วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 02:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 170 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2009, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สมมติว่าวันหนึ่งหนูต้องไปอยู่ในที่ที่ไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ ไม่มีใครคอยแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติ หรือมีแต่มีไสยศาสตร์ปน ถ้ายังอยากปฏิบัติต่อต้องทำยังไงคะ



คุณก็เลือกถืออุบายวิธีที่จะนำเราให้พ้นทุกข์ได้ (การที่ทุกข์ดับ หรือปฏิปทาที่ทำให้พ้นทุกข์ได้
ก็แปลว่า ตัณหาดับๆ จึงเท่ากับทุกขนิโรธๆ ก็เท่ากับนิพพาน) วิธีนี้ตรงกับพุทธพจน์ที่ว่า
“ เราสอนแต่เรื่องทุกข์และความดับทุกข์เท่านั้น” นี่คือแก่นพระศาสนา

รู้เรื่องศาสนามากกมายแต่ยังมีทุกข์ท่วมหัวก็ไม่มีประโยชน์ครับ


อ้างคำพูด:
ผู้ปฏิบัติแล้วนอนไม่หลับมีอาการยังไงบ้างคะ ไปอ่านดูกระทู้ของคนอื่นแล้วยังงง ๆ อยู่ ไม่แน่ใจว่าตัวเองก็เป็นหรือเปล่าน่ะค่ะ



คุณยังไม่ปรากฏ

นั่นก็เป็นสภาวะหนึ่งของมัน ตัวร้อนตัวเย็นตัวแข็งตัวอ่อน ฯลฯ ก็เช่นกัน
ธรรมชาติ (ร่างกายกับจิตใจ) มีหลากหลายที่ตนของตนยังไม่รู้ไม่เข้าใจ เมื่อไม่รู้ไม่เข้าใจกายใจตน
เมื่อธรรมชาตินั่นๆ ปรากฏ ตนจึงคิดปรุงแต่งความรู้สึกนึกคิดไปต่างๆตามความเคยชิน
ก็จึงเป็นอย่างนั้นแหละขอรับ

เมื่อประสบกับภาวะใดขณะปฏิบัติก็กำหนดรู้ตามนั้นเสียก่อน กำหนดแล้วปล่อยวาง
ก็วิธีที่แนะนำคุณรินนั่นเอง มีช่องทางเดียว ซึ่งไม่วกวน

เห็นมีที่บอร์ดหนึ่ง เขาไม่หลับไม่นอนเลยสองวัน กลางวันก็ไปทำงานกลางคืนตาโพลง
ไม่ง่วง ไม่รู้สึกเพลีย (เหมือนคนเสพยาบ้า) ไม่พึงหลงอารมณ์

ชีวิตประกอบด้วยธรรมชาติสองส่วน คือ ร่างกายส่วนหนึ่งกับจิตหรือใจอีกส่วนหนึ่ง จึงเป็นชีวิต
ร่างกายต้องการอาหารหยาบ ต้องการพักผ่อนตามความพอเหมาะของมัน หากถูกบีบคั้น (เพราะความไม่รู้ของตน) มากๆ ก็ทรุดโทรม สุดทนก็ตาย แล้วจิตใจจะไปอาศัยอะไร

พึงรู้ประมาณ แต่ไม่ย่อหย่อนจนกลายเป็นขี้เกียจ แล้วก็ไม่ตึงจนไม่หลับไม่นอน
พึงรู้จักข่มจิต ยกจิต ประคองจิต ในสมัยที่ควรข่ม ควรยก ควรประคอง และเพ่งดูเฉย เมื่อจิตดำเนินไปถูกทางแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2009, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณรินพิจารณาผลจากการปฏิบัติ ๒ คห.ต่อไปนี้ครับ




ผลของการปฏิบัติ


๑. ในแง่ของความบริสุทธิ์ เมื่อสติจับอยู่กับสิ่งที่ต้องการกำหนด อย่างเดียว และสัมปชัญญะ

รู้เข้าใจสิ่งนั้นตามที่มันเป็น ย่อมเป็นการควบคุมกระแสการรับรู้ และ ความคิดไว้ให้บริสุทธิ์

ไม่มีช่องที่กิเลสต่างๆ จะเกิดขึ้นได้ และในเมื่อวิเคราะห์มองเห็นสิ่งเหล่านั้น เพียงแค่ตามที่มัน

เป็น ไม่ใส่ความรู้สึก ไม่สร้างความคิดคำนึง ตามความโน้มเอียงและความใฝ่ใจต่างๆ ที่เป็น

สกวิสัย (subjective) ลงไป ก็ย่อมไม่มีความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ ไม่มีช่องที่กิเลสทั้งหลาย

เช่น ความโกรธจะเกิดขึ้นได้ เป็นวิธีกำจัดอาสวะเก่า และป้องกันอาสวะ ใหม่ไม่ให้เกิดขึ้น




๒ . ในแง่ของความเป็นอิสระ เมื่อมีสภาพจิตที่บริสุทธิ์อย่างในข้อ ๑ . แล้ว ก็ย่อมมี

ความเป็นอิสระด้วย โดยจะไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์ต่างๆ ที่เข้ามากระทบ เพราะอารมณ์เหล่านั้น

ถูกใช้ เป็นวัตถุสำหรับศึกษาพิจารณาแบบสภาวะวิสัย (objective) ไปหมด

เมื่อไม่ถูกแปลความหมายตามอำนาจอาสวะที่เป็นสกวิสัย (subjective)

สิ่งเหล่านั้นก็ไม่มีอิทธิพลตามสกวิสัยแก่บุคคลนั้น และพฤติกรรมต่างๆ ของเขา จะหลุดพ้น

จากการถูกบังคับ ด้วยกิเลสที่เป็นแรงขับ หรือแรงจูงใจไร้สำนึกต่างๆ (unconscious drives

หรือ unconscious motivations)

เขาจะเป็นอยู่อย่างที่เรียกว่า ไม่อิงอาศัย (คือ ไม่ต้องขึ้นต่อตัณหาและทิฏฐิ) ไม่ยึดมั่นสิ่งใดในโลก



๓. ในแง่ของปัญญา เมื่ออยู่ในกระบวนการทำงานของจิตเช่นนี้ ปัญญาย่อมทำหน้าที่ได้

ผลดีที่สุด เพราะจะไม่ถูกเคลือบ หรือ หันเหไปด้วยความรู้สึก ความเอนเอียง และอคติต่างๆ ทำให้รู้เห็น

ได้ตามที่มันเป็น คือ รู้ตามความจริง



๔.ในแง่ความพ้นทุกข์ เมื่อจิตอยู่ในภาวะตื่นตัว เข้าใจสิ่งต่างๆ ตามที่มันเป็น และคอยรักษา

ท่าทีของจิตอยู่ได้เช่นนี้ ความรู้สึกเอนเอียงในทางบวกหรือลบต่อสิ่งนั้นๆ ที่มิใช่เป็นไปโดยเหตุผล

บริสุทธิ์ ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ จึงไม่มีทั้งความรู้สึกในด้านกระหายอยาก (อภิชฌา)

และความขัดเคืองกระทบใจ (โทมนัส)

ปราศจากอาการกระวนกระวาย (anxiety) ต่างๆ เป็นภาวะจิตที่ เรียกว่า พ้นทุกข์ มีความโปร่งเบา

ผ่อนคลาย สงบ เป็นตัวของตัวเอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2009, 17:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ความจริงก็สัมพันธ์เป็นอันเดียวกัน เป็นแต่แยกกล่าวในแง่ต่างๆ

เมื่อสรุป ตามแนวปฏิจจสมุปบาท และ ไตรลักษณ์ ก็ได้ความว่า

เดิมมนุษย์ไม่รู้ว่า ตัวตนที่ตนยึดถือไว้ ไม่มีจริงเป็นเพียงกระแสของรูปธรรมนามธรรมส่วนย่อย

จำนวนมากมายที่สัมพันธ์เนื่องอาศัย เป็นเหตุปัจจัยสืบต่อกัน กำลังเกิดขึ้นและเสื่อมสลาย

เปลี่ยนแปลงไป อยู่ตลอดเวลา

เมื่อไม่รู้เช่นนี้ จึงยึดถือเอาความรู้สึกนึกคิด ความปรารถนา ความเคยชิน ทัศนคติ ความเชื่อถือ

ความเห็น การรับรู้ เป็นต้น ในขณะนั้นๆ ว่า

เป็นตัวตนของตน แล้วตัวตนนั้นก็เปลี่ยนแปลงเรื่อยไป รู้สึกว่าฉันเป็นนั่น ฉันเป็นนี่ ฉันรู้สึกอย่างนั้น

ฉันรู้สึกอย่างนี้ ฯลฯ


การรู้สึกว่า ตัวฉันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็คือการถูกความรู้สึกนึกคิดเป็นต้น ที่เป็นนามธรรมส่วนย่อย

ในขณะนั้นๆ หลอกเอานั้นเอง

เมื่อตกอยู่ในภาวะถูกหลอกเช่นนั้น ก็คือการตั้งต้นความคิดที่ผิดพลาด จึงถูกชักจูงบังคับให้คิดเห็น

รู้สึกและทำการต่างๆ ไปตามอำนาจของสิ่งที่ตนยึดว่าเป็นตัวตนของตนในขณะนั้นๆ



ครั้นมา ปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐานแล้ว ก็มองเห็นรูปธรรมนามธรรมแต่ละอย่าง ที่เป็นส่วนประกอบ

ของกระแสนั้น กำลังเกิดดับอยู่ตามสภาวะของมัน

เมื่อวิเคราะห์ส่วนประกอบต่างๆ ในกระแสแยกแยะออกมอง เห็นกระจายออกไปเป็นส่วนๆ เป็นขณะๆ

มองเห็นอาการที่ดำเนินสืบต่อกันเป็นกระบวนการแล้ว ย่อมไม่ถูกหลอกให้ยึดถือเอาสิ่งนั้นๆ

เป็นตัวตนของตน และสิ่งเหล่านั้นก็หมดอำนาจบังคับให้บุคคลอยู่ ในบงการของมัน



ถ้าการมองเห็นนี้ เป็นไปอย่างลึกซึ้งแจ่มชัดเต็มที่ ก็เป็นภาวะที่เรียกว่า ความหลุดพ้น

ทำให้จิตตั้งต้นดำเนินในรูปใหม่ เป็นกระแสที่บริสุทธิ์โปร่งเบา เป็นอิสระไม่มีความเอนเอียงยึดติด

เงื่อนปมต่างๆ ในภายใน เกิดเป็นบุคลิกภาพใหม่


กล่าวอีกนับหนึ่งว่า เป็นสภาพของจิตที่มีสุขภาพสมบูรณ์ ดุจร่างกายที่เรียกว่า

มีสุขภาพสมบูรณ์ เพราะองค์อวัยวะทุกส่วนปฏิบัติหน้าที่ได้คล่องเต็มที่ตามปรกติของมัน

ในเมื่อไม่มีโรคเป็นข้อบกพร่องอยู่เลย


โดยนัยนี้ การปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน จึงเป็นวิธีการชำระล้างอาการเป็นโรคต่างๆ ที่มีในจิต

กำจัดสิ่งที่เป็นเงื่อนปมเป็นอุปสรรค ถ่วงขัดขวางการทำงานของจิตให้หมดไป ทำให้ปลอดโปร่ง

พร้อมที่จะดำรงชีวิตอยู่ เผชิญและจัดการกับสิ่งทั้งหลายในโลกด้วยความเข็มแข็งและสดชื่นต่อไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 12:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ความจริงยังมีอีกข้อหนึ่งนะคะ กำลังคิดอยู่ว่าจะเล่าหรือไม่เล่าดีค่ะ



ข้อนี้ส่งหลังไมค์ก็ได้ขอรับ :b1:




พิมพ์ข้อความ และชื่อผู้รับแล้ว แต่ส่งไม่ได้ค่ะ
ช่อง ถึง: ไม่มีช่องว่างให้พิมพ์ชื่อด้วยค่ะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 13:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อวานนี้ เดินจงกรมก็คล้าย ๆ กับเมื่อวานซืนค่ะ มีกำหนดผิด 5-6 ครั้ง บางครั้งรู้ตัวว่าผิดแทรกขึ้นมาระหว่างที่กำหนดผิด ก่อนหน้านี้จะรู้ตัวว่าผิด ไม่รู้สึกว่ามีตัวเราอีกคนเดินตาม เมื่อเดินไปประมาณ 5 นาที มีความรู้สึกว่าเหยียบพื้นเต็มฝ่าเท้า และรู้ว่าพื้นเย็นและแข็ง กำหนด "รู้หนอ" หรือ "แข็งหนอ" "เย็นหนอ" จนหมดเวลา

พอถึงตอนนั่ง แรก ๆ กำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก เป็นชุดเดียวกันได้ค่ะ แต่พอหายใจเร็วขึ้นจะเหลือแค่ พอง+ยุบ เพราะกำหนด 4 จุดไม่ทันค่ะ พอพองยุบหายจึงกำหนดนั่ง+ถูก กำหนดรอบเดียวพอง+ยุบก็คืนมาทุกครั้ง ไม่ต้องกำหนดหลายรอบเหมือนเมื่อก่อน เห็นลมหายใจเป็นสายชัดทั้งกำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก และเฉพาะนั่ง+ถูก กับพอง+ยุบ เมื่อได้ยินเสียงก็กำหนด "เสียงหนอ" ซ้อนขึ้นมาได้ บางช่วงก็ไม่ได้ยินเสียงทั้งที่มีเสียง วันนี้รู้สึกว่าพองยุบกับการหายใจแต่ละครั้งละเอียดขึ้น คือถ้าเปรียบเป็นเส้นกราฟ เส้นกราฟของวันนี้จะไม่ดิ่งขึ้นและดิ่งลงอย่างรวดเร็วเหมือนที่ผ่านมา แต่จะค่อย ๆ สูงขึ้นทีละน้อยและดิ่งลงทะละน้อยวนเวียนอย่างนี้จนหมดเวลา และนอกจากหัวใจเต้นแรงแล้วยังรู้สึกว่าไหล่ยกขึ้นลงช้าเร็วตามพองยุบและการหายใจที่ช้าเร็วอยู่ตลอดเวลา


ที่เคยบอกว่านั่งแล้วกำหนดพองยุบไม่ได้เป็นเพราะมึนค่ะ กำหนดว่า "มึนหนอ" ก็ไม่ได้เหมือนกัน คงเพราะนอนน้อยมั้งคะ นอนน้อยกว่าเดิมมาหลายคืนแล้ว เพราะเร่งทำรายงานค่ะ และการนอนไม่หลับก็นอนไม่หลับเฉย ๆ ไม่มีเรื่องกังวลอะไรเลยค่ะ ที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองนอนไม่หลับเพราะปฏิบัติหรือเปล่า เพราะปกตินอนน้อยอยู่แล้ว ไม่เคยกินกาแฟเลยแต่ก็อยู่ได้ค่ะ แต่จะง่วงตอนกลางวันค่ะ


ส่งข้อความแล้วนะคะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 14:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เมื่อวานนี้ เดินจงกรมก็คล้าย ๆ กับเมื่อวานซืนค่ะ มีกำหนดผิด 5-6 ครั้ง บางครั้งรู้ตัวว่าผิดแทรกขึ้นมาระหว่างที่กำหนดผิด ก่อนหน้านี้จะรู้ตัวว่าผิด ไม่รู้สึกว่ามีตัวเราอีกคนเดินตาม เมื่อเดินไปประมาณ 5 นาที มีความรู้สึกว่าเหยียบพื้นเต็มฝ่าเท้า และรู้ว่าพื้นเย็นและแข็ง กำหนด "รู้หนอ" หรือ "แข็งหนอ" "เย็นหนอ" จนหมดเวลา



ไม่เป็นไร กำหนดรู้ๆ ตามนั้นต่อไป


อ้างคำพูด:
พอถึงตอนนั่ง แรก ๆ กำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก เป็นชุดเดียวกันได้ค่ะ แต่พอหายใจเร็วขึ้นจะเหลือแค่ พอง+ยุบ เพราะกำหนด 4 จุดไม่ทันค่ะ



ถูกต้องแล้ว หายใจช้า ก็กำหนดเป็นชุดดังกล่าว
เมื่อลมเข้าออกเร็ว ก็ตัดทอนได้
เพียรต่อไป


อ้างคำพูด:
พอพองยุบหายจึงกำหนดนั่ง+ถูก กำหนดรอบเดียวพอง+ยุบก็คืนมาทุกครั้ง ไม่ต้องกำหนดหลายรอบเหมือนเมื่อก่อน เห็นลมหายใจเป็นสายชัดทั้งกำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก และเฉพาะนั่ง+ถูก กับพอง+ยุบ เมื่อได้ยินเสียงก็กำหนด "เสียงหนอ" ซ้อนขึ้นมาได้ บางช่วงก็ไม่ได้ยินเสียงทั้งที่มีเสียง วันนี้รู้สึกว่าพองยุบกับการหายใจแต่ละครั้งละเอียดขึ้น คือถ้าเปรียบเป็นเส้นกราฟ เส้นกราฟของวันนี้จะไม่ดิ่งขึ้นและดิ่งลงอย่างรวดเร็วเหมือนที่ผ่านมา แต่จะค่อย ๆ สูงขึ้นทีละน้อยและดิ่งลงทะละน้อยวนเวียนอย่างนี้จนหมดเวลา และนอกจากหัวใจเต้นแรงแล้วยังรู้สึกว่าไหล่ยกขึ้นลงช้าเร็วตามพองยุบและการหายใจที่ช้าเร็วอยู่ตลอดเวลา



นอกจากหัวใจเต้นแรงแล้วยังรู้สึกว่าไหล่ยกขึ้นลงช้าเร็วตามพองยุบและการหายใจที่ช้าเร็วอยู่ตลอดเวลา



หัวใจเต้นแรงจนกังวลกำหนดสะด้วย ตามที่มันเป็น ตามที่รู้สึก

แม้แต่รู้สึกว่าไหล่ยกก็กำหนดสะด้วย ตามนั้น

รวมๆแล้วไม่อะไรเสียหาย
เพียรกำหนดนามรูปต่อไป


อ้างคำพูด:
ที่เคยบอกว่านั่งแล้วกำหนดพองยุบไม่ได้เป็นเพราะมึนค่ะ กำหนดว่า "มึนหนอ" ก็ไม่ได้เหมือนกัน คงเพราะนอนน้อยมั้งคะ นอนน้อยกว่าเดิมมาหลายคืนแล้ว เพราะเร่งทำรายงานค่ะ และการนอนไม่หลับก็นอนไม่หลับเฉย ๆ ไม่มีเรื่องกังวลอะไรเลยค่ะ ที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองนอนไม่หลับเพราะปฏิบัติหรือเปล่า เพราะปกตินอนน้อยอยู่แล้ว ไม่เคยกินกาแฟเลยแต่ก็อยู่ได้ค่ะ แต่จะง่วงตอนกลางวันค่ะ



เรื่องการพักผ่อนหลับนอน พึงรู้จักประมาณตน ว่าพอดีแค่ไหน เท่าใดเกิน

ก็ไม่มีอะไรเสีย
เพียรกำหนดต่อไป


อ่านข้อความที่ส่งมาแล้ว ขอบคุณจ้า :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2009, 18:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




logo.gif
logo.gif [ 66.75 KiB | เปิดดู 3465 ครั้ง ]
ลิงค์จงกรม

viewtopic.php?f=2&t=20691


ต่อไปคุณรินเดินจงกรมระยะที่ ๓ นะครับ

ยกหนอ - (พร้อมๆยกเท้าขึ้นจากพื้น)

ย่างหนอ - (ก้าวเดิน)

เหยียบหนอ- (เหยียบพื้น)


เวลาก็อยู่ประมาณ 20 นาทีไปก่อน ทั้งเดินและนั่ง

รู้สึกตัวทุกขณะที่ ยก... ย่าง... เหยียบ แต่ไม่ถึงกับเคร่งเครียด แรกๆอาจมีหลงลืมบ้างก็เป็นธรรมดา ฝีกระลึกไปเรื่อยๆ ก็จะชัดเอง



นี่แหละการฝึกสติสัมปชัญญะสมาธิ เป็นต้น

viewtopic.php?f=2&t=21861

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช้านี้ไม่ค่อยมีอะไรค่ะ สภาวะตอนเดินจงกรมก็เหมือนเดิมค่ะ เดินระยะที่ 2 อยู่ค่ะ เพราะเมื่อวานหลังจากมาโพสต์ก็ไม่ได้เข้าเว็บอีกเลยค่ะ

ตอนนั่งรู้สึกว่าตัวตรงนิ่งตั้งแต่เริ่มนั่ง (เป็นแบบนี้มาประมาณ 3 วันแล้วค่ะ) แรก ๆ กำหนด "พอง+ยุบ+นั่ง+ถูก" เมื่อพองยุบชัดขึ้นกับหายใจเร็วแรง ก็กำหนดแค่ "พอง+ยุบ" พองยุบหายก็กำหนด "นั่ง+ถูก" แต่ตอนที่เกิดพองยุบจนกระทั่งหายไปรอบที่ 1 ยิ่งพองยุบกับการหายใจแรงขึ้นมากเท่าไหร่ระดับปรอทในเทอร์มอมิเตอร์ก็สูงขึ้นเท่านั้นจนล้น แล้วภาพก็หายไป ไม่เห็นภาพตอนระดับปรอทลดลง (แวบกำหนดหรือกำหนดซ้อนขึ้นมาว่า "เห็นหนอ" บ้าง ขณะกำลังกำหนด พอง+ยุบ) รอบที่ 2 ท้องค่อย ๆ ขยับขึ้นลงจนชัดมากแล้วหายไปค่ะ เหมือนเห็นในท้องมีการชักอะไรสักอย่างขึ้นลงอยู่อย่างนั้น ช้า-เร็ว ตามระดับความแรงของพองยุบกับการหายใจ (แวบกำหนด "เห็นหนอ" เป็นบางครั้ง) รอบที่ 3 ไหล่ขยับขึ้นลงจากช้าเป็นเร็วขึ้น ๆ แล้วค่อย ๆ ช้าลง (แวบกำหนด "ขยับหนอ" เป็นบางครั้ง) รอบที่ 4 ร่างกายส่วนบนทั้งหมดขยับขึ้นลงจากช้าไปเร็ว (แวบกำหนด "ขยับหนอ" เป็นบางครั้ง) แต่ไม่ครบรอบค่ะ หมดเวลาซะก่อน และรู้สึกว่าหัวใจเต้นที่กลางหลัง (แวบกำหนด "รู้หนอ" เป็นบางครั้ง)

******************************

มีข้อสงสัยอย่างหนึ่งค่ะ คือถ้าไม่มีวิญญาณหรืออะไรก็แล้วแต่มาสิงร่างทรง ทำไมเสียงของเขาถึงเปลี่ยนไปคะ (ไม่เชื่อเรื่องนี้นะคะ แต่สงสัยค่ะ)

ขอบพระคุณค่ะ :b8:

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


แก้ไขล่าสุดโดย รินรส เมื่อ 25 ส.ค. 2009, 11:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เช้านี้ไม่ค่อยมีอะไรค่ะ สภาวะตอนเดินจงกรมก็เหมือนเดิมค่ะ เดินระยะที่ 2 อยู่ค่ะ เพราะเมื่อวานหลังจากมาโพสต์ก็ไม่ได้เข้าเว็บอีกเลยค่ะ



เช้านี้ไม่ค่อยมีอะไรค่ะ


มีครับ คือ แสดงว่า เวลาประมาณนี้ (๒๐ นาที) องค์ธรรมฝ่ายกุศลมีสติเป็นต้นเจริญขึ้นจนคุมอกุศลได้
คุณรินพึงนึกย้อนหลังสภาวะที่เป็นเหมือนขยะ (อกุศล) เช่น เห็นนั่นเห็นนี่ รู้สึกอย่างนั้นอย่างนี้
มีอาการอย่างนั้นอย่างนี้ ก่อนหน้าถูกกำจัดไปเกือบจะหมดสิ้น

เมื่อเป็นอย่างนี้ กรัชกายจึงให้คุณปฏิบัติเพิ่มคือเดินจงกรมระยะที่สูงขึ้นอีก

ส่วนเวลารออีกหน่อย ด้วยว่า คุณร่างกาย (ขา) ไม่ค่อยแข็งแรง (ไม่ปกติ) นัก ใช่ไหมครับ
หากปกติดี ก็จะให้ขยายเวลาเดิน+นั่ง ออกไปอีกซัก ๕ นาที เป็น ๒๕ นาที


อ้างคำพูด:
ตอนนั่งรู้สึกว่าตัวตรงนิ่งตั้งแต่เริ่มนั่ง (เป็นแบบนี้มาประมาณ 3 วันแล้วค่ะ) แรก ๆ กำหนด "พอง+ยุบ+นั่ง+ถูก" เมื่อพองยุบชัดขึ้นกับหายใจเร็วแรง ก็กำหนดแค่ "พอง+ยุบ" พองยุบหายก็กำหนด "นั่ง+ถูก" แต่ตอนที่เกิดพองยุบจนกระทั่งหายไปรอบที่ 1 ยิ่งพองยุบกับการหายใจแรงขึ้นมากเท่าไหร่ระดับปรอทในเทอร์โมมิเตอร์ก็สูงขึ้นเท่านั้นจนล้น แล้วภาพก็หายไป ไม่เห็นภาพตอนระดับปรอทลดลง (แวบกำหนดหรือกำหนดซ้อนขึ้นมาว่า "เห็นหนอ" บ้าง ขณะกำลังกำหนด พอง+ยุบ) รอบที่ 2 ท้องค่อย ๆ ขยับขึ้นลงจนชัดมากแล้วหายไปค่ะ เหมือนเห็นในท้องมีการชักอะไรสักอย่างขึ้นลงอยู่อย่างนั้น ช้า-เร็ว ตามระดับความแรงของพองยุบกับการหายใจ (แวบกำหนด "เห็นหนอ" เป็นบางครั้ง) รอบที่ 3 ไหล่ขยับขึ้นลงจากช้าเป็นเร็วขึ้น ๆ แล้วค่อย ๆ ช้าลง (แวบกำหนด "ขยับหนอ" เป็นบางครั้ง) รอบที่ 4 ร่างกายส่วนบนทั้งหมดขยับขึ้นลงจากช้าไปเร็ว (แวบกำหนด "ขยับหนอ" เป็นบางครั้ง) แต่ไม่ครบรอบค่ะ หมดเวลาซะก่อน และรู้สึกว่าหัวใจเต้นที่กลางหลัง (แวบกำหนด "รู้หนอ" เป็นบางครั้ง)



ไม่มีอะไรเสีย

พึงกำหนดตามนั้นครับ รู้สึกอย่างไรก็กำหนดอย่างนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มีข้อสงสัยอย่างหนึ่งค่ะ คือ ถ้าไม่มีวิญญาณหรืออะไรก็แล้วแต่ มาสิงร่างทรง ทำไมเสียงของเขาถึงเปลี่ยนไปคะ (ไม่เชื่อเรื่องนี้นะคะ แต่สงสัยค่ะ)



เรื่องประมาณนั้นเป็นประสบการณ์เฉพาะตน เป็นความเชื่อเฉพาะตัว
กรัชกายจะไม่ตัดสินเด็ดขาดลงไปอย่างเดียว

แต่ถ้าใครอยากเป็นอย่างนั้นจะแนะวิธีให้ ไปทำดู คือให้ยึดคำบริกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้

ดูลิงค์นี้ก่อน

http://www.youtube.com/watch?v=yMvbgckInow


แล้วบริกรรมไป เมื่อบริกรรมถึงระดับหนึ่งก็จะเกิดอาการที่เรียกว่าควบคุมตนเองไม่ได้ คือ ในบาง
รายเสียความเป็นตัวเอง คือว่าไม่รู้สึกตัวเลยว่าทำอะไรลงไป นานเท่าไหร่แล้วแต่ไม่แน่นอน
อยู่ที่ความตั้งมั่นของจิต


หากคุณรินหรือใครๆต้องการจะเป็นอย่างนั้นบ้าง ให้เลือกเอาคำบริกรรมที่ตนพึงใจ แล้วท่องเรื่อยๆไปย้ำๆ ซ้ำๆแล้วๆเล่าๆ แล้วก็จะเป็นอย่างนั้น หรือ อย่างใดอย่างหนึ่งตามต้องการ :b12:

ถ้าต้องการให้แนะนำคำบริกรรมเฉพาะกรณีนี้ ขอแนะนำให้ท่อง "วิญญาณๆๆๆ" หรือ "ผีๆๆๆ"
ท่องตามวิธีดังกล่าวข้างต้น
คนจิตอ่อนก็จะเกิดภาวะนั้นเร็ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 21:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


cool

มาแล้ว .. แต่โดนทัก :b32:
บังเอิญเป็นคนว่านอนสอนง่ายค่ะ :b15:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 24 ส.ค. 2009, 22:35, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 22:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 21:48
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาจ้า

การมีสติกำหนดรู้เท่าทันสภาวะของจิตอยู่ตลอดเวลา กำหนดรู้ทุกอิริยาบถของตัวเรา เมื่อได้ฝึกปฏิบัติจนเป็นกิจนิสัย แล้วก็สามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี ถึงคราวสุขก็ไม่สุขจนเหลิง ถึงคราวทุกข์ก็ไม่ทุกข์จนเหลือทน ทำให้เป็นคนมีสติ ช่วยขจัดความโลภ โกรธ หลง ลงได้ นำไปใช้กับการทนต่อทุกขเวทนา ซึ่งอาจจะเกิดจากกายหรือจิตใจก็ตาม จะรู้เท่าทันทุกข์ที่เกิดขึ้น แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะร้ายแรงเพียงใดก็ตาม ก็สามารถทำใจให้สงบ โดยใช้สติกำหนดรู้ แล้วค่อยหาวิธีแก้ไขไปตามเหตุผลที่ควรจะเป็น ใช้การแผ่กุศลจิตให้ทั้งมิตรและศัตรู โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ จนทำให้ความรู้สึกว่าโลกนี้ มีแต่มิตรทั้งนั้น
จริงไหม ^^


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 23:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมะเดลิเวอร์ลี่ เขียน:
อนุโมทนาจ้า

การมีสติกำหนดรู้เท่าทันสภาวะของจิตอยู่ตลอดเวลา กำหนดรู้ทุกอิริยาบถของตัวเรา เมื่อได้ฝึกปฏิบัติจนเป็นกิจนิสัย แล้วก็สามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี ถึงคราวสุขก็ไม่สุขจนเหลิง ถึงคราวทุกข์ก็ไม่ทุกข์จนเหลือทน ทำให้เป็นคนมีสติ ช่วยขจัดความโลภ โกรธ หลง ลงได้ นำไปใช้กับการทนต่อทุกขเวทนา ซึ่งอาจจะเกิดจากกายหรือจิตใจก็ตาม จะรู้เท่าทันทุกข์ที่เกิดขึ้น แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะร้ายแรงเพียงใดก็ตาม ก็สามารถทำใจให้สงบ โดยใช้สติกำหนดรู้ แล้วค่อยหาวิธีแก้ไขไปตามเหตุผลที่ควรจะเป็น ใช้การแผ่กุศลจิตให้ทั้งมิตรและศัตรู โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ จนทำให้ความรู้สึกว่าโลกนี้ มีแต่มิตรทั้งนั้น
จริงไหม ^^



:b8:



ไม่ได้ให้สัญญานะคะ ... :b1:

แต่จะพยายามเลิกซนค่ะ tongue

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2009, 05:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




985658hgu7yqfuh6.gif
985658hgu7yqfuh6.gif [ 292.05 KiB | เปิดดู 3325 ครั้ง ]
walaiporn เขียน:
cool

มาแล้ว .. แต่โดนทัก
บังเอิญเป็นคนว่านอนสอนง่ายค่ะ



มาแล้วแก้วตา สัญญาให้ไว้ยังจำ บุญนี้บาปนำจึงพาให้เจอนวลปรางค์ :b1:

http://www.imeem.com/poranat/music/2dYfsUnr//

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2009, 07:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
walaiporn เขียน:
cool

มาแล้ว .. แต่โดนทัก
บังเอิญเป็นคนว่านอนสอนง่ายค่ะ



มาแล้วแก้วตา สัญญาให้ไว้ยังจำ บุญนี้บาปนำจึงพาให้เจอนวลปรางค์ :b1:

http://www.imeem.com/poranat/music/2dYfsUnr//





เหตุมี ... ผลย่อมมี ....

ยังไม่ได้ไปไหนเลยนิ ... :b16:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 170 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร