริกรรม

และระลึกถึงปฏิปทา พระเมตตาธิคุณของพระสมณโคดมเป็นสรณะตลอดเวลา

เพียงแค่ประโยค ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ช่วยทำสัญญาขันธ์ใหม่เจ้าค่ะ

ว่ามิใช่การลืม แต่ต้องการพิมพ์ออกมาแบบนั้น เพราะเข้าใจว่าในนี้มีอาจารย์ที่เก่งบาลีอยู่



เพียงแค่ประโยค ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ช่วยทำสัญญาขันธ์ใหม่เจ้าค่ะ

ว่ามิใช่การลืม แต่ต้องการพิมพ์ออกมาแบบนั้น เพราะเข้าใจว่าในนี้มีอาจารย์ที่เก่งบาลีอยู่


อ๋อ...หรอ

ไม่ใช่ลืม แต่มีเจตนาพิมพ์อย่างนั้น ด้วยเห็นว่า มีคนเก่งบาลีอยู่ว่างั้นเถอะ :b9:

คุณ chefin เคยไปภาคใต้ไหมขอรับ เขานิยมปลูกสะตอ กัน :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 13:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




2%20%28118%29.gif
2%20%28118%29.gif [ 15.15 KiB | เปิดดู 4820 ครั้ง ]
กรัชกายว่า เราทั้งหมดมีคุณเช่นนั้น คุณchefin และคุณกระบี่ ฯ ไปสนทนากันที่นี่ดีกว่าครับ


http://www.free-webboard.com/look.php?n ... ati&qid=34

ตรงนี้กรัชกายยังเกรงๆ ใจ admin อยู่

ที่นั่นเสรีทางความคิดครับ :b20:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 28 ก.ย. 2009, 13:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 15:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ตรงนี้กรัชกายยังเกรงๆ ใจ admin อยู่
ที่นั่นเสรีทางความคิดครับ :b20:


อิอิ กรัชกายซัง จ๊ะเอ๋ !

พูดอะไรออกมา รู้ตัวหรือเปล่า :b17: :b17:

"ที่นั่นเสรีทางความคิดครับ" 555

แล้วลานนี้ กรัชกายซัง สวมหน้ากากพูดตลอดหรือครับ
ใครห้ามกรัชกายซัง ไม่ให้แสดงความคิดครับ

ลานนี้ก็เปิดกว้าง มากๆ ไม่ใช่หรือครับ

แสดงธรรมผิด แล้วไม่ยอมรับหรือครับ ชิ่งหนี ไปไหนกันครับ :b4: :b4:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 17:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ตรงนี้กรัชกายยังเกรงๆ ใจ admin อยู่
ที่นั่นเสรีทางความคิดครับ :b20:


อิอิ กรัชกายซัง จ๊ะเอ๋ !

พูดอะไรออกมา รู้ตัวหรือเปล่า :b17: :b17:

"ที่นั่นเสรีทางความคิดครับ" 555

แล้วลานนี้ กรัชกายซัง สวมหน้ากากพูดตลอดหรือครับ
ใครห้ามกรัชกายซัง ไม่ให้แสดงความคิดครับ

ลานนี้ก็เปิดกว้าง มากๆ ไม่ใช่หรือครับ

แสดงธรรมผิด แล้วไม่ยอมรับหรือครับ ชิ่งหนี ไปไหนกันครับ :b4: :b4:


ผิดตรงไหนหรือครับ ท่านเช่นนั้นอะโป๊ะกรุณาบอกรายละเอียดด้วยครับ

ซิ่งหนีหรือครับ :b32: เปล่าเลยครับ ไม่มีเจตนาชิ่งหนีอะไร เพราะไม่มีอะไรน่าวิตก

แต่ต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง

ไปเลยครับทั้งสามคนนั่นแหละ กรัชกายตั้งกระทู้รอไว้แล้ว แล้วจะได้ใช้คำพูดให้พอเหมาะพอดีกับ

บางคนด้วย

เมื่อรู้แน่นอนแล้ว กลับมาที่เดิมอีกก็ได้ท่านเช่นนั้นอะโป๊ะ :b9:



เชิญคุณเช่นนั้นก่อนเลย คลิกเลยครับ ไปดูนิทานเรื่อง"ยายเฉิ่มประคองอุปาทาน" จนตกนรก


http://www.free-webboard.com/look.php?n ... ati&qid=34

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 28 ก.ย. 2009, 17:29, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 17:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ผิดตรงไหนหรือครับ ท่านเช่นนั้นอะโป๊ะกรุณาบอกรายละเอียดด้วยครับ
ซิ่งหนีหรือครับ
เปล่าเลยครับ ไม่มีเจตนาชิ่งหนีอะไร เพราะไม่มีอะไรน่าวิตก
แต่ต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง


:b12: :b12: กรัชกายซัง คงลืมไปอีกแระ ว่าเขียนอะไร
กรัชกายซัง ก็ย้อนนนนนนนนนนนนนน กลับไปดูสิ่งที่กรัชกายซังเติมแต่ง ที่แล้วๆๆๆๆๆ มา

และถ้าต้องการพิสูจน์อะไร เว็ปนี้ก็เปิดกว้างครับ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ :b17: :b17:

ชาวเว็ปไม่ใช่ ตำรวจครับ ต้องคอยไล่จับผู้ร้าย :b13: :b13:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 28 ก.ย. 2009, 17:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 18:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




m207925.jpg
m207925.jpg [ 185.2 KiB | เปิดดู 4665 ครั้ง ]
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ผิดตรงไหนหรือครับ ท่านเช่นนั้นอะโป๊ะกรุณาบอกรายละเอียดด้วยครับ
ซิ่งหนีหรือครับ
เปล่าเลยครับ ไม่มีเจตนาชิ่งหนีอะไร เพราะไม่มีอะไรน่าวิตก
แต่ต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง


:b12: :b12: กรัชกายซัง คงลืมไปอีกแระ ว่าเขียนอะไร
กรัชกายซัง ก็ย้อนนนนนนนนนนนนนน กลับไปดูสิ่งที่กรัชกายซังเติมแต่ง ที่แล้วๆๆๆๆๆ มา

และถ้าต้องการพิสูจน์อะไร เว็ปนี้ก็เปิดกว้างครับ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ :b17: :b17:

ชาวเว็ปไม่ใช่ ตำรวจครับ ต้องคอยไล่จับผู้ร้าย :b13: :b13:



ผู้ใช้นามว่า กระบี่ ฯ , chefin มา "เช่นนั้น" หาย ต้องเรียกหา

"เช่นนั้น" มา สองชื่อข้างต้นหาย

อยากพิสูจน์ตรงนี้ว่า มีตัวตนกี่คน

หากบริสุทธิ์ใจในการสนทนา เชิญที่นี่ ทั้งสามชื่อครับ

เช่นนั้นแสดงความบริสุทธิ์ใจก่อนเลย :b1:

http://www.free-webboard.com/look.php?n ... ati&qid=34

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 01 ต.ค. 2009, 18:20, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 189 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร