วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 19:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 201 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 18:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Hor_Thum_at_CMU.jpg
Hor_Thum_at_CMU.jpg [ 49.58 KiB | เปิดดู 4468 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
เมื่อคืนนี้ทั้งตอนเดินจงกรมและตอนนั่ง ง่วงนอนมากเลยค่ะ จะหลับให้ได้ ถ้าปล่อยให้หลับก็คงหลับแน่ ๆ ค่ะ



คุณรินจำหลักไว้ เอาไว้ช่วยปรับแก้ด้วยตนเองในขณะนั้นๆ

กล่าวคือจงกรมจากระยะที่ ๑-๓ ใช้เดินกระตุ้นจิตหรือปลุกจิต หรือปรับเพิ่มอินทรีย์คือวิริยะ

พูดง่ายๆว่า วิริยะแก้ง่วง

ระยะที่ ๔-๖ เพิ่มเสริมสมาธิ สมาธิทำให้จิตไม่คล่องตัว

พูดให้เห็นภาพเหมือนเรากำหมัด จะบีบๆ รัดๆ จึงมักง่วงง่าย



พอดีกรัชกายเพิ่มระยะ ๖ ให้คุณ จึงเท่ากับ เน้นเพิ่มสมาธิ นี่อย่างหนึ่ง

อีกอย่างหนึ่ง พอดีที่ผ่านๆมา อารมณ์ขุ่นมัวที่เป็นขยะที่คุณเผชิญแล้วก้าวผ่านมาลดลง เหลือน้อย

แล้ว ก็เข้าสู่ด้านที่แข็งและหินขึ้นอีกหน่อย :b1:

ต่อนี้ไปคุณคงต้องสู้กับนิวรณ์ทั้งหลายแล้วล่ะ


หรือ คุณจะยอมแพ้ :b22:


กรัชกายเจอมาแล้วยากพอสมควร เคยนั่งหัวพิงหลับคาข้างฝามาแล้ว กว่าจะผ่านไปได้ก็เอาการอยู่

จะแนะนำวิธีแก้ง่ายๆ ผิวเผินอย่างที่พูดๆกันก็ได้ เช่น ลุกขึ้นเดินเสีย หรือนอนเสีย เอาน้ำลูบหน้า

เสีย หากเป็นผู้ชายก็ไปอัดบุหรี่สักมวน แล้วก็หาย

หรือนึกถึงแสงสว่างๆ อะไรจำพวกเนี่ย ก็ได้ แต่เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ไม่ใช่แก้ที่ต้นเหตุ

จึงไม่แนะนำ


อ้างคำพูด:
วันนี้เดินจงกรมก็ง่วงอีก เลยหลับไปประมาณ 40 นาที
ล้างหน้าเสร็จกลับมาเดินใหม่ ผ่านไป 4-5 นาที ก็ง่วงอีก เลยมาขอคำแนะนำค่ะ น่าอายจัง

จะว่าเป็นเพราะนอนไม่พอก็ไม่น่าใช่นะคะ เพราะนอนตั้ง 7-8 ชั่วโมง หรือเป็นเพราะนอนมากไป
หรือเพราะเมื่อวานก่อนปฏิบัติทานข้าวมากไป ทานเสร็จสักครู่หนึ่งก็เดินจงกรมเลย (ตอนกลางวันทานข้าวนิดเดียว ตอนเย็นเลยหิวค่ะ)
ภาวนาว่า "ง่วงหนอ ๆๆ" ก็ไม่หายง่วงค่ะ



ไม่ใช่สิ่งที่น่าอายครับ :b16:

แต่เป็นเรื่องท้าทาย น่าทดลองค้นคว้าแสวงหาธรรมะ ณ ภายในกายใจนี้แหละ

ยิ่งมีอุปสรรค ก็ยิ่งทำให้จิตใจเข็มแข็ง ได้เรียนรู้ธรรม แล้วจะเข้าใจธรรมะ

เกิดศรัทธาในธรรมโดยไม่ต้องผ่านจากผู้อื่น



ต่อไปเป็นคำแนะนำ

เมื่อเดินจงกรมระยะที่ ๖ ง่วงมากมาย เดินก็ยังง่วงจะหลับให้ได้

ก็ลดระดับจงกรมลงที่ระยะต่ำๆ อย่างที่บอกข้างบน เช่น ระยะที่๑ หรือ ๒ หรือ ๓ หรือ เดินรวมๆ กัน

ก็ได้ แก้สถานการณ์เองได้เลย

เมื่อคลายๆหายง่วงบ้างแล้ว ก็เดินระยะสูงอีก

เมื่อง่วงมากมายอีก ก็เดินระยะต่ำอีก ฯล ฯ นี่คือวิธีการเล่นกับจิต เล่นกับความคิด

หนุกจะตาย

เมื่อเดินครบเวลาที่ตั้งใจไว้ 50 นาที ก็นั่งกำหนดกรรมฐาน พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ

ถูกหนอ กำหนดไปตามเหตุที่เกิด

เมื่อรู้สึกว่าง่วงกำหนดที่ความรู้สึกง่วงนั้นเลย “ง่วงหนอๆๆๆ” กำหนดแล้วปล่อย ไปเกาะ

จับพอง ยุบ กำหนดต่อไป


อย่างนั้นแหละ ก่อนนั่งตั้งใจไว้เลยว่า เมื่อยังไม่ถึง 50 นาที จะไม่ลุกจากที่นั่ง

กำหนดไปเท่าที่ตามความง่วงทัน

แต่เมื่อเป็นเหตุสุดวิสัย ตามอาการง่วงไม่ทัน หลับไปโดยไม่รู้ตัว ก็ให้นั่งหลับอยู่ตรงนั้นแหละ

รู้สึกตัวขึ้นมายังไม่ครบเวลา 50 นาที กำหนด พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ ถูกหนอ ต่อไปอีก

จนครบเวลา เหยียดแข้งเหยียดขา นึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น หาวิธีแก้ไขจุดบกหร่อง

ยังไม่ดึกเกินไป ก็เดินอีกก่อนแล้วค่อยพักผ่อนก็ได้ หากทำตอนกลางคืน

คนเก่งใจสู้อย่างคุณริน เชื่อว่าผ่านได้ไม่ยาก



อ้างคำพูด:
เดินจงกรมระยะที่ 6 แรก ๆ ก็ไม่ค่อยคล่องค่ะ นานไปก็คล่องขึ้น และเดินไวขึ้นเอง
รวมถึงเดินจงกรมวันที่ผ่าน ๆ มาด้วยค่ะ พอคล่องแล้วก็เดินไวขึ้นเอง
ควรเดินให้ช้าลงหรือปล่อยให้เป็นอย่างนี้ดีคะ



เร็วหรือช้าไม่สู้กระไรนัก แต่พึงเห็นการเคลื่อนไหวกายแต่ละระยะๆ ชัด

สาธุในวิริยะอุตสาหะ :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 22 ก.ย. 2009, 19:51, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 20:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ :b8:



กรัชกาย เขียน:
ต่อนี้ไปคุณคงต้องสู้กับนิวรณ์ทั้งหลายแล้วล่ะ


หรือ คุณจะยอมแพ้ :b22:



คืนนี้เอาใหม่ค่ะ



กรัชกาย เขียน:
อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา

บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน



ย้ำเตือนทันเวลาพอดีนะคะ :b8:
( :b12: )

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


แก้ไขล่าสุดโดย รินรส เมื่อ 22 ก.ย. 2009, 20:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 19:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อคืนนี้เดินจงกรมระยะที่ 1-3 วนอยู่ 2 รอบค่ะ
(ไม่กล้าเดินระยะที่สูงกว่านี้ค่ะ กลัวง่วงมากกว่านี้)
พอเริ่มง่วงก็เปลี่ยนระยะ ง่วงหนักเข้าก็เปลี่ยนระยะอีก
หยุดยืนพิงโต๊ะแล้วเอามือยันโต๊ะไว้ตั้งหลายครั้งด้วยค่ะ
(แต่ตอนง่วงกับตอนยืนพิงโต๊ะยังกำหนดง่วงหนอได้อยู่ค่ะ)
ตอนเดิน ไม่ค่อยได้ยินเสียงเท่าไหร่ (มีเสียงแต่ไม่ได้ยิน
เพราะปกติมีรถผ่านไปมาตลอดอยู่แล้ว ทั้งกลางวันกลางคืน) และรู้สึกชัดว่าพื้นแข็งและเย็นค่ะ

พอมานั่ง กำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก ได้ 10 นาที ก็ง่วงขนาดหนักจนต้องนั่งหลับที่โต๊ะญี่ปุ่น
ก่อนจะหลับยังกำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก ได้สักครู่หนึ่ง ถึงจะหลับค่ะ
รวมเวลาได้ 24 นาที จึงตื่น (ดูนาฬิกาค่ะ อยากรู้ว่าแต่ละช่วงนานเท่าไหร่)
ตื่นขึ้นมากำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก อีก 16 นาที
ช่วงที่นั่งทั้งก่อนหลับและตื่นแล้ว จะสงบขั้นที่ได้ยินเสียงแต่ไม่รำคาญ และตัวตรงนิ่ง ไม่มีนิมิตอะไรค่ะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 19:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รินรส เขียน:
เมื่อคืนนี้เดินจงกรมระยะที่ 1-3 วนอยู่ 2 รอบค่ะ
(ไม่กล้าเดินระยะที่สูงกว่านี้ค่ะ กลัวง่วงมากกว่านี้)
พอเริ่มง่วงก็เปลี่ยนระยะ ง่วงหนักเข้าก็เปลี่ยนระยะอีก
หยุดยืนพิงโต๊ะแล้วเอามือยันโต๊ะไว้ตั้งหลายครั้งด้วยค่ะ
(แต่ตอนง่วงกับตอนยืนพิงโต๊ะยังกำหนดง่วงหนอได้อยู่ค่ะ)
ตอนเดิน ไม่ค่อยได้ยินเสียงเท่าไหร่ (มีเสียงแต่ไม่ได้ยิน
เพราะปกติมีรถผ่านไปมาตลอดอยู่แล้ว ทั้งกลางวันกลางคืน) และรู้สึกชัดว่าพื้นแข็งและเย็นค่ะ

พอมานั่ง กำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก ได้ 10 นาที ก็ง่วงขนาดหนักจนต้องนั่งหลับที่โต๊ะญี่ปุ่น
ก่อนจะหลับยังกำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก ได้สักครู่หนึ่ง ถึงจะหลับค่ะ
รวมเวลาได้ 24 นาที จึงตื่น (ดูนาฬิกาค่ะ อยากรู้ว่าแต่ละช่วงนานเท่าไหร่)
ตื่นขึ้นมากำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก อีก 16 นาที
ช่วงที่นั่งทั้งก่อนหลับและตื่นแล้ว จะสงบขั้นที่ได้ยินเสียงแต่ไม่รำคาญ และตัวตรงนิ่ง ไม่มีนิมิตอะไรค่ะ



ก่อนจะหลับยังกำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก ได้สักครู่หนึ่ง ถึงจะหลับค่ะ


ทั้งหมดรวมเวลาแล้ว 50 นาทีตามที่ตั้งใจไว้นะครับ

ก่อนที่ว่า จะหลับไปก็ยังกำหนด พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ ถูกหนอ ได้ตามปกติ คือ รู้เห็น

พองยุบเป็นต้นชัดอยู่ กำหนดแล้วๆก็หลับไป อย่างนี้นะครับ

คืนนี้ทดลองใหม่ครับ เพิ่มเวลาขึ้นไปอีก 5 นาที เป็น 55 นาที เดินระยะต่ำๆอย่างนั้นแหละ

แต่ระยะที่ ๑ มากหน่อยก็ไม่เป็นไร

สาธุครับ :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(เมื่อคืนนี้ไม่ได้ปฏิบัติเพราะมีอุปสรรคบางประการค่ะ
เช้าวันนี้เดินจงกรมได้ 25 นาที เกิดอาการง่วงหนักจนต้องหยุดนอนหลับ
หลับไปประมาณ 50 นาที พอตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้เดินหรือนั่งต่อค่ะ)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

คืนนี้เดินจงกรมระยะที่ 1-3 มีง่วงนิดหน่อยค่ะ แค่พอรู้สึกว่าง่วงอยู่ 3-4 ครั้ง
เลยไม่ได้หยุดเดินแล้วมานอน

ตอนนั่งตัวตรงนิ่ง มีความสุขแบบเย็น ๆ อยู่หลายครั้ง ครั้งละประมาณ 4-5 นาทีค่ะ
(เหมือนดิ่งลงในความสุขเย็น) มีความสุขจนยิ้มออกมาเลยค่ะ แต่มักจะไม่ได้กำหนดสุขหนอกับเย็นหนอ เพราะกำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก จนติดค่ะ กว่าจะรู้ตัวก็เกือบจะหายสุขเย็นแล้วค่ะ
และไม่แน่ใจว่าร่างกายหายไปหรือเปล่านะคะ เพราะรู้สึกแบบนี้แค่แวบ ๆ แต่หลายครั้งค่ะ
ตอนนั่งก็รู้สึกง่วงนิดหน่อย 3-4 ครั้งเหมือนตอนเดิน เลยไม่ได้หยุดนอนเหมือนกันค่ะ

ทั้งตอนนั่งและตอนเดินยังแวบคิดโน่นคิดนี่อยู่ 5-6 ครั้ง กำหนด 1-2 ครั้งก็หายค่ะ
และไม่ได้ยินเสียงบ้าง ได้ยินเสียงแต่ไม่รำคาญบ้าง ได้ยินเสียงแล้วรำคาญก็มีค่ะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 10:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เมื่อคืนนี้ไม่ได้ปฏิบัติเพราะมีอุปสรรคบางประการค่ะ

เช้าวันนี้เดินจงกรมได้ 25 นาที เกิดอาการง่วงหนักจนต้องหยุดนอนหลับ
หลับไปประมาณ 50 นาที พอตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้เดินหรือนั่งต่อค่ะ



ถีนมิทธะแรงมากๆ ขนาดเดินยังง่วงขนาดนั้น

(หาอุบายเรียนรู้วิธีเองได้)

ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ที่ตนเอง ใช้เมื่อครั้งรบกับข้าศึกคือนิวรณ์ตัวนี้ ให้คุณรินฟัง/ดู เป็น

อุทาหรณ์

ก็นั่งหลับอย่างคุณรินนั่นแหละ (แต่ไม่ฟุบกับโต๊ะ หลับก็ให้นั่งหลับคอพับอยู่งั้นแหละ)

ก็เล่าให้พระอาจารย์ฟังว่าปฏิบัติแล้ว ง่วงนอน

พระอาจารย์ก็ใจดี ไม่พูดมาก กำหนดสิ ง่วงหนอๆ เมื่อรู้ตัวว่าง่วง

เราก็ปฏิบัติตามด้วยดี

พอรู้สึกตัวว่าง่วงก็ ง่วงหนอๆ แรกๆก็พอได้ต้านกระแสความง่วงได้ แต่หลายๆนาที

สติ เป็นต้นมีกำลังไม่พอ ก็หลับโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาก็นั่งคอพับอยู่แล้ว

คิดหาอุบายว่า เอาไงดี นึกได้ว่าจะต้องแก้ด้วยการนั่งใกล้ๆ ข้างฝา (สำนักเขากั้นห้องด้วยไม้)

กะว่าง่วงแล้วหัวจะโขกกับข้างฝาแล้วจะรู้สึกตัว

แรกๆ ก็พอช่วยได้ พอง่วงสัปหงกหัวก็โขกกับฝากึก รู้สึกตัวก็ตั้งต้นกำหนดอารมณ์กรรมฐานต่อ

ง่วงก็กึก หัวโขกข้างฝาอีก กำหนดกรรมฐานต่อ ฯลฯ เป็นอยู่งี้รอบแล้วรอบเล่า

สุดท้าย หัวโขกฝาแล้วไม่รู้สึกตัว ตื่นมาอีกทีหัวคลุกอยู่กับฝาผนังแล้ว นึกไม่ออกว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อ

ไหร่ หัวโขกแรงไหม ไม่รู้เลย

นึกทบทวนคิดหาอุบายใหม่ มีคนพูดว่า นั่งขัดสลักเพชรสิ แก้ง่วงชงัดนักแล

เราก็ทำมั่งคือนั่งเอาขาขัดกัน (ไขว้กัน) ทีแรกก็ช่วยได้ไม่ง่วง เพราะมันเจ็บ

แต่หลายๆ รอบเข้าก็ชินดิคราวเนี่ย ก็นั่งหลับคาสลักเพชรเหมือนกัน ตื่นมาเดินแทบไม่เป็น

ก็คิดทบทวนว่า ใครว่าอะไรดีเราก็ลองทำมาหมดแล้ว ทั้งขัดสลักเพชรสลักพลอยอะไรนั่น

หัวโขกกับข้างฝาก็ทำมาแล้ว ก็ยังหลับ ไม่ได้ช่วยทำให้ถีนมิทธะมลายหายไปได้เลย

จึงเล่าให้พระอาจารย์ฟังอีกว่าหลับครับ

พระอาจารย์ก็เหมือนเดิม พอเราบอกว่า ง่วงนอน

ท่านก็แนะนำกำหนดว่า ง่วงหนอๆ

พอเราบอกว่า จะหลับ

“จะหลับหนอๆ” ท่านตอบ

จึงปฏิบัติตามวิธีนั้น ก็ง่วงบ้าง ไม่ง่วงบ้าง หลับบ้าง ไม่หลับบ้าง

จนวันหนึ่งองค์ธรรมมีสติสัมปชัญญะสัญญาสมาธิ เป็นต้น ที่เราเพียรกำหนดรู้สภาวธรรมนั้นๆ ตามที่มัน

เจริญขึ้นแก่กล้าขึ้น ก็ตามทันปัจจุบันธรรม ที่ปรากฏแต่ละขณะๆ

เห็นความง่วง ทะมึนจะคลุมความรู้สึก จิตเหมือนไม่มีแรงต้าน นึกได้กำหนด "ง่วงหนอ" จังๆ

แค่นี้เอง ความรู้สึกโล่งหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

ตั้งแต่นั้นมา ตั้งใจว่าจะปฏิบัติกรรมฐานไม่เคยง่วงอีก

ถีนมิทธนิวรณ์ เป็นกิเลสตัวหนึ่ง ในบรรดานิวรณ์ ๕ จัดเข้าในสติปัฏฐาน คือ

ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ที่โยคีพึงกำหนดรู้

ความสุข หรือสุขเวทนา จัดเข้าในสติปัฏฐาน ข้อเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ที่โยคีพึงกำหนดรู้

พองยุบ กับเดินจงกรม จัดเข้าหลักสติปัฏฐาน ข้อกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ที่โยคีพึงติดตามดูรู้ทัน


วิธีปฏิบัติต่างๆบรรดามีในประเทศไทย เช่น พองยุบ เป็นกรรมฐานก็ดี ใช้พุทโธ เป็นต้นก็ดี

พูดตามหลักวิชาการเรียกว่า อนุธรรม หรือ ธรรมน้อย (ธรรมานุธรรมปฏิบัติ = ธรรม+อนุธรรม+

ปฏิบัติ แปลว่า ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม หรือ ปฏิบัติธรรมน้อยคล้อยหลักธรรมใหญ่

หรือ ปฏิบัติธรรมถูกหลัก) นักธรรมพึงปฏิบัติให้สอดคล้องกับข้อธรรมใหญ่ มี สติปัฏฐานสี่ เป็นต้น

ไม่อย่างนั้น การปฏิบัติของเขาก็เป็นหมัน ตัน เหมือนหลงเดินเข้าซอยแล้วไม่มีทางออกฉะนั้นแล

เอวัง :b32: :b32:



เช้าวันนี้เดินจงกรมได้ 25 นาที เกิดอาการง่วงหนักจนต้องหยุดนอนหลับ
หลับไปประมาณ 50 นาที พอตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้เดินหรือนั่งต่อค่ะ



มีอาการอย่างนี้อีก เดินระยะที่ ๑ อย่างเดียวก็ได้ เดินเร็วๆหน่อย ตัดย่าง หนอ ออกเลย

กำหนดรู้ แต่ ขวา ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ซ้าย ฯลฯ ไปเรื่อยๆ จนหมดเวลา -

(หรือจะเดินจนหายง่วงแล้วค่อยไปนอน ทรมานกิเลสสะมั่ง :b32: )


ก่อนเดินตั้งใจไว้ก่อนเลยว่า ข้าพเจ้าจะเดิน 55 นาที ไม่ถึง 55 นาที จะไม่เลิก

ง่วงแค่ไหนก็จะไม่หยุดไม่นอน - (แต่ใหม่ๆ ใช้วิธีปลอบใจกิเลสสักหน่อยก่อนก็ได้ว่า

“จงกรมก่อนนะคะๆ 55 นาทีเอง ไม่ถึงชั่วโมง หมดเวลาแล้วค่อยนอนนะคะ…”)

:b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 25 ก.ย. 2009, 16:25, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 10:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:

คืนนี้เดินจงกรมระยะที่ 1-3 มีง่วงนิดหน่อยค่ะ แค่พอรู้สึกว่าง่วงอยู่ 3-4 ครั้ง
เลยไม่ได้หยุดเดินแล้วมานอน



เพียรกำหนดรู้สภาวธรรมที่ปรากฏแต่ละขณะๆ ต่อไปนะครับ :b1:


อ้างคำพูด:
ตอนนั่งตัวตรงนิ่ง มีความสุขแบบเย็น ๆ อยู่หลายครั้ง ครั้งละประมาณ 4-5 นาทีค่ะ
(เหมือนดิ่งลงในความสุขเย็น) มีความสุขจนยิ้มออกมาเลยค่ะ
แต่มักจะไม่ได้กำหนดสุขหนอกับเย็นหนอ เพราะกำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก จนติดค่ะ
กว่าจะรู้ตัวก็เกือบจะหายสุขเย็นแล้วค่ะ



นึกได้ขณะจิตใด ก็กำหนดเดี๋ยวนั้นขณะนั้น “ลืมหนอ” “นึกได้หนอ” ตามเรื่องที่เกิด


(การปฏิบัติต่อความสุข ค่อยอ่าน คห. ต่อไป

ใหม่ๆ ก็เงี้ยอาจลืมกำหนดสุขเวทนา “สุขหนอ” “เย็นหนอ” ไปบ้าง

ด้วยว่า ความสุขสงบประณีตดังที่สัมผัสอยู่นั้น เป็นของใหม่สำหรับตน

จึงหยุดชื่นชมโสมนัสบ้าง เรื่องธรรมดา

กำหนดกรรมฐานต่อๆ ไป แล้วจะรู้เห็นว่า สุขเวทนาเช่นนี้ ก็เกิดดับๆ เหมือนๆธรรมอื่น

จิตใจจะค่อยคลายออก สติ เป็นต้นจะกำหนดอารมณ์กรรมฐานโดยอัตโนมัติ)


อ้างคำพูด:
และไม่แน่ใจว่าร่างกายหายไปหรือเปล่านะคะ เพราะรู้สึกแบบนี้แค่แวบ ๆ แต่หลายครั้งค่ะ
ตอนนั่งก็รู้สึกง่วงนิดหน่อย 3-4 ครั้งเหมือนตอนเดิน เลยไม่ได้หยุดนอนเหมือนกันค่ะ



รู้สึกอย่างไรก็กำหนดไปตามนั้นนะครับ

รู้สึกง่วง ก็กำหนดตามนั้นครับ

ไม่พึงปล่อยให้อารมณ์นั้นๆ ผ่านไปเฉยๆ โดยไม่กำหนดรู้ตามนั้น ข้อนี้สำคัญครับ


อ้างคำพูด:
ทั้งตอนนั่งและตอนเดินยังแวบคิดโน่นคิดนี่อยู่ 5-6 ครั้ง กำหนด 1-2 ครั้งก็หายค่ะ
และไม่ได้ยินเสียงบ้าง ได้ยินเสียงแต่ไม่รำคาญบ้าง ได้ยินเสียงแล้วรำคาญก็มีค่ะ



สาธุ :b8:

กำหนดตามที่รู้สึกนะครับ รำคาญ “รำคาญหนอ” เป็นต้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 11:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




37.jpg
37.jpg [ 87.79 KiB | เปิดดู 4349 ครั้ง ]

เพราะเป็นที่สาธารณะ ซึ่งเป็นที่ที่มีความคิดเห็นแตกต่างหลากหลายจริงๆ :b32:

จึงแทรกพุทธพจน์ที่พึงปฏิบัติต่อสุข ซึ่งให้ข้อคิดดีมากๆ แก่ชาวพุทธบ้านเรา

ส่วนคุณรินเข้าใจแค่ไหนก็แค่นั้น อ่านแล้วผ่านไป




หลักการใหญ่ของพระพุทธศาสนา สำหรับปฏิบัติต่อความสุขมี ๓ หัวข้อ

ดังพุทธพจน์ว่า

“ภิกษุทั้งหลาย ความพยายามจะมีผล ความเพียรจะมีผล ได้อย่างไร ?

ภิกษุในธรรมวินัยนี้


๑. ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่มีทุกข์ทับถม

๒. ไม่ละทิ้งความสุขที่ชอบธรรม

๓. ไม่หมกมุ่นสยบในความสุขนั้น”



(ม.อุ. 14/12/13)


นั้นเป็นหลักเกณฑ์มาตรฐาน ที่ชาวพุทธจะพึงใช้ปฏิบัติในการเกี่ยวข้องกับความสุข

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีหลักการที่เป็นแกนกลางให้อย่างนี้

แต่ความละเอียดอ่อน ความกว้างขวางลึกซึ้ง แห่งความเข้าใจเกี่ยวกับสุขก็ยังแตกต่างกันออกไป

และเป็นข้อที่พึงนำมาพิจารณาประกอบด้วย เช่น


ผู้ที่เห็นโทษของกามสุข เบื่อหน่ายกามสุขแล้ว และด้วยความมุ่งหวังความสุข

ที่ประณีตขึ้นไป จึงบำเพ็ญข้อปฏิบัติบางอย่าง ซึ่งบางตอนมีลักษณะยากลำบาก

คนผู้ยังข้องอยู่ในกามสุข อาจมองการกระทำของเขาว่า เป็นการหาทุกข์มาใส่ตัวก็ได้


ในกรณีเช่นนี้ เมื่อผู้ปฏิบัตินั้น มีความพร้อมอยู่แล้ว

เบื่อหน่ายกามสุขอยู่แล้ว ซึ่งการอยู่ในกามสุขกลับกลายเป็นความทุกข์สำหรับเขา ก็ดี

หรือ แม้ยังไม่พร้อมดีนัก แต่มองเห็นโทษของกาม

เห็นคุณของความสุข ที่ประณีตกว่า และมีความหวังว่า จะได้สุขที่ประณีตนั้น ก็ดี

ข้อปฏิบัติที่ยากลำบากนั้น ก็กลายเป็นแบบฝึกหัดสำหรับฝึกตน

ถ้าหากบุคคลนั้น สมัครใจจะฝึก และข้อปฏิบัตินั้น ก็ไม่เลยเถิดไปจนกลายเป็นการทรมาน

ท่านก็ยอมให้ในความหมายที่ว่า เป็นการฝึกนั้นแล


นอกจากนั้น ความเป็นอยู่บางด้าน ของผู้ประสบสุขอันประณีตแล้ว

บางครั้ง เมื่อมองในสายตาของคนที่ข้องในกามสุข อาจเห็นเป็นความทุกข์ไปก็ได้

เช่นเดียวกับคนที่อยู่ในความสุขอันประณีต มองเห็นความเป็นอยู่ของคนที่ข้องอยู่ในกามสุขว่า

เป็นความทุกข์



แต่ทั้งนี้ ผู้ที่อยู่ในภาวะนั้นเอง ย่อมรู้ตัวว่า ตนมีความสุขหรือไม่


(ตรัสเพื่อแสดงความแตกต่างระหว่างพระพุทธศาสนา กับลัทธิของนิครนถ์ซึ่งเป็นคำสอนประเภท

อัตตกิลมถานุโยค)


ลิงค์ที่แสดงความสุข ๑๐ ขั้น

viewtopic.php?f=2&t=19000&p=85949#p85949

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 25 ก.ย. 2009, 11:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 11:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




12009362762715.jpg
12009362762715.jpg [ 81.12 KiB | เปิดดู 4336 ครั้ง ]
พักสมองพักสายตาด้วยเพลงนี้

http://www.youtube.com/watch?v=D2U1hMH2WNE

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ :b8:

อ่านประสบการณ์ของคุณกรัชกายแล้ว รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้หาวิธีแก้ปัญหาเลย
ตอนแรกที่ไม่ได้เล่า ดูเหมือนให้หนูหาวิธีแก้ปัญหาเองก่อน แล้วค่อยเล่า
เหมือนเฉลยข้อสอบเลยนะคะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


แก้ไขล่าสุดโดย รินรส เมื่อ 25 ก.ย. 2009, 15:40, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 16:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รินรส เขียน:
:b8: ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ :b8:

อ่านประสบการณ์ของคุณกรัชกายแล้ว รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้หาวิธีแก้ปัญหาเลย
ตอนแรกที่ไม่ได้เล่า ดูเหมือนให้หนูหาวิธีแก้ปัญหาเองก่อน แล้วค่อยเล่า
เหมือนเฉลยข้อสอบเลยนะคะ



คุณรินไม่ต้องคิดหาวิธีอื่นนอกจากการกำหนดรู้ที่ปัจจุบันธรรม ซึ่งเกิดกับตนเองละขณะๆ แล้วครับ

เป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไรก็กำหนดลงไปเลย ไม่มีตันไม่มีติด

มีแต่เดินหน้าไปเรื่อยๆ รู้เข้าใจกายใจตนเองลึกลงๆ เรื่อยๆ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 25 ก.ย. 2009, 19:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 14:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อคืนนี้ไม่สบายค่ะ ความจริงครั่นเนื้อครั่นตัวตั้งแต่ตอนกลางวัน ตอนกลางคืนมึน ๆ ไม่มีแรงเลย
เลยไม่ได้ปฏิบัติค่ะ ตอนนอนกำหนดนอนหนอแล้วหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบค่ะ กำหนดมึนหนอไม่ไหวค่ะ

วันนี้ยังเดินจงกรมระยะที่ 1-3 อยู่ใช่ไหมคะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 15:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




m209358.jpg
m209358.jpg [ 113.32 KiB | เปิดดู 4228 ครั้ง ]
รินรส เขียน:
เมื่อคืนนี้ไม่สบายค่ะ ความจริงครั่นเนื้อครั่นตัวตั้งแต่ตอนกลางวัน ตอนกลางคืนมึน ๆ ไม่มีแรงเลย
เลยไม่ได้ปฏิบัติค่ะ ตอนนอนกำหนดนอนหนอแล้วหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบค่ะ กำหนดมึนหนอไม่ไหวค่ะ

วันนี้ยังเดินจงกรมระยะที่ 1-3 อยู่ใช่ไหมคะ



อย่างนั้นก็เรียกว่าอุบาย เช่นกัน

เมื่อตั้งใจว่าจะนอนก็นอนครับ จะปลงใจอย่างนั้นก็ได้ ฝึกนอนหลับอย่างนั้นจนชิน แล้วก็หลับสบาย
เพราะไม่เกาะเกี่ยวอารมณ์อื่น




วันนี้ยังเดินจงกรมระยะที่ 1-3 อยู่ใช่ไหมคะ

เมื่อมีเรี่ยวมีแรงดีแล้ว จงกรมระยะ 1-3 ไปก่อน

สาธุในวิริยะอุตสาหะ :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 26 ก.ย. 2009, 22:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 07:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




m208619.jpg
m208619.jpg [ 78.11 KiB | เปิดดู 4204 ครั้ง ]
วันนี้คุณริน เพิ่มเวลาทั้งจงกรมและนั่งกำหนดอารมณ์กรรมฐานอีก 5 นาที เป็น 60 นาที นะครับ

จงกรมระยะ 1-3 ไปก่อน :b31:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 15:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผลการปฏิบัติของ 2 วันที่ผ่านมาคล้าย ๆ กับวันก่อนนะคะ
แต่ไม่ค่อยมีความสุขแบบเย็น ๆ ค่ะ :b5: :b6:


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


แก้ไขล่าสุดโดย รินรส เมื่อ 28 ก.ย. 2009, 15:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 201 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร