เรื่องราวต่างๆ
ที่นำมาเสนอนี้ ล้วนแต่เป็นพุทธวิธีซึ่งมีประสิทธิภาพในการระงับหรือคลายความโศก
จัดเป็นธรรมโอสถขนานเอกสำหรับถอนพิษของความโศก แม้พุทธวิธีคลายโศกเหล่านี้จะมีรายละเอียดต่างกัน
แต่ก็ทำให้คลายความโศกโดยนัยเดียวกัน คือมุ่งเตือนสติให้ยอมรับความจริง
ความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้ทุกคนพิจารณาเนืองๆ
มี ๕ ประการ คือ
๑.
เราจะต้องแก่เป็นธรรมดา จะไม่แก่ไม่ได้
๒.
เราจะต้องเจ็บไข้เป็นธรรมดา จะไม่เจ็บไข้ไม่ได้
๓.
เราจะต้องตายเป็นธรรมดา จะไม่ตายไม่ได้
๔.
เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น
๕.
เรามีกรรมเป็นของเฉพาะตน เมื่อทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตาม
เราจะต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้น
ความจริงเหล่านี้เกิดขึ้นกับทุกคน
ไม่ใช่เกิดขึ้นกับเราเพียงคนเดียว ทุกคนต้องแก่เจ็บตาย
ทุกคนต้องพลัดพรากจากคนรักและของรัก ทุกคนต่างมีกรรมเป็นของเฉพาะตนทั้งนั้น
(ฐานสูตร ๒๒/๕๗)
สิ่งเหล่านี้ย่อมจริงแท้
แน่นอน ไม่มีวันกลับกลายเป็นอื่นไป ไม่ว่าเราจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ
คนเราจะไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ไม่พลัดพราก เพราะไม่ยอมรับรู้
ไม่ยอมพูดถึง หรือเพราะกลัวความแก่ ความเจ็บ ความตาย
ความพลัดพราก ก็หาไม่
เทพเจ้า
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัตถุมงคล เวทมนตร์ คาถาอาคม พิธีต่ออายุ
การสะเดาะเคราะห์ ทรัพย์ ยศ อำนาจ อาหาร เสื้อผ้าอาภรณ์
เครื่องสำอาง ยารักษาโรค ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ วิทยาศาสตร์
... ฯลฯ จะช่วยเหลือหรือป้องกันคนเราให้พ้นไปจาก ความแก่
ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก ก็หาไม่ ดังนั้น จึงไม่ควรกลบเกลื่อน
หรือหลีกหนีความจริงเหล่านี้ เพราะมีแต่ทำให้ทุกข์โศกมากยิ่งขึ้น
ควรหันมาเผชิญหน้ากับความจริง เหล่านี้ และทำใจให้ยอมรับว่า
สิ่งที่จะต้องเป็นไป ย่อมเป็นไป ใครเล่าจะห้ามได้
เรื่องราวที่นำมาเสนอนี้จะช่วยให้ท่านผู้อ่านรับรู้และยอมรับความจริงเหล่านี้
ได้ดีขึ้น ความโศกจะลดลงมากน้อยเพียงใด ขึ้นกับว่าเรายอมรับความจริงเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน
ยิ่งพิจารณาความจริงเหล่านี้บ่อยเพียงไร จิตก็จะมีภูมิคุ้มกันต่อความโศกมากขึ้นเพียงนั้น
ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสสอนให้ทุกคน ไม่ว่า บุรุษ
สตรี ชาวบ้านหรือนักบวช ให้พิจารณาบ่อยๆ ผู้ที่ยอมรับความจริง
เหล่านี้ จึงจะทุกข์โศกน้อยลงหรือไม่ทุกข์โศกเลย เมื่อเผชิญกับเรื่องที่น่าทุกข์โศก
อันคืนวัน พลันดับ ลงลับล่วง |
ท่านทั้งปวง อุตส่าห์สร้าง ทางกุศล |
แก่ลงแล้ว รำพึง ถึงตัวตน |
อายุคน นั้นไม่ยืน ถึงหมื่นปี |