วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 02:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 169 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 05:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




f54802676.gif
f54802676.gif [ 16.55 KiB | เปิดดู 4712 ครั้ง ]
ผู้ที่ปฏิบัติกรรมฐานแล้วเพ้อเจ้อไม่มีใครเกินคุณวลัยพร ฟุ้งไปทั่ว ยังไม่เข้าร่องเข้ารอยเลย :b32:

อ้างสติปัฏฐานสี่ เหมือนลูกคนมีสิ มีอิทธิ หรือ ลูกคนนามสกุลดังๆ อ้างชื่อผู้ให้กำเนิดตนเองว่า รู้ป่าวว่า ข้า ฯ นามสกุลอะไร พ่อ ข้า ฯ เป็นใคร ฯลฯ ฉันใดก็ฉันนั้น :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 05:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ผู้ที่ปฏิบัติกรรมฐานแล้วเพ้อเจ้อไม่มีใครเกินคุณวลัยพร ฟุ้งไปทั่ว ยังไม่เข้าร่องเข้ารอยเลย :b32:

อ้างสติปัฏฐานสี่ เหมือนลูกคนมีสิ มีอิทธิ หรือ ลูกคนนามสกุลดังๆ อ้างชื่อผู้ให้กำเนิดตนเองว่า รู้ป่าวว่า ข้า ฯ นามสกุลอะไร พ่อ ข้า ฯ เป็นใคร ฯลฯ ฉันใดก็ฉันนั้น :b1:





ตามสบายเถอะ อยากพูดอะไรก็พูดไป พูดแล้วทำให้คุณรู้สึกสบายใจ

ก็ถือว่าได้สร้างกุศลให้กับคุณ อ้างสติปัฏฐาน 4 แล้วเสียหายตรงไหน

ดีกว่าไปอ้างเจ้าเข้าทรง เหาะเหินเดินอากาศ ก็แล้วกันแหละค่ะ

จะฟุ้งหรือไม่ฟุ้ง แล้วคุณจะมาฟุ้งตามทำไมล่ะเนี่ย :b13:

วันนี้วันพระ ดีใจที่ทำให้คนบางคนคิดถึงแต่เช้า :b32:

เวลาทำบุญใส่บาตร อย่าลืมอธิษฐานจิตเผื่อด้วยนะคะ :b4:

เกิดมาชาติหน้าฉันใด จะได้มาเป็นกัลยาณมิตรกันทุกๆชาติไงคะ :b16:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 07:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


สวัสดีค่ะคุณวลัยพร อิจฉาจังเลยมีคนคิดถึงคุณแต่เช้าเลย
และได้บริหารกิเลสอีกแล้ว

อาการที่เล่ามาทักทายไม่คิดว่าเป็นผีค่ะ แต่ไม่ทราบว่าทำไมถึงกลัวแบบติดขนาดนี้
ปกติตั้งแต่เด็กจนเด็กมากแบบทุกวันนี้แล้ว(ฮิฮิฮิ) ไม่เคยกลัวผีเลย ไปเผาศพทุกศพต้องไปดู
หน้าพวกเขาเป็นครั้งสุดท้ายแทบทุกงานเลย ก็ไม่เคยติดตา กลางคืนดึกๆ ถ้าได้ยินเสียง
อะไรนอกบ้าน ก็จะลุกไปดูไม่เคยกลัวอะไรเลยค่ะ แปลกใจตัวเองอยู่ว่าเป็นอะไร?
จะเกิดอาการนี้ ตอนก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติ ตอนเดินไม่เท่าไหร่? แต่พอจะนั่งปุ๊ปมา
แล้ว กลัวก่อนแล้ว และจะสะดุ้ง แม้แต่เสียงเบาๆ แค่ยกผ้าขึ้นยังไม่ต้องสะบัดก็
จะสะดุ้งแล้วค่ะ เพิ่งเป็นมาได้สองครั้งหลังที่ผ่านมานี้เอง คืนนี้จะลองดูว่าจะยังมีความ
รู้สึกแบบนี้อีกหรือเปล่า? อนุโมทนา เจริญในธรรมนะค่ะ
tongue :b41: :b41: :b43: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 07:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
สวัสดีค่ะคุณวลัยพร อิจฉาจังเลยมีคนคิดถึงคุณแต่เช้าเลย
และได้บริหารกิเลสอีกแล้ว

อาการที่เล่ามาทักทายไม่คิดว่าเป็นผีค่ะ แต่ไม่ทราบว่าทำไมถึงกลัวแบบติดขนาดนี้
ปกติตั้งแต่เด็กจนเด็กมากแบบทุกวันนี้แล้ว(ฮิฮิฮิ) ไม่เคยกลัวผีเลย ไปเผาศพทุกศพต้องไปดู
หน้าพวกเขาเป็นครั้งสุดท้ายแทบทุกงานเลย ก็ไม่เคยติดตา กลางคืนดึกๆ ถ้าได้ยินเสียง
อะไรนอกบ้าน ก็จะลุกไปดูไม่เคยกลัวอะไรเลยค่ะ แปลกใจตัวเองอยู่ว่าเป็นอะไร?
จะเกิดอาการนี้ ตอนก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติ ตอนเดินไม่เท่าไหร่? แต่พอจะนั่งปุ๊ปมา
แล้ว กลัวก่อนแล้ว และจะสะดุ้ง แม้แต่เสียงเบาๆ แค่ยกผ้าขึ้นยังไม่ต้องสะบัดก็
จะสะดุ้งแล้วค่ะ เพิ่งเป็นมาได้สองครั้งหลังที่ผ่านมานี้เอง คืนนี้จะลองดูว่าจะยังมีความ
รู้สึกแบบนี้อีกหรือเปล่า? อนุโมทนา เจริญในธรรมนะค่ะ
tongue :b41: :b41: :b43: :b41: :b41:



สวัสดียามเช้าค่ะ tongue

อิอิ .. คนน่ารักก็แบบนี้แหละค่ะ เจอกันแค่เมื่อคืนยังไม่พอ ต้องมาเจอกันแต่เช้าอีก :b32:

สงสัยวันไหนไม่เจอหน้านี่ คงทานข้าวไม่ลงแน่ๆเลย :b13:

ค่ะ บริหารกิเลส เราก็ชอบไปยั่วเขา เขาก็เลยยั่วเรา :b9:

ดีค่ะที่คุณทักทายที่เล่ารายละเอียดมาทั้งหมดเลย .. :b1:

สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณนี้ เป็นสภาวธรรมน่ะค่ะ คุณก้าวหน้าไปได้ไวมากๆเลยนะคะ

คุณกามก็บอกอยู่เหมือนกัน แต่ตอนแรกไม่แน่ใจ แต่พอวันนี้คุณเน้นรายละเอียดให้ฟัง

คือเราเองจะดูสภาวะเป็นหลักค่ะ วิชาการต้องคุณกามเขา เราไม่เป็นเลยค่ะ :b15:

ถ้าพูดสภาวะแบบสั้นๆมาแบบนี้เราจะรู้ว่าตอนนี้คุณอยู่ตรงไหน

คุณทำได้ดีนะคะ ขอให้หมั่นทำต่อไปค่ะ ดีแล้วค่ะ

อาการที่เกิดกับคุณตอนนี้นั้น เป็นไปตามสภาวะที่ควรจะเป็นค่ะ

ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ถ้าเป็นไปได้ อย่าลืมกำหนดอริยาบทย่อยด้วยค่ะ

คือระลึกได้ตอนไหนก็ทำ ทำทีละเล็กละน้อย สะสมไป เพื่อสติ สัมปชัญญะจะได้มีมากขึ้นค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ :b8:

น่าชื่นใจแทนคุณกามจริงๆ ที่มาเจอคนสนใจปฏิบัติแบบจริงจัง ส่งอารมณ์อย่างต่อเนื่อง :b16:

ตัวเราเองตอนนี้ก็กำลังศึกษาในแง่ภาษาการใช้ปริยัติในการสื่อสาร ..

กำลังอ่านทุกวันเลยค่ะ ไม่งั้นสงสารคนที่คุยด้วย เขาต้องคอยแปลภาษาที่เราพูดให้เป็นภาษาปริยัติ

เขายังอดทนเพื่อที่จะคุยกับเราเลย เราก็เลยต้องอดทนเรียนรู้เพื่อเขาเหมือนกันค่ะ

แบบว่า คุณต้องเห็นหน้าเขาเวลาคุยด้วย แบบว่าสงสารน่ะค่ะ :b32:

แปลไทย ภาษาชาวบ้านใช้ ให้เป็นปริยัติ

ส่วนตัวเขาเองถึงจะพูดภาษาปริยัติมา เราฟังเขารู้เรื่อง

เพราะการปฏิบัติมันเป็นเรื่องของสภาวะ ไม่ว่าจะสื่อมายังไง เราฟังแล้ว เราเข้าใจค่ะ

มันไม่เหมือนภาษาที่เน้นใช้กันเป็นหลักการ พูดไปก็อายเขาค่ะ :b15:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 08:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley

taktay เขียน:
เรียนอาจารย์ทราบค่ะ ว่าจะไม่รายงานเพราะคิดว่า
ไม่มีอะไรคืบหน้า และคิดว่าสิ่งที่ผ่านมาไม่สำคัญ แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วค่ะ


ที่คิดว่าไม่มีอะไรคืบหน้า ความจริงแล้วก็มีเรื่อยๆ แต่ว่า เราเองไม่เ้ข้าใจ เพราะการที่สภาวะ
อะไรปรากฏมาแต่ละอย่างละครั้ง ล้วนเป็นทางปรับความสมดุลของอินทรีย์ทั้งนั้น บางอย่าง
ก็บอกลักษณะของปัญญา
ระยะนี้ สภาวะตอนนี้ก็จะวนๆ เป็นรอยต่อสมถะและวิปัสสนา การปฏิบัติแนวนี้จะมีรอยต่อ
สภาวะอยู่ ๒-๓ ระดับ ลักษณะที่ติดอยู่หรือวนอยู่ก็จะเป็นตอนมาถึงรอยต่อ ตอนนี้คุณทักทาย
ก็อยู่แถวรอยต่อต้นๆครับ สภาวะเลยอย่างนี้


taktay เขียน:
คือเมื่อคืนก่อนนััน ตอนเดินแทบจะไม่มีอะไร กำหนดไปตามสภาวะได้เรื่อยๆ
แต่ว่าสะดุ้งค่ะ เสียงอะไรนิดเดียว เบาๆ ก็ทำให้สะดุ้งได้ และตลอดระยะการเดิน
จะมีเสียงในหู เสียงความเงียบ คือเวลาที่เราอยู่คนเดียวที่เงียบสงัด มันจะมีเสียงวิ้งๆๆๆ
นะค่ะชัดมาก ขนาดห้องที่เดินอยู่ติดฟรีเวย์มีรถแล่นทั้งคืน เสียงรถดังตลอด ก็ยังได้ยิน
ชัดมาก


เป็นอาการที่สมาธิดีขึ้นพอควรเลย สมาธิที่ดีขึ้น มีผลให้จิตเราสงบ เมื่อจิตสงบ การรับ
รุ้สภาวะก็ดีขึ้นไวขึ้น เสียงอะไรเล็กๆน้อยก็ได้ยินถนัดกว่าเวลาปกติ ถ้าชัดจนดึงจิตเราไป
ได้แบบนี้ ให้กำหนดที่เสียงนั้น ยินหนอๆ จนกว่าจะหาย ในกรณีเดินจงกรมอยู่ ถ้านานไม่หาย
ก็กำหนดรู้หนอ อยากละหนอ อยากเดินหนอ จากนั้นเดินต่อไป อย่าใส่ใจ
อาการสะดุ้ง เป็นอาการสติไว เพราะสติก็ดีตามสมาธิ แต่สติไม่ได้ปัจจุบันขณะ กำหนด ตกใจหนอๆ
เมื่ออาการหายไปก็กลับไปที่กรรมฐาน

taktay เขียน:
ตอนนั่ง ยังมีแสงแวบๆ วอมๆ ตลอด ถ้าเป็นแสงสีขาว จะแว่บเหมือนไฟที่เราเปิดในผับ
คือแว่บเดียว แล้วหายไป แต่ที่วอมๆ แวมๆ จะเป็นสีดำ คือเหมือน ผ่านไป ผ่านมา
ที่หน้า ค่อนข้างนาน


เป็นอาการขุททกาปีติและขณิกาปีติที่เกิดจากสมาธิครับ
อย่าสนใจมาก วางใจเป็นกลางกับสิ่งที่เห็นที่รู้สึก กำหนด เห็นหนอๆ จนกว่าจะหาย
แล้วกลับมาที่กรรมฐานต่อ

taktay เขียน:
พอวูบวาบหายไป ที่นี้เห็นตอนแรกเป็นผู้ชายก่อนหันหลังให้ แลัว
ก็นึกรู้ทันทีว่า เดี๋ยวถ้าหันหน้ามาต้องไม่น่าดูแน่ๆ ก็กำหนดเห็นหนอ ขณะที่กำหนด ก็กลัว
ก็กำหนดกลัว ก็หายไปแป๊ปเดียว เป็นผู้หญิงอีกแล้ว นอนหันหลังใส่ชุดขาวผมยาว แล้วก็
ทำท่าจะหันกลับมา ก็อีกแหละค่ะ รู้ว่าหันมาจะต้องไม่น่าดู ก็กำหนด เห็น รู้ไปตามนั้น แล้ว
ก็กลัวอีก แล้วก็เห็นหลายๆอย่าง ที่เป็นแบบนี้ตลอดการนั้่งค่ะ รู้ว่าเดี๋ยวจะต้องมีสิ่งที่น่ากลัว
ให้เห็น เมื่อนึกรู้ตามนั้นก็กำหนดไป จนหมดเวลา เวทนาเกิดก็เกิดสลับกันไปๆมาๆ แบบไม่
มีช่องว่าเลย เสียงวิงๆๆนั้นก็ดังอยุ่ตลอดการนั่ง ได้ยินตลอดไม่ว่าจะเกิดสภาวะอะไร ปนกันไป
ก็กำหนดตามที่ชัดก่อน


สิ่งที่เห็นนี้เป็นนิมิตครับ ระยะนี้นิมิตและวิปัสสนูปกิเลสจะปรากฏมาก อย่ากลัว เราเห็นจริงๆ
แต่บอกไม่ได้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นจะมีจริง กำหนดตามสภาวะ เห็นหนอๆ จนกว่าจะหาย อย่าละไป
โดยที่ยังไม่หายไป ถ้ากลัวก็กำหนดที่จิต กลัวหนอๆ จนกว่าจะหาย เราต้องรู้ตามสภาวะจน
กว่าหายไป ตามดูรู้ทุกขณะ ให้วางใจเป็นกลาง อย่าคิดก่อนกำหนด เห็นก็กำหนดเลย รู้ก็
กำหนดเลยครับ เพราะถ้าเราคิดก่อน ก็มักจะวางใจไม่เป็นกลาง อย่าไปอยากให้หายไป เรา
อยากให้หายหรือไม่อยาก ถึงเวลาเขาหายเอง แต่ให้เรารู้เห็นตามจริงไปจนกว่าเขาจะหาย


taktay เขียน:
วันต่อมาเริ่มมีความลังเลที่จะปฏิบัติ เริ่มจากกลัวและก็อ้าง แล้วก็ขึ้เกียจ แต่ก็เข้าปฏิบัติ
เพราะความใฝ่ดียังมีมากกว่า ตอนเดินก็แทบจะเหมือนเดิม ไม่ค่อยมีอะไรเกิดขึ้น นอกจาก
เสียงวิงๆนั้ชัดมาก ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่ที่เท้า เสียงก็ยังชัดอยู่ มีปวดหลังนิดหน่อย เริ่มมีความ
สงสัยนั่นนี่ เริ่มจุกจิกๆ ก็กำหนดไปจนหมดเวลา เสียงมีตลอดการเดิน


นั่นแน่ มาแล้วไหมล่ะ สภาวะเดิมๆ เกิดบ่อยๆ ก็เลยทำให้เราเบื่อที่จะปฏิบัติได้ ต้องระวัง
จะทิ้งกรรมฐานก็ช่วงนี้ล่ะ ต้องพยายาม ต้องอดทน เราปฏิบัติมาจนพื้นฐานใช้ได้ระดับหนึ่งแล้ว
อย่าทิ้งไป เสียดาย อย่างน้อยเราต้องรักษาสภาวะไว้ให้ได้
การเดิน จะแนะนำตอนท้ายครับ


taktay เขียน:
พอถึงเวลานั่ง เริ่มจากลัวก่อนเลย ก็กำหนดไป แล้วก็มาสงสัย แล้วแสงก็ยังมีอยู่แต่ไม่ชัดแล้ว
เดี๋ยวก็ผ่านมา แบบเร็วมาก เร็วกว่าเราเปิดไฟฉายแล้วปิดอีก เป็นแบบผ่านไปผ่านมา แล้วก็สลับ
แสดงดำๆ แต่อันหลังคือช้ากว่า ชัดกว่า ค่ะ สักพักก็มีความรู้สึกเป็นเงาวูบไป วาบมาข้างหน้า
ถึงกำหนดแล้วก็ไม่หาย แล้วก็กลัว สงสัย ปวดขา ปวดหลัง คันหน้า แบบเร็วทุกอาการ สลับ
กันเหมือนฉากหนังแว่บภาพนั่นที นี่ที อันนี้ยังไม่หาย อันใหม่เข้ามาตลอดการนั่งจนจบค่ะ
มีงุบ ทั้งที่มีภาพนั่นนี่ สงสัยอยุ่ว่าง่วงหรือเปล่า? หรืออะไรกันแน่ มีสภาวะมากมายเข้ามาเร็วมาก
สองวันมาแล้วนะค่ะ ที่ความกลัวยังติดอยู่ที่ใจ ก่อนจะปฏิบัติจะเริ่มกลัวแล้ว ตอนเดินยังไม่เท่าไหร่?
แต่พอจะนั่งจะกลัวมาก เมื่อคืนนี้ต้องย้ายที่นั่งออกมานั่งข้างนอกห้องค่ะ ตอนนี้สะดุ้งกับกลัวนำค่ะ
แค่เสียงเบาๆ อย่างเช่น เพื่อเคลื่นไหวอยู่นอกห้องก็ได้ยินและก็สะดุ้งค่ะ ตามมาด้วยกลัวอีกแล้ว
พอเสียงนาฬิกาที่ตั้งไว้ดัง จะสะดุ้งแบบสุดตัวเลยค่ะ ปกติไม่ใช่เป็นคนขึ้กลัวเลย ไม่เคยมีความรู้สึก
แบบนี้มาก่อนเลยค่ะ
นี่เป็นรายงานค่ะ เรียนให้อาจารย์ทราบประกอบการพิจารณา
อนุโมทนา เจริญในธรรมค่ะ

:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:


ความกลัว ความสงสัย ต้องกำหนดรู้ไปตามสภาวะ ดูอารมณ์ที่กลัวที่สงสัย พร้อมกับกำหนดด้วยใจเป็น
กลาง ไม่ปรุงแต่งเพิ่ม ดูรู้พร้อมกำหนดจนกว่าจะหาย จะเข้าใจเองว่า เแท้จริงไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เรา
ไปปรุงแต่งก่อนก็เลยกลัว เมื่อกลัวสงสัยก็ตามมา หมดกลัวก็จะหมดสงสัยเอง

แสงที่ปรากฏวับๆเป็นอาการปีติครับ กำหนด เห็นหนอๆ สติและจิตรู้อยู่ตรงที่เห็นจนกว่าจะหาย ไม่ช้า
ก็จะหายไปเอง เท่าที่ผมอ่านๆดู สมาธิล้ำสติไปหน่อย

ความรู้สึกที่เป็นเงาวูบไป ปวดขา ปวดหลัง คันหน้า แบบเร็วทุกอาการ สลับกันเหมือนฉากหนัง
อาการแบบนี้ สติและสมาธิดีขึ้นกว่าแต่ก่อน รับรู้สภาวะได้ชัดเจน ความจริงสภาวะเกิดตามๆกัน
ทุกขณะในชีวิตประจำวัน เช่น เวลาเราดูหนัง คันหน้าตาก็มี แต่บางทีนิดเดียว เราก็ไม่รู้สึก เพราะน้อย
ไป และใจเราจดจ่ออยู่ที่การดูหนัง เลยไม่รู้สึก เมื่อจิตใจสงบ สมาธิดี สติดีขึ้น ก็ชัดทุกอาการแล้วทีนี้
อาการคล้ายเราฟุ้ง แต่จริงๆเราไม่ฟุ้ง เรายังมีจิตและสติรู้ แต่กำหนดไม่ทัน ข้อนี้ให้กำหนด รู้หนอๆ
ใจจดจ่ออยู่ที่อาการที่ปรากฏ ปล่อยให้เขาแสดงไป เราดูรู้เห็นพร้อมกำหนด รู้หนอๆไป จนกว่าจะหาย
ละการกำหนดที่ท้องก่อน หรือ ถ้าจะกำหนดแบบเดี่ยวก็ได้ ดูรู้สภาวะที่ชัดที่สุด จดจ่อกำหนดอยู่ที่นั่นเลย
จนกว่าอาการนั้นจะหายไป ทุกสภาวะอย่าไปกำหนดเพื่ออยากให้หาย วางใจเป็นกลาง

อาการงุบ เป็นอาการจิตที่ดิ่งภวังค์ หรือตกภวังค์ ถ้ากำหนดตามอาการที่เริ่มจะตก ก็จะไม่ตกง่ายๆ
จะเหมือนยื้อกันเลย ตรงนี้บอกได้ว่า สติที่เรากำหนดตามสภาวะน้อยกว่าสมาธิ ลองตามอาการก่อน
ที่จะงุบดู เกาะเลย กำหนดรู้เกาะตามไป อย่าละ ถ้าละจะงุบ ถ้าไม่ละ ก็จะหายไปเอง สติน้อยกว่าสมาธิ
หน่อย อาการงุบนี้ เป็นด้วยปีติก็มี แต่วิธีแก้ ใช้อย่างเดียวกัน เกาะติดรู้ไปทุกขณะ และจะมีแก้ตอนเดิน
อีกหน่อยเพื่อเพิ่มสติให้สมดุลสมาธิ

อาการสะดุ้ง เป็นอาการที่จิตรับรู้สภาวะรอบตัวได้ดีขึ้น หลังจากที่เราฝึกอบรมจิตมาพอสมควร ทุกอย่าง
ที่ปรากฏเลยชัดเจน เมื่อเราไม่เคยรับรู้สภาวะที่ชัดมาก่อนก็เลยเกิดความสะดุ้งจิต และกลัวก็จะตามมา
กำหนดให้ทันให้ไว ไม่ต้องเว้นระยะเพื่อรอคอยอะไร เพราะกิเลสความสะดุ้งก็รอเข้าอยู่ พอสะดุ้งไม่ต้อง
คิดอะไรก่อน กำหนดเลย ตกใจหนอๆ พร้อมสติรู้ที่อาการสดุ้งที่จิตเรา ถ้าหายไป กลัวจะไม่มา แต่ถ้าเอา
ไม่อยู่ ฟุ้งไปกับสะดุ้ง ตามดูฟุ้งอีก ถ้ากลัวตามมา ตามดูที่กลัวอีก อย่าละ อย่าถอย อย่าทิ้ง ตามอย่าให้
เว้นช่อง กำหนดเป็ระยะๆ ไม่ช้า ไม่เร็วเกินไป แต่อย่าเปิดช่องให้สภาวะอื่นแทรกได้อีก
พยายามเตือนตัวเอง สอนตัวเองว่า เป็นปกติอยู่นั่นเอง เมื่อน้ำใส ก็เห็นสิ่งที่อยู่ในน้ำได้ง่าย เมื่อน้ำสงบ
มีอะไรกะทบก็สะเทื่อนง่าย เป็นของธรรมดา

แนะนำ......
๑.ปรับเวลาเดินนั่งใหม่ เดิน ๔๐ นาที นั่ง ๒๐ นาที เพิ่มสติหน่อย โดยเดินตามระยะดังนี้โดยประมาณ

๑.๑ เดินระยะที่ ๑ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ

เริ่มเท้าขวาก่อน เมื่อยกส้นเท้า จิตรู้การยกนั้น กำหนด ขวา เมื่อเท้าพ้นพื้นและเคลื่อนไปข้างหน้า จิต
รู้อาการเคลื่อนนั้น กำหนด ย่าง ไปพร้อมกัน เมื่อเท้าลงพื้นเต็มเท้า จิตรู้พร้อมกำหนด หนอ
การเดิน ช้ากว่าการเดินปกตินิดหน่อย เดินติดต่อกันไปไม่ต้องเว้นหยุด คือ ขวาย่างหนอ ไม่ใช่
ขวา..ย่าง..หนอ เท้าซ้ายก็เช่นเดียวกัน ข้อนี้เดินประมาณ ๑๐ นาที หลังจากนั้นเดินระยะ ๓ ต่อไป

๒.ไปลองดูวิธีสวดมนต์ไหว้พระก่อนการปฏิบัติและหลังปฏิบัติดูที่
http://sites.google.com/site/pongyoob/home-1

๓.ในระหว่างปฏิบัติ ถ้าเห็นนิมิตเป็น คน สัตว์ หลังปฏิบัติ ควรแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญกุศลไปให้เขา ใน
โดยเจาะจง เราไม่รู้แน่ว่า นิมิตนั้นจริงหรือเท็จในส่วนที่เกี่ยวกับเวรกรรม ให้ทำใจ อย่ากลัว คิดเสียว่า
เราใช้กรรมในกรรมฐาน ดีกว่าเราใช้กรรมข้างถนน หวังว่าคุณคงเข้าใจ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 08:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


cool

คุณทักทาย ตรงนี้คุณเอาไปเป็นกำลังใจนะครับ

walaiporn เขียน:
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณนี้ เป็นสภาวธรรมน่ะค่ะ คุณก้าวหน้าไปได้ไวมากๆเลยนะคะ

คุณกามก็บอกอยู่เหมือนกัน แต่ตอนแรกไม่แน่ใจ แต่พอวันนี้คุณเน้นรายละเอียดให้ฟัง

คือเราเองจะดูสภาวะเป็นหลักค่ะ วิชาการต้องคุณกามเขา เราไม่เป็นเลยค่ะ :b15:

ถ้าพูดสภาวะแบบสั้นๆมาแบบนี้เราจะรู้ว่าตอนนี้คุณอยู่ตรงไหน

คุณทำได้ดีนะคะ ขอให้หมั่นทำต่อไปค่ะ ดีแล้วค่ะ

อาการที่เกิดกับคุณตอนนี้นั้น เป็นไปตามสภาวะที่ควรจะเป็นค่ะ

ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ถ้าเป็นไปได้ อย่าลืมกำหนดอริยาบทย่อยด้วยค่ะ

คือระลึกได้ตอนไหนก็ทำ ทำทีละเล็กละน้อย สะสมไป เพื่อสติ สัมปชัญญะจะได้มีมากขึ้นค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ :b8:



ส่วนตรงนี้ ของผม smiley

walaiporn เขียน:
น่าชื่นใจแทนคุณกามจริงๆ ที่มาเจอคนสนใจปฏิบัติแบบจริงจัง ส่งอารมณ์อย่างต่อเนื่อง :b16:

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 08:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


zผีไม่มีในโลก มีแต่ อทิสมานกาย กาย ละเอียด ถ้าโดน หลอก หน้ากลัวๆๆๆก็คือ เทวตา
ที่อยู่ในบ้านเรือนมาลองเล่นๆ ถ้าหูแว่วแสดงว่า มารเล่นให้เฉยๆๆๆลูกเดียวเดี๋ยวก็ไปเอง tongue

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 08:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เรียนอาจารย์ทราบค่ะ ว่าจะไม่รายงานเพราะคิดว่า
ไม่มีอะไรคืบหน้า และคิดว่าสิ่งที่ผ่านมาไม่สำคัญ แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วค่ะ



ขอสนทนากับคุณ taktay ในฐานะแฟนเพลงเก่านะขอรับ ไม่ใช่ฐานะอาจารย์

สิ่งที่คุณคิดว่า ไม่สำคัญนั่นแหละสำคัญมากๆๆๆๆๆๆ เพราะหากคุณยึดติดอยู่กับสิ่งนั้น หรือสภาวะเช่น
นั้นๆ อาการความรู้สึกนั้นจะฝั่งแน่นฝังลึกอยู่ในใจคุณตลอดไป เพราะจิตเกิดอุปาทานอย่างเหนียวแน่นเข้า
แล้ว เป็นกิเลสทั้งนั้น


อ้างคำพูด:
คือเมื่อคืนก่อนนัน ตอนเดินแทบจะไม่มีอะไร กำหนดไปตามสภาวะได้เรื่อยๆ
แต่ว่าสะดุ้งค่ะ เสียงอะไรนิดเดียว เบาๆ ก็ทำให้สะดุ้งได้ และตลอดระยะการเดิน
จะมีเสียงในหู เสียงความเงียบ คือเวลาที่เราอยู่คนเดียวที่เงียบสงัด มันจะมีเสียงวิ้งๆๆๆ
นะค่ะชัดมาก ขนาดห้องที่เดินอยู่ติดฟรีเวย์มีรถแล่นทั้งคืน เสียงรถดังตลอด ก็ยังได้ยิน
ชัดมาก



คุณทักทายอุดรูรั่วเหล่านี้นะขอรับ

เมื่อสะดุ้ง คุณต้องกำหนดตามนั้นครับ “สะดุ้งหนอๆๆ”
มีเสียงวิ้งๆ หรือ ดังยังไงก็ตาม รู้สึก กำหนดเลยครับ “วิ้งๆหนอ”
รู้สึกตอนไหน กำลังเดิน หรือ นั่ง คุณต้องกำหนดจิตลงไปตามนั้นครับ กำหนดแล้วๆกัน
เอาสติมาเกาะจับจับพองยุบต่อไป
รู้สึก วิ้งๆ อีก สะดุ้งอีก กำหนดตามนั้นอีก


อ้างคำพูด:
ตอนนั่ง ยังมีแสงแวบๆ วอมๆ ตลอด ถ้าเป็นแสงสีขาว จะแว่บเหมือนไฟที่เราเปิดในผับ
คือแว่บเดียว แล้วหายไป แต่ที่วอมๆ แวมๆ จะเป็นสีดำ คือเหมือน ผ่านไป ผ่านมา
ที่หน้า ค่อนข้างนาน พอวูบวาบหายไป



ขณะที่พองหนอ ยุบหนอ ตามปกติ เห็นแสงสี หรือ อะไรก็ตาม กำหนดครับ “เห็นหนอๆๆๆ” จบ
กำหนดรู้แล้วๆกัน เกาะจับพองยุบ กำหนดต่อไป
พองยุบเป็นอารมณ์ที่ใช้เป็นหลัก อย่างอื่นๆเป็นอารมณ์รอง ไม่เกิดไม่ต้องกำหนดอะไรมัน
ไม่พึงนึกถึงมัน เมื่อคิด "คิดหนอๆๆ"



อ้างคำพูด:
ที่นี้เห็นตอนแรกเป็นผู้ชายก่อนหันหลังให้ แลัว
ก็นึกรู้ทันทีว่า เดี๋ยวถ้าหันหน้ามาต้องไม่น่าดูแน่ๆ ก็กำหนดเห็นหนอ



กำหนดพองหนอ ยุบหนอ ซึ่งเป็นอารมณ์หลักไป
เห็นอะไรๆ จึงค่อยกำหนด “เห็นหนอๆๆๆ” ไม่เห็นไม่ต้องกำหนด
และไม่พึงคิดล่วงหน้าว่าจะเป็นนั่นเป็นนี่ หากคิด “คิดหนอๆๆ” กำหนดแล้วจบ
พองหนอ ยุบหนอ ต่อไป
เห็นอีก กำหนดอีก ๆๆๆ

อ้างคำพูด:
ขณะที่กำหนด ก็กลัว
ก็กำหนดกลัว ก็หายไปแป๊ปเดียว เป็นผู้หญิงอีกแล้ว นอนหันหลังใส่ชุดขาวผมยาว แล้วก็
ทำท่าจะหันกลับมา ก็อีกแหละค่ะ รู้ว่าหันมาจะต้องไม่น่าดู ก็กำหนด เห็น รู้ไปตามนั้น แล้วก็กลัวอีก



ถูกต้องรู้สึกกลัว “กลัวหนอๆๆๆ” กำหนดตามนั้นแล้วๆกันจบ
เกาะจับพองหนอ ยุบหนอ ต่อไป

เห็นคนแก่คนเฒ่า ฯลฯ ละวางพองยุบก่อน กำหนด “เห็นหนอๆๆ” กำหนอตามนั้นจบ
จับเกาะพองหนอ ยุบหนอ ต่อไป

เห็นอีกกำหนดอีก “เห็นหนอๆๆ”
รู้สึกกลัวอีก กำหนดรู้ตามนั้นอีก “กลัวหนอๆๆๆ”


อ้างคำพูด:
แล้วก็เห็นหลายๆอย่าง ที่เป็นแบบนี้ตลอดการนั่งค่ะ รู้ว่าเดี๋ยวจะต้องมีสิ่งที่น่ากลัว
ให้เห็น เมื่อนึกรู้ตามนั้นก็กำหนดไป จนหมดเวลา เวทนาเกิดก็เกิดสลับกันไปๆมาๆ แบบไม่มีช่องว่า
เลย เสียงวิงๆๆนั้นก็ดังอยุ่ตลอดการนั่ง ได้ยินตลอดไม่ว่า จะเกิดสภาวะอะไร ปนกันไป
ก็กำหนดตามที่ชัดก่อน



สภาวธรรมจะปรากฏกี่ร้อยกี่พันอย่างที่รุ้สึก ก็เรื่องของมัน เรื่องของความคิด
หน้าที่ของโยคีอกำหนดรู้ไปตามนั้น กำหนดรู้แล้วจบ พองหนอยุบหนอต่อไป
เมื่อภาวะใดปรากฏรู้สึกตัวอีก วางอารมณ์พองยุบก่อน แล้วกำหนดรู้ตามที่มันเป็น
ตามที่รู้สึก กำหนดแล้วๆกัน เกาะจับพองยุบต่อไปใหม่

ตัวอย่างที่เล่ามา “เห็นหนอๆๆ”
คิดถึงสิ่งที่น่ากลัว “คิดหนอๆๆๆๆ”
เวทนาเกิดยังไง ก็กำหนดไปตามนั้น ทุกข์หนอ สุขหนอ ฯลฯ กำหนดตามสภาพ
เสียงวิ้งๆ กำหนด “วิ้งๆหนอ”
กำหนดแล้วจบ มาเกาะพองยุบต่อไป

สิ่งดังกล่าวเกิดอีก กำหนดอีก
ไม่เกิดไม่ต้อง พองยุบ เป็นหลัก


อ้างคำพูด:
วันต่อมาเริ่มมีความลังเลที่จะปฏิบัติ เริ่มจากกลัวและก็อ้าง แล้วก็ขึ้เกียจ
แต่ก็เข้าปฏิบัติ เพราะความใฝ่ดียังมีมากกว่า ตอนเดินก็แทบจะเหมือนเดิม ไม่ค่อยมีอะไรเกิดขึ้น นอก
จากเสียงวิงๆนั้ชัดมาก ถึงแม้ว่า จะรู้อยู่ที่เท้า เสียงก็ยังชัดอยู่
มีปวดหลังนิดหน่อย เริ่มมีความสงสัยนั่นนี่ เริ่มจุกจิกๆ ก็กำหนดไปจนหมดเวลา
เสียงมีตลอดการเดิน



คุณว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กรัชกายเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณมากมาย :b16:

ที่สำคัญคุณเริ่มยึดติดถือมั่นเสียงวิ้งๆในหัวแล้ว

หน้าที่ของเรา คือ กำหนดรู้ทุกๆ อย่างที่ปรากฏ ขณะกำลังเดิน กำลังนั่ง หรือ กำลังนอน ฯลฯ
รู้สึกตอนไหน ก็ตอนนั้น

กำลังเดินจงกรม มีเสียง วิ้งๆ “วิ้งๆหนอ” กำหนดจิตตามนั้นแล้วเดินต่อไป ไม่ต้องหยุด
แค่กำหนดแวบเดียว “วิ้งๆหนอ” จงกรมต่อไป เดินระยะที่ ๑ มากๆหน่อยช่วงนี้

คิดลังเล “ลังเลหนอๆๆ”
รู้สึกกลัว “กลัวหนอๆๆ”
นึกๆขี้เกียจ “ขี้เกียจหนอๆๆ”
คิดสงสัย “สงสัยหนอๆๆ”


อ้างคำพูด:
พอถึงเวลานั่ง เริ่มจากลัวก่อนเลย ก็กำหนดไป แล้วก็มาสงสัย แล้วแสงก็ยังมีอยู่แต่ไม่ชัดแล้ว
เดี๋ยวก็ผ่านมา แบบเร็วมาก เร็วกว่าเราเปิดไฟฉายแล้วปิดอีก เป็นแบบผ่านไปผ่านมา
แล้วก็สลับแสดงดำๆ แต่อันหลังคือช้ากว่า ชัดกว่า ค่ะ สักพักก็มีความรู้สึกเป็นเงาวูบไป วาบมาข้างหน้า ถึงกำหนดแล้วก็ไม่หาย แล้วก็กลัว สงสัย ปวดขา ปวดหลัง คันหน้า แบบเร็วทุกอาการ สลับกันเหมือนฉากหนังแว่บภาพนั่นที นี่ที อันนี้ยังไม่หาย อันใหม่เข้ามาตลอดการนั่งจนจบค่ะ



ต้องกำหนดทุกๆ ครั้งที่เห็น ที่ได้ยิน ที่คิดครับ

ไม่ใช่ครั้งเดียวแล้วเลิกกัน ไม่กำหนดแล้ว ไม่ใช่ขอรับ
ได้ยินเมื่อไร กำหนดเมื่อนั้น ไม่ได้ยินไม่ต้อง
เห็นเมื่อไร กำหนดเมื่อนั้น ไม่เห็นไม่ต้อง พองหนอ ยุบหนอไปตามปกติ
รู้สึกปวด “ปวดหนอๆๆ” กำหนดแล้วๆกัน พองยุบต่อไป ปวดอีกกำหนดอีก



อ้างคำพูด:
มีงุบ ทั้งที่มีภาพนั่นนี่ สงสัยอยุ่ว่าง่วงหรือเปล่า? หรืออะไรกันแน่ มีสภาวะมากมายเข้ามาเร็วมาก
สองวันมาแล้วนะค่ะ ที่ความกลัวยังติดอยู่ที่ใจ ก่อนจะปฏิบัติจะเริ่มกลัวแล้ว ตอนเดินยังไม่เท่าไหร่?



งุบๆอย่างที่เล่า ไม่ใช่อาการง่วง แต่เป็นลักษณะสันตติ (ความสืบต่อ) ภาวะนั้นๆขาด
แต่เราเองยังไม่เห็นถึงต้นเหตุของมัน ก็กำหนดไป งุบหนอๆ เมื่องุบ-ผงะ เมื่อไม่กำหนด
เราก็สงสัยอยู่นั่นว่า อะไรๆ

คุณจะต้องกำหนดความคิดกลัวนั้นด้วย “กลัวหนอๆๆๆๆ” กำหนดแล้วๆกัน แล้วไปเกาะจับอารมณ์
ที่เป็นปัจจุบันขณะ ไป


อ้างคำพูด:
แต่พอจะนั่งจะกลัวมาก เมื่อคืนนี้ ต้องย้ายที่นั่งออกมานั่งข้างนอกห้องค่ะ ตอนนี้สะดุ้งกับกลัวนำค่ะ
แค่เสียงเบาๆ อย่างเช่น เพื่อเคลื่นไหวอยู่นอกห้องก็ได้ยินและก็สะดุ้งค่ะ ตามมาด้วยกลัวอีกแล้ว
พอเสียงนาฬิกาที่ตั้งไว้ดัง จะสะดุ้งแบบสุดตัวเลยค่ะ ปกติไม่ใช่เป็นคนขึ้กลัวเลย ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ



คุณหนีความรู้สึกตนเองไม่พ้นหรอกครับ อย่าหนีเสียให้ยากเลย
ต่อให้คุณดำน้ำหนี ความกลัวก็ตามคุณลงไปใต้น้ำ
คุณเหาะหนีขึ้นฟ้า ความกลัวก็ตามคุณไปบนฟ้า

กำหนดรู้อารมณ์ (ธรรมารมณ์) กลัวตามนั้นขอรับ “กลัวหนอๆๆ” ทุกๆขณะที่รู้สึกกลัว
เกิดอาการสะดุ้ง “สะดุ้งหนอๆๆ” ทุกขณะที่สะดุ้ง
ได้ยินเสียง “เสียงหนอๆๆ” ทุกครั้งที่ได้ยิน

ประเด็นนาฬิกาปลุกเวลา ตั้งแล้วล๊อกเสียงกริ่งไว้ครับ เอาแค่ได้ยินเสียงแป๊ก เมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้

เมื่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดยามค่ำคืน แม้เสียงแป๊กนาฬิกาก็ยังได้ยิน เอาผ้าห่มหรืออะไรทับนาฬิกาไว้อีกชั้นหนึ่ง เอาเบาๆพอได้ยิน

อนึ่งถึงจะนั่งเกินเวลาไปบ้าง ขาดไปบ้าง ไม่ใช่ประเด็นสำคัญครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 11:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley

คุณทักทาย ช่วยแจ้งสภาวะนี้ด้วยครับ

๑.ระยะของพองยุบ
๒.ความรู้สึกที่เท้าเวลาเดินจงกรม
๓.สภาวะที่ปรากฏทั่วไปกำหนดกี่ครั้งจึงหาย
๔.ก่อนจะงุบ จิตและสติคุณอยู่ที่ไหนแล้วงุบไป

แล้วจะเฉลยว่า งุบเพราะอะไร สาเหตุงุบมีอย่างน้อย ๖ อย่าง เผื่อคุณอาจสงสัย
เพราะตอนที่ผมประสบกับงุบที่เป็นสันตติขาด ผมจะไม่งุบอย่างเดียว ก่อนหลังงุบ
จะมีให้รู้ด้วย ในระหว่างที่งุบก็จะรู้จะเห็นบางอย่างด้วย
แต่ตอนนี้ กำหนดก่อนครับ

:b12: :b12: :b12:

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 22:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาครับคุณกาม
cool


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 00:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
ขออนุโมทนากับทั้ง ศิษย์และอาจารย์ ด้วยค่ะ
อยากขออนุญาตนำไปพิมพ์เป็นเล่ม ๆ ให้ท่านที่สนใจไว้อ่านประกอบการปฏิบัติ ท่านใดจะขัดข้องบ้างคะ
คือ...1 ภาษาที่ใช้ เรียบง่าย
......2 สำนวน กระชับ ชัด ตรง
......3 มีความเคารพและ อ่อนน้อมทั้งผู้ให้และผู้รับ
......4 มีความน่าติดตามในเนื้อหา
และหาแบบนี้ไม่ค่อยเจอ

ทั้งคุณ กามโภคี และคุณทักทาย ทำให้แมวขาวมณี ได้เกิดบุญ - กุศล ในจิตตลอดมาตั้งแต่เริ่มอ่าน กท นี้ค่ะ
ขอท่านทั้ง 2 จงเป็นดังอาจารย์ของแมวขาวมณีนะคะ

สาธุค่ะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 01:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


แมวขาวมณี เขียน:
:b8: :b8: :b8:
ขออนุโมทนากับทั้ง ศิษย์และอาจารย์ ด้วยค่ะ
อยากขออนุญาตนำไปพิมพ์เป็นเล่ม ๆ ให้ท่านที่สนใจไว้อ่านประกอบการปฏิบัติ ท่านใดจะขัดข้องบ้างคะ
คือ...1 ภาษาที่ใช้ เรียบง่าย
......2 สำนวน กระชับ ชัด ตรง
......3 มีความเคารพและ อ่อนน้อมทั้งผู้ให้และผู้รับ
......4 มีความน่าติดตามในเนื้อหา
และหาแบบนี้ไม่ค่อยเจอ

ทั้งคุณ กามโภคี และคุณทักทาย ทำให้แมวขาวมณี ได้เกิดบุญ - กุศล ในจิตตลอดมาตั้งแต่เริ่มอ่าน กท นี้ค่ะ
ขอท่านทั้ง 2 จงเป็นดังอาจารย์ของแมวขาวมณีนะคะ

สาธุค่ะ


คุณแมวขาวมณีครับ เรื่องการส่งสอบวิธีการปฏิบัติที่ผมถามตอบกันไปมา แล้วทำให้คุณ
เกิดบุญกุศล ผมขออนุโมทนาด้วยครับ

๑.ภาษาที่เรียบง่าย ก็ออกมาเพราะคุณทักทายต้องการปฏิบัติ ต้องการอย่างไรก็ส่งให้แบบนั้น ข้อนี้
เป็นความดีของคุณทักทาย

๒.สำนวนกระชับ ชัด ตรง การส่งสอบอารมณ์ ต้องแบบนี้ครับ พูดมากไม่ได้ ไม่ใช่เวทีให้ผู้แนะนำมา
อวดภูมิ บางอย่างรู้ ควรกดก็กดไว้ บางอย่างควรส่งก็ส่งไปครับ ข้อนี้เป็นความดีของคุณครู
อาจารย์ที่ท่านพร่ำสอนแนะนำผมมา

๓.ผู้ที่ปฏิบัติธรรม ความนอบน้อมจะปรากฏให้เห็นง่ายครับ ถ้าปฏิบัติถูกทาง มานะทิฏฐิจะลดลง
เพราะจิตที่ฝึก ปัญญาที่พิจารณาอย่างเป็นระบบแล้วจะพัฒนากายใจเองครับ ข้อนี้เป็นพระกรุณาคุณ
ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนไว้ จริงจากวันนั้นถึงวันนี้

๔.ในส่วนเนื้อหาที่น่าติดตาม เป็นคุณของพระธรรมอย่างเดียวเลยครับ เมื่อผู้ปฏิบัติไปตามวิธี ก็จะ
มีลักษณะต่างๆปรากฏตามสภาวะที่ขยับเรื่อยๆ เมื่อนั้นเนื้อหาก็จะน่าสนใจ เพราะออกมาจาก
ธรรมชาติของการปฏิบัติ พระธรรม เมื่อปฏิบัติตาม ผลก็จะชัดเจนครับ


เรื่องการจัดพิมพ์ต่อสาธารณะ หรือเผยแผ่ อ้างอิงนั้น ผมกังวลนะครับ เพราะเป็นการถามตอบแก้สภาวะ
ข้อนี้เสี่ยงมากครับ เท็จจริงคือ สภาวะใครสภาวะมันครับ
อย่างไรก็ตาม ที่ผมถามตอบแก้กันนั้น เป็นเรื่องที่เปิดเผยได้ ส่วนใดสำคัญหรืออันตราย
ผมปกปิดไว้แล้วโดยภาษาที่ใช้ ซึ่งถ้าคนไม่ถึงสภาวะนี้ จะไม่รู้ว่า สภาวะนี้จริงเท็จแค่ไหน

การจัดทำเพื่อเป็นแนวทาง แล้วแต่คุณนะครับ ผมก็ยังคิดว่า เอ...ใครจะไปอ่าน :b12: :b12:

เฮ่อ คิดถึงคุณครูจัง.....

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 06:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


กรัชกาย เขียน:


ขอสนทนากับคุณ taktay ในฐานะแฟนเพลงเก่านะขอรับ ไม่ใช่ฐานะอาจารย์



ขอน้อมรับคำแนะนำทุกบรรทัดด้วยความซาบซึ้งใจค่ะวันนี้ "สุขหนอ"
ความท้อแท้หายเป็นปลิดทิ้งเลย เพราะเข้าใจสภาวะต่างๆขึ้นมาอีกเยอะเลยค่ะ ขอถือเป็นกำลังใจ
ในการปฏิบัติให้ถึงที่สุดนะค่ะ

แต่ว่าไม่ได้เป็นแฟนเพลงเก่านะค่ะ เป็น"แฟนเพลง"ต่างหากค่ะ อาจารย์
อนุโมทนา เจริญในธรรมค่ะ tongue

:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 07:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


แมวขาวมณี เขียน:
:b8: :b8: :b8:
ขออนุโมทนากับทั้ง ศิษย์และอาจารย์ ด้วยค่ะ
อยากขออนุญาตนำไปพิมพ์เป็นเล่ม ๆ ให้ท่านที่สนใจไว้อ่านประกอบการปฏิบัติ ท่านใดจะขัดข้องบ้างคะ
คือ...1 ภาษาที่ใช้ เรียบง่าย
......2 สำนวน กระชับ ชัด ตรง
......3 มีความเคารพและ อ่อนน้อมทั้งผู้ให้และผู้รับ
......4 มีความน่าติดตามในเนื้อหา
และหาแบบนี้ไม่ค่อยเจอ

ทั้งคุณ กามโภคี และคุณทักทาย ทำให้แมวขาวมณี ได้เกิดบุญ - กุศล ในจิตตลอดมาตั้งแต่เริ่มอ่าน กท นี้ค่ะ
ขอท่านทั้ง 2 จงเป็นดังอาจารย์ของแมวขาวมณีนะคะ

สาธุค่ะ


เรื่องพิมพ์ ทักทายแล้วแต่วิจารณญานของอาจารย์ค่ะ ขออนุโมทนา
คำชมขอยกให้อาจารย์ ส่วนเรื่องที่จะให้เป็นอาจารย์นั้นขอท้วงค่ะ ยังไม่สมควรค่ะ เอาเป็นว่า
ขอเป็น"กัลยาณมิตร" ดีกว่ามั้งค่ะ ขอร้องนะค่ะ พื้นนิสัยเดิมของทักทายเป็นคนอวดเก่ง ถือดีค่ะ
ถ้าชมกันอย่างนี้ กลัวว่าจะเป็นการให้อาหารตัวกิเลส เดี๋ยวการปฏิบัติจะไม่ก้าวหน้านะค่ะ นะนะ
ขอเป็นเพื่อนกันนะค่ะ shocked

:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 07:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


กามโภคี เขียน:

คุณทักทาย ช่วยแจ้งสภาวะนี้ด้วยครับ

๑.ระยะของพองยุบ
๒.ความรู้สึกที่เท้าเวลาเดินจงกรม
๓.สภาวะที่ปรากฏทั่วไปกำหนดกี่ครั้งจึงหาย
๔.ก่อนจะงุบ จิตและสติคุณอยู่ที่ไหนแล้วงุบไป

แล้วจะเฉลยว่า งุบเพราะอะไร สาเหตุงุบมีอย่างน้อย ๖ อย่าง เผื่อคุณอาจสงสัย
เพราะตอนที่ผมประสบกับงุบที่เป็นสันตติขาด ผมจะไม่งุบอย่างเดียว ก่อนหลังงุบ
จะมีให้รู้ด้วย ในระหว่างที่งุบก็จะรู้จะเห็นบางอย่างด้วย
แต่ตอนนี้ กำหนดก่อนครับ

:b12: :b12: :b12:


๑.ยังเป็นเริ่มพอง พอง และสุดพอง แต่ไม่ยาว และไม่มาก คือ
กลาง เหมือนลูกโป่งใบย่อม แต่บางครั้งก็เหลือเท่ากำปั้นค่ะ
๒.ไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากเวลาแตะพื้นพรหมก็จะนุ่ม ที่เคยจั๊กจี้ก็ไม่มีแล้วค่ะ
๓.ถ้าคิดจะกำหนดไม่ต่ำกว่าสามครั้งบางทีก็หาย บางทีก็ไม่หาย ต้องทิ้งตามที่อาจารย์
เคยแนะนำ ถ้าเป็นภาพต่างๆ กำหนดบางทีก็ครั้งเดียวก็หาย อย่างนานก็ไม่เกินสามครั้งค่ะ
แต่ถ้าอย่างไหนหายเร็ว ก็จะเกิดใหม่เร็วเหมือนกันค่ะ อย่างแสงนั้น กำหนดครั้งเดียวก็หาย
แต่เดียวอีกแป๊ปก็มาใหม่แบบเร็ว แทบไม่ทันรู้ก็มีค่ะ
๔.แล้วแต่ค่ะ บางครั้งกำลังพองหนอ ก็งุบ พอหนอปุ๊ป งุบปั๊ปก็รู้ว่างุบ ก็กำหนดยังไม่ทัน
เสร็จก็สงสัย ว่าง่วงหรือเปล่าก็กำหนดต่อเลยว่า "สงสัยหนอ" พอมีสภาวะอะไรแทรกก็กำหนด
ต่อไป บางทีกำหนดยังไม่ทันหาย ก็งุบอีกแล้ว ซ้อนๆขึ้นมาค่ะ แต่ไม่ว่าจะกำหนดอะไรอยู่
ก็จะรู้ว่างุบอีกแล้ว ก็จะสงสัยตามมาทุกทีว่าง่วงไหม? กำหนดสักสองครั้งงุบหาย ก็จะโยกอีก
แล้ว เหมือนกันเลยคือกำหนดอะไรอยู่ก็จะรู้ว่าโยก แต่ว่าไม่แรงนะค่ะทั้งสองสภาวะ เป็นแบบนิด
เดียวจริง แค่พอรู้ว่าเกิดอาการค่ะ แล้วพอเรารู้ว่าเป็นอาการแบบนี้ พอกำหนดก่อนจะหายมีอาการ
เหมือนเรานอนแล้วถูกปลุกค่ะ คือมึนๆ สะดุ้งๆ อะไรแบบเนี๊ยะ อธิบายไม่ถูกค่ะ ว่าคืออะไร?
สรุปว่าทั้งจิตและสติจะอยู่ที่สภาวะตอนนั้นๆค่ะ ว่ากำลังกำหนดอะไรอยู่

อนุโมทนา เจริญในธรรมค่ะ

:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 169 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร