วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 15:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 39 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2009, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

จิ ต อ ยู่ ใ น ภ วั ง ค์
พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา


• ถ า ม

ขณะที่สมาธิ รู้ได้อย่างไรว่าจิตกำลังจะเข้าภวังค์

• ต อ บ

อันนี้เราพึงสังเกตว่า

ถ้าเรามีกายเบาจิตเบา กายสงบ จิตสงบ
กายคล่องจิตคล่อง กายควรจิตควร
พึงเข้าใจเถิดว่า จิตกำลังเขาสู่ภวังค์

คำว่าภวังค์หมายถึง

ช่วงว่างระหว่างที่จิตกำลังบริกรรมภาวนาอยู่
แล้วปล่อยวางคำภาวนามีอาการตกวูบลงไป
วูบเป็นความว่างของจิต

ช่วงที่วูบนี้ไปถึงระยะจิตนิ่ง
ช่วงนี้เรียกว่า “จิตตกภวังค์”


เมื่อจิตตกภวังค์นิ่งวูบลงไปนิ่งพั้บ
ถ้าไม่หลับสมาธิเกิด

พอนิ่งพั้บจิตเกิดสว่าง
แสดงว่าจิตเข้าสู่สมาธิ

ถ้านิ่งพั้บมืดมิดไม่รู้เรื่อง
จิตนอนหลับ

นี่พึงสังเกตอย่างนี้
จิตที่เข้าสมาธิต้องผ่านภวังค์เข้าไปก่อน


ภวังค์คือช่วงว่างของจิตที่ปราศจากสติ

เช่น อย่างเราคิดถึงสิ่งหนึ่ง
เช่น คิดถึงแดงแล้วจะเปลี่ยนไปคิดถึงขาว

ช่องว่างระหว่างขาวกับแดง
ตรงกลางเรียกว่าภวังค์

สมาธิที่จิตปล่อยวางบริกรรมภาวนา
มีอาการเคลิ้มแล้วก็วูบ
ช่วงวูบเรียกว่าจิตตกวังค์


เมื่อวูบแล้วนิ่งมืดมิดไป เรียกว่าจิตหลับ
ถ้าวูบนิ่งพั้บ เกิดความสว่างโพล่งขี้นมา
จิตเป็นสมาธิ พึงทำความเข้าใจอย่างนี้


:b8: :b8: :b8:

หมายเหตุ : ธรรมบรรยายเรื่องนี้ เขียนไว้เมื่อครั้งที่ พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)
ยังดำรงสมณศักดิ์ที่ พระภาวนาพิศาลเถร (พุธ ฐานิโย)


:b8: :b8: :b8:

(ที่มา : สมาธิธรรม ทำสมาธิ โดย พระภาวนาพิศาลเถร (พุธ ฐานิโย) วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา จัดพิมพ์แจกเพื่อเป็นธรรมทาน เนื่องในวันเกิดครบรอบอายุ ๗๑ ปี ของพระเดชพระคุณพระภาวนาพิศาลเถร (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) โดยคุณณรงค์ สัมมาสัตย์ และคณะศิษยานุศิษย์)


แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 18 ก.ย. 2009, 17:59, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2009, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 00:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: :b23: :b5: :b5:

จิตเป็นขันธ์ ไหน
ช่วงว่าง ของจิตเป็นขันธ์ไหน
จิตปราศจากสติ เป็นกุศลวิบากหรือ อกุศลวิบาก
สมาธิปล่อยวางบริกรรม หรือ ปัญญาปล่อยวางบริกรรม

อย่าเชื่อเพราะผู้นั้นเป็นครูของเรา
กำ ไม่มีแบ

เหอๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 23:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
:b6: :b23: :b5: :b5:

จิตเป็นขันธ์ ไหน
ช่วงว่าง ของจิตเป็นขันธ์ไหน
จิตปราศจากสติ เป็นกุศลวิบากหรือ อกุศลวิบาก
สมาธิปล่อยวางบริกรรม หรือ ปัญญาปล่อยวางบริกรรม

อย่าเชื่อเพราะผู้นั้นเป็นครูของเรา
กำ ไม่มีแบ

เหอๆๆ



ถามจิงนะท่าน เช่นนั้น เคยสังเกตุช่วงจิตก่อนตกภวังค์และหลังตกภวังค์ของท่านเองบ้างหรือไม่ ว่าเป็นอย่างไร และมันแตกต่างอย่างไรจากที่ท่านเจ้าของกระทู้ได้กรุณานำมาโพส หรือถ้าจะอ้างจากพระอภิธรรมก็ได้ ผมว่าน่าจะสร้างสรรค์กว่าการแสดงความเห็นแบบปรามาสผู้อื่นนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2009, 01:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะมันไม่มีจริง อะดิ ไปงัดพระอภิธรรม เล่มไหนมายืนยัน ล่ะท่าน
เฟ้อ เพ้อ ละเมอ นั่งหลับ :b17:


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 28 ส.ค. 2009, 01:40, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2009, 01:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เพราะมันไม่มีจริง อะดิ ไปงัดพระอภิธรรม เล่มไหนมายืนยัน ล่ะท่าน
เฟ้อ เพ้อ ละเมอ นั่งหลับ :b17:


นั้นนะซิ..

ทุกข์..ของผม..ก็ไม่เห็นมีในพระอภิธรรม..เล่มไหน ๆ เลยนิ

แล้ว..ทุกข์..ของผม..มันมีจริงหรือเปล่า..น่า

:b4: :b4: :b4: :b4: :b4: :b4: :b4: :b29: :b29: :b29:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 28 ส.ค. 2009, 01:47, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2009, 01:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อืม โอว

ผมไม่รู้หรอกว่าใครรู้จริง

แต่ว่าหลวงพ่อพุธไม่เคยไปเหน็บแนมการปฏิบัติของใครเลยนะครับ

หลวงพ่อมีศีลบริสุทธิ์ โดยเฉพาะวจีสุจริต

ใครถูกใครผิด ใครไม่รู้เรื่องอะไร ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะแยกแยะ
ดูแค่ศีล 5 แค่นี้ก็คัดอะไรได้เยอะแล้วครับ


เห็นทุ่มเถียงวุ่นวายกับพระไตรปิฏกกันเต็มบ้านเต็มเมือง เก่งๆกันทั้งนั้น
ในผู้คนเหล่านั้น หาคนศีล 5 บริสุทธิ์ ยากเหมือนหาเม็ดทรายในชายหาด

ยังไงหลวงพ่อพุธก็เป้น สังฆัง สรณัง คัจฉามิ สำหรับผม
ได้อะไรจากท่านเยอะ

:b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 28 ส.ค. 2009, 01:55, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2009, 02:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
ยังไงหลวงพ่อพุธก็เป้น สังฆัง สรณัง คัจฉามิ สำหรับผม
ได้อะไรจากท่านเยอะ

:b8:


แม่นแล๊ว..ๆ

หลวงพ่อ..นะแม่นแล๊ว

สังฆัง สรณัง คัจฉามิ..นะรู้จักไหม

:b4: :b4: :b4:

ฮื่อ...คุณเช่นนั้น..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2009, 02:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
ขอกราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 01:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เพราะมันไม่มีจริง อะดิ ไปงัดพระอภิธรรม เล่มไหนมายืนยัน ล่ะท่าน
เฟ้อ เพ้อ ละเมอ นั่งหลับ :b17:


จากประสบการณ์ตรงของผม

เรามีกายเบาจิตเบา กายสงบ จิตสงบ -> อันนี้ก็เกิด

ช่วงว่างระหว่างที่จิตกำลังบริกรรมภาวนาอยู่แล้วปล่อยวางคำภาวนามีอาการตกวูบลงไปวูบเป็นความว่างของจิต -> อันนี้ก็เกิด

เมื่อจิตตกภวังค์นิ่งวูบลงไปนิ่งพั้บถ้าไม่หลับสมาธิเกิด -> อันนี้ก็เกิด

พอนิ่งพั้บจิตเกิดสว่างแสดงว่าจิตเข้าสู่สมาธิ -> อันนี้ก็เกิด

ถ้านิ่งพั้บมืดมิดไม่รู้เรื่องจิตนอนหลับ -> อันนี้ก็เกิด


เรียนท่าน เช่นนั้น ผู้ปฏิบัติจะต้องประสบพบเจออาการต่างๆ เหล่านี้แน่นอน โดยเฉพาะอันนี้ "นิ่งพั้บมืดมิดไม่รู้เรื่องจิตนอนหลับ" หลายคนเจอแล้วกุ้มใจ แก้ไม่ค่อยจะตก แล้วท่านเช่นนั้นปฏิบัติมาไม่เคยตกภวังค์เลยเหรอ ถ้านึกไม่ออกลองสังเกตุสภาวะจิตก่อนที่จะหลับดูซิ มันต้องตกภวังค์ก่อนทั้งนั้นแหละ ถ้าท่านนอนหลับทุกคืน จิตท่านก็จะต้องตกภวังค์ทุกคืน แล้วมันจะไม่จิงได้อย่างไร หรือท่านไม่เคย หลับ ซึ่งเหล่านี้จิตก็ต้องตกภวังค์ก่อนทั้งนั้น

และ ที่ท่านถามมานี้ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเนื้อหาที่เจ้าของกระทู้เอามาโพสตรงไหนเลย

"จิตเป็นขันธ์ ไหน ช่วงว่าง ของจิตเป็นขันธ์ไหน จิตปราศจากสติ เป็นกุศลวิบากหรือ อกุศลวิบาก
สมาธิปล่อยวางบริกรรม หรือ ปัญญาปล่อยวางบริกรรม"
ถ้าท่านอยากรู้จิงน่าจะตั้งกระทู้ใหม่ไปเลย



อันนี้เอามาฝากครับ

พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)


ภวังคจิต จิตที่เป็นองค์แห่งภพ,
ตาม หลักอภิธรรมว่า จิตที่เป็นพื้นอยู่ระหว่างปฏิสนธิและจุติ คือ ตั้งแต่เกิดจนถึงตาย ในเวลาที่มิได้เสวยอารมณ์ทางทวารทั้ง ๖ มีจักขุทวารเป็นต้น
แต่เมื่อใดมีการรับรู้อารมณ์ เช่น เกิดการเห็น การได้ยิน เป็นต้น ก็เกิดเป็นวิถีจิตแทนภวังคจิต เมื่อวิถีจิตดับหมดไป ก็เกิดเป็นภวังคจิตขึ้นอย่างเดิม
ภวังคจิต นี้ คือมโน ที่เป็นอายตนะที่ ๖ หรือมโนทวาร อันเป็นวิบาก เป็นอัพยากฤต ซึ่งเป็นจิตตามสภาพ หรือตามปกติของมัน ยังไม่ขึ้นสู่วิถีรับรู้อารมณ์ (เป็นเพียงมโน ยังไม่เป็นมโนวิญญาณ)
พุทธพจน์ว่า “จิตนี้ประภัสสร (ผุดผ่อง ผ่องใส บริสุทธิ์) แต่เศร้าหมองเพราะอุปกิเลสที่จรมา” มีความหมายว่า จิตนี้โดยธรรมชาติของมันเอง มิใช่เป็นสภาวะที่แปดเปื้อนสกปรก หรือมีสิ่งเศร้าหมองเจือปนอยู่ แต่สภาพเศร้าหมองนั้นเป็นของแปลกปลอมเข้ามา ฉะนั้น การชำระจิตให้สะอาดหมดจดจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้;
จิตที่ประภัสสรนี้ พระอรรถกถาจารย์อธิบายว่า ได้แก่ภวังคจิต


คราวนี้ที่บอกว่าไม่มีในพระอภิธรรมบ้าง แล้วอันนี้ละครับ

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๐ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๗ มหาปัฏฐานปกรณ์
ภวังคจิต เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ
ภวังคจิต เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ โดยสมนันตรปัจจัย
ภวังคจิต เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ
ภวังคจิตที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนจิต โดยอนันตรปัจจัย
ภวังคจิตที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา เป็นปัจจัยแก่ภวังคจิตที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุเวทนา
ภวังคจิตที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา เป็นปัจจัยแก่ภวังคจิตที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา
คือ ภวังคจิต เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนจิต กิริยามโนวิญญาณธาตุที่เป็นวิบาก

.............................................

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๑ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๘ มหาปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๒ ปัจฉิมอนุโลมติกปัฏฐาน

ภวังคจิตที่เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ โดยอนันตรปัจจัย
ภวังคจิต ที่เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ และวิตก
ภวังคจิต ที่เป็นอวิตักกอวิจารธรรม และวิจาร เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ โดยอนันตรปัจจัย
ภวังคจิต ที่เป็นอวิตักกอวิจารธรรม และวิจาร เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ และวิตก
ภวังคจิต ที่เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรม และวิจาร เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ โดยอนันตรปัจจัย
ภวังคจิต ที่เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรม และวิจาร เป็นปัจจัยแก่อาวัชชะ และวิตก

เรียนท่านเช่นนั้น ทั้งหลายทั้งปวงที่ผมอ้างมานี้เพื่อแสดงให้เห็นว่า ภวังจิต นั้นมีทั้งทางด้านปฏิบัติและในพระอภิธรรม และเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ปฏิบัติจะพบเจอและต้องรู้จักพึงสังเกตุ แต่ผมก็อยากรู้ว่าเจตนาที่ท่านแสดงความคิดเห็นเชิงไม่สร้างสรรค์ แบบนี้เพื่ออะไรกันคับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 02:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


"สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ"

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 07:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุครับ คุณอายะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 18:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ช่วงว่างระหว่างที่จิตกำลังบริกรรมภาวนาอยู่
แล้วปล่อยวางคำภาวนามีอาการตกวูบลงไป
วูบเป็นความว่างของจิต

ช่วงที่วูบนี้ไปถึงระยะจิตนิ่ง
ช่วงนี้เรียกว่า “จิตตกภวังค์”


จากประสบการณ์ตรงของคุณอายะ

เรามีกายเบาจิตเบา กายสงบ จิตสงบ -> อันนี้ก็เกิด ---- เกิดช่วงว่างระหว่างจิตหรือครับ

ช่วงว่างระหว่างที่จิตกำลังบริกรรมภาวนาอยู่แล้วปล่อยวางคำภาวนามีอาการตกวูบลงไปวูบเป็นความว่างของจิต -> อันนี้ก็เกิดช่วงว่างระหว่างจิตหรือครับ

เมื่อจิตตกภวังค์นิ่งวูบลงไปนิ่งพั้บถ้าไม่หลับสมาธิเกิด -> อันนี้ก็เกิดช่วงว่างระหว่างจิตหรือครับ

พอนิ่งพั้บจิตเกิดสว่างแสดงว่าจิตเข้าสู่สมาธิ -> อันนี้ก็เกิดช่วงว่างระหว่างจิตหรือครับ

ถ้านิ่งพั้บมืดมิดไม่รู้เรื่องจิตนอนหลับ -> อันนี้ก็เกิดช่วงว่างระหว่างจิตหรือครับ

ช่วงว่างระหว่างจิตของท่าน คืออะไรครับ เป็นขันธ์ไหนครับ ถึงไปอยู่ในระหว่างจิตท่านได้ครับ

ภว้งค์ของท่านคือช่วงว่างระหว่างที่จิตปราศจากสติ หรือครับ อย่างนั้นท่านจะบริกรรมภาวนาปฏิบัติธรรมไปเพื่ออะไรครับ ทำแล้วเกิดอกุศลจิตล่ะครับ



อ้างคำพูด:
เรียนท่าน เช่นนั้น ผู้ปฏิบัติจะต้องประสบพบเจออาการต่างๆ เหล่านี้แน่นอน โดยเฉพาะอันนี้ "นิ่งพั้บมืดมิดไม่รู้เรื่องจิตนอนหลับ" หลายคนเจอแล้วกุ้มใจ แก้ไม่ค่อยจะตก
แล้วท่านเช่นนั้นปฏิบัติมาไม่เคยตกภวังค์เลยเหรอ ถ้านึกไม่ออกลองสังเกตุสภาวะจิตก่อนที่จะหลับดูซิ มันต้องตกภวังค์ก่อนทั้งนั้นแหละ ถ้าท่านนอนหลับทุกคืน จิตท่านก็จะต้องตกภวังค์ทุกคืน แล้วมันจะไม่จิงได้อย่างไร หรือท่านไม่เคย หลับ ซึ่งเหล่านี้จิตก็ต้องตกภวังค์ก่อนทั้งนั้น


ไม่เคยหรอกครับอาการที่ท่านกล่าวมาทั้งหมด จิตเช่นนั้นไม่เคยตกภวังค์หรอกครับ ภวังคจิตเช่นนั้นทำหน้าที่ปรกติทุกอย่างครับ

อ้างคำพูด:
สมาธิปล่อยวางบริกรรม หรือ ปัญญาปล่อยวางบริกรรม" ถ้าท่านอยากรู้จิงน่าจะตั้งกระทู้ใหม่ไปเลย

ไม่จำเป็นต้องไปไหนหรอกครับ ที่นี่แหละครับ ดีที่สุด ท่านแน่จริงก็ต้องอธิบายได้ และอิงอรรถอิงธรรมตามพระไตรปิฏกด้วยนะครับท่าน ไม่เอาวิปัสสนึกน๊ะครับ

อีกประการหนึ่ง สิ่งที่ท่านอุตส่าหะไปคลิกแล้วมาแปะให้ดูเกี่ยวกับภวังคจิต ด้วยภูมิรู้ของท่านอย่างมากก็อธิบายสิครับว่า เกี่ยวข้องอะไรกับช่วงว่างระหว่างจิต และจิตตกภวังค์ และเกี่ยวด้วยเนื้อหาอะไรที่ท่านพุธ อธิบายเกี่ยวกับสมาธิ ครับ ยกมาต้องอธิบายไ้ด้นะครับ
ไม่อย่างนั้นยกมาลอยๆ ทำไมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




0001.jpg
0001.jpg [ 40.91 KiB | เปิดดู 11570 ครั้ง ]
สวัสดีครับท่านบัณฑิตทุก ๆ ท่าน


ภวังคจิตที่คนเข้าใจว่าเป็นจิตหลับนั้น เป็นการเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเสียทั้งหมดครับ
ภวังค์จิตที่เป็นจิตตื่นก็มีครับ

จิตที่มาทำหน้าที่เป็นภวังค์นั้นคือวิบากจิตหรือผลจิตครับ ซึ่งจิตที่มาทำหน้าที่เป็นภวังค์นั้นได้แก่
1.กามาวจรอกุศลวิบากจิต ถ้าจิตนี้เป็นทำหน้าที่ภวังค์จิต ผู้นั้นก็จะหลับ เมื่อหลับก็จะนอนละเมอบ้าง นอนกัดฟันบ้าง ฝันร้ายบ้าง ส่วนใหญ่มักจำความฝันไม่ได้ จึงเข้าใจว่ามืดหรือเข้าใจว่าหลับสนิท
2.กามาวจรกุศลจิต ถ้าจิตนี้เป็นทำหน้าที่ภวังค์จิต ผู้นั้นก็จะหลับเหมือนกัน แต่นอนหลับเป็นสุข ฝันดี ตื่นมาแล้วจำความฝันได้ และกระปรี้กระเปร่าเป็นสุข
3.รูปาวจรกุศลวิบากจิต ถ้าจิตนี้เป็นทำหน้าที่ภวังค์จิต ผู้นั้นก็จะไม่หลับ ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเช่น 7 วัน อย่างนี้เรียกว่า เสวยปีติ สุข อุเบกขาจาก รูปฌานสมาบัติ
4.อรูปาวจรกุศลวิบากจิต ถ้าจิตนี้เป็นทำหน้าที่ภวังค์จิต ผู้นั้นก็จะไม่หลับ ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเช่น 7 วัน อย่างนี้เรียกว่า เสวย อุเบกขาจาก อรูปฌานสมาบัติ
5.อริยผล 4 ถ้าจิตนี้เป็นทำหน้าที่ภวังค์จิต ผู้นั้นก็จะไม่หลับ ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเช่น 7 วัน อย่างนี้เรียกว่า เสวยปีติ สุข อุเบกขาจาก โสดาปัตตผลสมาบัติ สกทาคามีผลสมาบัติ อนาคามีผลสมาบัติ และอรหัตตผลสมาบัติ



การที่หลวงพ่อพุธกล่าวว่าจิตตกภวังค์ขณะฝึกสมาธินั้น สมาธิจิตที่เป็นเหตุไม่เกิดขึ้นเพราะนิวรณ์ 5 ครอบงำเสียก่อน หมายถึงกามาวจรอกุศลวิบากมาทำหน้าที่ภวังค์จิต หลวงพ่อพุธก็จะหลับวูบไปครู่หนึ่งด้วยถีนะมิทธะ แต่ตื่นขึ้นแล้วสำรวมระวังอินทรีย์ไว้ในกองกุศล สมาธิที่เป็นรูปฌานกุศล(เหตุ) รูปฌานวิบาก (ผล) อรูปฌานกุศล(เหตุ)หรืออรูปฌากุศลวิบาก(ผล) จึงเกิดขึ้นในลำดับต่อมา

แต่ภวังค์นี่คือจิตผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ใน 5 ประเภทดังกล่าวมาข้างต้น ไม่ใช่ช่วงหรือช่องว่างของจิตหรอกครับ

เพราะหลวงพ่อพุธนั้นมีกายกับจิตเท่านั้น จิตเกิดดับได้ทีละดวง ช่วงว่าง หรือช่องว่างระหว่างจิตไม่มีจริงหรอกครับ เพราะจิตคือขันธ์ ถ้าช่วงว่างหรือช่องว่างระหว่างขันธ์ ก็แสดงว่าหลวงพ่อพุธเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งอีกอย่างที่ไม่ใช่ขันธ์ 5 แล้วจึงสามารถเข้าไปอยู่ระหว่างขันธ์คือจิตสองดวงที่ดวงหนึ่งดับ ก่อนจิตอีกดวงหนึ่งเกิดขึ้น ซึ่งสภาวธรรมตรงนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีจริง ไม่มีช่วงว่างระหว่างจิต 2 ดวงหรอกครับ

ที่ว่าจิตตกภวังค์ของหลวงพ่อพุธ จึงเป็นการเปลี่ยนคุณภาพจิตจากจิตเหตุที่เป็นสมาธิในรูปาวจร หรืออรูปาวจร มาเป็นจิตผลที่เป็นกามาวจรวิบากเท่านั้นครับ ที่เรียกว่าจิตตกภวังค์



ผมเองปฏิบัติเกิดสภาวะแบบหลวงพ่อพุธกล่าวมาบ้างเช่นกัน แต่เมื่อศึกษาเพิ่มเติมเรื่อกุศล และกุศลวิบากจึงเข้าใจสภาวธธรรมตามที่แสดงมานี้ ไม่ใช่ช่วงว่างของจิต


สมาธิที่เป็นสัมมาสมาธินั้น คือกุศลจิต และกุศลวิบากจิตที่สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายครับ จิตเป็นสมาธิคือจิตที่ตื่น เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานครับ

สมาธิก็มี 2 อย่างครับ
1.อารมัมณูปณิชฌาน ได้แก่รูปาวจรกุศลจิต รูปาวจรกุศลวิบากจิต อรูปาวจรกุศลจิตและอรูปาวจรกุศลวิบากจิต
2.ลักขณูปณิชฌาน ได้แก่ อนิมิตตสมาธิ อัปปณิหิตตสมาธิ และสุญญตะสมาธิ

เมื่อสมาธิเหล่านี้เกิดขึ้นจะไม่การหลับครับ จิตดวงแรกเท่านั้นที่เป็นจิตกุศลหรือเหตุ จิตต่อจากนั้นเป็นผลครับ


เมื่อผมเจริญสมาธิมีวิถีจิตดังนี้ครับ
ภวังคจิตกามาวจรวิบาก > บริกรรมจิต > อุปจาระจิต > อนุโลมจิต > โคตรภูโลกียะจิต > ปฐมฌานรูปาวจรกุศล(เหตุ) > ปฐมฌานรูปาวจรกุศลวิบากจิต ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ >ภวังคจิตกามาวจรวิบากๆๆๆๆ


ถ้าเป็นการเจริญวิปัสสนาก็ทำนองเดียวกัน
ภวังคจิตกามาวจรกุศลวิบากจิต > บริกรรมจิต > อุปจาระจิต > อนุโลมจิต > โคตรภูลักขณูปณิชฌานจิต > โสดาปัตติมัคคจิต(เหตุ) > โสดาปัตติผลจิต ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ >ภวังคจิตกามาวจรกุศลวิบากๆๆๆๆ



จึงกล่าวได้ว่าจิตเป็นขันธ์ 4 ใน 5 มีแต่ขันธ์ เท่านั้นที่เกิดขึ้นแล้วดับไป ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากขันธ์หรอกครับช่วงว่างที่กล่าวมาจึงไม่มีจริงครับ

ภวังคจิตที่เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรม เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ โดยอนันตรปัจจัย
ภวังคจิตที่เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรม คือกามาวจรกุศลวิบากมาทำหน้าที่เป็นภวังคจิต จึงเป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ บรรรลุรูปฌาน 4 อรูปฌาน 4 บรรลุมัคค 4 บรรลุผล 4 โดยอนันตรปัจจัย จึงมาจากการเปลี่ยนคุณภาพจิต ตามวิถีจิตที่แสดงมาข้างต้นนั่นเองครับ


เจริญในธรรมครับ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 19:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 17:07
โพสต์: 5

โฮมเพจ: http://narisdesign.hi5.com
สิ่งที่ชื่นชอบ: ไอสไตพบพระพระพุทธ เจ้าเห็น
ชื่อเล่น: แนน
อายุ: 0
ที่อยู่: กาญจนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว www


จริงๆแล้ว การฝึกจิตรรู้ได้เฉพาะตนค่ะ อธิบายไปก็ยังคงจะไม่เข้าใจ ถ้า เค้าไม่ปฎิบัติ เค้าจะไม่มีวันรู้ ต้อง ปฎิบัติเองเท่านั้น เพราะว่าการอธิบายจากคนเดียวกัน แต่ว่า ผู้รับฟังหลายคนก็อาจคิดแตกต่างกันไปได้ ของแบบนี้ต้องรู้ด้วยตัวของตัวเองเท่านั้นค่ะ มาหาคำตอบด้วยการปฎิบัติเองจะดีกว่า จริงมั้ยคะ ไม่ทำไม่มีทางรู้ได้ ไม่ดู ไม่มีทางเห็นได้....


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 39 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร