วันเวลาปัจจุบัน 06 พ.ค. 2025, 02:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 18:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 14:18
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีใครฝึกกสิณอยู่บ้างหรอเปล่าครับ
มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
smiley

.....................................................
" ประเสริฐยังไง หากรู้จักชำระล้างร่างกายทุกวัน
แต่ไม่เคยแม้แต่จะคิดชำระล้างจิตใจแม้แต่วันเดียว "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 20:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใช้กสินอะไรครับ

ผมอากาศครับ

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 15:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 14:18
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


moddam เขียน:
ใช้กสินอะไรครับ

ผมอากาศครับ


ผมเลือกกสิณไฟครับ
แต่เพิ่งลองฝึก ยากครับ ตอนนี้นั่งอยู่วันละ 1ชม. แล้ววิปัสสนาต่อเลย
คิดว่าวิธีการคงไม่ต่างกัน
คุณฝึกมานานยังครับ ช่วยเล่าถึงประสบการณ์หน่อยครับ ขอบคุณครับ

smiley

.....................................................
" ประเสริฐยังไง หากรู้จักชำระล้างร่างกายทุกวัน
แต่ไม่เคยแม้แต่จะคิดชำระล้างจิตใจแม้แต่วันเดียว "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 16:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อ20ปีก่อน เคยลองฝึกกสิณไฟอยู่เหมือนกัน

จิตสงบง่าย จิตมีพลังดี... แต่ ยังไม่ใช่การเห็นกายในกาย (เวทนา จิต ธรรม)

และ ที่สำคัญ ยังไม่เห็นครูบาอาจารย์องค์ไหน สอนวิธีการยกขึ้นวิปัสสนาแบบชัดๆ





สู้ดี ภาวนาในหลักแห่งสติปัฏฐาน โดยมีเนกขัมมะ และ ศีล เป็นบาท จะดีกว่า... ก็ปรากฏฌานขึ้นเช่นกันน่ะครับ


เสนออ่าน

สติปัฏฐาน นำสู่ "รูปฌาน๑-๔" สัมมาสมาธิในอริยมรรค(พุทธพจน์)

viewtopic.php?f=2&t=24149&start=0


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 16:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ไม่นานเท่าไหร่ครับ ยังงูๆ ปลาๆอยู่เลยครับ

คือผมนั่งอยู่เฉยๆ ไม่รู้จะพิจารณาอะไร เลย มองไปที่ท้องฟ้าน่ะครับ

มองแล้ว เกิดความว่างขึ้นมาในหัวหมดเลย ว่าง ไม่มีอะไรเลย สบายทั้งกายและสบายทั้งใจ

ก็ลองมาเพ่ง อากาศบ้าง ก็เป็นลักษณะเดียวกัน แต่ว่างสู้มองท้องฟ้าไม่ได้ครับ

แต่ว่ามองท้องฟ้านิมิตมันกำหนดยากหน่อยครับ

ก็เลยมาดูใกล้ตัวดีกว่า :b4:

--
แล้วของคุณที่ว่าเป็นวิปัสสนาด้วยน่ะเป็นอย่างไรครับ เล่าให้ฟังได้ไหมครับ

cool

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 16:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 14:18
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


moddam เขียน:
ก็ไม่นานเท่าไหร่ครับ ยังงูๆ ปลาๆอยู่เลยครับ

คือผมนั่งอยู่เฉยๆ ไม่รู้จะพิจารณาอะไร เลย มองไปที่ท้องฟ้าน่ะครับ

มองแล้ว เกิดความว่างขึ้นมาในหัวหมดเลย ว่าง ไม่มีอะไรเลย สบายทั้งกายและสบายทั้งใจ

ก็ลองมาเพ่ง อากาศบ้าง ก็เป็นลักษณะเดียวกัน แต่ว่างสู้มองท้องฟ้าไม่ได้ครับ

แต่ว่ามองท้องฟ้านิมิตมันกำหนดยากหน่อยครับ

ก็เลยมาดูใกล้ตัวดีกว่า :b4:

--
แล้วของคุณที่ว่าเป็นวิปัสสนาด้วยน่ะเป็นอย่างไรครับ เล่าให้ฟังได้ไหมครับ

cool

ลำดับการฝึกของผมนะครับ
สวดมนต์ก่อนประมาณ 1 ชม. รู้สึกจิตสงบขึ้น
สมถะกรรมฐาน โดยใช้กสิณไฟ ( ไม่ถนัดอาณาปาณสติ ) ประมาณ 1 ชม.
วิปัสสนากรรมฐาน อีกประมาณ 1ชม.
-ผมฝึกวิปัสสนาตามเวทนาที่ผมพบเจอในชีวิตจริงนะครับ เช่น จิตสำนึก กับจิตไร้สำนึก ต่างกันอย่างไร กิเลสที่เกิดขึ้นและสะสมไว้เกิดจากอะไร จะทำให้มันลดลง และหมดไปได้ยังไง
ผมสมมติเอาว่า มีภูเขาไฟอยู่ 1ลูก ฐานล่างสุด (ชั้นที่ 1 ) เป็นส่วนของจิตไร้สำนึกซึ่งมีพื้นที่ในการรับรู้ถึงเวทนาต่างๆมากที่สุด
ชั้นถัดไปเป็นส่วนของจิตสำนึก ซึ่งพื้นที่ในการรับรู้น้อยกว่าจิตไร้สำนึก
ชั้นถัดมาเป็นส่วนของสติ ซึ่งมีพื้นที่น้อยกว่าจิตสำนึก
ชั้นสุดท้ายเป็นส่วนของปัญญา และ ยอดของภูเขาไฟเป็นทางออกของความหลุดพ้น
ซึ่งผมก็พิจารณาดูแล้วว่ากิจกรรมของคนเราส่วนใหญ่จะอยู่ที่ชั้นที่ 1 เช่น รู้สึกคัน จิตไร้สำนึกรับรู้ได้
แล้วตอบโต้ทันที โดยที่จิตสำนึกและสติไม่รู้ ( สังเกตุพฤติกรรมจริง ยังไม่ทันสั่งให้มือไปเกาเลย ไปได้ไง ) ส่วนชั้นของจิตสำนึกและสติ ถ้าไม่ตั้งใจพิจารณา หรือว่าเป็นเวทนาที่รุนแรงจริงๆ มันก็จะไม่รับรู้
ในการฝึก สมถะกรรมฐานนี้ เหมือนกับอยู่ในชั้นของสติ โดยมีอุเบกขาเป็นผู้ช่วย ซึ่งสามารถระงับเวทนาหรือล้างกิเลสได้บ้าง
ส่วนชั้นสุดท้ายเป็นการใช้ปัญญาเพื่อออกจากภูเขาไฟนี้ ซึ่งอยู่สูงสุดของภูเขาไฟนี้
ซึ่งวิธีคิดของผมก็คือ กิเลสที่สะสมในอดีต ผมจะชำระออกทุกวันด้วยการสวดมนต์และสมถะกรรมฐาน
ส่วนกิเลสที่จะเกิดขึ้นในอนาคตผมจะไม่รับมันเข้ามาสะสมเพิ่ม จะไม่รับมันเข้ามาได้ยังไงคงต้องวิปัสสนาต่อครับ คงมีสักวันที่ผมได้ออกจากภูเขาไฟที่เต็มไปด้วยกิเลสที่สะสมลูกนี้ได้.
ปล. เรื่องจิตไร้สำนึกนี่ฟังธรรมบรรยายมาครับ ตอนแรกฟังแล้วงงว่าคืออะไร ต้องคิดถึงจะรู้
มีแนวคิดอย่างไรแลกเปลี่ยนกันได้ครับ
ปัจจุบัณผมเห็นคนเข้าแต่เว็บอะไรกันก็ไม่รู้ เว็บธรรมและพัฒนาจิตมีไม่กี่คน หดหู่จริงๆ


smiley

.....................................................
" ประเสริฐยังไง หากรู้จักชำระล้างร่างกายทุกวัน
แต่ไม่เคยแม้แต่จะคิดชำระล้างจิตใจแม้แต่วันเดียว "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 17:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าไปหดหู่เลยครับ มันก็กิเลสตัวหนึ่งเหมือนกันครับ

จิตหดหู่เนี่ย

สงสัยนิดครับ วิปัสสนาโดยการเอาออกเนี่ยครับ และที่ว่า เจริญสมถะและเอาสัญญาออกเนี่ย หมายถึงเข้าไปเห็นอย่างไร เรียกว่า เอาออก ขอชัดๆนิดครับ

มีตัวอย่างน้องชายผม ชอบสมถะมาก เขาก็ได้แต่กดทับกิเลสไว้ด้วย สมาธิเท่านั้น มิได้ย่อยออกด้วยปัญญา บ้าง พอกิเลสออกมาที่ ก็ภูเขาไฟยังเล็กไปครับ

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 14:18
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


moddam เขียน:
อย่าไปหดหู่เลยครับ มันก็กิเลสตัวหนึ่งเหมือนกันครับ

จิตหดหู่เนี่ย

สงสัยนิดครับ วิปัสสนาโดยการเอาออกเนี่ยครับ และที่ว่า เจริญสมถะและเอาสัญญาออกเนี่ย หมายถึงเข้าไปเห็นอย่างไร เรียกว่า เอาออก ขอชัดๆนิดครับ

มีตัวอย่างน้องชายผม ชอบสมถะมาก เขาก็ได้แต่กดทับกิเลสไว้ด้วย สมาธิเท่านั้น มิได้ย่อยออกด้วยปัญญา บ้าง พอกิเลสออกมาที่ ก็ภูเขาไฟยังเล็กไปครับ


สมถะกรรมฐาน
-กดทับกิเลสของน้องชายคุณกับล้างออกไปบางส่วนของผมคงต่างกันแค่ตัวอักษรครับ
เช่นความโกรธ เวลาน้องชายคุณเจริญสมถะแล้วรู้สึกว่ามันหายไป แต่คุณรู้ว่ามันไม่ได้หายไปถาวรพรุ่งนี้เช้าน้องคุณทะเลาะกับเพื่อน กิเลสในความหมายที่คุณกดทับไว้มันออกมาได้อีก
ส่วนในความหมายของผมเวลาเจิญสมถะแล้วรู้สึกหายโกรธแฟน ( เป็นลูกน้องความโกรธ )
วันต่อมาผมผมโกรธเพื่อน ผมถือว่าเป็นลูกน้องตัวใหม่ของความโกรธครับ
ซึ่งลูกน้องตัวใหม่ความโกรธของผม เป็นตัวเดียวกับ ตัวที่ผุดขึ้นของน้องชายคุณครับ
เช่น เวลาคุณอาบน้ำไปแล้ว แล้วออกไปทำกิจกรรม จนสกปรกอีก คุณก็ต้องกลับมาอาบน้ำอีก
ซึ่งสาเหตุของความสกปรกก็มีหลายอย่าง แต่สุดท้ายมันก็คือความสกปรกที่มันสามารถเกิดขึ้นได้อีก

วิปัสสนา
-ทำอย่างไรตัวถึงสะอาดได้อย่างถาวรนะ ได้ไม่ต้องอาบน้ำอีก
*ไม่ต้องทำอะไรเลยตัวได้ไม่สกปรก หรือ
* อนิจจัง ในโลกนี้ไม่มีอะไรถาวร ตัวสกปรกได้ ก็ต้องสะอาดได้ และสามารถทำให้สกปรกน้อยได้
* อนัตตา คงไปสั่งให้เหงื่อไม่ไหลไม่ได้หรอก

คร่าวๆครับ ส่วนการวิปัสสนาจนมีความสว่างนั้น คงต้องฝึกต่อไปครับ และผมก็ยังไม่กล้าสอนใครครับ เพราะผมยังทำไม่ได้เลยครับ ได้แค่แนวคิดนะ ผิดถูกก็ช่วยกันไป

smiley

.....................................................
" ประเสริฐยังไง หากรู้จักชำระล้างร่างกายทุกวัน
แต่ไม่เคยแม้แต่จะคิดชำระล้างจิตใจแม้แต่วันเดียว "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 19:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิปัสสนา คือการเห็น ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

และวันหนึ่งเราเห็นอะไรบ้างที่ ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา และจะกี่ครั้ง หรือเฉพาะตอนที่ทำในเวลาทำกรรมมัฏฐานครับ

cool

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ว่าแต่ไม่คิดจะฝึกอาโลกสิณ(กสิณแสงสว่าง) กับฝึกกสิณพระพุทธรูปบ้างหรอ
หลักการทำก้เหมือนกสิณไฟที่คุณเพ่งเทียนเป็นอารมณ์แล้วจำรูปและความสว่างให้ชัดแล้วหลับตา
แล้วนึกถึงเปลวไฟและขนาดความสว่างเทียนเหมือนตอนที่ลืมตาไปเรื่อยๆด้วยใจจดจ่อจนเป็นอารมณ์
กรรมฐาน ถ้าไฟ ก้ภาวนา "เตโช ๆ ๆ" แสงสว่าง ก็ "อาโล ๆ ๆ" จนจิตรวมลงไปเป็นสมาธินิ่งในระดับระดับหนึ่ง ซึ่งเวลาถ้าจิตรวมแล้วอาจเหนเป็นอุคหนิมิตรขึ้นได้ แต่ต้องนิมิตรที่เราเพ่งอยู่เท่านั้น ถ้าเปนนิมิตรอื่นที่ไม่ได้เพ่ง ถือว่าเราไม่ได้กสิณ เป็นเพียงนิมิตรอื่นที่มารบกวนหรือแว็บเข้ามาให้เหน ดังนั้นจะเหนนิมิตรได้ไม่ได้ อยู่ที่การนึกและความจำในรุปพรรณสัณฐานของนิมิตรจนเป็นภาพติดตา (ไม่ใช่เหนด้วยตาเนื้อ) ผนวกกับความเป็นสมาธิจิตเมื่อสงบลงไปมีอุเบกขาเป็นสำคัญ สมาธิจิตมีส่วนมากกับการเหนนิมิตรของกสิณที่เรานึกอยู่ให้เหนและชัดเจนละเอียดยิ่งขึ้นมากกว่าตาเนื้อที่เราเพ่งดูตอนแรกมาก
ส่วนกสิณพระพุทธรูป ก็อาจใช่ พุทโธ ๆ ๆ ๆ หรือคำไหนก็ได้ที่สื่อความหมายถึงองค์พระที่เราเพ่งนั้น
การเพ่งกสิณมีส่วนสำคัญมากในการเจริญฌาณ เพื่อสร้างมโนมยิทธิให้เกิด ทำให้ไปเหนและรับรู้มิติของโลกอื่นๆได้ และทำให้ระลึกชาติและเกิดอภิญญาญาณตามมาขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิที่ได้จากการเพ่งกสิณอย่างคล่องแคล่ว ผู้ที่ใช่การเพ่งกสิณเปนอารมณ์ควรมีพื้นฐานการฝึกมาค่อนข้างจะดีก่อนถึงจะฝึกแล้ว
ได้ผล คือจะบอกว่าการฝึกกสิณต้องอาศัยความที่เราเคยในชาติก่อนติดตัวมาได้ ถึงจะทำให้เมื่อมาทำ
ในชาตินี้ ทำแล้วสามารถฝึกแล้วเหนได้ง่ายกว่าคนอื่น แต่ถ้าหากไม่เคยก็ต้องทำไปนานเท่าไรไม่รู้ ต้องรอให้จิตสงบจิตรวมเข้าเมื่อไร นิมิตรก้เกิดขึ้นเองเมื่อนั้น

อีกอย่างสิ่งที่จะมาเพ่งเป็นกสิณนั้น ต้องมัลักษณะไม่ใหญ่ ไม่เล็กจนเกินไป เห็นได้ถนัด รูปร่างดูแล้วสบายตา ไม่มีรอยตำหนิ จดจำได้ง่าย ที่สำคัญต้องไม่เป็นอันตรายหรือเป็นอุปสรรคต่อการเพ่งด้วยตาเนื้อ ก่อนที่จะหลับตาเพิ่อทำการเพ่งกสิณจริงๆ เพราะจะเอื้ออำนวยต่อการเหนนิมิตรให้ง่ายขึ้น และนิมิตร
ที่เหนก็จะไม่ขัดๆตา มีความละเอียดสวยงามครบถ้วน ยิ่งเหนยิ่งดูแล้วสบายอารมณ์ ทำให้เกิดปิติสุขและ
เอกัคตา ได้ง่ายตามลำดับด้วย

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 19:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




0001.jpg
0001.jpg [ 40.91 KiB | เปิดดู 7220 ครั้ง ]
สวัสดีครับ

ผมเจริญอิทธิบาท 4 ด้วยฌานสมาบัติ 8 และกสิณ 8 ครับ ประกอบด้วยสมาธิและปธานสังขาร
1.เข้าฌานสมาบัติ 8 เรียงตามลำดับกสิณ ดิน น้ำ ลม ไฟ สีแดง สีเขียว สีเหลือง สีขาว
2.เข้าฌานสมาบัติ 8 ย้อนลำดับกสิณ สีขาว สีเหลือง สีเขียว สีแดง ไฟ ลม น้ำ ดิน
3.เข้าฌานสมาบัติ 8 ทั้งเรียงตามลำดับกสิณและย้อนลำดับกสิณ
4.เข้าฌานสมาบัติ 8 เรียงตามลำดับฌานเรียงตามลำดับกสิณ จาก 1 ไป 8
5.เข้าฌานสมาบัติ 8 ย้อนลำดับฌานเรียงตามลำดับกสิณ จาก 8 มา 1
6.เข้าฌานสมาบัติ 8 ทั้งเรียงตามลำดับฌานและย้อนลำดับฌานเรียงตามลำดับกสิณจาก 1 ไป 8 และจาก 8 มา 1 ในแต่ละกสิณ
7.เข้าฌานสมาบัติ 8 เรียงตามลำดับฌาน แต่ข้ามกสิณ
8.เข้าฌานสมาบัติ 8 ข้ามฌานเรียงตามลำดับกสิณ
9.เข้าฌานสมาบัติ 8 ข้ามทั้งฌานข้ามทั้งกสิณ
10.เข้าฌานสมาบัติ 8 โดยเลื่อนองค์ฌาน
11.เข้าฌานสมาบัติ 8 โดยเลื่อนอารมณ์กสิณ
12.เข้าฌานสมาบัติ 8 โดยเลื่อนทั้งองค์ฌานและอารมณ์กสิณ
13.กำหนดรู้อารมณ์กสิณแต่ละกสิณ กลมใสสว่าง
14.กำหนดรู้องค์ฌานแต่ละฌาน

เข้าฌานออกฌาน และเปลี่ยนอารมณ์ให้รวดเร็วว่องไวเท่าที่จะทำได้
แต่ผมยังไม่เร็วมากครับ 14 ข้อนี่ใช้เวลานานถึงเกือบ 30 นาที
ตามที่อาจารย์สอนต้องพยายามทำให้ได้ฌานละ 1 ขณะจิต แต่ผมยังทำไม่ได้เร็วขั้นนั้นครับ ฝีมือยังอ่อนด้อยมากครับ
แต่ผลที่ได้ดีมากครับทำเสร็จ 14 ข้อแล้วเป็นสุขอย่างยิ่ง จิตใจเข้มแข็ง ร่างกายกระปรี้กระเปร่า โล่งสบาย


มีประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนได้อย่างนี้ครับ



เจริญในธรรมครับ


แก้ไขล่าสุดโดย มหาราชันย์ เมื่อ 30 ส.ค. 2009, 19:59, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร